������ดนิ ประกอบด้วย : สดั ส่วนโดยนา้ หนักของ - ตะกอนทราย - ทรายเเป้ง - ดินเหนยี ว ������องคป์ ระกอบของดิน - อนินทรียว์ ตั ถุ 45 % - อนิ ทรยี วตั ถุ 5 % - นา้ 25 % - อากาศ 25 %
เเบ่งตามลักษณะของเนอื้ ดิน ������ดินเหนียว -ขนาดเม็ดดนิ เล็ก -นา้ ซมึ ผา่ นไดย้ าก และอ้มุ น้าดี ������ดินรว่ น -นา้ ซึมผา่ น และอมุ้ นา้ ไดป้ านกลาง ������ดนิ ทราย -ขนาดเม็ดดนิ ใหญ่ -น้าซมึ ผ่านไดด้ ี เเละอุม้ นา้ ยาก
องคป์ ระกอบของดินเเตล่ ะประเภท ดนิ เหนียว 15% ดนิ เหนียว 18% ทรายแปง้ 20% ทรายแปง้ 45% ดินเหนยี ว 45% ทราย 40% ทราย 42% ทราย 10% ทรายแป้ง 42% องค์ประกอบของดนิ ทราย องคป์ ระกอบของดนิ เหนยี ว องคป์ ระกอบของดนิ รว่ น ⭐️ดนิ ที่เหมาะกบั การปลูกพชื จะต้อง - เนื้อละเอยี ด - อ้มุ นา้ เล็กน้อย - มคี วามพรนุ มาก - มีฮวิ มัสมาก
สมบัติของดนิ : สขี องดนิ - มีฮิวมสั / เเร่แมงกานสี (Mn) / เหมาะเเกก่ ารเพาะปลูก - มธี าตุเหล็ก (Fe) - เเรค่ วอตซ์ / ยปิ ซัม / เเคลเซยี มคารบ์ อเนต - ธาตแุ มกนีเซยี ม (Mg) / เกลือเเร่ตา่ งๆ - ไมม่ ีเเร่ธาตุ / อายมุ าก / เชน่ ดนิ ลกู รงั / ไม่เหมาะแกก่ ารเพาะปลกู
สมบัตขิ องดิน : ความเป็นกรด-เบส - PH = 7 - เหมาะแก่การปลกู พืชสว่ นใหญ่ - PH < 7 - สารอนนิ ทรียม์ ากเกินไป/ฝนกรด/ใส่ปุย๋ เยอะ - PH > 7 - การสลายตวั ของหินปนู /เตมิ ปูนขาวมากเกินไป/นา้ ทะเลขงั
การปรบั ปรงุ ดิน ������ดนิ เค็ม - มีปรมิ าณเกลอื ท่ีละลายในนา้ มาก - พชื จะขาดนา้ ขาดเเร่ธาตุ - แก้ไขโดย : ไถกลบพชื สด เติมกามะถัน ������ดินเปรี้ยว - ดินมีกรดมากเกินไป ทาให้ Fe+Al ละลายออกมามาก - อนั ตรายต่อพืช - แกไ้ ขโดย : ใสปนู ขาว ดินมาร์ล นา้ ชะล้าง
การปรับปรุงดิน ������ดินจดื - เเร่ธาตอุ าหารในดินไมเ่ พยี งพอกับความตอ้ งการของพืช - แกไ้ ขโดย : เติมป๋ยุ สารอาหารบารุงดิน ������ดินฝาด - ดนิ เป็นเบสมากเกินไป - แกไ้ ขโดย : ใสย่ ปิ ซัม ปุย๋ พชื สด เพิ่มอนิ ทรยี วัตถุ ไนโตรเจน ������ดินเเน่น - ใสป่ ๋ยุ เคมีมากเกินไป - แกไ้ ขโดย : ปลกู พชื ตระกูลถัว่
1. ปลกู พืชหมุนเวียน 2. ปลกู พืชสลับเเถว 3. ปลูกพชื คลุมดิน 4. ปลูกพืชกาบังลม (ลดความเรว็ ลมที่ผ่าน) 5. ปลูกพืชข้นั บนั ได (ลดการกร่อน-การชะลา้ งหน้าดิน) 6. ปลกู พชื ตามเเนวระดบั
นา้
น้า เป็นทรพั ยากรธรรมชาตทิ สี่ าคญั ตอ่ การดารงชวี ิตของมนุษย์ ������สมบตั ิของน้า - มี 3 สถานะ - จุดเยือกเเข็ง 0 องศาเซลเซียส - จุดเดือด 100 องศาเซลเซยี ส
เเบ่งออกเปน็ 3 ประเภท บนผิวดนิ ใตด้ นิ ใบบรรยากาศ - น้าจืด - นา้ บาดาล - ของเเข็ง : หมิ ะ ลูกเห็บ - นา้ เค็ม - น้าในดิน - ของเหลว : ฝน น้าค้าง - น้ากร่อย - แกส๊ : เมฆ หมอก
⭐️หลกั การ 1. ฝนตกลงมาทผ่ี ิวโลก ไหลจากทสี่ ูงลงสู่ท่ตี ่าด้วยเเรงโนม้ ถว่ ง 2. กระเเสนา้ ท่ีไหลจะกดั เซาะผวิ โลกใหก้ ลายเปน็ ร่องน้าเลก็ ๆ 3. นา้ จะไหลไปรวมกนั ในพ้ืนที่ ทม่ี ลี ักษณะเปน็ เเอง่ 4. เกดิ แหลง่ น้าผวิ ดนิ ������แหลง่ น้าผิวดนิ แต่ละแหลง่ มีขนาดและรูปร่างแตกตา่ งกนั ขึ้นอย่กู บั ปัจจยั ตา่ งๆ เชน่ ปริมาณนา้ ในเเตล่ ะฤดู ชนิดดนิ หิน เเร่
: ชนิดของนา้ จาเเนกตามระดับ “ความเค็ม” 1. น้าจดื ������������ ความเค็ม < 0.05 % เชน่ : แม่นา้ คลอง หนอง บึง ทะเลสาบ เข่อื น 2. นา้ เค็ม ������������ ความเคม็ = 3-5 % เช่น : ทะเล มหาสมทุ ร 3. น้ากรอ่ ย ������������ ความเคม็ = 0.5 - 3 % (น้าจืด+นา้ เคม็ ) เช่น : ปากอา่ ว
แหล่งนา้ ใตด้ นิ เกดิ จากการไหลซึมของน้าผวิ ดิน ลงไปสะสมตวั อยใู่ ต้ผวิ โลก น้าบนดนิ ที่ซึมลงไปถงึ ช้ันหนิ แลว้ จะกกั เกบ็ น้าเอาไว้ นา้ ส่วนแรกจะไหลซมึ อยู่ตามชอ่ งว่างระหวา่ งเม็ดดินร่วมกบั อากาศ เรียกวา่ น้าในดิน น้าผวิ ดินทไ่ี หลซมึ ลึกลงไปมากกว่านา้ ในดิน โดยจะลงไปสะสมตวั อยู่ในหนิ ช้ันหนิ หรือ ชั้นตะกอน เรยี กว่า นา้ บาดาล
ระดับนำ้ ใตด้ นิ คอื ระดบั บนสดุ ของนำ้ บำดำล
บ่อบาดาล ช้ันหินอ้มุ น้า มีเนอื้ ลชะั้นเอหียินดแน่น ช้นั หนิ ท่รี องรบั ชั้นหินอ้มุ น้าไว้ ชนั้ หินอุ้มน้า ������ช้นั หนิ อมุ้ นา้ จะมชี ่องว่างระหว่างเม็ดตะกอนกวา้ งและมชี อ่ งว่างอยู่ ต่อเนอื่ งกัน จนนา้ สามารถไหลซึมผา่ นได้ : ชน้ั หนิ ทราย ������ชนั้ หินทร่ี องรับช้นั หนิ อมุ้ นา้ ไว้ จะมีชอ่ งว่างระหว่างตะกอนเลก็ มากเพราะ ตะกอนมเี นอ้ื ละเอยี ดแนน่ หรอื มลี ักษณะเปน็ หนิ ทไี่ ม่มชี ่องวา่ งระหวา่ งตะกอน : ชน้ั หินดนิ ดาน
ภยั ธรรมชาตบิ นผิวโลก
ภยั ธรรมชาตบิ นผิวโลก
⭐️เกิดจาก พนื้ ท่ีบรเิ วณน้นั ได้รับนา้ ปรมิ าณมาก เกนิ กวา่ ท่จี ะเกบ็ กักน้า ������ลักษณะของการเกดิ น้าท่วม - น้าลน้ ตลง่ิ - น้าป่าไหลหลาก - นา้ ท่วมขัง
⭐️เกดิ จาก การเคลอ่ื นทีข่ องดนิ หรอื หนิ หลน่ ลงมาตามแนวลาดชันของแต่ละพนื้ ท่ี ������ปจั จัยทท่ี าใหเ้ กดิ แผน่ ดนิ ถลม่ - โครงสรา้ งทางธรณวี ิทยา - ปรมิ าณน้าฝน ปริมาณพืชท่ีปกคลุมผิวดิน - แรงสัน่ สะเทือน
⭐️เกิดจาก การกัดเซาะของคล่นื และลม ทาให้ตะกอนไปทบั ถมอีกบริเวณหน่ึง ทาให้ชายฝง่ั เดิมเปล่ียนไป ������ปัจจยั ทท่ี าให้เกิดการกดั เซาะชายฝง่ั - การเพ่ิมข้นึ ของระดับน้าทะเล - ทิศทางของคลื่นทะเล - ทิศทางของลม
⭐️เกดิ จาก การถลม่ ของโพรงใตด้ นิ เนอื่ งจากมีโพรงหรือถ้าอยู่ใตด้ ินเป็นเวลานาน ในธรรรมชาตบิ างพื้นที่มเี กลือหิน หรือแร่ยปิ ซัม อยู่ใตด้ ินในระดับตื้น ซ่งึ เกลอื หนิ และแรย่ ปิ ซัมละลายนา้ ได้ ถา้ เกลอื หนิ และแร่ยปิ ซัม มกี ารละลาย จะส่งผลใหพ้ น้ื ดินยบุ ลงไปเป็นหลุม
⭐️เกิดจาก การยุบตวั ของชนั้ ดนิ ช้ันหิน หรือชัน้ ตะกอน เนอ่ื งมาจากการลดระดบั ลงของน้าใตด้ ินอยา่ งรวดเร็ว หรอื จากการกระทาของมนษุ ย์ การทรดุ ตวั ของแผน่ ดินจะเกิดมากทสี่ ดุ ตรงบรเิ วณศนู ยก์ ลาง ที่มีการสูบน้าบาดาลขึ้นมาใช้ ความรนุ แรงของแผ่นดินทรุด ข้นึ อยกู่ ับอตั ราการลดระดบั ของน้าใต้ดิน
จบหน่วยท่ี 7
Search