แผนการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์รายสัปดาห์ หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั ข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั รหัสวชิ า พต21001 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น กศน.อาเภอเกาะช้าง สานักงาน กศน.จังหวดั ตราด
คาอธิบายรายวชิ า พต21001 ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั จานวน 4 หน่วยกติ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคติเกี่ยวกบั ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาตา่ งประเทศ ดว้ ยประโยคที่ซบั ซอ้ นในชีวิตประจาวนั และงานอาชีพของตนไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา ศึกษาและฝึ กทกั ษะเกยี่ วกบั เร่ืองดังต่อไปนี้ 1. การใชภ้ าษาท่าทางในการส่ือความหมาย วิธีการรับ-ตอบโทรศพั ท์อย่างง่าย ๆ การแสดง ความรู้สึกดีใจ เสียใจ เขา้ ใจ พอใจ ไม่พอใจ ใหก้ าลงั ใจ สนใจ และไม่สนใจ วิธีการพดู แทรก พดู ขอบคุณ และการตอบรับ วธิ ีการพดู แสดงความคิดเห็น ความตอ้ งการ และการเสนอใหค้ วามช่วยเหลือผอู้ ่ืนพร้อม กบั การตอบรับ รวมท้งั ลกั ษณะของประโยคบอกเล่า ประโยคคาถาม ประโยคปฏิเสธ ประโยคคาส่ัง และ ประโยคอุทาน ซ่ึงใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ในสถานการณ์ต่าง ๆ 2. ลกั ษณะและการใช้ ประโยคความรวม (Compound Sentence) Past Tense ในรูปต่าง คากริยา คากริยาวเิ ศษณ์ คาสันธาน และคาอุทาน โดยสามารถนาไปใชใ้ นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกบั ชีวติ ประจาวนั และ การประกอบอาชีพ การอ่านข่าวสาร ขอ้ มูลจากส่ือประเภทต่าง ๆ การอ่านสลากสินคา้ และการตีความหมายของ สัญลกั ษณ์ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสมกบั สถานการณ์ รวมท้งั เขา้ ใจการใช้ Internet เพื่อสืบคน้ ขอ้ มูล การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 1. ฝึกฟัง พดู อา่ น เขียน ภาษาองั กฤษในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใชส้ ถานการณ์จาลอง และ/หรือสื่อ ที่เหมาะสม 2. ฝึ กฟัง พูด อ่าน เขียน จากสถานการณ์จาลองโดยใชส้ ่ือต่าง ๆ ท่ีเหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ การวดั และประเมนิ ผล 1. ตรวจสอบจากการนาไปใชไ้ ดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสมตามสถานการณ์ 2. สามารถใชภ้ าษาในการสื่อสารไดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสมกบั สถานการณ์
ตารางวเิ คราะห์สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้หมวดวชิ าภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั รหัส พต21001 จานวน 4 หน่วยกติ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนท่ี 2/2563 วเิ คราะห์สาระการ วธิ ีการจัดการเรียนรู้ เนือ้ หา เรียนรู้ รวมเวลา ชั่วโมง 1. ภาษาตามมารยาทสังคมเพอื่ สร้าง ง่าย ปาน ยาก พบ ตนเอง สอน ความสัมพนั ธ์ กลาง กลุ่ม เสริม 1.ระหว่างบุคคลในสถานการณ์ต่าง ๆ ดงั นี้ 1.1 การทกั ทาย การกล่าวลา เช่น 6 - Good morning. - Good afternoon. - Good evening. - Hi / Hello. 6 - How are you? - How are you today? 2 - I’m fine, thank you and you? - Nice to see you. - Nice to see you too. - Glad to see you. - Glad to see you too. - Good bye. Bye. - See you soon. - See you on…(Day)… 1.2 การแนะนาตนเองและผอู้ ่ืน เช่น Pat : Hello, I’m Pat. Suda : Hi, my name is Suda. How do you do? A : Bob, this is John, my friend from New Zealand. B : How do you do? Nice to meet you. John : How do you do? Nice to meet you, too. 2. ภาษาท่าทางทใี่ ช้ในโอกาสต่าง ๆ ดงั นี้ 2.1 ทา่ ทางที่สื่อความหมายทางภาษา เช่น กวกั มือ = Come here. โบกมือ = Bye-bye. ชู 2 นิ้ว = Victory ผายมือ = This way, please. etc.
(ตอ่ ) วเิ คราะห์สาระการ วธิ ีการจัดการเรียนรู้ เนือ้ หา เรียนรู้ รวมเวลา ชั่วโมง 2.2 ท่าทางการปฏิบตั ิตามวฒั นธรรมของเจา้ ของ ง่าย ปาน ยาก พบกลุ่ม ตนเอง สอน ภาษา เช่น - Hand Shaking. กลาง เสริม 2 - Waving good-bye. - Good-bye hug/kiss - Good night hug/kiss etc. 3 2.3 คาศพั ท์ สานวน ประโยคและท่าทางที่ใช้ 8 ส่ือสารในโอกาสต่าง ๆ เช่น - Merry Christmas. - Happy New Year. - Happy Valentine’s. - Happy Birthday. - Congratulations on your graduation. - Thanks. - Thank you very much. - The same to you. - Many happy returns. etc. 2.การโต้ตอบโทรศัพท์ (Telephone Conversation) 1. คาศัพท์ สานวน ประโยคต่าง ๆ ท่ีใชใ้ นการ สื่อสาร ในการรับโทรศพั ทอ์ ยา่ งง่ายรวมกนั การ รับฝาก ขอ้ ความทางโทรศพั ท์ - Is Miss/Mrs./Mr. Robert home? - I’m speaking. - He / She is out. - He / She will be back soon. Would you like to wait? etc.
(ต่อ) เนือ้ หา วเิ คราะห์สาระการ วธิ ีการจัดการเรียนรู้ รวมเวลา เรียนรู้ ชั่วโมง 2. การรับฝากข้อความทางโทรศัพท์ พบกล่มุ ตนเอง สอน A : Hello, may I speak to Mrs. Wanida? ง่าย ปาน ยาก เสริม 8 B : Sorry, she’s not here now. กลาง Would you like to leave her a massage? A : My name is Somsri. Please tell her to call me to 02-281-3732. etc. 3. การแสดงความรู้สึกต่าง ๆ (Expression of feelings) 1. คา วลี ประโยค บทสนทนาทแ่ี สดงอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ 1.1 พอใจ/ไมพ่ อใจ - That’s great./ That’s bad. - How wonderful! - How awful! - I am so pleased to hear that. - I am afraid I don’t like it.- I love/like/enjoy it. - I am disappointed to see that. etc. 1.2 สนใจ/ไม่สนใจ - I’m interested in....................... - I’m not interested in....................... - I don’t care (about that).................... - I have no idea. etc. - I’m interested in....................... - I’m not interested in....................... - I don’t care (about that).................... - I have no idea. etc.
(ต่อ) เนือ้ หา วเิ คราะห์สาระการเรียนรู้ วธิ ีการจัดการเรียนรู้ รวมเวลา ง่าย ปานกลาง ยาก พบกล่มุ ตนเอง ชั่วโมง 4. การพดู แสดง ความคดิ รูปแบบ ต่าง ๆ (Expression of opinion, ideas /wishes / 6 offering helps, etc.) ภาษาเพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ ความต้องการ 6 1. การแสดงความคิดเห็น (เห็นดว้ ย/ไม่เห็นดว้ ย/ ยอมรับ/ ไมย่ อมรับ) A : The weather in Bangkok is hotter than Singapore. B : I think so./ I don’t think so./ I agree with you. A : Living in Bangkok is not so pleasant, don’t you think that? B : Yes, but living in rural areas is less convenient. etc. 2. การแสดงความตอ้ งการและตอบรับ เช่น - I’d like some more coffee. - I want to go to........................ - I wish you should go with me. - I need........- Yes, ..........please do. / Sure. etc. 3. การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ่ืน รวมท้งั ตอบรับ เช่น - What can I do for you? - Can I help you? - Need some help? - If you need anything, please tell me./ let me know. - Certainly. - Yes, of course. - I’m afraid.......................... - Sorry, but............................. etc.
(ต่อ) วเิ คราะห์สาระการ วธิ ีการจัดการเรียนรู้ รวมเวลา เรียนรู้ ช่ัวโมง เนือ้ หา ง่าย ปาน ยาก พบกล่มุ ตนเอง สอน 8 4. การกล่าวขอบคุณและตอบรับ เช่น กลาง เสริม - Thank you for your help. 6 - Thank you very much for your kindness. - Thank you for your invitation. etc. 5. การพดู ขออนุญาตและตอบรับ - May I interrupt you for a moment? - May I come in? - Can I borrow your pen? - (It’s) my pleasure. - Don’t mention it. - Yes, you can. etc. 6. การพดู ขอโทษและตอบรับ - I’m very sorry to be late. - I’m lost your box, I’m so sorry. - I’m terrible sorry for............... - Sorry, it’s my fault. - Please forgive me for being late. - Forget it. - Don’t worry. - It doesn’t matter. 7. การพดู แทรกอยา่ งสุภาพ เช่น - Excuse me, sir. Could you speak louder? - Excuse me, madam. - Could you show me that book? etc. 5. ประโยคต่าง ๆ ใน ภาษาองั กฤษ (Different Types of English Sentences) 1. ประโยคคาถาม คาทใี่ ช้ในการต้ังคาถาม ไดแ้ ก่ Who, When, Where, Why, What, Whom, How เช่น - What is your name? - Where do you teach? etc.
(ต่อ) วเิ คราะห์สาระการ วธิ ีการจัดการ เนือ้ หา เรียนรู้ เรียนรู้ รวมเวลา ง่าย ปาน ยาก พบกลุ่ม ตนเอง สอน ชั่วโมง กลาง เสริม 2. ประโยคปฏิเสธ รูปแบบประโยคปฏิเสธและ 6 คากริยาทใี่ ช้ เช่น - They are not farmer. - He doesn’t like Bobby. - I don’t want to go with him. etc. 3. ประโยคคาสั่ง รูปแบบประโยคคาส่ัง/กล่มุ คาที่ 6 ใช้และตัวอย่างประโยค เช่น - Come here. - Let’s go now. - Open the door, please. - Please sit down. - Come hear right now. etc. 4. ประโยคอุทาน รูปแบบประโยคอุทานและ ตวั อย่างประโยค เช่น - Oh! My god. - Oh, my god!- How marvelous! - What a wonderful party! 6. ประโยคความรวม (Compound Sentence) 8 1. ส่วนประกอบของ Compound Sentence 8 2. ประโยค 2 ประโยคมารวมกนั ดว้ ยคาเช่ือมที่ 8 เหมาะสม คือ and, but, or เช่น - We tried our best but we lost the game. - Both they and we tried hard. . 3. การเชื่อมประโยคให้เป็น Compound Sentence โดย ใชเ้ ครื่องหมาย/คาเชื่อม ต่อไปน้ี 3.1 , (Comma) + คาสันธาน เช่น - They tried 8 their best, yet they didn’t succeed. ; (Semicolon) ใชใ้ นกรณีท่ีมีเคร่ืองหมายอื่น ๆ อยู่ 8 ดว้ ยหลายแห่ง เช่น - I also bought her a new car ; I have not yet, Correlative Conjunction ไดแ้ ก่ คาตอ่ ไปน้ี other..and…either….or….
(ต่อ) วเิ คราะห์สาระการ วธิ ีการจัดการเรียนรู้ พบกล่มุ ตนเอง สอน เนือ้ หา เรียนรู้ รวมเวลา ง่าย ปาน ยาก เสริม ช่ัวโมง กลาง 12 12 7. Past Tense Past Tense ในรูปแบบต่างๆ 1. Past Simple Tense 12 Past Simple Tense Subject + V2 Subject + +V3 1.1 เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในอดีต และจบลงไปแลว้ ก่อนพดู ประโยคน้นั เช่น - He spoke. - She came here yesterday. 1.2 แสดงการกระทาที่กระทาเป็นประจาในอดีต โดยมีคาท่ีแสดงความบ่อย ความเป็นประจา อยดู่ ว้ ย เช่น - He always got up late when he was young. 2. Past continuous tense Subject + + Ving + conj. + Subject + V2 กล่าวถึงเหตุการณ์ 2 อยา่ ง ในอดีต โดยขณะที่ เหตุการณ์หน่ึงดาเนินอยมู่ ีอีกเหตุการณ์แทรกเขา้ มา - เหตุการณ์ที่ดาเนินอยู่ ใช้ Past continuous tense - เหตุการณ์ที่เกิดใหมแ่ ทรกเขา้ มาใช้ Past simple tense - คาที่เชื่อมเหตุการณ์ท่ีสองเขา้ ดว้ ยกนั คือ when หรือ while เช่น- I was reading a book when she came in. - While I was reading a book, she came in.
(ต่อ) วเิ คราะห์สาระการ วธิ ีการจัดการเรียนรู้ รวมเวลา เรียนรู้ พบกลุ่ม ตนเอง สอน ชั่วโมง เนือ้ หา ง่าย ปาน ยาก เสริม 5 8.ภาษาองั กฤษสาหรับ อาชีพพนักงานขับ กลาง รถรับจ้าง 5 - การพดู ภาษาองั กฤษตามมารยาทสงั คมและ เหมาะสมกบั สถานการณ์ - การพดู แสดงความรู้สึกและแสดงความคิดเห็น - การพดู แสดงความช่วยเหลือ - การขออนุญาต - การพดู แทรกอยา่ งสุภาพ 9.ภาษาองั กฤษสาหรับ พนักงานบริการใน สถานทตี่ ่าง ๆ - การกล่าวตอ้ นรับทกั ทายลูกคา้ ของพนกั งาน บริการ - ประโยคการใหบ้ ริการความช่วยเหลือ และ บริการ ในสถานบริการตา่ ง ๆ เช่น ที่ทาการไปรษณีย์ สถานีรถไฟ โรงแรม เป็นตน้ เช่น What can I do for you? May I help you? etc.
แผนการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั พต21001 จานวน 4 หน่วยกติ (160 ชั่วโมง) คร้ังท่ี 1 สัปดาห์ท่ี 1 วนั ท่ี ..............................................จานวน 6 ช่ัวโมง แบบพบกล่มุ เร่ือง การพดู แสดงความคิดรูปแบบตา่ งๆ (Expression of opinion, ideas/wishes/offering helps, etc.) ตัวชี้วดั พดู แสดงความคิดเห็นและแสดงความตอ้ งการในสถานการณ์ต่าง ๆ เนือ้ หา ภาษาเพ่ือแสดงความคิดเห็นความตอ้ งการ ข้ันตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ครูทกั ทายผเู้ รียน พดู คุยสนทนาเกี่ยวกบั การดาเนินชีวิตในสังคมปัจจุบนั น้ี ซ่ึงเป็ นส่ิงท่ีสาคญั ของ การดาเนินชีวติ ประจาวนั จะตอ้ งอาศยั หลกั ปัจจยั พ้ืนฐาน ท่านมีความคิดเห็นอยา่ งไรบา้ งเก่ียวกบั การพูด แสดงความคิดเห็นและความต้องการในสถานการณ์ต่างๆ มีความสาคญั สาหรับบุคคลแต่ละบุคคล เป็ นอยา่ งมากจะตอ้ งมีการพูดแสดงความคิดเห็นและความตอ้ งการเพ่ือเป็ นการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ดงั น้นั ถ้าหากท่านได้รับมอบหมายให้พูดแสดงความคิดเห็นและแสดงความตอ้ งการ กับบุคคลต่างชาติใน สถานการณ์ต่างๆ ท่านคิดวา่ จะตอ้ งใชภ้ าษาในการพดู แสดงความคิดเห็น เห็นดว้ ย /ไม่เห็นดว้ ย /ยอมรับ/ และการแสดงความตอ้ งการ และตอบรับอยา่ งไรบา้ ง โดยตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี 1. การแสดงความคิดเห็น 1.1 เห็นดว้ ย ท่านจะพดู อยา่ งไร 1.2 ไมเ่ ห็นดว้ ย ท่านจะพดู อยา่ งไร 2. การแสดงความตอ้ งการ และตอบรับ ทา่ นจะพดู แสดงความตอ้ งการ และตอบรับอยา่ งไร 3. แสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ื่น รวมท้งั การตอบรับ ทา่ นจะพดู อยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ 1. ผเู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ จากใบความรู้ และสืบคน้ ขอ้ มลู เพ่ิมเติมจากอินเตอร์เน็ต / แหล่งเรียนรู้เก่ียวกบั การแสดงความคิดเห็น ความตอ้ งการและตอบรับ ดงั น้ี 1.1 การแสดงความเห็นดว้ ย /การแสดงความไม่เห็นดว้ ย 1.2 การแสดงความตอ้ งการ และตอบรับ 1.3 การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ื่น รวมท้งั การตอบรับ 2. ผเู้ รียนคน้ ควา้ ตวั อยา่ งการพดู สนทนาเก่ียวกบั การแสดงความคิดเห็น ความตอ้ งการและตอบรับ การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ่ืน รวมท้งั การตอบรับ
ข้นั ท่ี 3 การปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้ 1. ผเู้ รียนอ่านการพดู สนทนาเกี่ยวกบั การแสดงความคิดเห็น ความตอ้ งการและตอบรับ การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ื่น รวมท้งั การตอบรับ 2. ผเู้ รียนและครูร่วมกนั พดู สนทนาโตต้ อบ การแสดงความคิดเห็น ความตอ้ งการและตอบรับ การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ื่น รวมท้งั การตอบรับ 3. ผเู้ รียนจบั คูแ่ สดงบทบาทสมมติในการพดู แสดงความคิดเห็น ความตอ้ งการและตอบรับ การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ื่น รวมท้งั การตอบรับ 4. ผเู้ รียนทาใบงานเร่ืองการพดู แสดงความคิดเห็นและแสดงความตอ้ งการและตอบรับ การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ่ืน รวมท้งั การตอบรับ 5. ผเู้ รียนและครูร่วมกนั สรุปเน้ือหาเรื่อง การพดู แสดงความคิดเห็นและแสดงความตอ้ งการ และตอบรับ การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ื่น รวมท้งั การตอบรับ 6. ครูเฉลยใบงานการพดู แสดงความคิดเห็นและแสดงความตอ้ งการและตอบรับ การแสดงความช่วยเหลือและบริการผอู้ ่ืน รวมท้งั การตอบรับ ข้นั ท่ี 4 การประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรม 2. ใบงาน สื่อ 1. หนงั สือเรียน/สื่อสิ่งพิมพ์ 2. อินเตอร์เน็ต 3. ใบความรู้ เรื่องการพดู แสดงความคิดเห็นและแสดงความตอ้ งการในสถานการณ์ต่างๆ
ใบความรู้ เรื่องที่ 1 การพดู แสดงความคดิ เหน็ และแสดงความต้องการในสถานการณ์ต่าง ๆ เรื่องที่ 1. ฉันควรใส่ชุดไหนดีสาหรับงานเลยี้ งต้อนรับ (Which dress should I wear to the welcome party?) เส้ือผา้ เคร่ืองแต่งกายเป็ นปัจจยั หน่ึงที่จาเป็ นสาหรับมนุษย์ โดยเฉพาะการแต่งกายไปในงานเล้ียงต่าง ๆ ใหเ้ หมาะสมกบั โอกาสและสถานที่สานวนที่ใชส้ อบถามเกี่ยวกบั ความคิดเห็น ไดแ้ ก่ What do you think about...................? (คุณคิดอยา่ งไรเก่ียวกบั ................... ) Do you have any idea about………………..? (คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกบั .....................หรือไม่) Do you agree that…………………..? (คุณเห็นดว้ ยกบั ........................หรือไม่) สานวนท่ีใชต้ อบ ไดแ้ ก่ In my opinion,……………. ในความคิดเห็นของฉนั In my point of view,………. I think so. ฉนั เห็นดว้ ย I agree with you. I don't think so. ฉนั ไมเ่ ห็นดว้ ย I disagree. I have no idea. ฉนั ไมม่ ีความเห็น สุดาไดร้ ับเชิญไปงานเล้ียงตอ้ นรับของบริษทั ในบทสนทนาสุดาไดป้ รึกษากบั มาลีเพอ่ื นรัก เพือ่ ขอความเห็นวา่ ควรจะสวมใส่ชุดไหนไปงานดงั กล่าวดี Situation 1 Suda : I have nothing to wear to the welcome party. Malee : Oh Dear, that's not true. You have a lot of dresses. How about your black dress? Suda : That long black dress? It's too elegant. I want to wear something casual. What do you think about the pretty yellow dress? Malee : That's a good idea. It's nice. Suda : So, you think I should wear the yellow dress?
Malee : I think so. You will look very attractive. อีกตวั อยา่ งหน่ึง คือ สุดาสนทนากบั มาลีเก่ียวกบั การพกั อาศยั สุดาสอบถามมาลีวา่ เธอชอบอยใู่ น เมืองหรืออยชู่ านเมือง มาลีไดแ้ สดงความคิดเห็นวา่ เธอชอบอยชู่ านเมืองมากกวา่ อยใู่ นเมือง ตอ่ ไปน้ี คือ บทสนทนาระหวา่ งสุดาและมาลี Situation 2 Suda : Where do you like to live in the city or in the rural? Malee : In my opinion, I like to live in the rural because there is no traffic jams and the weather is good for our health. Suda : I think so. เร่ืองที่ 2 เดินซื้อของ (Shopping) การใชช้ ีวติ ประจาวนั ของคนเราตอ้ งเกี่ยวขอ้ งกบั การจบั จ่ายใชส้ อยไม่วา่ จะเป็ นอาหาร เครื่องดื่ม เส้ือผา้ และของใช้ ตลอดจนยารักษาโรค สถานที่ที่คนนิยมไปจบั จ่ายซ้ือของ ไดแ้ ก่ ร้านคา้ สะดวกซ้ือ (a convenience store) และหา้ งสรรพสินคา้ (a department store) เมื่อมีลูกคา้ เขา้ ไปในร้าน พนกั งานจะ สอบถามความตอ้ งการของลูกคา้ เพ่อื อานวยความสะดวกในการจบั จา่ ยซ้ือของไดเ้ ร็วข้ึน
สานวนทใ่ี ช้ถาม เมอ่ื ให้บริการ เช่น ฉนั จะช่วยอะไรคุณไดบ้ า้ ง What can I do for you? คุณกาลงั มองหาอะไรอยู่ What are you looking for? ฉนั จะช่วยคุณไดไ้ หม Can I help you? May I help you? คุณตอ้ งการความช่วยเหลือรึเปล่า Do you need some help? ถา้ ตอ้ งการอะไรโปรดบอก If you need anything, please tell me. นะครับ/ค่ะ If you need anything, please let me know. ในกรณที พี่ ูดให้สุภาพจะใช้กริยารูป would หรือ could สานวนที่ใชต้ อบ เช่น I'm looking for ..................... ฉนั กาลงั หา............................อยู่ I want.................. ฉนั ตอ้ งการ................................ Certainly. I want............... แน่นอน ฉนั ตอ้ งการ.................. Yes, of course. I'm looking for ................ แน่นอน ฉนั กาลงั มองหา........... Situation 1 At the Department Store Salesgirl : Hello. What can I do for you? Malee : Hello. I'm looking for a jacket. Salesgirl : How about this one? Malee : What size is it? Salesgirl : It's a large size. Malee : Can I try? Salesgirl : Sure. Malee : It's a little bit large.
Salesgirl : This is a medium size. Malee : Medium size will do. I will take the black one. How much is it? Salesgirl : Twenty-five dollars Malee : Here's the money. Salesgirl : Please wait for a moment. ……….. Here's your jacket and change. Malee : Thank you. Salesgirl : You're welcome. เรื่องที่ 3 การให้บริการด้านต่าง ๆ (Various Services) สถานีตารวจเป็นสถานที่ท่ีจะใหบ้ ริการในดา้ นความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ ินของ ประชาชน เช่น ปัญหาเก่ียวกบั การประสบอุบตั ิเหตุ การถูกเอารัดเอาเปรียบเร่ืองค่าจา้ ง ของหาย เป็นตน้ สถานทตู เป็นสถานที่สาหรับติดต่อและใหบ้ ริการแก่ผทู้ ี่เดินทางไปในประเทศน้นั ๆ ลองมาดูสถานการณ์ การทาหนงั สือเดินทาง (Passport) สูญหายระหวา่ งการเดินทางไปต่างประเทศของสุดาวา่ จะแกป้ ัญหา อยา่ งไร Situation 1 At the police station Suda : Malee, I lost my passport. What can I do? Malee : You should go to the police station to inform about this matter. Policeman : Good morning, Madame. Are there anything I can do for you? Suda : Good morning, Sir. I lost my passport at the bus terminal. Policeman : When did it happen? Suda : It was yesterday night about 10 o'clock. Policeman : What's your name? Suda : I'm Suda Boonma. Policeman : Let me see your I.D. card, please. Suda : Here it is.
Policeman : Where do you stay? Suda : I stay in King Street near the central market. Policeman : Here's police record. You should bring this record to the embassy to reissue your passport. Suda : Thank you very much, goodbye. Policeman : You're welcome. หลงั จากสุดาไปแจง้ ความวา่ Passport สูญหาย และตารวจไดบ้ นั ทึกขอ้ ความรับแจง้ ของหายไวเ้ ป็น หลกั ฐานแลว้ และไดแ้ นะนาใหส้ ุดานาบนั ทึกแจง้ ความไปท่ีสถานทตู เพอื่ ขอทาหนงั สือเดินทางใหม่ หลงั จากน้นั สุดาจึงไดเ้ ดินทางไปท่ีสถานทตู Situation 5 At the post office. Suda : Hi, Malee. What are you doing today? Malee : Hi, Suda. I'm going to the post office. Last night I wrote a letter to my family. Suda : Oh! I would like to send a parcel and buy stamps, too. Malee : Let's go. ...................................................... Teller : What can I do for you madam? Malee : I would like to send this letter to Thailand. How much will I pay for a stamp? Teller : Two U.S. dollars. Here it is. Malee : Thank you. Teller : You're welcome. การใชภ้ าษาในการนาเสนอใหบ้ ริการและการตอบรับ จะมีภาษาและสานวนท่ีมกั ใช้ ดงั น้ี 1. ผใู้ หบ้ ริการมกั จะเสนอใหบ้ ริการ โดยใชส้ านวนดงั น้ี May I help you? Can I help you? What can I do for you?
If you need anything, please tell me. If you want something, let me know. 2. ผรู้ ับบริการโดยใชส้ านวนดงั น้ี Yes, please. Yes, of course. Sure. Of course. Certainly. I need …………. . I want …………. .
ใบงาน เรื่องท่ี 1 การพดู แสดงความคดิ เหน็ และแสดงความต้องการในสถานการณ์ต่างๆ Exercise 1 Read the conversation, then answer the questions. Interviewer : Excuse me. I'm doing a survey about mobile phones. Can I ask you a few questions? Preecha : Yes, of course. Interviewer : How often do you use your mobile phone? Preecha : All the time, I enjoy talking with my friend. Interviewer : And do you use any other options on your phone? Like SMS or ….. Preecha : Oh! I often sent SMS. It's cheaper. And sometimes I take photos and send them to my friends. Interviewer : Anything else? Preecha : Oh yes! My parents often call me on mobile phone when I'm out at night. They like to know if I'm safe. Interviewer : Do you have any problems with your phone? Preecha : Yes. The large bill at the end of the month. 1. Who is the interviewer? ____________________________________________________ 2. What is the interview about? ____________________________________________________ 3. How often does Preecha use his mobile phone? ____________________________________________________ 4. What options does he use? ____________________________________________________ 5. What are problems of Preecha for using the mobile phone? ____________________________________________________
Exercise 2 Read the conversation, then answer the questions. Waiter : Could I help you, Madame Siriporn : Yes, please. I'm hungry. What is your advice? Waiter : Today specials are hot curry with fish ball, fried rice with garlic pork sausages and super fried noodle with seafood gravy. What would you like, Madame Siriporn : Um… Fried rice with garlic pork sausages, please. Will I have a small Tomyamkung as well. Waiter : Certainly, Madam. And what would you like for drink, soft drink or coffee or Chinese tea? Siriporn : I prefer cold water. Waiter : Is that all, Madame? Siriporn : Correct. Waiter : All right. I'll read your list again. One fried rice with garlic pork sausages, a small Tomyamkung and cold water, right. Siriporn : Correct. Waiter : I'll serve you just a minute. 1. Where is Siriporn? ________________________________________________________ 2. What are special for today? ________________________________________________________ 3. What does Siriporn order? ________________________________________________________ 4. What does she take for drink? ________________________________________________________ 5. How long does it take for her meal to be served? ________________________________________________________
Exercise 3 Read the conversation, then answer the questions. Suda : Excuse me, do you know where the police station is? Woman : Sorry, I don’t. I’m not from this city. Suda : Thanks anyway. Man : Can I help you, Miss? Suda : Oh, yes. Can you tell me how to get to the police station? Man : Walk up this road about two blocks. When you get to Saint Bernard road, turn right. It’s beside the post office. Suda : O.K. Go up this street and turn right at Saint Bernard road. It’s next to the post office. Man : That’s correct. Suda : Thank you very much. Man : No problem. 1. Who wants to go to the police station? ________________________________________________________ 2. Can the woman show her the way to the police station? Why? ________________________________________________________ 3. Who can tell her the way? ________________________________________________________ 4. Where is the police station? ________________________________________________________ 5. How can we go to the police station? ________________________________________________________
แบบเฉลยใบงาน Exercise 1 1. He is a surveyor about mobile phone. 2. It is about mobile phone. 3. Preecha uses his mobile phone all the time. 4. He uses options to call, take photos and send SMS and photos. 5. His problem is the large bill at the end of the month. Exercise 2 1. Siriporn is in the restaurant. 2. Specials for today are hot curry with fish ball, fried rice with garlic pork sausages and super fried noodle with seafood gravy. 3. Siriporn orders fried rice with garlic pork sausages and a small Tomyamkung. 4. She takes cold water. 5. It takes for her meal to be served just a minute. Exercise 3 1. Suda wants to go to the police station. 2. No, she can't. Because she is not from this city. 3. The man can tell her the way. 4. The police station is beside the post office. 5. Go up the street and turn right at Saint Bernard road. The police station is next to the post office.
บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ กศน.ตาบลเกาะชา้ ง อาเภอเกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด คร้ังท่ี....................สัปดาห์ที่............................วนั /เดือน/ปี ............/....................../...................... 1. เนือ้ หาสาระทสี่ อน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 4. ปัญหา/อุปสรรค การเรียนการสอน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 5. แนวทางการแก้ปัญหา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ..............................................ครูผสู้ อน (.................................................) วนั ท่ี.............../.................../............... ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหาร ................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ....................................................... (........................................................)
แผนการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั พต21001 จานวน 4 หน่วยกติ (160 ชั่วโมง) คร้ังที่ 2 สัปดาห์ท่ี 2 วนั ท.ี่ ...........................................................จานวน 6 ชั่วโมง แบบพบกลุ่ม เรื่อง ประโยคตา่ งๆ ในภาษาองั กฤษ ( Different Types of English Sentences) ตวั ชี้วดั รู้จกั ลกั ษณะของประโยคในภาษาองั กฤษ (ประโยคบอกเล่า/ประโยคคาถาม/ประโยคปฏิเสธ/ ประโยคคาสง่ั / ประโยคอุทาน) และสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั เนือ้ หา ประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How ข้นั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ครูทกั ทายผเู้ รียน พูดคุยสนทนาเก่ียวกบั การสอบถามขอ้ มูลส่วนตวั ของผูเ้ รียน ท่านมีความคิด เห็นอยา่ งไรบา้ ง เกี่ยวกบั ประโยคคาถามในสถานการณ์ต่างๆ มีความสาคญั สาหรับบุคคลแต่ละบุคคลเป็ น อยา่ งมาก เพื่อเป็ นสร้างความรู้จกั กบั เพื่อนชาวต่างชาติ ดงั น้นั ถา้ หากท่านไดร้ ับมอบหมายให้พูดสนทนา กบั บุคคลตา่ งชาติ ท่านคิดวา่ จะตอ้ งใชป้ ระโยคคาถาม การพดู สนทนาโตต้ อบอยา่ งไรบา้ ง โดยใชป้ ระโยค คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ประโยคการใช้ Who ทา่ นจะใชป้ ระโยคในการต้งั คาถามอยา่ งไร 2. ประโยคการใช้ When ท่านจะใชป้ ระโยคในการต้งั คาถามอยา่ งไร 3. ประโยคการใช้ Where ทา่ นจะใชป้ ระโยคในการต้งั คาถามอยา่ งไร 4. ประโยคการใช้ Why ท่านจะใชป้ ระโยคในการต้งั คาถามอยา่ งไร 5. ประโยคการใช้ What ทา่ นจะใชป้ ระโยคในการต้งั คาถามอยา่ งไร 6. ประโยคการใช้ Whom ทา่ นจะใชป้ ระโยคในการต้งั คาถามอยา่ งไร 7. ประโยคการใช้ How ทา่ นจะใชป้ ระโยคในการต้งั คาถามอยา่ งไร ข้นั ที่ 2 การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ 1. ผเู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ จากใบความรู้ และสืบคน้ ขอ้ มลู เพ่ิมเติมจากอินเตอร์เน็ต / แหล่งเรียนรู้ เก่ียวกบั ประโยคคาถาม คาที่ใชใ้ นการต้งั คาถาม ไดแ้ ก่ Who, When, Where, Why, What, Whom, How 2. ผเู้ รียนคน้ ควา้ ตวั อยา่ งประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How ข้นั ที่ 3 การปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้ 1. ผเู้ รียนอ่านประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How
2. ผเู้ รียนและครูร่วมกนั พดู สนทนาโตต้ อบประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How 3. ผเู้ รียนจบั คู่แสดงบทบาทสมมติในการพดู สนทนาประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How 4. ผเู้ รียนทาใบงานเร่ืองการพูดสนทนาประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How 5. ผเู้ รียนและครูร่วมกนั สรุปเน้ือหาเรื่อง การพดู สนทนาประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How 6. ครูเฉลยใบงานการพดู สนทนาประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How ข้นั ที่ 4 การประเมินผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรม 2. ใบงาน สื่อ 1. หนงั สือเรียน/สื่อส่ิงพิมพ์ 2. อินเตอร์เน็ต 3. ใบความรู้ เร่ืองประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How
ใบความรู้ เร่ืองประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How ประโยคคาถาม (Question sentence) เป็นประโยคที่ใชถ้ ามเพื่อตอ้ งการคาตอบจาก ผทู้ ่ีเราสนทนาดว้ ย ประโยคคาถามมี 4 ชนิด คือ (1) ประโยคคาถามทข่ี ึน้ ต้นด้วยกริยาช่วย (Yes-no question) เป็นประโยคที่ตอ้ งการคาตอบวา่ yes (ใช่) หรือ no (ไม่ใช่) เท่าน้นั ประโยคคาถามประเภทน้ีตอ้ งข้ึนตน้ ประโยคดว้ ยกริยาช่วย (Yes-no question) เป็นประโยคที่ตอ้ งการคาตอบวา่ yes (ใช่) หรือ no (ไมใ่ ช่) เทา่ น้นั ประโยคคาถามประเภทน้ี ตอ้ งข้ึนตน้ ประโยคดว้ ยกริยาช่วยการทาประโยคคาถามแบบ Yes-no question น้ี ทาจากประโยคบอกเล่า ธรรมดา (Affirmative sentence) โดยเอากริยาช่วย (Helping Verb) มาไวข้ า้ งหนา้ ไดแ้ ก่ Verb to be, will, have ถา้ ประโยคใดไมม่ ีกริยาช่วยใหใ้ ช้ Verb to do โดยกระจายรูปกริยาช่วยใหถ้ ูกตอ้ งตามประธาน และ ทากริยาแทใ้ หอ้ ยใู่ นรูปเดิมที่ไม่ตอ้ งเติม s หรือ es แลว้ ลงทา้ ยประโยคดว้ ยเคร่ืองหมายคาถาม (question mark) ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี ประโยคบอกเล่า ประโยคคาถาม She is your teacher. Is she your teacher? (เธอเป็ นครูของคุณ) (เธอเป็ นครูของคุณใช่ไหม) He likes you. Does he like you? (เขาชอบคุณ) (เขาชอบคุณหรือเปล่า) They buy air ticket. Do they buy air ticket? (เขาซ้ือตว๋ั เครื่องบิน) (เขาซ้ือตว๋ั เครื่องบินใชไ้ หม) (2) ประโยคท่ขี นึ้ ต้นด้วยคาท่ีเป็ นคาถาม (Question word question) คือ ประโยคที่ข้ึนตน้ ดว้ ยคา ท่ีเป็นคาถาม ไดแ้ ก่ what (อะไร), when (เมื่อไหร่), where (ที่ไหน), who (ใคร), whom (ถึง, แก่ใคร), whose (ของใคร), which (อนั ไหน/สิ่งไหน), why (ทาไม), how (อยา่ งไร) ในการต้งั คาถามดว้ ยคาเหล่าน้ี ส่วนใหญ่จะตอ้ งตามดว้ ยกริยาช่วย ยกเวน้ who ตามดว้ ยกริยาแท้ และ whose ตามดว้ ยคานาม ส่วน which ตามดว้ ยคานามท่ีเป็นกรรมหรือกริยาช่วย ขอใหศ้ ึกษารายละเอียดการ ใชค้ าที่เป็นคาถาม (Question word question) แตล่ ะตวั ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. What อา่ นวา่ วอท แปลวา่ อะไร ใชถ้ ามเกี่ยวกบั คน สตั ว์ สิ่งของ เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน (Short form) ตอบแบบยาว (Long form) What is in the cage? A bird. A bird is in the cage. (อะไรอยใู่ นกรง) (นกตวั หน่ึง) I am reading a newspaper. What are you reading? A newspaper. (คุณกาลงั อา่ นอะไรอย)ู่ (หนงั สือพิมพฉ์ บบั หน่ึง) He is a doctor. What is your father? A doctor. (พอ่ ของคุณเป็น อาชีพอะไร) (หมอคนหน่ึง) 2. Where อ่านวา่ แวรฺ แปลวา่ ที่ไหน ใชถ้ ามสถานที่ เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I live in Phuket. Where do you live? In Phuket. I will go to the market. (คุณอาศยั อยทู่ ี่ใด) (ในจงั หวดั ภเู กต็ ) The dog is under the tree. Where will you go? To the market. (คุณจะไปไหน) (ไปตลาด) Under the tree. Where is the dog? (ใตต้ น้ ไม)้ (สุนขั อยทู่ ่ีไหน) 3. When อา่ นวา่ เวน แปลวา่ เม่ือไร ใชถ้ ามเกี่ยวกบั เวลา เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I will go home at four o’clock. When will you go home? At four o’clock. My uncle will visits to next year. (คุณจะกลบั บา้ นเมื่อไร) (สี่โมง) When will your uncle Next year next year. Visit to you ? (ลุงของคุณมาเยย่ี มคุณเมื่อไร) (ปี หนา้ )
4. Who อา่ นวา่ ฮู แปลวา่ ใคร ใชถ้ ามบุคคล เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) That man is George Smith. Who is that man? George Smith. Boonchu and Chalerm want to go home. (ผชู้ ายคนน้นั เป็นใคร) (จอร์จ สมิธ) Who wants to go home now? Boonchu and Chalerm. (ใครอยากจะกลบั บา้ นตอนน้ีบา้ ง) (บุญชูและเฉลิม) 5. Why อา่ นวา่ วาย แปลวา่ ทาไม ใชถ้ ามเมื่อตอ้ งการถามถึงเหตุผล เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I go to the book store to buy a book. Why do you go to the book store? To buy a book. (คุณไปร้านหนงั สือทาไม) (ซ้ือหนงั สือ) Why are you late? Because the traffic is heavy. I am late Because the traffic is (ทาไมคุณมาสาย) (เพราะรถติด) heavy. 6. Which อา่ นวา่ วซิ แปลวา่ ตวั ไหน อนั ไหน หรือเป็ นการไถ่ถามใหเ้ ลือกอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Short form) (Long form) Which work do you prefer a teacher A teacher. I prefer a teacher. or a soldier? (คุณชอบทางานอะไร ครูหรือทหาร) (ครู) Which school do you go? Satri Phuket School. I go to Satri Phuket School. (โรงเรียนสตรีภูเกต็ ) (คุณจะไปโรงเรียนไหน)
7. How อา่ นวา่ ฮาว แปลวา่ อยา่ งไร ใชใ้ นความหมายท่ีต่างกนั ดงั น้ี How ใชถ้ ามลกั ษณะอาการ วธิ ีการคมนาคม การใชเ้ ครื่องมือตา่ ง ๆ เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I go to Suan by bus. How do you go to Suan Chatuchak? By bus. (คุณจะไปสวนจตุจกั รอยา่ งไร) (นง่ั รถโดยสารประจาทางไป) How is Wasana? Very nice. She is very nice. (วาสนาเป็นอยา่ งไรบา้ ง) (ดีมาก) How are you? Fine, thank you. And you? I am fine, thank you. (คุณเป็นอยา่ งไรบา้ ง) (สบายดี ขอบคุณ แลว้ คุณหละ) How long ใชถ้ ามเก่ียวกบั ระยะเวลาวา่ นานเทา่ ใด เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) It’s half an hour by taxi. How long does it take from About half an hour by taxi. Sanamloang to Victory Monument? (ประมาณคร่ึงชวั่ โมงโดยรถ (จากสนามหลวงไปอนุสาวรียช์ ยั รับจา้ ง) สมรภูมิใชเ้ วลานานเท่าไร) How often ใชถ้ ามเกี่ยวกบั ความถี่ เช่น ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว ประโยค (Short form) (Long form) Once a week. He sees her once a week. How often does he see her? (สัปดาห์ละคร้ัง) (เขามาหาเธอบอ่ ยเพยี งไร)
How many ใชถ้ ามจานวนมากนอ้ ยเทา่ ใด (คานามนบั ได)้ เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I read two books. How many books do you read? Two books. ตอบแบบยาว (Long form) (คุณอา่ นหนงั สือมากเทา่ ไร) (สองเล่ม) It is about 850 Kilometers. How far ใชถ้ ามระยะทางวา่ ไกลเท่าไร เช่น ตอบแบบยาว (Long form) ประโยค ตอบแบบส้ัน I am twenty years old. (Short form) ตอบแบบยาว How far is it from here to Bangkok? About 850 Kilometers. (Long form) จากท่ีน่ีไปกรุงเทพฯ ไกลแคไ่ หน) (ประมาณ 850 กิโลเมตร) It is very good. How old ใชถ้ ามอายุ เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน (Short form) How old are you ? Twenty years old. (คุณอายเุ ท่าไหร่ อะไร) (ยสี่ ิบปี ) How about ใชถ้ ามความคิดเห็นเกี่ยวกบั ส่ิงตา่ ง ๆ เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน (Short form) How about the cinema ? Very good (ภาพยนตร์เป็นอยา่ งไรบา้ ง) (ดีมาก) How high ใชถ้ ามความสูงของสิ่งของท่ีมีความสูงมากๆ เช่น อาคาร ภูเขา เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) It is fifty feet high. I am six feet tall. How high is that building? Fifty feet. (อาคารหลงั น้นั สูงเท่าไร) (สูง 50 ฟุต) How tall are you? Six feet. (คุณสูงเทา่ ไร) (สูง 6 ฟุต)
การต้ังคาถาม ขอใหน้ กั ศึกษาสังเกตวา่ การใช้ Question words มาต้งั เป็นประโยคคาถามน้นั Question words จะ อยขู่ า้ งหนา้ ประโยค ตามดว้ ยกริยาช่วย ประธาน กริยาแท้ กรรมและส่วนขยาย ตามโครงสร้างประโยค ดงั น้ี Example (ตวั อย่าง) How do you go to Suan Chatuchak? Where do you live? When will you go home? Who is that man? What are you reading? Why do you go to the book store? Question words บางคาสามารถตามด้วยกริยาแท้ (Verb) ได้เลย หากคาถามน้ันถามถงึ ประธาน (Subject) ของประโยค ซึ่งมโี ครงสร้างดังนี้ Example (ตวั อย่าง) What is - in the case? Who wants to go home now? What ในคาถามแรกถามถึงประธานของประโยคซ่ึงเป็นสัตว์ จึงใชค้ าวา่ What ส่วน Who ใชถ้ าม สาหรับคนเท่าน้นั สาหรับคาวา่ Which เป็นคาถามเกี่ยวกบั ลกั ษณะใหเ้ ลือกตอบ แปลวา่ อนั ไหน ตวั ไหน จึงตอ้ งตามดว้ ยคานามหรือสรรพนามเสมอ แลว้ ตามดว้ ยกริยาช่วย ประธาน กริยาแท้ กรรมและส่วนขยาย มีโครงสร้างดงั น้ี Example (ตวั อย่าง) Which work do you prefer, a teacher or a soldier? Which school do you go? Which one do you like? Which one does he want? ส่วนคาวา่ How สามารถตามตวั ดว้ ยคาคุณศพั ท์ (Adjective) เพ่อื ถามลกั ษณะตา่ งๆ ได้ มี โครงสร้างดงั น้ี Example (ตวั อย่าง) How long does it take from Sanamluang to Victory Monument?
How often does he see her? How far is it from here to Bangkok? How old are you? How high is that building? ถา้ ถามถึงจานวนหรือปริมาณจะใช้ How many สาหรับส่ิงที่นบั ได้ และ How much สาหรับส่ิงท่ี นบั ไม่ได้ เช่น How many boys are there in this village? (ในหม่บู า้ นน้ีมีเด็กผชู้ ายกี่คน) How much sugar do you want? (คุณตอ้ งการน้าตาลเท่าไร) How much coffee does he drink everyday? (เขาด่ืมกาแฟมากเท่าใดใน 1 วนั ) How many birds are there in that case? (ในกรงน้นั มีนกกี่ตวั ) สาหรับการถามราคาจะใชค้ าถามวา่ How much does it cost? เสมอ
ใบงาน เร่ืองประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How Choose the best answer. 1. If you want to ask about your friend's health. You say “_____________” a. Where do you live? b. How do you do? c. What do you do? d. How about you? 2. You accidentally step on someone's foot. You blame yourself “____________” a. How clumsy of me! b. It's not my fault. c. I'm sorry. d. Thank you. 3. Suda would like to buy a computer notebook. The shopkeeper say “________” a. May I help you? b. Where are you going? c. What are you doing here? d. What would you like to do? 4. Suda : Could you show me how to get to the post office? Malee : “_____________” a. Yes, I can. b. Yes, I do. c. Yes, I should. d. Yes, I would. 5. A tourist is visiting Bangkok for the first time and she wants to go to the Grand Palace. She asks a policeman, “_____________” a. I want to go to the Grand Palace. Please take me there. b. Could you tell me where I go to the Grand Palace? c. Could you tell me how to get to the Grand Palace? d. Give me the map of the Grand Palace. 6. Suda has got grade A in English. What will you say?
a. Cheers. b. I wish you luck. c. Don't worry about it. d. How clever you are! 7. When will you say, \"Merry Christmas and a Happy New Year.\" a. On your birthday. b. On Christmas day. c. On New Year's day. d. On Christmas and New Year's day. 8. What is the population of this town? The answer will be about, “_____________” . a. the number of people b. famous men and women c. history and geography d. masses of buildings 9. The apartment has been vacant for over a week. What will you do? a. Make a notice for the apartment to rent. b. Tell all of my friends. c. Have it repaired. d. Leave it like that. 10. The robber climbed up and went into the opened window and stole his money. What should he do? He should “_____________” . a. do nothing b. tell his friend c. inform the police d. blame his neighbor
เฉลย เรื่องประโยคคาถามการใช้ Who, When, Where, Why, What,Whom, How 1. d 2. c 3. a 4. a 5. c 6. d 7. d 8. a 9. a 10. c
บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ กศน.ตาบลเกาะชา้ ง อาเภอเกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด คร้ังที่......................สปั ดาห์ท่ี.....................วนั /เดือน/ปี .............../......................./.................. 1. เนือ้ หาสาระทสี่ อน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 4. ปัญหา/อุปสรรค การเรียนการสอน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 5. แนวทางการแก้ปัญหา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ..............................................ครูผสู้ อน (.................................................) วนั ท่ี.............../.................../............... ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหาร ................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ....................................................... (........................................................)
แผนการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั พต21001 จานวน 4 หน่วยกติ (160 ช่ัวโมง) คร้ังท่ี 3 สัปดาห์ท.ี่ .................วันท.ี่ ........................................................จานวน 9 ชั่วโมง แบบพบกลุ่ม เร่ือง ประโยคต่างๆ ในภาษาองั กฤษ ( Different Types of English Sentences ตัวชี้วดั รู้จกั ลกั ษณะของประโยคในภาษาองั กฤษ (ประโยคบอกเล่า/ประโยคคาถาม/ประโยคปฏิเสธ/ ประโยคคาสั่ง/ ประโยคอุทาน) และสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั เนือ้ หา ประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสั่ง และประโยคอุทาน ข้นั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ครูทกั ทายผเู้ รียน พูดคุยสนทนาเกี่ยวกบั การโตต้ อบและการปฏิเสธ คาสัง่ และคาอุทาน ท่านมี ความคิดเห็นอยา่ งไรบา้ ง เกี่ยวกบั ประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสง่ั และประโยคอุทาน ท่ีใชใ้ น สถานการณ์ตา่ งๆ มีความสาคญั สาหรับบุคคลแตล่ ะบุคคลเป็นอยา่ งมาก เพอื่ เป็นสร้างความรู้จกั กบั เพื่อน ชาวต่างชาติ ดงั น้นั ถา้ หากทา่ นไดร้ ับมอบหมายใหพ้ ดู สนทนา กบั บุคคลต่างชาติ ท่านคิดวา่ จะตอ้ งใช้ ประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสัง่ และประโยคอุทานอยา่ งไรบา้ ง โดยใชป้ ระโยคปฏิเสธและ คากริยา ประโยคคาสง่ั และประโยคอุทานดงั ต่อไปน้ี 1. ประโยคปฏิเสธและคากริยา ทา่ นจะใชป้ ระโยคในการปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสงั่ และ ประโยคอุทาน อยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ 1. ผเู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ จากใบความรู้ และสืบคน้ ขอ้ มลู เพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต / แหล่งเรียนรู้ เกี่ยวกบั ประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสัง่ และประโยคอุทาน 2. ผเู้ รียนคน้ ควา้ ตวั อยา่ งประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสงั่ และประโยคอุทาน ข้นั ท่ี 3 การปฏบิ ัตแิ ละนาไปประยุกต์ใช้ 1. ผเู้ รียนอ่านประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาส่ัง และประโยคอุทาน 2. ผเู้ รียนและครูร่วมกนั พดู สนทนาโตต้ อบประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสง่ั และประโยคอุทาน 3. ผเู้ รียนจบั คู่แสดงบทบาทสมมติในการพดู สนทนาประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสงั่ และประโยคอุทาน 4. ผเู้ รียนทาใบงานเร่ืองการพูดสนทนาประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสั่ง และประโยค อุทาน
5. ผเู้ รียนและครูร่วมกนั สรุปเน้ือหาเรื่อง การพดู สนทนาประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยค คาสง่ั และประโยคอุทาน 6. ครูเฉลยใบงานการพดู สนทนาประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาส่ัง และประโยคอุทาน ข้นั ท่ี 4 การประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรม 2. ใบงาน สื่อ 1. หนงั สือเรียน/สื่อส่ิงพมิ พ์ 2. อินเตอร์เน็ต 3. ใบความรู้ เรื่องประโยคปฏิเสธและคากริยา ประโยคคาสั่ง และประโยคอุทาน
ใบความรู้ เรื่องประโยคปฏเิ สธและคากริยา ประโยคคาสั่ง และประโยคอุทาน ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) คือประโยคบอกเล่าท่ีมีคาหรือวลีท่ีมีความหมายในเชิง ปฏิเสธอยใู่ นประโยค ซ่ึงจะเป็นคากริยาวเิ ศษณ์ (Adverb) เช่น not, never, hardly, scarcely, rarely เป็นตน้ หรือคาสรรพนามแสดงการปฏิเสธ เช่น no one, nobody, none, no, nothing เป็นตน้ (ตัวอย่าง) Nobody told me to go there on Sunday. (ไม่มีใครบอกใหฉ้ นั ไปที่นน่ั ในวนั อาทิตย)์ I don't want to attend the class today. (ฉนั ไมอ่ ยากไปเรียนวนั น้ีเลย) This subject is not difficult for us. (วชิ าน้ีไม่ยากเลย) Nothing is worrying, you will pass the examination. (ไมต่ อ้ งห่วง คุณคงจะสอบผา่ น) วธิ ีการทาประโยคบอกเล่าให้เป็ นประโยคปฏิเสธ ทาได้ 2 แบบ คือ 1. เติมคาวา่ not ไปขา้ งหลงั กริยาช่วย (Helping or Auxiliary Verb) ในประโยค บอกเล่า (Affirmative Sentence) (ตัวอย่าง) I will not go to school tomorrow. (พรุ่งน้ีฉนั จะไมไ่ ปโรงเรียน) She doesn’t like cats. (เธอไม่ชอบแมว) สงั เกตวธิ ีการทาประโยคบอกเล่าใหเ้ ป็นประโยคปฏิเสธ จะใชห้ ลกั เดียวกนั กบั วธิ ีทาประโยคบอก เล่าใหเ้ ป็นประโยคคาถาม คือ ถา้ ประโยคใดมีกริยาช่วยอยใู่ หเ้ ติมคาวา่ “not” (ไม่) เขา้ ไปหลงั กริยาช่วย แต่ ถา้ ประโยคใดไมม่ ีกริยาช่วยใหเ้ ติม “Verb to do” ไปหนา้ กริยาแท้ หรือกริยาหลกั โดยกระจายใหถ้ ูกบุรุษ เพศ พจนแ์ ละกาล ประโยคปฏิเสธ กริยาช่วยที่แสดงการปฏิเสธสามารถใชใ้ นรูปยอ่ ได้ คือ do not don't does not doesn't have not haven't has not hasn't am not 'm not is not isn't are not aren't shall not shan't will not won't cannot can't
กริยาช่วย “can”(สามารถ) เม่ือเติมคาวา่ \"not\" เขา้ ไปจะเขียนติดกนั เป็ น cannot คากริยาช่วยตวั ใด ทาหนา้ ที่เป็นกริยาแท้ เช่น have (กิน,มี) do (ทา) เวลาทาเป็ นประโยคปฏิเสธ ตอ้ งใชก้ ริยาช่วย Verb to do เช่นเดียวกนั ประโยคคาสั่ง (Imperative or Order sentence) เป็นประโยคท่ีบอกใหท้ าหรือขอร้องใหท้ า ตามที่ผนู้ ้นั บอก ซ่ึงผทู้ ่ีรับคาสั่งคือ ผทู้ ่ีคนสงั่ พดู ดว้ ย ซ่ึงคนที่จะสั่งจะเป็นบุรุษ ที่ 1 คือ ผพู้ ดู (I หรือ we) ส่วนคนที่ถูกสงั่ จะเป็นบุรุษที่ 2 (You) เมื่อเป็นประโยคคาสั่งจะตดั ประธาน (You) ออก ประโยคคาส่ัง ตอ้ งข้ึนตน้ ดว้ ยคากริยาช่องที่ 1 เสมอ ซ่ึงอาจจะเป็นรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธกไ็ ด้ (ตัวอย่าง) Don't walk on the loan! หา้ มเดินในสนาม Enter your personal code. ใส่รหสั ส่วนตวั ของท่าน Sit down here! นง่ั ตรงน้ี Follow me! ตามฉนั มา วธิ ีการทาประโยคคาสั่ง Verb + Object + Complement (กริยา) (กรรม) (ส่วนขยาย) ประโยคคาส่ังจะเป็นประโยคท่ีสรรพนามบุรุษท่ี 2 (You) เป็นประธานและอยใู่ นรูป ปัจจุบนั กาลธรรมดา (Present Simple Tense) เสมอ เพราะการท่ีจะส่งั หรือขอร้องใหใ้ ครทา อะไรจะพดู หรือบอกใหท้ าหรือไม่ ทาในขณะที่พดู น้นั การทาประโยคคาสง่ั จะมาจากประโยคบอกเล่า (Affirmative Sentence) โดยตดั ประธานออก
ตัวอย่าง ประโยคบอกเล่า ประโยคคาส่ัง (Affirmative Sentence) (Imperative or Order sentence) You follow me. Follow me. (คุณตามฉนั มา) (ตามฉนั มา) You sit down here. Sit down here. (คุณนง่ั ลงตรงน้ี) (นง่ั ลงตรงน้ี) You don't walk on the lawn. Don't walk on the lawn. (คุณไมเ่ ดินบนสนามหญา้ ) (อยา่ เดินบนสนามหญา้ ) You turn a little bit left. Turn a little bit left. (คุณเขยบิ ไปทางซา้ ยอีกสักนิด) (เขยบิ ไปทางซา้ ยอีกสักนิด) ประโยคอุทาน (Exclamatory sentence) คือประโยคที่ใชแ้ สดงความรู้สึกและ อารมณ์ เช่น เสียใจ ดีใจ เป็นตน้ ใชไ้ ดท้ ้งั ประโยคเตม็ รูปและลดรูป 1. ประโยคอุทานเต็มรูป จะข้ึนตน้ ดว้ ยคาที่เป็นคาถาม (Question word) how (อยา่ งไร) และ what (อะไร) ถา้ ข้ึนตน้ ดว้ ย How จะตามดว้ ยคาคุณศพั ท์ (Adjective) หรือคากริยา วเิ ศษณ์ (Adverb) แลว้ ตามดว้ ยประธาน (Subject) และกริยา (Verb) ซ่ึงอาจจะมีส่วนขยาย (Complement) ดว้ ยก็ได้ ส่วน ประโยคที่ข้ึนตน้ ดว้ ย What จะตามดว้ ยนามวลี (Noun phrase) แลว้ ตามดว้ ยประธาน (Subject) และ กริยา (Verb) How + Adjective + Subject + Verb + Complement (คาคุณศัพท์) (ประธาน) (กริยา) (ส่วนขยาย) Adverb (คากริยาวเิ ศษณ์) What + Noun phrase + Subject + Verb (นามวล)ี (ประธาน) (กริยา) เช่น How beautiful she is! เธอช่างสวยอะไรเช่นน้ี How fluently he can speak English! เขาช่างพดู ภาษาองั กฤษคล่องอะไรเช่นน้ี What a healthy man he is! เขาช่างเป็นคนแขง็ แรงอะไรเช่นน้ี What a wonderful girl she is! เธอช่างเป็ นเด็กมหศั จรรยอ์ ะไรอยา่ งน้ี 2.ประโยคอุทานลดรูป เป็นประโยคท่ีตดั ประธาน (Subject) และกริยา (Verb) รวมท้งั ส่วนขยาย (Complement) ออก เช่น How beautiful! สวยจริงๆ How fluently! พดู คล่องจริงๆ What a healthy man! ช่างเป็นคนที่แขง็ แรงจริงๆ What a wonderful girl! ช่างเป็นเด็กมหศั จรรยอ์ ะไรเช่นน้ี
ใบงาน เร่ืองประโยคปฏเิ สธและคากริยา ประโยคคาส่ัง และประโยคอุทาน Exercise 1 Change these sentences into question (Q) and negative (N) sentences. 1. I'll meet you tonight. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ 2. He planted flowers of different kinds. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ 3. She kepts her secret very well. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ 4. They sang and played the guitar. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ 5. He borrowed books from the library. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ 6. She can speak English. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ 7. The World Trade building had collapsed. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ 8. The boy is sneezing. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________
9. He works hard everyday. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ 10. Pom must invite Toom to her party. Q : ___________________________________________________ N : ___________________________________________________ Exercise 2 Make imperative sentence from these words. 1. work/harder ___________________________________________________ 2. not close/the door ___________________________________________________ 3. read/loudly ___________________________________________________ 4. not smoke/in this room ___________________________________________________ 5. shut/the window ___________________________________________________ 6. visit/your parent ___________________________________________________ 7. do/your homework ___________________________________________________ 8. give/me/that pencil ___________________________________________________ 9. cook/Thai salad ___________________________________________________ 10. turn/the light/off ___________________________________________________
Exercise 3 Make explanative sentences by the words given. 1. you/clever ___________________________________________________ 2. she/intelligent ___________________________________________________ 3. he/talkative ___________________________________________________ 4. we/wise ___________________________________________________ 5. you/lazy ___________________________________________________ 6. it/fearful ___________________________________________________ 7. they/funny ___________________________________________________ 8. I/lovely ___________________________________________________ 9. he/happy ___________________________________________________ 10. she/nice ___________________________________________________
เฉลยใบงาน เรื่องประโยคปฏเิ สธและคากริยา ประโยคคาส่ัง และประโยคอทุ าน Exercise 1 1. Q : Shall I meet you tonight? N : I shan't meet you tonight. 2. Q : Did he plant flowers of different kinds? N : He didn't plant flowers of different kinds. 3. Q : Did she keep her secret very well? N : She didn't keep her secret very well. 4. Q : Did they sing and play the guitar? N : They didn't sing and play the guitar. 5. Q : Did he borrow books from the library? N : He didn't borrow books from the library. 6. Q : Can she speak English? N : She can't speak English. 7. Q : Had the World Trade building collapsed? N : The World Trade building hadn't collapsed. 8. Q : Is the boy sneezing? N : The boy isn't sneezing. 9. Q : Does he work hard everyday? N : He doesn’t work hard everyday. 10. Q : Must Pom invite Toom to her party? N : Pom must not invite Toom to her party.
Exercise 2 1. Work harder. 2. Don't close the door. 3. Read loudly. 4. Don't smoke in this room. 5. Shut the window. 6. Visit your parent. 7. Do your homework. 8. Give me that pencil. 9. Cook Thai salad. 10. Turn the light off. Exercise 3 1. What a clever man you are! หรือ How clever you are! 2. What an intelligent girl she is! หรือ How intelligent she is! 3. What a talkative man he is! หรือ How talkative he is! 4. What wise men we are! หรือ How wise we are! 5. What a lazy man you are! หรือ How lazy you are! 6. What a fearful animal it is! หรือ How fearful it is! 7. What funny men they are! หรือ How funny they are! 8. What a lovely man I am! หรือ How lovely I am! 9. What a happy man he is! หรือ How happy he is! 10. What a nice girl she is! หรือ How nice she is!
บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ กศน.ตาบลเกาะชา้ ง อาเภอเกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด คร้ังที่.......................สปั ดาห์ท่ี....................วนั /เดือน/ปี ............../........................../...................... 1. เนือ้ หาสาระทสี่ อน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 4. ปัญหา/อปุ สรรค การเรียนการสอน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 5. แนวทางการแก้ปัญหา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ..............................................ครูผสู้ อน (.................................................) วนั ท่ี.............../.................../............... ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหาร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชื่อ....................................................... (........................................................)
แผนการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั พต21001 จานวน 4 หน่วยกติ (160 ช่ัวโมง) คร้ังที่ 4 สัปดาห์ท่ี ……………วนั ท.่ี .....................................................แบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง เร่ือง ภาษาท่าทางในการส่ือสารในชีวติ ประจาวนั (จานวน 6 ช่ัวโมง) ตวั ชี้วดั เขา้ ใจและใชภ้ าษาในการสื่อสารในชีวติ ประจาวนั เนือ้ หา ภาษาตามมารยาทสังคมเพอ่ื สร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคลเกี่ยวกบั การทกั ทาย การกล่าวลา ข้ันตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ภาษาตามมารยาทสงั คมเพ่ือสร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบุคคลในสถานการณ์ต่างๆ เกี่ยวกบั การทกั ทาย และการกล่าวลา มีความสาคญั สาหรับบุคคลแต่ละบุคคลเป็นอยา่ งมากซ่ึงจะตอ้ งมีการ พดู คุยสนทนาใหเ้ กิดความเขา้ ใจอนั จะเป็ นการสร้างความสมั พนั ธ์ท่ีดีต่อกนั ดงั น้นั หากท่านไดร้ ับ มอบหมายใหท้ กั ทายกบั ชาวต่างชาติเพ่ือการสร้างความสมั พนั ธ์กบั บุคคลท้งั ในเร่ืองการทกั ทาย และ การกล่าวลา ทา่ นคิดวา่ จะตอ้ งใชภ้ าษาในการทกั ทาย และการกล่าวลา อยา่ งไรบา้ ง โดยตอบคาถาม ดงั ต่อไปน้ี 4. การทกั ทาย 4.1 การทกั ทายแบบเป็นทางการ 1.1.1 การทกั ทายช่วงเชา้ ทา่ นจะทกั ทายดว้ ยประโยคอะไร 1.1.2 การทกั ทายช่วงบา่ ย ท่านจะทกั ทายดว้ ยประโยคอะไร 1.1.3 การทกั ทายช่วงเยน็ ทา่ นจะทกั ทายดว้ ยประโยคอะไร 4.2 การทกั ทายแบบไมเ่ ป็นทางการ ทา่ นจะทกั ทายอยา่ งไร 5. การกล่าวลา การกล่าวลา ก่อนจะจบสิ้นการสนทนาตามมารยาทและธรรมเนียมปฏิบตั ิของคนทว่ั โลก ไมว่ า่ จะเป็นประเทศใดก็ตามส่ิงสาคญั ประการหน่ึงที่ไม่สามารถละเลยได้ คือการกล่าวลา ท่านจะใช้ สานวนในการกล่าวลาอยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ 1. ใหผ้ เู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลจากอินเตอร์เน็ต / แหล่งเรียนรู้ เก่ียวกบั ภาษาตามมารยาท สังคมเพือ่ สร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคลและภาษาท่าทางที่ใชใ้ นโอกาสต่างๆ ดงั น้ี 1.1 การทกั ทาย
1.2 การกล่าวลา 2. คน้ ควา้ ตวั อยา่ งการทกั ทายในสถานการณ์ตา่ งๆ 3.ใหผ้ เู้ รียนนาขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ จดั ทาเป็นรูปเล่มรายงาน ข้นั ท่ี 3 การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ต์ใช้ 1. /ฝึกอา่ น พดู ใหค้ รูบุคคลที่รู้ ผรู้ ู้ฟัง จากแบบฟอร์มใหน้ กั ศึกษา ตาราง แบบฝึ ก การพดู อ่าน เขยี น ชื่อ – สกลุ ความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ครู ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รู้ ท่ี ทอ่ี ยู่ การอ่าน การพูด เก่ียวกบั การ การทกั ทาย การกล่าวลา ..... ....................................................... ............................... ................................ ................................ ............................... ............................... .................................. .................................. ................................ ................................ ................................ ................................ ผู้รู้ ............................................ ( ........................................... ) .............../..................../............... ข้นั ท่ี 4 การประเมินผล 1. ประเมินผลงาน 2. ความคิดเห็นของผรู้ ู้ 3. แบบทดสอบ 4. รูปเล่มรายงาน ส่ือ 1. หนงั สือเรียน/ส่ือสิ่งพิมพ์ 2. อินเตอร์เน็ต 3. ใบความรู้ เรื่องการทกั ทาย การกล่าวลา สาหรับครู
ใบความรู้ เรื่องที่ 1 การทกั ทาย และการกล่าวลา (Greeting and LeaveTaking) วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ สังคมโลกทุกวนั น้ีมีการติดต่อสื่อสารกนั อยา่ งกวา้ งขวาง ไม่วา่ จะเป็นการติดต่อดว้ ย ตนเอง หรือติดตอ่ ทางโทรศพั ท์ ทางอินเทอร์เน็ต ภาษาองั กฤษเป็นภาษาสากลที่สาคญั ซ่ึงคนส่วนใหญใ่ น โลกใชใ้ นการติดต่อส่ือสารรองลงมาจากภาษาจีน อยา่ งไรก็ตามแมว้ า่ ภาษาองั กฤษจะเป็ นภาษาที่จา เป็นในยคุ ปัจจุบนั แต่ก็มิไดห้ มายความวา่ ทุกคนจะรู้และเขา้ ใจภาษาองั กฤษไดท้ ้งั หมด การสนทนา โดยใชภ้ าษาทา่ ทางประกอบจึงเป็นเร่ืองจาเป็ นอีกอยา่ งหน่ึงท่ีจะช่วยใหค้ ู่สนทนา เขา้ ใจและส่ือ ความหมายในชีวติ ประจาวนั ได้ ตามปกติในชีวติ ประจาวนั เม่ือเราพบผคู้ นในท่ีตา่ ง ๆ เราจะตอ้ งมีการทกั ทายและกล่าวลากนั ใหเ้ หมาะสมตามโอกาส ในภาษาองั กฤษมีวธิ ีการทกั ทาย (Greeting) และกล่าวลา (Leave taking) กนั อยา่ งไรบา้ ง 1. การทกั ทาย (Greeting) ถา้ เป็นคนที่คุน้ เคยและสนิทสนมกนั มกั จะใชค้ าวา่ Hello หรือ Hi ซ่ึงแปลวา่ สวสั ดี แตก่ ารทกั ทายอยา่ งเป็นทางการสาหรับผไู้ มค่ ุน้ เคยกนั หรืออยใู่ นสถานภาพที่ แตกตา่ งกนั เช่น เจา้ นายกบั ลูกนอ้ ง ครูกบั ลูกศิษย์ จะใชค้ าวา่ Good morning. (สวสั ดีตอนเชา้ ) Good afternoon. (สวสั ดีตอน กลางวนั ) และ Good evening. (สวสั ดีตอนเยน็ ) ต่อดว้ ยคาทกั ทายวา่ How are you? (คุณสบายดีหรือ) ซ่ึงคู่สนทนากจ็ ะตอบและถามกลบั ในทานองเดียวกนั เช่น Suda : Hi, Malee. How are you? Malee : Fine, thanks. And you? Suda : Very well, thank you. ในสถานการณ์น้ี สุดากบั มาลีเป็นเพ่ือนกนั เมื่อพบกนั ก็ทกั ทายและถามทุกขส์ ุขซ่ึงกนั และกนั ก่อน เช่น Wichai : Hi, Mana. Mana : Hi, Wichai. How are you? Wichai : I'm fine, thanks. And you? Mana : Fine, thanks. ในสถานการณ์น้ี วชิ ยั กบั มานะเป็นเพอ่ื นกนั เมื่อพบกนั กส็ อบถามทุกขส์ ุขซ่ึงกนั และกนั Suda : Good morning, Miss Kaewta. Kaewta : Good morning. How about your homework? Suda : I've done all. I'll hand you now.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185