คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง รหัส ทช 21001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเล่มน้ี จัดทาข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ สาหรับนักศึกษา กศน. ในการจัดทาแผนการเรียนรู้ คร้ังน้ี ได้วิเคราะห์ ความยากง่ายของเนื้อหาจากผังข้อสอบ กาหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้มีความรู้ มีทักษะมีเจตคติที่ดี และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ท่ีผู้เรียนได้รับจากการเรียนรู้ ตามกระบวนการท่ีกาหนด ในแผน แผนจดั การเรียนรเู้ ลม่ น้ี ประกอบดว้ ยคาอธบิ ายรายวิชา แผนจดั การเรยี นรู้แบบรายวิชา ใบความรู้ ใบงาน แบบบันทกึ ความรู้ แบบฝึกหัดและแบบทดสอบ คณ ะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อครู กศน. และผู้เกี่ยวข้อง หากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใดขอรบั คาเสนอแนะเพื่อปรบั ปรงุ และพัฒนาตอ่ ไป คณะผูจ้ ัดทา
อธบิ ายรายวิชา ทช 21001 เศรษฐกิจพอเพียง จานวน 1 หนว่ ยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ รู้ เข้าใจ ยอมรับ เห็นคุณค่าปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถประยุกต์ใช้ใน การประกอบอาชีพ และมภี ูมคิ มุ้ กันในการดาเนนิ ชีวิตของตนเอง ครอบครัว และชมุ ชนอย่างมคี วามสขุ ศกึ ษา ฝกึ ปฏิบัติ และประยกุ ต์ใช้ เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพยี ง ดังนค้ี ือ ความเป็นมา ความหมาย หลักการ แนวคิด ตามปรัชญาของเศรษฐกิจเพ่ือการประกอบอาชีพ การวางแผน การประกอบอาชีพ การสร้างเครือข่ายเพื่อการดาเนินชีวิตอย่างพอเพียง เพ่ือให้เป็นคนมีเหตุผล พอประมาณ มี ภูมิคุ้มกัน มีความรู้ และมีคุณธรรมจริยธรรมในการประกอบอาชพี การดาเนินชีวิตของตนเอง ครอบครัว และชุมชน อยา่ งมคี วามสขุ การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ศึกษาข้อมูลตนเอง ข้อมูลวิชาการ ข้อมูลสิ่งแวดล้อม วิเคราะห์ สังเคราะห์ เช่ือมโยงเข้ากับความรู้และ ประสบการณ์ โดยศึกษาจากกรณีตัวอย่าง สภาพจริง ส่ือทุกประเภท การอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ ภูมิปัญญา การ ทดลอง ฝึกปฏิบัติ ประเมินผลและวางแผนประยกุ ต์ในชวี ิต การวดั และประเมนิ ผล ประเมินความรู้ ความเข้าใจ ความคิดเห็น ช้นิ งาน ผลงาน โดยวธิ ีการทดสอบ สังเกต สัมภาษณ์ ตรวจสอบ ประเมินการปฏบิ ตั ิจรงิ และประเมนิ สภาพจริง
คาอธิบายรายวชิ า ทช 21001 เศรษฐกจิ พอเพียง จานวน 1 หน่วยกิต ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั รู้ เข้าใจ ยอมรับ เห็นคุณค่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถประยุกต์ใช้ใน การประกอบอาชีพ และมีภูมคิ ุ้มกันในการดาเนนิ ชีวติ ของตนเอง ครอบครวั และชมุ ชนอย่างมคี วามสุข ที่ หัวเรื่อง ตวั ชี้วดั เนื้อหา จานวน (ช่วั โมง) 1 ความพอเพียง อธิบายความเป็นมา ความหมาย 1.ความเปน็ มา ความหมาย 4 หลกั การของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลักการแนวคิดของปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง 2.การแสวงหาความรู้ 2 ประกอบอาชีพ 1.นาหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ 1.หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจเพยี ง 16 อยา่ งพอเพียง พอเพยี งไปใชใ้ นการจดั การทรัพยากรที่ กบั การจัดการทรัพยากรท่ีมีอยู่ มีอยู่ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน ของตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน 2.กาหนดแนวทางและปฏิบัติตนในการ 2.หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ นาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไป พอเพยี งกับการประกอบอาชีพ ประยกุ ต์ใชใ้ นการประกอบอาชพี 3 การวางแผน 1.วางแผนในการประกอบอาชีพให้ 1.การวางแผนประกอบอาชพี ที่ 10 ประกอบอาชีพ เป็นไปตามปรัชญาของเศรษฐกจิ เป็นไปตามปรัชญาของเศรษฐกิจ แบบพอเพียง พอเพียงตามข้อมลู ท่ีมอี ยู่ พอเพยี ง 2.วางแผนในการเรยี นรู้ ประกอบอาชพี 2. การวางแผนการเรียนรู้ และ โดยการประยกุ ต์หลักปรัชญาของ การทาโครงงานการประกอบ เศรษฐกจิ พอเพียง และจัดทาโครงงาน อาชพี โดยใชก้ ระบวนการ 3 ตามแผนงานทว่ี างไวไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม ห่วง 2 เง่ือนไข
ที่ หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ดั เนื้อหา จานวน (ชว่ั โมง) 4 สร้างเครอื ข่าย ปฏิบัติตนเปน็ แบบอย่างของชมุ ชนใน 1.การสง่ เสรมิ เผยแพร่ ขยาย ดาเนนิ ชวี ิตแบบ การประกอบอาชพี และการดาเนนิ ชีวติ ผลงานการปฏบิ ัติตาม หลัก 10 พอเพยี ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ของบุคคล ชมุ ชน ที่ประสบ ผลสาเร็จ 2.การสร้างเครอื ข่ายการ ประกอบอาชีพและการดาเนิน ชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 3.กระบวนการขบั เคลื่อน เศรษฐกจิ พอเพยี ง
แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชา ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 1. สปั ดาห์ 1 วันท.ี่ ..................เดือน............................พ.ศ........................เวลา............................ 2. วิชา เศรษฐกจิ พอเพียง รหัสวิชา (ทช21001) จานวน 1 หนว่ ยกติ มาตรฐานที่ 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติทดี่ ี เกย่ี วกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและ สามารถประยุกต์ใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิตได้อย่างเหมาะสม มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ่ีมตี ่อการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง 3. หน่วยการเรยี นร/ู้ เรอ่ื ง การวางแผนประกอบอาชพี แบบพอเพยี ง 4. สาระสาคญั 4.1 การประยกุ ต์หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้ในการประกอบอาชีพ 4.2 ความหมาย ความสาคญั ประเภท กระบวนการวางแผน 5. เนอ้ื หา 5.1 การประยกุ ต์หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช้ในการประกอบอาชีพ 5.2 ความหมาย ความสาคัญ ประเภท กระบวนการวางแผน 5.3 การพัฒนาชุมชนด้านสงั คม เศรษฐกจิ สิ่งแวดลอ้ มและวฒั นธรรมตามหลักแนวคดิ ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง 5.3 การวางแผนการเรียนรู้การประกอบอาชีพโดยใช้กระบวรการ 3 หว่ ง 2 เงอื่ นไข 6. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้/ผลการเรียนรูท้ ่คี าดหวงั (ดจู ากผังการออกข้อสอบ) 6.1 อธิบายการประยุกต์หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปใชใ้ นการประกอบอาชพี 6.2 อธบิ ายความหมายของการวางแผนได้ 6.3 อธบิ ายความสาคัญของการวางแผนได้ 6.4 อธิบายของการประเภทของการวางแผนได้ 6.5 อธบิ ายกระบวนการวางแผนได้ 6.6 อธิบายการวางแผนการเรียนรู้การประกอบอาชีพโดยใชก้ ระบวนการ 3 หว่ ง 2 เงอ่ื นไข 7. กระบวนการจดั การเรยี นรแู้ ละกิจกรรมเพิ่มเตมิ ขัน้ ที่ 1 เตรียมความพรอ้ ม - หนงั สอื แบบเรยี นวชิ าเศรษฐกิจพอเพียง - แบบวัดระดบั ความพร้อมด้วยการเรียนรดู้ ้วยตัวเอง - ใบความรเู้ รื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง - ใบงาน - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลงั เรยี น - กระดาษบรู๊ฟ - ส่ือ YouTube เรอ่ื งเก่ยี วกับการประยกุ ต์หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงกบั การประกอบอาชพี ข้ันท่ี 2 อุ่นเครื่อง
- เปิด YouTube เรอื่ งสนั้ ตามรอยพ่อหลวง เพอื่ นาเข้าสู่การเรยี นรู้ - ผูเ้ รยี นสะท้อนความคดิ ท่ไี ด้รับ แลกเปลย่ี นประสบการณ์ นาเสนอโดยสุม่ ผเู้ รยี น 3-5 คน เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี น เรยี นรู้รว่ มกัน - แจ้งวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ - ผ้เู รียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ขน้ั ท่ี 3 เรือ่ งรายบคุ คล - ผเู้ รยี นศกึ ษาความรู้จาก สอ่ื YouTube เกี่ยวกบั บุคคลทป่ี ระสบความสาเรจ็ ในการประกอบอาชีพโดย การนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยุกต์ใช้ - ผเู้ รยี นแลกสรุปความร้จู าก ส่ือ YouTube ร่วมกนั และแลกเปล่ยี นประสบการณ์เกย่ี วกับการนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวันและการประกอบอาชพี ขั้นที่ 4 รวมพลสร้างสรรคผ์ ลงาน - แบง่ กลุ่มผู้เรยี นโดยวิธกี ารนับเลข 1-5 ผู้เรียนท่นี บั เลขเดยี วกนั ใหอ้ ยู่กลมุ่ เดยี วกัน - ผู้เรียนรว่ มกันศกึ ษาใบความรู้และร่วมกันระดมความคิด สนทนา และสรุปผล โดยใช้กระบวนการกลุ่ม ในหวั ข้อ 1. การประยกุ ตห์ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปใชใ้ นการประกอบอาชีพ 2. ความหมาย ความสาคญั ประเภท กระบวนการ ของการวางแผน 3. การวางแผนการเรยี นร้กู ารประกอบอาชีพโดยใช้กระบวนการ 3 หว่ ง 2 เงื่อนไข ขัน้ ที่ 5 สื่อสารวิธี - ผู้เรียนสง่ ตวั แทนของกลุม่ นาเสนอผลงานของกลุ่มทหี่ นา้ ชน้ั เรียน ให้เพือ่ นร่วมกันแสดงความ คดิ เหน็ ครกู ระตนุ้ ให้ผู้เรยี นเกดิ การมีสว่ นร่วมในการซักถาม ข้ันท่ี 6 มากมวี ิชาการ - ครูสรุปหลงั จากการนาเสนอหน้าช้ันเรยี น ให้ผู้เรียนซักถามขอ้ สงสัยและแสดงความคิดเหน็ เพิ่มเติม - ผู้เรียนสรุปเนือ้ หาตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรรู้ ่วมกนั - ครเู ชือ่ มโยงความรู้ที่ได้รบั กับวัตถปุ ระสงค์ของเนอ้ื หาวิชา และนาสาระสาคัญในทางทษษีี วธิ กี าร ปฏบิ ตั ิ หรือขอ้ ความร้ตู า่ ง ๆ มานาเสนอเพ่มิ เติมเพื่อให้นักศกึ ษามีความรู้ที่กว้างขวางมากย่ิงข้ึน ข้ันที่ 7 สืบสานรายคน - ผ้เู รยี นสรุปความคิดรวบยอด หรอื องค์ความรู้ท่ไี ดร้ ับ ในรูปของ Mind Map - แจกใบงานให้ทดสอบความรู้ ความเข้าใจ - ทดสอบหลังเรียน ขัน้ ท่ี 8 สรุปผล กศน. ดา้ นความรู้ - ประเมนิ จากใบงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลงั เรียน ดา้ นทกั ษะ - ประเมนิ จากงานกลุ่ม - สงั เกตจากการนาเสนอหน้าชน้ั เรียน ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยม
- ประเมินจากความรับผดิ ชอบงานที่ไดร้ บั มอบหมาย - ประเมนิ โดยการสังเกตพษตกิ รรมในการร่วมกิจกรรม มอบหมายกิจกรรม ในคร้ังต่อไป โดยให้ผู้เรียน ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจาก Internet เร่ืองหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง (3 ห่วง 2 เงื่อนไข) กับการประกอบอาชีพ โดยจัดทาเป็นรายงาน และศึกษาข้อมูลเก่ียวกับโครงงานเพื่อ เปน็ ความรพู้ ืน้ ฐานในการพบกลุ่มคร้งั ต่อไป ขนั้ ท่ี 9 บันทึกหลังสอน บนั ทึกผลการจดั กิจกรรมในชั้นเรยี น และนาผลการประเมินผเู้ รยี นก่อนและหลงั เรยี น และปญั หาท่ี พบจากการทากิจกรรม มาวเิ คราะห์เพอื่ การพฒั นาผลสมั ษทธิ์ทางการเรียนของผเู้ รียน
ใบความรู้คร้งั ท่ี 1 เรอื่ ง หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง คืออะไร เศรษฐกิจพอเพยี ง (Sufficiency Economy) เป็นปรัชญาทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวทรงมีพระราชดารัส ช้ีแนะแนวทางการดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดรวมถึงการพัฒนาและบริหารประเทศ ที่ต้ังอยู่บน พื้นฐานของ ทางสายกลาง คานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกนั ทีด่ ีในตัว ตลอดจนใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทา หลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพียง หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือการพัฒนาท่ีต้ังอยู่บนพืน้ ฐาน ของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสรา้ งภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทา ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง มีหลกั พิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดงั น้ี 1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาท่ีชี้แนะแนวทางการดารงอยู่ และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็น โดยพ้ืนฐาน มาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบท่ีมีการ เปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลา ม่งุ เนน้ การรอดพ้นจากภัย และวกิ ษตเพ่อื ความม่ันคง และความยัง่ ยืนของการพัฒนา 2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการ ปฏิบตั บิ นทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเปน็ ขัน้ ตอน 3. คานยิ าม ความพอเพียงจะต้องประกอบดว้ ย 3 คณุ ลกั ษณะ พร้อม ๆ กนั ดังน้ี 3.1 ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อ่ืนเชน่ การผลติ และการบริโภคทีอ่ ยู่ในระดับพอประมาณ 3.2 ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเกยี่ วกับระดับของความพอเพยี งน้นั จะตอ้ งเปน็ ไป อยา่ งมีเหตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจัยที่เก่ียวขอ้ ง ตลอดจนคานึงถึงผลทคี่ าดวา่ จะเกิดข้ึนจากการกระทานนั้ ๆ อยา่ งรอบคอบ 3.3 การมภี ูมคิ ้มุ กันท่ีดใี นตัว หมายถึง การเตรยี มตัวให้พรอ้ มรบั ผลกระทบและการ เปลีย่ นแปลงดา้ นต่างๆที่จะเกิดขึ้น โดยคานงึ ถงึ ความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆ ท่คี าดว่าจะเกดิ ข้ึนในอนาคตทง้ั ใกล้และไกล 4. เง่ือนไข การตัดสนิ ใจและการดาเนนิ กิจกรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยู่ในระดบั พอเพยี งน้ัน ตอ้ งอาศยั ทั้งความรู้ และ คุณธรรมเปน็ พืน้ ฐาน 4.1 เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เก่ียวข้องอย่างรอบด้านความ รอบคอบ ท่ีจะนาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้น ปฏิบตั ิ 4.2 เง่ือนไขคุณธรรม ท่ีจะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสัตย์ สจุ รติ และมคี วามอดทน มีความเพียรใช้สตปิ ัญญาในการดาเนนิ ชวี ติ
5. แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การ พัฒนาท่ีสมดุลและยั่งยืนพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม ความรู้และ เทคโนโลยี การน้อมนาแนว\"ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง\"มาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตและการงาน ทา่ นเป็นคนไทยที่โชคดีที่สดุ ในโลกนแี้ ล้ว เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ทกุ พระองค์ท่ีท่านรกั ประชาชนของท่าน โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน พระองค์ท่านต้องทางานมาตลอดเพ่ือให้เกิดความอยู่เย็นเป็นสุขของราษีร ของท่าน ผมได้รับการศึกษามามากพอสมควร มีโอกาสใรการเรียนรู้ต่างๆมากกว่าคนอ่ืนๆในเร่ืองที่พระองค์ท่าน ได้ พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ที่เรารับรู้ได้อย่างชัดเจนก็คือเร่ืองของ\"ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง\" และผมก็เป็น หนึ่งของคนไทยมากกว่า 60 ล้านคน ท่ีได้เรียนรู้ทษษีีนี้ เรารู้อย่างเดียวนั้นจะไม่สามารถทาให้เกิดประโยชนย?ต่อ ตนเองและประเทศชาติเลย เราต้องน้อมนาแนว\"ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง\"มาประยุกต์ใช้ในชีวิตและการงานของ ตนเองให้มากที่สุด ก่อนอ่ืนผมอยากนาบทความต่างๆที่เป็นความรู้มาแบ่งปนั ให้คนไทยได้อ่าน จะได้มคี วามเข้าใจมาก ขนึ้ \"..ผมคิดว่าปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ไม่ใช่สิ่งที่พระราชทานมา และบอกให้เราปดิ บา้ นตวั เองนะ อยา่ ไปคบกบั ใคร ไมใ่ ช่บอกให้เราบอกว่า จนไวด้ ี อยา่ ไปรวย ไม่ใช่ แต่ผมคดิ วา่ พนื้ ฐานจรงิ ๆ แลว้ ก็คือ ตอ้ งมคี ุณธรรม มีความซ่ือสตั ย์ สุจรติ ต้องอดทน ต้องขยันหมั่นเพยี ร และอนั สุดทา้ ย ตอ้ งมีวชิ าการ วิชาความรทู้ ั้งทางโลกและทางธรรม..” นน่ั เป็นการกล่าวทงิ้ ทา้ ยของน.พ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรใี นการแสดงปาฐกถาพเิ ศษ ในพิธเี ปิด ‘ชมรมเศรษฐธรรม’ ของสถาบนั ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เมื่อวนั ที่ 12 มกราคม 2549 ณ วังเทวเวสม์ ธนาคารแหง่ ประเทศ ไทย ในปาฐกถาครง้ั น้ัน องคมนตรีทา่ นน้กี ไ็ ด้กล่าวในตอนตน้ ว่า ยงั มคี นที่ไม่เข้าใจความหมายท่แี ทจ้ ริงของปรัชญา เศรษฐกิจพอเพยี ง ซึ่งควรทาความเขา้ ใจให้ถกู ตอ้ ง “หลายคนหาวา่ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เมื่ออา่ นปบ๊ั ...ไม่อยากให้คนรวย อยากใหค้ นจนไปเร่อื ยๆ ซ่ึงไม่ใช่ เลย หรือเข้าใจวา่ เหมาะสาหรับชาวไร่ ชาวนา เท่านัน้ ซ่ึงก็ไมใ่ ชอ่ กี เหมือน กนั ” น.พ.เกษม กลา่ วยา้ จะเหน็ ได้วา่ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง สามารถนามาเป็น หลกั เปน็ แนวทางสาหรบั การดาเนินชวี ติ ของคนทุกระดบั ชัน้ และการ บรหิ ารองค์กรท้ังภาครฐั และเอกชนทุก ระดบั ทุกขนาด
นัน่ คอื ใชก้ บั คนในสังคม และวงการธรุ กจิ แม้ไมใ่ ช่คน ร่ารวยก็สามารถดาเนนิ ชีวติ ดว้ ย‘ทางสายกลาง’ ทมี่ ี ความมั่นคงได้ หรือเปน็ ผมู้ ัง่ คั่ง กร็ ่ารวยอย่างมีสติ รวยอย่างมคี ณุ ค่า มปี ระโยชนส์ าหรับสังคม และประเทศชาติ 3 หว่ ง 2 เงื่อนไข เพราะหลักการของ ‘ความพอเพียง’ ที่ยดึ หลัก พอประมาณมเี หตผุ ล และมีภมู ิค้มุ กันความไม่แน่นอน 3 หลักทว่ี า่ น้ี เสมอื นห่วงสัญลกั ษณ์ ทเ่ี ราเคยเหน็ ในกีฬาโอลิมปกิ 3 หว่ งทีต่ อ้ งสอดคล้องกันไป ขณะเดียวกนั การขบั เคล่ือนของ 3 หว่ งดังกลา่ ว กม็ ีเงื่อนไขความรู้ (คือ รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง) และ เงือ่ นไขคุณธรรม (คือ ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน แบง่ ปัน) เม่ือเปน็ ดังนี้ได้ก็จะนาไปส่กู ารมีชวี ติ เศรษฐกจิ และสังคม ท่สี มดุล ม่ันคง และยัง่ ยืน เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นปรัชญาทย่ี ดึ หลักทางสายกลาง ทชี่ ้แี นวทางการดารงอยู่และปฏิบตั ิของประชาชนในทุก ระดับให้ดาเนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพียง และมีความพร้อมที่จะจัดการต่อผลกระทบจากการเปล่ียนแปลง ซ่ึงจะต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง ในการวางแผนและดาเนินการทุกข้ันตอน ท้ังน้ี เศรษฐกิจ พอเพียงเป็นการดาเนินชีวิตอย่างสมดุลและย่ังยืน เพื่อให้สามารถอยู่ได้แม้ในโลกเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาท่ียึด หลักทางสายกลาง ทีช่ ี้แนวทางการดารงอยู่และปฏิบตั ิของประชาชนในทุกระดบั ให้ดาเนนิ ไปในทางสายกลาง มีความ พอเพียง และมีความพรอ้ มที่จะจัดการต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ซ่ึงจะต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวัง ในการวางแผนและดาเนินการทุกขั้นตอน ท้ังนี้ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นการดาเนินชีวิตอย่างสมดุลและ ยั่งยืน เพื่อใหส้ ามารถอยู่ได้แมใ้ นโลกโลกาภวิ ตั น์ที่มีการแข่งขนั สูงที่มีการแข่งขันสงู ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง อธบิ ายถงึ การพัฒนา ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง ว่า เปน็ การพัฒนาทต่ี ้ังอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมเี หตุผล และการสรา้ งภมู คิ ุ้มกนั ทด่ี ใี นตวั ตลอดจนการใช้ความรู้ ความรอบคอบละคณุ ธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทาตา่ งๆ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ท่ีไม่มากและไมน่ ้อย จนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผูอ้ น่ื เช่น การผลติ และการบรโิ ภคทพ่ี อประมาณ ความมีเหตผุ ล หมายถึง การใช้ หลกั เหตผุ ลในการตัดสนิ ใจเรื่องตา่ งๆ โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจัยทเ่ี กี่ยวข้อง ตลอดจนผลท่คี าดว่าจะเกิดข้ึนอย่าง รอบคอบ การมีภมู ิคุ้มกนั ท่ดี ี หมายถึง การเตรยี มตวั ให้พร้อมรบั ต่อผลกระทบทเี่ กิดขึน้ จากการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ปจั จยั เหลา่ นี้จะเกิดขึ้นไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศัยความรู้ และคณุ ธรรม เป็นเงอ่ื นไขพืน้ ฐาน กลา่ วคือ เงื่อนไข ความรู้ หมายถงึ ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวงั ในการดาเนินชีวติ และการประกอบการงาน ส่วน
เงอ่ื นไขคณุ ธรรม คือ การยดึ ถือคุณธรรมตา่ งๆ อาทิ ความซอื่ สัตยส์ จุ รติ ความอดทน ความเพยี ร การม่งุ ต่อประโยชน์ สว่ นรวมและการแบง่ ปนั ฯลฯ ตลอดเวลาทปี่ ระยุกต์ใชป้ รัชญ อภิชัย พันธเสน ผู้อานวยการสถาบันการจัดการเพื่อชนบทและสังคม ได้จัดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็น \"ขอ้ เสนอในการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวทางของพุทธธรรมอย่างแท้จริง\" ทั้งน้ีเน่ืองจากในพระราชดารัส หนึ่ง ได้ให้คาอธิบายถึง เศรษฐกิจพอเพียง ว่า \"คือความพอประมาณ ซ่ือตรง ไม่โลภมาก และต้องไม่เบียดเบียนผู้อ่ืน ได้จัดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็น \"ข้อเสนอในการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวทางของพุทธธรรมอย่าง แท้จริง\" ท้ังนี้เนื่องจากในพระราชดารัสหน่ึง ได้ให้คาอธิบายถึง เศรษฐกิจพอเพียง ว่า \"คือความพอประมาณ ซ่ือตรง ไมโ่ ลภมาก และตอ้ งไม่เบียดเบยี นผ้อู น่ื ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน และใช้จ่ายเงินให้ได้มาอย่าง พอเพียงและประหยดั ตามกาลังของเงินของบคุ คลน้ัน โดยปราศจากการกู้หนี้ยืมสนิ และถ้ามเี งนิ เหลือ ก็แบ่งเก็บออม ไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน และอาจจะใช้จ่ายมาเพ่ือปัจจัยเสริมอีกบางส่วน สาเหตุท่ีแนวทางการดารงชีวิต อย่างพอเพียง ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในขณะน้ี เพราะสภาพการดารงชีวิตของสังคมทุนนิยมในปัจจุบันได้ถูก ปลูกฝัง สรา้ ง หรือกระตุ้น ให้เกิดการใชจ้ ่ายอย่างเกินตัว ในเรอ่ื งท่ไี มเ่ กีย่ วขอ้ งหรือเกินกว่าปจั จัยในการดารงชวี ติ เช่น การบริโภคเกนิ ตัว ความบนั เทงิ หลากหลายรปู แบบ ความสวยความงาม การแต่งตวั ตามแฟชนั่ การพนันหรือเสี่ยงโชค เป็นต้น จนทาให้ไม่มีเงินเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่าน้ัน ส่งผลให้เกิดการกู้หน้ียืมสิน เกิดเป็นวัฏจักรท่ี บุคคลหนึ่งไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เปล่ียนแนวทางในการดารงชีวิตซึ่ง ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ได้กล่าวว่า \"หลาย ๆ คนกลับมาใชช้ ีวิตอย่างคนจน ซ่ึงเป็นการปรับตัวเขา้ สู่คุณภาพ\"และ \"การลงมือทาด้วยความมีเหตุมีผล เป็น คณุ คา่ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง\" เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ช้ีแนวทางการดารงชีวิต ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดารัสแก่ ชาวไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ และถูกพูดถึงอย่างชัดเจนในวันท่ี ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เพ่ือเป็นแนวทางแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้สามารถดารงอยู่ได้อย่างมั่นคงและย่ังยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความ เปล่ียนแปลงตา่ งๆ ประกอบไปดว้ ย ๓ หลกั การ คอื ๑. ความพอประมาณ คือ หมายถึง ความพอดี ทไ่ี ม่มากและไมน่ ้อยจนเกนิ ไป ไมเ่ บยี ดเบยี นตนเองและผู้อื่น ๒. ความมีเหตผุ ล คือ การใชห้ ลกั เหตผุ ลในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยพจิ ารณาจากเหตุปจั จยั ท่เี ก่ยี วข้อง ตลอดจนผลทีค่ าดว่าจะเกดิ ข้นึ อยา่ งรอบคอบ ๓. การมีภมู ิคมุ้ กันท่ีดี หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับต่อผลกระทบท่ีเกิดขึน้ จากการเปล่ยี นแปลงรอบตัว ปจั จยั เหล่าน้จี ะเกดิ ข้ึนไดน้ ัน้ จะต้องอาศัยเง่อื นไขความรู้ หมายถึง ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวงั ในการดาเนนิ ชีวิต และ เงื่อนไขคณุ ธรรม คือ การยดึ ถือคุณธรรมต่างๆ เช่น ความซอื่ สตั ย์สจุ รติ ความอดทน ความ เพยี ร จุดเร่มิ ต้นของแนวคิดปรัชญาความพอเพยี ง มาจากหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั หรือ “หลักการทรงงาน ๒๓ ขอ้ ” ซง่ึ พระองคไ์ ด้ยึดถือเปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั ิงานเสมอมา และได้ทรงพระราชทานเป็น แนวทางใหก้ บั พสกนิกร อาทิ “ศกึ ษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ” โดยศึกษารายละเอยี ดครบถว้ นอยา่ งเป็นระบบ ทง้ั จาก เอกสารและสอบถามผรู้ ู้, “ทาตามลาดบั ขน้ั ” โดยเริม่ ต้นทางานจากสิง่ ทจ่ี าเปน็ ทส่ี ุดก่อน โดยเรือ่ งความพอเพียงนนั้ ปรากฏอยู่ใน ๓ หลกั การ คอื ๑. การพง่ึ ตนเอง คอื การอยู่ในสังคมได้ตามสภาพแวดลอ้ มและสามารถพึง่ ตนเองได้ ๒. พออยู่พอกิน คือ การมีชวี ิตอยู่ในขน้ั ของความพอดี
๓. เศรษฐกิจพอเพยี ง คือ การดาเนนิ ไปในทางสายกลาง ดว้ ยความพอประมาณและความมเี หตผุ ล ซึง่ อาจจดจางา่ ยๆ ในช่อื ๓ พ. คือ “พ่งึ ตนเอง” “พออยพู่ อกิน” “พอเพียง” ๓ หลักการส้ันๆ ง่ายๆ แห่งความพอเพียง ซึ่งเพียงพอท่ีจะนาไปใช้เป็นแนวทางในการดาเนินชีวิต ท่ีไม่ได้มี เพียงเรื่องของหลักการด้านงานเกษตร อาทิ การทาไร่นาสวนผสม หรือการพัฒนาชุมชนเพียงเท่าน้ัน แต่หลักการ ๓ พ. ยังเป็นแนวทางที่นาไปปรับใช้ในชวี ิตประจาวันได้ทุกเรอื่ ง และเข้าถึงผู้คนทุกกลุ่ม ซ่ึงการใช้ชีวิตด้วยการพ่ึงตนเอง พออยู่พอกิน และพอเพียง ตามรอยที่พ่อนาทางไว้ ทาให้ผู้ที่ปฏิบัติตามได้พบกับความสุขท่ีแท้จริง และไม่หวาดหวั่น กับการเปล่ยี นแปลงของสงั คมโลก เพราะเม่ือเข้าใจถึงแก่นแทข้ องคาว่าพอแล้ว ไม่ว่าโลกจะโลกาภวิ ัตน์ไปมากเพียงใด กไ็ มไ่ ดท้ าให้ความมัน่ คงผาสุก ลดน้อยลง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการทางาน การทางานในสภาพปัจจุบันต้องแข่งขันกันท้ังด้านคุณภาพและเวลา การทางานจริงจึงไม่มีเวลาที่จะลองผิด ลองถูกในการทางาน เพราะกาไรจึงเป็นของผู้ลงมือก่อน เราจึงต้องเปลี่ยนแปลง ต้องจัดสรรเวลาให้รวดเร็ว ในวัน หน่ึง ๆ เราใช้เวลาในการทางาน 8 ช่ัวโมง นอนหลับ 8 ชั่วโมง อื่น ๆ 8 ชั่วโมง ในเวลา 1 วัน มี 24 ช่ัวโมง หาก ทบทวนดู เราใช้เวลาให้มีคุณภาพในแต่ละวินาทีอย่างไร หายใจท้ิง คอรับช่ันเวลาไปเท่าไร เราเคยคิดหรือไม่ว่า เรา ทางาน เราทุ่มเทให้หนว่ ยงานองค์กรเท่าไร เราขโมยเวลาในการทางานใหห้ นว่ ยงานไปเท่าไรหรือเราคดิ วนเวียนว่า เรา จบจากไหน ได้เงนิ เดือนเทา่ ไร มตี าแหน่งบรหิ ารหรือไม่ ได้สองข้นั หรือไม่ ใครไดด้ ีเกนิ เรา แล้วกม็ ัวแตน่ ง่ั หายใจทิง้ ไป เฉย ๆ โดย ไมล่ งมอื ทาอะไรเลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ได้พระราชทานหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้เป็นวิถชี ีวิตที่สามารถใช้ได้กบั ทุก คน ทุกอาชีพ เพื่อให้ดารงตนและปฏิบัติตนให้สมดุล ท้ังชีวิตส่วนตัว ครอบครัว การทางาน ให้สอดคล้องกับความ เปลี่ยนแปลง ด้านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรม หลักเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เศรษฐกิจ แต่เป็นการใช้ชีวิต อย่างพอเพียง เช่น เป็นผู้บริหารที่พอเพียง การพูด การคิดต้องพอเพียง อย่าให้ความคิดกระจาย ซ่ึงเราสามารถ นาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการทางานไดง้ า่ ย ๆ ดงั นี้ ความพอประมาณ ไดแ้ ก่ เรียบงา่ ย ประหยดั การทาอะไรที่พอเหมาะพอควร สมดลุ กับอตั ภาพ ศกั ยภาพ ของตนและสภาวะแวดล้อม ตามความสามารถของแต่ละคน พอประมาณกบั ภมู สิ ังคม สิ่งแวดล้อม สถานการณ์ การ ทางานทุกอยา่ งตอ้ งเรียบง่าย ประหยดั อยา่ ทางานใหย้ ุ่ง ทาใหง้ า่ ยต่อการเขา้ ใจ มีกาหนดการทางานตามลาดับ ข้ันตอน และมีการปฏบิ ัตชิ ดั เจน เชน่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา ตอ้ งร้วู า่ นกั ศึกษาต้องการอะไร ผูใ้ ชบ้ ัณฑติ ต้องการอะไร เพราะทกุ กิจกรรม ทุกงานที่ทามตี ้นทนุ อยา่ ทางานท้ิงๆ ขว้าง ๆ การทางานต้องมปี ระโยชน์ มี ผลผลิตทเี่ กดิ ข้ึน ความมีเหตุผล คือ การคิด ฟัง ปฏบิ ตั ิ การทางานต้องใช้หลักความรู้ในการทางาน วางแผนงานต้อง ระมัดระวงั ต้องใช้หลกั วชิ าการชว่ ยสนับสนุน อยา่ ใชค้ วามรสู้ กึ และอารมณใ์ นการทางาน ทกุ คนมศี ักยภาพในการ ทางาน การพัฒนาตัวเองต้องเกดิ ข้นึ จากภายในตัวเองของแต่ละคน จึงต้องแสดงศกั ยภาพออกมาให้ได้
มรี ะบบภูมคิ ้มุ กนั ในตวั ที่ดี คือ ตอ้ งมแี ผนกลยุทธ์ เช่น เปน็ อาจารยต์ อ้ งมแี ผนการสอน องค์กรต้องมแี ผนกล ยทุ ธ์ เป็นต้น การทางานต้องให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ ตอ้ งมองภาพรวม ทกุ คนมีสว่ นร่วม คอื การประสานงาน และ การบรู ณาการปรบั วธิ กี ารทางาน หนว่ ยงานองค์กรต้องมีธรรมาภิบาลเพอื่ เป็นการสรา้ งภูมิคุน้ กนั ภายในตัว ชีวิตท่ีพอเพียงในการทางานการศึกษา จึงต้องยึดความพอเพียง ประกอบด้วย ความมีเหตุผล ความ พอประมาณ และระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาการเรียนรู้ มีกระบวนการพัฒนาที่ยึด คุณธรรม ความเพียร ความรอบรู้ ความซือ่ สัตยส์ ุจริตให้เข้าสู่จิตใต้สานกึ ของผู้เรียน บคุ ลากร และต้องมีธรรมาภิบาล ในองค์กร การทางานกับมนุษย์ต้องใช้หลักการ หลักวิชาการให้สอดคล้องกับภูมิสังคม คือภูมิประเทศและ สงิ่ แวดล้อม ต้องปรบั กระบวนการทางานจากบนลงล่าง เป็นล่างข้ึนบน เป็นผู้เป็นหุ้นส่วนระหวา่ งผู้สอน ผู้เรียนและ สาระการเรียนรู้ โดยมีเป้าหมายของการศึกษาคือ คุณภาพชีวิตและสังคม เพ่ือลดความยากจน เป็นเครื่องมือดูแล สุขภาพ เปน็ เคร่อื งมอื พฒั นาประชาธิปไตย และเป็นเครอื่ งมอื สาหรบั ธรรมาภบิ าลหรอื ความโปร่งใสของสังคม การเปน็ ผ้นู ายคุ ใหม่นี้ ตอ้ งมคี วามสามารถในการชนี้ า การส่ือสาร และสร้างการเรียนรู้เพ่ือลดช่องว่างระหว่าง ผนู้ าผูต้ าม รวมทง้ั สามารถทาให้ผรู้ ว่ มงานสามารถตามทันวิสยั ทัศน์ผนู้ าได้ การบรหิ ารจัดการจงึ ตอ้ งคานงึ ถงึ ผมู้ สี ว่ นได้ ส่วนเสีย ไดร้ บั การยอมรับจากเพื่อนรว่ มงานในองคก์ รเพือ่ ขบั เคล่ือนการทางานให้ไปสู่ความสาเรจ็ คือคุณภาพตาม ความตอ้ งการของผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย องค์กรจึงต้องวางระบบใหก้ ิจกรรมตา่ ง ๆ มคี วามสัมพนั ธ์กนั เพื่อใหบ้ รรลุ วตั ถุประสงค์ทก่ี าหนดไว แนวทางในการวางแผนประกอบอาชีพมเี กณฑ์และแนวทางดงั น้ี 1. ตอ้ งรู้จักข้อมลู ตนเองวา่ มีความชอบความถนัด ความสามารถด้านใด 2. ต้องศกึ ษารายละเอียดของอาชีพท่เี ลือก 3. พจิ ารณาองค์ประกอบอน่ื ทเ่ี กี่ยวข้องเช่น ทาเลทต่ี ั้ง การผลติ การจาหน่าย การบริการ สภาพแวดลอ้ ม เพื่อนร่วมงาน เงินทุน และแหล่งเงินทนุ เพ่ือใช้ในการวางแผนการทางานเพอื่ ใหไ้ ด้ทางเลือกที่ดที ่สี ดุ มีความเหมาะสม กับตนเอง การวางแผนการประกอบอาชพี ที่เป็นไปตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ตัวอยา่ งการวางแผนทาการเกษตรผสมผสาน เน้นการมีอยู่มีกินก่อนขายเป็นรายได้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทาอะไร(งานท่ีต้องทา) ทาทาไม(ทราบ จุดมุ่งหมาย)ทาท่ีไหน (สถานท่ีจัด) ทาเม่ือไหร่(กาหนดเวลาเร่ิมต้นและส้ินสุด)ทาอย่างไร(วิธีการท่ีจะทา) ใครเป็นผู้ทา (ผู้รับผิดชอบ)และทารว่ มกับใคร(ผรู้ ว่ มทางาน)เพ่อื ใหว้ ัตถปุ ระสงค์ ความพอประมาณ ทาอะไรปลูกพืชผสมผสานตามเกษตรทษษฏีใหม่แทนการปลกู ยางพาราอย่างเดียว ปลกู ผักพ้ืนบ้าน ไมผ้ ลทุก อยา่ ง ปลูกป่ายางนา ประดู่ และเลีย้ งสตั ว์ พืชผกั ขง่ิ ข่า ตระไคร้ พรกิ จนถงึ ไม้ผลมะมว่ ง มะขาม ละมดุ อย่างละ 20 ตน้ 10 ต้น 5 ต้น และปลูกสวนปา่ รักษาสิ่งแวดล้อม บนพื้นท่ี 10 ไร่ พื้นที่เหมาะสม มีทุน มีความรู้ มีทุน มแี รงงาน รูช้ ว่ งเวลาดาเนินการเมอ่ื ไหร่ กาหนดเวลาได้ ความมเี หตผุ ล
ทาไมการปลูกพืชหลายชนิดที่ตลาดต้องการไม่ต้องเสียเงินซ้ือจากตลาดทุกอย่างมีกิน มีใช้ เหลือขายได้ เช่น ผักสวนครัว ผลไม้ ใช้ปุ๋ยธรรมชาติ มีเงินออม มีผลตอบแทนคุ้มทุน ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เห็นช่องทางในการ ประกอบอาชีพ (หนงั สอื เรียนวิชาเศรษฐกจิ พอเพียง ม.ต้นบริษทั ไผ่มดิ เี ดยี ) การมภี ูมิคุ้มกันในตวั ทด่ี ี ใครทา ผู้ตดั สินใจเลือกอาชีพและครอบครวั มีความมุ่งม่ัน ขยนั และอดทนทา่ มกลาง ความไม่เช่ือม่ันของคนอื่น มีงาน มีเงิน มีอาชีพ มีความม่ันคงในชีวิตใช้แรงงานในครอบครัว ครอบครัวอบอุ่น จาก คณุ ลักษณะ ทงั้ 3 ประการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จะตอ้ งมเี งอ่ื นไข 2 ประการ เงือ่ นไขความรู้ ทาอย่างไร ผตู้ ัดสินใจเร่ืองอาชีพร้วู ิธีวางแผนในการประกอบอาชีพ มีความรู้ในการปลูกพืช สร้างความสมดุล ของพืชแต่ละชนดิ รู้ความต้องการของตลาด ทาบัญชีรับ จ่าย วิเคราะหค์ วามต้องการของตลาดที่ขยายผลผลติ ของตน ได้ เง่อื นไขคุณภาพและคุณธรรม ทาอยา่ งไรมีความซื่อสตั ย์ สจุ ริต ไมผ่ ดิ กีหมาย และไมขดั ศลี ธรรม ไมท่ าลายสงิ่ แวดล้อม มีจรรยาบรรณใน การประกอบอาชีพ ใบความรู้คร้ังท่ี 1 เร่อื ง หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
ใบงานครง้ั ที่ 1 เรื่อง การประกอบอาชพี อยางพอเพียง ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ชื่อ......................................................................... รหสั นกั ศึกษา .................................................... ให้นกั ศึกษาคน้ ควา้ จากแหล่งการเรยี นร้ตู ่าง ๆ ในเรื่อง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับการประกอบ อาชพี และการประยกุ ต์ใช้ และตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งกับการประกอบอาชีพ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ผู้เรียนสามารถนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพได้อยา่ งไร ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 3. การวางแผนมคี วามสาคญั อย่างไร ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 4. กระบวนการวางแผนมีอะไรบ้าง ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................
แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน วิชาเศรษฐกิจพอเพยี ง ( ทช 21001) 1. ขอ้ ใดกลา่ วถึงความในข้อใดไม่เกี่ยวกบั ความหมาย 6. ขอ้ ใดเป็นขัน้ ตอนแรกของกระบวนการวางแผน ของคาวา่ “พอเพียง” ก. การกาหนดผลลัพธ์ของแผน ก. พอมี ข. พอกนิ ข. การกาหนดกิจกรรมของแผน ค. พอใช้ ง. พอขาย ค. การกาหนดขอบเขตของแผน 2. การนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ง. การกาหนดเปา้ หมายของแผน ไปปฏบิ ตั ใิ หเ้ กิดผลสาเร็จ ผู้ปฏิบตั จิ ะตอ้ งมีจิตสานึกข้อ 7. เงอื่ นไขสาคัญเพ่ือให้เกิดความพอเพียงตามหลกั ใดกอ่ นเป็นอนั ดับแรก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงตรงกับข้อใด ก. ความเอ้ืออาทรต่อผูอ้ ่ืน ก. เงื่อนไขคุณธรรม ข. การพงึ่ พาตนเองเปน็ หลกั ข. เงือ่ นไขหลักวชิ าการ ค. การร่วมมือกับหน่วยราชการทเ่ี กี่ยวข้อง ค. เง่อื นไขความประพษติ ง. ความรอบรูเ้ ท่าทันการเปล่ยี นแปลงของโลก ง. เง่ือนไขชีวิตเปน็ พืน้ ฐาน 3. ข้อใดคือเง่ือนไขความรูต้ ามหลักปรชั ญาของ 8. การพฒั นาประเทศในขอ้ ใดเปน็ การเรมิ่ ตน้ เศรษฐกิจพอเพียง ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ก. รอบรู้ ขยัน อดทน ก. การให้การศึกษา ข. ซ่อื สตั ย์ สจุ ริต ขยัน ข. การสอนให้ประหยดั ค. ขยัน อดทน แบ่งปนั ค. การส่งเสรมิ ใหท้ นุ ผยู้ ากจน ง. รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ง. การสรา้ งพ้นื ฐานการมีกินมใี ช้ 4. เศรษฐกจิ มีความสาคัญกับขอ้ ใดมากทีส่ ดุ 9. การวางแผนการประกอบอาชีพตามหลกั ปรัชญา ก. การพฒั นาสงั คม ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ข้อใดสาคญั ทีส่ ดุ ข. การพฒั นาตนเอง ก. การขยายทรัพยากรในวงกว้าง ค. การพัฒนาชุมชน ข. การผลิตและการบรโิ ภคเพื่อจาหน่าย ง. การพัฒนาประเทศและสงั คม ค. การวางแผนตอ้ งเรมิ่ จากตนเองมั่นคงก่อน 5. ความสาคัญของการวางแผนมีประโยชน์ ง. ความสอดคล้องกบั ธรรมชาติ คนและ หลายเร่อื งดว้ ยกนั ขอ้ ใดถูกต้อง สง่ิ แวดลอ้ ม ทสี่ ดุ 10. การวางแผนระยะส้ัน เหมาะสาหรับการประกอบ ก. การวางแผนทาให้การปฏิบตั งิ านตา่ งๆ อาชีพใดมากทสี่ ดุ ข. การวางแผนเปน็ ศนู ยก์ ลางประสานงาน ก. ปลกู ผลไม้ ค. การวางแผนเป็นเคร่อื งมือในการควบคุมงาน ข. เล้ียงโคนม ง. การวางแผนเป็นเครือ่ งช่วยให้มกี ารตัดสินใจ ค. การปลูกพืชผกั สวนครวั อยา่ งมีหลกั เกณฑ์ ง. ทาสวนไม้ดอก ไม้ประดับ
แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลังเรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น วชิ าเศรษฐกิจพอเพียง ( ทช 21001) ขอ้ 1. ง ขอ้ 2. ข ขอ้ 3. ง ขอ้ 4. ง ขอ้ 5. ข ข้อ 6. ง ข้อ 7. ข ข้อ 8. ง ข้อ 9. ง ขอ้ 10. ค
บบสรปุ ผลการทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรยี น วิชา........................................ รหสั วชิ า.............................เร่อื ง........................................................... ระดบั ......................................................... กศน.ตาบล................................................ ที่ รหัสประจาตัว ช่ือ -สกลุ คะแนน คะแนน สรุปผล หมายเหตุ นักศกึ ษา Pre-Test Post-Test ผ. มผ. รวม ** หมายเหตุ ผ.=ผ่าน มผ.=ไมผ่ ่าน **
บนั ทึกหลังกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ กศน.ตำบลเกำะชำ้ ง อำเภอเกำะช้ำง จงั หวดั ตรำด สปั ดำห์ที.่ .............................วนั ......................เดอื น..........................พ.ศ............................ ระดับมัธยมศกึ ษำตอนต้น สำระวิชำพน้ื ฐำน วิชำ เศรษฐกิจพอเพียง รหัสวชิ ำ ทช 21001 เน้ือหำ/สำระทส่ี อน ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... กจิ กรรมกำรเรียนกำรสอน .......................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................. ......................................... ........................................................................................................................................................... ........... ........................................................................................................... ........................................................... ปญั หำ/อุปสรรค กำรเรียนกำรสอน ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... วิธีกำรแก้ปญั หำ ........................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................... ................................................ ลงชือ่ ..............................................ครูผู้สอน (................................................) ควำมคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหำร ............................................................................................................................. ......................................... .............................................................................................................................. ........................................ ลงชอื่ ..............................................ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา (................................................)
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาเศรษฐกิจพอเพยี ง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 25๖๒ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 1. สปั ดาห์ 2 วนั ท.่ี ..................เดือน.....................พ.ศ........................เวลา.............. 2. วิชา เศรษฐกิจพอเพยี ง รหัสวิชา (ทช21001) จานวน 1 หนว่ ยกติ มาตรฐานที่ 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคตทิ ี่ดี เก่ียวกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ สามารถประยุกต์ใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ได้อย่างเหมาะสม มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติท่ีมตี ่อการ เรียนรู้ดว้ ยตนเอง 3. หน่วยการเรยี นรู้/เรอื่ ง การทาโครงงาน 4. สาระสาคัญ การประยุกตป์ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาวางแผนจัดทาโครงงาน 5. เนอื้ หา 5.1 หลักการจดั ทาโครงงาน 5.2 การประยกุ ตป์ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาวางแผนจดั ทาโครงงาน 6. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้/ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวงั (ดูจากผังการออกขอ้ สอบ) 6.1 อธิบายหลักการจัดทาโครงงานได้ 6.2 อธิบายการประยุกตป์ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาวางแผนจดั ทาโครงงาน 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้และกจิ กรรมเพิ่มเตมิ ขั้นท่ี 1 เตรียมความพร้อม - ใบความรเู้ รอื่ งการประยุกตป์ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับการทาโครงงาน - ใบความรเู้ ร่อื งการทาโครงงาน - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลงั เรยี น - กระดาษบรู๊ฟ - ปากกาเมจิก - ตวั อย่างการเขียนเค้าโครงงาน ขนั้ ที่ 2 อุ่นเคร่ือง - ครทู กั ทาย พูดคยุ กับผเู้ รยี นถึงเร่อื งของอาชพี ต่าง ๆ ในชุมชน และการประกอบอาชพี ของผู้เรยี น แลกเปล่ียนประสบการณ์เกย่ี วกับอาชีพที่ตนสนใจ โดยสมุ่ ให้ผูเ้ รียนนาเสนอ 5-7 คน ครูกระต้นุ ให้ ผู้เรียนรว่ มซกั ถามและแสดงความคดิ เหน็ - บอกวตั ถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ - ให้นกั ศกึ ษาทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ขั้นท่ี 3 เรื่องรายบคุ คล - ผูเ้ รียนศกึ ษาความรู้นาเสนออาชีพที่ตนเองมคี วามสนใจและมคี วามเหมาะกบั ตนเองรว่ มกับเพือ่ นในชัน้ เรียน
ขั้นท่ี 4 รวมพลสร้างสรรค์ผลงาน - แบ่งกลมุ่ ผู้เรียนตามอาชีพทผ่ี เู้ รยี นสนใจ(ถา้ ผู้เรียนสนใจอาชีพเดียวกันหลายคน ให้แบ่งกลุ่มย่อยเพ่มิ ) ร่วมกนั ระดมความคิด สนทนาและสรุปผล เพ่อื เขียนเค้าโครงงานท่ีกลุ่มสนใจ โดยการประยกุ ตป์ รชั ญา ของเศรษฐกิจ พอเพยี งมาวางแผนจดั ทาโครงงาน (ศกึ ษาจากใบความรู้เร่ืองหลกั การทาโครงงาน / ตวั อย่างการเขียน เคา้ โครงงาน) ข้ันท่ี 5 สือ่ สารวิธี - ผู้เรยี นสง่ ตวั แทนของกลมุ่ นาเสนอผลงานของกลมุ่ ทีห่ น้าชน้ั เรียน ใหเ้ พือ่ นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ ครเู ปน็ ท่ีปรึกษาและให้คาแนะนา ขัน้ ที่ 6 มากมวี ิชาการ - ครูสรปุ องค์ความรหู้ ลังจากท่ีตวั แทนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงาน พจิ ารณาความเปน็ ไปได้ของ โครงงานร่วมกบั ผู้เรยี น - ผ้เู รยี นสรุปเน้ือหาตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้รู ่วมกัน - ครเู ชอื่ มโยงความรู้ท่ีไดร้ บั กับวตั ถุประสงค์ของเน้อื หาวิชา และนาสาระสาคญั ในทางทษษีี วิธกี าร ปฏบิ ตั ิ หรือข้อความรูต้ ่าง ๆ มานาเสนอเพิม่ เติมเพ่ือให้นักศกึ ษามีความรู้ทก่ี ว้างขวางมากยิง่ ขึน้ ขัน้ ท่ี 7 สืบสานรายคน - ผูเ้ รียนสรุปความคิดรวบยอด หรอื องค์ความรู้ท่ไี ดร้ ับในรปู ของ Mind Map - ทดสอบหลงั เรยี น ขนั้ ท่ี 8 สรุปผล กศน. ดา้ นความรู้ - แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลังเรียน ดา้ นทักษะ - ประเมินจากงานกลุ่ม - สังเกตจากการนาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยม - ประเมนิ จากความรับผิดชอบงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย - ประเมนิ โดยการสงั เกตพษติกรรมในการร่วมกจิ กรรม มอบหมายใหผ้ ู้เรยี นจดั ทาโครงงานตามที่แตล่ ะกลุม่ ได้เขียนเค้าโครงและนัดตรวจสอบความกา้ วหน้าของ โครงงาน ขั้นที่ 9 บันทกึ หลงั สอน บนั ทึกผลการจดั กิจกรรมในชั้นเรียน และนาผลการประเมินผูเ้ รยี นกอ่ นและหลังเรียน และปญั หาที่ พบจากการทากจิ กรรมมาวเิ คราะห์เพื่อทาการพัฒนาผลสมั ษทธทิ์ างการเรียนของผู้เรยี น
ใบความรู้ที่ 2 เร่ืองการเขยี นโครงงาน 1. ความหมาย โครงงาน หมายถึง กิจกรรมท่ีทาให้ได้เรียนรู้ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติจริงในลักษณะของการศึกษา สารวจ ค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น ซึ่งผู้เรียนเป็นผู้คิด หัวเรื่องจัดหาข้อมูล ทดลอง สรุปผล เขียนรายงาน แสดงผลงาน โดยมีครเู ปน็ ผู้กระตุ้น แนะนา และใหค้ าปรกึ ษาอย่างใกลช้ ิด โครงงาน หมายถึง กิจกรรมที่ให้นักเรียนรู้จักวิธีการทาโครงงานวิจัยเล็กๆ ผู้เรียนลงมือปฏิบัติเพ่ือ พัฒนาความรู้ ทักษะ และสร้างผลผลิตท่ีมีคุณภาพ ระเบียบวิธีดาเนินการเป็นระบบ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์หลักของการสอนแบบโครงงานต้องการกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักสังเกต รู้จักตั้งคาถาม รู้จัก ตง้ั สมมติฐาน รู้จกั วิธีแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง เพ่ือตอบคาถามท่ีตนอยากรู้ รจู้ ักสรปุ และทาความเข้าใจกับสิ่ง ท่คี น้ พบโครงงานอาจจดั ในเวลาเรียน หรอื นอกเวลาเรียนก็ได้ โครงงานอาชพี หมายถงึ กิจกรรมเสรมิ หลักสูตรวิชาการงานอาชีพที่เปิดโอกาสให้นักเรยี นได้ศึกษา เรื่องใดเร่ืองหน่ึงที่เก่ียวข้องกับการงานอาชีพและเทคโนโลยีตามความถนัดและความสนใจด้วยวิธีการบูรณาการ ความรู้ต่างๆ ท่ีได้เรียนมา ภายใต้การแนะนาปรึกษาช่วยเหลือและการดูแลจากครูหรือผู้ทรงคุณวุฒิ อาจจัดใน เวลาเรียนหรือนอกเวลาเรียนก็ได้ รวมทั้งสามารถดาเนินกิจกรรมได้ทั้งใน และนอกโรงเรียน ซึ่งอาจทาเป็น รายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ แล้วจัดเขียนเป็นรายงาน และแสดงผลงานท่ีทาเผยแพร่สาหรับเป็นแนวทางในการ พัฒนาศึกษาตอ่ สรุป โครงงานคืองานวิจัยเล็ก ๆ สาหรับนักเรียน เป็นการแก้ปัญหาหรือข้อสงสัยหาคาตอบโดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และอาจใช้เคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ช่วยในการศึกษา ค้นคว้า หรือให้ การศกึ ษาค้นคว้านนั้ บรรลุวัตถปุ ระสงค์ อาจทาในเวลาเรยี นหรือนอกเวลาเรียนก็ได้ โดยไม่จากัดสถานท่ี อาจทา เป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุ่มได้ หากเน้ือหาหรือข้อสงสัยเป็นไปตาม รายวชิ าใดจะเรียกว่าโครงงานในรายวิชานั้น ๆ เชน่ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ โครงงานคณติ ศาสตร์ โครงงานอาชพี เปน็ ตน้ ทม่ี า http://www.trss.ac.th/trss/images/wichakan/tecnology/kronghangcom.pdf ข้อมูล ณ วันท่ี 13 มนี าคม 2557 การวางแผนทาโครงงาน ( การจดั ทาเค้าโครงของโครงงาน ) เมื่อศึกษาข้อมูล และเลือกหัวข้อโครงงานแล้ว จึงเริ่มเขียนเค้าโครงงาน โดยต้องคานึงถึงความ สะดวก กะทัดรดั และเหมาะสมกับลักษณะของโครงงาน คิดล่วงหน้าว่า จะทาอะไร อย่างไร เพื่อให้มีความ เข้าใจในการทางานอย่างเป็นระบบข้ันตอน ไม่สับสนวุ่นวาย โดยช่วยกันคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะปฏิบัติการสิ่ง ใดบ้าง กาหนดกิจกรรมโครงงาน รวมทั้งระยะเวลา วัสดุอุปกรณ์หรอื สิ่งของต่าง ๆ ตามความจาเป็นท่ีช่วยให้ โครงงานได้รับความสาเร็จ โดยเขียนเป็นโครงร่างหรือเค้าโครง ก่อนนาเสนอครูท่ีปรึกษา เพ่ือขอความ เห็นชอบ การวางแผนทีด่ ีจะนาไปส่กู ารทาโครงงานท่ีราบร่ืน ได้ผลงานท่ีดี ใช้เวลาน้อย มีอปุ สรรคนอ้ ย ชว่ ย กาหนดทิศทางงานไดถ้ ูกตอ้ ง เคา้ โครงยอ่ โดยท่วั ๆ ไปประกอบด้วยหวั ขอ้ ต่อไปนี้
1. ชือ่ โครงงาน บอกให้ละเอียดวา่ ทาอะไร กบั ใคร เพื่ออะไร 2. ชอื่ ผ้ทู าโครงงาน ชอ่ื ผรู้ บั ผิดชอบโครงงานนี้ อาจทาเป็นรายบุคคลหรอื เปน็ กลุ่มก็ได้ แต่ก็ไม่ ควรเกนิ กล่มุ ละ 5 คนต่อ 1โครงงาน ประมาณ 3 คนจะเหมาะสม เพราะถ้าคนมากจะเกยี่ งกนั ทางานและ ความรับผิดชอบงานน้อยเกนิ ไป 3. ชื่อที่ปรกึ ษาโครงงาน จะเป็นครหู รือผทู้ แ่ี นะนา กากับ ดูแล ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆอาจ มากกวา่ 1 คนแต่เป็นผทู้ ี่มีบทบาทดแู ลนักเรยี นอย่างจริงจงั 4. หลกั การและเหตุผล/แนวคิด/ท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน สภาพปจั จบุ นั ท่เี ป็นความ ตอ้ งการ และความคาดหวงั ท่ีจะเกดิ ผล 5. จดุ มงุ่ หมาย/วตั ถุประสงค์ของการศกึ ษาค้นคว้า สง่ิ ที่ตอ้ งการให้เกิดเม่ือส้นิ สดุ โครงงานในเชงิ ปรมิ าณและคุณภาพ 6. สมมตุ ฐิ านของการศึกษาโครงงาน (ถา้ มี….กรณีเปน็ โครงงานประเภททดลองหรือโครงงานใน กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร)์ ข้อตกลง ข้อกาหนด เงอ่ื นไข เปน็ แนวทางในการพสิ จู น์ใหเ้ ป็นไปตามทกี่ าหนด หรอื สิง่ ท่คี าดว่าจะเกิดเม่ือสน้ิ สดุ โครงงาน 7. ขั้นตอนการดาเนนิ งาน บอกรายละเอยี ด การทางาน เครื่องมือ วสั ดุอุปกรณ์ สถานที่ 8. แผนการปฏบิ ตั โิ ครงงาน วัน เวลา ที่เร่มิ ปฏบิ ัติงาน ขั้นตอนการดาเนินงานตามกิจกรรมท่ไี ด้ กาหนดไว้ ตง้ั แตเ่ ริม่ ลงมือทาจนสาเร็จตามวตั ถุประสงค์ 9. ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ สภาพของผลท่ีต้องการใหเ้ กิด ท้ังท่ีเปน็ ผลผลิต กระบวนการ และ ผลกระทบ 10. เอกสารอา้ งอิง/บรรณานุกรม ช่อื เอกสารขอ้ มลู ทนี่ ามาใช้ดาเนินงานจากแหล่งต่างๆ ขั้นตอนการเขียนเค้าโครงของโครงงาน 1. ชือ่ โครงงาน 2. ชอ่ื ผู้ทาโครงงาน 3. ช่ือครูท่ปี รึกษาโครงงาน 4. หลักการและเหตผุ ล/แนวคดิ /ทีม่ าและความสาคญั ของโครงงาน 5. จดุ มงุ่ หมาย/วตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษาคน้ คว้า 6. สมมุติฐานของการศึกษาคน้ คว้า(ถา้ มี….กรณีเปน็ โครงงานประเภททดลองหรือโครงงานในกลุ่ม สาระวทิ ยาศาสตร์) 7. ข้นั ตอน/วธิ ดี าเนนิ การ 7.1 วสั ดุอุปกรณ์ท่ีต้องใช้ 7.2 แนวการศึกษาค้นควา้ 8. แผนการปฏิบตั งิ าน 9. ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 10. เอกสารอา้ งอิง/บรรณานุกรม
ข้ันตอนการเขียนเคา้ โครงของโครงงาน 1. ช่ือโครงงาน ควรเขียนให้ตรงกบั เรือ่ งที่จะทา เขยี นใหส้ ้ัน กะทดั รดั ชัดเจน กระชับ ไม่ควรยาว เกินไป และใช้ข้อความท่ีมีความหมายเฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไร ระบุให้ชัดเจน ส่ือความหมาย ได้ ใจความตรงกับเร่ือง ตรงกับงานที่นักเรียนกาลังศึกษา เมื่ออ่านช่ือเรื่องแล้ว สามารถบอกได้ว่า เรื่องนั้นมี ลักษณะอย่างไร เป็นประโยคท่ีสมบูรณ์ มีประธาน กริยา กรรม และไมค่ วรเป็นประโยคคาถาม เพราะไม่ใช่ คาถามหรอื ปญั หา ช่อื ควรเรา้ ความสนใจ แตต่ ้องไมผ่ ดิ เพยี้ นไปจากเน้อื เรื่องของโครงงาน 2. ชอื่ ผูท้ าโครงงาน/คณะทางาน 3. ชอื่ ครูท่ีปรกึ ษาโครงงาน อาจจะเปน็ ครูประจารายวิชาหรอื ครทู า่ นอืน่ หรือผูเ้ ชยี่ วชาญที่ สามารถให้คาปรกึ ษาได้ 4. หลักการและเหตุผล/แนวคิด/ที่มา/ความสาคัญของโครงงาน เขียนอธิบายถึงความเป็นมา เก่ียวกับปญั หาท่ีสนใจจะศึกษาน้ีวา่ มีหลักการความเป็นมา มีเหตผุ ลความจาเป็นอย่างไร แรงบันดาลใจหรือ แรงจูงใจ เหตุใดจึงได้เลือกทาโครงงานน้ี มีเหตุจูงใจอะไรท่ีทาให้สนใจเป็นกรณีพิเศษ โครงงานนี้มีคุณค่า มี ความสาคัญอย่างไร ประโยชน์ที่จะได้จากการจัดทาโครงงานน้ี ดีอย่างไร ทาไมจึงต้องทา มีข้อมูลเก่ียวกับ ทษษีหี รือหลักวชิ าการหรือตวั เลขสถิติทมี่ คี วามเกี่ยวข้องปรากฏเด่นชัด ควรจัดระบบเพมิ่ เตมิ ลงไปด้วย เพ่ือ แสดงว่าโครงงานน้ีมีความสาคัญ เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นได้ศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้วเพื่อขยายปรับปรุงหรือ ทาซา้ เพอ่ื ตรวจสอบผล 5. วัตถุประสงค์ / จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า เป็นการระบุความต้องการในการศึกษา ซ่ึง อาจเขียนเป็นข้อๆ โดยเขียนให้ผู้อื่นทราบว่าเราจะทาการศึกษาอะไร อย่างไร แต่ไม่ใช่นาเอาประโยชน์ที่ เกิดข้ึนจากการทาโครงงานมาเขียนเป็นจุดมุ่งหมาย ส่วนการระบุวัตถุประสงค์ของโครงงานน้ัน จัดว่าเป็น การเขียนวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า หรือเป็นวัตถุประสงค์ของการทดลอง วัตถุประสงค์ท่ีดี ควรมี ความเฉพาะเจาะจง เป็นส่ิงที่สามารถวัดได้ บอกขอบเขตของงานท่ีจะทาได้ชัดเจน และไม่เขียนอยู่ในรูป ของประโยคคาถาม ท่ีสาคัญคือต้องสอดคล้องกับช่ือของโครงงาน (กาหนดเป็นหัวข้อสาคัญ ๆ ว่าในการ จัดทาโครงงานนั้นต้องการให้เกิดผลอะไร เป็นชิ้นงานมีปริมาณเท่าใด) หรือเพื่อให้มีคุณภาพและ ประสทิ ธภิ าพหรอื ประสทิ ธิผลอย่างไร และเพื่อใหป้ ระโยชน์แกใ่ คร เป็นตน้ มีหลกั การเขยี นดงั นี้ 5.1 มคี วามสาคัญหรือมคี ุณคา่ เพียงพอ 5.2 ควรเขยี นเปน็ ข้อๆเพ่ือให้มองเปน็ แนวทางในการเก็บข้อมูล 5.3 สามารถหาข้อมูลไดห้ รอื ทดสอบได้ 5.4 ตอ้ งมีแนวทางในการสร้างสมมตุ ิฐานจากวตั ถุประสงคข์ องการศึกษา 5.5 ใช้ภาษาชดั เจน เขา้ ใจงา่ ย 6. สมมุตฐิ านของการศึกษา (ถา้ มี……..กรณีเปน็ โครงงานประเภททดลอง หรือโครงงานกลุ่ม สาระวิทยาศาสตร์) สมมุติฐานเป็นคาตอบหรือคาอธิบายที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเก่ียวกับเร่ืองท่ีจะศึกษา ค้นคว้า ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องคานึงไว้ด้วยว่าการเขียนสมมุติฐานนั้นควรมีเหตุผล คือมีทษษีีหรือ หลักทางวิทยาศาสตร์มารองรับ มักเขียนเป็นข้อความที่สามารถมองเห็นแนวทางในการดาเนินงาน ทดลอง ทดสอบหรอื ตรวจสอบได้ 7. วิธีการดาเนินงาน ให้ระบุขั้นตอนสาคัญ ๆ ตั้งแต่วันท่ีเริ่มทาโครงงาน รวมระยะเวลา ดาเนินงาน ข้ันตอนการปฏิบัติ ค่าใช้จ่าย ผู้รับผิดชอบ หรืออธิบายการเร่ิมงาน การจัดทา การ จัดรูปแบบ ออกแบบ ทดลองอะไร เก็บข้อมูลอะไรบ้าง อย่างไร และเมื่อใด ข้ันตอนการดาเนินงานเป็น
อย่างไรประกอบด้วยประชากรและกลุ่มตัวอย่างเลือกอย่างไร เคร่ืองมือมีอะไรบ้างการรวบรวมข้อมูลทา อย่างไร มีข้ันตอน วธิ ีรวบรวมและมวี ิธีการตรวจสอบความถูกตอ้ งครบถ้วนอย่างไร การวิเคราะห์ และการใช้ สถิติในการวเิ คราะหบ์ อกวา่ ใชค้ อมพวิ เตอรค์ านวณหรือไม่ ถ้าใชต้ อ้ งบอกวธิ ีคานวณ 7.1 วสั ดุอุปกรณ์ทตี่ ้องใช้ ระบุว่าอุปกรณท์ ่ีใชม้ ีอะไรบ้าง มีขนาดเท่าใด วัสดอุ ปุ กรณม์ าจาก ไหน ส่งิ ใดท่ตี ้องซ้ือและสงิ่ ใดทต่ี อ้ งขอยืม สิ่งที่ต้องจดั ทาเองมีอะไรบา้ ง 7.2 แนวการศึกษาคน้ ควา้ ให้อธิบายว่าจะออกแบบทดลอง อะไร ทาอย่างไร จะดาเนินการ สร้างหรือประดิษฐ์อะไร อย่างไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เก็บข้อมูลเพ่ือศึกษาค้นคว้าอะไรบ้าง อย่างไร กี่ คร้ัง มากหรือน้อยเพียงใด ท่ีไหน เม่ือใด ( เขียนข้อความท่ีมองเห็นแนวการดาเนินงาน เป็นหลักทษษีี หรือหลกั วชิ าการ หรอื ประสบการณท์ เี่ กิดข้นึ ในเหตุการณต์ า่ ง ๆ ) 8. แผนการปฏิบัติ อธิบายเกี่ยวกับกิจกรรมและกาหนดเวลาต้ังแต่เร่ิมต้นปฏิบัติ ทาโครงงาน เร่ือยไป จนเสร็จส้ินการดาเนินในแต่ละขั้นตอน เป็นการกาหนดโครงงานแต่ละข้ันตอนอย่างละเอียดต้ังแต่ ต้นจนจบ จึงควรเขียนเป็นแผนภูมิแสดงข้ันตอนในการทากิจกรรม (ให้ระบุรายละเอียดลงไปว่าในแต่ละ สปั ดาห์จะทาอะไร หรอื มีการวางแผนการทากิจกรรมอะไร จะใช้เวลานานเท่าใด จัดทาสถานท่ีใดและใคร เป็นผรู้ ับผดิ ชอบ) การเขียนแผนปฏิบตั งิ าน 9. ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ เป็นการกล่าวถึงประโยชน์ท่ีจะได้รับจากการทาโครงงาน จะมีอะไร เกิดข้ึน มีปริมาณมากน้อยเพียงใด มีประสิทธิภาพหรอื คุณภาพอย่างไร จะได้รับประโยชน์หลายลักษณะหรือ ลกั ษณะใดลกั ษณะหนง่ึ จากการทาโครงงานครั้งน้ีอยา่ งไร ทัง้ กับตนเอง เพ่ือนๆ และบุคคลทั่วไป 10. เอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรม เป็นการอ้างอิงถงึ หนังสือและเอกสารต่าง ๆ ที่ผู้ทาโครงงาน ใช้ค้นคว้าหรืออ่านเพ่ือศึกษาหาข้อมูลหรือรายละเอียดต่าง ๆ ที่นามาใช้เป็นประโยชน์ต่อการทาโครงงาน เป็นการบอกให้ผู้อื่นทราบว่านักเรียนได้ทาการศึกษาค้นคว้าข้อมูลมาจากแหล่งใดบ้าง การเขียนต้องระบุ หนังสอื เอกสารทีเ่ กี่ยวขอ้ งเพื่อใช้อ้างองิ ทางวชิ าการ ทมี่ า https://sites.google.com/site/krutermsaksuwan/home ข้อมูล ณ วนั ที่ 13 มนี าคม 2557
ใบความรู้ เร่อื งการเขยี นโครงงาน
แบบทดสอบก่อนเรยี น -หลังเรยี น วิชาเศรษฐกิจพอเพยี ง ( ทช 21001) 1. ข้อใดเปน็ วตั ถุประสงค์ของการจัดทาโครงงาน 6. ประโยชน์ของการจดั ทาเค้าโครงงานคือข้อใด ก. ศึกษาเหตุการณท์ ี่กาลังจะเกิดข้นึ ก. มีความเปน็ ระเบยี บ ข. ดัดแปลงเร่ืองใดเรื่องหนึ่งท่ผี เู้ รียนสนใจ ข. กาหนดการทางาน ค. ศกึ ษาเรอ่ื งทเี่ กิดขึน้ ใหม่และลอกเรยี นแบบจาก ค. ประหยดั คา่ ใช่จา่ ย ผู้อื่น ง. ประหยัดเวลา ง. ศกึ ษาเร่ืองใดเรื่องหนึ่งท่ีสนใจซงึ่ ผเู้ รียนเปน็ 7. ข้อใดไม่ใช่แหล่งศกึ ษาค้นควา้ เก่ยี วกบั โครงงาน ผปู้ ีบิ ตั ิ ก. เอกสาร วารสาร ส่ิงตพี มิ พ์ และค้นคว้าดว้ ยตนเอง ข. สานกั งานข่าวกรองแหง่ ชาติ 2. การเลือกหัวขอ้ โครงงานควรพิจารณาสงิ่ ใด ค. ห้องสมุดและสถานประกอบการ เปน็ ลาดับแรก ง. ผมู้ ีความรู้ ความชานาญ หรอื มีประสบการณ์ ก. ลงทุนตา่ 8. ผลทีไ่ ดจ้ ากการทางานจะมีประสิทธภิ าพเพียงใด ข. เคยมีผทู้ าแล้ว ข้นึ อยกู่ ับข้อใด ค. มคี วามทันสมัย ก. ขั้นตอนการทางานทร่ี วดเร็ว ง. ความสามารถของตน ข. ความสามารถของแต่ละบคุ คล 3. การศึกษาเอกสารที่เกีย่ วข้องมีวัตถปุ ระงค์เพื่อสิง่ ใด ค. ปริมาณขอ้ มลู ที่เตรียมในการวางแผน ก. ให้มีเอกสารอ้างองิ ง. การแลกเปลีย่ นความคิดเห็นและแก้ไขปัญหา ข. หาขอ้ มลู ท่ีเกย่ี วขอ้ ง ของทกุ คน ค. เพื่อเขยี นบรรนานุกรม 9. ในการวางแผนเม่อื เขียนโครงงานเสร็จแลว้ ง. หาเอกสารตามคาเเนะนาของครู จะต้องเขยี นสงิ่ ใดในการสารวจผลที่ไดจ้ ากการ 4. การวางแผน คอื ขนั้ ตอนใดในการจัดทาโครงงาน ปฏิบัตงิ าน ก. การศึกษาเอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ ง ก. ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ ข. การเลือกหวั ขอ้ โครงงาน ข. ขอ้ เสนอแนะของครูที่ปรึกษา ค. การทาเคา้ โครงงาน ค. แบบประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน ง. การจดั ทาโครงงาน ง. แหลง่ ขอ้ มลู ในการทาโครงงาน 5. ข้อใดเปน็ การนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ 10. ประโยชนข์ องการวางแผนคอื ข้อใด พอเพียง ก. ทางานไดต้ ามกาหนด มาประยุกตใ์ ช้ในวางแผนจัดทา ข. ผลงานได้มาตรฐานสงู สุด ก. ใช้ตน้ ทุนสูงเพื่อผลงานทโ่ี ดดเด่น ค. ทางานได้สะดวกและรวดเรว็ ข. ศึกษาดงู านทีไ่ กลๆ เพื่อให้ไดค้ วามรมู้ าก ง. ทาใหก้ ารทางานมปี ระสทิ ธิภาพสงู สุด ค. ใชท้ รัพยากรจากแหลง่ ผลิตตา่ งถน่ิ ทรี่ าคาถูก ง. ใชห้ ลักความรู้และความพอประมาณในการจัดทา โครงงาน
แบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรยี น เรื่องการเขียนโครงงาน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น วิชาเศรษฐกจิ พอเพียง ( ทช 21001) ขอ้ 1. ง ข้อ 2. ง ขอ้ 3. ข ข้อ 4. ค ขอ้ 5. ง ข้อ 6. ข ข้อ 7. ข ขอ้ 8. ง ข้อ 9. ก ข้อ 10. ง
บันทึกหลังกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กศน.ตำบลเกำะช้ำง อำเภอเกำะช้ำง จังหวดั ตรำด สัปดำหท์ .ี่ .............................วนั ......................เดอื น..........................พ.ศ............................ ระดับมัธยมศกึ ษำตอนตน้ สำระวิชำพ้นื ฐำน วชิ ำ เศรษฐกิจพอเพยี ง รหัสวชิ ำ ทช 21001 เน้ือหำ/สำระท่ีสอน ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... กิจกรรมกำรเรยี นกำรสอน ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ปญั หำ/อุปสรรค กำรเรยี นกำรสอน ............................................................................................. .............................................................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................ ................................................................... วธิ กี ำรแก้ปัญหำ .......................................................................................................................................................................... . ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................ ............................................................... ลงชอ่ื ..............................................ครผู ้สู อน (................................................) ควำมคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหำร ....................................................................................................... .................................................................... ......................................................................................................................... .................................................. ลงชอื่ ..............................................ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา (................................................)
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: