Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้อมูลรายสินค้าจังหวัดสมุทรสาคร ประจำปี 2563 (กุ้งขาวแวนนาไม)

ข้อมูลรายสินค้าจังหวัดสมุทรสาคร ประจำปี 2563 (กุ้งขาวแวนนาไม)

Published by jaao jung, 2020-12-25 13:14:55

Description: ข้อมูลรายสินค้าจังหวัดสมุทรสาคร ประจำปี 2563 จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมเป็นฐานข้อมูลด้านการผลิตกุ้งขาวแวนนาไม ของจังหวัดสมุทรสาคร โดยศึกษาและรวบรวมข้อมูลด้านกายภาพ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ข้อมูลทั่วไป และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม ตั้งแต่การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ จนถึงการจำหน่าย เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดทำแผนพัฒนา
การเกษตรและสหกรณ์รายสินค้าของจังหวัด

Keywords: ข้อมูลรายสินค้าจังหวัดสมุทรสาคร

Search

Read the Text Version

คำนำ เอกสารขอ้ มูลด้านการเกษตรรายสินค้าจังหวัดสมุทรสาคร ปีงบประมาณ 2563 (กุง้ ขาวแวนนาไม) จัดทาข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือรวบรวมเป็นฐานข้อมูลด้านการผลิตกุ้งขาวแวนนาไมของจังหวัดสมุทรสาคร โดยศึกษาและรวบรวมข้อมูลด้านกายภาพ ข้อมูลดา้ นเศรษฐกิจ ข้อมูลทั่วไป และข้อมูลท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการเลย้ี ง กุ้งขาวแวนนาไม ตั้งแต่การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ จนถึงการจาหน่าย เพ่ือใช้ประโยชน์ในการจัดทาแผนพัฒนา การเกษตรและสหกรณร์ ายสนิ ค้าของจงั หวัด การดาเนินงานในคร้ังน้ี สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เน่ืองจากได้รับการสนับสนุนข้อมูลและ ความร่วมมอื จากหนว่ ยงานภาคราชการ ภาคเอกชน และเกษตรกรผูเ้ ลย้ี งกุ้งขาวแวนนาไมเป็นอยา่ งดี สานกั งานเกษตรและสหกรณ์จงั หวัดสมทุ รสาคร จึงขอขอบคุณท่านทไี่ ด้ให้การสนับสนุนข้อมูลมา ณ โอกาสน้ี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารข้อมูลเล่มนี้ จะใช้เป็นประโยชน์ต่อผู้เพาะเล้ียงกุ้งขาวแวนนาไม เกษตรกรท่ัวไป เจ้าหน้าท่ีภาคราชการ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพ่ือใช้ในการศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วางแผนการพฒั นาและสง่ เสริมการผลติ ตอ่ ไป กลมุ่ สารสนเทศการเกษตร สานกั งานเกษตรและสหกรณจ์ ังหวดั สมุทรสาคร สงิ หาคม 2563 สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวัดสมทุ รสำคร

สารบัญ หนา้ บทท่ี 1 ขอ้ มูลพน้ื ฐานสาคญั ของจงั หวัดสมทุ รสาคร 1 2 ข้อมลู ดา้ นกายภาพของจังหวัดสมทุ รสาคร 5 ลักษณะทางภมู ิศาสตร์ 8 ลักษณะทางภมู ปิ ระเทศ 11 แหลง่ นา้ ธรรมชาติของจงั หวัดสมุทรสาคร ลักษณะทางภูมิอากาศ 12 พนื ทปี่ ่าไม้ 12 12 ขอ้ มูลดา้ นการปกครองของจังหวดั สมทุ รสาคร 14 การแบ่งเขตการปกครอง 15 ข้อมูลประชากร 17 พนื ทแ่ี หล่งชลประทานและระบบชลประทานของจังหวดั สมทุ รสาคร 17 การบริหารจัดการน้าของจังหวดั สมุทรสาคร 20 ระบบระบายน้าของจงั หวัดสมุทรสาคร ขอ้ มูลดา้ นการกกั กนั ของจงั หวดั สมุทรสาคร 21 21 ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรของจังหวัดสมุทรสาคร ไตรมาส 1 ปี 2563 22 แนวโนม้ ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2563 23 29 บทท่ี 2 ขอ้ มลู ท่วั ไปเก่ียวกับกงุ้ ขาวแวนนาไม 32 38 ประวตั กิ ารเพาะเล้ยี งกุง้ ขาวแวนนาไม ลักษณะเฉพาะตวั ของกุ้งขาวแวนนาไม 41 พ่อแม่พนั ธ์ุกงุ้ ขาวแวนนาไม 43 การเลี้ยงพอ่ แม่พันธ์ุก้งุ ขาวแวนนาไมในประเทศไทย 44 การเล้ยี งกุง้ ขาวแวนนาไมในประเทศไทย 53 โรคกงุ้ ขาว 53 แนวทางการผลิตกุ้งขาวแวนนาไม บทท่ี 3 ขอ้ มูลสถานการณ์และแนวโน้มกุ้งขาวแวนนาไม สถานการณ์สินคา้ กุ้งทะเลและผลติ ภณั ฑใ์ นช่วง 3 เดอื นแรกของปี 2563 สถานการณ์การผลติ สถานการณ์ราคา สถานการณ์การค้า ปญั หาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะ สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั สมทุ รสำคร

สารบญั (ต่อ) บทที่ 4 ข้อมลู การเล้ียงกุ้งขาวแวนนาไมในจังหวดั สมทุ รสาร หนา้ พนื้ ทก่ี ารเล้ยี งกุ้งขาวแวนนาไมในจังหวดั สมุทรสาคร 54 ปฏิทนิ การเล้ียงกุ้งขาวแวนนาไมในจงั หวัดสมุทรสาคร 54 การเลย้ี งก้งุ ขาวแวนนาไมใหป้ ระสบความสาเร็จ ตามเกษตรกรดีเดน่ ฯ 55 การตลาดและช่องทางการจาหน่ายกุง้ ขาวแวนนาไม ในจงั หวดั สมทุ รสาคร 62 ภาคผนวก ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรอื่ ง กาหนดมาตรฐานสนิ ค้าเกษตร : การปฏิบัติ ทางการเพาะเล้ยี งสัตวน์ ้าทด่ี ีสาหรับฟาร์มเลยี้ งกุ้งทะเล ตามพระราชบัญญัตมิ าตรฐานสนิ คา้ เกษตร พ.ศ. 2551 ประกาศคณะกรรมการประมงประจาจังหวัดสมทุ รสาคร เร่อื ง กาหนดเขตเพราะเลย้ี งสตั ว์นา้ สาหรับกิจการ การเพาะเลี้ยงสตั ว์น้าควบคุม ประเภท การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลย พ.ศ. 2563 คาสัง่ จงั หวัดสมทุ รสาคร ที่ 2779/2562 ลงวันที่ 30 กันยายน 2562 เรื่อง ระงบั การใช้ ความเคม็ ในการเพาะเลี้ยงสัตวน์ า้ ในพนื้ ทนี่ า้ จืด ภายในเขตพนื้ ท่จี งั หวัดสมทุ รสาคร ประวัตเิ กษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพ การเพาะเลย้ี งสตั วน์ ้ากร่อย จังหวัดสมทุ รสาคร ประจาปี พ.ศ. 2563 ภาพการลงพน้ื ทสี่ ัมภาษณ์เกษตรกรผู้เลี้ยงกงุ้ ขาวแวนนาไมในจังหวดั สมุทรสาคร รายชือ่ ฟารม์ ทผี่ า่ นมาตรฐานฟารม์ เลย้ี งกุ้งขาวแวนนาไม GAP จงั หวัดสมทุ รสาคร บรรณานุกรม คณะผู้จดั ทา สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั สมทุ รสำคร

บทที่ 1 ข้อมูลพ้ืนฐานสาคัญของจังหวัดสมุทรสาคร 1. ข้อมลู ด้านกายภาพของจงั หวดั สมุทรสาคร 1.1 ลักษณะทางภูมศิ าสตร์ 1) ท่ีตั้ง/อาณาเขต จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดชายทะเลตั้งอยู่ริมฝ่ังแม่น้าท่าจีนในเขตพื้นที่ ภาคกลางตอนลา่ งของประเทศไทย ระหว่างเส้นรุ้งที่ 130 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 100 องศาตะวันออกเป็น จงั หวัดปริมณฑล ห่างจากกรงุ เทพมหานครตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ประมาณ 30 กิโลเมตร ทศิ เหนอื ตดิ ตอ่ กับจังหวัดนครปฐม ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกบั ทะเลอ่าวไทย ทศิ ตะวนั ออก ติดต่อกับกรงุ เทพมหานคร ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ต่อกบั จังหวัดสมทุ รสงครามและจงั หวัดราชบรุ ี 2) แผนที่ ภาพที่ 1 แผนที่ จงั หวัดสมทุ รสาคร 3) พ้ืนที่จงั หวดั สมทุ รสาคร มพี ้ืนทีท่ งั้ ส้นิ 872.347 ตารางกโิ ลเมตร หรอื ประมาณ 545,216 ไร่ ตารางท่ี 1 พื้นท่ีจงั หวดั สมุทรสาคร อาเภอ ขนาด (ตร.กม.) ร้อยละ หา่ งจากจังหวัด (กม.) 1.เมอื งสมทุ รสาคร 492.04 56 0.5 2.กระทมุ่ แบน 135.276 16 14 3.บา้ นแพว้ 245.031 28 23 872.347 100 - รวมจังหวัด ทม่ี า : ทท่ี า้ การปกครองจังหวัด, 2563 สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรสำคร

ข้อมลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจังหวัดสมทุ รสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 2 1.2 ลักษณะภมู ปิ ระเทศ ลักษณะภมู ิประเทศเป็นที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเล สูงจากระดับนา้ ทะเลประมาณ 1.00 - 2.00 เมตรพ้ืนท่ี ด้านทิศตะวันตกเป็นที่ราบลุ่มในเขตน้าจืด เขตจังหวัดถกู แบง่ เป็น 2 สว่ น ด้วยแมน่ า้ ทา่ จีนซึง่ ไหลผา่ นตอนกลาง จังหวัด ไหลคดเค้ียวตามแนวเหนือใต้ ลงสู่อ่าวไทยท่ีอ้าเภอเมืองสมุทรสาคร ระยะทางยาว 70 กิโลเมตรพ้ืนที่ ตอนบนของจังหวัด ในเขตอ้าเภอบ้านแพ้วและอ้าเภอกระทุ่มแบนมีความอุดมสมบูรณ์ของดิน และมีโครงข่าย แม่น้าล้าคลองเชอ่ื มโยงถึงกันกระจายอยทู่ ่ัวพื้นที่กว่า 170 สายทั้งที่เป็น คลองธรรมชาติ และคลองทข่ี ุดขึ้น เพ่ือ นา้ น้าจดื มาใชใ้ นการเพาะปลกู และการชลประทาน ช่วยในการระบายนา้ และใชใ้ นการคมนาคมขนส่ง สภาพพน้ื ท่ี จึงเหมาะท่ีจะท้าการเพาะปลูกพืช นานาชนิด และบางส่วนเป็นย่านธุรกิจอุตสาหกรรมและท่ีอยู่อาศัย พื้นท่ี ตอนล่างของจังหวัดในเขต อ้าเภอเมืองสมุทรสาคร อยู่ติดชายฝั่งทะเลยาว 41.8 กิโลเมตร เหมาะแก่ท้านาเกลือ การท้า ประมง และการเพาะเลย้ี งสัตวน์ ้าชายฝ่งั การสารวจและจาแนกดินเพอ่ื จดั ทาแผนท่ดี ิน มาตราส่วน 1: 25,000 จากการส้ารวจ ศึกษาลักษณะและสมบัติของดินในจังหวัดสมุทรสาคร ได้จ้าแนกดินออกเป็น 3 กลุ่มชุดดิน มีเน้ือที่ประมาณ 322,668 ไร่ หรือร้อยละ 59.18 ของเน้ือท่ีท้ังหมด และเป็นหน่วยพื้นท่ีเบ็ดเตล็ด 3 หน่วย ได้แก่ พืน้ ทเี่ พาะเลย้ี งสตั วน์ ้า ที่อยอู่ าศัย และพื้นท่ีน้ามเี น้ือทป่ี ระมาณ 222,548 ไร่ หรอื ร้อยละ 40.82 ของเน้ือท่ที ้งั หมด ส้าหรับหน่วยแผนที่ดินทั้งหมดท่ีแสดงไว้ในภาพแผนที่มี 6 หน่วย โดยเป็นหน่วยเดี่ยว 5 หน่วย แผนที่และ หนว่ ยปะปนของกล่มุ ชุดดิน 1 หน่วย แบ่งเป็นประเภทของกล่มุ ชุดดนิ 3 ประเภท และหนว่ ยพ้นื ทีเ่ บ็ดเตล็ด 3 หน่วย ตารางที่ 2 เนอื้ ที่ของกลมุ่ ชดุ ดินและพ้นื ทเี่ บด็ เตล็ดจังหวัดสมทุ รสาคร ลาดับ สัญลกั ษณ์ คาอธิบาย เนื้อที่ หนว่ ยแผนท่ี ไร่ รอ้ ยละ 159,509 29.25 1 1 8-3 กลมุ่ ชุดดินที่ 8-3 (80:20) 126,253 23.16 36,906 6.77 2 8 กล่มุ ชดุ ดินท่ี 8 167,535 30.73 45,438 8.33 3 12 กลมุ่ ชุดดินที่ 12 9,575 1.76 545,216 100 4 FB พ้นื ทีเ่ พาะเลี้ยงสตั วน์ า้ 5 U ทอ่ี ยู่อาศยั โรงเรยี น วัด สถานท่ีราชการ 6 W พื้นทนี่ ้า เนอ้ื ท่ีรวม ที่มา : สถานพี ฒั นาท่ีดนิ สมทุ รสาคร สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวดั สมทุ รสำคร

ขอ้ มูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 3 ตารางท่ี 3 เนอ้ื ทีข่ องกลุ่มชุดดนิ เป็นรายอ้าเภอ กลุ่มชดุ ดนิ กระทมุ่ แบน อาเภอ เมอื งสมทุ รสาคร รวมเน้อื ท่ี บา้ นแพ้ว 19,233 (ไร)่ 8 13,044 93,976 126,253 8-3 42,816 69,680 47,013 159,509 12 36,906 36,906 FP 9,692 157,843 167,535 U 25,185 306 19,947 45,438 W 2,226 973 6,376 9,575 ผลรวม 83,271 174,627 287,318 545,216 ที่มา : สถานพี ัฒนาทด่ี นิ สมุทรสาคร กลุม่ ชุดดนิ ที่ 3 เป็นกลุ่มชุดดินท่ีเกิดจากวัตถุต้นก้าเนิดดินพวกตะกอนผสมระหว่างตะกอนล้าน้าและตะกอน น้า ทะเลแล้วพัฒนาในสภาพน้ากร่อย ในบริเวณทีร่ าบลุ่มหรือท่รี าบเรียบ บริเวณชายฝั่งทะเลหรือห่างจากทะเล ไม่ มากนัก มีน้าแช่ขังในช่วงฤดูฝน เป็นกลุ่มดินลึกที่มีการระบายน้าเลว มีเนื้อดินเป็นดินเหนียว หน้าดิน อาจแตกระแหงเป็นร่องในฤดูแล้ง และมีรอยถูไถลในดิน ดินบนมีสีด้า ส่วนดินล่างมีสีเทาหรือน้าตาลอ่อน มจี ุดประ สีเหลืองและสีน้าตาล บางบริเวณอาจพบจุดประสีแดงปะปนหรอื พบผลึกยิปซัม ส่วนดินชั้นล่างจะพบ ชั้นตะกอนทะเลสีเขียวมะกอก ท่ีความลึกประมาณ 100 ถึง 150 เซนติเมตรและพบเปลือกหอยปน ปฏิกิริยา ดนิ เป็นกลางถงึ ด่างปานกลาง มีค่าความเปน็ กรดเป็นด่างประมาณ 7.0-8.5 ดินมคี วามอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ปานกลางถงึ สูง ปจั จบุ นั บรเิ วณดังกลา่ วส่วนใหญใ่ ช้ท้านา หรือยกร่องปลกู พชื ผกั และผลไม้ ซ่งึ ไม่ค่อยจะมีปัญหาในการ ใช้ประโยชน์ท่ีดนิ แต่ถา้ เป็นทลี่ ุ่มมากๆจะมีปญั หาเรื่องน้าท่วมในฤดูฝน หรือถา้ หากอยู่ในบรเิ วณท่ีมอี ิทธิพลของ นา้ ทะเลขน้ึ ลงอยู่ในรอบปี อาจพบปญั หาดนิ เค็มบา้ ง กลมุ่ ชดุ ดนิ ที่ 8 เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินเป็นกลุ่มดินเหนียว ดินบนมีลักษณะการทับถมเป็นชั้นๆ ของดินและ อนิ ทรียวัตถุท่ีได้จากการขุดลอกรอ่ งน้า ดินล่างมีสีเทา บางแห่งมีเปลือกหอยปะปนอยู่ดว้ ย พบบริเวณที่ราบลุ่ม ซ่ึงปัจจุบันเกษตรกรได้ท้าการขุดยกร่องเพื่อท้าการปลูกพืชผลต่างๆ ท้าให้สภาพผิวดินเดิมเปล่ียนแปลงไป ตามปกติดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลางถึงสูง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง มคี า่ ความเป็นกรดเปน็ ดา่ งประมาณ 6.0-7.0 ดนิ ในกลุ่มน้ีไดร้ ับการปรับปรุงบ้ารงุ ดินเป็นอย่างดี และได้ท้ามานานแล้ว จึงถือว่าไม่มีปัญหาแต่ประการใด ในเรือ่ งคณุ ภาพของดิน แตส่ า้ หรับดนิ ตามชายทะเลบางแห่ง ซง่ึ ยกรอ่ งใหม่ อาจมีปญั หาเรื่องความเค็ม กลุ่มชุดดนิ ท่ี 12 เป็นกลุ่มชุดดินที่เกิดจากวัตถุต้นก้าเนิดดินพวกตะกอนน้าทะเล ในบริเวณที่ราบน้าทะเลท่วมถึงและ บริเวณชะวากทะเล เป็นกลุ่มดินลึกท่ีมีการระบายน้าเลวมาก เป็นดินเลนเละ ท่ีมีเนื้อดินเป็นดินเหนียว หรือดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง และพบเศษรากพืชปะปนในดินเป็นจ้านวนมาก ดินบนมีสีด้าปนเทา มีจุดประ สีน้าตาลเล็กน้อย ส่วนดินล่างเป็นดินเลนสีเทาแก่หรือสีเทาปนเขียว มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ปานกลางถึงสงู ปฏกิ ริ ยิ าดินเป็นกลางถงึ ดา่ งปานกลาง มีค่าความเป็นกรดเป็นดา่ งประมาณ 7.0 - 8.5 สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั สมุทรสำคร

ขอ้ มลู ด้ำนกำรเกษตรรำยสินคำ้ จงั หวดั สมุทรสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 4 ปัญหาส้าคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยแผนท่ีน้ี ได้แก่ เป็นดินเลนมีโครงสร้างเลว และเป็นดินเค็มไม่เหมาะท่ีจะน้ามาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร นอกจากนั้นบริเวณดังกล่าวยังคงมีน้าทะเล ท่วมถึงอย่เู ปน็ ประจา้ ในชว่ งน้าทะเลขนึ้ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นป่าชายเลน มีทั้งท่ีเป็นป่าเส่ือมโทรมและป่าสมบูรณ์ บางแห่งเปลยี่ นสภาพมาเปน็ บอ่ เล้ียงปลากะพง เลี้ยงกุ้งหรอื ทา้ นาเกลือ การจาแนกความเหมาะสมและข้อจากดั ของดินสาหรับการปลกู พืช ความเหมาะสมและข้อจ้ากัดของดินสา้ หรับการปลูกพืช จ้าแนกโดยใช้หลกั เกณฑ์ของกรมพัฒนาที่ดิน จากเอกสารวิชาการฉบับท่ี 28 (กองสา้ รวจดิน) และฉบบั ท่ี 453 (กองส้ารวจและจ้าแนกดิน) ดังน้ี 1. ดนิ ที่มีความเหมาะสมดสี ้าหรับการท้าการเกษตรท่ัวๆ ไป สามารถใช้ปลูกพืชเศรษฐกิจ เชน่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น พชื ไร่ และทา้ นา โดยไมม่ ขี ้อจ้ากดั ใด ๆ ทัง้ สนิ้ มีเนอื้ ท่ปี ระมาณ 285,762 ไร่ หรอื ร้อยละ 52.41 ของเน้อื ที่ท้ังหมด 2. ดินมคี วามเหมาะสมในการสงวนไว้เป็นพ้ืนทอ่ี นุรักษ์ ปลูกป่าชายเลน เพื่อรักษาสภาพแวดล้อม เป็น แหลง่ อาหาร มเี นื้อที่ประมาณ 36,906 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 6.67 ของเนื้อท่ที ง้ั หมด 3. พืน้ ที่เบด็ เตล็ดอ่นื ๆ เช่น พื้นทีเ่ พาะเลีย้ งสัตว์นา้ พื้นที่น้า ท่อี ยู่อาศัย มีเนอื้ ที่ประมาณ 222,548 ไร่ หรือร้อยละ 40.82 ของเน้ือท่ที ง้ั หมด ตารางที่ 4 สรุปความเหมาะสมของดินสา้ หรับการปลูกพืช ขอ้ จ้ากัดในการใช้ประโยชน์ และแนวทางการแก้ไข จงั หวัดสมุทรสาคร ลาดบั ระดบั ความเหมาะสม ขอ้ จากัด แนวทางการแก้ไข หน่วย เนื้อที่ ที่ แผนท่ี ไร่ ร้อยละ 1 เหมาะสมดีส้าหรับ ไมม่ ขี ้อจ้ากัด ใส่ปยุ๋ อินทรีย์รว่ มกับ 8-3,8 285,762 52.41 ท้าการเกษตรโดยทั่วไป ป๋ยุ เคมีเพ่ือยกระดับ เชน่ พชื ไร่ ไมผ้ ล ไมย้ นื ต้น ผลผลติ พืช และปรบั ท้านาข้าว โครงสร้างดนิ ให้มี ความโปร่ง ร่วนซยุ ข้ึน เนอื่ งจากมเี น้อื ดินเป็น ดินเหนียวจัด มคี ่า ปฏิกริ ยิ าดนิ สงู และมี ปญั หาเกีย่ วกบั ความเค็ม บ้างในบางบรเิ วณ สา้ หรบั นาขา้ วอาจปรบั ใหเ้ ป็นพืน้ ที่ยกรอ่ งได้ 2 เหมาะสมดสี ้าหรับสงวนไว้ พ้นื ท่ีน้า เปน็ พ้ืนที่อนรุ กั ษไ์ ว้ 12 36,906 6.77 เป็นป่าชายเลน ทะเลข้นึ ถึง ส้าหรบั ปา่ ชายเลน เพ่อื รักษาไวต้ ามสภาพ ธรรมชาติและระบบ นเิ วศวทิ ยา รวมท้ังต้องมี การปลกู ทดแทนในพ้ืนที่ ถูกบุกรุกท้าลายด้วย เน้ือทอี่ ืน่ ๆ 222,548 40.82 เนอ้ื ทีร่ วมทั้งหมด 545,216 100.0 ที่มา : สถานีพฒั นาท่ดี ินสมุทรสาคร สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรสำคร

ขอ้ มูลดำ้ นกำรเกษตรรำยสินคำ้ จังหวัดสมุทรสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 5 1.3 แหล่งน้าธรรมชาติของจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีแหล่งน้าท้ังจากแม่น้าล้าคลองตามธรรมชาติ คลองขุด และแหล่งน้าจากน้าฝน พื้นท่ีของจังหวัดได้รับน้าส่วนใหญ่จากแม่น้าท่าจีน และแม่น้าเจ้าพระยา มีโครงการเก็บน้าจากแหล่งน้าในคลอง ชลประทาน 10 สาย และคลองธรรมชาตกิ ว่า 262 สาย - แม่น้าท่าจีน เป็นแม่น้าส้าคัญสายหลักของจังหวัด ไหลผ่านตอนกลางของพื้นท่ีจังหวัดเป็นระยะทาง ประมาณ 48 กิโลเมตร โดยแยกจากแม่น้าเจ้าพระยาที่บ้านปากคลองมะขามเฒ่า อ้าเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เรียกแม่น้ามะขามเฒ่า แล้วไหลตามแนวเหนือใต้ขนานกับแม่น้าเจ้าพระยา ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี เรียกแม่น้า สุพรรณบุรี ผ่านจังหวัดนครปฐม เรียกแม่น้านครชัยศรี แล้วไหลผ่านเข้าเขตจังหวัดสมุทรสาคร ในเขตอ้าเภอ กระทุ่มแบน เรียกแม่น้าท่าจีน ไหลลงสอู่ ่าวไทยในเขตต้าบลท่าฉลอม อ้าเภอเมืองฯ ในสมัยก่อนมีเรือส้าเภาจีนมา ท้าการค้าขาย และจอดทอดสมอเพื่อขนถ่ายสินค้าที่ปากแม่น้าสายน้ีเป็นประจ้าอยู่จ้านวนมาก จึงเป็นเหตุ ให้เรียกชือ่ แมน่ ้า และหมู่บา้ นของชุมชนนวี้ า่ ทา่ จนี - คลองมหาชัย เป็นคลองที่ขุดในสมัยอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญท่ี ๘ (พระเจ้าเสือ) เพื่อ ตัดความคดเค้ียวของคลองโคกขาม แต่เดิมเริ่มต้นจากคลองด่าน วัดหัวหมู เขตเมืองธนบุรีจนถึงคลองโคกขาม เรียกว่า คลองพระพุทธเจ้าหลวง แต่การขุดยังไม่ทันแล้วเสร็จ ต่อมาสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 เสด็จมาที่ปากน้า เมืองสาครบุรี เมอื่ เสดจ็ ถึงคลองมหาชัยเห็นคลองยังขุดไมแ่ ล้วเสร็จคา้ งอยู่ จึงไดโ้ ปรดเกล้าให้พระราชสงครามเป็น นายกอง ให้เกณฑ์คนจากหัวเมืองปักษ์ใต้ขุดคลองมหาชัย ให้ฝร่ังส่องกล้องดูให้ตรงปากคลอง แล้วปักกรุยลงเป็น ส้าคัญยาว 340 เส้น ใหข้ ุดคลองลึก 6 ศอก กว้าง 7 วา ใชเ้ วลาขุดอยู่สองเดือนจงึ แลว้ เสร็จเรียกว่า คลองมหาชัย - คลองพิทยาลงกรณ์ ยาวประมาณ 27 กิโลเมตร เป็นคลองขุดเพ่ือการชลประทาน และท้านาเกลือ ทางริมฝ่ังทะเลของเขตอ้าเภอเมืองฯ โดยแยกจากแม่น้าท่าจีน ท่ีวัดศรีสุทธาราม (วัดก้าพร้า) ต้าบลหญ้าแพรก อา้ เภอเมืองฯ ไปเช่ือมคลองสรรพสามิต ไปเช่ือมต่อแมน่ ้าเจ้าพระยา ทอี่ ้าเภอเมืองสมุทรปราการ - คลองภาษีเจริญ รวมความยาว 28 กิโลเมตร เร่ิมต้นที่บริเวณปากคลองบาง กอกใหญ่ และคลองบางขุนศรีมาบรรจบกัน ไปเชอื่ มแม่น้าทา่ จีนท่ตี ้าบลดอนไก่ดี จังหวัดสมทุ รสาคร คลองสายนี้เป็นเส้นทาง สัญจรทางน้าที่ส้าคัญ ตลอดริมสองฝ่ังคลอง จะมีชุมชนเกษตรกระจายกันอยู่มีคลองซอยเล็กๆ ท้ังสองข้าง เพ่ือเชื่อมพ้ืนที่ของอ้าเภอกระทุ่มแบนตอนเหนือ การขุดคลองสายน้ีด้าเนินการเมื่อปี พ.ศ.1410 พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระภาษีสมบัติบริบูรณ์ (ย้ิม) เป็นแม่กองขุดคลองสายนี้ โดยขุดตั้งแต่ คลองบางกอกใหญ่ริมวัดปากน้า ไปออกแม่น้าท่าจีน ที่ต้าบลดอนไก่ดี ขุดเสร็จเม่ือปี พ.ศ.2415 เป็นคลองยาว 620 เส้น กว้าง 7 วา ลกึ 5 ศอก - คลองสุนัขหอน เป็นคลองที่ขุดเช่ือมระหว่างแม่น้าท่าจีนกับแม่น้าแม่ กลองยาวประมาณ 42 กิโลเมตร ในเขตสมุทรสงครามยาว 13 กิโลเมตร ในเขตสมุทรสาครยาว 29 กิโลเมตร เร่ิมจากอ้าเภอเมืองฯ ท่ีบ้านท่าจีน ไปเชื่อมกับคลองท่าแร้งท่ีบ้านบางน้าวน จนมาถึงบ้านสุนัขหอน แล้วออกสู่แม่น้าแม่กลองท่ีอ้าเภอ เมอื งสมทุ รสงคราม คลองนมี้ ีน้าเคม็ เขา้ มามากจนมีปา่ จาก และชายปา่ เลนข้ึนอย่หู นาแน่นตลอดสองฝง่ั คลอง - คลองดาเนินสะดวก ขุดเช่ือมระหว่างแม่น้าแม่กลองกับแม่น้าท่าจีน ยาวประมาณ 32 กิโลเมตร เร่ิมจากประตูน้าบางยาง อ้าเภอเมืองฯ ผ่านอ้าเภอด้าเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ไปเชื่อมกับแม่น้าแม่กลอง ท่ีอ้าเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นคลองท่ีขุดเพ่ือการชลประทานและการสัญจรทางน้า สองข้างคลอง ซอยยอ่ ยๆ เช่ือมตอ่ เปน็ จ้านวนมาก (ทมี่ า : โครงการชลประทานสมุทรสาคร) สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จังหวดั สมทุ รสำคร

ข้อมูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จังหวดั สมุทรสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 6 แหลง่ น้าใตด้ นิ ในพื้นที่จงั หวัดสมุทรสาคร สภาพของทรัพยากรน้าใต้ดนิ มี 2 ลกั ษณะ คือ 1. สภาพแหล่งน้าใต้ดินที่ให้ปริมาณน้ามาก (ประมาณ 50-100 ลบ.ม./ชม.) โดยทั่วไป น้ามีคุณภาพดี แต่บางพื้นที่น้ากร่อยและมีตะกอนของสนิมเหล็กเจือปน ครอบคลุมพื้นท่ีอ้าเภอบ้านแพ้ว อา้ เภอกระทุ่มแบน และอา้ เภอเมอื งสมุทรสาครบางส่วน 2. สภาพแหล่งน้าใต้ดินทใ่ี หป้ ริมาณน้าน้อย (ประมาณ 1-30 ลบ.ม./ชม.) โดยทั่วไปน้ามีคุณภาพดี แต่บางพื้นที่มีคุณภาพปานกลาง น้ากร่อยและมีตะกอนของสนิมเหล็กเจือปน ครอบคลุมพ้ืนที่อ้าเภอ เมืองสมุทรสาคร แหล่งน้าธรรมชาติ จังหวัดสมุทรสาครมีแหล่งน้าธรรมชาติคือแม่น้าท่าจีน และแม่น้าเจ้าพระยา โดยแม่น้า ทา่ จีน เป็นแหล่งน้าธรรมชาติทีส่ ้าคัญของจังหวัด เป็นแหล่งน้าที่ใช้ในการเกษตรกรรมของประชากรท่ีอาศัยอยู่ ตามริมฝั่งแม่น้าและล้าคลองภายในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง แหล่งน้าธรรมชาติของจังหวัดสมุทรสาคร มจี ้านวนประมาณ 262 สาย (ท่มี า : สา้ นกั งานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมจังหวดั สมุทรสาคร) สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั สมุทรสำคร

ท่มี า : โครงการชลประทานจงั หวัดสมทุ รสาคร ภาพที่ 2 แผนท่แี สดงทาง

ข้อมูลด้านการเกษตรรายสินค้าจงั หวัดสมุทรสาคร 2563 (กุ้งขาวแวนนาไม) 7 สำ ันกงำนเกษตรและสหกรณ์ ัจงหวัดส ุมทรสำคร ง ้นาใน ัจงหวัดส ุมทรสาคร

ข้อมูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 8 1.4 ลักษณะภมู อิ ากาศ จังหวัดสมุทรสาครมีลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบฝนเมืองร้อน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมบก ลมทะเล และมีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่านในช่วงฤดูร้อน จึงท้าให้มีความช้ืนในอากาศสูงมีฝนตกมาก ปริมาณ 694.1 มิลลิเมตรต่อปี อุณหภูมิเฉล่ียประมาณ 28.76 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 40.6 องศาเซลเซียส และตา้่ สดุ 14.2 องศาเซลเซียส มีความช้นื สัมพทั ธเ์ ฉล่ียตา้่ สุด 21% และความชนื้ สัมพัทธ์เฉล่ีย สูงสุด 100% อุณหภูมิ ในช่วงระหวา่ งปี 2558-2562 ของจงั หวัดสมุทรสาคร มอี ุณหภูมิสงู สุด 41.4 องศาเซลเซยี ส ในเดือน เมษายนปี 2559 และอุณหภูมิต้่าสุด 11 องศาเซลเซียสในเดือน ธันวาคม ปี 2559 ตารางที่ 5 แสดงสถติ อิ ณุ หภูมิสงู สุด - ต้่าสดุ และอณุ หภูมเิ ฉลี่ยจงั หวัดสมทุ รสาคร ปี 2558-2562 ปี พ.ศ. อุณหภูมิสงู สดุ อุณหภมู ิตา่ สดุ อุณหภมู ิ เฉลี่ย 2558 40.0 13.0 28.85 2559 41.4 11 28.94 2560 38.8 13.5 28.49 2561 38.9 15.6 28.21 2562 40.5 14.2 28.76 (ทม่ี าของขอ้ มลู : สถานอี ุตุนิยมวิทยาของจงั หวดั นครปฐม ขอ้ มูล ณ เดอื น ธันวาคม 2562) แผนภูมิที่ 1 แสดงอุณหภมู ิสงู สดุ - ต้่าสดุ และอุณหภูมเิ ฉลีย่ จังหวดั สมทุ รสาคร ปี 2558 - 2562 อณุ หภมู ิ สภาพภูมิอากาศ 45 2559 2560 2561 40 35 30 25 20 15 10 5 0 2558 2562 สูงสุด ต่าสดุ เฉล่ยี สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั สมุทรสำคร

ข้อมูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจังหวดั สมุทรสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 9 ปรมิ าณนา้ ฝน ระหว่างปี 2558-2562 โดยเฉลย่ี 1006.98 มิลลิเมตร ฝนตกมากที่สดุ ในปี 2560 วัดได้ 1,227.9 มิลลิเมตร จ้านวนวันฝนตก 125 วัน ส่วนฝนตกน้อยท่ีสุด ในปี 2562 วัดได้ 694.1 มิลลิเมตร จ้านวนวันฝนตก 87 วนั ตารางท่ี 6 แสดงสถติ ิปริมาณนา้ ฝนและจา้ นวนวนั ทฝี่ นตกในจงั หวัดสมุทรสาคร ปี 2558-2562 ปี พ.ศ. ปรมิ าณนา้ ฝน จานวนวันที่ฝนตก (มลิ ลิเมตร) (วนั ) พ.ศ.2558 1,175.1 105 พ.ศ.2559 790.6 115 พ.ศ.2560 1,227.9 125 พ.ศ.2561 1,081.6 116 พ.ศ. 2562 694.1 87 ทมี่ าของขอ้ มูล : สถานอี ุตุนยิ มวทิ ยาของจงั หวัดนครปฐม ขอ้ มูล ณ ธันวาคม 2562 แผนภมู ิที่ 2 แสดงปรมิ าณน้าฝนและจา้ นวนวันที่ฝนตกในจังหวดั สมุทรสาคร ปี 2558-2562 ปรมิ าณน้าฝน (มลิ ลเิ มตร) 1400 ปริมาณ วนั 1200 1000 800 600 400 200 0 2558 2559 2560 2561 2562 สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวัดสมุทรสำคร

ขอ้ มลู ด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จงั หวดั สมุทรสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 10 ความช้ืนสัมพัทธ์ ระหว่างปี 2558 - 2562 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 70 ความช้ืนสัมพัทธ์สูงสุด เมอื่ ปี 2558-2562 รอ้ ยละ 100 และความชน้ื สัมพทั ธ์ต่า้ สดุ ปี 2562 รอ้ ยละ 21 ตารางที่ 7 แสดงสถติ คิ วามชนื้ สัมพัทธข์ องพ้นื ท่จี ังหวดั สมุทรสาคร ปี 2558 - 2562 ปี พ.ศ. ความช้นื สมั พัทธ์ ความชนื้ สัมพัทธ์ ความชนื้ สงู สุดร้อยละ(%) ต่าสดุ รอ้ ยละ สัมพทั ธเ์ ฉลี่ย (%) รอ้ ยละ(%) 2558 100 25 69.62 69.54 2559 100 22 70.37 71.87 2560 100 28 68.58 2561 100 28 2562 100 21 (ท่ีมาของข้อมูล : สถานีอุตนุ ยิ มวิทยาของจังหวดั นครปฐม ข้อมลู ณ ธันวาคม 2562) แผนภูมทิ ่ี 3 แสดงความชนื้ สมั พัทธข์ องพื้นทจ่ี งั หวดั สมุทรสาคร ปี 2558-2562 คา่ ความชืน้ สมั พัทธ์ 100 100 100 100 69.54 70.37 71.87 68.58 120 100 22 28 28 21 100 2559 2560 2561 2562 80 69.62 60 40 25 20 0 2558 สงู สุด ร้อยละ(%) ตา่ สุด รอ้ ยละ(%) เฉล่ีย ร้อยละ(%) สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวัดสมทุ รสำคร

ขอ้ มูลดำ้ นกำรเกษตรรำยสินคำ้ จงั หวดั สมุทรสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 11 1.5 พื้นท่ีปา่ ไม้ เพ่ือการอนุรักษใ์ นทอ้ งทจ่ี งั หวดั สมทุ รสาคร แบง่ เป็น 3 ประเภท ดงั นี้ 1) พื้นทป่ี า่ สงวนแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ คณะรัฐมนตรีมีมติก้าหนดให้พ้ืนท่ีป่าชายเลนตลอดแนวชายฝั่งทะเลในท้องที่ จังหวดั สมุทรสาคร เปน็ พืน้ ทป่ี ่าไมถ้ าวรจา้ นวน 2 ป่า ไดแ้ ก่ 1) ป่าไม้ถาวรปา่ ชายทะเลท้องที่จงั หวัดสมุทรสาคร แปลงที่ 1 และ 2) ป่าไม้ถาวรปา่ ชายทะเลท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร แปลงที่ 2 ซึ่งต่อมาพื้นท่ีปา่ ไม้ถาวรทั้ง 2 แห่ง ได้ถูกก้าหนดให้เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 โดยมี รายละเอียด ดงั นี้ - ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัยฝัง่ ตะวนั ออก ตงั้ อยบู่ รเิ วณตลอดแนวริมชายฝ่ังทะเลในเขต ท้องท่ี ต้าบลบางหญ้าแพรก ต้าบลโคกขาม ต้าบลพันท้ายนรสิงห์ อ้าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีแนวเขตตั้งแต่ปากอ่าวมหาชัยฝั่งซ้ายต้าบลบางหญ้าแพรก ถึงคลองบางเสาธง ต้าบลพันท้ายนรสิงห์ ติดต่อ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ มีพื้นท่ี 7,343 ไร่ ตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ 1,194 (พ.ศ.2529) ออกตามความ ในพระราชบญั ญัตปิ า่ สงวนแหง่ ชาติ พ.ศ.2507 - ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัยฝ่ังตะวันตก ตัง้ อยู่บริเวณรมิ ชายฝ่ังทะเลในเขตท้องทตี่ ้าบล นา โคก ต้าบลกาหลง ต้าบลบ้านบ่อ ต้าบลบางโทรัด ต้าบลบางกระเจ้า และต้าบลบางหญ้าแพรก อ้าเภอเมือง สมุทรสาคร มีแนวเขตต้ังแต่เขตติดต่อจังหวัดสมุทรสงครามถึงปากอ่าวมหาชัยฝั่งขวาต้าบลบางหญ้าแพรกมี พื้นท่ี 8,865 ไร่ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ฉบับท่ี 1,202 (พ.ศ. 2530) ออกตามความในพระราชบัญญัติ ป่าสงวนแหง่ ชาติ พ.ศ. 2507 2) พื้นที่เขตห้ามล่าสตั ว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าพันท้ายนรสิงห์ ครอบคลุมพื้นท่ีต้าบลบางหญ้าแพรก ต้าบลโคกขาม ต้าบลพันท้ายนรสิงห์ ต้าบลบางกระเจ้า ต้าบลบ้านบ่อ ต้าบลบางโทรัด ต้าบลกาหลง ต้าบลนาโคก อ้าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีพ้ืนที่ประมาณ 14,426 ไร่ ตามแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่า อา่ วมหาชัยฝั่งตะวันออกและป่าอ่าวมหาชัยฝ่ังตะวันตก ยกเว้นพื้นท่ีบางส่วนบริเวณต้าบลบางหญา้ แพรกท่ีมี การครอบครองใช้ประโยชนพ์ ื้นทีม่ ามากกว่า 20 ปี ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม เรื่อง ก้าหนดพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันออก และป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัยฝ่ัง ตะวันตก ท้องท่ี ต้าบลบางหญ้าแพรก ต้าบลโคกขาม ต้าบลพันท้ายนรสิงห์ ต้าบลบางกระเจ้า ต้าบลบ้านบ่อ ต้าบลบางโทรัด ต้าบลกาหลง ต้าบลนาโคก อ้าเภอเมืองสมุทรสาคร จงั หวัดสมุทรสาคร ให้เป็นเขตห้ามลา่ สัตว์ ป่า ตามพระราชบญั ญตั ิสงวนและคุม้ ครองสัตวป์ า่ พ.ศ. 2535 ลงวนั ที่ วนั ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554 3) พ้ืนที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี 15 ธันวาคม 2530, มติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันที่ 22 สิงหาคม 2543 และมตคิ ณะรฐั มนตรีเมอื่ วันท่ี 17 ตลุ าคม 2543 พ้ืนที่ป่าชายเลน ตามมติคณะรัฐมนตรี 15 ธันวาคม 2530 ก้าหนดเขตพื้นที่ที่มีน้าทะเลท่วมถึง ตลอดจนริมฝั่งแม่น้าล้าคลองในท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร ให้เป็นเขตพื้นที่ป่าชายเลนเพ่ือการอนุรักษ์มีเนื้อท่ี รวมท้ังส้ิน 164,621.77 ไร่ พื้นท่ีส่วนใหญ่อยู่ในเขตอ้าเภอเมืองสมุทรสาครและมีบางส่วนอยู่ตอนล่าง ในเขตอ้าเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยเป็นการประกาศทับพื้นท่ีดินกรรมสิทธิ์พ้ืนท่ีสาธารณะ ห้วย หนอง คลอง บึงทวั่ ไป วตั ถปุ ระสงค์เพ่ือยับยั้งมใิ หม้ กี ารออกเอกสารสทิ ธิ์เพมิ่ เติมในเขตพืน้ ทีท่ ี่ประกาศและเพื่อ สงวนไวซ้ ึ่งสภาพปา่ ชายเลนนอกเขตท่ีดนิ กรรมสทิ ธ์ทิ มี่ ีอยู่ (ทมี่ า : สา้ นักงานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มจงั หวัดสมทุ รสาคร) สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จังหวดั สมุทรสำคร

ขอ้ มูลดำ้ นกำรเกษตรรำยสินค้ำจังหวัดสมทุ รสำคร 2563 (ก้งุ ขำวแวนนำไม) 12 2. ข้อมูลด้านการปกครองของจังหวดั สมุทรสาคร 2.1 การแบง่ เขตการปกครอง จังหวดั สมทุ รสาคร แบ่งเขตการปกครอง 3 อา้ เภอ คืออ้าเภอเมอื งสมุทรสาคร อ้าเภอกระทุ่มแบน และอา้ เภอบา้ นแพว้ ตารางท่ี 8 แสดงการแบง่ เขตการปกครอง ทว่ี า่ การ จานวน อาเภอ หา่ งจาก เทศบาล ลาดับที่ อาเภอ พนื้ ที่ ตร.กม. ร้อยละ ศาลา นคร/ กลาง เมือง/ จังหวดั ตาบล หมูบ่ ้าน อบต. หมายเหตุ (กม.) ตาบล 1 เมือง 492.040 56.40 0.5 18 116 5 12 สมทุ รสาคร 2 กระทุ่มแบน 135.276 15.51 14 10 76 6 4 3 บา้ นแพ้ว 245.031 28.09 23 12 98 3 7 รวม 872.347 100 - 40 290 14 23 ท่ีมา : ที่ท้าการปกครองจงั หวัดสมทุ รสาคร : จ้านวนต้องมปี ระกาศอย่างเปน็ ทางการแลว้ โดยเฉพาะเทศบาล, อบต., ชมุ ชน 2.2 ข้อมลู ประชากร ตารางที่ 9 แสดงจ้านวนประชากรภาคเกษตรและนอกภาคเกษตรของจงั หวดั สมทุ รสาคร ลาดับ อาเภอ จานวน ครัวเรอื น ครัวเรอื น ครวั เรอื น ครวั เรอื น ครัวเรอื นนอก ท่ี ครวั เรอื น ดา้ นพชื ดา้ นประมง เกษตรกร ด้านปศสุ ตั ว์ ภาคเกษตร รวม นาเกลอื * 1 เมือง 200,840 1,455 1,008 210 1,258 196,619 2 กระทุม่ แบน 65,368 2,283 151 - 924 62,010 3 บ้านแพว้ 49,995 6,049 1,062 - 917 41,967 รวม 316,203 9,787 2,221 210 3,099 300,596 ที่มา : สา้ นักงานเกษตรจังหวดั สมทุ รสาคร,สา้ นกั งานประมงจงั หวัดสมุทรสาคร,สา้ นกั งานปศุสัตว์จงั หวดั สมุทรสาคร และที่ทา้ การปกครอง จงั หวดั สมทุ รสาคร ณ เดอื นธันวาคม 2562 2.3 พ้ืนท่ีแหล่งน้าชลประทานและระบบชลประทานของจังหวัดสมุทรสาคร พื้นท่ีแหล่งน้าและระบบชลประทานที่อยู่ในเขตจังหวัดสมุทรสาคร ประกอบด้วยโครงการชลประทาน และโครงการส่งน้าและบ้ารุงรกั ษา รวม 5 โครงการ ดังนี้ 1. โครงการชลประทานสมุทรสาคร 2. โครงการส่งนา้ และบ้ารงุ รกั ษาภาษีเจริญ 3. โครงการสง่ น้าและบ้ารุงรักษาด้าเนนิ สะดวก 4. โครงการส่งน้าและบ้ารุงรกั ษานครปฐม 5. โครงการสง่ น้าและบ้ารงุ รกั ษานครชมุ สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั สมุทรสำคร

ข้อมลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสินคำ้ จงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 13 ภาพท่ี 3 โครงการชลประทานในเขตจังหวดั สมุทรสาคร รปู แสดง โครงการชลประทานในเขตจังหวัดสมุทรสาคร ทีม่ า : โครงการชลประทานจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีพ้ืนที่อยู่ในเขตชลประทาน จ้านวน 348,484 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 63.92 ของพ้ืนที่จังหวัด ซ่ึงครอบคลุมพ้ืนที่ท้าการเกษตรท้ัง 3 อ้าเภอ พื้นที่ชลประทานดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบ ของโครงการชลประทานสมุทรสาคร (โครงการแก้มลิง คลองมหาชัย-คลองสนามชัย) จ้านวน 28,700 ไร่ โครงการส่งน้าและบ้ารุงรักษาภาษีเจริญ จ้านวน 128,705 ไร่ โครงการส่งน้าและบ้ารุงรักษาด้าเนินสะดวก จ้านวน 110,684 ไร่ โครงการส่งน้าและบ้ารุงรักษานครชุม จ้านวน 25,615 ไร่ และโครงการส่งน้าและ บ้ารุงรักษานครปฐม จ้านวน 54,780 ไร่ และยังมีพ้ืนท่ีทางตอนล่างของจังหวัดที่อยู่ติดกับชายทะเล เป็นพ้ืนที่ นอกเขตชลประทาน จ้านวน 196,732 ไร่ ซงึ่ อยูใ่ นความรับผิดชอบของโครงการชลประทานสมุทรสาคร สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวัดสมทุ รสำคร

ขอ้ มูลดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 14 ตารางที่ 10 แสดงพ้นื ท่ีชลประทานในจงั หวัดสมุทรสาคร เขตท่ีรับประโยชน์ พนื้ ท่ชี ลประทาน (ไร่) ท่ี โครงการ อา้ เภอเมืองสมุทรสาคร 28,700 พืน้ ทใี่ นเขตชลประทาน อ้าเภอบ้านแพ้ว อา้ เภอกระทุ่มแบน 128,705 1 โครงการชลประทานสมุทรสาคร (โครงการแก้มลงิ อัน อา้ เภอกระทุ่มแบน 110,684 เน่ืองมาจากพระราชด้าริ คลองมหาชัย-คลองสนามชัย) 54,780 อ้าเภอบ้านแพ้ว 25,615 2 โครงการส่งน้าและบ้ารงุ รักษาภาษีเจริญ 348,484 3 โครงการสง่ น้าและบา้ รุงรกั ษาด้าเนินสะดวก อา้ เภอบ้านแพ้ว 4 โครงการส่งนา้ และบ้ารงุ รักษานครปฐม 5 โครงการสง่ น้าและบ้ารงุ รกั ษานครชุม อ้าเภอบ้านแพ้ว รวม 5 โครงการ 3 อาเภอ พ้นื ที่นอกเขตชลประทาน อา้ เภอเมืองสมุทรสาคร 196,732 1 พืน้ ที่ในความรบั ผิดชอบของโครงการชลประทานสมุทรสาคร รวม 3 อาเภอ 545,216 2.4 การบริหารจัดการนา้ ของจังหวัดสมทุ รสาคร เนื่องจากจังหวัดสมุทรสาครมีแม่น้าท่าจีนเป็นล้าน้าสายหลักผ่านเมืองสมุทรสาคร จึงแบ่งพ้ืนที่จังหวัด ออกเปน็ สองฝงั่ แม่น้า คือ พน้ื ทีฝ่ ั่งตะวันออกของแมน่ ้าท่าจีน และพน้ื ท่ตี ะวนั ตกของแมน่ า้ ท่าจีน 1) พนื้ ทีฝ่ ั่งตะวันออกของแมน่ ้าท่าจีน พื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้าท่าจีนเป็นท่ีตั้งของตัวจังหวัด ศาลากลาง ศูนย์ราชการต่างๆ โรงเรียน ย่านธุรกิจการค้าด้านอาหารทะเล ทั้งท่ีเป็นของทะเลสดและร้านอาหาร เขตเทศบาลนครสมุทรสาคร ชุมชนท่ีพักอาศัย นอกจากนี้ยังเป็นท่าเทียบเรือประมง แหล่งอุตสาหกรรมด้านการส่งออกอาหารทะเลแปรรูป ต่างๆ กระจายอยู่ในเขตพ้ืนที่อ้าเภอเมือง พ้นื ที่ฝ่ังตะวันออกรับน้าจากโครงการส่งน้าและบ้ารุงรักษาภาษีเจริญ ผ่านทางคลองภาษีเจริญ คลองสี่วาพาสวัสด์ิ คลองคอกกระบือ คลองบางน้าจืด และคลองที่เช่ือมต่อตามแนว เหนือ-ใต้ จากกรุงเทพมหานครผ่านทางคลองมหาชัย-สนามชัย มีโครงการท่ีส้าคัญได้แก่ โครงการแก้มลิง คลองมหาชัย-สนามชัยอันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ เป็นโครงการที่ช่วยระบายน้าเพ่ือบรรเทาปัญหาน้าท่วม กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยโครงการก่อสร้างส้านักงานชลประทานที่ 11 ได้ด้าเนินงานการก่อสร้างอาคาร ชลประทานต่างๆ ในส่วนของกรมชลประทานที่รบั ผิดชอบในพืน้ ท่ีจงั หวัดสมุทรสาครประกอบดว้ ย คันก้ันน้าเค็ม ท่ีเช่ือมต่อระหว่างประตูระบายน้า, ประตูระบายน้าและสถานีสูบน้าคลองมหาชัย-สนามชัย, ประตูระบายน้า คลองพระราม (คลองหลวง), ประตูระบายน้าคลองเจ๊ก, ประตูระบายน้าคลองสหกรณ์สาย 3, ประตูระบายน้า คลองโคกขามเก่า, ประตูระบายน้าคลองโคกขาม, ประตูระบายน้าคลองสหกรณ์สาย 4, ประตูระบายน้า คลองสหกรณ์สาย 5, ประตรู ะบายน้าคลองลัดตะเคียน, ประตูระบายน้าคลองแสมด้า ส่วนประตูระบายน้าเพื่อป้องกันน้าท่วมในเขตเทศบาลนครสมุทรสาคร ได้แก่ ประตูระบายน้า คลองจาก, ประตูระบายน้าคลองหวายลิง, ประตูระบายน้าคลองหวายลิงใหญ่, ประตูระบายน้าคลอง สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวัดสมุทรสำคร

ข้อมูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 15 ข้างวัดเจษฎาราม, ประตูระบายน้าคลองตาขุน, ประตูระบายน้าคลองยม, ประตูระบายน้าคลองลัดป้อม ซึ่งได้ด้าเนินการก่อสร้างประตูระบายน้าแล้วเสร็จท้ังระบบสามารถช่วยในด้านการระบายน้าโดย Gravity ได้ประมาณวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. และใช้เคร่อื งสบู น้าระบายน้าได้ วนั ละ 1.5 ล้าน ลบ.ม. ซ่งึ ใช้ช่วยการระบายน้า ในระบบแก้มลิง เพ่ือบรรเทาปญั หาอุทกภัย ปกป้องพื้นท่ีนิคมอตุ สาหกรรมสินสาคร หมบู่ า้ นจัดสรรตา่ งๆ ในส่วน ของเขตเทศบาลนครมหาชัย ได้ด้าเนินการก่อสร้างก้าแพงป้องกันน้าท่วมริมคลองมหาชัย ปัจจุบันด้าเนินการ แล้วเสร็จตั้งแต่บริเวณท้ายประตูระบายน้าและสถานีสูบน้าคลองมหาชัย-คลองสนามชัย ถึงสะพานข้ามคลอง มหาชัย และอยู่ระหว่างด้าเนินการก่อสร้าง บริเวณปากคลองมหาชัยบริเวณสะพานปลา นอกจากนี้ในพ้ืนที่ฝ่ัง ตะวันออก ยังได้ด้าเนินการปรับปรุงอาคารชลประทานบริเวณปากคลองที่เช่ือมต่อกับแม่น้าท่าจีน เพื่อป้องกัน บรรเทาปัญหาน้าท่วมในพ้นื ที่เศรษฐกิจ พ้ืนทภ่ี าคการเกษตรและท่อี ยู่อาศยั 2) พน้ื ทีฝ่ ั่งตะวนั ตกของแมน่ ้าท่าจนี พ้ืนที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้าท่าจีน เขตชุมชนท่าฉลอม (เป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย) ส่วนใหญ่เป็นท่ีตั้งของบ้านเรือนย่านธุรกิจการค้าอาหารทะเล มีท่าเทียบเรือประมงในการน้าอาหารทะเลมาขึ้น ฝั่ง และเหนือถนนพระราม 2 เป็นนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร พื้นท่ีอ้าเภอเมืองบางส่วนเป็นพื้นที่การ เกษตรกรรม ในพื้นที่อ้าเภอบ้านแพ้วส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีคลองที่ส้าคัญ คือ คลองด้าเนินสะดวก และคลองสุนัข หอนซึ่งเป็นคลองเชื่อมต่อในแนวตะวันออก-ตะวันตกระหว่างแม่น้าท่าจีนกับแม่น้าแม่กลอง คลองด้าเนินสะดวกเป็นคลองที่รับน้าจากแม่น้าแม่กลองมาใช้ในภาคการเกษตร ส่วนคลองสุนัขหอนเป็นคลองที่ รับการระบายน้าจาก คลองระบายน้าสายต่างๆ ในเขตพื้นที่โครงการส่งน้าและบ้ารุงรักษาด้าเนินสะดวก เช่น ประตูระบายดี 2, ดี 3, ดี 4, ดี 7 และประตูระบายคลองท่าแร้ง พื้นท่ีใต้แนวถนนพระราม 2 สว่ นใหญ่เป็นพื้นท่ี ท้าการเพาะเล้ียงสตั ว์น้า ทะเลและนาเกลือ มีคลองเชอื่ มต่อระหว่างคลองสุนัขหอนกบั ทะเล เช่น คลองบางสีคต, คลองบางย่พี ระ, คลองบางขดุ , คลองนคิ ม 1 โดยใชป้ ระโยชน์ในการน้าน้าทะเลมาท้านาเกลือ พนื้ ท่ีข้างต้นเป็นพ้ืนทไ่ี ด้รับอิทธิพลจากการข้ึน-ลง ของนา้ ทะเล ประสบปัญหาเร่ืองน้าท่วม ในช่วง น้าทะเลหนุนมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นพ้ืนที่ลุ่มต่้าและเป็นพ้ืนที่รับน้าจากการระบายน้าโดยตรง ปัจจุบันโครงการชลประทานสมุทรสาครได้ด้าเนินการขุดลอกคลองสุนขั หอนบางส่วน เพ่ือช่วยในการระบายน้า จากพ้ืนทีต่ อนบน ทั้งนี้พน้ื ท่ีโครงการส่งน้าฯด้าเนินสะดวกจะเกิดปัญหาอทุ กภยั ในเขตอ้าเภอบ้านแพว้ ในกรณีท่ี มีปริมาณน้าฝนในพ้ืนที่มากกว่า 80 มิลลิเมตร เน่ืองจากลักษณะทางภูมิประเทศเป็นท่ีลุ่มต่้า ประกอบกับการ หนุน ของน้าทะเลท้าให้การระบายน้าเป็นไปตามจังหวะการข้ึน - ลงของน้าทะเล โครงการชลประทาน สมุทรสาครยังได้ ด้าเนินการก่อสร้างระบบป้องกันน้าท่วมเป็นประตูระบายน้าริมแม่น้าท่าจีนและท่อระบายน้า ริมแม่น้าท่าจีน และก่อสร้างท้านบชั่วคราวป้องกันน้าท่วมตามคลองสาขาที่เช่ือมต่อกับแม่น้าท่าจีนเพื่อป้องกัน น้าท่วมจากการหนนุ ของนา้ ทะเล 2.5 ระบบระบายน้าของจังหวัดสมทุ รสาคร จงั หวัดสมุทรสาครมีโครงการแก้มลิง “คลองมหาชัย-คลองสนามชัย” ในการจัดการการระบายน้า ซ่ึง เป็นโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระการระบายน้าผ่านทางแม่น้าเจ้าพระยา ในช่วงฤดูน้าหลากลงสู่ทะเล เนื่องจากปัญหาน้าทะเลหนุนท้าให้ปริมาณน้าหลากไหลออกทะเลไม่ทัน โดยส่วน หน่ึงให้ระบายน้าผ่านไปทางพื้นท่ีฝั่งตะวันตกของแม่น้าเจ้าพระยาตอนล่างผ่านคลองต่างๆ ลงไปทางคลอง มหาชัย-คลองสนามชัย และแม่น้าท่าจีน แล้วออกสู่ทะเลทางด้านจังหวัดสมุทรสาคร โดยการก่อสร้างประตู ระบายน้า (ปตร.) ปิดกั้นคลองมหาชัย-คลองสนามชัย และคลองสายต่างๆ พร้อมสถานีสูบน้าตามความจ้าเป็น ซึ่งความจุของคลอง หนอง บึง ในพื้นที่จะท้าหน้าท่ีเป็น “แก้มลิง” รวบรวมรับและดึงน้าท่วมขังจากพ้ืนที่ ตอนบนมาเก็บไว้ และระบายออกสู่ทะเลทางปากคลองมหาชัย คลองพระราม คลองขุนราชพินิจใจ และคลอง สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั สมุทรสำคร

ข้อมูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 16 ต่างๆ โดยอาศัย แรงโน้มถ่วง ของโลก/สูบน้า ตามจังหวะการข้ึน-ลง ของน้าทะเล เช่นเดียวกับโครงการทางฝั่ง ตะวนั ออก แมน่ า้ เจา้ พระยาซงึ่ ด้าเนนิ การได้ผลมาแลว้ เม่ือคราวเกิดน้าท่วมใหญป่ ี พ.ศ. 2538 โครงการชลประทานสมุทรสาคร ได้ด้าเนินการบริหารจัดการน้าโครงการแก้มลิงคลองมหาชัย- สนามชัย อนั เนอื่ งมาจากพระราชด้าริ ดงั น้ี 1) ช่วงน้าหลาก จะมีการปิดประตรู ะบายน้าท้ัง 10 แห่ง ในระบบแก้มลิงของกรมชลประทานใน เขตจังหวัดสมุทรสาครทั้งหมด โดยมีการบริหารจัดการน้าที่ประตูระบายน้าและสถานีสูบน้าคลองมหาชัยเป็น หลัก เม่ือระดับน้าด้านนอกหรือน้าทะเลมีระดบั ต้่ากว่าประตูระบายน้า ให้มีการระบายน้าโดยระบบแรงโน้มถ่วง ของโลก (Gravity Flow) ตามธรรมชาติ เมื่อระดบั น้าทะเลสูงกว่าระดับน้าในล้าคลองให้ท้าการปิดประตรู ะบาย นา้ โดยยึดหลักน้าไหลลงทางเดียว (One Way Flow) และใช้เคร่ืองสูบน้าพลังงานไฟฟ้าขนาดก้าลังสูบเครื่องละ 3 ลบ.ม./วินาที จ้านวน 12 เคร่ือง รวมท้ังส้ิน 36 ลบ.ม./วินาที สูบน้าออกจากคลองมหาชัย ท่ีท้าหน้าที่ \"แก้ม ลิง\" เป็นการพร่องน้าภายในระบบแก้มลิง เพื่อจะได้ท้าให้น้าตอนบนค่อยๆ ไหลมาเองตลอดเวลา ส่งผลให้ ปรมิ าณน้าท่วมพน้ื ท่ีลดนอ้ ยลง 2) ชว่ งน้าปกติ จะมีการเปิดประตูระบายน้าจ้านวน 9 แห่ง ทางด้านใต้ของระบบแก้มลิง เพ่ือรับ น้าคุณภาพดีจากทะเลเข้ามาหมุนเวียนในระบบแก้มลิง ส่วนประตูระบายน้าและสถานีสูบน้าคลองมหาชัยจะมี หน้าที่บรหิ ารจัดการน้าเป็นหลกั โดยเม่ือน้าทะเลหนุนสงู จะท้าการปิดประตูระบายน้าคลองมหาชัยท้ังหมด และ ให้น้าคุณภาพดีจากทะเลไหลเข้าในระบบแก้มลิง เม่ือน้าทะเลไหลลงจะเปดิ ประตูระบายน้าท่ีคลองมหาชัย เพื่อ ระบายน้าในระบบแก้มลิงลงสทู่ ะเลทางดา้ นคลองมหาชัย และแม่น้าท่าจีน เป็นการหมุนเวียนน้าในระบบแกม้ ลิง ให้มีคุณภาพดีขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรท่ีท้าเพาะเลี้ยงสัตว์น้ากร่อย ให้สามารถ ประกอบอาชพี ได้อย่างยง่ั ยนื ภาพที่ 4 แผนผงั น้าจังหวัดสมทุ รสาคร ทม่ี า : โครงการชลประทานจังหวัดสมุทรสาคร สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวัดสมุทรสำคร

ข้อมลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 17 2.6 ขอ้ มูลด้านการกกั กนั ของจังหวัดสมุทรสาคร ด่านตรวจพชื ไมม่ ี หอ้ งปฏิบัตกิ ารตรวจเบื้องตน้ ไม่มี สถานกักพืชเบือ้ งต้น ด่านตรวจประมง มี ด่านตรวจสัตวน์ ้าจงั หวดั สมทุ รสาคร ซ่ึงท้าหนา้ ทีเ่ ป็นด่านศลุ กากร และสถานกักกันสัตว์น้า มี หอ้ งปฏิบตั ิการตรวจเบ้อื งต้น (ศูนย์วจิ ยั และตรวจสอบคณุ ภาพสนิ คา้ ประมงสมุทรสาคร) มี สถานกกั กนั สัตว์นา้ ณ ศนู ยว์ ิจัยและพัฒนาการเพาะเลยี้ งสตั วน์ ้าชายฝ่ัง เขต 2 (สมุทรสาคร) ด่านตรวจปศสุ ตั ว์ ไม่มี หอ้ งปฏิบัติการตรวจเบือ้ งต้น ไมม่ ี สถานกกั กันสตั ว์/ด่านกักกันสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร 3. ภาวะเศรษฐกจิ การเกษตรของจังหวดั สมุทรสาคร ไตรมาส 1 ปี 2563 และแนวโนม้ ปี 2563 ตารางที 11 เคร่ืองชที้ างด้านเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 1 ปี 2563 รายการ ภาคเกษตร สาขาพชื สาขาปศสุ ัตว์ สาขาประมง 2562 2563 % 2562 2563 % 2562 2563 % 2562 2563 % ดัชนีผลผลติ สินค้า 68.6 70.5 2.8 91.4 91.1 -0.3 85.2 85.9 0.8 41.9 42.5 1.4 เกษตร 111.6 67.1 -39.9 ดชั นีราคาที่ 105.7 76.6 -27.5 132.1 117.7 -10.9 101.7 110.2 8.4 46.8 28.5 -39.0 เกษตรกรขายได้ ดชั นีรายได้ 72.5 54.0 -25.5 120.7 107.2 -11.2 86.6 94.7 9.2 เกษตรกร ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรไตรมาส 1 ปี 2563 ขยายตัวร้อยละ 2.8 จากสาขาประมง สาขาปศุสัตว์ เป็นหลกั โดยปรมิ าณผลผลิตที่เพิม่ ขึ้นของสินค้าเกษตรหลัก ไดแ้ ก่ กุ้งขาว ปลาน้าจืด มะพร้าวน้าหอม มะนาว และไข่ไก่ ขณะท่ีดัชนีราคาที่เกษตรกรขายได้หดตัวร้อยละ 27.5 จากราคากุ้งขาวลดลง ส่งผลให้ดัชนีรายได้ เกษตรกร หดตวั ร้อยละ 25.5 เมอ่ื เทียบกบั ช่วงเดยี วกันของปีท่ผี า่ นมา สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั สมุทรสำคร

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสินคำ้ จงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 18 ภาวะเศรษฐกจิ การเกษตรไตรมาส 1 ปี 2563 ขยายตัวร้อยละ 1.4 เม่ือเทยี บกบั ชว่ งเดยี วกนั ของปที ่ีผา่ นมา สัดส่วนมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมไตรมาส 1 ปี 2563 มีสัดส่วนดังนี้ สาขาประมงมีสัดส่วนร้อยละ 89.70 รองลงมาคือ สาขาพืช สาขาปศุสัตว์ สาขาบริการทางการเกษตร และสาขาป่าไม้ มีสัดส่วนร้อยละ 10.15, 0.12, 0.02 และ 0.01 ตามล้าดับ สาขาบรกิ าร สาขาปศุสตั ว์ สาขาพชื สาขาประมง สาขาปา่ ไม้ ทางการเกษตร +0.2 % -0.3 % +0.2 % +0.2 % -2.0 % สภาพอากาศ จากการลดลงของ ปรมิ าณน้า จากกิจกรรม จากการลดลง เอือ้ อา้ นวยตอ่ การ กล้วยไมซ้ ึ่งเปน็ พืชท่ี เพยี งพอและ ปลกู ปา่ ของพื้นท่ีปลกู ข้าว เจรญิ เตบิ โต และ สร้างรายไดใ้ ห้แก่ คณุ ภาพน้า ส่งผลใหก้ ารจา้ ง มาตรการบริหาร จงั หวัด มแี นวโน้ม เหมาะสมต่อ ท้งั ป่าธรรมชาติ บริการเตรียมดนิ ฟาร์มท่ีดีเพื่อให้ ลดลงจากปีทีผ่ ่านมา การเล้ียง และ และบริการเกบ็ ทา้ ให้เกษตรกรลด ประกอบกับการ สอดคลอ้ งกัน การใสป่ ยุ๋ ประกอบ บริหารจัดการ ปา่ เศรษฐกจิ เกีย่ วขา้ ว ความต้องการของ กับสภาพอากาศไม่ ฟาร์มอย่างเปน็ เชน่ ป่าโกงกาง ลดลงด้วย ตลาดทัง้ ในและ เอ้อื อา้ นวยทา้ ให้ ระบบและการ ผลผลิตตอ่ ไร่ลดลง พัฒนาการเลี้ยง เพิ่มขึ้น ต่างประเทศ สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวัดสมุทรสำคร

ขอ้ มูลดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจังหวดั สมุทรสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 19 สถานการณ์การผลติ สนิ ค้าเกษตรท่สี าคัญไตรมาส 1 ปี 2563 กล้วยไม้ ผลผลิตกล้วยไม้ไตรมาส 1 ปี 2563 ข้าวรวม ผลผลิตข้าวรวมไตรมาส 1 ปี 2563 -0.7 % มปี รมิ าณ 3,594.4 ตนั ลดลงจากช่วงเดยี วกัน -2.2 % มีปริมาณผลผลิต 547.0 ตัน ลดลงจากช่วง ของปีที่ผ่านมา ซ่ึงมีผลผลิต 3,620.0 ตัน เดียวกันของปีท่ีผ่านมา ซึ่งมีผลผลิต 559.4 หรอื ลดลงรอ้ ยละ 0.7 เนอื่ งจากเศรษฐกิจโลก ตัน หรือลดลงรอ้ ยละ 2.2 เนื่องจากฝนท้ิงชว่ ง ชะลอตัว ตลาดกล้วยไม้ปรับตัวลดลงท้าให้ มีปริมาณน้าไม่เพียงพอในช่วงการเพาะปลูก เ ก ษ ต ร ก ร ล ด ก า ร ดู แ ล เ พื่ อ ล ด ต้ น ทุ น ส่งผลให้ปรมิ าณผลผลิตลดลง ขณะเดียวกันปัญหาจากการระบาดของโรค ไวรัส Covid-19 ท้าใ ห้ ตล าดจีนซึ่ ง เป็น มะนาว ผล ผ ลิตมะนาวไตร มาส 1 ปี 2563 ตลาดหลัก เข้มงวดเร่ืองการน้าเข้า ส่งผล +1.0 % มีปริมาณ 2,880.8 ตัน เพิ่มข้ึนจากช่วง กระทบตอ่ การสง่ ออกกลว้ ยไมข้ องไทย เดียวกันของปีที่ผ่านมา ท่ีมีผลผลิต 2,852.5 ตัน หรอื เพม่ิ ข้นึ รอ้ ยละ 1.0 เนือ่ งจากราคาอยู่ มะพรา้ ว ผลผลิตมะพร้าวน้าหอมไตรมาส 1 ปี 2563 ในเกณฑ์ดีจูงใจให้เกษตรกรบ้ารุงต้นและ นา้ หอม มีปริมาณ 23,881.1 ตัน เพิ่มข้ึนจากช่วง ขยายเนื้อที่ปลูก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิต เดยี วกันของปีท่ีผ่านมาซง่ึ มผี ลผลิต 23,139.5 เพิ่มข้นึ +3.2 % ตัน หรือเพ่ิมขึ้นร้อยละ 3.2 เน่ืองจากตลาด ในประเทศและต่างประเทศมีความต้องการ อย่างต่อเน่ือง ประกอบกับราคามีแนวโน้ม กุ้งขาว ผล ผลิตกุ้งขาวแวนนาไมไตรมาส 1 +1.9 % ปี 2563 มผี ลผลิต 1,532 ตัน เพม่ิ ข้ึนจากชว่ ง สูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรบ้ารุงรักษาดีข้ึน เดียวกันของปีท่ีผ่านมาซ่ึงผลิตได้ 1,504 ตัน หรือเพิ่มข้ึนรอ้ ยละ 1.9 เน่ืองจากเกษตรกรมี ทา้ ให้ผลผลติ ตอ่ ไรเพ่ิมข้ึน การ ปรับตัวแล ะบริห าร จัดการ ที่ดีข้ึน ปล่อยกงุ้ ในอัตราทีเ่ หมาะสม สง่ ผลให้ผลผลิต ไข่ไก่ ผลผลติ ไขไ่ ก่ไตรมาส 1 ปี 2563 มีปริมาณ เพิ่มขึ้นเพ่ือรองรับความต้องการบริโภคและ +0.9 % การผลิต 3.28 ล้านฟอง เพ่ิมขึ้นจากช่วง การส่งออก เดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งผลิตได้ 3.25 ล้านฟอง หรือเพ่ิมข้ึนร้อยละ 0.9 เนื่องจาก เ ก ษ ต ร ก ร มี ก า ร จั ด ก า ร ฟ า ร์ ม ที่ ดี มี ประสิทธิภาพเพ่ือรองรับการบริโภคมากข้ึน รวมถึงสภาพอากาศท่ีเหมาะสมท้าให้แม่ไก่ ให้ไข่ได้ดี ประกอบกับราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลใหผ้ ลผลติ เพ่มิ ข้นึ สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวัดสมทุ รสำคร

ข้อมลู ด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวดั สมทุ รสำคร 2563 (ก้งุ ขำวแวนนำไม) 20 แนวโนม้ ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2563 การบริหารจัดการน้าทั้งระบบ เพ่ือลดความเสียหายของภาคเกษตรท่ีอาจเกิดจากภัยแล้ง การเพ่มิ พ้นื ทเ่ี กบ็ กกั นา้ แบบแกม้ ลิงในฤดูฝน การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิต และใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิต การปรบั ปรงุ ระบบโลจิสติกส์ การบริหารจัดการฟาร์มที่ดีท้ังประมงและปศุสัตว์ รวมท้ังกายเฝ้าระวังโรค เพ่ือลด การสญู เสีย หรอื ลดอตั ราการตาย สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั สมุทรสำคร

บทที่ 2 ข้อมูลทว่ั ไปเกี่ยวกับกงุ้ ขาวแวนนาไม ช่อื ภาษาไทย กงุ้ ขาวแปซฟิ กิ หรือ กุ้งขาวแวนนาไม หรอื ก้งุ ขาว ชอื่ ภาษาอังกฤษ Pacific white shrimp หรือ White leg shrimp ชื่อวิทยาศาสตร์ Litopenaeus vannamei วงศ์ Penaeidae 1. ประวตั กิ ารเพาะเล้ียงกงุ้ ขาวแวนนาไม ภาพท่ี 5 ก้งุ ขาวแวนนาไม กุ้งขาวแปซิฟิก (Litopenaeus vannamei) หรือ Pacific white shrimp หรือท่ีเรียกกันท่ัวไปว่า White leg shrimp เป็นกุ้งพื้นเมืองในทวีปอเมริกาใต้ พบท่ัวไปบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก จากตอนเหนือของประเทศเม็กซิโกจนถึงตอนเหนือของประเทศเปรู กุ้งชนิดน้ีมีการเล้ียงกันมากในประเทศ เอกวาดอร์ เมก็ ซโิ ก เปรู ปานามา ฮอนดูรสั โคลมั เบยี และบราซลิ กงุ้ ขาวแปซิฟิกท่ีเกษตรกรในประเทศไทยนิยมไดแ้ ก่กุ้งขาวแวนนาไมหรอื เรยี กกันว่า “กงุ้ ขาว” เป็น กงุ้ ท่ีเล้ยี งง่าย มกี ารเจรญิ เติบโตอย่างรวดเรว็ เน่อื งจากพอ่ แมพ่ ันธไ์ุ ดร้ บั การพฒั นาสายพันธ์มุ าเป็นเวลาชา้ นาน ทาให้มีการนาเข้าไปเลี้ยงในหลายๆ ประเทศ กุ้งชนิดนี้มีการนาเข้ามาเลี้ยงในทวีปเอเชียคร้ังแรกในประเทศ ไต้หวันปี พ.ศ. 2539 และต่อมาได้นาเข้าไปในประเทศจีนในปี พ.ศ. 2541 สาหรับประเทศไทยได้มีการนา กุ้งขาวเข้ามาทดลองเล้ียงในปี พ.ศ. 2541 แต่การทดลองในคร้ังนั้นไม่ประสบความสาเร็จมากนัก จนกระท่ัง เดือนมีนาคม พ.ศ. 2545 กรมประมงได้อนญุ าตให้นาพ่อแม่พันธุ์ท่ีปลอดเช้อื (Specific Pathogen Free, SPF) จากต่างประเทศเข้ามาทดลองเล้ียง ระยะเวลาการนาเข้าพ่อแม่พันธ์ุท่ีปลอดเชื้อจากเดือนมีนาคม 2545 - กุมภาพันธ์ 2546 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับท่ีการเล้ียงกุ้งกุลาดาในประเทศไทยกาลังประสบปัญหากุ้งโตช้า โดยเฉพาะในขณะท่ีจับกุ้งจะพบว่ามีกุ้งขนาดเล็กน้าหนักประมาณ 3-5 กรัมเป็นจานวนมาก ทาให้เกษตรกร ส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดทุน ในขณะที่เกษตรกรบางส่วนได้ทดลองเลี้ยงกุ้งขาว ซึ่งสว่ นใหญใ่ ห้ผลค่อนข้างดี จากกระแสการเลี้ยงกุ้งขาวที่ได้ผลดีกว่ากุ้งกุลาดา ทาให้เกษตรกรจานวนมากหันมาเลี้ยงกุ้งขาวกันมากขึ้น แต่เนื่องจากกุ้งขาวเป็นกุ้งชนิดใหม่ท่ีไม่เคยเล้ียงในประเทศไทยมาก่อน รายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรม การเล้ยี ง การให้อาหาร ตลอดจนปจั จัยอื่นๆ ท่ีมีผลเก่ยี วกบั การเลี้ยงยังไมม่ ีการศกึ ษามาก่อน ทาให้เกษตรกร บางส่วนมีปัญหาในเรื่องของกงุ้ เป็นโรค ในเรอื่ งของลูกพันธุท์ ี่มีคณุ ภาพไม่ดีหลังจากเลีย้ งไปแล้วมีปญั หากงุ้ โตช้า และมลี ักษณะผดิ ปกตบิ างอยา่ งเกดิ ขน้ึ 2. ลกั ษณะเฉพาะตัวของกงุ้ ขาวแวนนาไม ลักษณะเฉพาะของกุ้งขาวท่ีสามารถสังเกตเห็นเด่นชัดคือ บริเวณฟันกรี (หนาม) ด้านบนจะหยักและถ่ี ปลายกรีจะตรง โดยท่ีฟันกรีด้านล่าง 2 อันและด้านบน 8 อัน ความยาวของกรีจะยาวกว่าลูกตาไม่มาก และทส่ี งั เกตเหน็ ได้ชัดคือ จะเหน็ ลาไส้ก้งุ ชนิดน้ชี ัดกว่ากุ้งขาวอ่ืน ๆ ขณะทโ่ี ตเต็มวยั สมบูรณเ์ ตม็ ท่ีของกุ้งชนดิ นี้ จะมีความยาวทั้งหมด (Total Length) 230 มิลลเิ มตร (9 นิ้ว) สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั สมทุ รสำคร

ขอ้ มลู ด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จงั หวดั สมุทรสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 22 กุง้ ขาวแวนนาไม มี 8 ปล้องตัว ลาตวั สีขาว หน้าอกใหญ่ การเคลื่อนไหวเร็ว สว่ นหัวมี 1 ปล้อง มีกรี อยู่ในระดับยาวประมาณ 0.8 เท่าของความยาวเปลือก หัวสันกรีสูง ปลายกรีแคบ ส่วนของกรีมีลักษณะเป็น สามเหล่ยี มมสี ีแดง อมนา้ ตาล กรดี ้านบนมี 8 ฟัน กรีดา้ นล่างมี 2 ฟนั รอ่ งบนกรีมองเหน็ ไดช้ ัด เปลอื กหวั สขี าว อมชมพูถึงแดง ขาเดินมีสีขาวเป็นลักษณะท่ีขาว่ายน้า 5 คู่ มีสีขาวข้างในที่หลายมีสีแดง ส่วนหางมี 1 ปล้อง ปลายหางมีสีแดงเข้ม แพนหางมี 4 ใบ และ 1 กรีหาง ขนาดตัวโตทสี่ มบรู ณเ์ ต็มท่ีของกุง้ สายพันธุ์น้ีจะมีขนาดที่ เลก็ กว่ากุ้งกลุ าดา โดยความยาวจากกรีหวั ถึงปลายกรหี าง 230 มิลลิเมตร (9 นิ้ว) ความยาวจากโคนหัวถึงปลาย กรหี ัว 65 มิลลิเมตร ความยาวจากโคนหวั ถึงปลายกรีหาง 165 มลิ ลิเมตร เส้นรอบวงหวั 94 มิลลิเมตร เสน้ รอบ วงตัว 98 มิลลิเมตร แพนหางยาว 35 มิลลิเมตร ตาห่างกัน 20 มิลลิเมตร น้าหนักตวั เฉล่ีย 120 กรัม หากินทุก ระดับความลึกของน้า ชอบว่ายล่องน้าเก่ง ลอกคราบเร็วทุก ๆ สัปดาห์ ไม่หมกตัว ชอบน้ากระด้างที่มีความ กระด้างรวม 120 มิลลิกรัม ต่อลิตร มีค่าอัลคาไลน์ในช่วง 80-150 มิลลิกรัมต่อลิตร มีนิสัยท่ีไวต่อการ เปลี่ยนแปลงสภาวะ ของน้าในบ่อเพาะเล้ียง ตื่นตกใจง่าย เป็นกุ้งที่เลี้ยงได้ทิ้งในระบบธรรมชาติและระบบก่ึง หนาแนน่ โดยมรี ะดับนา้ ประมาณ 1.0-1.5 เมตร 3. พ่อแม่พันธ์ุกุ้งขาวแวนนาไม เน่ืองจากพ่อแม่พันธ์ุกุ้งขาวทั้งหมดนาเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่มาจากประเทศไต้หวัน จีน และสหรัฐอเมริกา อาจจะมีการนาเข้าจากประเทศอ่ืนๆ บ้าง โดยเฉพาะประเทศแถบอเมริกาใต้ พ่อแม่พันธ์ุ กงุ้ ขาวที่มีอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ มีลักษณะแตกต่างกันบ้างพอจะสังเกตได้ เช่น พ่อแม่พันธ์ุท่ีนาเข้ามาจาก ประเทศไต้หวัน ลักษณะสาคัญคือส่วนหัวจะโตกว่าพ่อแม่พันธุ์จากแหล่งอ่ืนๆ ซึ่งสันนิษฐานว่า สายพันธ์ุที่ นาเขา้ ไปในประเทศไต้หวันในระยะแรกน่าจะเป็นสายพันธ์ุท่ีนาเขา้ มาจากมลรฐั ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ตอ่ มามีการผสมพนั ธก์ุ ับสายพันธอ์ุ ื่นบา้ งจนมีลักษณะทเี่ ห็นในปัจจุบัน คือส่วนหัวจะโต และสีจะแดงเขม้ ภาพที่ 6 พ่อแม่พันธุก์ ้งุ ขาวท่ีนาเข้าจากประเทศไต้หวนั ภาพที่ 7 พอ่ แมพ่ ันธก์ุ ้งุ ขาวท่ีนาเข้าจากมลรฐั ฟลอรดิ ้า ภาพที่ 8 พอ่ แม่พนั ธกุ์ ุ้งขาวท่ีนาเข้าจากมลรฐั ฮาวาย สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั สมุทรสำคร

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสินค้ำจงั หวดั สมุทรสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 23 4. การเลีย้ งพ่อแม่พันธก์ุ ุง้ ขาวแวนนาไมในประเทศไทย สาหรับการให้อาหารพ่อแม่พันธ์ุกุ้งขาวท่ีจะนามาผลิตลูกกุ้งในประเทศไทยประกอบด้วยอาหาร สาเร็จรูป อาหารสดจาพวกหอยและปลาหมึก ในระหว่างการเลี้ยงจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ามากประมาณ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่าในแตล่ ะวันอาจจะเปน็ 200-300 เปอรเ์ ซน็ ต์ เน่ืองจากการใหอ้ าหารสดน้าจะขุ่น และมีโอกาสเสียไดง้ ่าย เมื่อพ่อแม่กงุ้ พร้อมท่ีจะนามาใช้ โดยท่ัวไปอายุประมาณ 8 เดือน น้าหนกั ประมาณ 40 กรัมเป็นอย่างต่าสาหรับแม่พนั ธ์ุ ส่วนพ่อพนั ธ์ุควรจะมีอายมุ ากกว่าแมพ่ ันธ์เุ พราะกุ้งตวั ผทู้ ่ีมีอายุมากกว่าจะ ผสมพันธดุ์ ีกว่าตวั ผทู้ ี่อายุน้อย โดยทั่วไปจะมกี ารตดั ตากงุ้ เพศเมียเพื่อใหม้ ีการฟอร์มไข่ แต่ถ้าเป็นกุ้งเพศเมยี ท่ี มอี ายปุ ระมาณ 10 เดือน ไข่จะเร่ิมฟอร์มโดยไมต่ ้องตัดตา ในระยะที่เลยี้ งพอ่ แมพ่ นั ธชุ์ ว่ งแรกจะใช้ปลาหมึกมาก มหี อยบ้าง เชน่ หอยแครง ส่วนเพรียงจะนิยม ใหเ้ ป็นอาหารเม่ือเขา้ ระยะจะฟอรม์ ไขแ่ ละหลงั จากตัดตา เพราะพิสูจนแ์ ล้วว่าการให้กนิ เพรยี งมากจะทาใหก้ าร ฟอรม์ ไขด่ ขี นึ้ ด้วย ตามปกตจิ ะต้องให้อาหารสดวนั ละ 10-15 เปอรเ์ ซ็นต์ ของนา้ หนกั ตัว เพรยี งทน่ี ิยมใช้เป็นอาหารสาหรบั แม่กุ้ง คอื เพรยี งทราย ตวั มขี นาดเล็กทซี่ ้ือขายกนั ถุงละ 400 กรัม ราคาประมาณ 250 บาท ในขณะท่ีเพรยี งเลือด ตัวสีแดงมีขนาดใหญ่หาง่ายกว่าเพรยี งทราย ซ้ือขายกันถุงละ 700- 800 กรัม ราคาประมาณ 200 บาทเท่านั้น มีการใช้เพรียงเลือดทดแทนเพรียงทราย เพื่อลดต้นทุนและให้ผล เปน็ ทยี่ อมรบั ได้ พ่อแม่พนั ธุ์ท่ีนามาใช้เพ่ือผลิตลูกกุ้งจะใช้หลายครั้ง โดยทว่ั ไปจะใช้นาน 4-6 เดือน แม่กุ้งบางตัวจะ วางไข่หลายคร้งั ถ้าไดร้ ับอาหารท่พี อเพยี งโดยเฉพาะเพรยี งทราย ความสมบูรณแ์ ข็งแรงของลกู กุ้ง ขนึ้ อยกู่ บั ปจั จัยต่างๆ คือ  ความสมบูรณ์ของแม่กุ้ง แม่กุ้งท่ีกินเพรียงมากตัวจะหนาและมีสีแดงสด นอเพลียสจะมีสีแดง แข็งแรง ในขณะที่แม่กุ้งที่กินปลาหมึกเป็นอาหารตัวจะมีสีขาวหรือเขียว นอเพลียสก็จะมีสีเขียวอมเทา ส่วนนอเพลียสที่แข็งแรงจะข้ึนไปหาแสงด้านบนผิวน้า จะพบว่าในช่วงท่ีลูกกุ้งราคาถูกเพราะมีความต้องการน้อย พอ่ แม่พันธุ์จะได้กินเพรียงน้อย ส่วนใหญ่จะให้ปลาหมึกและอาหารเม็ด นอเพลียสจะไม่แขง็ แรง ไม่เข้าระยะซูเอีย 2 มกั จะตายเรยี กว่า ซูเอยี ซนิ โดรม (zoeae syndrome)  ชนิดของอาหารที่ใช้ในการอนุบาล การให้อาหารที่ดีมีคุณค่าสูง เช่น Artemia ในปริมาณที่ พอเพียง ลูกกงุ้ จะแขง็ แรงดีกวา่ การให้กนิ อาหารชนดิ อน่ื ในปรมิ าณทมี่ าก  การเปล่ียนถ่ายน้า การอนุบาลลูกกุ้งขาวต้องการเปลี่ยนถ่ายน้ามาก โดยเฉพาะน้าท่ีมีคุณภาพดี ปราศจากเชอื้ โรค ยิ่งเปลี่ยนนา้ มากลกู กุ้งจะโตเร็ว ภาพท่ี 9 แม่กงุ้ ที่กนิ ปลาหมกึ มากตัวจะมสี ขี าว ภาพท่ี 10 แมก่ ุ้งท่กี ินแมเ่ พรียงมากตัวจะมีสแี ดง สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวัดสมทุ รสำคร

ขอ้ มูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จังหวัดสมุทรสำคร 2563 (ก้งุ ขำวแวนนำไม) 24 ภาพท่ี 11 นอเพลียสท่ีมีสีแดง ภาพที่ 12 นอเพลียสท่ีมีสีเทา 4.1 การอนบุ าลลูกกุ้งขาว การผลิตลูกกุ้ งขาว ในปัจจุบันมีโร งเพ าะ ฟัก ขน าดเล็ก ขน าดกลาง และขน าดใหญ่ ซึง่ กระบวนการผลิตอาจจะแตกตา่ งกนั บ้าง แลว้ แต่ประสบการณ์และความชานาญของนกั วชิ าการ โรงเพาะฟัก ขนาดใหญ่สว่ นมากจะมบี ่อเพาะลูกกุ้งในโรงเรือน บางแห่งมีระบบการควบคุมอณุ หภูมิของอากาศให้คงท่ีมาก ทีส่ ุด แต่โรงเพาะฟักขนาดกลางบางแห่งยังนิยมมีบ่อเพาะเล้ียงอนุบาลลูกกุ้งกลางแจ้ง สาหรับรายละเอียดใน การอนุบาลลูกกุ้งขาวในหนังสือเล่มน้ี ผู้เขียนรวบรวมมาจากวิธีการของอาจารย์ภิญโญ เกียรติภิญโญ นายก สมาคมผู้ประกอบการกุ้งขาวไทย ซึ่งใช้วิธีการอนุบาลลูกกุ้งขาวโดยใช้บ่อท่ีอยู่กลางแจ้ง เพราะต้องการให้ แสงแดดฆ่าเชื้อต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการหมักหมม โดยอาจารย์ภิญโญให้เหตุผลว่าการ อนบุ าลลกู กุ้งในโรงเรือน ถ้ามเี ช้ือโรคตา่ งๆเกิดขน้ึ แลว้ การกาจัดจะยงุ่ ยากกว่าการอนบุ าลกลางแจ้ง 4.1.1 การเตรยี มนา้ สา้ หรับอนบุ าลลูกกุ้ง ใช้น้าเค็มจากนาเกลือท่ีมีความเค็มระหว่าง 80-100 พีพีที เน่ืองจากความเค็มในช่วงน้ีมีแร่ธาตุต่าง ๆ ครบถ้วน ถา้ น้าเค็มจากนาเกลือท่มี ีความเค็มสูงมาก แร่ธาตุบางอย่างอาจจะตกตะกอนไปบ้างจะไม่เหมาะสม สาหรับนามาอนุบาลลูกกุ้ง นาน้าเค็มดังกล่าวมาผสมกับน้าจืดให้ได้ความเค็ม 27 พีพีที ถ้าเป็นการอนุบาล ในช่วงฤดูร้อน แตถ่ า้ เปน็ ฤดูกาลอื่นๆ จะใช้ความเคม็ 30 พพี ีที เมอื่ ผสมน้าจดื จนได้ความเคม็ ตามที่ต้องการแล้ว ใชค้ ลอรีนผง (ความเขม้ ขน้ 60 เปอร์เซน็ ต์) เติมลงไปให้ได้ความเข้มขน้ 20 พีพีเอ็ม (ประมาณ 50 กรมั ต่อน้า 1 ลูกบาศก์เมตร) เปิดเครื่องให้อากาศผสมคลอรีนผงให้ท่ัว ท้ิงไว้นาน 5 วันจนคลอรีนสลายตัวหมดแล้ว ดูดน้า ส่วนทใ่ี สเขา้ ไปในบ่อพกั แลว้ เติมเกลือแร่ลงไปเพอ่ื ใหแ้ น่ใจว่ามแี รธ่ าตุทีส่ าคญั ครบถ้วน ทิง้ ไว้อีก 1 วันหลังจาก น้นั ให้น้าผ่านเครื่องโอโซน เพือ่ ฆ่าเช้อื โรคทอ่ี าจจะหลงเหลืออยู่ในนา้ นา้ ทีผ่ า่ นเครื่องโอโซนแล้วเปน็ เวลานาน 6 ชวั่ โมงจะนาไปใช้ในการอนบุ าลลูกกุ้ง ตง้ั แต่เรม่ิ นานอเพลียสมาใสใ่ นบอ่ จนกระทัง่ ลกู กุ้งพัฒนาจนถึงระยะพี 12 ภาพท่ี 13 บอ่ ทรีทน้า ภาพที่ 14 นา้ ที่ผา่ นการทรที ดว้ ยคลอรีน สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวัดสมุทรสำคร

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสินคำ้ จังหวดั สมทุ รสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 25 4.1.2 บอ่ อนุบาลลกู ก้งุ ใช้บ่อกลมขนาดความจุ 2.7 ลูกบาศก์เมตร (ตัน) หลังจากเติมน้าเต็มท่ีแล้วจะมีปริมาตรน้า 2.5 ลูกบาศกเ์ มตร เม่อื เริม่ อนุบาลลูกก้งุ จะใช้ระดับน้าสูงเพียง 30 เซนติเมตร แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับน้าเรื่อยๆ จนมีปริมาตร 2.5 ลูกบาศก์เมตร สาหรับในช่วงฤดูร้อนจะเริ่มอนุบาลท่ีระดับน้า 50 เซนติเมตร แลว้ คอ่ ยๆ เพิ่มปรมิ าณน้า อุณหภูมิทเี่ หมาะสมอยู่ระหวา่ ง 28-30 องศาเซลเซียส  นานอเพลียสใส่ลงไปในบ่ออนุบาลรูปทรงกลมขนาดความจุ 2.7 ลูกบาศก์เมตร ในอัตราความหนาแนน่ บ่อละ 500,000 ตวั ภาพที่ 15 นอเพลยี สทจ่ี ะนาไปลงในบ่ออนุบาล ภาพที่ 16 บ่อเพาะแพลงก์ตอนคีโตเซอรอส  เริ่มให้อาหารหลังจากนั้น 4-6ช่ัวโมง หรือเมื่อนอเพลียสเริ่มเข้าสูร่ ะยะซูเอีย 1โดยให้แพลงกต์ อน คีโตเซอรอส (Chaetoceros sp.) เร่ิมต้นทีป่ ริมาณ 20 ลติ รแล้วคอ่ ยๆ เพิ่มปริมาณทลี ะนอ้ ย โดยสังเกตจากการ กนิ อาหารและการพัฒนาของลูกกุ้งประกอบด้วยมีการเสริมอาหารสาเร็จรูปสาหรับลูกกุ้งวัยออ่ นบ้างเล็กน้อย คโี ตเซอรอสท่ีให้เป็นอาหารตอ้ งสะอาดไม่มีเช้ือแบคทีเรียปนเปื้อน มีการตรวจโดยนาน้าที่มากับหัวเชื้อคีโตเซอรอส ไปเพาะเช้ือว่ามีแบคทีเรียวิบริโอหรอื ไม่บนอาหารเล้ียงเช้อื TCBS agar กอ่ นที่จะนาหัวเชื้อคีโตเซอรอสมาเพ่ิม ปริมาณสาหรับใหเ้ ปน็ อาหารลูกก้งุ  เมื่อลูกกุ้งเริ่มเข้าระยะซูเอีย 2 เร่ิมเสริมอาร์ทีเมียเป็นอาหารด้วยปริมาณ 10 กรัมต่อบ่อ แล้วค่อยๆ เพ่ิมปริมาณโดยสังเกตการกินอาหารและการเจริญเติบโตของลูกกุ้งประกอบในการตัดสินใจ เพม่ิ อาหารตัวออ่ น อาร์ทเี มียจะนามาแช่ในนา้ อุ่นก่อนแลว้ นาไปแช่เยน็ เพื่อลดการเคล่ือนไหวลูกกุ้งจะได้กนิ สะดวกขน้ึ  ลกู กุ้งจะพัฒนาจากซเู อยี 1 จนถงึ ไมซิสใชเ้ วลานานประมาณ 5 วนั  เม่ือลกู กุ้งเข้าสูร่ ะยะโพสลาวาร์ 1-2 (พี 1-2) จะเสรมิ สาหร่ายสไปรูไลน่าผงลงไปด้วย และเริ่มลดคีโตเซอรอส การอนุบาลลูกกุ้งขาวตามวิธีของอาจารย์ภิญโญใช้ระบบน้ามีสีแพลงก์ตอน ซ่ึงจะมี สีนา้ ตาลไมใ่ ช้ระบบน้าใส ในระหวา่ งการอนบุ าลลกู กงุ้ ขาวจะไม่มีการใช้ยาปฏชิ ีวนะใดๆ เลย ภาพที่ 17 ลักษณะของสนี ้าในบอ่ อนุบาล สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวดั สมทุ รสำคร

ข้อมูลดำ้ นกำรเกษตรรำยสินค้ำจงั หวดั สมุทรสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 26 4.1.3 การควบคุมปริมาณเช้อื แบคทีเรยี การตรวจเช็คปริมาณเช้ือแบคทีเรียวิบริโอ ถ้ามีปริมาณเช้ือแบคทีเรียโคโลนีสีเหลืองมากบน อาหารเลี้ยงเชื้อ TCBS agar จะควบคุมปริมาณแบคทเี รยี โดยใชไ้ อโอดนี ในปริมาณเลก็ น้อยเทา่ น้นั ถ้าปรมิ าณแบคทีเรียวบิ รโิ อโคโลนสี ีเขียวมีไม่มาก คือนอ้ ยกว่า 10 โคโลนีตอ่ นา้ ตัวอย่าง 1 ซซี ี. ยงั อยู่ในเกณฑ์ท่ียอมรับได้ ส่วนโคโลนีสีเหลืองไม่ควรเกิน 60 โคโลนีต่อน้าตัวอย่าง 1 ซีซี. และต้องไม่พบเชื้อ วิบรโิ อเรืองแสง 4.1.4 การควบคุมคณุ ภาพน้า พเี อชทเี่ หมาะสมระหว่างการอนบุ าลลกู กุ้งขาวระหวา่ ง 7.8-8.5 อุณหภมู ิน้าท่เี หมาะสมระหวา่ ง 28-32 องศาเซลเซยี ส ถ้ากรณีท่ีอากาศร้อนจดั จะใชพ้ ลาสติก ปกคลมุ บอ่ อนบุ าล และเปดิ sprinkle ใหล้ ะอองน้าช่วยลดอุณหภมู ิภายในบ่ออนบุ าล ภาพท่ี 18 กลางวันที่อากาศร้อนจดั จะเปิดเปดิ sprinkle ให้ละอองน้าช่วยลดอณุ หภมู ิ ในช่วงท่ีอากาศหนาว อุณหภูมิต่า จะใช้วิธีเปิดไฟเพื่อเพ่ิมอุณหภูมิของอากาศที่จะเข้าไปใน ระบบการให้ออกซิเจนในบ่ออนุบาลในระหว่างการอนุบาลจะมีการตรวจวัดปริมาณแอมโมเนียด้วย เริ่มมีการ เปล่ียนถา่ ยนา้ เมื่อลกู กงุ้ อยู่ในระยะไมซสิ 2-3 โดยเรมิ่ เปลยี่ นถ่ายน้าเล็กน้อยตามความเหมาะสม ภาพที่ 19 หอ้ งเพมิ่ อณุ หภมู ิของอากาศในชว่ งอุณหภมู ติ ่าอณุ หภูมิ การอนุบาลต้ังแต่ระยะนอเพลียสจนถึงระยะพี 1-2 ใช้น้าความเค็มปกติ แต่เม่ือลูกกุ้งเข้าสู่ ระยะต้ังแต่พี 3-4 จะเริ่มลดความเค็มของน้า เพ่ือลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียวิบริโอและกาจัดลูกกุ้งทีอ่ ่อนแอ ไม่ แข็งแรงออกไป ลูกกุ้งที่เหลือจะมีเฉพาะตัวที่แข็งแรงเท่าน้ัน การลดความเค็มของน้ามีการลดในตอนเช้า ประมาณ 5 พีพที ี และตอนเย็น 5 พีพที ี ดังน้นั ภายในวนั ท่ี 3 จะสามารถลดความเคม็ ใหเ้ หลอื 5 พพี ที ี ลูกก้งุ จะ อยูใ่ นระยะพี 7-8 ถ้าตอ้ งการนาลกู กงุ้ ไปเล้ียงทีน่ ้าความเค็มสูงกวา่ 5 พีพีทกี ็ปรับเพิม่ ความเค็มขึ้นมาใหม่ตามที่ ต้องการ อัตรารอดสาหรับอนุบาลลกู กุ้งโดยเฉลี่ยประมาณ 40 เปอรเ์ ซน็ ต์ สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมทุ รสำคร

ขอ้ มลู ด้ำนกำรเกษตรรำยสินค้ำจงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (ก้งุ ขำวแวนนำไม) 27 4.1.5 อายุทีเ่ หมาะสมส้าหรับลูกกงุ้ ลูกกุ้งขาวท่เี หมาะสมเพือ่ นาไปเลีย้ งในบอ่ ควรมีอายุไม่ต่ากวา่ ระยะพี 12 เนอ่ื งจากลูกกงุ้ ตัง้ แต่ ระยะพี 10 จะมกี ารพัฒนาเหงือกสมบูรณ์ ในกรณีทีต่ ้องการเล้ียงในน้าท่ีมีความเต็มต่า ควรจะอนุบาลให้ลูกกุ้ง มอี ายุมากกวา่ พี 12 อตั รารอดจะสงู ข้นึ 4.1.6 การบา้ บัดน้าท้ิง น้าท่ีใช้ในการอนุบาลลูกกุ้งทั้งหมดจะนาไปเก็บไว้ในบ่อพักน้า เพ่ือนากลับมาใช้ใหม่ โดยมีการบาบัดตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ ภาพที่ 20 บ่อรวบรวมนา้ ทผี่ ่านการใช้แลว้ ในการอนุบาลลูกกงุ้ ภาพที่ 21 สูบน้าจากบ่อพักนา้ ทใี่ ช้แลว้ เขา้ มาในบ่อซเี มนต์ นา้ ทส่ี ูบเข้ามาเพื่อบาบัดแล้วนาไปใช้ใหมจ่ ะมีสีน้าตาล พีเอชจะต่า ดังน้ันจะมีการเติมปูนขาว ลงไป เพอ่ื ทาใหน้ า้ ตกตะกอนให้อากาศตลอดเวลา จะทาใหป้ รมิ าณแอมโมเนียลดลง ถา้ พเี อชของนา้ สงู กว่าปกติ เนือ่ งจากการเติมปูนขาวจะใช้ยปิ ซ่ัม (CaSO4) เติมลงไป พีเอชของน้าจะลดลงจนอยู่ในระดับทเ่ี หมาะสม น้าจะ ใสนามาใชต้ ่อไปได้ 4.2 ปัจจยั ที่มีผลต่อความสา้ เรจ็ ในการเล้ยี งกุ้งขาว การเล้ียงกุ้งขาวให้ประสบความสาเร็จตามแผนงานหรือเป้าหมายที่วางไว้น้ัน ประกอบด้วยปัจจัย ต่างๆหลายอย่างท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ 4.2.1 คณุ ภาพลูกกุ้ง เนื่องจากพ่อแม่พันธ์ุกุ้งขาวได้ผ่านการพัฒนาการปรับปรุงสายพันธ์ุมาแล้ว ทาให้ได้พ่อแม่ พันธุ์ปลอดเช้ือสามารถผลิตลูกกุ้งท่ีโตเร็ว ขนาดทุกตัวไล่เล่ียกัน ลักษณะน้ีจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับกุ้ง กลุ าดาท่ีพ่อแมพ่ ันธ์ุต้องจับมาจากธรรมชาติ ซึ่งนับวันจะมีโอกาสปนเปอ้ื นและติดเช้ือไวรัสชนิดต่างๆ มากขึ้น และเม่ือเลี้ยงจนถึงเวลาจับขายจะมีกุ้งหลายขนาด ถ้าเกษตรกรได้ลูกกุ้งขาวที่ปลอดเช้ือมาจากสายพันธ์ุท่ีดี โอกาสท่ีจะประสบความสาเรจ็ สูงมาก แตใ่ นทางตรงข้ามถ้าได้ลูกกุ้งทีม่ าจากการนากงุ้ ที่เลี้ยงในบ่อดินเป็นกุ้ง เน้ือเพ่ือขาย และนาตัวท่ีโตเร็วมาเป็นพ่อแม่พันธ์ุ โอกาสท่ีกุ้งเหล่าน้ันติดเชื้อไวรัสบางชนิดที่มีผลต่อการ เจรญิ เติบโตมีสงู มาก ลกู พนั ธ์เุ หล่าน้จี ะมกี ารเจรญิ เติบโตช้า และเมือ่ จับกุง้ จะมีก้งุ หลายขนาด ปจั จยั ท่ีมผี ลต่อ ความสาเรจ็ ของการเล้ยี งกงุ้ ขาวอันดบั หนงึ่ จึงเป็น คณุ ภาพของลูกกุง้ 4.2.2 ความเหมาะสมของพน้ื ท่ี ก้งุ ขาวสามารถเลี้ยงในน้าความเคม็ ต่าทีจ่ ัดว่าเป็นน้าจืดถึงน้าท่ีมคี วามเค็มสูง เชน่ เดียวกับกุ้ง กุ ล า ด า แ ต่ เ ลี้ ย ง ไ ด้ ใ น อั ต ร า ค ว า ม ห น า แ น่ น ที่ สู ง ม า ก ก ว่ า กุ้ ง กุ ล า ด า ท า ใ ห้ ไ ด้ ผ ล ผ ลิ ต ท่ี สู ง ความต้องการถ่ายน้ามีมากกว่าการเล้ียงกุ้งกุลาดา จะเห็นได้ว่าฟาร์มเลี้ยงกุ้งบริเวณชายฝ่ังทะเลอันดามัน สามารถเลี้ยงได้ผลผลติ ทสี่ ูงมากประมาณ 3,000-4,000 กโิ ลกรมั /ไร่ เมอ่ื เปรียบเทียบกบั พ้ืนที่ภาคกลางทเี่ ล้ยี ง สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวัดสมทุ รสำคร

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 28 ด้วยน้าความเค็มต่าไม่เกิน 5 พีพีที จะให้ผลผลิตประมาณ 1,000 กิโลกรัม/ไร่เท่าน้ัน การเปลี่ยนถ่ายน้าที่ สะอาด มีคุณภาพดีในปริมาณมาก ในช่วงท้ายๆ ของการเลี้ยงกงุ้ ขาวได้ผลดีกว่าการเลี้ยงแบบระบบปิด หรือมี การเปลยี่ นถา่ ยนา้ เพียงเล็กนอ้ ยเท่านั้น 4.2.3 การจดั การทีด่ ี ในด้านการเลี้ยงและควบคุมคุณภาพน้ามีความสาคัญมากเช่นเดียวกัน เน่ืองจากกุ้งขาวมี พฤติกรรมต่างๆ ในระหวา่ งการเล้ียงไม่เหมือนกบั กงุ้ กุลาดา ดังนนั้ เกษตรกรท่ีเลยี้ งกุ้งขาวต้องทาความเข้าใจใน ดา้ นชวี วิทยาของกุ้งชนดิ นี้เป็นอยา่ งดี จะทาให้การเลี้ยงประสบความสาเรจ็ 4.3 การปลอ่ ยลกู กุ้งเล้ยี งในบอ่ ขนาดของลกู กุ้งขาวท่เี หมาะสมไม่ควรจะต่ากว่าระยะโพสลารว์ าท่ี 12 (พี12) เพราะลกู กุง้ จะมีเหงอื ก ทีส่ มบรู ณ์เมือ่ อายุพี 10 ในกรณีท่ตี อ้ งปล่อยลกู กุ้งในน้าความเคม็ ตา่ ควรใช้ลกู กุ้งขนาดใหญ่กว่าพี 12 และคอ่ ยๆ ปรบั ความเค็มลดลงมา ในบางช่วงท่ีลูกกุ้งขาวขาดตลาด เน่ืองจากมีความต้องการสูง บางโรงเพาะฟักจะมีการนาลูกกุ้ง แชบ๊วยมาปลอมปน เกษตรกรทั่วไปจะไมส่ ามารถจาแนกกุ้งท้ังสองชนิดน้ไี ด้ เพ่ือป้องกนั ความผดิ พลาดในการซื้อลูกกุ้ง ควรจะต้องทราบความแตกต่างของกงุ้ ทงั้ สองชนิด ตารางท่ี 12 แสดงการเปรียบเทียบกุ้งขาวแวนนาไมและกงุ้ แชบว๊ ย  ความแตกตา่ งในลกู กงุ้ ระยะโพสลาวาที่ 10 ขน้ึ ไป ลกั ษณะ กุง้ ขาวแวนนาไม กุง้ แชบว๊ ย ยาวเพรียว ลกั ษณะล้าตัว สนั้ ปอ้ ม ค่อนขา้ งชดิ กนั ระยะระหว่างตา ห่าง, กางออก 8-10 ซ่ี ฟนั กรดี ้านบน 7-8 ซี่ 2-3 ซี่ ฟนั กรีดา้ นล่าง 2-3 ซี่ กรยี าวเลยดวงตา ความยาวกรีของกุง้ อายพุ ี 10 กรสี น้ั กวา่ ดวงตา  ความแตกต่างของกงุ้ ระยะวัยรนุ่ ลกั ษณะ กงุ้ ขาวแวนนาไม กุ้งแชบ๊วย สขี องหนวด สีแดงตลอดทัง้ เส้น เปน็ ปล้องขาวสลับแดง ฟันกรดี ้านบน 7-8 ซ่ี 8-10 ซี่ ฟนั กรดี า้ นล่าง 2-3 ซี่ 2-3 ซี่ ความยาวกรี กรีสั้นกว่า exopodite ของหนวด กรียาวเลย exopodite ของหนวด ปลายกรียาวตรง กรีงอนเชิดขน้ึ สขี องขาวา่ ยน้า ขาวใส สนี ้าตาลแดง ระดบั ความเคม็ ทเ่ี หมาะสม 0-35 พพี ที ี 7-25 พพี ที ี นอกจากลักษณะของกงุ้ ท้งั สองชนิดทีแ่ ตกต่างกนั แล้ว ยังสามารถทดสอบความแข็งแรงของลกู กุ้ง ท้ังสองชนิดได้ คือการนาลูกกุ้งปล่อยลงไปในน้าจืดทิ้งไว้ 12-24 ช่ัวโมง ถ้าเป็นลูกกุ้งขาวแวนนาไมจะไม่ตาย แตถ่ ้าเปน็ ลกู กงุ้ แชบ๊วยจะตายภายใน 6-8 ช่ัวโมง สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวัดสมุทรสำคร

ข้อมูลดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 29 5. การเลย้ี งกงุ้ ขาวแวนนาไมในประเทศไทย 5.1 การเลยี้ งกงุ้ ขาวด้วยน้าความเคม็ ต่้า การเลี้ยงกุ้งขาวในพ้ืนท่ีน้าจืดและในพ้ืนที่ภาคกลาง ส่วนใหญ่จะเล้ียงโดยใช้น้าความเค็ม ตั้งแต่การ เตรียมบ่อ การให้อาหาร ตลอดจนการจัดการในระหว่างการเล้ียง โดยใช้น้าความเค็มต่ามากจนเกือบจะเป็น ระดับท่ีถือว่าเป็นน้าจืด โดยท่ัวไปเกษตรกรจะซื้อน้าเค็มความเข้มข้นสูงจากนาเกลือใส่รถบรรทุกน้าคันละ ประมาณ 12-13 ตัน ความเค็ม 100-200 พีพีที มาเติมในน้าจืดเพ่ือให้ได้ความเค็มประมาณ 3-4 พีพีที สว่ นใหญจ่ ะก้ันคอกก่อน มกี ารกัน้ คอกโดยใช้ผา้ พลาสตกิ พ้ืนทปี่ ระมาณ 150 ตารางเมตร ความลกึ ประมาณ 80 เซนติเมตร แล้วมีเติมน้าจากนาเกลอื เข้าไปในคอกจนได้ความเค็มประมาณ 8-10 พีพีที หลงั จากนั้นก็จะใช้ลูก กุ้งซ่ึงปรับความเค็มจากโรงเพาะฟักมาแล้วโดยลูกกุ้งขาวระยะโพสลาร์วา 10-12 (พี 10-12) มาปล่อยในคอก อนุบาลในคอกประมาณ 3-4 วนั ก็เปิดคอกออกมา จะอนุบาลในคอกไม่นาน เน่อื งจากกุ้งขาวจะกนิ อาหารเก่ง และว่ายน้าตลอดเวลาเพราะฉะนั้นจะไม่นยิ มอนุบาลนานเกินไป เพราะอาจจะมีการกินกันเอง เกษตรกรจะไม่ ทาคอกเหมือนกุง้ กลุ าดา คือเตรียมนา้ ความเคม็ ประมาณ 3-5 พีพีที ท้ังบ่อแล้วใหท้ างโรงเพาะฟกั ปรับความเค็ม ของลูกกุ้งจนมาอยู่ทีค่ วามเค็มต่าที่สุดประมาณใกล้เคียงกับที่จะมาปล่อยในบ่อ แล้วนาลูกกุ้งมาปล่อยโดยตรง โดยท่ีไมม่ ีการกั้นคอก เป็นอีกวธิ หี นงึ่ ของการเล้ยี งกุง้ ขาวในพ้ืนทคี่ วามเค็มต่า การปลอ่ ยลูกกุ้งโดยตรงในบ่อจะ ให้อัตรารอดสูงกวา่ ท่ผี ่านมาจะปล่อยลูกกุ้งไม่หนาแน่นมากเม่ือเทียบกบั การเล้ียงรมิ ชายฝ่งั ทะเล โดยท่ัวไปจะ มกี ารปลอ่ ยลูกกุง้ ในอตั ราความหนาแน่นประมาณ 70,000-80,000 ตวั /ไร่ ผลผลิตเมื่อเทยี บกบั กุ้งกลุ าดาแล้ว ผลผลิตของกุ้งขาว ถ้าปล่อยลูกกุ้ง 100,000 ตัว เล้ียงด้วยความเค็มต่าจะมีผลผลิตประมาณ 1,000 กิโลกรัม (1 ตัน)หรือมากกว่า 1 ตันเล็กน้อย ส่วนใหญ่เกษตรกรจะเล้ียงใหไ้ ด้ก้งุ ขนาดประมาณ 60-80 ตัว/กิโลกรมั คือ เล้ียงประมาณ 3 เดือน จะมกี ารจบั ก้งุ บางสว่ นออกไปขายก่อนโดยมีการใช้อวนตาห่างเพื่อลากเอากุ้งขนาดใหญ่ ในบ่อประมาณคร่ึงหนึ่งออกไปขาย หลังจากนั้นก็จะมีการเติมน้าเข้ามาเพราะก่อนจับจะมีการลดน้าลงไป สว่ นหนง่ึ ซง่ึ ถ้านา้ ลึกเกินไปจะใชอ้ วนทับตลิง่ ลากลาบาก จึงตอ้ งมีการลดน้าลง แล้วกใ็ ช้อวนตาใหญล่ าก ก็จะได้ ก้งุ ตัวใหญ่อาจจะเป็นขนาด 60 ตัว/กโิ ลกรมั ข้ึนมาขายก่อนคร่ึงบ่อ จากนน้ั จะมกี ารเติมนา้ จืดเข้าไปจนเต็มบ่อ หลงั จากนั้นจะเอาน้าเค็มมาเตมิ อกี รอบหน่ึงเพ่อื เพ่มิ ความเค็ม กุ้งท่ีเหลือกจ็ ะมกี ารเจริญเตบิ โตดขี ึ้น และเลีย้ ง ต่ออีกประมาณ 2 สัปดาห์ จะทาให้กุ้งในบ่อโตข้ึนมา เช่น ขนาด 80 ตัว/กิโลกรัมก็จะกลับมาเป็น 60 ตัว/ กิโลกรัม การเลี้ยงด้วยน้าความเค็มต่าในพื้นท่ีน้าจืดก็จะเลี้ยงแบบนี้ คือจับ 2 ครั้ง ในบางส่วนของพ้ืนที่ ในเขตลุ่มน้าบางปะกงซึ่งใช้น้าจากแม่น้าบางปะกง ในบางฤดูและบางพ้ืนทีม่ ีความเค็มตลอดท้ังปีแต่ความเค็ม ไม่สงู บางชว่ งเวลาก็จะซ้ือน้าเคม็ จากนาเกลอื มาเติม สว่ นใหญ่จะปลอ่ ยกุ้งหนาแนน่ เพ่ิมขึ้น โดยเฉพาะในฟาร์ม ท่ีมีความพร้อม มีเครื่องให้อากาศเต็มที่ ความเค็มของน้าไม่ต่ากว่า 3 พีพีที ฟาร์มเหล่านี้มีการปล่อยลูกกุ้ง คอ่ นข้างหนาแน่นแทนที่จะปล่อยไร่ละ 70,000-80,000 ตัว จะปล่อยลูกกุ้งความหนาแน่นประมาณ 100,000- 120,000 ตวั /ไร่ หมายถงึ ตอ้ งมนี ้าถ่ายพรอ้ ม ความเคม็ ไมห่ มดในระหว่างการเลยี้ ง ภาพที่ 22 การปลอ่ ยลกู กุ้งขาวในคอกพลาสติก สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวัดสมุทรสำคร

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสินคำ้ จงั หวดั สมุทรสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 30 5.1.1 ขอ้ ควรระวงั ในการปลอ่ ยลกู ก้งุ ในการปล่อยลูกกุ้งลงในบ่อเล้ียงเกษตรกรมักจะนาถุงท่ีบรรจุลูกกุ้งลอยไว้ในบ่อเพ่ือปรับ อุณหภูมิให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิของน้าในบ่อ เน่ืองจากลูกกุ้งที่ขนส่งลาเลียงมาจากโรงเพาะฟักจะมีการปรับ อณุ หภูมิระหว่างการเดินทางไมใ่ ห้สูงมาก เพื่อลดความเครียดของลกู กุ้ง ส่วนมากอุณหภูมิของน้าในถุงท่บี รรจุ ลูกกุ้งประมาณ 23-25 องศาเซลเซียส การลอยถงุ ใส่ลกู กุ้งในบ่อ อยา่ ให้นานเกินไป เพราะเม่ืออุณหภูมิของน้า ในถุงอุ่นขึ้นเท่ากับในบ่อ ลูกกุ้งจะเร่ิมปราดเปรียวว่องไว ลูกกุ้งตัวที่โตกว่าอาจจะกินตัวท่ีเล็กกว่า หรือทา อันตรายตัวท่ีเล็กกว่า จากการสังเกตถ้าปรับอุณหภูมิของน้าในถุงนานเกินไป และลูกกุ้งที่บรรจุในถุงมีขนาด แตกตา่ งกันมาก อัตรารอดมกั จะต่ากว่าปกติ ภาพท่ี 23 การปลอ่ ยลกู ก้งุ ขาวแบบปลอ่ ยตรง ภาพท่ี 24 ลอยถุงบรรจุลูกกงุ้ ในบอ่ ปรบั อณุ หภมู ิ 5.1.2 การใหอ้ าหารลูกกงุ้ ปริมาณการให้อาหารสาหรับลูกกุ้งท่ีเพิ่งปล่อยลงในบ่อแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของ การเลี้ยง เกษตรกรบางรายมีการเตรียมบ่อดี มีอาหารธรรมชาติมาก ให้อาหารเร่ิมต้นคล้ายกับกุ้งกุลาดา คือ ลูกกุ้ง 100,000 ตวั ให้อาหาร 1 กิโลกรัม/วัน แล้วคอ่ ยๆ เพมิ่ ข้ึนเรื่อยๆ จนกวา่ จะปรับอาหารตามยอได้ สาหรบั การเล้ียงกุ้งขาวท่ีมีอัตราปล่อยลูกกุ้งหนาแน่นไร่ละประมาณ 150,000 ตัว ส่วนมากจะให้อาหารเริ่มต้น คอ่ นขา้ งมาก เน่อื งจากลูกกุ้งขาวโตเร็ว และกนิ อาหารเก่ง ถา้ เกษตรกรได้ลูกพนั ธุ์ที่มาจากสายพันธ์ทุ ่ีดี อัตรา รอดจะสูงมาก ตารางท่ี 13 แสดงการให้อาหารของกงุ้ ขาวทีเ่ ลย้ี งดว้ ยนา้ ความเค็มต่า (ต่อจานวนลกู กุง้ 100,000 ตัว) วันท่ี นา้ หนกั กงุ้ % อาหาร 08.00 16.00 22.00 อาหารสะสม (กรัม) (กิโลกรัม) (กิโลกรมั ) (กโิ ลกรมั ) (กโิ ลกรมั ) 1-10 - - 1 1 - 20 11-20 0.5 15 2 2 2 60 21-30 2.6 6 4 3 3 120 31-40 4.5 4 4.8 4.8 4.8 144 41-50 6.2 3.8 6.3 6.3 6.3 189 51-60 7.9 3.5 7.3 7.3 7.3 219 61-70 9.6 3.2 8.1 8.1 8.1 243 71-80 11.3 2.9 8.7 8.7 8.7 261 สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวัดสมุทรสำคร

ขอ้ มูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวดั สมทุ รสำคร 2563 (ก้งุ ขำวแวนนำไม) 31 วันท่ี น้าหนักก้งุ % อาหาร 08.00 16.00 22.00 อาหารสะสม (กรัม) (กิโลกรมั ) (กิโลกรัม) (กโิ ลกรัม) (กิโลกรมั ) 81-90 13.2 2.6 9.1 9.1 9.1 273 91-100 14.7 2.5 9.6 9.6 9.6 288 101-110 16.3 2.4 10.4 10.4 10.4 312 111-120 18.0 2.3 11.0 11.0 11.0 330 2459 หมายเหตุ - การใหอ้ าหารตง้ั แต่วันที่ 1 ถงึ วันที่ 40 ใหใ้ ช้อาหารโปรตีนสงู ประมาณ 45-50 เปอร์เซน็ ต์ - ตั้งแต่วันที่ 41จนกระทง่ั จบั ขาย ใหใ้ ช้อาหารโปรตีนต่าลงมา ประมาณ 30-35เปอร์เซน็ ต์ - การใช้ยอ สามารถใช้ยอได้ต้ังแต่วันท่ี 11 แต่การปรับอาหารจะไม่ใช้ยอเป็นหลัก ขอให้ใช้ตารางอาหารเป็น เกณฑ์ เพมิ่ ข้ึน-ลดลง ตามปจั จัยแวดลอ้ ม ขอใหใ้ ชเ้ พื่อดูการกนิ อาหารของกุ้งโดยสังเกตจากขี้ก้งุ ในยอ - เมอื่ ครบ 30 วนั ควรส่มุ ด้วยแหตาถี่ 2 ครง้ั เพื่อเชค็ นา้ หนกั ของกุ้งเปรียบเทียบกับน้าหนกั ของกงุ้ ในตารางการ ใหอ้ าหาร จากน้นั ให้ส่มุ ดนู า้ หนักกงุ้ ทกุ 10 วัน และปรับอาหารตามตาราง - หากกุง้ มขี นาดแตกตา่ งกันมาก แสดงว่าอาหารไมพ่ อ 5.1.3 ปริมาณอาหารในยอ การเล้ียงกุ้งขาวในแต่ละพ้ืนที่จะแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะปริมาณการใส่อาหาร ในยอ เพื่อปรับอาหารตามการเจรญิ เตบิ โตของกุ้งตลอดระยะเวลาในการเล้ียง เกษตรกรบางรายใส่อาหารในยอ ในปรมิ าณใกลเ้ คียงกับกุ้งกลุ าดา คอื หลังจากกุ้งอายุ 35 วนั ใส่อาหารในยอ 5 กรมั /อาหาร 1 กิโลกรมั เมื่อกุ้ง มีขนาดโตข้ึนใส่อาหารในยอเพ่ิมเปน็ 6 กรมั /อาหาร 1 กิโลกรัม และเพิม่ เป็น 7 กรัม/อาหาร 1 กิโลกรมั ในชว่ ง สุดทา้ ย โดยใชร้ ะยะเวลาในการเชค็ ยอระหวา่ ง 2.5-2.0 ชว่ั โมง สาหรับเกษตรกรท่ีเลี้ยงโดยปล่อยลูกกุ้งอย่างหนาแน่น ส่วนมากจะเร่ิมปรับอาหารโดยใช้ยอเมื่อ กุง้ มีอายุประมาณ 30 วนั ซงึ่ จะมีนา้ หนัก 2-3 กรมั ปริมาณอาหารที่ใสใ่ นยอประมาณ 2 กรมั /อาหาร 1 กิโลกรัม และเช็คยอใชเ้ วลาประมาณ 2.5-3 ช่วั โมง เมื่อกุ้งมีอายุเพิ่มขึ้นจนถึงประมาณ 60-70 วัน ปริมาณอาหารในยอ จะเพิ่มเป็น 3 กรัม/อาหาร 1 กิโลกรัม ใช้เวลาเช็คยอ 2.0-2.5 ชั่วโมง จนกว่าจะจับขาย แต่จะมีการสังเกตสี ของอาหารในลาไสม้ าประกอบพิจารณาในการเพิ่มลดอาหารด้วย การใชว้ ิธีการปรบั อาหารจากยอแตเ่ พียงอย่าง เดียวไม่เหมาะสม เพราะมีโอกาสผิดพลาดได้ นอกจากนั้นอาจจะพิจารณาจากการวิเคราะห์คุณภาพน้า ถ้า ปริมาณแอมโมเนียเพิ่มขึ้น และสีน้าเข้มมาก แสดงว่าอาหารท่ีให้มากเกินไป หรือถ้าน้าข่นุ มาก และกุ้งจานวน มากขนึ้ มาตามขอบบอ่ แสดงว่าอาหารไม่เพียงพอ ภาพท่ี 25 กงุ้ ขาวตามขอบบอ่ เนื่องจากอาหารไม่เพียงพอ สำนกั งำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั สมุทรสำคร

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ ค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (ก้งุ ขำวแวนนำไม) 32 5.2 การเล้ยี งกงุ้ ขาวดว้ ยน้าความเคม็ ปกติ การเลยี้ งกุ้งขาวในพ้ืนท่ีภาคใตท้ ่ีใช้นา้ ความเคม็ ปกติ คือความเค็มประมาณ 10 พีพีที ขึน้ ไป สว่ นใหญ่ จะมีการปล่อยลกู กงุ้ อยา่ งหนาแน่นมากกวา่ 120,000 ตวั /ไร่ ผลผลิตประมาณ 2 ตัน/ไร่ อัตรารอดประมาณ 80 เปอร์เซ็น ต์ โดยเฉพ าะ การ เล้ียงทาง ภาคใต้โ ดยใช้น้าความเค็มปก ติ ทาให้ใน หลายจังหวั ด ทางภาคใต้ ซึง่ ไม่เคยเล้ยี งกงุ้ ขาวมากอ่ น หนั มาเลี้ยงกุง้ ขาวมากข้ึน โดยเฉพาะในชายฝั่งทะเลอันดามันมีผลผลิต สูงมากประมาณ 3-4 ตัน/ไร่ โดยมีการปล่อยลูกกุ้งอย่างหนาแน่นมากกว่า 150,000 ตัว/ไร่ บางราย มีการทยอยจับกุ้งออกไป เพ่ือให้กุ้งที่เหลือในบ่อมีโอกาสโตขึ้น การเลี้ยงกุ้งขาวด้วยน้าความเค็มปกติจะได้ ผลดีกวา่ นา้ ความเค็มตา่ เนื่องจากมีการถ่ายนา้ ในปริมาณท่มี ากในช่วงทา้ ยๆ ของการเลย้ี ง ในอนาคตแหล่งผลิตกุ้งขาวท่ีสาคัญในประเทศไทยน่าจะเป็นพ้ืนท่ีเลี้ยงกุ้งของภาคใต้ที่มี ความพร้อมสูงในด้านอุปกรณ์ เครื่องให้อากาศ และบ่อพักน้า และการคัดเลือกลกู กุ้งคุณภาพจากสายพันธุ์ที่ดี จะทาใหก้ ารเล้ยี งไดผ้ ลผลิตสงู ต้นทุนต่าลง สามารถแขง่ ขนั กบั ต่างประเทศได้ ภาพที่ 26 บอ่ เลย้ี งกุ้งขาวทีม่ ีเครอ่ื งใหอ้ ากาศเพียงพอ 6. โรคกุ้งขาว ทกุ ครั้งเมื่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งพบว่ามีกุ้งตายในยอหรือตามริมขอบบ่อส่วนมากจะคิดว่ามีสาเหตุมา จากเป็นโรค ในความเป็นจริงกุ้งที่ตายอาจจะไม่ได้เป็นโรค แต่เกิดจากสภาพภายในบ่อไม่ดีไม่เหมาะสมและ บางครัง้ กงุ้ ทีต่ ายยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าเกดิ จากอะไร 6.1 ปัญหากุ้งตายในระหวา่ งการเลีย้ งโดยไม่เก่ียวข้องกบั เชอื้ โรค 6.1.1 กุ้งกินอาหารดมี ากติดต่อกนั กอ่ นตาย ปัญหาน้ีพบได้บ่อยในการเลี้ยงด้วยน้าความเค็มต่า ที่มีการปล่อยลูกกุ้งอย่างหนาแน่นไม่ต่า กว่าไร่ละ 100,000 ตัว และมีการเปลี่ยนถ่ายน้าน้อย ให้อาหารค่อนข้างมากติดต่อกันตามโปรแกรมการให้ อาหารท่ีนิยมปฏิบัติกันโดยคาดหวังว่าอัตรารอดของกุ้งไมน่ ่าจะต่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ กุ้งในบ่อเจริญเติบโตดี กินอาหารดีมาก แต่แล้วจะมีกุ้งบางส่วนตายจมอยู่ท่ีพ้ืนบ่อ โดยเฉพาะแนวเลนกลางบ่อจะมีกุ้งตายมาก กุ้งที่ ตายลาตัวปกติ ส่วนที่เป็นตับและตับอ่อน (hepatopancreas) จะโดนกุ้งตัวอ่ืนในบ่อกิน สังเกตเห็นเป็น ช่องว่างทุกตัวเม่ือลงไปเก็บข้ึนมาตรวจดู บ่อท่ีให้อาหารในปริมาณท่ีมาก กุ้งจะมีการตายมากกว่าบ่อท่ีให้ อาหารน้อยกวา่ ลักษณะแบบน้ีเกษตรกรมกั จะเรียกว่า กินอาหารจนหัวแตกตายหรอื ตับแตกตายมักจะเกิดกับ กุ้งทม่ี อี ายปุ ระมาณ 30-40 วนั การตายของกุ้งลักษณะนีจ้ ะกินเวลานานประมาณ 3-4 วัน เมื่อได้รับการแกไ้ ข อยา่ งถกู ต้องกุ้งจะตายนอ้ ยลงและหยดุ ตายในท่ีสดุ สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวัดสมทุ รสำคร

ข้อมลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จังหวัดสมทุ รสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 33 การป้องกัน ในการเล้ียงแบบระบบปิดท่ียังไม่มีการถ่ายเปลี่ยนน้าในช่วงแรกต้องระมัดระวัง อย่าให้อาหารมากเกินไปบางรายให้อาหารในระดับที่คาดว่าอัตรารอดน่าจะมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็น ระดับท่ีเป็นสาเหตุโน้มนาทาให้เกิดปัญหาได้ การให้อาหารพอเพียงกุ้งโตมีขนาดใกล้เคียงกันก็จริงแต่การให้ มากเกินไป ถ้ากุ้งมีอัตรารอดต่ากว่าที่ประเมินไว้ อาหารที่เหลือจะส่งผลกระทบในเวลาต่อมา ต้องยึดคติที่ว่า อาหารไม่พอดีกวา่ อาหารเหลือ ลักษณะท่ีพอจะสังเกตได้สาหรับกุ้งในบ่อที่มักจะเกิดปัญหาคือ ตับและตับอ่อนในส่วนท้าย มักจะมีสเี หลืองชัดเจนกว่าปกตโิ ดยเฉพาะเมอื่ เปรียบเทียบกบั ตับสว่ นต้นทีม่ ีสคี ล้ากว่า กุ้งทมี่ สี ขี องตับลกั ษณะ เช่นน้ี ถ้ามีการให้อาหารมากเกินไปมกั จะพบว่ามีกุ้งบางสว่ นตายในเวลาต่อมา ถ้าพบวา่ มีกุ้งตายในลักษณะ เชน่ นี้ให้ลดอาหารลงประมาณ 30-50 เปอร์เซ็นต์ทนั ที จนกวา่ การตายของกงุ้ จะลดลงและกลับคนื สู่ภาวะปกติ จงึ ค่อยๆ ปรบั อาหารเพ่ิมข้ึนไปใหม่แตต่ ้องระวังการเพิ่มอาหารอย่างรวดเรว็ และในปรมิ าณที่มาก กุ้งท่ีเหลืออาจจะ มกี ารตายแบบเดิมอีกได้ เม่อื เรมิ่ พบวา่ มีกุ้งตาย นอกจากจะลดปรมิ าณอาหารลงแล้ว ควรเตมิ น้าเคม็ เพ่อื เพม่ิ แรธ่ าตตุ า่ งๆ จะทา ใหก้ ุ้งแขง็ แรงข้ึน หรอื เติมเกลือแร่ลงไปในบ่อ เพือ่ เสริมปริมาณแรธ่ าตบุ างตัวท่อี าจจะมีไม่เพยี งพอ เนือ่ งจากกุ้งขาวมกี าร เจรญิ เติบโตรวดเร็ว การลอกคราบ แตล่ ะครงั้ ต้องใชพ้ ลังงานมาก กุ้งจะเครยี ด ถ้าแร่ธาตุต่างๆ มไี ม่เพยี งพอ ก้งุ บางตัว จะตาย เหตกุ ารณ์เช่นน้ันพบไดบ้ ่อย ในช่วงฤดรู ้อนทอ่ี ณุ หภมู ขิ องน้าสงู มาก และนา้ มคี วามเค็มต่า ภาพที่ 27 ลกั ษณะภายนอกของกงุ้ ทมี่ สี ีตบั ปกติ ภาพที่ 28 ลกั ษณะภายนอกของกงุ้ ท่ีตบั มสี ีเหลอื ง 6.1.2 ปญั หาเหงอื กดา้ มาก บางคนอาจจะเรียกว่าโรคเหงือก ซึ่งจะพบได้ในกุ้งขาวที่เลี้ยงในบ่อท่ีมีสีน้าเข้มจัด หรอื ปริมาณแพลงก์ตอนอย่างหนาแนน่ มีการเปลี่ยนถา่ ยน้าน้อยหรือในบอ่ ทม่ี ีเลนกระจดั กระจายทั่วไป แต่สนี ้าไม่เข้มมาก แม้ว่าปริมาณกงุ้ ในบ่อมีนอ้ ยแต่ถ้าเลี้ยงกงุ้ เป็นเวลานานเชน่ เกนิ 100 วัน กุ้งส่วนใหญใ่ นบ่อจะมีเหงือกสีดาคล้ายกับ ตะกอนดนิ ทสี่ กปรกอดุ ตันในเหงอื ก ถา้ มีการเปล่ียนถา่ ยนา้ หลงั จากก้งุ ลอกคราบ 2-3 ครง้ั เหงอื กก็จะสะอาดเป็นปกติ ภาพที่ 29 บ่อเลย้ี งกุ้งท่ีมสี ีน้าเข้มมาก ภาพท่ี 30 ลักษณะภายนอกของกุ้งที่เป็นโรคเหงอื ก ดา สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จังหวดั สมทุ รสำคร

ข้อมูลด้ำนกำรเกษตรรำยสินค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 34 ในกรณีที่มีการปล่อยกุ้งอย่างหนาแน่นเช่นมากกว่า 60 ตัวต่อตารางเมตร ในขณะท่ีเครื่องให้ อากาศในบ่อมีไมเ่ พียงพอและการเปล่ยี นถ่ายน้ากม็ ีน้อย ก่อนทกี่ ุ้งจะแสดงอาการปว่ ยและตายกงุ้ ส่วนใหญใ่ นบ่อ จะมีเหงือกสีดา ถ้าเปลี่ยนถ่ายน้าไม่ทันและเพิ่มปริมาณเคร่ืองให้อากาศไม่ทันกุ้งในบ่ออาจจะมีการตายใน ปริมาณท่ีมาก เช่นเดียวกับในบ่อท่ีกุ้งมีขนาดใกล้จับอย่างหนาแน่น เม่ือมีแพลงก์ตอนตายเป็นจานวนมาก บางครั้งจะเข้าไปติดในเหงือกกุ้ง ทาให้เห็นเป็นสีน้าตาลเข้ม การถ่ายนา้ ท่ีมากขึ้น ช่วยลดปญั หาเหงือกสีเข้มได้ แต่ตอ้ งรอให้ก้งุ ลอกคราบอย่างนอ้ ย 2 คร้ัง เหงือกจึงจะกลับมาสะอาดเหมอื นเดมิ การป้องกัน มีเครื่องให้อากาศอย่างพอเพียงตั้งแต่เร่ิมปล่อยลูกกุ้งและมีการเปลี่ยนถ่ายน้า เพ่ิมข้ึนตามระยะเวลาของการเลี้ยง ถ้าพบว่ากุ้งมีอาการเหงือกดาต้องถ่ายน้าเพ่ิมข้ึนหรือเพิ่มเครื่องให้อากาศ หรืออาจจะทาทั้งสองอย่างไปด้วยกันจะสามารถแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างรวดเรว็ ภาพท่ี 31 กุ้งทีเ่ ปน็ โรคเหงือกดาเนอ่ื งจากจานวนกงุ้ ที่หนาแนน่ มีปริมาณออกซิเจนไมพ่ อเพยี ง 6.2 ปัญหากงุ้ ตายทเ่ี กิดจากเชอ้ื โรค 6.2.1 โรคดวงขาวหรือโรคจุดขาว มีสาเหตุมาจากไวรัส White Spot Syndrome Virus (WSSV) ลักษณะอาการของโรคดวงขาวหรือจุด ขาวในกุ้งขาวคล้ายกันกับท่ีพบในกุ้งกุลาดา คือ กุ้งท่ีป่วยบางตัวมีจุดขาวใต้เปลือกบริเวณส่วนหัว จะเห็นได้ชัดเจนเม่ือดึงเปลือกส่วนหัวให้หลุดออกมา เนื่องจากกุ้งขาวมีลาตัวขาวใส การสังเกตดูจุดขาวจะยากกว่า กุ้งกุลาดา โรคจุดขาวหรือดวงขาวเป็นโรคไวรัสที่ทาความเสียหายให้แก่กุ้งทะเลทุกชนิดมากที่สุดเม่ือเปรียบเทียบกับ โรคชนิดอ่นื ๆ โรคดวงขาวพบได้ตลอดทั้งปี แต่ส่วนใหญ่เกิดในช่วงการเลี้ยงทอ่ี ุณหภูมขิ องอากาศต่าลง คือ ปลายปีต้ังแต่ เดือนพฤศจิกายน-เดือนมกราคม และโดยเฉพาะในแหล่งเลี้ยงที่มีการระบาดของโรคไวรัสชนิดน้ีในกุ้งกุลาดา เน่ืองจาก พนื้ ทีก่ ารเลี้ยงกุง้ ขาวกับกุ้งกุลาดาสว่ นใหญ่เป็นพ้ืนทีเดียวกัน ฤดูร้อนตงั้ แต่เดือนมนี าคมเปน็ ตน้ ไปจนถงึ เดือนกนั ยายน อุณหภูมิของอากาศค่อนข้างร้อน ปัญหาโรคดวงขาวมีน้อยกว่าช่วงท่ีอากาศเย็นปลายปี ในบ่อที่มีปัญหาการเกิด โรคดวงขาวส่วนมากกุ้งจะมีอายุระหว่าง 30-50 วัน ดังนั้นเม่ือมีการเกิดโรคถ้ากุ้งมีขนาดเล็กมาก เกษตรกรมักจะใช้ คลอรีนผงหรือไตรคลอร์ฟอนเติมลงไปในบ่อ เพื่อฆ่าเช้ือและกุ้งท่ีป่วยไม่ถ่ายน้าเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส อย่างนอ้ ย 14 วนั จงึ จะระบายน้าออกจากบ่อ ภาพที่ 32 ลักษณะภายนอกของกงุ้ ท่ีเปน็ โรคดวงขาว สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวดั สมทุ รสำคร

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสินคำ้ จังหวัดสมุทรสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 35 การป้องกัน เพือ่ ลดความรุนแรงของโรคดวงขาว ควรหลกี เลย่ี งการปล่อยลูกก้งุ เล้ียงในบอ่ ในชว่ ง ท่ีอากาศหนาวเยน็ หรือถ้าจะเลย้ี งในบรเิ วณทีเ่ คยมีการระบาดของโรค ควรจะฆ่าพาหะในนา้ ได้แก่ สตั ว์จาพวก กุ้งและปูตามธรรมชาตดิ ้วยคลอรนี ผงหรอื ไตรคลอร์ฟอน ก่อนการปลอ่ ยลูกกุ้ง ซ้อื ลูกก้งุ จากโรงเพาะฟกั ทีม่ ีการ นาเข้าพอ่ แม่พันธ์ุที่ปลอดเชื้อเทา่ น้ัน และเติมน้าจากบ่อพักนา้ ทม่ี ีการฆา่ เชื้อและพกั น้าเปน็ เวลานานอย่างนอ้ ย 1 สัปดาห์ 6.2.2 โรคตวั พิการ มีสาเหตุมาจากไวรัส Infectious Hypodermal and Hematopoietic Necrosis Virus (IHHNV) เป็นโรคไวรัสทพี่ บไดท้ ่ัวไปในระหว่างการเลีย้ งในบ่อ โดยเฉพาะลกู กุ้งขาวทีม่ าจากการนากงุ้ ขาวท่เี ล้ียง ในบ่อดินในพื้นท่ีต่างๆ แล้วนามาทาเป็นพ่อแม่พันธ์ุในเวลาต่อมา กุ้งขาวท่ีเป็นโรคตัวพิการ จะมีลักษณะท่ี สังเกตได้ง่าย คือ กรผี ิดปกติ อาจจะกดุ หรือสนั้ กว่าปกติ อาจจะบิดไปทางซ้ายหรือทางขวา นอกจากน้ันอาจจะ พบวา่ กุ้งมลี าตัวขรุขระหรือคดงอ ลักษณะทีก่ ล่าวมาน้ีสงั เกตไดห้ ลังจากปลอ่ ยลูกกงุ้ เลยี้ งในบ่อประมาณ 30 วัน ปริมาณการเกิดลักษณะผิดปกติมีตั้งแต่ไม่รุนแรงมากคือมีประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ จนถึงรุนแรงมาก คือ ประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นตข์ องกุ้งที่อยู่ในบ่อมลี ักษณะผิดปกติและกุ้งเหลา่ น้ีจะโตชา้ มาก มอี ัตรารอดในบ่อตา่ ทาให้ผลผลิตรวมต่าดว้ ยแตไ่ ม่พบการตายของก้งุ ตามขอบบอ่ ตลอดระยะเวลาในการเลย้ี ง นอกจากกุ้งท่มี อี าการ ผิดปกติบางตัวจะอ่อนแอไม่แข็งแรง แนวโน้มมีการนากุ้งที่เล้ียงในบ่อดินมาเป็นพ่อแม่พันธุ์เน่ืองจากราคาถูก โอกาสจะพบโรคตัวพิการนา่ จะเพิม่ ตามข้นึ ด้วยเชน่ กัน การพบโรคตวั พกิ ารพบได้ตลอดทง้ั ปีขนึ้ กับแหล่งของกุ้ง ทีน่ าไปเลี้ยง ถา้ เป็นลูกกุง้ จากพ่อแม่พันธทุ์ ป่ี ลอดเชอ้ื โอกาสท่ีจะพบโรคตัวพิการมนี ้อยมาก ภาพท่ี 33 ลกั ษณะต่าง ๆ ของก้งุ ขาวท่เี ป็นโรคตัวพกิ าร การปอ้ งกัน โดยการเลือกซ้ือลูกกุ้งจากโรงเพาะฟักทีม่ ีการนาพอ่ แม่พันธ์ุที่ปลอดเชื้อมาเป็น พ่อแม่พันธ์ุ ไม่ควรซื้อลูกกุ้งจากโรงเพาะฟกั ที่ไม่ทราบแหล่งท่มี าของพอ่ แม่พันธ์ุ และควรนาลูกก้งุ ไปตรวจด้วย พีซีอารก์ ่อนท่จี ะตดั สินใจนาไปเลยี้ ง สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จังหวดั สมทุ รสำคร

ข้อมูลด้ำนกำรเกษตรรำยสินคำ้ จงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 36 6.2.3 โรคตวั แดง(ทอร่า) มีสาเหตุมาจากไวรัส Taura Syndrome Virus (TSV) เป็นโรคไวรัสท่ีพบเฉพาะในกุ้งขาว ไวรัสชนิดนี้ทาความสูญเสยี ให้แก่ผเู้ ลย้ี งกุ้งเป็นจานวนมากในหลายประเทศ ไดแ้ ก่ เอกวาดอร์ ในทวปี อเมรกิ าใต้ ซงึ่ เคยเป็นประเทศทีม่ ีการเล้ียงกุ้งขาวมากท่ีสุดในช่วงก่อนที่จะมีโรคไวรัสดวงขาวระบาด กุ้งขาวทมี่ ีการนาไป เลยี้ งในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ก็มรี ายงานการเกดิ โรคทอร่า เช่นในประเทศไต้หวัน และจนี เป็นต้น ในประเทศ ไทย โรคทอร่ามรี ายงานจากฟารม์ เลี้ยงก้งุ ขาวคร้งั แรกในชว่ งเดือนเมษายนในปี พ.ศ. 2546 ในจังหวัดนครปฐม และฉะเชิงเทรา ทาความเสยี หายให้แก่เกษตรกรผูเ้ ลย้ี งกุ้งขาวเปน็ อย่างมาก เนือ่ งจากเป็นโรคไวรัสมีการตดิ ต่อ แพร่กระจายไปบ่อเลี้ยงข้างเคียงได้ง่าย และเกษตรกรยังไม่รู้ว่ากุ้งท่ีตายมีสาเหตุจากโรคไวรัส ดังนั้นการ แกป้ ัญหาเพอ่ื ลดความรนุ แรงหรือการป้องกันการแพรก่ ระจายของโรคจงึ ยงั ไม่ค่อยไดผ้ ล จากการติดตามการระบาดของโรคทอร่าในกุ้งขาวพบว่า ความรนุ แรงของโรคแต่ละคร้ังและ ลกั ษณะอาการของกงุ้ ขาวท่ีป่วยมีความแตกต่างกันมาก บางครงั้ มกี ุ้งตายมากอย่างรวดเรว็ ภายใน 2-3 วัน จน ตอ้ งปิดบ่อ แต่บางครั้งมีกุ้งตายไม่มาก และสามารถประคับประคองให้เล้ียงต่อไปได้จนจับขายและได้ผลผลิต ตามปกติ เพื่อให้เกษตรกรท่ีเลี้ยงกุ้งขาวและนักวิชาการที่เกี่ยวขอ้ งใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดการเพ่ือแก้ปัญหา และลดความสญู เสยี จากโรคทอร่า เกษตรกรจะต้องเข้าใจรายละเอยี ดของโรคทอรา่ ในกงุ้ ขาว ซงึ่ พอจะจาแนก ตามความรนุ แรงได้ 2 แบบดงั นี้ คอื  ความรุนแรงต่้ากว่าเฉียบพลัน (subacute) เป็นโรคทอร่าท่ีพบในกุ้งขาวที่มีอายุ ระหว่าง 20-40 วันเป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งอายุกุ้งอาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่านี้ก็สามารถพบได้ โรคทอร่าแบบนี้ จะมีความรุนแรงไม่มากแต่จะมีกุ้งตายเรื่อยๆ กุ้งที่เป็นโรคจะพบตายตามขอบบ่อประปราย ในลักษณะเหมือน กุ้งปกติ บางตัวมีสีชมพูอ่อนบางตัวสีขาวขุ่นมากกว่ากุ้งปกติเล็กน้อย กุ้งท่ีเข้าไปในยอบางตัวมีสภาพที่อ่อนแอ ไม่ดีดตัวแรง ซ่ึงตามปกติ ถ้ากุ้งขาวไม่ป่วยเวลายกยอกุ้งจะดีดตัวหนีออกจากยอ จะเหลือกุ้งเพียงไม่กี่ตัวในยอ แต่ในกรณที ่ีกุ้งปว่ ยจะยงั คงเหลือกงุ้ ในยอมากกว่าปกติ และมสี ีเข้มขนึ้ กวา่ กงุ้ ปกติเล็กนอ้ ย คอื สีอมชมพูออ่ น ภาพที่ 34 ลักษณะภายนอกกุ้งทปี่ ว่ ยเป็นโรคตัวแดง (ทอรา่ ) รุนแรงต่ากว่าเฉยี บพลัน (ตัวบน) การแก้ปัญหา เมื่อพบว่ามกี ุ้งขาวปว่ ยตามลกั ษณะอาการที่กล่าวมาข้างต้น เกบ็ เอากุ้ง ปว่ ยตามขอบบ่อข้ึนมาทาลาย รวมทั้งลงไปตรวจดูตามรอบๆ แนวเลนกลางบ่อจะมีกุ้งตายบางส่วนที่มากอง รวมกนั จากความแรงของเคร่ืองใหอ้ ากาศ นาเอาก้งุ ตายพนื้ บ่อทัง้ หมดเทา่ ทจี่ ะทาได้ข้นึ มาทาลาย ห้ามถ่ายน้า หรือเติมสารเคมีใดๆ ลงไป เพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงมากกุ้งอาจจะลอกคราบ จะมีกุ้งตายมากข้ึน กุ้งที่อ่อนแออยู่แล้ว ถ้าลอกคราบจะตายเพ่ิมข้ึน งดอาหาร 1 วัน หรือลดอาหารอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ เติมเกลือแร่ลงไปในบ่อเพ่ือเพิ่มอิออนที่สาคัญๆจะทาให้กุ้งแข็งแรงข้ึน ในกรณีที่น้าความเค็มต่า 1-5 พีพีที สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั สมุทรสำคร

ข้อมลู ด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 37 หรือเติมน้าเค็มเพิ่มความเค็มในบ่อ ระมัดระวังอย่าใช้อุปกรณ์ใดๆ ร่วมกับบ่ออ่ืน เช่น แหสุ่มน้าหนักกุ้ง กะละมัง เป็นต้น เพราะอาจจะแพร่เชื้อไวรัสไปบ่ออ่ืนๆ ได้ง่าย เปิดเครื่องให้อากาศเต็มท่ี เพ่ือรักษาระดับ ออกซเิ จน และคุณภาพนา้ ให้อย่ใู นระดบั ทดี่ ี กุง้ จะแข็งแรงขึน้  ความรุนแรงแบบเฉียบพลัน (acute) กุ้งที่ป่วยเป็นโรคทอร่าประเภทน้ีมักจะพบ ในบ่อท่มี ีกุ้งหนาแน่น อายุประมาณ 50-80 วัน กุ้งท่ปี ่วยบางตัวจะมสี ีแดงหรือสชี มพเู ข้ม ตับและตบั อ่อนมักจะ มสี ีเหลืองกว่าปกติ เหงือกอาจจะบวม ระยะแรกจะไม่พบว่ามีกุ้งตายตามขอบบ่อ แต่จะมีกุ้งตายท่ีพื้นบ่อเป็น จานวนมาก หลังจากน้ันประมาณ 2 วัน กุ้งที่ตายบางส่วนจะลอยข้ึนมาเต็มบ่อ และมีกุ้งตายตามขอบบ่อ เพมิ่ ขึน้ ก้งุ บางสว่ นท่มี ีตัวสีแดงหรือสชี มพู จะมีแผลสดี าหรอื น้าตาลเข้มตามลาตัว เน่ืองจากโรคทอรา่ แบบนี้จะ มีกุ้งตายอยา่ งรวดเรว็ และมีเป็นจานวนมากในระยะ 3 วันแรก ดังนั้น เกษตรกรบางคนอาจจะตัดสินใจปิดบ่อ โดยใช้สารเคมีเช่น คลอรีนผงหรือไตรคลอร์ฟอนใส่ลงไปในบ่อเพ่ือฆ่าเชื้อไวรัสและกุ้งท่ีอยู่ในบ่อท้ังหมด เพ่ือป้องกันการแพร่กระจายไปบ่อท่ีอยู่ใกล้ๆ กัน ในกรณีท่ีกุ้งไม่หนาแน่นมาก การแก้ปัญหาอาจจะทาได้ โดยงดอาหาร 1 วัน หลังจากนั้นค่อยๆ ใหอ้ าหาร เก็บกุ้งตายในบอ่ ขึ้นมาทาลายหา้ มถ่ายน้าปรับสภาพในบ่อให้ ดีขึ้นตามที่ได้อธบิ ายมาแล้วในการแกป้ ัญหาโรคทอร่าแบบรุนแรงต่ากว่าเฉียบพลัน ถ้าสภาพต่างๆ ในบ่อดีขึ้น กุ้งท่ีมีแผลตามลาตัวสีดา อาจจะไม่ตาย และอาจต้องใช้เวลาประมาณ 20-30 วัน แผลสีดาเหล่านี้จะค่อยๆ จางหายไปหลังจากกงุ้ ที่แข็งแรงขนึ้ และลอกคราบ 2-3 ครัง้ จากท่ีกล่าวมาแล้วโรคทอร่าทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกันมากในเร่ืองของความรุนแรง ทัง้ น้ีอาจจะมาจากเชื้อไวรัสเปน็ คนละสายพนั ธุ์ (strain) ความรนุ แรงจึงแตกตา่ งกัน ถ้านากุง้ ปว่ ยจากโรคทอร่า ทัง้ 2 แบบไปตรวจโดยใชเ้ ทคนคิ PCR ผลที่ได้จะเป็นบวกชัดเจนมาก เพ่ือป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกดิ ขึ้น จากโรคทอร่า เกษตรกรที่เล้ียงกุ้งขาวต้องหมั่นสังเกตดูว่ามีกุ้งป่วยหรือเร่ิมตายมีลักษณะและอาการตามท่ี อธิบายมาหรือไม่จะได้แก้ปัญหาได้ทัน เพราะการเล้ียงกุ้งขาวอย่างหนาแน่นโดยเฉพาะทางภาคใต้มีการถ่าย เปลี่ยนน้ามากตามผลผลิตและขนาดของกุ้งท่ีต้องการเล้ียง ในกรณีท่ีมีการระบายน้าออกมาจากบ่อท่ีเป็นโรค โอกาสที่ผู้เลี้ยงกุ้งในแหล่งน้ันจะไดร้ ับผลกระทบไปดว้ ยมสี ูงมาก การเตรียมการป้องกันท่ีดีคือมีบ่อพักน้าอย่าง พอเพียง และใช้น้าจากบ่อพักน้าท่ีมีการพักมาเป็นเวลานานแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน โอกาสที่กุ้งจะได้รับเชื้อ ไวรสั จะน้อยลง การเล้ยี งกงุ้ ขาวก็จะได้ผลตามท่ตี อ้ งการ ภาพที่ 35 กุ้งขาวทีป่ ว่ ยเป็นโรคทอรา่ ระยะเฉยี บพลัน ภาพท่ี 36 กงุ้ ขาวทเี่ ปน็ โรคทอรา่ มแี ผลสดี าตามลาตัว จะมสี ีแดง (ตัวล่าง) สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวัดสมทุ รสำคร

ข้อมลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสินค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 38 7. แนวทางการผลติ กุ้งขาวแวนนาไม เน่อื งจากการเล้ยี งกุ้งขาวแวนนาไม ให้ผลผลติ สูงมากเมือ่ เปรียบเทียบกับกุ้งกลุ าดา และระยะเวลาใน การเลี้ยงน้อยกวา่ ผลผลติ จากการเล้ียงโดยใช้น้าความเค็มปกติทางภาคใต้ โดยเฉพาะทางฝ่ังทะเลอันดามนั สูง ถงึ 3-4 ตนั ต่อไร่ ในขณะท่ีประเทศจีนเล้ยี งกงุ้ ขาวชนิดน้ีในลกั ษณะความหนาแน่นสูงมากๆ (super intensive) มากกว่า 120 ตัว/ตารางเมตร เนื่องจากราคาลูกกุ้งถูกมาก แต่ส่วนใหญ่ผลผลิตที่ได้จะเป็นกุ้งขนาดเล็ก ประมาณ 8-12 กรัม ส่วนในรายท่ีปล่อยลูกกุ้งน้อยกว่าก็อาจจะเล้ียงกุ้งได้ขนาดที่โตขึ้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ผลผลิตกุ้งขาวจะเป็นกุ้งขนาดเล็กระหว่าง 80-120 ตัว/กิโลกรัม แต่บางช่วงเวลาท่ีมีผลผลิตออกมามาก คือ ระหวา่ งเดือนสิงหาคม-ตุลาคม จะมีกุ้งตั้งแตข่ นาดเล็กจนถึงขนาด 20 กรัมหรือ 50 ตัว/กิโลกรัม มาก มีผลทา ให้ราคากุ้งขาวตกต่ามาก แนวโน้มโอกาสที่ราคาจะตกต่าในลักษณะเช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกปี ดังน้ัน เกษตรกรท่ีเล้ียงกุ้งขาวจะต้องมีการวางแผนการผลิตให้รอบคอบว่าจะผลิตกุ้งขนาดอะไร ผลผลิตจะออกมา เมื่อไร และราคาในช่วงนั้นจะเป็นอย่างไร เช่นผลผลิตออกมาดีมากประมาณ 2 ตัน/ไร่แต่ขนาดกุ้ง 60 ตัว/ กิโลกรัม และเป็นช่วงที่ราคาต่ามากไม่มีกาไร หรือมีกาไรน้อยมาก ถ้ามีบ่อใดบ่อหนึ่งเสียหายการเลี้ยง รอบน้นั แทบจะไมไ่ ดอ้ ะไรเลย ขนาดของกุ้งขาวท่คี วรจะผลิต ขนึ้ อยู่กับความพรอ้ มและความสามารถของแต่ละฟาร์ม และช่วงเวลา เช่นในช่วงต้นปีจนถึงประมาณเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่อากาศหนาวมากประเทศคู่แข่งหลายประเทศไม่ สามารถผลิตกุ้งได้ แม้ว่าจะมีความพยายามเล้ียงในลักษณะโรงเรือน (green house) ที่สามารถควบคุมหรือ ป้องกันอุณหภูมิต่าได้ แต่ก็มีไม่มากพอท่ีจะมีผลกับตลาดโดยรวม ดังน้ันขนาดของกุ้งขาวที่จะผลิตออกมาไม่ จาเป็นตอ้ งโตมาก ราคากน็ ่าจะอยูใ่ นระดับทย่ี อมรบั ได้ แต่เมือ่ ผา่ นช่วงกลางปีไปแล้วปริมาณกุ้งจะผลิตออกมา มากข้นึ เร่ือยๆ โดยเฉพาะเม่ือช่วงเข้าส่ชู ่วงไตรมาสสุดท้าย ขนาดกุ้งทีจ่ ะผลิตจะต้องให้โตข้ึนกว่าในระยะต้นปี เพราะในช่วงน้ีกงุ้ ขนาดเล็กจนถงึ ขนาด 50 ตัว/กิโลกรัม ราคาอาจจะต่ามาก จะต้องวางแผนผลิตกุ้งขาวให้ได้ ขนาด 40-45 ตัว/กโิ ลกรมั จงึ จะขายได้ราคาดพี อท่จี ะมีกาไรและเป็นธุรกิจได้ สาหรับการเล้ียงกุ้งขาวขนาดเล็กในอนาคตอาจจะมีความเป็นไปได้มากกว่าฟาร์มเล้ียงกุ้งจะต้อง ร่วมมอื กับทางห้องเย็น เพ่อื ผลิตกุ้งตามขนาดที่ห้องเย็นตอ้ งการ หรอื ในลักษณะการซอ้ื ขายลว่ งหนา้ ซึ่งอาจจะ เป็นกุ้งขนาดเล็ก 100-120 ตัว/กโิ ลกรัม ที่ตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง ดังน้ันอาจจะต้องปล่อยลกู กุ้ง อย่างหนาแน่น และเล้ยี งกุ้งเพียง 70-75 วันเทา่ น้ันก็ได้ 7.1 การผลิตกงุ้ ขาวแวนนาไมขนาดใหญ่ โดยทั่วไปแลว้ การเลี้ยงกุ้งขาวชนิดน้ีจะผลิตกุ้งต้ังแต่ขนาด 100 ตัว/กิโลกรัม จนถึง 50 ตัว/กิโลกรัม แต่ในช่วงที่มีปริมาณกุ้งผลิตออกมามากในตลาดโลกส่งผลให้กุ้งขนาด 50 ตัว/กิโลกรัม ราคาค่อนข้างต่า แต่ ในขณะน้ีก้งุ ขนาด 40-45 ตวั /กิโลกรมั ราคาจะสูงกว่ากงุ้ ขนาด 50 ตัว/กิโลกรัมมาก มีความพยายามทจี่ ะผลิต กุ้งขาวใหไ้ ด้ ขนาด 40-45 ตวั /กิโลกรมั แต่ส่วนใหญ่ไมป่ ระสบความสาเรจ็ เนือ่ งจากมีสาเหตุ ดงั น้ี 7.1.1 ไม่ได้วางแผนมากอ่ น โดยปล่อยลูกกุ้งอย่างหนาแน่นมาก เม่ือเห็นว่ากุ้งในขนาดท่ีใกล้เคียงกับขนาดของกุ้งในบ่อ กาลงั จะผลิตออกมาราคาต่ามาก ผเู้ ล้ียงจึงเปลี่ยนแผนการผลิตจะมีการยดื เวลาให้เลี้ยงนานขึ้นเพอื่ ใหไ้ ด้ขนาด กงุ้ ท่ีโตข้ึน ส่วนใหญ่ไมส่ ามารถทาได้ เพราะการเล้ยี งกุ้งที่หนาแน่นมากมาเปน็ เวลานาน ของเสียที่สะสมในบ่อมี มากตอ้ งมีการเปล่ียนถ่ายน้าท่ีมีคุณภาพดีค่อนข้างมาก บางฟาร์มไม่ได้เตรียมพืน้ ท่ีของบ่อพักนา้ ไว้พอเพียงจึง ถ่ายน้าได้ไมเ่ ต็มที่ กุง้ ทีย่ ดื เวลาการเล้ยี งนานออกไปอกี จงึ โตขนึ้ เพยี งเล็กนอ้ ยเทา่ นนั้ ไมไ่ ดข้ นาดตามทีต่ ้องการ สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวัดสมุทรสำคร

ขอ้ มลู ด้ำนกำรเกษตรรำยสินค้ำจงั หวดั สมทุ รสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 39 7.1.2 คณุ ภาพลูกกงุ้ ไมด่ ีพอ ในการเลย้ี งกุ้งขาวใหป้ ระสบความสาเรจ็ คือได้ผลผลิตและขนาดตามท่ีตอ้ งการน้นั ถา้ ลูกกุง้ ไม่ มีคุณภาพดีพอ เช่นมกี ารติดเชื้อไวรสั IHHNV มากซ่งึ ไวรัสชนิด นถ้ี ้ามปี รมิ าณมากจะมีผลทาให้กุ้งมีลักษณะตัว พกิ าร เช่นกรกี ุดสั้น และโตช้า แม้ว่าจะมีการจัดการในด้านคณุ ภาพนา้ และดา้ นอื่นๆ อย่างดแี ลว้ กงุ้ ก็โตช้ากว่า ปกตมิ าก 7.1.3 คณุ ภาพอาหารไมด่ พี อ เน่อื งจากกงุ้ ขาวสามารถเลี้ยงโดยใช้อาหารทีม่ ีปริมาณโปรตีนตา่ กว่ากุง้ กุลาดา แตก่ ารเล้ียงกุ้ง ขาวอย่างหนาแนน่ และตอ้ งการผลิตก้งุ ขนาดใหญข่ ึ้น โดยต้องเล้ียงเวลานานเพ่ิมขึ้น คุณภาพอาหารต้องดดี ้วย ถา้ เกษตรกรใชอ้ าหารทีม่ โี ปรตนี ต่าแต่เลย้ี งอยา่ งหนาแนน่ โอกาสจะผลิตกุ้งขนาดใหญเ่ ป็นไปได้น้อย 7.1.4 จับก้งุ บางส่วนออกชา้ เกินไป การเล้ียงกุ้งขาวอย่างหนาแน่นบางฟาร์มจะจับกุ้งบางส่วนออกไปขายก่อนเมื่อเล้ียงกุ้งได้ ประมาณ 90 วัน และควรจะจบั ก้งุ ออกไปประมาณครึ่งหน่ึง เพอ่ื ใหส้ ว่ นที่เหลือมโี อกาสโตได้ แต่บางคร้ังการจับ กงุ้ ออกบางส่วนหลงั จากเลย้ี งนานเกินไป แม้ว่าจะจับกุง้ ออกบางส่วนแล้ว กุ้งที่เหลือในบอ่ ยังไม่สามารถเล้ียงให้ ได้ขนาดใหญ่ตามท่ีต้องการได้ หรือบางครั้งจับกุ้งออกไปน้อยเกินไป ส่วนที่เหลือในบ่อยังมีมากทาให้การเล้ียง กงุ้ ส่วนที่เหลือจงึ ไม่ไดข้ นาดตามท่ตี อ้ งการ จากปัญหาดังกล่าวข้างต้นนี้ เป็นปัญหาที่พบอยู่เสมอในการเล้ยี งท่ีผ่านมา ดังนั้นถ้าต้องการ จะเลีย้ งกงุ้ ขาวใหไ้ ด้ขนาด 40-45 ตัว/กิโลกรัม ต้องมีการวางแผนตั้งแต่ก่อนทจี่ ะเร่ิมเล้ียง และถ้าต้องการผลิต กุ้งขนาดใหญค่ วรจะลดอัตราความหนาแนน่ ของลูกกุ้งที่จะเลย้ี ง ไม่ว่าจะเล้ยี งในนา้ ทม่ี ีความเค็มตา่ ในพนื้ ที่ภาค กลาง หรือน้าความเคม็ ปกติทางพ้นื ที่ภาคใต้กต็ าม 7.2 การเลย้ี งในน้าความเค็มต้่า ในพ้ืนท่ภี าคกลางท่ีเล้ียงก้งุ ดว้ ยน้าความเค็มต่าระหวา่ ง 2-5 พีพที ี ตง้ั แต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึง กลางเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิของน้าจะต่ากว่าระดับการเจริญเติบโตตามปกติ ดังน้ันการเล้ียงกุ้งขาวผ่าน ช่วงเวลาดังกล่าว การเจริญเติบโตช้ากว่าการเล้ียงระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคมมาก ถ้าต้องการเลี้ยง ให้ไดก้ ุ้งขนาดใหญ่ในเวลาดังกล่าวคงเปน็ ไปไดย้ าก แม้วา่ จะไดล้ กู กุง้ ที่ปลอดเช้อื และมีการจัดการอย่างดีแล้วกต็ าม การเลี้ยงในเวลาท่เี หมาะสมคือระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม เพราะเป็นช่วงเวลาที่อากาศไม่ร้อน มาก มีฝนตกสม่าเสมอทาให้อุณหภูมิของนา้ ไม่สูงมาก ส่วนต้ังแตป่ ลายเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิน้าใน ตอนกลางวนั จะสูงมากถึง 34 องศาเซลเซยี ส ก้งุ ขาวจะไม่กินอาหารทาใหเ้ จริญเตบิ โตช้า และโดยทวั่ ไปบ่อเลย้ี ง กุ้งในพื้นทีภ่ าคกลาง น้าจะตืน้ เกนิ ไปคอื มีความลึกประมาณ 1.0-1.20 เมตรเท่านนั้ ไมเ่ หมาะสมตอ่ การเล้ียงกุ้ง ขาว บอ่ น้าทตี่ น้ื ในช่วงอากาศร้อนอณุ หภมู ิของน้าจะสงู มากในตอนกลางวนั กุ้งจะเครยี ดจดั และไมก่ ินอาหาร การเลี้ยงกุ้งทุกชนิดท้ังกุ้งกุลาดา กุ้งขาว และกุ้งก้ามกราม ช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัดในพ้ืนท่ีหลาย จังหวัดในภาคกลางที่เลี้ยงดว้ ยน้าความเค็มต่า หรือน้าจืดได้รับความเสียหายมากเน่ืองจากอุณหภูมิน้าสูงมาก และแนวโน้มอุณหภูมิของอากาศท่ัวโลกจะสูงข้ึนเรื่อยๆ ดังนั้นเกษตรกรจะต้องวางแผนการเลี้ยงให้รอบคอบ ติดตามสถานการณ์ภูมิอากาศในแต่ละช่วงเวลา ถ้าจะเล้ียงในช่วงที่อากาศร้อน บ่อควรจะมีความลึกไม่ต่ากว่า 1.40 เมตร และตอ้ งมีบ่อพักนา้ อยา่ งพอเพียง สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จังหวดั สมุทรสำคร

ขอ้ มูลดำ้ นกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จังหวัดสมทุ รสำคร 2563 (กงุ้ ขำวแวนนำไม) 40 7.3 อตั ราการปลอ่ ยทเี่ หมาะสม ฟาร์มที่มีความพร้อมควรเลี้ยงในลักษณะบ่อเล้ียง 1 บ่อ มีบ่อพักน้า 1 บ่อ ในขนาดเท่ากัน เล้ียงแบบน้าหมุนเวียนจะได้ถ่ายน้าได้มาก และไม่ต้องกลัวปัญหาที่จะนาเชื้อไวรัสจากภายนอกเข้าไปใน บ่อเล้ียงด้วย ถ้าตลอดระยะเวลาในการเลี้ยงน้ามีความเค็มไม่ต่ากว่า 2-5 พีพีที ค่าอัลคาไลน์ไม่ต่ากว่า 90 พีพีเอ็ม และความกระด้างไม่ต่ากว่า 1,000 พีพีเอ็ม สามารถเล้ียงกุ้งขาวให้มีขนาดใหญ่ได้ แต่ลูกกุ้งจะต้องมาจาก สายพันธ์ุท่ีดีและปลอดเชื้อมีระบบการเลี้ยงท่ีป้องกันโรคไวรัสได้ และระดับความลึกของน้าไม่ควรต่ากว่า 1.40 เมตร อัตราการปล่อยลูกกงุ้ ทเี่ หมาะสม สาหรับลูกก้งุ ระยะพี 12 ทีป่ รบั ความเค็มลงมาแล้วประมาณ 80,000 ตัว/ไร่ ถ้าลูกกุ้งขาวท่ีมีคุณภาพดีอัตรารอดประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ จะมีกุ้งเหลือจานวน 64,000 ตัว/ไร่ ตามเป้าหมายคือเลี้ยงให้ได้ขนาด 40 ตัว/กิโลกรัม คือน้าหนัก 25 กรัมดังน้ันเมื่อจับกุ้งจะได้ผลผลิตเท่ากับ 64,000x25 = 1,600 กิโลกรัม/ไร่ ซึ่งผลผลิตระดับนี้ถือว่าอยู่ในระดับท่ีดีมาก แต่ถ้าการเจริญเติบโตของกุ้ง ต่ากว่าท่ีคาดการณ์ไว้ เช่นได้ขนาด 50 ตัว/กิโลกรัม น้าหนัก 20 กรัม ผลผลิตรวมจะเท่ากับ 64,00x20 = 1,280 กโิ ลกรัม/ไร่ ซ่ึงยังอยู่ในระดบั ทย่ี อมรับได้ ฟาร์มทมี่ ีความพรอ้ มนอ้ ยเช่นไมม่ บี ่อพกั น้า หรือใช้นา้ ความเค็มตา่ มาก 1-2 พีพีที ตลอดการเล้ยี งระดับน้า ต้นื คือมีความลึกประมาณ 1.0-1.2 เมตรเท่านน้ั โอกาสท่จี ะเลีย้ งให้ได้กุ้งขนาดใหญแ่ ละผลผลิตมากกว่า 1,000 กโิ ลกรัม /ไร่ ทาไดย้ าก เนือ่ งจากกุ้งขาวมีการเจรญิ เตบิ โตรวดเรว็ กว่ากุง้ กุลาดา ต้องการแร่ธาตเุ พยี งพอในการ ดารงชีวิตและการเจริญเติบโต ดังนั้นควรเสริมแร่ธาตุในน้าเป็นระยะๆ เนื่องจากความเค็มต่ามีแร่ธาตุต่างๆ นอ้ ย อาจจะมีผลต่ออัตรารอด และการเจริญเติบโตได้ นอกจากนั้นควรผสมเกลือแรก่ บั อาหารสาเร็จรูปให้กุ้ง กินด้วย ระยะท่ีต้องเสริมแรธ่ าตมุ ากเปน็ พเิ ศษคือช่วงท่ีกุ้งลอกคราบ คือ วันโกนและวันพระ หรือเมื่อมีฝนตก หนกั เพราะนา้ จืดจะทาใหเ้ กลอื แรต่ า่ งๆในนา้ เจือจางลง 7.4 การเล้ียงในน้าความเคม็ ปกติ กุ้งขาวมีความเหมาะสมสาหรับการเล้ียงท่ีน้ามีความเค็มปกติถ้าไม่มีปัญหาเร่ืองโรค การเล้ียง กุ้งขาวในน้าท่ีมีคุณภาพดี เปลี่ยนถ่ายได้มากจะทาให้การเจริญเติบโตดี ได้ผลผลิตสูง การปล่อยลูกกุ้งที่มี คุณภาพดีในอัตราความหนาแน่นประมาณ 100,000 ตัว/ไร่ อัตรารอดประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ จะมีกุ้งเหลือ 80,000 ตัว/ไร่ ถา้ เล้ียงได้ขนาดน้าหนัก 25 กรัมจะไดผ้ ลผลติ 2,000 กิโลกรัม /ไร่ หรอื ไร่ละ 2 ตัน ผลผลิตใน ระดับน้ีน่าจะพอเพียงแล้ว และน่าจะได้ผลตอบแทนดีกว่าการปล่อยลูกกุ้งไร่ละ 150,000 ตัว แต่เลี้ยงได้กุ้ง ขนาดเล็กกว่าแม้ว่าจะได้ผลผลิตสูง แต่ผลตอบแทนคงจะไม่สงู กวา่ การเลี้ยงได้กุ้งขนาดโตกว่า การปล่อยลูกกุ้ง อย่างหนาแนน่ ไร่ละ 150,000 ตวั หรือมากกว่า ควรจะทยอยจับกุ้งออกบางสว่ น เพื่อให้กงุ้ ที่เหลือในบ่อมีโอกาสโตได้ นา่ จะไดผ้ ลตอบแทนดีกวา่ จับกุ้งทงั้ หมดเพียงคร้งั เดียว การเล้ียงกุ้งขาวส่วนใหญ่เพื่อการส่งออก และต้องการผลตอบแทนท่ีดีแต่เกษตรกรบางรายยังให้ ความสาคัญกับปรมิ าณผลผลติ มากกว่าผลตอบแทนท่ีได้ ต้องอย่าลืมว่ากุ้งชนิดอะไรก็ตาม กุ้งขนาดโตกว่าย่อม ได้ราคาและผลตอบแทนที่ดกี ว่ากงุ้ ขนาดเลก็ ภาพที่ 37 กงุ้ ขาวขนาดตวั โต สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวัดสมุทรสำคร

บทท่ี 3 ข้อมลู สถานการณแ์ ละแนวโนม้ กงุ้ ขาวแวนนาไม 1. สถานการณ์สนิ คา้ กุ้งทะเลและผลติ ภณั ฑ์ ในชว่ ง 3 เดอื นแรกของปี 2563 1.1 สถานการณก์ ารผลิต ในช่วง 3 เดอื นแรกของปี 2563 ผลผลิตกงุ้ ทะเล (ก้งุ ขาวแวนนาไม และกุง้ กุลาดา) จากการเพาะเลี้ยง แบบพฒั นามผี ลผลิตรวม 55,856.96 ตนั ประกอบด้วย 1) ผลผลิตที่ได้จากการประเมินจากฐานข้อมูลใบกากับ การเคลื่อนย้ายสินค้าสัตว์น้า (MD : Movement Document) ปริมาณ 51,062.43 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน ปร ะ มาณ 91.42% ของ ผ ลผลิตกุ้ ง ทะ เลที่ ผลิตไ ด้ จาก ก าร เล้ียง แบ บพัฒ น า โ ดยเป็ น ผลผลิ ต กุ้งขาวแวนนาไม 47,313.26 ตัน (92.66%) และกุ้งกุลาดา 3,749.17 ตัน (7.34%) ซึง่ เม่ือเปรียบเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อน ผลผลิตกงุ้ ทะเล ในระบบ MD ลดลง 0.22% โดยการผลิตกงุ้ ขาวแวนนาไมเพ่มิ ข้ึน 0.61% ส่วนกุ้งกุลาดาลดลง 9.70% (ตารางท่ี 1) และ 2) ผลผลิตกุ้งท่ีซื้อขายไม่ผ่านระบบ MD ปี 2563 มีปริมาณ 4,794.52 ตัน หรือคิดเป็น 8.58% ของผลผลิตท่ีผลิตได้ทั้งหมด 55,856.96 ตัน ซ่ึงผลผลิตที่ผลิตได้ทั้งหมด ลดลง 4.66% เม่อื เทียบกับปีก่อน ตารางท่ี 14 ปริมาณผลผลิตกุ้งทะเลจากการเพาะเลี้ยงแบบพัฒนาในระบบ MD แยกตามชนิดกุ้ง ปี 2562 - 2563 (ม.ค.-มี.ค.) หนว่ ย :ตนั 2562 2563 % การเปลย่ี นแปลง กงุ้ ขาว ก้งุ กลุ าดา รวม กุง้ ขาว กงุ้ กลุ าดา รวม กุ้ง กุง้ รวม ขาว กุลาดา ม.ค. 14,967.98 1,592.19 18,926.49 14,289.06 1,367.90 17,080.96 -4.54 -14.09 -9.75 ก.พ. 13,295.50 1,101.77 16,529.29 14,328.68 1,214.26 17,035.82 7.77 10.21 3.06 ม.ี ค. 18,762.04 1,457.95 23,128.78 18,695.53 1,167.00 21,740.18 -0.35 -19.96 -6.00 เม.ย. 20,885.92 1,001.03 26,616.31 พ.ค. 25,364.03 1,258.76 32,843.02 ม.ิ ย. 22,017.85 580.20 28,256.93 ก.ค. 20,989.95 820.47 25,908.48 ส.ค. 23,797.66 936.54 29,512.88 ก.ย. 27,980.27 984.85 30,090.89 ต.ค. 29,132.14 1,415.56 33,847.03 พ.ย. 22,580.20 1,348.03 28,232.07 ธ.ค. 20,836.54 1,309.05 23,946.85 รวม 260,610.06 13,806.42 317,839.00 47,313.26 3,749.17 55,856.96 -81.85 -72.84 -82.43 ไตรมาส 1 47,025.52 4,151.91 58,584.56 47,313.27 3,749.16 55,856.96 0.61 -9.70 -4.66 ไตรมาส 2 68,267.80 2,839.99 87,716.26 ไตรมาส 3 72,767.88 2,741.86 85,512.25 ไตรมาส 4 72,548.88 4,072.64 86,025.95 ทีม่ า: ข้อมูลเบื้องต้น จาก MDonlineและMDCenter กรมประมง รวบรวมโดยกองวิจัยและพฒั นาการเพาะเลย้ี ง สัตว์นา้ ชายฝั่ง (เม.ย.63) สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จังหวดั สมทุ รสำคร

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรเกษตรรำยสินค้ำจงั หวัดสมุทรสำคร 2563 (ก้งุ ขำวแวนนำไม) 42 เมื่อพิจารณาผลผลิตกุ้งทะเลแยกตามภูมิภาคการเลี้ยง จะเห็นว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 ผลผลิตกุ้งส่วนใหญ่อยู่ท่ีภาคใต้ตอนบน (26.95%) รองลงมา คือ ภาคตะวันออก (25.02%) ภาคใต้ตอนล่าง ฝ่ังอันดามัน (22.41%) ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย (14.61%) และภาคกลาง (11.01%) ซ่ึงเม่ือเทียบกับผลผลิต ของปีก่อน ผลผลิตกุ้งลดลง (-0.22%) โดยเพ่ิมข้ึนในพ้ืนที่ภาคตะวันออก (0.41%) พื้นที่ภาคกลาง (4.61%) และภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย (11.42%) แต่ลดลงในภาคใต้ตอนบน (-4.37%) และภาคใต้ตอนล่างฝ่ังอันดามัน (-4.59%) สาหรับปี 2563 ผลกระทบจากการระบาดของไวรัสไควิด 2019 คาดวา่ จะทาให้ผลผลิตในภาพรวมลดลง ตารางท่ี 15 ปริมาณผลผลิตกุ้งทะเลจากการเพาะเล้ยี งแบบพัฒนา (ท่ผี ่านระบบ MD) แยกตามรายภาค และชนิดกุ้ง ปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) หนว่ ย : ตนั ม.ค. – ม.ี ค. 63 % การเปลยี่ นแปลง กุง้ ขาว กุ้งกลุ าดา รวม สดั ส่วน (%) เมอ่ื เทยี บกับปี 62 ในชว่ ง เดียวกัน ภาคตะวันออก 12,557.21 220.36 12,777.57 25.02 0.41 ภาคกลาง 5,579.47 42.36 5,621.82 11.01 4.61 ภาคใต้ตอนบน 13,097.11 662.52 13,759.63 26.95 -4.37 ภาคใตต้ อนล่างฝง่ั อันดามนั 8,813.41 2,630.47 11,443.88 22.41 -4.59 ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 7,266.04 193.47 7,459.51 14.61 11.42 รวม 47,313.24 3,749.18 51,062.42 100 -0.22 ท่ีมา : ข้อมูลเบ้ืองต้นจาก MD Online และ MD Center กรมประมง รวบรวมโดย กองวิจัยและพัฒนาการ เพาะเล้ียงสัตวน์ า้ ชายฝงั่ (เม.ย.63) ผลผลิตกุ้งทะเลของไทย ตัน 35,000 30,000 25,000 20,000 ตัน 15,000 10,000 5,000 0 เมย พค มยิ กค สค กย ตค พย ค มค กพ มีค เมย พค มยิ กค สค กย ตค พย ค มค กพ มีค มค กพ มีค กงุ้ ขาว กงุ้ กลุ าดา ภาพท่ี 38 แผนภูมแิ สดงผลผลิตกุง้ ทะเลของไทย สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวัดสมทุ รสำคร

ข้อมูลด้ำนกำรเกษตรรำยสนิ คำ้ จงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (กุง้ ขำวแวนนำไม) 43 1.2 สถานการณร์ าคา ราคากุ้งขาวแวนนาไม ณ ตลาดทะเลไทยเฉล่ียในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 กุ้งทุกขนาดยังคงมี ราคาลดลงจากปีก่อนในช่วงเดียวกัน (ตารางท่ี 3) แต่อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าราคากุ้งในช่วงต้นปีเป็นช่วงที่มี ราคาสงู ท่สี ดุ ในรอบปี เนือ่ งจากผลผลติ ยังมีไม่มากนกั สาหรับราคากุ้งในช่วง 3 เดอื นแรกของ ปี 2563 ยังคงอยู่ ในระดับคอ่ นข้างตา่ เมอ่ื เทียบกบั ปี 2562 เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีความต้องการต่า เพราะมีสินค้าคงคลัง อยมู่ าก กระทบตอ่ ราคากงุ้ ในประเทศ ทาให้การสง่ ออกในชว่ ง 3 เดือนแรกชะลอตวั ตารางท่ี 16 ราคาก้งุ ขาวแวนนาไม ณ ตลาดทะเลไทย ปี 2562– 2563 (ม.ค.-มี.ค.) หน่วย : บาท / กก. เดอื น 50 ตวั /กก. 60 ตัว/กก. 70 ตวั /กก. 80 ตัว/กก. 2562 2563 % Δ 2562 2563 % Δ 2562 2563 % Δ 2562 2563 % Δ ม.ค. 193.75 162.62 -16.07 178.33 156.19 -12.42 166.46 145.24 -12.75 149.17 134.76 -9.66 ก.พ. 183.42 160.80 -12.33 167.11 148.60 -11.08 156.84 139.00 -11.37 144.21 128.80 -10.69 ม.ี ค. 156.30 152.69 -2.31 145.93 139.81 -4.19 140.74 133.85 -4.90 131.11 127.12 -3.04 เม.ย. 160.00 146.00 -8.75 139.77 136.20 -2.55 131.14 130.00 -0.87 121.82 117.60 -3.46 พ.ค. 160.00 140.40 132.60 125.20 ม.ิ ย. 160.00 144.35 137.61 132.39 ก.ค. 160.00 147.88 141.54 134.62 ส.ค. 160.00 147.71 138.33 126.46 ก.ย. 152.80 131.60 119.20 112.80 ต.ค. 150.00 131.60 123.00 113.80 พ.ย. 154.42 146.92 140.00 130.96 ธ.ค. 159.77 153.41 146.59 138.18 เฉลีย่ 162.54 155.53 -4.31 147.92 145.20 -1.84 139.50 137.02 -1.78 130.06 127.07 -2.30 ไตรมาส 1 177.82 158.70 -10.75 163.79 148.20 -9.52 154.68 139.36 -9.90 141.50 130.23 -7.96 ไตรมาส 2 160.00 141.51 133.78 126.47 ไตรมาส 3 157.60 142.40 133.02 124.63 ไตรมาส 4 154.73 143.98 136.53 127.65 ที่มา : ชมรมผู้ค้ากุ้งสมุทรสาคร ตลาดทะเลไทย รวบรวมโดยกลุ่มเศรษฐกิจการประมง กองนโยบายและ ยุท ศาสตรพ์ ัฒนาการประมง ราคากุ้งขาว ณ ตลาดทะเลไทย สมทุ รสาคร ปี 9- 3 ม ค - เม ย 250 230 210 190 170 150 130 110 90 70 50 ตัว กก ตัว กก ตวั กก ตวั กก ตัว กก ตัว กก ตวั กก ภาพท่ี 39 แผนภูมแิ สดงราคากุง้ ขาว ณ ตลาดทะเลไทย สมทุ รสาคร ปี 2559 – 2563 (ม.ค. – เม.ย.) สำนักงำนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมทุ รสำคร

ขอ้ มูลด้ำนกำรเกษตรรำยสินค้ำจงั หวัดสมทุ รสำคร 2563 (ก้งุ ขำวแวนนำไม) 44 1.3 สถานการณก์ ารค้า 1.3.1 การส่งออก ปี 2563 (ม.ค.–มี.ค.) การส่งออกกงุ้ ทะเล (ไม่รวมกงุ้ กา้ มกราม ลอบสเตอร์ และกะป)ิ ของไทย มปี รมิ าณการส่งออก 33,914.21 ตัน คิดเปน็ มูลค่า 9,000.86 ล้านบาท ซง่ึ เมื่อเปรยี บเทยี บกับช่วงเดยี วกนั ของ ปีก่อนการส่งออกมีปริมาณและมูลค่าลดลง 9.41% และ 19.37% ตามลาดับ ตลาดหลักของสินค้ากุ้งและ ผลิตภัณฑ์ของไทย คอื ญป่ี ุ่น สหรัฐฯ จนี อาเซียน เกาหลีใต้ และอ่ืนๆ มีสดั ส่วนของมูลค่าการสง่ ออก 29.67% 26.17% 15.21% 6.38% 4.42% และ 18.15% ตามลาดับ คาดการณ์ว่า ในปี 2563 การส่งออกกุ้งจะมี ปริมาณน้อยกว่ากับปี 2562 เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด 2019 ทาให้เกิดการประกาศสภาวะฉุกเฉินใน หลายประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการขนส่งและการส่งออก ผู้ผลิตทั่วโลกมีปริมาณกุ้งท่ีเตรียมส่งออกตกค้างอยู่ใน ปริมาณมาก พร้อมท่จี ะจาหนา่ ยในราคาต่า สง่ ผลใหร้ าคากุ้งในตลาดโลกออ่ นตวั ลง สาหรับการส่งออกกุ้งขาวแวนนาไม เมื่อพิจารณาถึงการส่งออกกุ้งขาวแวนนาไม ปี 2563 (ม.ค.–มี.ค.) มีปริมาณการส่งออก 24,796.38 ตัน มูลค่า 6,526.01 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71.40% และ 72.59% ของปริมาณและมูลค่าการส่งออกกุ้งทะเลทั้งหมด และเมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อน การ ส่งออกมีปริมาณและมูลค่าลดลง 7.24% และ19.47% ตามลาดับ (ตารางท่ี 4) ตลาดหลัก คือ ญ่ีปุ่น สหรัฐฯ จีน อาเซียน และเกาหลีใต้ คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 27.59% 27.56% 12.98% 4.88% 3.91% และ 23.08 ตามลาดับ ตารางท่ี 17 ปริมาณและมลู ค่าการสง่ ออกกุง้ ทะเล* ปี 2562-63 (ม.ค.-ม.ี ค.) ปริมาณ : ตนั มูลค่า : ลา้ นบาท ม.ค.-ม.ี ค. 62 ม.ค.-มี.ค. 63 % การเปลีย่ นแปลง ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปรมิ าณ มูลคา่ 1. กงุ้ ขาวแวนนาไม 26,731.40 8,103.99 24,796.38 6,526.01 -7.24 -19.47 1.1 กงุ้ สดแชเ่ ย็นแช่แข็ง 14,070.26 3,632.52 15,287.11 3,204.85 8.65 -11.77 - แชเ่ ยน็ จนแข็ง 9,365.67 2,917.78 7,762.62 2,485.17 -17.12 -14.83 - มีชีวิต 2,238.42 371.79 1,158.59 221.62 -48.24 -40.39 - สด แช่เย็น 2,461.21 246.74 6,359.59 350.94 158.39 42.23 - สาหรับทาพันธุ์ 4.96 96.20 6.30 147.12 26.96 52.93 1.2 ปรุงแต่ง 12,661.14 4,471.47 9,509.27 3,321.16 -24.89 -25.73 - บรรจภุ าชนะท่ีอากาศผ่านเข้าออกไมไ่ ด้ 4,087.47 1,608.43 4,078.23 1,530.92 -0.23 -4.82 - ไมบ่ รรจภุ าชนะทอี่ ากาศผ่านเข้าออกไม่ได้ 8,573.67 2,863.04 5,431.04 1,790.23 -36.65 -37.47 2. ก้งุ กลุ าดา 3,002.89 796.29 2,563.71 688.81 -14.63 -13.50 2.1 กุ้งสดแช่เยน็ แชแ่ ข็ง 2,915.34 769.72 2,490.45 666.73 -14.57 -13.38 - แช่เย็นจนแข็ง 476.74 146.88 855.13 276.01 79.37 87.91 - มชี วี ิต 2,435.99 600.93 1,591.18 345.89 -34.68 -42.44 - สด แช่เย็น 2.04 0.69 43.00 7.44 2,007.60 982.86 - สาหรบั ทาพนั ธ์ุ 0.57 21.23 1.15 37.39 100.17 76.17 2.2 ปรงุ แตง่ 87.55 26.56 73.26 22.08 -16.32 -16.88 - บรรจุภาชนะที่อากาศผ่านเข้าออกไม่ได้ 12.83 2.63 13.09 4.07 2.05 55.02 - ไม่บรรจภุ าชนะที่อากาศผ่านเขา้ ออกไมไ่ ด้ 74.72 23.94 60.17 18.01 -19.47 -24.78 3. กงุ้ นาเยน็ 266.77 143.52 203.94 95.63 -10.98 -6.04 3.1 กงุ้ สดแช่เยน็ แช่แขง็ 266.77 143.52 203.94 95.63 -10.98 -6.04 - แชเ่ ยน็ จนแขง็ 266.77 143.52 203.94 95.63 -10.98 -6.04 4. กุ้งอ่นื ๆ 2,768.74 878.25 1,863.58 522.52 -32.69 -40.50 4.1 กงุ้ สดแชเ่ ย็นแช่แข็ง 2,029.19 608.70 1,578.78 416.98 -22.20 -31.50 - แช่เย็นจนแขง็ 1,667.86 510.14 1,135.95 307.90 -31.89 -39.64 - มีชีวติ 63.07 24.66 69.42 27.36 10.05 10.98 สำนกั งำนเกษตรและสหกรณจ์ ังหวดั สมุทรสำคร

ขอ้ มลู ด้ำนกำรเกษตรรำยสินคำ้ จังหวดั สมุทรสำคร 2563 (กุ้งขำวแวนนำไม) 45 ม.ค.-ม.ี ค. 62 ม.ค.-ม.ี ค. 63 % การเปลยี่ นแปลง ปริมาณ มลู คา่ ปรมิ าณ มลู ค่า ปรมิ าณ มูลค่า - สด แชเ่ ย็น 214.11 8.86 278.35 10.27 30.00 15.90 - สาหรับทาพันธุ์ - - -- -- - กงุ้ นง่ึ หรือต้ม 84.15 65.05 95.06 71.44 12.97 9.83 4.2 ปรุงแตง่ 739.55 269.55 284.80 105.54 -61.49 -60.84 - บรรจุในภาชนะทอ่ี ากาศผา่ นเข้าออกไมไ่ ด้ 75.00 25.28 59.20 15.55 -21.06 -38.46 - ไม่บรรจภุ าชนะที่อากาศผ่านเข้าออกไมไ่ ด้ 664.56 244.27 225.60 89.99 -66.05 -63.16 5. อื่นๆ 4,668.60 1,241.77 4,486.60 1,167.89 17.14 15.55 - บรรจุในภาชนะที่อากาศผ่านเข้าออกไมไ่ ด้ 23.37 19.27 20.20 15.78 0.72 8.69 - ไม่บรรจุภาชนะทอ่ี ากาศผ่านเข้าออกไมไ่ ด้ 211.17 71.15 154.91 46.18 -45.72 -48.89 - ปรงุ แต่งอื่นๆ 4,434.06 1,151.35 4,311.49 1,105.94 24.11 25.48 รวม 37,438.40 11,163.82 33,914.21 9,000.86 -6.17 -10.77 หมายเหตุ :* หมายถึง ก้งุ ขาวแวนนาไม กุ้งกุลาดา กุ้งนา้ เย็น และกงุ้ อื่นๆ (ไม่รวมก้งุ กา้ มกราม ลอบสเตอร์ และกะป)ิ ท่ีมา : กลุ่มวิเคราะห์การค้าสินค้าประมงระหว่างประเทศ กองนโยบายและยุท ศาสตร์พัฒนาการประมง ประมวลขอ้ มลู จากกรมศุลกากร ตลาดสง่ ออกที่สาคัญ (1) สหรฐั อเมริกา ปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) ไทยมีการส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐอเมริกา ปริมาณ 8,611 ตัน มูลค่า 2,921 ล้านบาท การส่งออกลดลงท้ังปริมาณและมูลค่า -15.11% และ -16.74% ตามลาดับ รายละเอียดตาม ตารางท่ี 18 สาหรบั การนาเข้ากงุ้ ของสหรฐั อเมรกิ าในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 สหรฐั ฯ มีการ นาเข้าปริมาณ 116,673.22 ตัน มูลค่า 1,005.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีท่ีผ่านมา 19.78% และ 19.11% ตามลาดับ โดยนาเข้าจากประเทศผู้ผลิตหลัก ได้แก่ อินเดีย 48,969.56 ตัน (+30.17%) อินโดนีเซีย 24,147.31 ตัน (+25.43%) เอกวาดอร์ 17,117.98 ตัน (+53.75%) เวียดนาม 7,224.94 ตัน (+7.08%) และ ไทย 4,694.35 ตัน (-21.09%) การเปล่ียนแปลงรูปแบบการบริโภคอาหารทะเลจาก food service เป็น retail และconsumer channels (ออนไลน์) จะดาเนินต่อไปจนกว่าการระบาดของ COVID-19 ในประเทศจะอยู่ภายใตก้ ารควบคุม (INFOFISH 6-7/2020) ตารางท่ี 18 การสง่ ออกก้งุ ของไทยไปสหรฐั อเมริกา ปี 2551-2563 (ม.ค.-มี.ค.) มลู ค่า (ล้านบาท) 42,496 ปี ปรมิ าณ (ตนั ) 44,750 47,208 2551 177,845 50,577 2552 183,455 33,764 2553 192,513 26,850 2554 176,742 26,771 2555 123,908 2556 76,905 2557 65,275 สำนักงำนเกษตรและสหกรณจ์ งั หวัดสมทุ รสำคร