Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการตามพระราชดำริ ในอำเภอแก่งกระจาน

โครงการตามพระราชดำริ ในอำเภอแก่งกระจาน

Published by นอหนู จันทร์นาค, 2021-11-30 03:22:26

Description: โครงการตามพระราชดำริ ในอำเภอแก่งกระจาน

Search

Read the Text Version

โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ หรือ โครงการอนั เกี่ยวเนือ่ งจากราชวงศ์ ในอาเภอแกง่ กระจาน จังหวัดเพชรบรุ ี จัดทำโดย ห้องสมุดประชำชนอำเภอแก่งกระจำน จงั หวดั เพชรบรุ ี

คานา โครงกำรอันเนื่องมำจำกพระรำชดำริน้ันได้รับกำรริเริ่มขึ้นต้ังแต่พระบำท สมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย รำชสมบัติได้ไม่นำน โดยงำนสังคมสงเครำะห์ส่วนใหญ่จะเป็นพระรำชดำรัสด้ำนกำรแพทย์ที่พระรำชทำน ควำม ช่วยเหลือเพือ่ บรรเทำปัญหำเฉพำะหน้ำในระยะแรกนั้นโครงกำรอันเนื่องมำจำก พระรำชดำริ มีลักษณะกำรดำเนินกำร ศึกษำค้นคว้ำและทดลองเป็นกำรส่วนพระองค์ เพื่อเตรียมพระองค์ด้ำนข้อมูลและควำมรู้ที่จะทรงนำไปประยุกต์ใช้ใน กำรแก้ ปัญหำและเผยแพร่วิทยำกำรสู่เกษตรกร โดยเริ่มโครงกำรจำกในเขตพื้นที่รอบๆ ที่ประทับในส่วนภูมิภำคก่อน จำกน้ันจึงขยำยขอบเขตออกไปสู่พื้นที่เกษตรกรรมทีก่ ว้ำงข้ึน ภำยใต้หลักกำรทำงำนที่สำคัญคือ โครงกำรฯ ต้องสำมำรถแก้ไขปัญหำเฉพำะหน้ำที่รำษฎรกำลังประสบอยู่ได้ อย่ำงรีบด่วนและมี ผลในระยะยำย โดยทีก่ ำรพฒั นำนั้นต้องเป็นไปตำมลำดับข้ันตอนตำมควำมจำเป็นและประหยัด ผู้ที่ ได้รับประโยชน์คือ ประชำชนที่สำมำรถ \"พึ่งพำตนเองได้\" ในที่สุด ควบคู่ไปกับกำรอนุรักษ์และพัฒนำ ทรัพยำกรธรรมชำติ โดยมีขั้นตอนในกำรดำเนินงำนต้ังแต่กำรศึกษำข้อมูลพื้นฐำน เช่น สภำพภูมิประเทศ สภำพภูมิอำกำศ แหล่งน้ำ และกำรประกอบอำชีพ ก่อนที่จะเสด็จพระรำชดำเนินไปยังพื้นที่ เพื่อสำรวจและเก็บข้อมูลจริงจำกประชำชนและ เจ้ำหน้ำที่ประจำท้องถิ่น แล้วจงึ ทรงวำงแผนพัฒนำและพระรำชทำนข้อเสนอแนะให้รัฐบำลร่วมดำเนินกำรตำมพระ รำช ดำริในโครงกำรต่ำงๆ โดยพระองค์เสด็จฯ ร่วมทรงงำนกับหน่วยงำนของรัฐทกุ ฝ่ำย ท้ังพลเรือน ตำรวจ ทหำร เพื่อแก้ไข ปัญหำต่ำงๆ อย่ำงจริงจัง ซึ่งแต่ละโครงกำรมีกำหนดเวลำในกำรปฏิบัติกำรให้เสร็จสิ้นในระยะเวลำอันส้ัน หำกเป็น โครงกำรระยะยำวจะมีเวลำดำเนินงำนตั้งแต่ 5 ปีขึน้ ไป

1. โครงการหมู่บา้ นสหกรณห์ ว้ ยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง-ป่าละอู โครงกำรหมู่บ้ำนสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่ำเด็ง-ป่ำละอู อยู่ที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นโครงกำร ชว่ ยเหลือแก่ชำวไทยภเู ขำเผำ่ กระเหรีย่ ง มีวตั ถุประสงค์ที่จะรวบรวมชำวไทยเผ่ำกระเหรี่ยงที่กระจัดกระจำยให้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ง่ำยต่อกำร ควบคุมดูแล และเพื่อตอ้ งกำรไม่ให้มีกำรตัดไม้ทำลำยป่ำอนั เปน็ แหลง่ ต้นนำ้ ลำธำร ตลอดจนกำรจัดหำเครือ่ งอปุ โภคบริโภค และส่งเสริมอำชีพ กำรเกษตร ท้ังในด้ำนกำรผลิตและกำรตลำด สหกรณ์ในพื้นที่โครงกำรหมู่บ้ำนสหกรณ์ห้วยสัตวใหญ่ ได้แก่ สหกรณ์กำรเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด, สหกรณ์กำรเกษตรหนองพลับรุ่งเรือง จำกดั และสหกรณ์โคนมไทย-เดนมำร์คหว้ ยสตั ว์ใหญ่ จำกดั

ความเป็นมา บริเวณที่รำบเชิงเขำทำงด้ำนทิศตะวันตกของตำบลหนองพลับ ปัจจุบันคือตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตำม เทือกเขำตะนำวศรี เป็นเขตแดนระหว่ำงประเทศไทย กับประเทศสำธำรณรัฐสังคมนิยมสหภำพพม่ำ มีชำวไทยภูเขำเผ่ำกระเหรี่ยง ต้ังบ้ำนเรือน อยู่กระจัดกระจำยท่ัวไป ประกอบอำชีพทำไร่เลื่อนลอย ล่ำสัตวห์ ำของป่ำ ในปี พ.ศ. 2510 พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช บรมนำถบพิตร ทรงรับส่ังให้ตำรวจพลร่มค่ำยนเรศวรหัวหิน ให้กำร ช่วยเหลือแก่ชำวไทยภูเขำเผ่ำกระเหรี่ยง โดยกำรจัดต้ังชุดพัฒนำกำรขึ้น 2 ชุด คือ ชุดพัฒนำ 712 ที่บ้ำนป่ำละอูบน อำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรขี นั ธ์และชุดพฒั นำกำร 713 ทีบ่ ้ำนปำ่ เด็ง อำเภอแกง่ กระจำน จังหวดั เพชรบรุ ี โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะรวบรวมชำวไทยเผ่ำกระเหรี่ยง ที่กระจัดกระจำยให้อยู่ รวมกันเป็นกลุ่ม ง่ำยต่อกำรควบคุมดูแล และเพื่อต้องกำรไม่ให้มีกำรตัดไม้ทำลำยป่ำอันเป็นแหล่งต้นน้ำลำธำร ตลอดจนกำรจัดหำเครื่องอุปโภคบริโภค และสง่ เสริมอำชีพกำรเกษตร ท้ังในด้ำนกำรผลติ และกำรตลำด ตอ่ มำในระยะหลงั มีปญั หำกำรก่อกำรร้ำยขึน้ มำอีก โดยผกู้ ่อกำรร้ำยคอมมิวนิสต์ ได้ซุ่มโจมตีตำรวจพลร่มค่ำยนเรศวรที่ปฏิบัติกำรอยู่ใน พื้นที่ชำยแดนบ้ำนห้วยสัตว์ใหญ่ ก่อให้เกิดควำมเสียหำยท้ังชีวิตและทรัพย์สินแก่ฝ่ำยเจ้ำหน้ำที่ตำรวจ รำษฎร รวมท้ังฝ่ำยตรงข้ำม ดัง น้ัน ใน ครำวเสด็จแปรพระรำชฐำนมำประทับ ณ พระรำชวังไกลกังวลหัวหิน เมื่อวันที่ 18 มีนำคม 2520 พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดช มหำรำช บรมนำถบพิตร ทรงมีพระรำชดำรัสว่ำ “มีพระราชประสงค์ที่จะให้ชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยงมาอยู่เป็นกลุ่มเดียวกันและให้ ทาง ราชการช่วยเหลือด้านการทามาหากิน และประกอบอาชีพ ตลอดจนการรักษาพยาบาล และการศึกษา ไม่ได้คิดที่จะดาเนินการตัดถนนข้ามเข้า ไปในพื้นที่ดงั กล่าว” เพื่อพัฒนำคณุ ภำพชีวิตให้ดีขนึ้ จำกกระแสพระรำชดำรัสดังกล่ำว กระทรวงมหำดไทยจึงได้จัดทำโครงกำรหมู่บ้ำนสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ขึ้นเสนอคณะรัฐมนตรีพิจำรณำ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ดำเนินกำรโครงกำรหมู่บ้ำนสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อวันที่ 4 พฤษภำคม 2520 โดยสำนักงำนเร่งรัดพัฒนำชนบทได้เร่งดำเนินกำรตำม โครงกำรฯ เมื่อวันที่ 19 พฤษภำคม 2520 เป็นต้นมำ ปัจจุบันอยู่ในกำรกำกับดูแลโดย กรมธนำรักษ์ ในปจั จุบันมีสินค้ำที่เปน็ ทีร่ ู้จักในชื่อ ทุเรียนป่าละอู ซง่ึ บริหำรงำนโดยโครงกำรหมู่บ้ำนสหกรณห์ ้วยสัตว์ใหญ่ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอ หวั หนิ จงั หวดั ประจวบครี ีขันธ์ มีจำนวนตน้ ทุเรียนมำกกว่ำ 15,000 ต้น

วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อจัดสรรที่ดินทำกินให้รำษฏรที่ยำกจนในรูปกำรจัดหมู่บ้ำนสหกรณ์ โดยรวมกลุ่มชำวไทยเผ่ำกระเหรี่ยงที่กระจัดกระจำยในเขต พื้นทีโ่ ครงกำรให้อยู่แหลง่ เดียวกนั เพื่อส่งเสริมอำชีพของชำวไทยเผ่ำกระเหรี่ยงโดยกำรจัดหำพื้นที่ที่เหมำะสม รวมทั้งกำรส่งเสริมอำชีพท้ังใน ด้ำนกำรผลิตและกำรจดั จำหนำ่ ย เพื่อให้มีอำชีพทำงกำรเกษตรทีม่ ั่นคง 2. เพื่อป้องกันกำรตดั ไม้ทำลำยป่ำ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งป่ำไม้อันเปน็ แหล่งตน้ นำ้ ลำธำร 3. สนับสนุนกำรรักษำควำมปลอดภัยของชำติในบริเวณชำยแดน เพื่อป้องกันภัยคุกคำมจำกลัทธิกำรเมืองที่อำจจะเป็นกำรบ่อน ทำลำยอธิปไตย และควำมมั่นคงของชำติ ตลอดจนส่งเสริมและจรรโลงไว้ซ่ึงวัฒนธรรม และจำรีตธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่น ให้คงอยู่ สืบไป

“โครงการหมบู่ า้ นสหกรณ์หว้ ยสตั วใ์ หญ่ตามแนวพระราชดาร”ิ http://arit.pbru.ac.th/localPhet/index.php/cultural-place/royal-project/121-2021-08-03-09-05-11?start=1

2. โครงการแก้ไขปัญหาชา้ งปา่ ตามแนวพระราชดาริ บา้ นป่าเด็ง ตาบลป่าเด็ง อาเภอแกง่ กระจาน จงั หวัดเพชรบรุ ี

ความเปน็ มา สมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิต์ิ พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพันปีหลวง ได้มีพระรำชเสำวนีย์กับ พลเอก นพดล วรรธโนทัย ณ พระตำหนักจิตรลดำรโหฐำน พระรำชวังดุสิตเมื่อวันที่ 5 มกรำคม 2555 ควำมโดยสรุปว่ำ “...ช้ำงเป็นสัตว์ที่พระบำทสมเด็จพระบรม ชนกำธิเบศรมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร ทรงรัก ทรงห่วงใย โดยเฉพำะช้ำงทำงกุยบุรีและแก่งกระจำน ทรงห่วงใยมำตลอด ทรงช่วยหำที่อยู่ ที่กินให้ช้ำง จะได้ไม่รบกวนคน คนกับช้ำงจะได้มีปัญหำกันน้อยที่สุด เช่น ที่กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ช้ำงมีควำมสำ คัญมำแต่ คร้ังประวัติศำสตร์ เคยช่วยรักษำบ้ำนเมือง กู้บ้ำนกู้เมือง ดังน้ัน ขอให้ช่วยกันดูแล มิให้ช้ำงถูกฆ่ำอย่ำงทำรุณเยี่ยงนี้ เพื่อจะได้ไม่ผิดพระรำช ประสงค์ ทีพ่ ระบำทสมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร ตั้งพระทัยที่จะให้มีกำรอนุรักษ์ช้ำง ให้เป็นสัตว์คู่แผ่นดินสืบไป ...”สมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิต์ิ พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพนั ปีหลวง ได้มีพระรำชเสำวนีย์กับ ท่ำนผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทำภิวัฒน์ ท่ำนผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ และ พลเอกนพดล วรรธโนทัย ณ พระตำหนักจิตรลดำรโหฐำน พระรำชวังดุสิต เมื่อวันที่ 24 กุมภำพันธ์ 2555 ควำมโดยสรุปว่ำ “...ขอให้ร่วมมือ กับ แม่ทัพภำคที่ 1 และ ดร.ธวัชชัย สันติสุขด ำเนินกำร เรื่อง กำรปลูกพืชอำหำรช้ำง กำรปลูกต้นไม้ให้เป็นป่ำมีที่อยู่ที่กินของช้ำงที่ แก่งกระจำน เชน่ เดียวกับทีก่ ยุ บรุ ี...” ผลการดาเนินงาน กรมอุทยำนแหง่ ชำติสตั ว์ป่ำ และพนั ธพ์ุ ืช ดำเนินกำรจัดหำและรวบรวมพืชอำหำรช้ำง (ไผ่พันธ์ุท้องถิ่น) จำนวน 40,000 กล้ำ ปรับปรุง แหล่งน้ำสำหรับสัตว์ป่ำ ขนำด 1,000 ลูกบำศก์เมตร จำนวน 2 แห่ง ปรับปรุงทุ่งหญ้ำสำหรับเป็นแหล่งอำหำรสัตว์ป่ำ จำนวน 200 ไร่ ปรบั ปรงุ แหล่งอำหำรสตั ว์ป่ำ (โป่งเทียม) จำนวน 20 แหง่

จดั หาและรวบรวมพืชอาหารช้างป่า (ไผ่พนั ธ์ุท้องถิน่ ) ปรบั ปรุงแหล่งนา้ สาหรับสัตว์ป่า ขนาด 1,000 ลกู บาศก์เมตร

ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ ชว่ ยเพม่ิ แหล่งน้ำ แหลง่ อำหำร และที่อยู่อำศัยของชำ้ งป่ำ รวมท้ังสัตว์ป่ำอื่น ส่งผลให้ช้ำงป่ำไม่ออกจำกปำ่ มำกินพืชผลกำรเกษตร ของรำษฎร ลดกำรกระทบกระท่ังระหวำ่ งคนกบั ชำ้ งป่ำ นอกจำกน้ี รำษฎรได้มีส่วนร่วมในกำรดำเนนิ งำน เกิดจติ สำนกึ ในกำรอนุรักษ์ชำ้ งปำ่ และสัตวป์ ่ำ ตลอดจนทรพั ยำกรธรรมชำตติ ำ่ ง ๆ ปรับปรุงทุ่งหญ้าสาหรบั เป็นแหล่งอาหารสัตว์ป่า ร่องรอยเท้าช้างและสตั วป์ ่าทีม่ ากินโป่งเทียม

3. โครงการพัฒนาห้วยแมเ่ พรียงตามแนวพระราชดาริ แนวพระราชดาริ “กำรพัฒนำจะต้องเป็นไปตำมภูมิประเทศของภูมิศำสตร์ และภูมิประเทศทำงสังคมศำสตร์ในสังคมวิทยำ ภูมิประเทศทำง สังคมวิทยำ คือ นิสัยใจคอของคนเรำ จะไปบังคับให้คนอื่นคิดอย่ำงอื่นไม่ได้ แต่ถ้ำรำ เข้ำไปแล้ว เรำเข้ำไปดูว่ำเขำต้องกำร อะไร จริง ๆ แล้วก็อธิบำยให้เขำเข้ำใจหลักกำรของกำรพัฒนำน้ี กจ็ ะเกิดประโยชน์อย่ำงยิง่ ...”

ลกั ษณะโครงการ โครงกำรพัฒนำห้วยแม่เพรียงตำมพระรำชดำริน้ี เกิดขึ้นหลังจำกค่ำยฝึกกำรรบพิเศษแก่งกระจำน หรือกองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 1 ซ่ึงมีที่ต้ังอยู่ ณ อำเภอแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี ก่อสร้ำงเสร็จแล้วและบรรจุกำลังพลเข้ำปฏิบัติหน้ำที่เรียบร้อย ตั้งแต่ พ .ศ. 2519 กองทัพภำคที่ 1 ก็ได้มอบให้ทำงค่ำยฯ ดำเนินกำรฝึกหลักสูตรกำรรบพิเศษ ส่งผลทำให้ค่ำยฝึกรบพิเศษแก่งกระจำน จำเป็นต้องใช้พื้นที่ ขนำดใหญ่ เพรำะหน่วยที่เข้ำรับกำรฝึกอบรมต้องมีควำมปลอดภัยพอสมควร ขณะเดียวกันก็ใช้ประโยชน์ในกำรหำข่ำวและระวังป้องกัน ที่ตง้ั หนว่ ยให้ปลอดภัยจำกผู้ก่อกำรร้ำย ดงั นน้ั ในกำรจัดทำกำรฝึกจึงกำหนดให้ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบใน รัศมี 50-100 กิโลเมตร ซ่ึงจำก ปฏิบัตกิ ำรดงั กล่ำว ทำให้ทำงค่ำยพบกำรบกุ รุกพื้นทีเ่ ขตป่ำสงวนและกำรตดั ไม้ทำลำยป่ำอีกต่อไป โดยกำหนดขอบเขตตำมสภำพพื้นที่เป็น จริงในขณะนน้ั พรอ้ มกบั เตรียมกำรจัดสรรทีด่ นิ ให้เป็นที่ทำกินของรำษฎร อย่ำงถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในกำรควบคุมและตรวจสอบท้ังด้ำน กำรปกครอง พื้นที่เป็นจริงในขณะนนั้ พร้อมกบั เตรียมกำรจัดสรรที่ดินให้เป็นที่ทำกินของรำษฎรอย่ำงถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในกำรควบคุม และตรวจสอบท้ังด้ำนกำรปกครองสงั คม กำรเมือง และอื่นๆ “พื้นที่บริเวณต้นน้ำเหนือเขื่อนกักเก็บน้ำแก่งกระจำน สภำพป่ำไม้ส่วนใหญ่ยัง ดีอยู่ แต่จะถูกทำลำยเพ่ิมมำกขึ้น เพรำะมีสัมปทำนให้บริษัทนำ ไม้ออก และมีรำษฎรเข้ำไปบุกเบิกพื้นที่ทำกินเพ่ิมขึ้น กำรนำไม้ออกนั้ น ในทำงปฏิบัติจะไม่เป็นไปตำมทฤษฎีที่จะยังคงรักษำสภำพพื้นที่ป่ำไว้ได้ ดังน้ันในกำรให้สัมปทำนนำไม้ออก ควรพิจำรณำพื้นที่แยกเป็น บริเวณลุ่มน้ำของแต่ละลำน้ำโดยละเอียดและรอบคอบ เพื่อพิจำรณำสัมปทำนให้แต่ละบริเวณ ส่วนกำรแก้ไขปัญหำเรื่องรำษฎรเข้ำไป บุกเบิกพื้นที่ป่ำเพื่อเป็นที่ทำกินน้ัน ควรดำเนินกำรให้เปลี่ยนจำกกำรที่รำษฎรบุกรุกเข้ำไปทำลำยพื้นที่ป่ำโดยไม่มี กำรควบคุม ให้เ ป็นกำร จัดสรรที่ดินในพื้นที่ป่ำ ให้รำษฎรเข้ำทำกินโดยมีกำรควบคุมคือให้พิจำรณำพื้นที่ป่ำในลุ่มน้ำของลำห้วยต่ำงๆ เลือกบริเวณที่ค่อนข้ำงรำบ เนื้อดินเหมำะแก่กำรเพำะปลกู และมีแหล่งนำ้ ที่จะทำกำรชลประทำนได้ ซ่ึงเหมำะที่จะเปิดเป็นพื้นที่เพำะปลูกจัดสรรให้รำษฎรได้เข้ำทำกิน และจัดพื้นที่ป่ำติดตอ่ กนั บริเวณเชิงเขำให้เป็นป่ำใชส้ อยปลูกไม้โตเร็ว เพือ่ ให้รำษฎรมีไม้ใช้ทำฟืนและประโยชนอ์ ื่น ๆ

ส่วนพื้นที่บนไหล่เขำขึ้นไปให้รกั ษำไว้เป็นป่ำต้นน้ำลำธำร อบรมรำษฎรที่จัดให้เข้ำทำกินในพื้นที่จัดสรร ให้รักและหวงแหนป่ำไม้ ตน้ นำ้ ให้ร่วมกนั คมุ้ ครองรกั ษำไม่ให้ผู้อืน่ มำทำลำย จดั ให้รำษฎรในพื้นที่ดินจัดสรรร่วมกันต้ังเป็นสหกรณ์ต่อไป อำจมอบหมำย ให้หลำย ๆ สหกรณ์ร่วมกันเป็นผู้รับสัมปทำนกำรทำไม้ ออกของป่ำบริเวณน้ันก็ได้ เพื่อเป็นกำรสนองพระรำชดำริดังกล่ำว หน่วยงำนต่ำง ๆ จึงจัดตั้งโครงกำรขึ้น ที่ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี โดยในระยะแรกใช้ชื่อ โครงกำรว่ำ “โครงกำรหมู่บ้ำนสหกรณ์ค่ำยฝึกรบพิเศษแก่งกระจำนอุปถัมภ์(ห้วยแม่เพรียง)” ต่อมำจึงได้ เปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการพัฒนาหว้ ยแม่เพรียงตามพระราชดาริ” เพือ่ ควำมเหมำะสม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนำทำงด้ำนจติ ใจของรำษฎรให้มีควำมรกั สมัครสมำนตอ่ กนั 2. เพื่อพฒั นำควำมรู้ทำงด้ำนวชิ ำกำร เทคนิคกำรเกษตรกรรม อุตสำหกรรมในครวั เรือนสมัยใหม่ให้แกร่ ำษฎร 3. เพือ่ จัดรูปทีด่ ินให้รำษฎรทำกิน เพื่อป้องกนั กำรบกุ รุกทำลำยป่ำ 4. พัฒนำที่ดนิ ทำกินของรำษฎรใหม้ ีควำมสมบูรณ์ มีแหลง่ นำ้ สิ่งสำธำรณปู โภค สำธำรณูปกำรทีจ่ ำเปน็ แกก่ ำรดำรงชพี ใช้ระบบ ชลประทำนย่อยโดยใชว้ ัสดแุ ละทรพั ยำกรท้องถิ่นเป็นหลัก 5. พัฒนำให้รำษฎรรวมตัวกันในรปู สถำบันเกษตรกร หรือระบบสหกรณ์ 6. เพือ่ จัดตงั้ เป็นหมู่บ้ำนป้องกันตนเองไทย-พม่ำ ในพื้นทีโ่ ครงกำร ฯ

4. แผนพฒั นาชนบทเชิงพืน้ ทีป่ ระยุกต์ตามพระราชดาริ บา้ นโปง่ ลึก-บางกลอย อาเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบรุ ี : โดยมูลนิธิปิดทองหลงั พระ สืบสานแนว พระราชดาริ ความเป็นมา ใจกลำงป่ำแก่งกระจำน ป่ำที่มีควำมอดุ มสมบรู ณ์สงู และมีควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ จนได้รับกำรประกำศให้เป็น 1 ใน 25 ผืนป่ำสำคญั ของโลก คือ ทีต่ ั้งของบ้ำนโป่งลึกและบ้ำนบำงกลอย ที่อยู่อำศัยของชำวกะเหรีย่ งเกือบพันชวี ิตทีต่ ้องดำรงชีพอยู่อย่ำงอด อยำกและยำกลำบำก ขำดแคลนปัจจัยพื้นฐำนทุกอย่ำง ท้ังที่อยู่อำศัย อำหำร เครื่องนุ่งห่ม ยำรักษำโรค และอำชีพเลี้ยงชีวิต แม่น้ำ เพชรบุรีอันอุดมสมบรู ณ์อยู่ต่ำกว่ำพื้นที่ทำกินของหมู่บ้ำนถึง 50 เมตร จึงไม่อำจใช้ประโยชน์ จำกน้ำได้ พื้นที่รำบที่จะเพำะปลูกได้ ก็มีน้อย ยำมฝนตกดี ผลผลิตข้ำวก็ยังได้เพียง 20 ถังต่อไร่ ไม่พอต่อกำรบริโภค ชำวบ้ำนมำกกว่ำร้อยละ 20 เป็นประชำกรตก สำรวจ

เมื่อหน่วยงำนของรัฐเข้ำมำไม่ถึง เพรำะใจกลำงป่ำแก่งกระจำน ป่ำที่มีควำมอุดมสมบูรณ์สูงและมีควำมหลำกหลำยทำง ชวี ภำพ จนได้รับกำรประกำศให้เปน็ 1 ใน 25 ผืนป่ำสำคญั ของโลก คือ ทีต่ งั้ ของบ้ำนโป่งลึกและบ้ำนบำงกลอย ที่อยู่อำศยั ของชำว กะเหรี่ยงเกือบพันชีวิตที่ต้องดำรงชีพ อยู่อย่ำงอดอยำกและยำกลำบำก ขำดแคลนปัจจัยพื้นฐำนทุกอย่ำง ทั้งที่อยู่อำศัย อำหำร เครือ่ งนุ่งห่ม ยำรักษำโรค และอำชพี เลยี้ งชวี ิต แม่นำ้ เพชรบรุ ีอนั อดุ มสมบรู ณอ์ ยู่ตำ่ กว่ำพื้นทีท่ ำกินของหมู่บ้ำนถึง 50 เมตร จึงไม่ อำจใชป้ ระโยชน์จำกนำ้ ได้ พื้นที่รำบที่จะเพำะปลูกได้ก็มีน้อย ยำมฝนตกดี ผลผลิตข้ำวก็ยังได้เพียง 20 ถังต่อไร่ ไม่พอต่อกำร บริโภค ชำวบ้ำนมำกกว่ำร้อยละ 20 เป็นประชำกรตกสำรวจ เมื่อหน่วยงำนของรฐั เข้ำมำไม่ถึง เพรำะควำมห่ำงไกลทุรกันดำร หลำยคนจงึ เสียสทิ ธิกำรเปน็ พลเมืองไทย ยำมเจ็บป่วยต้องเดินเท้ำเกือบท้ังวัน หรือถึงมีรถก็ต้องใช้เวลำเกือบสำมชั่วโมงกว่ำจะ ถึงตวั จังหวดั เพชรบรุ ี กำรขำดแคลนน้ำและพื้นที่ทำกิน ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องออกมำทำงำนรับจ้ำง บ้ำงเก็บมะนำว บ้ำงก็รับจ้ำงสำรพัดใน เมือง คนทั้งสองหมู่บ้ำนจงึ มีรำยได้เฉลีย่ ต่อครอบครวั เพียง 43,300 บำทตอ่ ปี โดยร้อยละ 76 ของรำยได้ มำจำกกำรรบั จำ้ ง รำยได้จำกกำรเกษตรมีเพยี งร้อยละ 7 เท่ำนน้ั ส่วนรำยจ่ำยเฉลี่ยอยู่ที่ครอบครัวละ 32,700 บำทตอ่ ปี ครึ่งหน่ึงเป็นค่ำข้ำวสำร กับค่ำอำหำร และมีหนสี้ ินเฉลี่ยอยู่ทีค่ รอบครัวละ 6,700 บำท

ขณะที่คนในหมู่บ้ำนอยู่อย่ำงยำกลำบำก ป่ำแก่งกระจำนเองก็เผชิญกับวิกฤตไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ำกัน เมื่อพื้นที่ป่ำและสัตว์ ป่ำถกู เบียดเบียนอย่ำงหนกั รวมทั้งมีเหตุกำรณ์รุนแรงเกิดขึ้นอย่ำงตอ่ เนือ่ ง กำรถือกฎหมำยคนละฉบับของเจ้ำหน้ำที่ผู้ปฏิบัติแต่ละฝ่ำย ทำให้สถำนกำรณ์ควำมขัดแย้งในพื้นที่ลุกลำมบำนปลำย จำกปญั หำกำรบกุ รกุ ป่ำ ปัญหำควำมยำกจนในพื้นที่ ปญั หำชนกลุ่มนอ้ ย ปญั หำควำมม่ันคงตำมแนวชำยแดน ปัญหำทัศนคติ ซง่ึ เป็นปญั หำภำยใน ขยำยไปสู่ปญั หำสิทธิมนษุ ยชนซึ่งเปน็ ปัญหำในระดับนำนำชำติ ท้ังหมดน้ีโหมกระพือให้สถำนกำรณ์ในพื้นที่ แก่งกระจำนดูเสมือนว่ำจะไม่สำมำรถหำหนทำงออกของปญั หำเหล่ำนไี้ ด้ แนวทางที่กาหนด สถำนกำรณ์ที่น่ำอึดอัดนี้คลี่คลำยได้เมื่อทุกฝ่ำยหันหน้ำมำร่วมมือกัน โดยมีสถำบันส่งเสริมและพฒั นำกิจกรรม ปิดทอง หลังพระ สืบสำนแนวพระรำชดำริ เป็นคนกลำงประสำนงำนให้เกิดกำรประชุมร่วมกันของจงั หวดั เพชรบรุ ี กระทรวงมหำดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักรำชเลขำธิกำร สำนกั พระรำชวงั กองทัพบก และมลู นธิ ิแม่ฟ้ำหลวงในพระบรมรำชปู ถมั ภ์ กำรแก้ปัญหำให้คนและป่ำแก่งกระจำนเริ่มต้นในเดือนเมษำยน 2554 โดยผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเพชรบุรีมีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมกำรโครงกำรจังหวัดขยำยผลปิดทองหลังพระฯ จังหวัดเพชรบุรี 2 คณะ คือ คณะกรรมกำรอำนวยกำร ระดับ จังหวัด มีผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเพชรบุรีเป็นประธำน และคณะกรรมกำรปฏิบัติกำรระดับพื้นที่ มีนำยอำเภอแก่งกระจำน เป็น ประธำน 27 มิ.ย. พ.ศ. 2555 คณะกรรมกำรสถำบันส่งเสริมและพัฒนำกิจกรรมปิดทองหลังพระฯ มีมติอนุมัติกำรดำเนินงำน เพื่อพัฒนำและแก้ไขปัญหำเชิงพื้นที่ บนพื้นฐำนบูรณำกำรควำมร่วมมือทุกภำคส่วนที่เกี่ยวข้องและกำรมีส่วนร่วมของชำวบ้ำน กำรทำควำมเข้ำใจระหว่ำงหน่วยงำนทั้งหมด และกับชำวบ้ำนโป่งลึก-บำงกลอยที่ลุกขึ้นมำร่วมด้วยอย่ำงแข็งขัน ทำให้กำร จัดทำแผนพัฒนำชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตำมพระรำชดำริสำเร็จเป็นรูปธรรมในเวลำเพียง 2 เดือน และได้รับกำรอนุมัติ กระทรวงมหำดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ในวันที่ 6 ธันวำคม พ.ศ. 2555 ซง่ึ ถือเป็นวนั เริ่มต้นกิจกรรมส่งเสริมกำรพฒั นำอย่ำงจริงจงั

หลกั คิดการทางานพฒั นาชนบทเชิงพืน้ ที่ฯ บา้ นโปง่ ลึก-บางกลอย

ผลการดาเนินงาน กำรพัฒนำบ้ำนโป่งลึกและบำงกลอยเริ่มต้นด้วยกำรพัฒนำระบบน้ำ ให้มีน้ำเพียงพอปลูกข้ำว พืชหลังนำ พืชผักสวนครัวและเลี้ยง สตั ว์ ด้วยกำรสร้ำงฝำย สระ ถังเก็บน้ำ และกำรสบู นำ้ ด้วยพลงั งำนแสงอำทิตย์ กำรดำเนินงำนตำมแนวพระรำชดำริ ได้แก่ กำรทำนำข้ันบันได ข้ำวไร่ กำรปรับปรุงดิน สนับสนุนพันธุ์เมล็ดข้ำวและเมล็ดพันธ์ุพืชผัก สวนครัว ปลูกพืชระยะส้ัน และไม้ผล ปล่อยพันธ์ุปลำในแหล่งนำ้ และเลี้ยงสตั ว์ เพื่อให้มีอำหำรบริโภคและลดรำยจ่ำย กำรพฒั นำพื้นที่บ้ำนโป่งลึกและบำงกลอย ไม่เพียงมุ่งแก้ปัญหำควำมยำกจนและควำมเป็นอยู่ที่ยำกลำบำกของชำวบ้ำนเท่ำน้ัน แต่ยัง เพื่อคลค่ี ลำยสถำนกำรณค์ วำมขดั แย้ง ก่อเกิดควำมร่วมมือร่วมใจในกำรแก้ไขปัญหำและพัฒนำไปสู่ควำมยง่ั ยืน คืนควำมอุดมสมบูรณ์ให้กับ ผืนป่ำตะวันตก และเป็นตน้ แบบให้คนอยู่ร่วมกับป่ำได้อย่ำงยงั่ ยืน

ทิศทางการพฒั นาพืน้ ที่ในอนาคต ที่มาของข้อมลู : http://www.pidthong.org/main-project.php?id=6&menu_id=1#.YZ3k6tBBxPZ

5. โครงการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตประชาชนบ้านบางกลอย และบ้านโปง่ ลึก อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบรุ ี ทีต่ ัง้ ของโครงการ : หมู่ที่ 1 (บ้ำนบำงกลอย) และหมู่ที่ 2 (บ้ำนโป่งลึก) ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจำน จงั หวัดเพชรบรุ ี ในเขตอุทยำนแห่งชำตแิ ก่งกระจำน

แนวพระราชดาริ สมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินนี ำถ ทรงพระรำชทำนควำมช่วยเหลือในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตของชำวบ้ำนบำงกลอย หมู่ที่ 1 และ บ้ำนโป่งลึก หมู่ที่ 2 ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี ซ่ึงเป็นหมู่บ้ำนที่อยู่ในเขตอุทยำนแห่งชำติ แก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี โดยจะพระรำชทำนอำชีพเสริมในด้ำนศิลปำชีพ และกำรปรับปรุง พัฒนำในกำรประกอบอำชีพทำงกำร เกษตร อันได้แก่ กำรหำแหล่งน้ำเพื่อกำรอุปโภคบริโภค และกำรเกษตร กำรพัฒนำคุณภำพดิน กำรหำพันธ์ุที่เหมำะสม ตลอดจนกำร ซอ่ มแซมสะพำนที่ใช้ในกำรสัญจรข้ำมแม่น้ำเพชรบุรี ไปมำหำสู่กันระหว่ำง ๒ หมู่บ้ำน และเนื่องจำกหมู่บ้ำนทั้งสองเป็นหมู่บ้ำนที่ตั้งอยู่ ในเขตอทุ ยำนแห่งชำติแก่งกระจำน ซึง่ มีกฎระเบียบ ข้อบงั คับของอทุ ยำนแห่งชำติถือปฏิบัติอยู่ เพื่อให้บรรลุตำมพระรำชดำริ จะต้องไม่ ขัดกฎระเบียบและข้อบังคบั

ความเป็นมาของโครงการ สืบเนื่องจำก ชนกลุ่มน้อยชำวกระหร่ำง ได้ย้ำยมำจำกเทือกเขำตะนำวศรีและจังหวัดมะริดของประเทศพม่ำ ย้ำยมำต้ังบ้ำนเรือน กันอยู่อย่ำงกระจดั กระจำยตำมพื้นทีท่ ีม่ ีแม่น้ำไหลผำ่ น บริเวณห้วยขุนกระเวน ห้วยซบั ชมุ เหด็ ห้วยตะเกลพำดู ห้วยตะเกลโพ และหว้ ยพลู ซ่ึงเป็นต้นแม่น้ำเพชรบุรี หลังจำกนั้นได้มีกำรเคลื่อนย้ำยลงมำเรื่อย ๆ เพรำะพื้นที่ทำกินเสื่อมโทรม และเกิดโรคฝีดำระบำด จึงได้มีกำร อพยพลงมำอยู่ที่บริเวณดินโป่ง ซ่ึงก็คือหมู่บ้ำนโป่งลึกในปัจจุบัน ต่อมำมีคนอพยพเข้ำมำตั้งถิ่นฐำนอยู่ที่หมู่บ้ำนโป่งลึกอย่ำงต่อเ นื่อง เพรำะควำมไม่สงบตำมแนวชำยแดน กำรอพยพตำมญำติพี่น้องและ ด้วยเหตุที่ชำว กะหร่ำงยังคงไว้ซ่ึงวัฒนธรรมกำรเดินทำงไปมำหำสู่ เพื่อร่วมประเพณีและกำรเยี่ยมเยียนในเหล่ำเครือญำติ ทำให้ได้มีกำรสื่อสำร และชักชวนกันมำอยู่ที่แห่งน้ี และยังคงสำนสำยใย ควำมสัมพันธ์ในกลุ่มเครือญำติ เฉกเชน่ เดิมต่อมำจนกระทงั่ ปัจจุบนั ตอ่ มำ พ.ศ. 2524 ได้มีกำรประกำศจัดต้ังอุทยำนแหง่ ชำติแก่งกระจำน และ พ.ศ. 2536 หนว่ ยพิทักษ์อุทยำนแห่งชำติที่ กจ. 10 ได้ มีกำรริเริ่มให้มีกำรเรียนกำรสอนหนังสือ โดยให้เด็กในหมู่บ้ำนได้มีกำรเรียนกำรศึกษำ มีกำรร่วมกันจัดสร้ำงอำคำรเรียนชั่วครำว มีเจ้ำหน้ำที่อุทยำนแห่งชำติแก่งกระจำน และกองกำกับกำรตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 144 มำช่วยดำเนินงำนและเป็นครูสอนหนังสือ ปี พ.ศ. 2539 กรมป่ำไม้ (เดิม) หน่วยเฉพำะกิจกรมทหำรรำบที่ 29 อุทยำนแห่งชำติแก่งกระจำน และจังหวัดเพชรบุรี ได้ร่วมกันจัดทำ โครงกำรศึกษำเพื่อหำแนวทำงแก้ไขปัญหำกำร บุกรุกพื้นที่ป่ำต้นน้ำลำธำรอย่ำงถำวรของชำวไทยภูเขำในเขตอุทยำนแห่งชำติ แก่งกระจำน (โครงกำรย่อย) ตำมโครงกำรดูแลรักษำป่ำบริเวณป่ำละอูบนและเขำพะเนินทุ่ง อันเนื่องมำจำกพระรำชดำริ (โครงกำรบ้ำน เล็กในป่ำใหญ่) โดยกำรอพยพรำษฎรชำวไทยภูเขำเผ่ำกะหร่ำงที่อำศัยอยู่กระจัดกระจำยตำมแนวชำยแดนไทย-พม่ำ ลงมำรวมกัน ตรงข้ำมกับหมู่บ้ำนโป่งลึก รวมทั้งหมด 57 ครอบครัว ซ่ึงได้มีกำรดำเนินกำรก่อสร้ำงบ้ำนพักรองรับรำษฎรที่อพยพลงมำ จำนวน 57 หลัง จัดที่ดินทำกินและปลกู บ้ำนให้ โดยหมู่บ้ำนบำงกลอย หมู่ที่ 1 และบ้ำนโป่งลึก หมู่ที่ 2 เป็นหมู่บ้ำนที่อยู่ภำยใต้เขตกำรปกครองของ ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี ภำยใต้อำณำเขตกำรรับผิดชอบของหน่วยพิทักษ์อุทยำนแห่งชำติที่ กจ. 10 (ห้วยแม่สะเลียง) อุทยำนแห่งชำติแก่งกระจำน ตำมโครงกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตประชำชนบ้ำนบำงกลอย – บ้ำนโป่งลึก อันเนื่องมำจำก พระรำชดำริ

วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อรกั ษำสภำพป่ำให้คงควำมอุดมสมบูรณ์ ตลอดจนอนุรักษ์สัตว์ป่ำ และ รกั ษำสภำพแวดลอ้ ม 2. เพื่อลดปัญหำกำรล่ำสัตว์ป่ำ และกำรใช้สำรเคมีในพื้นที่ป่ำต้นน้ำลำธำร ของแม่นำ้ เพชรบุรี 3. เพื่อเพ่ิมควำมชุ่มชื้น ป้องกัน กำรเกิดสภำวะแห้งแล้งในพื้นที่ตลอดจน กำรขำดแคลนน้ำเพื่อกำรเกษตรกรรม อุปโภคบริโภคในท้องที่จังหวัด เพชรบรุ ีและจงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์ 4. เพื่อให้ป่ำแห่งน้ีเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธำรสำยสำคัญต่ำงๆ เพื่อให้ รำษฎรโดยรอบป่ำผืนนีไ้ ด้ใช้ในกำรอุปโภคและเพื่อกำรเกษตรกรรม 5. สำมำรถแก้ไขปญั หำกำรบกุ รกุ ยึดถือครอบครองพื้นที่ของรำษฎรชำวไทย ภูเขำ (กะเหรีย่ ง กะหร่ำง ) บริเวณตน้ นำ้ ลำธำรของแม่นำ้ เพชรบรุ ี 6. ทำให้รำษฎรชำวไทยภูเขำ (กะเหรี่ยง กะหร่ำง) มีที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง และเป็นของตนเองรวมทั้งสำมำรถประกอบอำชีพและอยู่ร่วมกับทรัพยำกร ป่ำไม้อย่ำงสมดุล 7. เป็นแหล่งศึกษำหำควำมรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี ชีวิตควำม เป็นอยู่ของ ชำวไทยภูเขำ (กะเหรี่ยง กะหร่ำง) บริเวณป่ำต้นน้ำลำธำร เพชรบุรี ทีม่ าของขอ้ มลู : http://www.nac2.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/1143

6. โครงการดแู ลรกั ษาป่าไมบ้ ริเวณปา่ ละอูบนและเขาพะเนินทุ่ง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบรุ ี ทีต่ ้ังของโครงการ พื้นที่อุทยำนแห่งชำติแก่งกระจำน ตำบลยำงกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้ำปล้อง ตำบลแก่งกระจำน ตำบลสองพ่ีน้อง และ ตำบลป่ำเด็ง อำเภอแก่งกระจำน จังหวดั เพชรบรุ ี และพื้นที่เขตป่ำสงวนแหง่ ชำติป่ำยำงนำ้ กลดั เหนือ ยำงน้ำกลัดใต้ ตำบลสองพี่น้อง ตำบลแก่งกระจำน และตำบลป่ำเด็ง อำเภอแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี และบริเวณต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำปรำณบุรี และ พื้นที่ตลอดแนวชำยแดน (เทือกเขำตะนำวศร)ี ตงั้ แตจ่ งั หวัดรำชบรุ ีตอนลำ่ งจรด อำเภอกุยบุรี จังหวดั ประจวบครี ีขันธ์

แนวพระราชดาริ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวได้ทรงมีพระรำชดำรัสเกีย่ วข้องกับ กำรอนุรักษ์ป่ำตน้ น้ำลำธำรหลำยครง้ั จึงได้มีกำรสนองพระรำชดำริโดย จัดทำโครงกำรดูแลรักษำป่ำไม้บริเวณป่ำละอูบน และเขำพะเนินทุ่งอัน เนื่องมำจำกพระรำชดำริ เมื่อปี 2535 เพื่อเป็นแนวทำงกำรดำเนินกำร ด้ำนต่ำงๆ และเป็นศูนย์รวมของส่วนรำชกำร ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุน โครงกำรให้บรรลุผลตำมเป้ำหมำย พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวทรงมีพระรำชดำริกับนำยถนอม เปรมรัศมีอธิบดีกรมป่ำไม้ “เรื่องป่ำต้นน้ำลำธำรของแม่น้ำเพชรบุรี ขอให้เจ้ำหน้ำที่ดูแลรักษำอย่ำให้มีกำรลักลอบตัดไม้ ถำงป่ำทำไร่ ในป่ำ ต้นน้ำลำธำรของแม่น้ำเพชรบุรี เพรำะจะทำให้เกิดควำมแห้งแล้ง ดูแล กำรทำไม้อย่ำให้เป็นกำรทำลำยป่ำไม้เกิดขึ้น” โดยให้ดูแลป่ำไม้บริเวณ ป่ำละอูบน และป่ำไม้บริเวณเขำพะเนินทุ่ง ครอบคลุมพื้นที่จรดแนวเขต แดนประเทศพม่ำ

ลักษณะโครงการ 1. ดูแลรักษำพื้นที่ป่ำไม้บริเวณต้นน้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปรำณบุรี ท้องที่ตำบลยำงน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้ำ ปล้อง ตำบลแก่งกระจำน ตำบลสองพ่ีน้อง ตำบลป่ำเด็ง อำเภอแก่งกระจำน ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ำยำง จังหวัดเพชรบุรี แ ล ะ ต ำ บ ล ห น อ ง พ ลั บ ต ำ บ ล พุ ส ว ร ร ค์ ต ำ บ ล ห้ ว ย สั ต ว์ ใ ห ญ่ อ ำ เ ภ อ หั ว หิ น จั ง ห วั ด ป ร ะ จ ว บ คี รี ขั น ธ์ 2. จัดพัฒนำที่ดินในรูปหมู่บ้ำนป่ำไม้ และควบคุมกำรบุกรุกป่ำไม้ท้องที่ตำบลป่ำเด็ง อำเภอแก่งกระจำน และท้องที่ ตำบลยำงน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้ำปล้อง - จัดตั้งหน่วยพิทักษ์ป่ำ เพื่อป้องกันรักษำป่ำต้นน้ำลำธำร 3. กำรเพิ่มมำตรฐำนและประสิทธิภำพในกำรดูแลป่ำระยะยำว 4. กำรแก้ไขปัญหำพื้นที่ทำกินบริเวณตน้ นำ้ ลำธำร 5. กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตและสง่ เสริมอำชีพของรำษฎร ความสาเรจ็ ของโครงการ นบั เป็นระยะเวลำกว่ำ 50 ปีมำแล้วที่พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว ได้ทรงส่งเสริมกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและ สิ่งแวดล้อมเกือบทุกพื้นที่ของประเทศ จนเกิดเป็นโครงกำรพระรำชดำริด้ำนต่ำงๆ เพื่อช่วยเหลือรำษฎรท่ัวประเทศกว่ำ 4,100 โครงกำร นับเป็นพระมหำกรุณำธิคุณเป็นล้นพ้นที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชำวไทยและชำวจังหวัดเพชรบุรี พระบำทสมเด็จ พระเจ้ำอยู่หัวได้พระรำชทำนพระรำชดำริและแนวทำงด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและกำรพัฒนำที่ย่ังยืน เพื่อแก้ไข ปญั หำควำมทกุ ข์ยำกของพสกนิกร ท้ังน้ี โครงกำรดูแลรักษำป่ำไม้บริเวณป่ำละอูบนและเขำพะเนินทุ่งอันเนื่องมำจำกพระรำชดำริ ที่มีพื้นที่ประมำณ 15,000 ไร่ เป็นโครงกำรดูแลพื้นที่ป่ำไม้บริเวณต้นแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปรำณบุรี เพื่อป้องกันกำรบุกรุกป่ำสงวนแห่งชำติ ซง่ึ เมื่อประมำณปี 2517 –2518 ได้มีรำษฎรชำวไทยภเู ขำ (กะเหรี่ยง – กะหร่ำง) เข้ำไปบุกรุกพื้นทีป่ ่ำสงวนฯ บริเวณป่ำยำงกลัด เหนือ – ยำงนำ้ กลัดใต้ ซึง่ อยู่ทำงตอนเหนือของโครงกำร หมู่บ้ำนสหกรณห์ ้วยสัตว์ใหญ่ บริเวณป่ำห้วยโสก ท้องที่ตำบลป่ำเด็ง อำเภอแก่งกระจำน จงั หวดั เพชรบรุ ี ที่มาของขอ้ มูล : http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit3/20-50project/50project_35_1.html

7. โครงการ อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสตั วป์ า่ บริเวณ อทุ ยานแห่งชาติแกง่ กระจาน อันเนื่องมาจากพระราชดาริ สถานที่ตง้ั ตำบลแก่งกระจำน อำเภอแก่งกระจำน เพชรบุรี 76170

พระราชดาริ เมื่อวันที่ 5 มกรำคม 2555 สมเด็จพระนำงเจ้ำฯ พระบรมรำชินีนำถ ทรงมีพระรำชดำรัสกับ พลเอก นพดล วรรธโนทัย ณ พระตำหนกั จิตรลดำ ควำมว่ำ “...ชำ้ งเป็นสัตว์ที่ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว ทรงรัก ทรงห่วงใย โดยเฉพำะช้ำงทำงกุยบุรี และแก่งกระจำน ทรงห่วงใยมำตลอด ทรงชว่ ยหำทีอ่ ยู่ ที่กินให้ชำ้ ง จะได้ไม่รบกวนคน คนกับช้ำงจะได้มีปัญหำกันนอ้ ยทีส่ ดุ เช่น ที่กุยบรุ ี ประจวบคีรีขันธ์ ช้ำงมีควำมสำคัญมำแต่คร้ังประวัติศำสตร์ เคยช่วยรักษำบ้ำนเมือง กู้บ้ำนกู้เมือง ดังน้ัน ขอให้ช่วยกัน ดแู ลมิให้ช้ำงถูกฆำ่ อย่ำงทำรุณเยี่ยงนี้ เพื่อจะได้ไม่ผิดพระรำชประสงค์ ที่พระบำทสมเด็จ พระเจ้ำอยู่หัว ทรงตั้งพระทัย ที่จะให้ มีกำรอนรุ ักษ์ชำ้ ง ให้เปน็ สัตว์คู่แผน่ ดนิ สืบไป...” เมื่อวันที่ 24 กุมภำพันธ์ 2555 สมเด็จพระนำงเจ้ำฯ พระบรมรำชินีนำถ ทรงมีพระรำชเสำวนีย์กับ ท่ำนผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทำภิวัฒน์ ท่ำนผหู้ ญิงจรงุ จติ ต์ ทีขะระ และพลเอก นพดล วรรธโนทัย ณ พระตำหนักจิตรลดำ ควำมว่ำ “...ขอให้ร่วมมือกับ แม่ทัพภำคที่ 1 และ ดร.ธวชั ชัย สนั ตสิ ขุ ดำเนินกำร เรื่อง กำรปลูกพืชอำหำรช้ำง กำรปลูกตน้ ไม้ให้เป็นป่ำ มีที่อยู่ที่กินของช้ำงที่ แกง่ กระจำน เชน่ เดียวกบั ที่กุยบรุ ี...” บ้ำนกร่ำงแค้มป์ นำ้ ตกทอทิพย์

วัตถุประสงค์ของโครงการ 1. อนุรกั ษ์และพฒั นำทรัพยำกรป่ำไม้ โดยมีกำรบริหำรจดั กำรทีม่ ีคณุ ภำพและมีประสิทธิภำพ ด้วยกำรมีสว่ นร่วมของ ชุมชนและประชำชน 2. อนรุ ักษ์และฟืน้ ฟทู รพั ยำกรป่ำไม้และสัตวป์ ่ำ ให้มีควำมอุดมสมบูรณเ์ ป็นแหล่งอำหำรและแหล่งนำ้ ของสัตว์ป่ำ ให้มี ควำมสมดลุ และมีควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 3. พัฒนำคณุ ภำพชีวิต รวมถึงปลูกจิตสำนึกให้ประชำชนสำมำรถอยู่ร่วมกนั กบั ป่ำและสัตว์ป่ำได้ 4. พัฒนำและเพ่ิมประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำร และส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกฝ่ำย ทั้งภำครัฐ ภำคเอกชน ชุมชน และองค์กรส่วนท้องถิน่ ได้เข้ำมำมีบทบำทและมีสว่ นร่วมในกำรดำเนินงำนของโครงกำร ประโยชน์ของโครงการ 1. สำมำรถอนุรักษ์และพัฒนำทรัพยำกรป่ำไม้ ให้เป็นป่ำที่สมบูรณ์ตำมธรรมชำติ รวมถึงสำมำรถเป็นแหล่งอำหำร แหลง่ น้ำของสตั วป์ ่ำ โดยเฉพำะชำ้ งป่ำได้ 2. เป็นกำรปลูกจิตสำนึกประชำชนในพื้นที่ให้มีควำมหวงแหนในทรัพยำกรป่ำไม้และสัตว์ป่ำ ให้สำมำรถดำรง ชวี ิตประจำวันอยู่ได้โดยไม่ไปทำลำยป่ำและสัตว์ป่ำ 3. สำมำรถจัดตั้งเครือข่ำยในกำรเฝ้ำระวังกำรลักลอบกำรทำลำยทรัพยำกรป่ำไม้และสัตว์ป่ำ ทั้งน้ี เพื่อป้องกัน ปรำบปรำม หรือลดกำรกระทำผิดกฎหมำยทุกประเภทในพื้นที่โครงกำร 4. สำมำรถสร้ำงควำมสัมพันธ์อันดีระหว่ำงหน่วยงำนรำชกำรและประชำชนในพื้นที่ เพื่อลดควำมขัดแย้งและทำให้ ประชำชนในพื้นที่เห็นควำมสำคญั และประโยชน์ของโครงกำร นำไปสู่กำรสนับสนนุ โครงกำรด้วยควำมสมคั รใจ ที่มาของข้อมูล : http://km.rdpb.go.th/Project/View/8621

8. โครงการกาลังใจในพระดาริพระเจา้ หลานเธอ พระองค์เจ้าพชั รกิติยาภา

ความเป็นมาของโครงการ สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำพัชรกิติยำภำ ฯ เมื่อครั้งยังดำรงพระ อิสริยยศเป็น พระเจ้ำหลำนเธอ พระองค์เจ้ำพัชรกิติยำภำ ทรงดำริให้จัดต้ัง โครงกำรกำลังใจ เพื่อประทำนควำมช่วยเหลือ แก่ผู้ที่ต้องกำรโอกำสใน สังคมไทย เนื่องด้วยทรงดำริว่ำ ทุกคนในสังคมจะอยู่ร่วมกันได้อย่ำงสงบสุข ก็ต่อเมื่อรู้จักรักษำสิทธิของตน โดยไม่สร้ำงควำมเดือดร้อนแก่ผู้อื่น กระบวนกำรยตุ ิธรรมเป็นส่วนหน่ึงที่จะช่วยให้ทุกคนเคำรพสิทธิของผู้อื่น ซ่ึง เมื่อกระบวนกำรยุติธรรมดำเนินไปจนถึงที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้รับผลทุกฝ่ำยใน สังคมก็น่ำที่จะได้มีโอกำสอยู่ร่วมกันอย่ำงสงบสุขอีกคร้ังหน่ึงแต่กระนั้นใน บำงครั้ง กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนกำรยุติธรรมเหล่ำน้ี ไม่ว่ำจะเป็น กลุ่มผู้ต้องขัง กลุ่มผู้ถูกคุมประพฤติ หรือผู้ที่เป็นจำเลย กลับมิได้รับโอกำส เท่ำที่ควร ในกำรที่จะกลับมำเป็นส่วนหน่ึงของสังคมส่วนรวม ส่งผลให้ บุคคลเหล่ำน้ีขำดโอกำสที่จะดำเนินชีวิตดังที่ควร ทรงดำริว่ำผลงำนจำก โครงกำรกำลงั ใจ จะช่วยให้กลมุ่ บุคคลเหล่ำน้ีตระหนกั ว่ำยังมีผู้ที่เต็มใจจะให้ โอกำส และเอำใจช่วยให้พวกเขำสำมำรถเอำชนะปัญหำและอุปสรรคต่ำงๆ ได้ และเมื่อทุกคนได้รับโอกำสที่สมควรแล้วจะต้องรู้จักในกำรเคำรพสิทธิ ของผู้อื่น ซ่ึงนอกจำกจะช่วยลดกำรกระทำผิด ซ้ำซ้อน และเปิดโอกำสให้ บุคคลเหล่ำน้ีกลับมำเป็นประชำกรที่มีคุณภำพแล้ว ยังมีส่วนที่จะช่วยให้ สงั คมส่วนรวมกลับมำอยู่ร่วมกันอย่ำงสงบสุขอีกด้วย

น้าพระทยั อนั ยิ่งใหญ่ สมเด็จเจ้าฟา้ พชั รกิติยาภา ไหลรินสู่ผู้กา้ ว พลาดในชีวิตผ่านโครงการกาลงั ใจฯ สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำพัชรกิติยำภำ นเรนทิรำเทพยวดี กรมหลวงรำชสำริณีสิริพัชร มหำวัชรรำชธิดำ พระรำชธิดำองค์ ใหญ่ในพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว รัชกำลที่ 10 มีพระปณิธำนในกำรสืบสำนและต่อยอดกิจกำรที่จะขจัดทุกข์บำรุงสุขแก่ปวง ประชำรำษฎร์ตำมรอยพระรำชบิดำ ทรงใช้ควำมรู้ควำมสำมำรถด้ำนกฎหมำยที่ทรงเช่ียวชำญก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมไทยมำนำน นบั สิบปี โครงกำรกำลงั ใจในพระดำริพระเจ้ำหลำนเธอ พระองค์เจ้ำพัชรกิตยิ ำภำ โครงกำรสำคญั ที่สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำพัชรกิติ ยำภำ นเรนทิรำเทพยวดี กรมหลวงรำชสำริณีสิริพัชร มหำวัชรรำชธิดำ ทรงใช้หลักกำรทำงกฎหมำยและหลักมนุษยธรรมในกำรให้ ควำมช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกำสทำงสังคม ผู้ต้องขังที่ก้ำวพลำดได้มีโอกำสกลับมำดำเนินชีวิตเป็นคนดีของสังคม ซ่ึงปีน้ีครบรอบปีที่ 14 ของกำรก่อตั้งโครงกำร จำกจุดเริ่มต้นในควำมสนพระทัยด้ำนกฎหมำยและกระบวนกำรยุติธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสิทธิมนุษยชน สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำพัชรกิติยำภำ นเรนทิรำเทพยวดี กรมหลวงรำชสำริณีสิริพัชร มหำวัชรรำชธิดำ ได้ทรงศึกษำ “นิติศำสตร์” เช่นเดียวกับ พระบำทสมเด็จ พระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร พระอัยกำ และได้เสด็จทัณฑสถำนหญิงกลำง เพื่อเยีย่ มเยือนและพระรำชทำนสิ่งของแก่ผตู้ อ้ งขังและเดก็ ตดิ ผตู้ อ้ งขงั คร้ังแรก เมื่อทรงได้สมั ผสั กับชีวิตผู้ต้องขงั หญิงที่ขำดโอกำส ขำด ควำมอบอุ่นในครอบครัว และ สัมผัสกับเด็กที่เกิดจำกครรภ์ผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ ซ่ึงเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงเป็นแรงบันดำลพระทัยให้มี พระปณิธำนแน่วแน่ที่จะพระรำชทำนควำมช่วยเหลือและกำลังใจให้แก่บุคคลเหล่ำน้ี เมื่อสำเร็จกำรศึกษำระดับปริญญำเอกและเนติ บณั ฑติ ไทย มีพระดำริให้ก่อตง้ั โครงกำรกำลังใจในพระดำริฯขึน้ โดยพระรำชทำนทรัพยส์ ่วนพระองค์ 300,000 บำท เป็นทุนต้ังต้น เพื่อ จะได้ช่วยเหลือและเป็นกำลังใจแก่ผู้ก้ำวพลำดได้มีโอกำสกลับมำดำเนินชีวิตเป็นคนดีของสังคม โดยมีเป้ำหมำยในกำรดำเนินกิจกรรม เสริมทีไ่ ม่ซ้ำซ้อนกบั สิ่งที่ภำครัฐดำเนินกำรอยู่แล้ว และมีกลุ่มเป้ำหมำยเป็นผู้ต้องขังหญิง เด็กติดผู้ต้องขัง เด็กและเยำวชนที่กระทำผิด จนกระท่ังวนั ที่ 31 ตลุ ำคม พ.ศ.2549 ได้มีพธิ ีเปิดโครงกำร ณ ทัณฑสถำนหญิงกลำง นบั เป็นจุดเริ่มตน้ ของโครงกำรกำลงั ใจฯ

โครงกำรกำลังใจฯได้นำแนวพระดำริ ที่มุ่งสร้ำงให้เรือนจำกลำยเป็นสถำบันทำงสังคมเสมือนพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบกำรณ์ กำรทำกิจกรรม โดยนำภำคประชำสังคม ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีประสบกำรณ์เข้ำมำช่วยเหลือสนับสนุน จัดกิจกรรมเสริม กำลังใจ มอบควำมเอื้ออำทรแก่ผู้พล้ังพลำดในเรือนจำ ให้ระยะเวลำที่ถูกจองจำเป็นช่วงเวลำแห่งกำรทบทวน ไตร่ตรอง พิจำรณำ ตนเองสร้ำงพลงั บวก ในกำรมองคุณค่ำในตนเอง ควบคู่ไปกับกำรพัฒนำระบบกำรให้บริกำรในเรือนจำ เพื่อให้ผู้ที่ก้ำวผิดไม่กลับไป กระทำผดิ ซ้ำและกลบั มำเปน็ คนดสี ร้ำงสรรคส์ งั คมไทยต่อไป และเสริมสร้ำงให้คนในสงั คมไทยมีน้ำใจเอื้ออำทรตอ่ กนั ท้ังน้ี สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำพัชรกิติยำภำ นเรนทิรำเทพยวดี กรมหลวงรำชสำริณีสิริพัชร มหำวัชรรำชธิดำ ทรงให้มี กำรพัฒนำทักษะควำมรู้และวิชำชีพให้ผู้ต้องขัง เพื่อนำไปเป็นทำงเลือกในกำรประกอบอำชีพ นับเป็นกำรเตรียมควำมพร้อมให้ ผู้ต้องขังในกำรกลับคืน สู่สังคมและใช้ชีวิตอย่ำงปกติสุข และที่สำคัญช่วยลดปัญหำกำรกระทำผิดซ้ำอีกด้วย “แนวคิดการพึ่งพา ตนเองท่ดี ีทส่ี ุด คือการใหอ้ าชพี การฝึกทักษะวิชาชีพต่างๆ ซึ่งเป็นการดาเนินชีวิตอย่างปกติสุขและมีความยั่งยืน ส่งผลให้ ลดจานวนผูต้ ้องขงั ท่กี ระทาผิดซา” โดยตลอดระยะเวลำ 14 ปี สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำพัชรกิติยำภำ นเรนทิรำเทพยวดี กรมหลวงรำชสำริณีสิริพัชร มหำ วัชร รำชธิดำ ได้ทรงงำนผำ่ นโครงกำรกำลังใจฯ ในกำรช่วยเหลือคนที่อยู่ในมุมมืดของสังคมไทย ที่ไม่มีคนแลเห็น ได้มีโอกำสในชีวิต ทรงเปน็ แสงส่องทำงให้แก่คนที่หลงผดิ ได้กลับมำสู่สังคม สร้ำงสังคมไทยให้เข้มแข็งและปลุกจิตสำนึกในกำรให้โอกำสและเอื้ออำทร ตอ่ กัน

โครงการกาลงั ใจในพระดาริพระเจา้ หลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา (เรือนจาช่วั คราวเขากลิ้ง) ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรือนจำชั่วครำวเขำกลิ้ง และโครงกำรกำลังใจในพระรำชดำริสมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำ พัชรกิติยำภำ นเรนทิรำเทพยวดี กรมหลวงรำชสำริณีสิริพัชร มหำวัชรรำชธิดำ พบว่ำ มีกำรฝึกวิชำชีพทำงเกษตรกรรมที่ หลำกหลำยตำมแนวทำงเศรษฐกิจพอเพียง แหล่งกำรเรียนรู้ กำรทำบ้ำนดิน กำรทำอุปกรณ์ใช้สอยจำกวัสดุใกล้ตัว เพื่อเตรียม ควำมพร้อมก่อนปล่อยของผู้ต้องขังกลับสู่ชุมชนให้สำมำรถอยู่ในชุมชน และมีอำชีพที่สำมำรถเลี้ยงตนเองได้ ไม่เป็นภำระกับผู้อื่น และไม่หวนมำกระทำผดิ ซ้ำอีก กำรทำอิฐบ้ำนดิน ก้อนอิฐของบ้ำนดินได้มำจำกกำรหล่อดินแล้วตำกให้แห้ง เพื่อนำไปก่อสร้ำงเป็นอำคำร บ้ำนเรือนที่ทนทำนแขง็ แรง

ประวตั ิเรือนจาชั่วคราวเขากลิ้ง เมื่อวันที่ 24 เดือนตุลำคม พ.ศ.2505 กระทรวงมหำดไทยได้กำหนดอำณำเขตที่ดินบริเวณเชิงเขำกลิ้งตำบลวังไคร้ อำเภอท่ำยำง จังหวัดเพชรบุรี ประมำณ 600 ไร่ ให้เป็นเรือนจำชั่วครำวเขำกลิ้ง (ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น ตาบลวังจันทร์ อาเภอแก่งกระจาน จงั หวัดเพชรบุรี) วัตถุประสงค์ เพือ่ ดำเนินกำรฝึกอบรมและฝึกวิชำชพี ให้กบั ผู้ต้องขัง ด้ำนกำรปลูกสร้ำงสวนป่ำ ด้ำนกำรเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ เรือนจาช่วั คราวเขากลิง้ มอี าณาเขต ดังนี้ 1. ทิศเหนือจรดถนนสำยเขื่อนเพชร–แก่งกระจำน 2. ทิศใต้จรดถนนสำธำรณะและบ่อน้ำ บ้ำนทุ่งเคลด็ 3. ทิศตะวันออกจรดถนนสำยสำธำรณะสำยบ้ำนทุ่งเคล็ด–บ้ำนซ่องเมตร 4. ทิศตะวันตกจรดทีด่ นิ กรมกำรปกครองและที่ดินหนว่ ยทหำรพฒั นำเคลื่อนที่ 13 จุดเด่นของเรือนจำช่ัวครำวเขำกลิ้งที่เป็นที่รู้จักไปอย่ำงกว้ำงขวำง คือ กำรสร้ำงบ้ำนดิน ซ่ึงเป็นกำรสร้ำงบ้ำนที่มีรำคำ ถูก เพรำะใชด้ ินเปน็ วสั ดกุ ่อสร้ำง มีรปู แบบแปลกตำสวยงำม แขง็ แรงทนทำน ป้องกันควำมร้อนได้ดี ภำยในบ้ำนดินจะเย็นกว่ำ อำกำศนอกตัวบ้ำนประมำณ 1-2 องศำ มีบ้ำนพักที่สร้ำงจำกดินหลำยหลังเปิดให้เข้ำพักและมีฟำร์มแกะ กระต่ำยและม้ำ สำหรบั ให้นกั ท่องเทีย่ วหรือผทู้ ีส่ นใจ มำศึกษำดูงำนทีศ่ ูนย์กำรเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพยี งเรือนจำชวั่ ครำวเขำกลงิ้

การฝึกอาชีพใหก้ บั ผู้ตอ้ งขังในเรือนจาชั่วคราวเขากลิง้

9. โครงการตามพระราชดาริ ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารี

ประวัติโรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน ตำรวจตระเวนชำยแดนเป็นตำรวจหน่วยหน่ึงในสังกัดสำนักงำนตำรวจแห่งชำติแต่กำรปฏิบัติหน้ำที่มีควำมแตกต่ำงกับ ตำรวจหน่วยอืน่ คือตอ้ งตระเวนตรวจพื้นที่ตำมแนวชำยแดนจงึ มีหนำ้ ทีเ่ สมือนรั้วของชำติและเป็นแนวป้องกันด่ำนแรกในกำรปกป้อง อธิปไตยของชำติไทย ทำให้ได้พบเห็นประชำชนผู้เดือดร้อนเกี่ยวกับกำรครองชีพและโรคภัยไข้เจ็บจำนวนมำก จึงได้ให้ควำม ชว่ ยเหลือเท่ำทีจ่ ะสำมำรถชว่ ยได้ เช่น แจกอำหำร เสื้อผ้ำให้กำรรักษำพยำบำลผเู้ จบ็ ป่วย แนะนำกำรประกอบอำชีพ นอกจำกนี้ยงั ได้พบเห็นหมู่บ้ำนต่ำงๆ มีเด็ก ซ่ึงอยู่ในวัยเรียนเป็นจำนวนมำกยังไม่ได้เรียนหนังสือเนื่องจำก หน่วยงำนซ่ึงรับผิดชอบด้ำน กำรศกึ ษำไม่สำมำรถ เข้ำไปจดั ตง้ั โรงเรียนได้เนื่องจำกเปน็ พื้นที่ป่ำเขำทรุ กันดำร และบำงพื้นทีม่ ีสถำนกำรณ์ก่อกำรร้ำย ของฝ่ำย ตรงข้ำมกับรัฐบำลดังนั้นเมื่อประมำณ พ.ศ.2498 จึงได้คิดที่จะจัดต้ังโรงเรียนขึ้นสอนหนังสือให้แก่ชำวเขำเพื่อให้เขำเหล่ำน้ันได้รู้ ภำษำไทย จะได้ติดต่อทำควำมเข้ำใจกันได้สะดวกและเพื่อเป็นสื่อในกำรเผยแพร่ควำมรู้และวิทยำกำร ในกำรพัฒนำควำมเป็นอยู่ ตลอดจนทำให้เกิดควำมมั่นคง ในด้ำนกำรปกครองอีกด้วย โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน ที่ดำเนินกำรอย่ำงถูกต้องตำม ระเบียบ ของกระทรวงศึกษำธิกำรได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นคร้ังแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙ ที่หมู่บ้ำนดอนมหำวัน อำเภอเชียงของ จังหวัด เชียงรำย เปิดทำกำรสอน เมื่อวันที่ 7 มกรำคม พ.ศ.2499 ซ่ึงใช้ชื่อว่ำ โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำรุงที่ 1 กำรจัดต้ัง โรงเรียนสอนหนังสือ ในระยะเริ่มแรกไม่มีงบประมำณสนับสนุน ครูก็ต้องใช้ตำรวจตระเวนชำยแดน นักเรียนก็เป็นเด็กยำกจนไม่มี เงินที่จะจัดซื้อหนังสือ สมุด ดินสอ เด็กเหล่ำน้ีจึงได้รับแจกหนังสือ และอุปกรณ์กำรเรียนจำก ผู้มีจิตเมตตำบริจำคผ่ำนตำรวจ ตระเวนชำยแดน

นับตั้งแตป่ ี พ.ศ.2506 เปน็ ตน้ มำกำรดำเนินกำรของโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนได้รบั พระมหำกรุณำธิคุณเป็นล้นพ้น จำกพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวและสมเด็จพระนำงเจ้ำฯพระบรมรำชินีนำถ ได้พระรำชทำน พระรำชทรัพย์ส่วนพระองค์แก่ ตำรวจตระเวนชำยแดน สำหรบั จัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนขึน้ ในพื้น ทีภ่ ำคเหนือคือโรงเรียนเจ้ำพอ่ หลวงอปุ ถมั ภ์และ โรงเรียนเจ้ำแม่หลวงอุปถัมภ์อีกทั้งในปี พ.ศ.2507 สมเด็จ พระรำชชนนีศรีสังวำลพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้ำพ่ีนำงเธอเจ้ำฟ้ำ กลั ยำณวิ ฒั นำ ได้พระรำชทำนกำรสนับสนนุ และทรงอุปถัมภ์กำรดำเนินงำนของโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนอย่ำงกว้ำงขวำง โดยได้พระรำชทำนพระรำชทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินที่มีผู้บริจำคถวำย โดยเสด็จพระรำชกุศลนำไปจัดตั้งโรงเรียนตำรวจ ตระเวนชำยแดนและจะเสด็จฯ ไปทรงเปิดโรงเรียนด้วยพระองค์เองทุกแห่ง อีกท้ังได้รับกำรสนับสนุนจำกหน่วยงำนรำชกำร องค์กรภำคเอกชนตลอดจนคณะบุคคลต่ำงๆ ที่ได้ให้ควำมช่วยเหลืออีกส่วนหนึ่งด้วยกิจกำรโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนจึง ได้เจริญก้ำวหน้ำมำเป็นลำดบั

จำกกำรที่สมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี ได้โดยเสดจ็ พระรำชดำเนินพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว และสมเด็จพระนำงเจ้ำฯ พระบรมรำชินีนำถเยี่ยมเยียนรำษฎร ได้ทรงทรำบว่ำเยำวชนในชนบทส่วนใหญ่ประสบกับปัญหำทุพ โภชนำกำรปัญหำด้ำนสุขภำพอนำมัย ซึ่งจะมีผลเชื่อมโยงไปสู่ปัญหำด้ำนกำรศึกษำเพรำะเมื่อเด็กเยำวชนมีสุขภำพไม่ดีก็ไม่ สำมำรถจะเข้ำรับกำรศึกษำได้ดีจึงมีพระรำชดำริให้จัดทำโครง กำรเกษตรเพื่ออำหำรกลำงวันโดยให้เริ่มดำเนินกำรคร้ังแรกในปี พ.ศ.2523 ต่อมำทรงมีพระรำชดำริว่ำเด็กนักเรียนที่จบกำรศึกษำช้ันสูงสุดจำกโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน แล้วแทบไม่มี โอกำสทีจ่ ะได้รบั กำรศึก ษำต่อในระดับที่สูงต่อไปได้เนื่องจำกครอบครัวมีฐำนะยำกจน และขำดทุนทรัพย์ที่จะสนับสนุนได้กอปร กับมีภูมิลำเนำอยู่ในพื้นที่หำ่ งไกลหำกตอ้ งกำรทีจ่ ะศึกษำต่อกต็ ้องเดินทำงเข้ำมำศึกษำในสถำนศกึ ษำของอำเภอ หรือจังหวัด ซ่ึงก็ จะประสบกับปัญหำในเรื่องที่พักอำศัย จึงมีพระรำชประสงค์ที่จะช่วยเด็กนักเรียนเหล่ำน้ีโดยได้พระรำชทำนทุนกำรศึกษำแก่ นักเรียนที่เรียนดี มีสติปัญญำที่จะศึกษำต่อไปได้ให้ได้รับกำรศึกษำต่อจนถึงข้ันสูงสุดตำมระดับสติปัญญำ ควำมสำมำรถ และ ควำมเหมำะสม ส่วนผทู้ ีไ่ ม่สำมำรถเข้ำรบั กำรศกึ ษำตอ่ ไปได้รวมท้ังพวกทีไ่ ม่มีสญั ชำติก็มีพระรำชประสงค์ให้ฝึกอำชีพที่สำมำรถ ใช้ได้ในท้องถิน่ นน้ั จำกจดุ เริม่ ต้นดังกล่ำวจนถึงปจั จบุ ัน

จึงได้มีโครงกำรตำมพระรำชดำริสมเด็จพระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี เกิดขนึ้ ท้ังสนิ้ 8 โครงกำร ได้แก่ 1. โครงกำรเกษตรเพือ่ อำหำรกลำงวัน 2. โครงกำรส่งเสริมสุขภำพกำรศึกษำ 3. โครงกำรฝึกอำชีพ 4. โครงกำรนักเรียนในพระรำชำนุเครำะหส์ มเด็จพระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี 5. โครงกำรควบคุมโรคขำดสำรไอโอดีน 6. โครงกำรส่งเสริมสหกรณ์ 7. โครงกำรส่งเสริมโภชนำกำรและสุขภำพอนำมัยแมแ่ ละเด็ก 8. โครงกำรอนุรักษ์ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละส่งิ แวดล้อม ได้รบั กำรสนับสนนุ จำกภำครฐั รวม 10 หนว่ ยงำน คือ กรมส่งเสริมกำรเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบญั ชสี หกรณ์ กรมอนำมยั กรมควบคมุ โรค สถำบันอำชีวะ มหำวิทยำลยั รำชภัฏ และสถำบนั สง่ เสริมกำรเรียนกำร สอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เพือ่ ให้เด็กเยำวชน และประชำชนทีอ่ ยู่ในพื้นที่ห่ำงไกลทุรกันดำร และด้อยโอกำสทำงกำรศึกษำได้รับโอ กำสเช่นเดียวกับเด็ก นักเรียนในเขตเมือง หรือเขตชนบท กองบัญชำกำรตำรวจตระเวนชำยแดน ได้พัฒนำข้ันตอนกำรปฏิบัติงำนใหม่สำหรับกำรให้ กำรศึกษำเด็ก เยำวชนตำมแนวชำยแดน และถิ่นทุรกันดำร โดยกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คือเพื่อแก้ไขปัญหำกำรขำด โอกำสของเด็กและ เยำวชนทีอ่ ยู่ในพื้นที่ทุรกันดำร ไกลคมนำคม หรือเป็นพื้นที่ที่มีปัญหำ ด้ำนควำมม่ันคงให้ได้รับกำรศึกษำ อย่ำงท่ัวถึงเสมอภำค และมีคุณภำพตำมพระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พ.ศ.2551 โดยไม่เสียค่ำใช้จ่ำยและในช่วงเวลำนั้นเองสมเด็จพระเทพรัต นรำช สุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ได้พระรำชทำนคำแนะนำว่ำ โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน ควรกำหนดปรัชญำให้ ชัดเจนเพื่อให้ผทู้ ีเ่ กี่ยวข้องมีควำมเข้ำใจโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน อย่ำงแท้จริงกองบัญชำกำรตำรวจตระเวนชำยแดนจึง ได้กำหนดปรัชญำของโรงเรียนขึ้นว่ำ “สร้ำงภูมิปัญญำ พัฒนำคุณภำพชีวิตสัมฤทธิ์ผลควำมม่ันคง” ซ่ึงสะท้อนบทบำทของ โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน ที่สำคัญ 3 ประกำร คือบทบำทเป็นสถำนศึกษำบทบำท เป็นศูนย์กลำงในกำรพัฒนำคุณภำพ ชวี ิต และบทบำทเป็นหน่วยรักษำควำมม่นั คงปลอด ภัยและรักษำควำมสงบเรียบร้อยของชมุ ชน

ผลจำกกำรพัฒนำโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน ไ ด้ รั บ ก ำ ร ย อ ม รั บ จ ำ ก ห น่ ว ย ง ำ น แ ล ะ อ ง ค์ ก ร ทั้ ง ใ น แ ล ะ ต่ำงประเทศ โดยได้รับรำงวัลเกียรติยศด้ำนกำรรู้หนังสือของ สมำคมกำรอ่ำนระหว่ำงประเทศประจำปี 2532 จำกองค์กำร ยูเนสโก ในผลงำนเรื่อง“บทบำทของตำรวจตระเวนชำยแดน ในกำรจัดกำรศึกษำแก่ชำวเขำ และประ ชำชนไกล คมนำคม” (The Role of Border Patrol Police in The Education Programs for Highland Minorities and People in Remote Areas) เมื่อ 8 กันยำยน พ.ศ.2532 และได้รับ โล่รำงวัล จำกกำรประกวดผลงำนในประเทศ รำงวัล หน่วยงำนดีเด่นของชำติ สำขำกำรพัฒนำสังคม (ด้ำน กำรศึกษำ) ประจำปี พ.ศ.2539 จำกคณะกรรมกำร เอกลักษณ์ของชำติ สำนักนำยกรัฐมนตรี ในด้ำนกำรพัฒนำ คุณภำพชีวิตอันจะส่งผลให้เกิดควำมม่ันคงของชุมชน และ ประเทศชำติ ในปี พ.ศ.2557 มีโรงเรียนตำรวจตระเวน ชำยแดนท้ังหมด 196 โรงเรียนประกอบด้วย โรงเรียนตำรวจ ตระเวนชำยแดน ที่จัดกำรศึกษำระดับประถมศึกษำ 161 โรง ศูนย์กำรเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน (จัดกำรศึกษำ ระดบั ประถมศึกษำ) 31 แห่งโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน ขยำยโอกำส 2 โรงและโรงเรียนระดับมัธยมศึกษำอีก 2 โรง (สำนักงำนโครงกำรสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรม รำชกุมำรี 2558: 8 กองบัญชำกำรตำรวจตระเวนชำยแดน 2556: 73 - 91)

โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน ในอาเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี มีจานวน 3 แห่ง ดงั นี้ โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนบา้ นโป่งลึก โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนนเรศวรบ้านห้วยโสก โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนบา้ นปาเกอะญอ (อินทรีอาสา ศกร)

โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนบา้ นโป่งลึก ที่ตง้ั /พกิ ัด โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบ้ำนโป่งลึก ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 บ้ำนโป่งลึก ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบรุ ี สังกัดกองกำกบั กำรตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 14 (คำ่ ยพระมงกฎุ เกล้ำ) มีพื้นที่ดำเนินกำร 25 ไร่ พกิ ดั NQ413349 (ละติจดู 12.97956668 ลองติจูด 99.38043398)

ประวัติของโรงเรียน ที่ต้ัง บ้ำนโป่งลึกหมูที่ 2 ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี พิกัดNQ 413349 (ละติจูด12.97596668 ลองติจูด 99.3804398) เมื่อวันที่ 7 กรกฏำคม 2535 นำยนิรันดร์พงศ์เทพ ผู้ใหญ่บ้ำนบ้ำนโป่ง ลึก หมู่ที่ 7 ตำบลสองพ่ีน้องกิ่งอำเภอแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี ได้ยื่น หนังสือถึงผู้กำกับกำรตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 14 เพื่อดำเนินกำรจัดต้ัง โรงเรียนเพรำะหมู่บ้ำนอยู่ห่ำงไกลควำมเจริญ กำรคมนำคมไม่สะดวก มีประชำชนอำศัยอยู่ จำนวน 80 ครัวเรือน ประชำกร 300 คน แต่ไม่ สำมำรถจัดต้ังได้เนื่องจำกขัดกับระเบียบ/นโยบำยของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์และอทุ ยำนแห่งชำตแิ ก่งกระจำน เมื่อ พฤศจิกำยน 2535 กองร้อยตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 144 กอง กำกับกำรตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 14 ต้ังฐำนปฏิบัติกำรที่บ้ำนโป่งลึกได้ ประสำนกับกำรศึกษำนอกโรงเรียนเพื่อให้เข้ำมำดำเนินกำรให้กำรศึกษำกับ ประชำชน โดยดำเนินกำรจัดต้ัง “ศูนย์ส่งเสริมกำรศึกษำบ้ำนโป่งลึก”เพื่อ แก้ปัญหำเยำวชนไม่รู้หนังสือและเพื่อควำมม่ันคงตำมแนวชำยแดน และ ต่อมำ เมื่อ มกรำคม 2538 กองกำกับกำรตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 14 ได้ ส่งครจู ำนวน 1 คน ร่วมกับลูกจ้ำงอทุ ยำนแห่งชำตแิ ก่งกระจำน 1 คน เปิดทำ กำรสอนเด็กก่อนวัยเรียนบ้ำนโป่งลึก-บำงกลอย โดยรำษฏรได้จัดสรรที่ดิน สำธำรณะประโยชนจ์ ำนวน 25 ไร่ เพื่อสร้ำงอำคำรชัว่ ครำวจำนวน 2 หลงั

สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสด็จพระราชดาเนนิ ไปทรงติดตามผลการดาเนนิ งาน โครงการตามพระราชดาริ และทรงเยย่ี มราษฎร จานวน 5 ครั้ง ดังนี้ คร้ังที่ 1 วันที่ 16 สิงหำคม 2537 คร้ังที่ 2 วนั ที่ 26 มกรำคม 2548 คร้ังที่ 3 วนั ที่ 11 มกรำคม 2553 ครั้งที่ 4 วันที่ 13 มกรำคม 2558 คร้ังที่ 5 วันที่ 15 มกรำคม 2563

โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนนเรศวรบ้านห้วยโสก ทีต่ ัง้ /พิกัด โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนนเรศวรบ้ำนห้วยโสก ต้ังอยู่หมู่ที่ 9 บ้ำนปำงไม้ ตำบลป่ำเด็ง อำเภอแก่งกระจำน จังหวัด เพชรบรุ ี สังกดั กองกำกับกำรตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 14 (คำ่ ยพระมงกุฎเกล้ำ) มีพื้นที่ดำเนินกำร 25 ไร่ พิกัด NP584996 (ละติจูด 12.6597833 ลองติจูด 99.5390978) ต้ังอยู่ในเขตอุทยำนแห่งชำติแก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี มีพื้นที่ดำเนินกำร 25 ไร่

โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนนเรศวรบ้านห้วยโสก ประวัตคิ วามเป็นมา/กอ่ ตั้ง/การเสดจ็ ฯเยีย่ ม โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนนเรศวรบ้ำนห้วยโสก ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้ำนปำงไม้ ตำบลป่ำเด็ง อำเภอแก่งกระจำน จังหวัด เพชรบรุ ี สังกดั กองกำกบั กำรตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 14 (คำ่ ยพระมงกุฎเกล้ำ ) มีพื้นที่ดำเนินกำร 25 ไร่ พิกัด NP584996 (ละติจูด 12.6597833 ลองติจูด 99.5390978) เริ่มก่อตั้งเมื่อ วันที่ 1 เดือน มกรำคม พ.ศ. 2528 โดยกอง กำกับกำรสนับสนุนทำงอำกำศตำรวจตระเวนชำยแดน(ค่ำยนเรศวรหัวหิน) อยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภำคม พ.ศ. 2533 กองกำกับกำรสนับสนุนทำงอำกำศ ได้มอบโอนพื้นที่รับผิดชอบให้กอง กำกับกำรตำรวจตระเวนชำยแดนที่ 14 ดำเนินกำรต่อมำ ปัจจุบันเปิดทำกำรสอนตั้งแต่ระดับอนุบำลถึง ชั้นประถมศึกษำปีที่ 6 จำนวน 9 ห้องเรียน ครู ตชด. 7 นำย ผู้ดูแลเด็ก 2 คน ครูอัตรำจ้ำงช่ัวครำว 4 คน ครูข้ันวิกฤตคู่พัฒนำโรงเรียน ตชด. 1 คน มีคณะกรรมกำรสถำนศึกษำ จำนวน 9 คน พื้นที่ เขตบริกำรของโรงเรียน มี 5 หมู่บ้ำน 1,009 ครัวเรือน ประชำกร 1,880 คน ชำย 1,470 คน หญิง 1,269 คน รำษฎรประกอบ อำชีพ ทำไร่ และรบั จ้ำง รำยได้เฉลี่ย 20,000- 30,000 บำทตอ่ ปี นบั ถือศำสนำพุทธ นักเรียนส่วนใหญ่มีผู้ปกครองรับ –ส่ง บำงส่วนเดินเท้ำมำโรงเรียนและใช้จักรยำน โรงเรียนมัธยมที่ใกล้ที่สุด คือ โรงเรียน ป่ำเด็งวทิ ยำ อยู่ห่ำงจำกโรงเรียน 14 กิโลเมตร โรงพยำบำลส่งเสริมสขุ ภำพชุมชน 1 แหง่ อยู่ห่ำงจำกโรงเรียน 10 กิโลเมตร มี ร้อยตำรวจเอกอำนำจ สัมพันธ์ เป็นครูใหญ่ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำ ฯ สยำมบรมรำชกุมำรี เสด็จพระรำชดำเนิน ไปทรงติดตำมผลกำรดำเนนิ งำนโครงกำรตำมพระรำชดำริ และทรงเยีย่ มรำษฎร จำนวน 4 ครั้ง ดงั น้ี ครั้งที่ 1 เมือ่ วนั ที่ 22 มีนำคม พ.ศ. 2538 ครง้ั ที่ 2 เมือ่ วันที่ 26 มกรำคม พ.ศ. 2548 คร้ังที่ 3 เมื่อวันที่ 11 มกรำคม พ.ศ. 2553 คร้ังที่ 4 เมือ่ วันที่ 13 มกรำคม พ.ศ. 2558 ปัจจุบันโรงเรียนมีพื้นที่ท้ังหมด จำนวน 25 ไร่-งำน–ตำรำงวำ

โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนบ้านปาเกอะญอ (อินทรีอาสา ศกร) หมทู่ ี่ 6 บา้ นปาเกอะญอ ตาบลปา่ เดง็ อาเภอบางแก่งกระจาน จังหวดั เพชรบุรี โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบ้ำนปำเกอะญอ (อินทรีอำสำ ศกร) ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 บ้ำนป่ำเด็งใต้ ตำบลป่ำเด็ง อำเภอ แก่งกระจำน จังหวดั เพชรบุรี ตง้ั อยู่ในเขตอุทยำนแหง่ ชำติแก่งกระจำน จงั หวัดเพชรบรุ ี มีพื้นทีด่ ำเนินกำร 25 ไร่ พกิ ดั NP 555970 (ละติจดู 12.637495 ลองตจิ ูด 99.507874)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook