เรอ่ื ง การแตง่ กลอนสุภาพ โดย นายประพันธุ์ สมนั จิตร์ ตาแหน่งครชู านาญการ บทเรียนสาเร็จรูปนี้ จดั ทาขน้ึ ประกอบการเรยี น รายวชิ าภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ โรงเรียนสนั ติสขุ พิทยาคม อาเภอสันตสิ ขุ จงั หวัดนา่ น สานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษาที่ ๓๗
คำนำ บทเรียนสาเร็จรูปเล่มนี้จัดทาข้ึนเพื่อประกอบการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย เรื่อง การแต่ง กลอนสุภาพ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ซ่ึงได้กาหนดเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้กลุ่มสาระวิชา ภาษาไทย ซง่ึ จะช่วยพัฒนาผเู้ รยี นไดเปน็ อย่างดี เนื้อหาบทเรียนสาเร็จรูป เร่ือง การแต่งกลอนสุภาพ ประกอบไปด้วยฉันทลักษณ์ และลักษณะ ของกลอนสุภาพ เช่น คณะ สัมผัส เสียงวรรณยุกต์ เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษา และนาความรู้ไปเป็น พ้ืนฐานในการแต่งคาประพันธ์ประเภทร้อยกรองต่อไป โดยมีเนื้อหาและวิธีการเรียนรู้ของบทเรียน สาเร็จรูปเป็นระบบโดยการเรียนรูจ้ ากง่ายไปหายาก ซึง่ ผจู้ ดั ทาไดน้ ากระบวนการสอนภาษาไทยมาพัฒนา คุณภาพนักเรียน มุ่งเน้นให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงตามศักยภาพของแต่ละบุคคลอย่างมีความสุข โดย ผ่านกระบวนการฝึกปฏิบัติ ฝึกทางานเป็นกลุ่ม ฝึกนิสัยใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และมีนิสัยรักการอ่าน ซ่ึงผู้เรียน และผู้สนใจสามารถศึกษาเนื้อหาและประเมินผลการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง ตามขนั้ ตอนที่กาหนดไว้ โดยมีการ เสรมิ แรงใหก้ ับผเู้ รียนเป็นระยะๆ มแี บบฝกึ หดั และเฉลยคาตอบให้ทราบผลในทันที ผู้เรียนจะค้นพบการ เรียนรู้ด้วยตนเอง และเกิดทกั ษะในการทางาน ข้าพเจ้าขอขอบคุณผู้ให้คาปรึกษา คาแนะนา ในการจัดทาแบบฝึกทักษะเล่มน้ี คือ นายวสันต์ กิวัฒนา ผอู้ านวยการโรงเรียนสันติสุขพิทยาคม นางสุวพัชร เนียมหอม ครูครูชานาญการพิเศษ หัวหน้า กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยโรงเรียนสันติสุขพิทยาคม และผู้ให้ความอนุเคราะห์เป็นผู้เป็นผู้เช่ียวชาญ ในการตรวจทานความถูกตอ้ งของเนอื้ หาสาระ รูปแบบการพมิ พ์ และการวัดผลประเมนิ ผล คือ นางสมศรี เสนนันตา และนายนรัญ นนั ทนะวบิ ูลย์ ผู้จัดทาหวังว่าบทเรียนสาเร็จรูปเล่มนี้ คงจะเป็นประโยชน์แก่การจัดการเรียนรู้ อย่างมี ประสิทธภิ าพตอ่ ผเู้ รียน และผู้สนใจไปพฒั นาการเรียนรตู้ ่อไป นายประพนั ธุ์ สมนั จติ ร์ ครูชานาญการ
สำรบัญ หนา้ ก เรือ่ ง ข คานา ง สารบญั จ ค่มู อื การใช้แบบเรียนสาเร็จรูป เร่ือง การแต่งกลอนสภุ าพ ฉ คาแนะนาสาหรบั นักเรียนการใชบ้ ทเรยี นสาเรจ็ รปู การแตง่ กลอนสภุ าพ ช แผนภูมลิ าดับขั้นการเรียน 1 สาระมาตรฐานการเรยี นร้กู ลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรอ่ื ง กลอนสุภาพ 4 แบบเรยี นสาเรจ็ รปู เรือ่ ง การแตง่ กลอนสุภาพ 5 กรอบการเรียนร้ทู ่ี ๑ ความหมายของกลอนสภุ าพ 6 แบบฝกึ กิจกรรมที่ ๑ 8 กรอบการเรยี นรู้ท่ี ๒ ลักษณะบังคับของกลอนสภุ าพ 10 แบบฝึกกจิ กรรมท่ี ๒ 11 กรอบการเรยี นรทู้ ี่ ๓ ประเภทของสัมผัส 13 แบบฝกึ กจิ กรรมที่ ๓ 14 กรอบการเรยี นรู้ที่ ๔ สมั ผัสสระ สัมผสั อักษร 16 แบบฝึกกิจกรรมที่ ๔ 17 กรอบการเรียนรู้ที่ ๕ สมั ผัสนอก สัมผสั ใน 19 แบบฝึกกิจกรรมท่ี ๕ 20 กรอบการเรยี นรทู้ ่ี 6 การแบ่งจงั หวะของกลอนสภุ าพ 21 แบบฝกึ กจิ กรรมท่ี 6 22 กรอบการเรยี นรทู้ ่ี 7 หลกั การแต่งกลอน 25 แบบฝกึ กจิ กรรมที่ 7 แบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง กลอนสุภาพ
สำรบญั หนา้ 28 เร่อื ง 31 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง กลอนสุภาพ 32 เฉลยแบบฝกึ กิจกรรมที่ ๑ 34 เฉลยแบบฝึกกจิ กรรมท่ี ๒ 35 เฉลยแบบฝกึ กจิ กรรมที่ ๓ 37 เฉลยแบบฝึกกจิ กรรมท่ี ๔ 39 เฉลยแบบฝกึ กิจกรรมท่ี ๕ 40 เฉลยแบบฝกึ กิจกรรมที่ 6 43 เฉลยแบบฝกึ กิจกรรมท่ี 7 46 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง กลอนสภุ าพ บรรณานุกรม
คมู่ ือการใช้บทเรยี นสาเร็จรูป เรอ่ื ง การแตง่ กลอนสุภาพ รายวชิ าภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ 1. ส่วนประกอบของบทเรียนสาเรจ็ รูปการแต่งกลอนสภุ าพ ๑.๑ คาชี้แจง ๑.๒ แบบทดสอบก่อนเรียน ๑.๓ เน้ือหาความรู้พรอ้ มแบบฝึกและคาถามทา้ ยเนื้อหา ความรแู้ ต่ละตอน ๑.๔ แบบทดสอบหลงั เรียน 2. การประเมินผล 2.1 ประเมนิ ผลจากการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน–หลงั เรียน 2.2 สงั เกตการปฏิบตั กิ ิจกรรมในแบบฝึกทักษะการแต่งกลอนสภุ าพ 3. คาแนะนาสาหรบั ครู 3.1 ใชบ้ ทเรียนสาเร็จรูปน้ีสอนเสริมแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การแต่งกลอนสุภาพ ในวิชา ภาษาไทยพืน้ ฐาน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ 3.2 ใช้บทเรียนสาเร็จรูปเสริมสาหรับนักเรียนที่เรียนดีและช่วยนักเรียนที่เรียนช้าให้เรียน ได้ทันเพอ่ื น 3.3 ศึกษาบทเรียนสาเร็จรูปต้ังแต่กรอบการเรียนรู้ท่ี ๑ จนถึงกรอบการเรียนรู้สุดท้าย ทัง้ เนื้อหาและกจิ กรรมใหเ้ ข้าใจก่อน 3.4 ศึกษาว่ากิจกรรมใดทคี่ รูตอ้ งเปน็ ผทู้ ใ่ี ห้คาแนะนาช่วยเหลอื หรือใหค้ าปรึกษาบ้าง 3.5 ช้ีแจงให้นักเรียนอ่านคาแนะนาในการใช้บทเรียนสาเร็จรูปและปฏิบัติตามทุกขั้นตอน ทุกกรอบ
คาแนะนาสาหรบั นกั เรยี น บทเรียนสาเร็จรูปเล่มนี้ จัดทาข้ึนเพ่ือให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง โปรดอ่านคาแนะนาก่อน ศึกษาบทเรยี น ดังต่อไปน้ี 1. นักเรียนจะได้ความรู้จากบทเรียนสาเร็จรูป เร่ือง การแต่งกลอนสุภาพ และได้ค้นคว้าหา คาตอบดว้ ยตนเอง 2. บทเรยี นนีไ้ มใ่ ช่ข้อสอบ นกั เรียนไม่ตอ้ งกงั วนใจนกั เรียนค่อยๆ ทาไม่ตอ้ งรีบร้อน พยายามทา ไปช้าๆ ทลี ะกรอบ หากตอนใดไม่เขา้ ใจ ให้อา่ นซา้ จนกว่าจะเข้าใจ 3. ก่อนทนี่ กั เรยี นจะศกึ ษาบทเรียนสาเร็จรปู น้ีควรทาแบบทดสอบก่อนเรยี นก่อน 4. เมอ่ื นกั เรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ครูเกบ็ กระดาษคาตอบของนักเรียนไว้เพ่ือให้นักเรียน ตรวจหลังจากทาแบบทดสอบหลังเรียนแลว้ 5. เรมิ่ ศึกษากรอบการเรยี นรูต้ ัง้ แต่กรอบแรก เรยี งไปตามลาดบั โดยไมข่ า้ มกรอบใดกรอบหนง่ึ 6. อา่ นคาอธบิ ายและคาถามช้าๆ ให้เขา้ ใจหลังจากนกั เรยี นเข้าใจดีแล้วให้ทากิจกรรมและตอบ คาถามตามทก่ี าหนดใหใ้ นแบบฝึกแตล่ ะกจิ กรรม 7. เม่ือทาแบบฝึกหัดในกรอบที่กาลังศึกษาอยู่เสร็จส้ินก่อน แล้วจึงเปิดดูคาตอบในกรอบการ เรยี นรูต้ อ่ ไป 8. กรณตี อบคาถามผิด ให้นักเรยี นยอ้ นกลับไปอ่านขอ้ ความในกรอบการเรยี นร้ทู ีผ่ ่านมา 9. ทาแบบฝึกหดั อยา่ งชา้ ๆ ไมต่ อ้ งรบี ร้อน เหนอ่ื ยหรอื เบ่ือให้พักสกั ครูแ่ ลว้ ค่อยทาต่อไป 10.เม่ือศึกษาครบทุกกรอบการเรียนรู้แล้ว ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เมื่อทา แบบทดสอบหลังเรียนเสร็จแล้ว ตรวจคาตอบเฉลยหน้าถัดไป เพื่อดูความก้าวหน้า ดว้ ยตนเอง 11.นักเรียนบันทึกคะแนนทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน และคะแนนระหว่างปฏิบัติกิจกรรม ในตารางแสดงผลการเรียนที่แจกให้ แล้วนาส่งครูผู้สอนเพื่อเปรียบเทียบความก้าวหน้า ทางการเรยี น 12.นักเรยี นที่ดีจะตอ้ งมีความซื่อสัตยต์ อ่ ตนเองเสมอ จะไม่เปดิ ดูคาตอบล่วงหนา้ เมอื่ ออเจ้า ทราบกนั แลว้ ก็ปฏบิ ตั ิ ตามนเี้ ลยนะ...ออเจา้ ... ...เจา้ คะ่ .... ...เร่มิ เลยนะเจา้ คะ...
แผนภูมิลาดบั ข้ันการเรียน ไมผ่ ่าน อา่ นคาแนะนา การทดสอบ ทดสอบกอ่ นเรยี น ศกึ ษาบทเรยี น ทดสอบหลงั เรยี น ผา่ นการทดสอบ ศกึ ษาเร่อื งใหม่
สาระมาตรฐานการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย สาระท่ี ๔ : หลักการใชภ้ าษา มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษา และหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภมู ิปญั ญาของภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติ ของชาติ ตัวช้วี ดั แตง่ บทร้อยกรอง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรยี นสามารถอธิบายลกั ษณะของกลอนสุภาพได้ถูกต้อง ๒. นกั เรยี นโยงเสน้ สมั ผสั ตามแผนผงั บังคบั ของกลอนสุภาพได้ ๓. นกั เรียนเตมิ คาสมั ผัสท่กี าหนดให้ตามลักษณะบังคับไดถ้ ูกตอ้ ง ๔. นักเรยี นเลอื กคามาแตง่ กลอนสภุ าพได้ถูกต้อง ๕. เม่อื กาหนดวรรคแรกให้นักเรยี นสามารถแตง่ กลอนสภุ าพ ได้อย่างน้อย ๑ บท 6. เมื่อกาหนดภาพให้ นักเรยี นสามารถแต่งกลอนสภุ าพจากจินตนาการ ได้อย่างน้อย ๒ บท
ทดสอบกอ่ นเรยี น คาชแ้ี จง แบบทดสอบมีทงั้ หมด ๑๕ ขอ้ ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบทีถ่ ูกท่ีสดุ แล้วทาเคร่อื งหมายกากบาท () ลงในกระดาษคาตอบใหต้ รงกบั ข้อท่ีเลอื กตอบ 1. ขอ้ ใดกลา่ วถึงลกั ษณะกลอนสภุ าพได้ถูกต้อง ก. กลอนมีคาในแต่ละวรรคมจี านวนตั้งแต่ 5-8 คา ข. กลอนมีหลายประเภทแต่ชอื่ เรยี กมีเพยี งชอ่ื เดยี ว ค. กลอนเป็นร้อยกรองทีแ่ ต่งไมย่ ากแต่คนไทยไม่ค่อยนิยม ง. กลอนเปน็ ร้อยกรองประเภทบงั คบั คณะ สัมผสั และเสยี งวรรณยกุ ต์ 2. การเรียกช่อื กลอนประเภทตา่ งๆ ใช้สิ่งใดเป็นหลกั ก. รปู แบบการแต่ง ข. คาคลอ้ งจองในแตล่ ะบท ค. จานวนคาหรอื พยางค์ในการแต่ง ง. เสียงวรรณยุกต์ในตาแหน่งของกลอน 3. ลักษณะบงั คับของกลอนสภุ าพข้อใด ไมถ่ ูกต้อง ก. คณะบทหน่งึ มี 2 คากลอน หรือ 4 วรรค ข. กลอนเรอื่ งหนง่ึ มีความยาว ประมาณ 5-6 บท ค. กลอนสุภาพมีความยาวเท่าใดกไ็ ด้แต่ต้องจบลงดว้ ยวรรครองเทา่ นนั้ ง. กลอนแต่ละวรรคมีช่อื เรยี กตา่ งกนั วรรคสดบั วรรครบั วรรครอง และวรรคสง่ 4. ข้อใด ไม่ใช่ขอ้ บังคบั ฉันทลักษณ์ของคาประพันธ์ประเภทกลอน ก. สัมผัสนอกเป็นสมั ผัสระหวา่ งวรรค ข. สมั ผสั ในเป็นสมั ผัสอย่ภู ายในวรรค ค. สมั ผัสเชื่อมระหวา่ งบทกาหนด 1 แหง่ ง. คาท้ายวรรคหน้าสัมผสั กบั คาที่ 3 หรือ 4 ของวรรคหลัง
5. ขอ้ ใดไม่ใช่ลักษณะฉนั ทลักษณ์ของคาประพนั ธ์ประเภทกลอน ก. คณะ ข. พยางค์ ค. สัมผัส ง. คาครุ ลหุ 6. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ คณะของกลอนสุภาพได้ถูกตอ้ งทส่ี ดุ ก. บทหนึ่งมี 2 คากลอน หรอื 4 วรรค วรรคหนึ่งมี 8 คา ข. บทหนง่ึ มี 4 คากลอน หรือ 2 วรรค วรรคหน่ึงมี 8 คา ค. บทหน่ึงมี 4 คากลอน หรอื 2 วรรค วรรคหน่งึ มี 7-9 คา ง. บทหนง่ึ มี 2 คากลอน หรือ 4 วรรค วรรคหนง่ึ มี 7-9 คา 7. ข้อใดเรียงลาดับชื่อวรรคของกลอนได้ถกู ต้อง ก. วรรคสดบั วรรคสอง วรรครบั วรรคส่ง ข. วรรครับ วรรคสดบั วรรครอง วรรคสง่ ค. วรรครบั วรรครอง วรรคสดับ วรรคสง่ ง. วรรคสดบั วรรครับ วรรครอง วรรคสง่ 8. สัมผัสบังคับของกลอนสภุ าพ ๑ บทมีกี่คู่ ก. ๒ คู่ ข. ๓ คู่ ค. ๔ คู่ ง. ๕ คู่ 9. คากลอนของบาทเอก มีกี่วรรค ก. ๑ วรรค ข. ๒ วรรค ค. ๓ วรรค ง. ๔ วรรค 10. ขอ้ ใดมที ้งั สัมผสั สระ และสัมผัสอกั ษร ก. ขุนช้างเรียกวา่ แม่วันทอง ข. คิดถึงยามปลูกรกั มักเปน็ เตย ค. สาลกิ าเจา้ ก็ร้องอย่างน้ันบา้ ง ง. ชมแตเ่ ตยแตกหนามเมื่อยามโซ
11. เสยี งวรรณยุกตท์ ่ีบงั คบั ในคาสุดท้ายในแตล่ ะวรรคข้อใดไม่ถูกตอ้ ง ก. คาสุดทา้ ยวรรคท่ี 1 ไมน่ ิยมเสียงสามญั ข. คาสดุ ทา้ ยวรรคท่ี 2 ไม่นิยมเสียงจตั วา ค. คาสดุ ท้ายวรรคที่ 3 ไม่นิยมเสียงจัตวา ง. คาสดุ ท้ายวรรคที่ 4 นิยมเสียงสามญั 12. ลกั ษณะบงั คับของกลอนสุภาพในเร่ืองใดที่ไม่ไดม้ ีการบงั คบั ใช้ เปน็ แต่เพียงความนยิ ม ก. คณะ ข. สมั ผัส ค. ความยาว ง. เสียงวรรณยกุ ต์ 13. ข้อความใดมีสมั ผสั อักษรมากทส่ี ุด ก. ชวี ติ น้ีไมม่ ีอะไรดอก ข. ยรุ ยาตรย่างยามงามสงา่ ค. หมัน่ ฝักใฝ่ไตรต่ รองมองมรรคผล ง. องคอ์ ่อนชอ้ ยลอยเล่ือนเคลอ่ื นกายา 14. ถ้าจัดลาดบั ของกลอนบทนใ้ี หม่ วรรครองควรเป็นกลอนวรรคใดในขอ้ ต่อไปน้ี ก. แต่ใจมันไม่กลา้ ท้าถามเลย ข. อยากจะถามใจเธอนอี้ ีกทีนัก ค. ซงึ่ มอบรกั ภักดีทุกว่ีวัน ง. ใหป้ ระจักษแ์ กใ่ จคนใฝฝ่ ัน 15. ขอ้ ใดมสี มั ผสั ระหวา่ งวรรค ก. นากลกลอนลลี ามาเชิดชู ตามแบบครูชแ้ี นะใหแ้ กะรอย ข. พรมชวี ิตชมุ่ ชนื่ ให้พืชพันธ์ุ มอบแมกไมม้ วลมนษุ ยส์ ดุ พรรณนา ค. แกว้ ประกายพรายพรา่ งทางกลอนแก้ว วามวับแวมวาดลายไวง้ ามหรู ง. ละอองโปรยเปยี กปอนตอนเย็นย่า สายฝนพรมพรูพรา่ งสร้างสขุ สรรค์
กรอบการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ความหมายของกลอนสุภาพ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของ “กลอนสุภาพ” ว่า “น. กลอนเพลงยาว บางครั้งเรียกวา่ กลอนตลาด” รศ.วิเชียร เกษมประทุม อธิบายในหนังสือ “ลักษณะคาประพันธ์ไทย” ว่า “กลอนแปดเป็น กลอนสุภาพท่ีมีผู้นิยมแต่งกันมากที่สุด เน่ืองจากมีจานวนคาไม่มากไม่น้อยเกินไป สามารถเก็บความได้ พอดี ถือเปน็ กลอนพื้นฐานของกลอนต่างๆ” กรมศิลปากร ได้อธิบายไว้ในหนังสือ การประพันธ์โคลงส่ีสุภาพไว้ว่า คาประพันธ์ ที่ต่อท้ายว่า \"สุภาพ\" นับว่าเป็นคาประพันธ์ที่แสดงลักษณะเป็นไทยแท้ ด้วยมีข้อบังคับในเร่ือง \"รูปวรรณยุกต์\" ใน กลอนสุภาพนอกจากมีบังคับเสียงสระเป็นแบบแผนเช่นกลอนปกติแล้ว ยังบังคับรูปวรรณยุกต์เพิ่ม จึงมี ข้อจากดั ทง้ั รูปและเสยี งวรรณยุกต์ เปน็ การแสดงไหวพรบิ ปฏิภาณและความแตกฉานในการใช้ภาษาไทย ของผู้แต่งให้เด่นชัดยิ่งข้ึน กลอนเป็นคาประพันธ์ชนิดหนึ่ง ที่มีรูปแบบลักษณะบังคับ คือ คณะ สัมผัส และเสียงวรรณยกุ ต์ ซง่ึ เป็นคาประพันธ์ทรี่ ู้จักกันท่วั ไป กลอนสุภาพ เปน็ กลอนประเภทหนึ่ง ซึ่งลกั ษณะคาประพันธ์ ของภาษาไทย ทีเ่ รยี บเรียงเข้าเปน็ คณะ ใช้ถอ้ ยคาและทานองเรียบๆ ซึ่งนบั ไดว้ า่ กลอนสภุ าพเป็นกลอนหลักของกลอนทั้งหมด เพราะเปน็ พื้นฐานของกลอนหลายชนดิ หากเขา้ ใจกลอนสภุ าพ ก็สามารถเขา้ ใจ กลอนอืน่ ๆ ได้ง่ายขึน้ กลอน มชี อื่ เรยี กตา่ งๆ กันตามลกั ษณะ เช่น กลอนส่ี กลอนหก กลอนแปด กลอนดอกสรอ้ ย กลอนบทละคร กลอนสักวา เป็นต้น กลอนมที ่มี าจากนิสยั พนื้ ฐานของคนไทย คอื คนไทยมีนิสัย เจ้าบทเจา้ กลอนนยิ มพูดจาคลอ้ งจองกัน จะเห็นได้จาก บทเพลงตา่ งๆ สภุ าษติ คาพงั เพย และสานวนไทย คาคลอ้ งจอง หรอื เรยี กอกี อยา่ งหนึง่ วา่ สมั ผัส สัมผสั เปน็ ข้อบังคับอยา่ งหนงึ่ ของคาประพนั ธ์ประเภทกลอน
กจิ กรรมท่ี ๑ ๑ อ่านข้อความตอ่ ไปน้ีแล้วเขียนเครอ่ื งหมาย หนา้ ข้อถูก และเขียนเคร่อื งหมาย หน้าข้อท่ีผดิ ๑. กลอนเป็นคาประพันธ์ชนิดหน่งึ ท่ีบงั คบั คณะและสัมผสั ๒. กลอนมีที่มาจากนิสยั พ้ืนฐานของคนไทย 3 กลอนแปดกับกลอนสภุ าพคือคาประพนั ธ์ชนิดเดียวกนั ๔. คาคลอ้ งจองมชี ือ่ เรียกอกี อย่างหน่งึ ว่าคณะ ๕. คาประพนั ธ์ ทตี่ ่อทา้ ยว่า “สภุ าพ” เป็นคาประพนั ธท์ แี่ สดงความเป็นไทยแท้ มขี ้อบังคบั ในเร่ือง “รปู วรรณยุกต์” ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ขอ้ ละ ๑ คะแนน ๕ ๒. เลือกคาตอบที่ถูกต้องเติมในชอ่ งวา่ งของขา้ ตอ่ ไปนี้ นกั เรยี นสามารถเลอื กเติมได้มากกวา่ ๑ คา เสยี งวรรณยุกต์ เสยี งวรรณยุกต์ คณะ เจา้ บทเจา้ กลอน กลอนแปด กลอนตลาด สมั ผสั คาประพนั ธช์ นิดหนึ่ง ๑. คนไทยมนี สิ ยั ................................................................................................................. ....................... ๒. กลอน หมายถงึ .................................................................................................................................... ๓. บงั คับของกลอน ไดแ้ ก.่ ..................................................................................................... .................... ๔. กลอนสุภาพเรยี กอกี อย่างหนงึ่ ว่า........................................................................................................... ๕. คาคลอ้ งจองเรียกอกี อยา่ งหน่ึงว่า........................................................................................... ............... ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ขอ้ ละ ๑ คะแนน ๕
กรอบการเรยี นรทู้ ี่ ๒ ลกั ษณะบังคบั ของกลอนสภุ าพ กลอนสภุ าพมีแผนผังบังคับดังน้ี ตัวอย่าง อ่านสามตอน ทกุ วรรค ประจกั ษ์แถลง กลอนสุภาพ แปดคา ประจาบ่อน ตอนสามแจง้ สามคา ครบจานวน ให้ฟาดฟดั ข้อความ ตามกระสวน ตอนต้นสาม ตอนสอง สองแสดง จึงจะชวน ฟงั เสนาะ เพราะจบั ใจ กาหนดบท ระยะ กะสมั ผัส วางจังหวะ กะทานอง ต้องกระบวน หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถกึ จิตรกถกึ )
คณะของกลอนสุภาพ ๑. กลอนหนงึ่ บทมี ๒ บาท คือ บาทเอกกับบาทโท กลอนหน่ึงบาทมี ๒ วรรค กลอน ๑ วรรคใชค้ า ๗ – ๙ คา แต่นยิ ม ๘ คา ๒. กลอนหนง่ึ บทมี ๔ วรรค วรรคที่ ๑ เรียกวรรคสดับ วรรคท่ี ๒ เรยี กวรรครบั วรรคที่ ๓ เรยี กวรรครอง วรรคที่ ๔ เรยี กวรรคสง่ ๓. สัมผัส สัมผสั ของกลอนสุภาพ สมั ผสั นอกเปน็ สมั ผสั บังคับ มี ๓ คู่ ๕ แหง่ ดงั น้ี - คาสุดท้ายของวรรคที่ ๑ ส่งสมั ผัสไปยงั คาที่ ๓ หรือ ๕ ของวรรคท่ี ๒ - คาสดุ ท้ายของวรรคท่ี ๒ สง่ สมั ผสั ไปยังคาสุดทา้ ยของวรรคที่ ๓ - คาสดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๓ ส่งสัมผัสไปยงั คาที่ ๓ หรอื ๕ ของวรรคที่ ๔
กจิ กรรมที่ ๒ ๑. ใหน้ ักเรยี นเขียนแผนผงั กลอนสภุ าพตามคากลอนต่อไปน้ี ภาษาไทยของเรานมี้ ีทานอง มีสัมผัสคล้องจองนา่ ศึกษา พยญั ชนะของไทยนบั นานา เสียงสงู ต่านนั้ หนาน่าสนใจ (ศาสตราจารย์ ดร.สุจริต เพียรชอบ) แผนผงั ............................................... .................................................. ............................................................. .............................................. ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ 6 ตอบถูกต้องแผนผังละละ ๑ คะแนน ผิด ๑ แหง่ 4 คะแนน ผิด ๒ แห่ง 2 คะแนน ผิด ๓ แห่ง ๐ คะแนน ๒. ให้นักเรียนเลอื กคาตอบท่ีถกู ต้องเติมลงในชอ่ งวา่ ง ๑. กลอน 1 บทมี 2 บาท บาทแรกเรยี กว่า ..........................................(บาทเอก, บาทโท) ๒. กลอนวรรคแรกมีชื่อเรยี กว่า..............................................................(วรรคสดบั , วรรครับ) ๓. กลอนวรรคทสี่ องมีชื่อเรียกว่า............................................................(วรรครับ, วรรคส่ง) ๔. กลอนวรรคที่สามมชี ่อื เรียกว่า............................................................(วรรครอง, วรรคสดบั ) ๕. กลอนวรรคท่ีสมี่ ชี ื่อเรียกว่า................................................................(วรรคสดับ, วรรคส่ง) ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ขอ้ ละ ๑ คะแนน ๕
๓. ใหน้ กั เรียนเติมคาในช่องวา่ งตอ่ ไปน้ี ๑. กลอน ๑ บทม.ี ................................วรรค ๒. กลอน ๑ บทมี................................บาท ๓. กลอน ๑ บาทมี..............................วรรค ๔. กลอน ๑ วรรคนิยมใช้....................คา ๕. กลอน ๑ บทมีสัมผัสบังคบั .............แหง่ ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน ๕ เปน็ เยีย่ งไรบา้ งหนอ...ออเจา้ ไมย่ ากเลยใชไ่ หม ส้ๆ...นะ....
กรอบการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ประเภทของสมั ผัส สมั ผสั คือ คาคล้องจอง สมั ผัสของกลอน แบง่ ออกเปน็ ๔ ประเภท ดังนี้ 1. สมั ผัสนอก คือ สัมผัสนอกวรรค ระหว่างวรรค ระหว่างบาทและระหว่างบท เป็นสัมผัสบังคับ และตอ้ งเป็นสัมผสั สระเทา่ นนั้ 2. สัมผัสใน คือ สัมผัสในวรรคเดียวกัน มีท้ังสัมผัสสระและสัมผัสอักษรเป็นสัมผัสไม่บังคับ มีก็ได้ ไมม่ กี ไ็ ด้ ถ้ามจี ะเพิม่ ความไพเราะของกลอน 3. สัมผัสสระ คือ คาที่มีเสียงสระเสียงเดียวกัน สั้นยาวเท่ากัน ถ้ามีตัวสะกดต้องอยู่มาตรา เดียวกนั เช่น ชี-พลี , ไฟ – ใจ , ตา – ลา 4. สัมผัสอักษร คอื คาท่ีมเี สียงพยญั ชนะตน้ เสียงเดยี วกัน หรอื ตวั เดียวกัน เช่น ไหว –หวิว , แจ่ม – จา้ – จรัส, พลอย – โพยม, เมือ่ เข้าใจประเภทของ สัมผสั แล้วเรามาทาแบบ ฝึกใน กิจกรรมที่ ๓ กัน เถดิ หนา...
กจิ กรรมท่ี ๓ ๑. ใหน้ กั เรียนศึกษาแผนผงั กลอนสุภาพน้ี แล้วตอบคาถามโดยเลือกคาตอบมาเติมคาในชอ่ งวา่ ง ใหถ้ กู ต้อง ๑. สมั ผัสระหวา่ งวรรคคอื สมั ผัส...................................................( สัมผสั นอก , สัมผัสอักษร ) ๒. สัมผัสระหว่างบาทคือสัมผสั ....................................................(บงั คบั , ไม่บงั คบั ) ๓. กลอน ๑บทมีสัมผัส.................................................................แหง่ (๕ แหง่ , ๖ แหง่ ) ๔. สมั ผัสระหวา่ งวรรคคือสัมผัส...................................................(สัมผัสสระ , สมั ผสั อกั ษร) ๕. สัมผสั ในเป็นสัมผสั ...................................................................(บงั คบั , ไมบ่ งั คบั ) ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ข้อละ ๑ คะแนน ๕
๒. ใหน้ กั เรยี นอา่ นกลอนสุภาพตอ่ ไปน้แี ล้วบอกคาที่เปน็ สมั ผัส อันนนิ ทากาเลเหมือนเทนา้ ไมช่ อกชา้ หมอื นเอามีดมากรดี หิน แม้องคป์ ฏิมายังราคิน คนเดินดนิ หรือจะส้ินคนนนิ ทา (พระอภยั มณี : สุนทรภู่) ๑. คาสัมผัสวรรคสดับกบั วรรครบั คือ............................................................................................ ๒. คาสัมผัสวรรครองกบั วรรคสง่ คอื ............................................................................................. ๓. คาสัมผสั ระหว่างบาทคอื ......................................................................................................... ๔. คาสัมผัสในของวรรครบั คอื ..................................................................................................... ๕. คาสัมผสั ในของวรรครองคอื .................................................................................................... ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ข้อละ ๑ คะแนน ๕ ประเมนิ ผล คะแนนเต็ม ได้ ๑๐ ตอบถูกต้องทงั้ ๔ ประเภท ๔ คะแนน ตอบถูกตอ้ ง ๓ ประเภท ๓ คะแนน ตอบถูกตอ้ ง ๒ ประเภท ๒ คะแนน ตอบถูกตอ้ ง ๑ ประเภท ๑ คะแนน
กรอบการเรยี นรทู้ ี่ ๔ สัมผัสสระ – สัมผสั อักษร สัมผัสสระ คอื คาทม่ี ีเสียงสระเสยี งเดยี วกัน และอยใู่ นมาตราตัวสะกดเดียวกัน ตัวอยา่ ง เขาหลบั เรื่อยเหน่อื ยอ่อนนอนสนิท พ่นี ี้คิดใคร่ครวญจวนสวา่ ง (นิราศเมืองเพชร : สุนทรภู่) สมั ผสั สระ ได้แก่ (เรอื่ ย – เหนื่อย) , (ออ่ น – นอน) , (พ่ี – น้ี) , (ครวญ, จวน) สัมผัสอกั ษร คือ คาท่ีมีเสยี งพยัญชนะคล้องจองกันโดยไม่กาหนดเสียงสระ และวรรณยุกต์ สัมผสั อกั ษร เป็นสมั ผัสทีเ่ พม่ิ ความไพเราะให้กับกลอน ตวั อย่าง กระจาบจ้อยโจนจบั จกิ กระพรวน นางนวลนอ้ ยนอนแนบน้าในนานี้ สัมผัสอักษร ได้แก่ (จาบ – จอ้ ย – โจน – จบั – จกิ ) , (นาง – นวล – น้อย – นอน – แนบ น้า – ใน – นา – น้ี)
กจิ กรรมท่ี ๔ ๑. ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบวา่ คาทก่ี าหนดใหเ้ ป็นสัมผัสชนิดใดแล้วเขียนเครือ่ งหมาย ในช่อง ตารางทกี่ าหนดให้ ข้อ สัมผัสสระ สมั ผัสอักษร 1. ดอก – ดวง 2. ปลา – นา 3. นา้ – เหนือ 4. โอบ – ออ้ ม 5. โหย - หิว 6. ดี – มี 7. เฝ้า – เคล้า 8. ชาย – คล้าย 9. หู – หาย 10.ผ้า – ผ่อน ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ขอ้ ละ ๑ คะแนน 10
๒. ใหน้ ักเรยี นเลอื กและขีดเสน้ ใต้ (เปน็ สมั ผสั สระ , หรือเปน็ สมั ผัสอกั ษร) ที่กาหนดให้ในวงเล็บ 1. ครอก , โครก , มุ่ง , มาด เป็นสัมผสั ( สัมผสั สระ , สมั ผสั อักษร ) 2. โชย , โปรย , หนู , หรู เปน็ สมั ผัส ( สัมผสั สระ , สมั ผัสอกั ษร ) 3. ว่งิ , ว่าย , บัว , บาน เป็นสมั ผสั ( สมั ผัสสระ , สมั ผัสอกั ษร ) 4. ไหล , ไป , บา้ น , ธาร เป็นสมั ผสั ( สมั ผัสสระ , สมั ผสั อักษร ) 5. หวาน , ปาน , ชี ,วี เปน็ สัมผัส ( สัมผสั สระ , สมั ผัสอกั ษร ) ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ข้อละ ๑ คะแนน 5 ๓. ใหน้ กั เรยี นหาคาสมั ผัสอักษรมาสัมผสั กบั คาที่กาหนดใหข้ ้อละ 5 คา ตวั อย่าง ตา เตา ตม้ ตี ไต 1. รกั 2. งา่ ย 3. เรือ 4. ป่า 5. กา ๓. ให้นักเรียนหาคาสมั ผสั สระมาสัมผสั กับคาที่กาหนดให้ขอ้ ละ 5 คา ตวั อย่าง ใจ ให้ ใย ใช้ ใด 1. ทา่ 2. ชู้ 3. ล้ม 4. ลงิ 5. หาย ประเมนิ ผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ขอ้ ละ ๑ คะแนน 5
กรอบการเรยี นรทู้ ่ี ๕ สัมผสั นอก – สัมผสั ใน สมั ผสั นอก คอื คาที่มเี สียงคล้องจองกนั ระหว่างวรรคหรือนอกวรรค ซึง่ เปน็ สมั ผัสบังคบั และเปน็ สัมผัสสระเทา่ นัน้ ตัวอยา่ ง มีสลึงพึงประจบใหค้ รบบาท อย่าให้ขาดส่ิงของต้องประสงค์ จงมกั น้อยกนิ น้อยค่อยบรรจง อยา่ จ่ายลงใหม้ ากจะยากนาน (สุภาษิตสอนหญิง : สนุ ทรภู่) สัมผสั นอกจากตวั อยา่ ง ได้แก่ บาท – ขาด , สงค์ – จง – ลง สัมผัสใน คือ คาคล้องจองกนั ภายในวรรคคาท่ีคล้องจองกันนั้นจะคล้องจองกนั ด้วยเสียงสระหรือเสียงพยญั ชนะกไ็ ด้แตต่ ้องอยู่ในวรรคเดียวกัน ตวั อย่าง เขาหลับเรื่อยเหน่ือยอ่อนนอนสนิท พ่ีนี้คิดใคร่ครวญจวนสวา่ ง เสียงนกร้องซ้องแซค่ รอแครคราง ทงั้ ลิงคา่ งครอกโครกละโอกโอย (นริ าศเมืองเพชร : สุนทรภู่) สมั ผัสในจากตวั อยา่ งได้แก่ วรรคสดับ เร่อื ย – เหนื่อย, อ่อน – นอน, เหน่ือย – นอน – สนทิ วรรครับ พี่ – นี้, ครวญ – จวน, คิด – ใคร่ – ครวญ, วรรครอง รอ้ ง – ซอ้ ง, ซ้อง – แซ่, ครอ – แคร – คราง วรรคสง่ โครก – โอก, ลิง – ละ, ค่าง – ครอก – โครก, โอก – โอย
กจิ กรรมท่ี ๕ ๑. ใหน้ กั เรยี นอา่ นบทประพนั ธต์ อ่ ไปน้ี แล้วพจิ ารณาวา่ ขอ้ ใดถกู ให้เขยี นเคร่ืองหมาย ข้อใดผดิ ใหเ้ ขียนเครอื่ งหมาย ในช่องวา่ งหน้าข้อ จะพูดจาปราศรัยกับใครน้ัน อย่าตะค้ันตะคอกให้เคอื งหู ไมค่ วรพูดอื้ออึงข้ึนมึงกู คนจะหลูล่ ว่ งลามไม่ขามใจ (สภุ าษติ สอนหญิง : สุนทรภ)ู่ 1. วรรคสดบั มีคาสัมผสั สระ คือ จา – ปรา 2. วรรครบั มคี าสมั ผสั อักษร คือ ตะคนั้ – ตะคอก – เคือง 3. วรรครองมคี าสมั ผัสสระคือ ออ้ื – อึง -มงึ 4. วรรคสง่ มีสัมผสั สระคอื ลาม – ขาม 5. สัมผัสนอกคือ นั้น – ค้ัน, หลู่ – ล่วง ประเมนิ ผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ขอ้ ละ ๑ คะแนน 5 ๒. ให้นักเรยี นอ่านบทประพันธต์ ่อไปนี้แลว้ ตอบคาถามโดยการเติมคาในชอ่ งวา่ ง อนั ความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใสเ่ สียในฝกั สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จงึ คอ่ ยชกั เชือดฟนั ให้บรรลัย (เพลงยาวถวายโอวาท : สุนทรภู่) ๑. สัมผสั ระหวา่ งวรรคสดบั กบั วรรครับ คือ ..................................................................... ๒. สัมผสั ระหวา่ งวรรครองกับวรรคสง่ คอื ....................................................................... ๓. สมั ผัสระหว่างวรรครบั กับวรรครอง คือ ...................................................................... ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ขอ้ ละ ๑ คะแนน 3
๓. ให้นกั เรยี นบอกคาสัมผัสในจากคาประพนั ธ์ตอ่ ไปน้ี 1. ถึงม้วยดนิ ส้ินฟ้ามหาสมุทร สมั ผสั ในคือ ………………………………………………………………… 2. ไมส่ ิ้นสุดความรักสมคั รสมาน สัมผสั ในคือ ………………………………………………………………… 3. แมน้ เกิดในใตห้ ลา้ สุธาธาร สมั ผสั ในคอื ………………………………………………………………… 4. ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา สมั ผสั ในคอื ………………………………………………………………… 5. แมเ้ น้อื เย็นเปน็ หว้ งมหรรณพ สัมผสั ในคอื ………………………………………………………………… 6. พี่ขอพบศรีสวัสดเิ์ ปน็ มัจฉา สมั ผัสในคอื ………………………………………………………………… 7. แมเ้ ป็นบัวตัวพ่ีเป็นภมุ รา สมั ผสั ในคือ ………………………………………………………………… 8. เชยผกาโกสมุ ปทมุ ทอง สมั ผสั ในคือ ………………………………………………………………… ประเมนิ ผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ขอ้ ละ ๑ คะแนน 8
กรอบการเรยี นรทู้ ี่ ๖ การแบง่ จงั หวะของกลอนสภุ าพ กลอนสุภาพ ๑ วรรคประกอบดว้ ยคา ๗ – ๙ คาท่นี ิยมและเหมาะสมคือ ๘ คา การแบ่งจงั หวะ ในการเขียนและการอา่ น จงึ แบง่ เป็น สาม / สอง / สาม ตวั อยา่ ง แต่ลมปาก/หวานหู/ไม่ร้หู าย เจบ็ จนตาย/เพราะเหนบ็ /ใหเ้ จ็บใจ อนั อ้อยตาล/หวานลิ้น/แล้วส้นิ ซาก แม้นเจบ็ อน่ื /หมืน่ แสน/จะแคลนคลาย (เพลงยาวถวายโอวาท : สนุ ทรภู่) ...ได้เพลาทากิจกรรม ท้ายกรอบการเรยี นรู้ ท่ี ๖ แลว้ เจา้ คะ่
กจิ กรรมที่ ๖ ๑. ใหน้ กั เรียนแบ่งจงั หวะของกลอนต่อไปนี้ ตามจงั หวะการเขียนและการอา่ น เปน็ มนุษยส์ ุดนิยมเพยี งลมปาก จะไดย้ ากโหยหวิ เพราะชวิ หา แมน้ พดู ดีมีคนเขาเมตตา จะพดู จาจงพิเคราะหใ์ ห้เหมาะความ (สนุ ทรภู่) แบง่ จังหวะข้อ ๑ ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง และได้ใจความทุกวรรค วรรคละ ๑ คะแนน 4 จะหักอ่นื ขืนหักก็จักได้ หักอาลัยนี้ไม่หลดุ สดุ จะหัก สารพดั ตัดขาดประหลาดนัก แต่ตดั รกั นี้ไมข่ าดประหลาดใจ แบง่ จังหวะข้อ 2 (สนุ ทรภู่) ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง และไดใ้ จความทุกวรรค วรรคละ ๑ คะแนน 4
กรอบการเรยี นรทู้ ี่ ๗ หลักการแตง่ กลอนสุภาพ การแต่งกลอน มีหลักการในการแต่งดงั น้ี ๑. ตคี วามหมายของหัวข้อเร่ืองทีจ่ ะแตง่ ๒. ต้งั จุดมุง่ หมายตามแนวคิดของตน ๓. ลาดับความเปน็ รอ้ ยแกว้ ๔. จัดลาดับ ใสส่ ัมผัส เลอื กใชค้ าให้กะทัดรัดมีความหมาย ๕. เลอื กใช้คา ใหไ้ ดจ้ งั หวะและจานวนตามแผนบังคบั ตวั อย่าง แต่ลมปาก/หวานหู/ไม่รหู้ าย เจบ็ จนตาย/เพราะเหนบ็ /ใหเ้ จบ็ ใจ อนั อ้อยตาล/หวานล้ิน/แลว้ ส้นิ ซาก แมน้ เจบ็ อ่นื /หมนื่ แสน/จะแคลนคลาย (เพลงยาวถวายโอวาท : สนุ ทรภ่)ู
กจิ กรรมท่ี ๗ ๑. ใหน้ ักเรยี นเติมคาในชอ่ งวา่ งให้ได้ความหมายและสัมผัส เดนิ ตามรอยผู้ใหญห่ มาไม่………………. ไปพดู ขดั เขาทาไมขดั ใจ................. ใครทาตงึ แล้วหย่อน...............ลงเอา นักเลง...................เขาไมห่ าญพาลนักเลง (อศิ รญาณภาษิต : หมอ่ มเจา้ อศิ รญาณ) ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน 4 2. ใหน้ ักเรียนจดั เรียงลาดับขอ้ ความในแต่ละวรรคให้ถูกตอ้ งตามลกั ษณะบังคับของกลอนสุภาพ โดยใส่หมายเลขลาดับข้างหน้าข้อความ สีเหลืองนวลชวนภมรวอ่ นเวียนตอม ทาความดเี คียงกายจงึ หอมนาน เสนห่ ค์ นคงมิใชเ่ พยี งกล่ินอาย 5 กระดงั งาอาบกล่นิ ประทนิ โฉม ลมลอ้ ไกวกงิ่ กา้ นซ่านกล่นิ หอม ลมลูบโลมลอบยลจนเช้าสาย โอบกงิ่ ค้อมค้มุ แดดมิแผดกาย 1 กระดังงากลิ่นอวลชวนหลงใหล ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน 6 ไม่ยากเลย ใชไ่ หมครบั เพอื่ นๆ ทาแบบฝกึ ในกิจกรรมท่ี ๗ ใน ขอ้ ๒ แล้ว คงจะ ช่วยใหเ้ ข้าใจ บทเรียนยิง่ ขึน้ นะคะ
3. ใหน้ กั เรยี นเลือกแต่งกลอนเรื่องใดเรอ่ื งหนง่ึ โดยต่อจากวรรคทก่ี าหนดให้มคี วามยาว ๒ บท 1. เดอื นเมษาสงกรานต์สาราญจติ ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ๒๐ แต่งถกู ต้อง ๑๐ คะแนน ไพเราะเหมาะสมดี มีคณุ ค่า ๕ คะแนน ลายมือสวยงามเปน็ ระเบียบ ๕ คะแนน
2. นา้ อุดมดินดีมีไพรกว้าง ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ๒๐ แต่งถูกต้อง ๑๐ คะแนน ไพเราะเหมาะสมดี มีคุณค่า ๕ คะแนน ลายมอื สวยงามเปน็ ระเบียบ ๕ คะแนน
ทดสอบหลงั เรยี น คาชี้แจง แบบทดสอบมที ้ังหมด ๑๕ ขอ้ ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกทีส่ ดุ แล้วทาเครอื่ งหมายกากบาท () ลงในกระดาษคาตอบให้ตรงกบั ข้อทีเ่ ลือกตอบ คาชแี้ จง แบบทดสอบมที ง้ั หมด ๑๕ ขอ้ ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกท่ีสุด แล้วทาเครอื่ งหมายกากบาท () ลงในกระดาษคาตอบให้ตรงกับข้อที่เลือกตอบ 1. การเรยี กชอ่ื กลอนประเภทต่างๆ ใชส้ ่ิงใดเปน็ หลกั ก. รูปแบบการแต่ง ข. คาคล้องจองในแต่ละบท ค. จานวนคาหรอื พยางคใ์ นการแต่ง ง. เสยี งวรรณยุกต์ในตาแหน่งของกลอน 2. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ลักษณะกลอนสภุ าพได้ถูกต้อง ก. กลอนมีคาในแต่ละวรรคมีจานวนตง้ั แต่ 5-8 คา ข. กลอนมหี ลายประเภทแตช่ อื่ เรียกมีเพียงชื่อเดยี ว ค. กลอนเปน็ ร้อยกรองทีแ่ ตง่ ไมย่ ากแต่คนไทยไม่คอ่ ยนยิ ม ง. กลอนเป็นร้อยกรองประเภทบังคบั คณะ สมั ผัส และเสยี งวรรณยุกต์ 3. ขอ้ ใด ไม่ใช่ขอ้ บังคับฉนั ทลักษณ์ของคาประพันธ์ประเภทกลอน ก. สัมผัสนอกเป็นสัมผสั ระหว่างวรรค ข. สัมผัสในเป็นสมั ผัสอยู่ภายในวรรค ค. สัมผัสเชอื่ มระหวา่ งบทกาหนด 1 แห่ง ง. คาท้ายวรรคหน้าสมั ผัสกับคาท่ี 3 หรือ 4 ของวรรคหลงั 4. ลักษณะบังคบั ของกลอนสภุ าพข้อใด ไม่ถกู ต้อง ก. คณะบทหนึ่ง มี 2 คากลอน หรอื 4 วรรค ข. กลอนเรอ่ื งหน่งึ มีความยาว ประมาณ 5-6 บท ค. กลอนสภุ าพมีความยาวเท่าใดกไ็ ดแ้ ต่ตอ้ งจบลงดว้ ยวรรครองเทา่ นน้ั ง. กลอนแต่ละวรรคมีชอ่ื เรยี กตา่ งกนั วรรคสดบั วรรครับ วรรครอง และวรรคส่ง
5. ขอ้ ใดกลา่ วถึงคณะของกลอนสุภาพได้ถูกตอ้ งทสี่ ุด ก. บทหนึ่งมี 2 คากลอน หรอื 4 วรรค วรรคหนง่ึ มี 8 คา ข. บทหนึง่ มี 4 คากลอน หรอื 2 วรรค วรรคหนงึ่ มี 8 คา ค. บทหนง่ึ มี 4 คากลอน หรือ 2 วรรค วรรคหนงึ่ มี 7-9 คา ง. บทหน่ึงมี 2 คากลอน หรือ 4 วรรค วรรคหน่ึงมี 7-9 คา 6. ข้อใดไมใ่ ช่ลกั ษณะฉนั ทลักษณ์ของคาประพันธ์ประเภทกลอน ก. คณะ ข. พยางค์ ค. สัมผสั ง. คาครุ ลหุ 7. ขอ้ ใดเรียงลาดับชื่อวรรคของกลอนได้ถูกต้อง ก. วรรคสดบั วรรคสอง วรรครับ วรรคส่ง ข. วรรครับ วรรคสดบั วรรครอง วรรคส่ง ค. วรรครับ วรรครอง วรรคสดบั วรรคส่ง ง. วรรคสดับ วรรครับ วรรครอง วรรคสง่ 8. สัมผัสบงั คับของกลอนสภุ าพ ๑ บทมีก่ีคู่ ก. ๒ คู่ ข. ๓ คู่ ค. ๔ คู่ ง. ๕ คู่ 9. คากลอนของบาทเอก มกี ่ีวรรค ก. ๑ วรรค ข. ๒ วรรค ค. ๓ วรรค ง. ๔ วรรค 10. เสียงวรรณยกุ ตท์ บ่ี ังคับในคาสดุ ท้ายในแต่ละวรรคข้อใดไมถ่ ูกตอ้ ง ก. คาสดุ ทา้ ยวรรคท่ี 1 ไมน่ ิยมเสยี งสามัญ ข. คาสดุ ทา้ ยวรรคท่ี 2 ไม่นิยมเสยี งจตั วา ค. คาสุดทา้ ยวรรคที่ 3 ไม่นิยมเสยี งจตั วา ง. คาสดุ ท้ายวรรคที่ 4 นยิ มเสียงสามัญ
11. ขอ้ ใดมีทัง้ สัมผสั สระ และสัมผสั อกั ษร ก. ขนุ ชา้ งเรยี กวา่ แม่วนั ทอง ข. คดิ ถึงยามปลูกรักมักเป็นเตย ค. สาลกิ าเจา้ ก็รอ้ งอยา่ งนั้นบา้ ง ง. ชมแต่เตยแตกหนามเมอ่ื ยามโซ 12. ขอ้ ความใดมีสมั ผัสอักษรมากที่สุด ก. ชวี ิตนีไ้ มม่ อี ะไรดอก ข. ยรุ ยาตรยา่ งยามงามสงา่ ค. หม่ันฝักใฝ่ไตร่ตรองมองมรรคผล ง. องคอ์ ่อนชอ้ ยลอยเล่ือนเคลื่อนกายา 13. ลกั ษณะบงั คับของกลอนสุภาพในเรือ่ งใดที่ไม่ได้มีการบังคบั ใช้ เป็นแต่เพยี งความนิยม ก. คณะ ข. สมั ผสั ค. ความยาว ง. เสยี งวรรณยกุ ต์ 14. ข้อใดมีสมั ผัสระหวา่ งวรรค ก. นากลกลอนลลี ามาเชิดชู ตามแบบครชู ้ีแนะให้แกะรอย ข. พรมชีวิตช่มุ ชนื่ ให้พืชพันธุ์ มอบแมกไมม้ วลมนุษยส์ ดุ พรรณนา ค. แก้วประกายพรายพร่างทางกลอนแก้ว วามวับแวมวาดลายไว้งามหรู ง. ละอองโปรยเปียกปอนตอนเยน็ ย่า สายฝนพรมพรูพร่างสรา้ งสุขสรรค์ 15. ถ้าจัดลาดบั ของกลอนบทน้ใี หม่ วรรครองควรเป็นกลอนวรรคใดในข้อต่อไปนี้ ก. แต่ใจมนั ไม่กล้าท้าถามเลย ข. อยากจะถามใจเธอนี้อีกทีนัก ค. ซ่งึ มอบรักภักดที ุกวี่วนั
เฉลยทดสอบกอ่ นเรยี น คาช้ีแจง แบบทดสอบมีทั้งหมด ๑๕ ข้อ ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถ่ี ูกทสี่ ุด แลว้ ทาเคร่ืองหมายกากบาท () ลงในกระดาษคาตอบให้ตรงกับข้อท่เี ลอื กตอบ 1. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ลักษณะกลอนสุภาพไดถ้ ูกต้อง ก. กลอนมีคาในแตล่ ะวรรคมจี านวนตัง้ แต่ 5-8 คา ข. กลอนมีหลายประเภทแต่ช่ือเรยี กมีเพยี งชื่อเดียว ค. กลอนเปน็ ร้อยกรองทแี่ ตง่ ไม่ยากแต่คนไทยไม่คอ่ ยนิยม ง. กลอนเปน็ ร้อยกรองประเภทบังคับคณะ สมั ผสั และเสยี งวรรณยกุ ต์ 2. การเรยี กชื่อกลอนประเภทตา่ งๆ ใช้สิง่ ใดเป็นหลัก ก. รูปแบบการแต่ง ข. คาคลอ้ งจองในแตล่ ะบท ค. จานวนคาหรือพยางค์ในการแตง่ ง. เสยี งวรรณยุกต์ในตาแหนง่ ของกลอน 3. ลักษณะบังคับของกลอนสุภาพข้อใด ไม่ถูกต้อง ก. คณะบทหนึ่ง มี 2 คากลอน หรือ 4 วรรค ข. กลอนเรือ่ งหนง่ึ มีความยาว ประมาณ 5-6 บท ค. กลอนสภุ าพมีความยาวเท่าใดก็ไดแ้ ตต่ อ้ งจบลงดว้ ยวรรครองเท่านัน้ ง. กลอนแตล่ ะวรรคมีชอื่ เรียกต่างกันวรรคสดบั วรรครับ วรรครอง และวรรคส่ง 4. ข้อใด ไม่ใช่ข้อบังคับฉันทลกั ษณ์ของคาประพนั ธ์ประเภทกลอน ก. สมั ผัสนอกเป็นสัมผสั ระหว่างวรรค ข. สมั ผสั ในเปน็ สมั ผสั อย่ภู ายในวรรค ค. สัมผัสเชอื่ มระหวา่ งบทกาหนด 1 แหง่ ง. คาท้ายวรรคหนา้ สมั ผัสกับคาที่ 3 หรือ 4 ของวรรคหลัง
5. ขอ้ ใดไม่ใช่ลักษณะฉนั ทลักษณ์ของคาประพันธ์ประเภทกลอน ก. คณะ ข. พยางค์ ค. สัมผัส ง. คาครุ ลหุ 6. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ คณะของกลอนสภุ าพไดถ้ ูกต้องทีส่ ุด ก. บทหนึ่งมี 2 คากลอน หรอื 4 วรรค วรรคหน่ึงมี 8 คา ข. บทหนง่ึ มี 4 คากลอน หรือ 2 วรรค วรรคหนง่ึ มี 8 คา ค. บทหน่ึงมี 4 คากลอน หรือ 2 วรรค วรรคหน่งึ มี 7-9 คา ง. บทหนง่ึ มี 2 คากลอน หรอื 4 วรรค วรรคหน่งึ มี 7-9 คา 7. ข้อใดเรียงลาดับชื่อวรรคของกลอนได้ถกู ต้อง ก. วรรคสดบั วรรคสอง วรรครบั วรรคสง่ ข. วรรครับ วรรคสดบั วรรครอง วรรคสง่ ค. วรรครบั วรรครอง วรรคสดับ วรรคส่ง ง. วรรคสดบั วรรครับ วรรครอง วรรคสง่ 8. สัมผัสบังคับของกลอนสภุ าพ ๑ บทมกี ี่คู่ ก. ๒ คู่ ข. ๓ คู่ ค. ๔ คู่ ง. ๕ คู่ 9. คากลอนของบาทเอก มีกี่วรรค ก. ๑ วรรค ข. ๒ วรรค ค. ๓ วรรค ง. ๔ วรรค 10. ข้อใดมที ้งั สัมผสั สระ และสัมผัสอักษร ก. ขุนช้างเรียกวา่ แม่วันทอง ข. คิดถึงยามปลูกรกั มักเปน็ เตย ค. สาลกิ าเจา้ ก็ร้องอย่างน้ันบา้ ง ง. ชมแตเ่ ตยแตกหนามเมื่อยามโซ
11. เสยี งวรรณยกุ ตท์ ่ีบงั คบั ในคาสดุ ทา้ ยในแตล่ ะวรรคข้อใดไม่ถูกตอ้ ง ก. คาสดุ ท้ายวรรคท่ี 1 ไม่นิยมเสียงสามญั ข. คาสุดท้ายวรรคที่ 2 ไม่นิยมเสยี งจัตวา ค. คาสดุ ทา้ ยวรรคท่ี 3 ไม่นิยมเสียงจัตวา ง. คาสดุ ท้ายวรรคท่ี 4 นิยมเสียงสามญั 12. ลกั ษณะบงั คับของกลอนสุภาพในเร่ืองใดที่ไม่ไดม้ ีการบงั คบั ใช้ เปน็ แต่เพียงความนยิ ม ก. คณะ ข. สมั ผัส ค. ความยาว ง. เสียงวรรณยุกต์ 13. ข้อความใดมสี มั ผัสอักษรมากทส่ี ุด ก. ชีวติ น้ีไมม่ อี ะไรดอก ข. ยรุ ยาตรยา่ งยามงามสงา่ ค. หมัน่ ฝักใฝ่ไตรต่ รองมองมรรคผล ง. องคอ์ ่อนชอ้ ยลอยเล่ือนเคลอ่ื นกายา 14. ถ้าจัดลาดบั ของกลอนบทน้ใี หม่ วรรครองควรเป็นกลอนวรรคใดในขอ้ ต่อไปน้ี ก. แต่ใจมนั ไม่กล้าทา้ ถามเลย ข. อยากจะถามใจเธอน้ีอีกทีนกั ค. ซ่งึ มอบรักภักดีทุกวว่ี ัน ง. ให้ประจกั ษแ์ ก่ใจคนใฝฝ่ ัน 15. ขอ้ ใดมีสัมผสั ระหว่างวรรค ก. นากลกลอนลลี ามาเชิดชู ตามแบบครูชแ้ี นะให้แกะรอย ข. พรมชวี ิตชุ่มชน่ื ให้พืชพันธุ์ มอบแมกไมม้ วลมนษุ ยส์ ุดพรรณนา ค. แกว้ ประกายพรายพรา่ งทางกลอนแก้ว วามวบั แวมวาดลายไวง้ ามหรู ง. ละอองโปรยเปยี กปอนตอนเย็นยา่ สายฝนพรมพรูพรา่ งสร้างสขุ สรรค์
เฉลยกจิ กรรมท่ี ๑ ๑ อา่ นข้อความตอ่ ไปนี้แลว้ เขียนเครื่องหมาย หน้าข้อถูก และเขียนเครื่องหมาย หนา้ ข้อท่ีผิด ๑. กลอนเปน็ คาประพันธช์ นิดหนึ่งทบ่ี งั คบั คณะและสัมผสั ๒. กลอนมีท่ีมาจากนสิ ัยพน้ื ฐานของคนไทย 3 กลอนแปดกบั กลอนสุภาพคือคาประพันธช์ นิดเดียวกนั ๔. คาคล้องจองมีช่ือเรยี กอกี อย่างหนง่ึ วา่ คณะ ๕. คาประพนั ธ์ ทต่ี ่อทา้ ยว่า “สุภาพ” เป็นคาประพนั ธ์ทีแ่ สดงความเปน็ ไทยแท้ มีข้อบังคับในเร่ือง “รปู วรรณยุกต์” ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน ๕ ๒. เลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งเติมในช่องว่างของขา้ ตอ่ ไปน้ี นักเรยี นสามารถเลือกเตมิ ได้มากกวา่ ๑ คา เสียงวรรณยกุ ต์ เสยี งวรรณยกุ ต์ คณะ เจา้ บทเจา้ กลอน กลอนแปด กลอนตลาด สัมผัส คาประพนั ธช์ นดิ หนง่ึ ๑. คนไทยมีนสิ ยั .....................................เ..จ..้า..บ...ท..เ..จ..้า..ก..ล...อ..น.................................................... ....................... ๒. กลอน หมายถงึ .................................ค..า..ป...ร..ะ..พ...ัน..ธ..ช์...น..ดิ...ห...น..ง่ึ.................................................................... ๓. บงั คับของกลอน ไดแ้ ก.่ ......................ค..ณ....ะ..,....ส..มั..ผ...สั ..,....เ.ส..ยี...ง..ว..ร..ร..ณ...ย..กุ...ต..์.............................. .................... ๔. กลอนสภุ าพเรยี กอีกอยา่ งหน่งึ วา่ .......ก..ล...อ..น...ต..ล..า..ด...,....ก..ล..อ...น..แ...ป..ด............................................................... ๕. คาคล้องจองเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า.......ส..ัม..ผ...สั ............................................................................................ ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ขอ้ ละ ๑ คะแนน ๕
เฉลยกจิ กรรมที่ ๒ ๑. ให้นักเรียนเขียนแผนผังกลอนสุภาพตามคากลอนต่อไปนี้ ภาษาไทยของเราน้ีมที านอง มสี มั ผัสคลอ้ งจองนา่ ศึกษา พยัญชนะของไทยนบั นานา เสียงสงู ต่านัน้ หนานา่ สนใจ (ศาสตราจารย์ ดร.สุจริต เพยี รชอบ) แผนผงั ............................................... .................................................. ............................................................. .............................................. ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ 6 ตอบถูกตอ้ งแผนผังละละ ๑ คะแนน ผดิ ๑ แห่ง 4 คะแนน ผดิ ๒ แห่ง 2 คะแนน ผิด ๓ แห่ง ๐ คะแนน ๒. ให้นักเรียนเลอื กคาตอบท่ีถกู ต้องเตมิ ลงในช่องวา่ ง ๑. กลอน 1 บทมี 2 บาท บาทแรกเรียกวา่ ..........บ..า..ท...เ.อ..ก......................(บาทเอก, บาทโท) ๒. กลอนวรรคแรกมีชอ่ื เรียกวา่ ..............................ว..ร..ร..ค..ส..ด...บั ...................(วรรคสดับ, วรรครับ) ๓. กลอนวรรคท่ีสองมชี ่อื เรยี กวา่ ...........................ว..ร..ร..ค...ร..บั ......................(วรรครับ, วรรคส่ง) ๔. กลอนวรรคทีส่ ามมชี ่ือเรยี กวา่ ...........................ว..ร..ร..ค...ร..อ..ง....................(วรรครอง, วรรคสดับ) ๕. กลอนวรรคทส่ี ม่ี ีชื่อเรียกว่า...............................ว...ร..ร..ค..ส..่ง......................(วรรคสดบั , วรรคส่ง) ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ข้อละ ๑ คะแนน ๕
๓. ใหน้ กั เรยี นเตมิ คาในช่องวา่ งต่อไปน้ี ๑. กลอน ๑ บทมี........................4.........วรรค ๒. กลอน ๑ บทมี........................2........บาท ๓. กลอน ๑ บาทม.ี .....................2........วรรค ๔. กลอน ๑ วรรคนิยมใช้............8........คา ๕. กลอน ๑ บทมสี มั ผสั บังคบั ......5.......แห่ง ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ข้อละ ๑ คะแนน ๕ เปน็ เยยี่ งไรบา้ งหนอ...ออเจ้า ไมย่ ากเลยใชไ่ หม ส้ๆ...นะ....
เฉลยกจิ กรรมที่ ๓ ๑. ให้นักเรียนศกึ ษาแผนผงั กลอนสุภาพนี้ แล้วตอบคาถามโดยเลอื กคาตอบมาเติมคาในช่องว่าง ให้ถกู ต้อง ๑. สัมผสั ระหวา่ งวรรคคอื สมั ผัส.................ส...มั ..ผ...ัส..น...อ..ก...................( สัมผสั นอก , สัมผสั อักษร ) ๒. สมั ผสั ระหวา่ งบาทคอื สมั ผสั ...................บ..ัง..ค...บั ..........................(บงั คบั , ไมบ่ งั คบั ) ๓. กลอน ๑บทมสี มั ผัส...............................5..................................แหง่ (๕ แหง่ , ๖ แห่ง) ๔. สมั ผสั ระหวา่ งวรรคคือสัมผัส.................ส...มั ..ผ...สั ..ส..ร..ะ....................(สัมผัสสระ , สัมผัสอกั ษร) ๕. สมั ผสั ในเป็นสมั ผสั .................................ไ.ม...่บ..ัง..ค...ับ.......................(บงั คบั , ไมบ่ งั คบั ) ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน ๕
๒. ใหน้ กั เรียนอ่านกลอนสภุ าพตอ่ ไปน้ีแล้วบอกคาทเ่ี ป็นสัมผัส อันนนิ ทากาเลเหมือนเทนา้ ไมช่ อกช้าหมือนเอามีดมากรดี หิน แม้องคป์ ฏมิ ายงั ราคิน คนเดนิ ดนิ หรอื จะสิ้นคนนินทา (พระอภยั มณี : สนุ ทรภู่) ๑. คาสัมผัสวรรคสดับกบั วรรครับคือ.....น...้า...–....ช..้า........................................................................... ๒. คาสมั ผัสวรรครองกับวรรคสง่ คอื .......ค...ิน...–....ด..นิ.......................................................................... ๓. คาสัมผสั ระหว่างบาทคอื ....................ห..ิน....–....ค..ิน......................................................................... ๔. คาสมั ผัสในของวรรครบั คือ................ม..ดี....–....ก..ร..ีด..,....ช..อ..ก....–....ช..้า..,..เ.ห...ม...อื ..น....–...ม...ดี ...–....ม..า................... ๕. คาสัมผัสในของวรรครองคือ..............ม...า...–...ร..า..,....แ..ม...้ .–....ม..า......................................................... ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน ๕ ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ๑๐ ตอบถูกตอ้ งท้ัง ๔ ประเภท ๔ คะแนน ตอบถูกต้อง ๓ ประเภท ๓ คะแนน ตอบถูกต้อง ๒ ประเภท ๒ คะแนน ตอบถูกตอ้ ง ๑ ประเภท ๑ คะแนน
เฉลยกจิ กรรมท่ี ๔ ๒. ให้นกั เรยี นเลอื กคาตอบวา่ คาทีก่ าหนดให้เปน็ สัมผัสชนดิ ใดแล้วเขียนเคร่อื งหมาย ในชอ่ ง ตารางทกี่ าหนดให้ ขอ้ สัมผัสสระ สัมผสั อกั ษร 11.ดอก – ดวง 12.ปลา – นา 13.นา้ – เหนอื 14.โอบ – อ้อม 15.โหย - หิว 16.ดี – มี 17.เฝ้า – เคลา้ 18.ชาย – คล้าย 19.หู – หาย 20.ผ้า – ผอ่ น ประเมนิ ผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ข้อละ ๑ คะแนน 10
๒. ให้นักเรียนเลอื กและขีดเสน้ ใต้ (เปน็ สมั ผสั สระ , หรอื เป็นสัมผัสอักษร) ท่กี าหนดใหใ้ นวงเลบ็ 6. ครอก , โครก , มุ่ง , มาด เป็นสัมผัส ( สมั ผัสสระ , สมั ผัสอักษร ) 7. โชย , โปรย , หนู , หรู เป็นสมั ผัส ( สัมผัสสระ , สมั ผัสอกั ษร ) 8. วิง่ , ว่าย , บัว , บาน เป็นสมั ผัส ( สัมผสั สระ , สมั ผัสอกั ษร ) 9. ไหล , ไป , บ้าน , ธาร เปน็ สัมผสั ( สมั ผสั สระ , สมั ผสั อักษร ) 10.หวาน , ปาน , ชี ,วี เปน็ สัมผสั ( สัมผสั สระ , สมั ผสั อกั ษร ) ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน 5 ๓. ให้นกั เรยี นหาคาสัมผัสอักษรมาสัมผัสกบั คาท่ีกาหนดให้ขอ้ ละ 5 คา ตวั อยา่ ง ตา เตา ตม้ ตี ไต รอ้ ย 1. รกั รา รบ รา รุม งอน รับ 2. ง่าย งง งวง งู เงิน ไป เกา 3. เรือ ริบ ราบ โรย เรอื ง 4. ป่า ปีน ปก เปิด เปา 5. กา กมุ กิน กาง เกย ๓. ให้นกั เรยี นหาคาสมั ผสั สระมาสัมผัสกับคาท่ีกาหนดใหข้ อ้ ละ 5 คา ตัวอย่าง ใจ ให้ ใย ใช้ ใด จ่า 1. ทา่ งา ค่า ลา้ หา รู้ ขม่ 2. ชู้ ครู ตู่ หนู ปู่ กล้งิ นาย 3. ลม้ ตรม ชม งม ก้ม 4. ลงิ ปลิง ชิง ตง่ิ นงิ่ 5. หาย ลาย ปา้ ย ค่าย บ่าย ประเมนิ ผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน 5
เฉลยกจิ กรรมท่ี ๕ ๑. ใหน้ ักเรยี นอ่านบทประพันธต์ อ่ ไปน้ี แล้วพิจารณาวา่ ขอ้ ใดถูกให้เขียนเครือ่ งหมาย ขอ้ ใดผิดให้เขียนเครือ่ งหมาย ในชอ่ งว่างหน้าข้อ จะพูดจาปราศรยั กับใครนั้น อย่าตะคัน้ ตะคอกใหเ้ คอื งหู ไม่ควรพูดอื้ออึงขึน้ มึงกู คนจะหล่ลู ่วงลามไมข่ ามใจ (สภุ าษติ สอนหญงิ : สนุ ทรภ)ู่ 1. วรรคสดบั มีคาสัมผัสสระ คือ จา – ปรา 2. วรรครับมคี าสมั ผสั อักษร คือ ตะคั้น – ตะคอก – เคือง 3. วรรครองมคี าสมั ผสั สระคือ อือ้ – องึ -มงึ 4. วรรคส่งมสี ัมผสั สระคือ ลาม – ขาม 5. สมั ผสั นอกคือ นนั้ – คัน้ , หลู่ – ลว่ ง ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง ขอ้ ละ ๑ คะแนน 5 ๒. ใหน้ ักเรียนอา่ นบทประพันธต์ อ่ ไปน้ีแลว้ ตอบคาถามโดยการเติมคาในชอ่ งวา่ ง อันความคดิ วิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสดุ ซอ่ นใสเ่ สยี ในฝัก สงวนคมสมนกึ ใครฮึกฮัก จึงคอ่ ยชกั เชือดฟนั ใหบ้ รรลัย (เพลงยาวถวายโอวาท : สุนทรภู่) ๑. สัมผสั ระหว่างวรรคสดับกบั วรรครบั คอื ....ว..ธุ ...–....ส..ุด...................................................... ๒. สมั ผัสระหว่างวรรครองกบั วรรคสง่ คอื .....ฮ...กั ...–....ช..กั...................................................... ๓. สัมผสั ระหวา่ งวรรครับกับวรรครอง คือ .....ฝ..ัก....–...ฮ...ัก..................................................... ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ข้อละ ๑ คะแนน 3
๓. ให้นกั เรยี นบอกคาสมั ผัสในจากคาประพนั ธ์ตอ่ ไปนี้ 9. ถงึ มว้ ยดินส้นิ ฟา้ มหาสมุทร สมั ผสั ในคอื ด…ิน……–…ส…นิ้ …, …ฟ…า้ …–…ห…า…………………………………… 10.ไม่สิ้นสุดความรักสมคั รสมาน สัมผสั ในคอื ร…กั …–……สม…ัค…ร………………………………………………… 11.แม้นเกิดในใต้หล้าสุธาธาร สมั ผัสในคอื ใ…น…–…ใ…ต…้ ,……ห…ล…า้ …–…ธ…า ………………………………… 12.ขอพบพานพิศวาสไมค่ ลาดคลา สมั ผสั ในคือ ว…า…ส…–…ค…ล…าด…,……พ…บ…–…พ…า…น…–……พ…ิศ,……คล…า…ด…–…ค…ลา 13.แม้เนอ้ื เย็นเป็นห้วงมหรรณพ สมั ผสั ในคอื เ…ย…น็ …–…เ…ปน็…,……หว้…ง…–…ห…ร…ร……………………………… 14.พขี่ อพบศรีสวัสดเิ์ ป็นมจั ฉา สมั ผัสในคอื ส…ว…ัส…ด…์ิ –…ม…จั ………………………………………………… 15.แม้เปน็ บัวตวั พีเ่ ปน็ ภมุ รา สัมผัสในคือ บ…ัว…–……ตัว……………………………………………………… 16.เชยผกาโกสมุ ปทุมทอง สมั ผัสในคือ ส…มุ …–……ท…มุ …………………………………………………… ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ขอ้ ละ ๑ คะแนน 8
เฉลยกจิ กรรมที่ ๖ ๑. ให้นกั เรียนแบ่งจงั หวะของกลอนต่อไปน้ี ตามจังหวะการเขยี นและการอ่าน เปน็ มนุษยส์ ดุ นยิ มเพยี งลมปาก จะไดย้ ากโหยหิวเพราะชวิ หา แม้นพดู ดีมคี นเขาเมตตา จะพดู จาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ (สุนทรภู่) แบง่ จังหวะข้อ ๑ จะไดย้ าก / โหยหิว / เพราะชวิ หา เปน็ มนษุ ย์ / สดุ นยิ ม / เพียงลมปาก จะพดู จา / จงพิเคราะห์ / ให้เหมาะความ แมน้ พดู ดี / มีคน / เขาเมตตา ( สนุ ทรภู่ ) อยู่ในดุลยพนิ ิจของผู้สอนพิจารณา ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง และได้ใจความทุกวรรค วรรคละ ๑ คะแนน 4 จะหักอ่ืนขืนหักก็จกั ได้ หกั อาลัยนี้ไมห่ ลุดสดุ จะหัก สารพดั ตัดขาดประหลาดนัก แต่ตดั รักนี้ไมข่ าดประหลาดใจ (สุนทรภู่) แบ่งจังหวะข้อ 2 หักอาลยั / นไ้ี มห่ ลุด / สดุ จะหัก จะหักอืน่ / ขืนหกั / กจ็ กั ได้ แต่ตัดรัก / น้ีไมข่ าด / ประหลาดใจ สารพดั / ตดั ขาด / ประหลาดนกั ( สนุ ทรภู่ ) อยู่ในดลุ ยพินจิ ของผูส้ อนพิจารณา ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกตอ้ ง และได้ใจความทุกวรรค วรรคละ ๑ คะแนน 4
เฉลยกจิ กรรมท่ี ๗ ๑. ใหน้ กั เรยี นเตมิ คาในชอ่ งว่างใหไ้ ดค้ วามหมายและสัมผัส เดินตามรอยผใู้ หญห่ มาไม่…ก…ัด…………. ไปพูดขดั เขาทาไมขัดใจ...เ..ข..า.......... ใครทาตึงแลว้ หยอ่ น....ผ...่อ..น......ลงเอา นักเลง.....เ..ก..่า..........เขาไม่หาญพาลนักเลง (อศิ รญาณภาษติ : หมอ่ มเจา้ อศิ รญาณ) ประเมนิ ผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ข้อละ ๑ คะแนน 4 2. ใหน้ กั เรยี นจัดเรียงลาดับข้อความในแตล่ ะวรรคใหถ้ ูกตอ้ งตามลักษณะบงั คับของกลอนสภุ าพ โดยใส่หมายเลขลาดับข้างหนา้ ข้อความ 3 สเี หลอื งนวลชวนภมรว่อนเวยี นตอม 8 ทาความดเี คยี งกายจงึ หอมนาน 7 เสน่หค์ นคงมใิ ช่เพียงกลนิ่ อาย 5 กระดงั งาอาบกล่ินประทินโฉม 2 ลมลอ้ ไกวกง่ิ กา้ นซ่านกลิน่ หอม 6 ลมลูบโลมลอบยลจนเช้าสาย 4 โอบกิ่งค้อมคมุ้ แดดมิแผดกาย 1 กระดังงากลน่ิ อวลชวนหลงใหล ประเมินผล คะแนนเต็ม ได้ ตอบถูกต้อง ขอ้ ละ ๑ คะแนน 6
3. ให้นักเรยี นเลือกแต่งกลอนเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนง่ึ โดยต่อจากวรรคทก่ี าหนดให้มคี วามยาว ๒ บท 1. เดือนเมษาสงกรานต์สาราญจิต อยใู่ นดุลยพินจิ ของผ้สู อนพจิ ารณา ประเมนิ ผล คะแนนเต็ม ได้ ๒๐ แตง่ ถูกต้อง ๑๐ คะแนน ไพเราะเหมาะสมดี มีคุณคา่ ๕ คะแนน ลายมือสวยงามเปน็ ระเบียบ ๕ คะแนน
Search