แบบฝึ กเสริมประสบการณ์ เรื่อง สภาพข้ัวของโมเลกุลโคเวเลนต์ 1. สารต่อไปน้ี สารใดเป็ นโมเลกุลมีข้วั และเขียนภาพแสดงทิศทางของข้วั ในโมเลกุล ก. BFCl2 ข. NH2Cl ค. SCl2 2.จงบอกวา่ สารใดเป็นโมเลกุลโคเวเลนตม์ ีข้วั และไม่มีข้วั PH3 H2Se PBr5 BF3 SO3 SiCl4 SnCl2 C2H2 3. ถา้ แทน H ดว้ ย Cl ใน CH4 ไดส้ ารประกอบต่าง ๆ เป็ นอนุกรมคือ CH4 , CH3Cl , CH2Cl2 , CHCl3 และ CCl4 สารใดเป็นโมเลกุลมีข้วั และสารใดเป็นโมเลกลุ ไม่มีข้วั 4. เอธิลีน C2H4 เป็นโมเลกลุ รูปร่างแบนราบ มีโครงสร้างคือ H C=C H H H ถา้ อะตอม H ถูกแทนดว้ ยอะตอม Cl เกิดสารประกอบเป็ นอนุกรม C2H4 , C2H3Cl , C2H2Cl2 , C2HCl3 , และ C2Cl4 โมเลกุลใดมีข้วั และโมเลกุลใดไม่มีข้วั -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เฉลยแบบฝึ กเสริมประสบการณ์ เรื่อง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ 1.แนวคดิ ก. BFCl2 F Cl B แสดงทศิ ทางข้วั ในโมเลกลุ เป็น ข. NH2Cl Cl H N Cl แสดงทศิ ทางข้วั ในโมเลกุลเป็น H ค. SCl2 S แสดงทิศทางข้วั ในโมเลกลุ เป็น Cl Cl
2.แนวคดิ PH3 , H2Se , SnCl2 เป็ นโมเลกลุ โคเวเลนตม์ ีข้วั PBr5 , BF3 , SO3 , SiCl4 , C2H2 เป็ นโมเลกลุ โคเวเลนตไ์ ม่มีข้วั 3.แนวคิด H Cl Cl Cl Cl CH CH C Cl C Cl C Cl HH HH HH H Cl Cl Cl CH4 , CCl4 เป็ นโมเลกุลไม่มีข้วั CH3Cl , CH2Cl2 , CHCl3 เป็ นโมเลกุลมีข้วั 4.แนวคดิ C2H4 H H C2H3Cl Cl H C=C C=C HH HH ผลรวมของข้วั ของพนั ธะ = 0 ผลรวมของข้วั ของพนั ธะ 0 เป็นโมเลกลุ ไม่มีข้วั เป็นโมเลกลุ มีข้วั C2H2Cl2 Cl H Cl Cl Cl H C=C C=C C=C Cl H HH H Cl ผลรวมของขว้ั ของพนั ธะ 0 ผลรวมของขว้ั ของพนั ธะ 0 ผลรวมของขว้ั ของพนั ธะ = 0 เป็นโมเลกลุ มีข้วั เป็นโมเลกลุ มีข้วั เป็นโมเลกลุ ไม่มีขว้ั C2HCl3 C2Cl4 Cl Cl Cl Cl C=C C=C Cl H Cl Cl ผลรวมของข้วั ของพนั ธะ 0 ผลรวมของข้วั ของพนั ธะ = 0 เป็นโมเลกลุ มีข้วั เป็นโมเลกลุ ไม่มีข้วั --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 20 รายวชิ าเคมี 1 รหัสวชิ า ว41205 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนพนาสนวทิ ยา ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2549 สาระที่ 3 หน่วยท่ี 2 เรื่อง แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ เวลา 2.00 ชั่วโมง มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสารกบั โครงสร้างและแรง ยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงช้ัน ม.4-6 สารวจตรวจสอบและวิเคราะห์ขอ้ มูล อภิปรายและอธิบายการ เกิดพนั ธะเคมีในโมเลกลุ หรือในโครงผลึกของสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสารในเรื่อง จุดเดือด จุดหลอมเหลวและสถานะกบั แรงยดึ เหนี่ยว ระหวา่ งอนุภาคของสารน้นั ………………………………………………………………………………………………………. ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั ปลายทาง อธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ โครงสร้างกบั โครงผลึก ร่างตาขา่ ย กบั จุดเดือดและจุดหลอมเหลวของสารได้ ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั นาทาง 1. อธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ กบั จุดเดือดและจุด หลอมเหลวของสารได้ 2. อธิบายเหตุผลท่ีทาใหส้ ารโคเวเลนตท์ ี่มีโครงสร้างแบบโครงผลึกร่างตาขา่ ยมีจุด หลอมเหลวและจุดเดือดสูงกวา่ สารโคเวเลนตช์ นิดอ่ืนได้ เนื้อหา (รายละเอียดของเน้ือหา อยใู่ นใบความรู้ที่ 18) 1. แรงแวนเดอวาลส์ 2. พนั ธะไฮโดรเจน 3. พนั ธะโคเวเลนตก์ บั โครงผลึกร่างตาขา่ ย การจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. ข้นั สร้างความสนใจ ครูทบทวนความรู้เก่ียวกบั แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาคของสารในสถานะตา่ งๆ เพอ่ื ใหไ้ ดแ้ นวความคิดวา่ จุดหลอมเหลวและจุดเดือดเป็ นขอ้ มูลประการหน่ึงที่แสดงถึงแรง ยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ ของสาร
2. ข้นั สารวจและค้นหา 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั พจิ ารณาสมบตั ิของสารในตาราง 2.15 ในหนงั สือเรียน เพ่ือให้ ไดข้ อ้ สรุปดงั น้ี 1.1 จุดหลอมเหลวและจุดเดือดของสารมีความสัมพนั ธ์โดยตรงกบั แรงยดึ เหน่ียว ระหวา่ งโมเลกลุ 1.2 แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกุลของแกส๊ เฉื่อยและสารโคเวเลนตช์ นิดไม่มีข้วั มีค่าต่า 1.3 แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ มีข้วั มีคา่ สูงกวา่ แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ ไมม่ ีข้วั 2. ครูใหค้ วามรู้นกั เรียนเก่ียวกบั แรงลอนดอน แรงดึงดูดระหวา่ งข้วั แรงแวนเดอร์วาลส์ และพนั ธะไฮโดรเจนตามรายละเอียดในใบความรู้และร่วมกนั อภิปรายเพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ สรุปดงั น้ี 2.1 แรงลอนดอนเป็นแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนตท์ ุกชนิด ซ่ึงเป็นแรง ออ่ นๆ และจะมีคา่ เพิ่มข้ึนตามมวลโมเลกุลหรือขนาดโมเลกุล 2.2 แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งข้วั เป็นแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุลมีข้วั ซ่ึงเกิดจากแรง กระทาระหวา่ งข้วั ท่ีมีอานาจไฟฟ้าค่อนขา้ งบวกกบั ข้วั ท่ีมีอานาจไฟฟ้าค่อนขา้ งลบของโมเลกุลท่ีอยู่ ใกลก้ นั 2.3 แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนตท์ ้งั แรงลอนดอนและแรงดึงดูดระหวา่ งข้วั รวมเรียกวา่ แรงแวนเดอร์วาลส์ 2.4 พนั ธะไฮโดรเจนเป็นแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนตท์ ่ีมีความแขง็ แรง มากกวา่ แรงดึงดูดระหวา่ งข้วั ทว่ั ๆไป เกิดจากอะตอมของไฮโดรเจนยดึ เหน่ียวกบั อะตอมของธาตุที่ มีขนาดเลก็ และมีค่าอิเลก็ โทรเนกาติวติ ีสูง ไดแ้ ก่ F O และ N 2.5 พนั ธะไฮโดรเจนต่างจากพนั ธะในโมเลกลุ ของแกส๊ ไฮโดรเจน เน่ืองจากพนั ธะ ไฮโดรเจนเป็ นแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ ส่วนพนั ธะในโมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจน เป็นพนั ธะโคเวเลนต์ ซ่ึงเกิดจากการที่อะตอมของไฮโดรเจน 2 อะตอมใชอ้ ิเล็กตรอนร่วมกนั 3. ครูนาอภิปรายและใหค้ วามรู้เพม่ิ เติม เก่ียวกบั การเกิดและธรรมชาติของ แรงแวนเดอร์วาลส์ชนิดต่างๆ อธิบายไดด้ งั น้ี 3.1 แรงแวนเดอร์วาลส์ระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ทุกชนิด มีชื่อเฉพาะวา่ แรงลอนดอน เกิดจากอิเล็กตรอนในโมเลกุลซ่ึงเคลื่อนที่อยตู่ ลอดเวลาไมไ่ ดก้ ระจายอยา่ งสม่าเสมอในลกั ษณะท่ี สมมาตร แต่หนาแน่นอยดู่ า้ นใดดา้ นหน่ึงของโมเลกุล ทาใหด้ า้ นน้นั มีอานาจไฟฟ้าลบสูงกวา่ ปกติ มีผลทาใหด้ า้ นตรงขา้ มมีความหนาแน่นของอิเลก็ ตรอนลดลงจึงแสดงอานาจไฟฟ้าค่อนขา้ งบวก หรือกล่าวไดว้ า่ ทาใหโ้ มเลกลุ น้นั กลายเป็นโมเลกุลมีข้วั ชวั่ คราว ข้วั ของโมเลกลุ ท่ีเกิดข้ึนน้ีจะไป เหน่ียวนาโมเลกุลขา้ งเคียง เช่น ถา้ โมเลกุลหนั ข้วั อานาจไฟฟ้าคอ่ นขา้ งบวกไปทางโมเลกลุ ใดก็จะ
เหนี่ยวนาใหโ้ มเลกุลน้นั เกิดข้วั อานาจไฟฟ้าค่อนขา้ งลบข้ึนทางดา้ นที่ติดกนั โดยวธิ ีน้ีโมเลกลุ จะ เกิดการเหนี่ยวนาต่อๆกนั ไปจนเกิดแรงดึงดูดระหวา่ งโมเลกลุ ที่มีข้วั จากการเหนี่ยวนา นอกจากแรงลอนดอนจะมีคา่ เพิม่ ข้ึนตามมวลโมเลกุลแลว้ รูปร่างของโมเลกุลยงั มีอิทธิพล ตอ่ แรงลอนดอนดว้ ย เช่น เพนเทนและนีโอเพนเทน ซ่ึงมีจุดเดือดเท่ากบั 36 °C และ 9.5 °C ตามลาดบั สารท้งั สองต่างมีสูตรโมเลกลุ เป็น C5H12 แต่จุดเดือดของเพนเทนสูงกวา่ นีโอเพนเทน เนื่องจากโมเลกุลของเพนเทนมีลกั ษณะยาวและมีส่วนสมั ผสั กนั ไดต้ ลอดแนวยาวของโมเลกุล จึง เกิดการเหน่ียวนาไดง้ ่าย ทาใหม้ ีแรงลอนดอนมากกวา่ นีโอเพนเทนซ่ึงมีลกั ษณะกลมและมีส่วนที่ สัมผสั กนั นอ้ ย 3.2 แรงแวนเดอร์วาลส์ระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์มีข้วั กบั ไม่มีข้วั มีช่ือเฉพะวา่ แรง เหนี่ยวนา ( induction force ) หรือแรงเดอบาย ( Debye force ) เกิดเมื่อโมเลกุลมีข้วั เขา้ ใกล้ โมเลกุลไมม่ ีข้วั แลว้ เหนี่ยวนาใหโ้ มเลกุลไมม่ ีข้วั กลายเป็นโมเลกุลมีข้วั อยา่ งชวั่ คราว เกิดแรง ดึงดูดระหวา่ งข้วั ท่ีเกิดจากการเหนี่ยวนา( dipole - induced dipole attraction ) แรงน้ีจะมีค่ามาก ข้ึนตามความสามารถการเกิดมีข้วั ของโมเลกลุ ที่ถูกเหนี่ยวนา โดยทวั่ ไปอะตอมหรือโมเลกุลขนาด ใหญจ่ ะมีความสามารถในการเกิดมีข้วั ดีกวา่ อะตอมหรือโมเลกลุ ขนาดเลก็ 3.3 แรงแวนเดอร์วาลส์ระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์มีข้วั กบั มขี ้วั มีช่ือเฉพาะเรียกวา่ แรง ดึงดูดระหวา่ งข้วั เกิดจากโมเลกุลมีข้วั แสดงอานาจไฟฟ้าค่อนขา้ งบวกท่ีดา้ นหน่ึงและอานาจไฟฟ้า คอ่ นขา้ งลบท่ีดา้ นตรงขา้ ม เมื่อโมเลกุลเขา้ ใกลก้ นั อานาจไฟฟ้าคอ่ นขา้ งบวกกบั ลบจะดึงดูดกนั (dipole - dipole attraction ) เกิดเป็นแรงดึงดูดระหวา่ งข้วั ในขณะท่ีโมเลกลุ เกิดแรงดึงดูด ระหวา่ งข้วั ที่แสดงอานาจไฟฟ้าตา่ งชนิดกนั จะเกิดแรงผลกั ระหวา่ งข้วั ที่แสดงอานาจไฟฟ้าชนิด เดียวกนั ดว้ ย ดงั น้นั โมเลกลุ ของสารสถานะของแขง็ ซ่ึงมีการจดั เรียงตวั อยา่ งเป็นระเบียบ จึงมีแรง ดึงดูดระหวา่ งข้วั มากกวา่ โมเลกุลของสารในสถานะของเหลวและแก๊สซ่ึงมีการจดั เรียงตวั อยา่ งไม่ เป็นระเบียบ เน่ืองจากโมเลกุลเคลื่อนท่ีไปมาได้ 4. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาโครงสร้างของเพชรและแกรไฟตจ์ ากแบบจาลองหรือหรือรูปใน แบบเรียนประกอบคาอธิบายในบทเรียน แลว้ ร่วมกนั สรุปโครงสร้างสมบตั ิของเพชรและแกรไฟต์ วา่ เป็นโมเลกุล โคเวเลนตท์ ่ีมีการจดั อะตอมภายในเป็นผลึกร่างตาขา่ ย สมบตั ิของสารกลุ่มน้ีมีจุด เดือดและจุดหลอมเหลวสูงกวา่ สารโคเวเลนตท์ ว่ั ไป จากน้นั ยกตวั อยา่ งสารโครงผลึกร่างตาขา่ ย ชนิดอ่ืนๆ ตามรายละเอียดในบทเรียน/ใบความรู้ 5. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกบั แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ ใน ใบความรู้ที่ 18 6. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเน้ือหา เรื่อง แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ พนั ธะโคเวเลนตก์ บั โครงผลึกร่างตาข่าย วา่ มีส่วนไหนท่ีไม่เขา้ ใจและใหค้ วามรู้เพ่ิมเติมในส่วนน้นั
3. ข้นั ลงข้อสรุป 1. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนสรุปความคิดรวบยอดเกี่ยวกบั เน้ือหาที่ไดเ้ รียนในวนั น้ี และทา แบบฝึ กเสริ มประสบการณ์ 2. นกั เรียนทาแบบทดสอบ เรื่อง แรงวลั เดอร์วาลส์และพนั ธะไฮโดรเจน / พนั ธะโคเวเลนต์ กบั โครงผลึกร่างตาขา่ ย จากน้นั นกั เรียนและครูร่วมกนั เฉลยแบบทดสอบ นกั เรียนท่ีผา่ นเกณฑ์ ครู ยกยอ่ งชมเชย ส่วนนกั เรียนที่ไมผ่ า่ นเกณฑใ์ หก้ ลบั ไปทบทวนความรู้ใหม่ แลว้ เขียนสรุปความมาให้ ครูอา่ นในคาบต่อไป 3. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปศึกษาความรู้ เรื่อง พนั ธะโลหะ ซ่ึงจะเรียนในคาบต่อไปมา ล่วงหนา้ สื่อการเรียนการสอน 1. ใบความรู้ท่ี 18 เร่ือง แรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ 2. หนงั สือเรียนวชิ าเคมี 1 ของ สสวท. 3. แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง แรงวลั เดอร์วาลส์และพนั ธะไฮโดรเจน / พนั ธะโคเวเลนต์ กบั โครงผลึกร่างตาข่าย 4. แบบฝึกเสริมประสบการณ์ การวดั ผลประเมินผล การวดั ผลประเมินผลดา้ น วธิ ีการวดั เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารผา่ น 1.การสรุปความคิดรวบ 1. ทาไดถ้ ูกตอ้ ง 70 % 1. ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ 1.การสรุปความคิดรวบยอด ยอด ข้ึนไป 2. ทาแบบทดสอบถกู 1.วดั จากแบบทดสอบ 1.แบบทดสอบหลงั เรียน 60 % ข้ึนไป ชนิดปรนยั 4 ตวั เลือก 2. ดา้ นทกั ษะ สงั เกตจากการปฏิบตั ิกิจกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรมการ ไดค้ ะแนนในระดบั 2 กระบวนการ ในช้นั เรียน ทางาน ข้ึนไป 3. ดา้ นคุณลกั ษณะท่ีพึง การสงั เกตพฤติกรรมความ แบบสงั เกตพฤติกรรมความ ไดค้ ะแนนในระดบั 2 ประสงค์ สนใจ และต้งั ใจเรียน สนใจและต้งั ใจเรียน ข้ึนไป กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
ความคิดเห็นของผู้บังคบั บัญชา ความเห็นรองผอู้ านวยการ ความเห็นหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สถานศึกษา วทิ ยาศาสตร์ ................................................. ................................................... ................................................. ................................................... ................................................. ................................................... ลงชื่อ................................................................. ลงชื่อ....................................................... ( นางสุจิตร อนนั ตนมณี) (นางสาวกมลวรรณ วิพรรณะ) ความเหน็ ของผ้บู ริหารโรงเรียน ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ลงชื่อ.......................................................... ( นายธวชั ชยั เนตินิธิวฒั นพงศ)์ ผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นใหญ่พิทยาคม ……………/………………/……………..
แบบฝึ กเสริมประสบการณ์ เร่ือง แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ 1. สารประกอบในขอ้ ใดท่ีสามารถเกิดพนั ธะไฮโดรเจนได้ (CH3)2CO , HCOOH , CH3OH , CH3NH2 , CH3F , CO2 2. สารประกอบโคเวเลนตแ์ ตล่ ะคูต่ ่อไปน้ีผสมกนั เป็ นสารละลายจะมีการเปล่ียนแปลงพลงั งานเป็น แบบคายพลงั งานหรือดูดพลงั งาน 2.1 กรดอะซิติกกบั น้า 2.2 เฮกเซนกคั าร์บอนเตตระคลอไรด์ 2.3 เมธานอลกบั น้า 3. จงเขียนแผนภาพแสดงการเกิดพนั ธะไฮโดรเจนระหวา่ งกา๊ ซแอมโมเนียกบั น้า 4. สารโคเวเลนตส์ ่วนใหญ่มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวต่า แต่สารโคเวเลนตบ์ างชนิดมีจุดเดือด จุด หลอมเหลวสูงผดิ ปกติ เพราะเหตุใด ? 5. เหตุใดเพชร และแกร์ไฟตซ์ ่ึงเป็นสารโคเวเลนตจ์ ึงไม่มีสูตรโมเลกลุ 6. จงอธิบายวา่ เพราะเหตุใดจุดเดือดจุดหลอมเหลวของ CO2 และ SiO2 จึงแตกตา่ งกนั มากท้งั ๆท่ี C และ Si ตา่ งเป็นธาตุหมู่เดียวกนั และเกิดออกไซดท์ ่ีมีสูตรเหมือนกนั --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฉลยแบบฝึ กเสริมประสบการณ์ เรื่อง แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ 1. แนวคิด H O = C = O ไม่เกิดพนั ธะไฮโดรเจน H-C-F H OH H-C-C-C-H H HH O H H เกิดพนั ธะไฮโดรเจน H-C-O-H H-C-N-H H-C-O-H H H 2. แนวคดิ 2.1 และ 2.3 คายพลงั งาน เพราะละลายเขา้ ดว้ ยกนั แลว้ เกิดพนั ธะไฮโดรเจน 2.2 ดูดพลงั งาน เพราะละลายเขา้ ดว้ ยกนั แลว้ เกิดแรงแวนเดอร์ วาลส์ 3. แนวคดิ H H-N O-H HH 4. แนวคดิ เพราะสารโคเวเลนตบ์ างชนิดภายในมีโครงสร้างเป็ นแบบโครงผลึกร่างตาข่าย จึงมีจุด เดือด จุดหลอมเหลวสูงผดิ ปกติกวา่ สารโคเวเลนตท์ ว่ั ไป 5. แนวคดิ เพราะท้งั เพชรและแกร์ไฟตต์ ่างเป็นสารโคเวเลนตท์ ี่มีโครงสร้างเป็ นแบบโครงผลึกร่างตา ขา่ ยคลา้ ยสารประกอบไอออนิก ทาใหไ้ มท่ ราบขอบเขตของจานวนอะตอมของธาตุใน 1 โมเลกุล ดงั น้นั จึงไม่มีสูตรโมเลกุล สูตรที่เขียนแทนเป็นสูตรเอมพิริคลั หรือ สูตรอยา่ งง่าย 6. แนวคิด SiO2 เป็นสารประกอบโคเวเลนต์ แบบโครงผลึกร่างตาข่าย ส่วน CO2 เป็นสารประกอบ โคเวเลนตธ์ รรมดา ดงั น้นั SiO2 จึงมีจุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงกวา่ -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 21 รายวชิ าเคมี 1 รหัสวชิ า ว41205 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนพนาสนวิทยา ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2549 สาระที่ 3 หน่วยท่ี 2 เร่ือง พนั ธะโลหะ เวลา 2.00 ชั่วโมง มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสารกบั โครงสร้างและแรง ยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงช้ัน ม.4-6 สารวจตรวจสอบและวเิ คราะห์ขอ้ มูล อภิปรายและอธิบายการ เกิดพนั ธะเคมีในโมเลกุลหรือในโครงผลึกของสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสารในเร่ือง จุดเดือด จุดหลอมเหลวและสถานะกบั แรงยดึ เหนี่ยว ระหวา่ งอนุภาคของสารน้นั ………………………………………………………………………………………………………. ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั ปลายทาง อธิบายการเกิดพนั ธะโลหะและใชค้ วามรู้เร่ืองพนั ธะโลหะอธิบายสมบตั ิของโลหะได้ ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั นาทาง 1. อธิบายการเกิดพนั ธะโลหะได้ 2. อธิบายสมบตั ิของโลหะโดยใชค้ วามรู้เรื่องพนั ธะโลหะได้ เนื้อหา (รายละเอียดของเน้ือหา อยใู่ นใบความรู้ที่ 19) - พนั ธะโลหะ การจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. ข้นั สร้างความสนใจ ครูนาอภิปรายสมบตั ิบางประการของโลหะ โดยเปรียบเทียบกบั สมบตั ิของสารประกอบ ไอออนิกและสารโคเวเลนตจ์ ากขอ้ มูลในตาราง 2.16 เพ่อื นาเขา้ สู่การเกิดพนั ธะโลหะ 2. ข้นั สารวจและค้นหา 1. ครูนาอภิปรายและใหค้ วามรู้เก่ียวกบั การเกิดพนั ธะโลหะตามรายละเอียดในใบความรู้ ซ่ึงควรไดข้ อ้ สรุปดงั น้ี 1.1 พนั ธะโลหะเกิดจากการท่ีอะตอมของโลหะใชเ้ วเลนซ์อิเลก็ ตรอนร่วมกนั โดยท่ี เวเลนซ์อิเลก็ ตรอนจะเคลื่อนที่เป็นอิสระไปทวั่ ท้งั กอ้ นโลหะ 1.2 ความแขง็ แรงของพนั ธะโลหะข้ึนอยกู่ บั จานวนเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนของโลหะและ ประจุของไอออนบวก
1.3 การเกิดพนั ธะในโลหะแสดงไดด้ ว้ ยแบบจาลองทะเลอิเล็กตรอน 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสมบตั ิของโลหะตามรายละเอียดในใบความรู้ จนได้ ขอ้ สรุปดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1 โลหะนาความร้อนและนาไฟฟ้าไดด้ ี เนื่องจากเวเลนซ์อิเล็กตรอนเคล่ือนที่ไปมาได้ ทว่ั ท้งั กอ้ นโลหะ 2.2 โลหะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง เนื่องจากเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนของอะตอม ท้งั หมดยดึ อะตอมไวอ้ ยา่ งแข็งแรง 2.3 โลหะสามารถนามาตีแผอ่ อกเป็นแผน่ และดึงเป็นเส้นได้ เน่ืองจากมีกลุ่มเวเลนซ์ อิเลก็ ตรอนช่วยยดึ อนุภาคไว้ 2.4 โลหะสะทอ้ นแสงได้ เนื่องจากการรับและปล่อยคลื่นแสงจากกลุ่มเวเลนซ์ อิเลก็ ตรอนท่ีเคลื่อนท่ีไดโ้ ดยอิสระ 3. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกบั พนั ธะโลหะ ในใบความรู้ที่ 19 4. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเน้ือหา เร่ือง พนั ธะโลหะ วา่ มีส่วนไหนที่ไม่เขา้ ใจ และใหค้ วามรู้เพมิ่ เติมในส่วนน้นั 3. ข้ันลงข้อสรุป 1. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนสรุปความคิดรวบยอดเก่ียวกบั เน้ือหาที่ไดเ้ รียนในวนั น้ี และ มอบหมายใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทในหนงั สือเรียนส่ง 2. นกั เรียนทาแบบทดสอบเร่ือง พนั ธะโลหะ จากน้นั นกั เรียนและครูร่วมกนั เฉลย แบบทดสอบ นกั เรียนท่ีผา่ นเกณฑ์ ครูยกยอ่ งชมเชย ส่วนนกั เรียนที่ไม่ผา่ นเกณฑใ์ หก้ ลบั ไปทบทวน ความรู้ใหม่ แลว้ เขียนสรุปความมาใหค้ รูอ่านในคาบต่อไป 3. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปทบทวนความรู้ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่องพนั ธะเคมีและ เตรียมตวั สอบเก็บคะแนนประจาหน่วย ซ่ึงครูจะแจง้ ใหท้ ราบต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. ใบความรู้ที่ 18 เรื่อง แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ 2. หนงั สือเรียนวชิ าเคมี 1 ของ สสวท. 3. แบบทดสอบ เรื่อง พนั ธะโลหะ 4. แบบฝึกเสริมประสบการณ์
การวดั ผลประเมินผล การวดั ผลประเมินผลดา้ น วธิ ีการวดั เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารผา่ น 1.การสรุปความคิดรวบ 1. ทาไดถ้ กู ตอ้ ง 70 % 1. ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ 1.การสรุปความคิดรวบยอด ยอด ข้ึนไป 2. ทาแบบทดสอบถกู 1.วดั จากแบบทดสอบ 1.แบบทดสอบหลงั เรียน 60 % ข้ึนไป ชนิดปรนยั 4 ตวั เลือก 2. ดา้ นทกั ษะ สงั เกตจากการปฏิบตั ิกิจกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรมการ ไดค้ ะแนนในระดบั 2 กระบวนการ ในช้นั เรียน ทางาน ข้ึนไป 3. ดา้ นคุณลกั ษณะท่ีพงึ การสงั เกตพฤติกรรมความ แบบสงั เกตพฤติกรรมความ ไดค้ ะแนนในระดบั 2 ประสงค์ สนใจ และต้งั ใจเรียน สนใจและต้งั ใจเรียน ข้ึนไป กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ความคดิ เห็นของผ้บู ังคบั บัญชา ความเห็นหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ความเห็นรองผอู้ านวยการ วทิ ยาศาสตร์ สถานศึกษา ................................................. ................................................... ................................................. ................................................... ................................................. ................................................... ลงชื่อ....................................................... ลงช่ือ................................................................. (นางสาวกมลวรรณ วิพรรณะ) ( นางสุจิตร อนนั ตนมณี) ความเห็นของผ้บู ริหารโรงเรียน ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ลงช่ือ.......................................................... ( นายธวชั ชยั เนตินิธิวฒั นพงศ)์ ผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นใหญพ่ ิทยาคม ……………/………………/……………..
Search