Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้-วิชาการขายเบื้องต้น

แผนการจัดการเรียนรู้-วิชาการขายเบื้องต้น

Published by Srisuda.nam, 2019-08-21 23:28:46

Description: แผนการจัดการเรียนรู้-วิชาการขายเบื้องต้น

Search

Read the Text Version

51 ส่อื / นวัตกรรม / แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. แบบทดสอบก่อน – หลงั เรียน 3. แบบฝึกหัดท้ายบท 4. เอกสารประกอบการสอน 5. เว็บไซตท์ างธุรกิจ การวัดผล และประเมนิ ผล วิธีประเมิน 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. สงั เกตการปฏบิ ตั ิงานในกลมุ่ 3. สงั เกตการณ์เปน็ ผ้มู คี วามมีวินยั ชอื่ เคร่ืองมือ 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบสงั เกตพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม 3. แบบประเมินกระบวนการกลุ่ม

52 แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรยี น เรอ่ื ง ความรู้เกี่ยวกบั คู่แข่งขัน ให้นกั เรียนเลอื กคาตอบท่ีถูกต้องเพยี งข้อเดยี ว 1. ในระบบการค้าแบบใดท่มี ีการแข่งขนั กนั มากทีส่ ุดในตลาด ก. ระบบเสรี ข. ระบบผสม ค. ระบบสงั คมนิยม ง. ระบบคอมมิวนสิ ต์ 2. การศกึ ษาเกีย่ วกับคแู่ ข่งขนั กจิ การควรศกึ ษาในเรื่องใด ก. นโยบายราคาของคู่แขง่ ขัน ข. ฐานะการเงนิ ของคแู่ ขง่ ขนั ค. นโยบายการขายของคูแ่ ขง่ ขัน ง. จดุ อ่อนจดุ แขง็ ของคู่แขง่ ขัน 3. การได้ศึกษาถงึ จดุ ออ่ นและจุดแข็งของสินค้าคู่แข่งขัน จะให้ประโยชน์ในขอ้ ใด ก. เพ่ือนาจุดออ่ นมาโจมตี ข. เพอื่ เปรียบเทียบให้ลูกค้าไดเ้ หน็ ค. เพือ่ นามากาหนดวิธีการเสนอขาย ง. เพื่อกจิ การจะได้หลกี เล่ียงการเผชญิ หนา้ 4. การกาหนดราคาขายสินค้าตา่ หรือสูงกว่าคแู่ ข่งขนั เปน็ เรื่องท่ีเกีย่ วขอั งกบั เรือ่ งใด ก. นโยบายการขายสนิ ค้า ข. นโยบายราคาของกจิ การ ค. นโยบายเกี่ยวกับพนกั งานขาย ง. นโยบายเกย่ี วกบั การส่งเสรมิ การขาย 5. ข้อใดคอื วิธกี ารสง่ เสริมการขาย ก. การสง่ ชน้ิ ส่วนชงิ โชค ข. การเขา้ พบลกู ค้า ค. การศกึ ษาข้อมูลของลกู ค้า ง. การศึกษาขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑ์ 6. วธิ กี ารใดทพี่ นักงานขายควรปฏิบตั ิเพ่ือชนะคแู่ ข่งขนั ก. โจมตสี ินคา้ ของค่แู ขง่ ขัน ข. วางแผนการขายทุกคร้งั ค. เอาอย่างการเสนอขายของคูแ่ ขง่ ง. เสนอผลตอบแทนท่ีดีกว่าให้กบั ลกู คา้ ของ คแู่ ข่งขัน 7. วธิ กี ารใดท่พี นกั งานขายควรนาเสนอลูกคา้ เพือ่ เป็นการแข่งขนั ทางการขาย ก. ตดั ราคาค่แู ข่งขัน ข. ย่ืนข้อเสนอท่ีดีกวา่ ของคู่แข่งขัน ค. บอกข้อเสียของสนิ ค้าคแู่ ข่งเพ่อื จูงใจใหซ้ ้ือสนิ คา้ ของตนเอง ง. นาเสนอจุดเดน่ ของสนิ ค้าตนเองแก่ลูกคา้ 8. การกาหนดชัว่ โมงการทางาน เงนิ ตอบแทน สวัสดกิ าร เป็นเรือ่ งท่เี กีย่ วกบั ข้อใด ก. นโยบายการขายสินค้า ข. นโยบายราคาของกิจการ ค. นโยบายเกี่ยวกบั พนกั งาน ง. นโยบายเก่ยี วกับการส่งเสรมิ การขาย 9. การกาหนดวิธีการขายใหม่ จากการขายตามหา้ งมาเป็นการขายตรง เป็นเร่อื งทเี่ ก่ยี วกับข้อใด ก. นโยบายการขายสินค้า ข. นโยบายราคาของกจิ การ ค. นโยบายเกย่ี วกบั พนกั งาน ง. นโยบายเกย่ี วกับการส่งเสรมิ การขาย 10. การส่งเสรมิ การขายแบบใด ทจี่ ะช่วยสร้างนสิ ัยการสะสมให้กับลูกค้า ก. การชิงโชค ข. การใช้คูปอง ค. การลดราคา ง. การใชข้ องตวั อย่าง

53 แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 9 ชือ่ วชิ า การขายเบ้ืองตน้ ( 20200 – 1003 ) สอนครงั้ ที่ 12 จานวน 3 ช.ม. ช่อื หนว่ ย เทคนคิ การขาย รายการสอน 1. การแสวงหาผ้มู ุ่งหวงั 2. ความหมายของ “ผมู้ ุง่ หวัง” 3. ประเภทของผูม้ ุ่งหวงั วธิ กี ารแสวงหาผ้มู ุง่ หวัง 4. ประโยชน์ของการแสวงหาผู้มุง่ หวงั สาระสาคัญ ลูกค้าอนาคตหรือผู้มุ่งหวัง หมายถึง บุคคลหรือองค์การธุรกิจที่กิจการหรือพนักงานขาย คาดหวังหรอื คาดหมายวา่ จะเปน็ ผู้ซอื้ สนิ คา้ หรอื ใชบ้ รกิ ารของตนเองพนักงานขายตอ้ งแสวงหาผู้มุ่งหวัง เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะขายสินค้าหรือชักจูงใจให้ใช้บริการ ดังน้ันพนักงานขายจึงต้องทราบ ประเภทของผ้มู ุ่งหวงั วิธีการแสวงหาผมู้ งุ่ หวัง และประโยชน์ของการแสวงหาผู้มุ่งหวงั ด้วย สมรรถนะทีพ่ งึ ประสงค์ (ความรู้ ทักษะ – คุณธรรมจริยธรรม) 1. นักเรียนรคู้ วามหมายของ “ผู้มุ่งหวงั ” 2. นักเรยี นรู้ประเภทของผู้มุ่งหวัง 3. นกั เรยี นรู้วิธีการแสวงหาผมู้ ่งุ หวงั 4. นักเรยี นรู้ประโยชน์ของการแสวงหาผมู้ ่งุ หวัง จดุ ประสงคป์ ลายทาง เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้และเข้าใจความหมายของผู้มุ่งหวัง ประเภทของผู้มุ่งหวัง วิธีการ แสวงหาผมู้ ุ่งหวัง และประโยชน์ของผมู้ งุ่ หวงั จุดมงุ่ หมายนาทาง 1. ผู้เรียนสามารถบอกความหมายของผมู้ ่งุ หวังได้ 2. ผู้เรยี นสามารถบอกประเภทของผมู้ งุ่ หวังได้ 3. ผ้เู รียนสามารถอธิบายวิธกี ารแสวงหาผมู้ ุง่ หวงั ได้ 4. ผเู้ รียนสามารถบอกประโยชน์ของการแสวงหาผมู้ งุ่ หวงั ได้ เน้ือหา/สาระ 1. ความหมายของผู้มงุ่ หวงั 2. ประเภทของผูม้ งุ่ หวงั - ผมู้ ุ่งหวงั ประเภทผู้นา (Lead) - ผมู้ ุง่ หวังทอ่ี ยูใ่ นข่ายสงสยั (Suspect) - ผ้มู งุ่ หวังประเภทไข่หลอก (Chaina Egg) หรือ พวกไม้ตาย (Dead Wood) 3. วธิ กี ารแสวงหาผู้มุ่งหวัง - การใช้วิธีโซ่ไมม่ ปี ลาย - การใช้ศนู ย์อิทธพิ ล - การใชพ้ นักงานขายหนา้ ใหม่และผู้รว่ มงานขาย

- การใช้สอื่ มวลชน 54 - การตระเวนหาผมู้ ุ่งหวงั - งานแสดงสินคา้ และการจดั นิทรรศการ - การสังเกตส่วนตัว 4. ประโยชน์ของการแสวงหาผู้ม่งุ หวัง - เพื่อรกั ษาความมัน่ คงในรายได้ให้พนักงานขาย - เพ่อื รกั ษาสถานภาพของพนักงานขาย - เพื่อสร้างความมน่ั คงในงานอาชีพ กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นา 1. ผู้สอนถามผู้เรียนเป็นรายบุคคลโดยวิธีการสุ่มเรียก “ ในความคิดของผู้เรียน ผู้มุ่งหวัง หมายถึงใคร” 2. ผู้สอนชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยการเล่นเกมส์ Qualities โดยมี กติกาดังน้ี กตกิ า การเล่นเกม the qualities 1 จับกลุม่ 5 คน แล้วน่ังเปน็ แถวใหค้ รบ 2 ตงั้ ชือ่ กลมุ่ ของกล่มุ ตนเอง 3 ฟังคาสั่งยกให้ยกมอื (กล่มุ ใครยกมือกอ่ นมีสิทธิก่อน) 4 กลมุ่ ใครตอบผดิ ไมม่ ีสทิ ธิเลน่ ในครั้งตอ่ ไป 5 กลุม่ ใครตอบได้ขณะที่เปิดแผน่ ป้ายแรก ได้ ๕ คะแนน 6 คะแนนจะลดลงตามปา้ ยทเ่ี ปดิ เรียงดงั น้ี ๕,๔,๓,๒,๑, 7 กลมุ่ ได้คะแนนสูงสุดคือผชู้ นะ อุปกรณ์ท่ใี ชป้ ระกอบการเรยี นการสอน 1. เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 2. โปรแกรม ไมโครซอฟท์ เพาว์เวอรพ์ อ้ ยท์ 3. เครือ่ งฉาย มลั ติมเี ดีย 4. จอโปรเจ็คเตอร์ ขนั้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ผู้สอนอธิบายความหมายของผู้มุ่งหวัง และให้ผู้เรียนช่วยกันบอกประเภทของผู้มุ่งหวัง โดยผู้สอนเป็นผสู้ รปุ 2. ใหผ้ ูเ้ รียน เลน่ เกมส์ Qualities โดยผ้สู อนเป็นผูด้ าเนนิ การเล่นกมส์ 3. ผู้สอนสังเกตการณ์การทางานของแต่ละกลุ่มและสรุปวิธีการแสวงหาผู้มุ่งหวัง โดยให้ ผเู้ รียนบนั ทึกลงสมุด 4. ให้ผู้เรียนช่วยกันบอกประโยชน์ของการแสวงหาผู้มุ่งหวังเป็นข้อ ๆ โดยผู้สอนเขียนบน กระดานดา 5. ผู้สอนสรุปประโยชน์ของการแสวงหาผู้มุ่งหวังเพิ่มเติมจากท่ีผู้เรียนช่วยกันบอก และให้ ผู้เรยี นบนั ทึกลงสมดุ

55 ส่อื / นวัตกรรม / แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งสมดุ ของโรงเรียน 2. แบบทดสอบก่อน – หลงั เรยี น 3. แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 4. เวบ็ ไซด์ทางธุรกิจ การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. วธิ ีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. สังเกตการทางานของกลุม่ 3. สังเกตการณร์ ับผิดชอบ 2. ช่ือเครือ่ งมอื 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบสังเกตกระบวนการกลมุ่ 3. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม.

56 แบบทดสอบก่อน – หลังเรยี นหน่วยท่ี 9 ชอื่ หน่วย เทคนคิ การขาย ให้นักเรียนเลอื กคาตอบทถี่ ูกต้องเพยี งข้อเดียว 1. สนิ คา้ ใดตอ่ ไปนนี้ กั ขายต้องใช้การแสวงหาผมู้ ุ่งหวังมากที่สุด ก. บา้ นจัดสรร ข. เครอื่ งปรับอากาศ ค. การขายประกนั ชีวิต ง. เครอ่ื งใช้ภายในครวั เรอื น 2. การแสวงหาผู้มงุ่ หวงั วิธใี ด ทพี่ นกั งานขายมขี อ้ มลู เกย่ี วกบั ผมู้ ุ่งหวังนอ้ ยท่สี ดุ ก. ศูนย์อทิ ธิพล ข. โซไ่ ม่มปี ลาย ค. จากผู้จัดการฝา่ ยขาย ง. การตระเวนหาผ้มู ุ่งหวัง 3. ตวั จกั รสาคญั ของการแสวงหารายช่อื แบบโซไ่ ม่มีปลายคือใคร ก. ลูกคา้ เก่าที่เคยขายสนิ ค้าใหไ้ ปแล้ว ข. บริการหลังการขายท่บี ริษัทจะมีให้กับลกู ค้า ค. การสง่ เสริมการขายและการประชาสมั พนั ธ์ ง. ตัวของพนักงานขายเองทจ่ี ะทาการแสวงหาผู้มุ่งหวัง 4. ขอ้ ใดไม่เก่ยี วข้องกบั กระบวนการใชเ้ ทคนคิ การขาย ก. การเข้าพบเพือ่ เสนอขาย ข. การขจัดขอ้ โต้แย้ง ค. การออกแบบผลิตภัณฑ์ ง. การปิดการขาย 5. วธิ ีการแสวงหาผมู้ งุ่ หวังสาหรบั สนิ ค้าทีไ่ ม่มตี ัวตน เชน่ ประกันภัย นยิ มใชว้ ธิ ีใด ก. ศนู ย์แหง่ อิทธพิ ล ข. โซ่ไม่มีปลาย ค. ส่มุ ตระเวนหาลูกค้า ง. การใช้จดหมายหรือโทรศัพท์ตดิ ตอ่ 6. ถา้ พนักงานขายไปหานายแพทย์ผ้อู านวยการโรงพยาบาลของรัฐให้แนะนาแพทยอ์ ื่น ๆ ท่ีมีคลนิ กิ เพือ่ เสนอยาให้ใช้ในคลินกิ เปน็ วิธกี ารแสวงหาผมู้ ุง่ หวงั วธิ ใี ด ก. โซ่ไม่มีปลาย ข. ศนู ยอ์ ทิ ธพิ ล ค. การใชพ้ นักงานขายหนา้ ใหม่ ง. การสงั เกตสว่ นตวั 7. วิธีใดในการแสวงหาผมู้ ุ่งหวังทชี่ ว่ ยให้พนักงานขายอาวโุ สสะดวกในการปฏบิ ัติหน้าที่ ก. การสมุ่ ตระเวนหาผมู้ ุ่งหวัง ข. โซไ่ ม่มปี ลาย ค. การสังเกตสว่ นตวั ง. การใช้พนักงานขายหนา้ ใหม่ 8. วิธกี ารแสวงหาผมู้ ุ่งหวงั วิธีใดทีพ่ นักงานขายจะตอ้ งเป็นคนหูไวตาไว ก. โซ่ไม่มีปลาย ข. การใช้ศนู ย์อิทธิพล ค. การตระเวนหาผมู้ งุ่ หวัง ง. การใช้พนักงานขายหน้าใหม่ 9. กลมุ่ ของผู้มุ่งหวังทห่ี าง่ายที่สุด คอื ขอ้ ใด ก. เพื่อนเก่า ข. ญาติพี่น้อง ค. อาจารยเ์ กา่ ง. เพ่อื นใหม่ 10. ข้อใดเป็นการแสวงหาผู้มงุ่ หวงั แบบแนะนาต่อกนั ไปเรอื่ ย ๆ ก. แบบตระเวนหาผมู้ งุ่ หวงั ข. แบบสงั เกตสว่ นตวั ค. โซไ่ มม่ ปี ลาย ง. ศนู ยอ์ ทิ ธิพล

57 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 9 ชอื่ วชิ า การขายเบือ้ งต้น ( 20200 – 1003 ) สอนคร้ังท่ี 13 ชอื่ หนว่ ย เทคนคิ การขาย จานวน 3 ช.ม. รายการสอน 1. ยทุ ธวิธกี ารเตรียมตัวกอ่ นเขา้ พบ 2. การเตรียมตวั กอ่ นเข้าพบสาหรบั สินคา้ ประเภทตา่ ง ๆ 3. ประโยชนข์ องการเตรยี มตัวก่อนเข้าพบ 4. ขอ้ มลู ของผมู้ ุ่งหวัง, แหล่งขอ้ มลู ของผู้มงุ่ หวัง, การนดั หมายผู้มุง่ หวงั สาระสาคัญ การเตรยี มตวั กอ่ นเข้าพบลูกคา้ มีประโยชนต์ อ่ พนกั งานขายหลายประการ เช่น ประหยดั เวลา ของพนกั งานขายในการศกึ ษาลกู ค้าก่อนเขา้ พบกาหนดวิธีการเขา้ พบลูกค้าอยา่ งเหมาะสม เพื่อสร้าง ความมน่ั ใจในตัวพนกั งานขาย เพอ่ื การจัดลาดบั ทเี่ หมาะสม เพราะการเข้าพบถอื ว่าเป็นการเปิดฉาก การเสนอขาย ถ้าทาได้ดกี ็จะปดิ การขายได้อย่างประสบความสาเร็จ สมรรถนะทพ่ี งึ ประสงค์ (ความรู้ ทักษะ – คณุ ธรรมจรยิ ธรรม) 1. นักเรยี นรยู้ ุทธวิธกี ารเตรยี มตัวกอ่ นเข้าพบ 2. นักเรียนรู้วธิ ีการเตรียมตัวก่อนเขา้ พบสาหรบั สินค้าประเภทตา่ ง ๆ 3. นักเรียนร้ปู ระโยชนข์ องการเตรียมตัวก่อนเขา้ พบ 4. นกั เรียนรขู้ อ้ มูลผู้มุ่งหวัง, แหลง่ ข้อมูลผู้มุ่งหวัง, การนัดหมายผมู้ ุ่งหวงั จดุ ประสงค์ปลายทาง เพื่อให้ผ้เู รียนมีความรู้ – เขา้ ใจเกี่ยวกบั การเตรยี มตัวกอ่ นเข้าพบสาหรับสนิ คา้ ประเภท ต่าง ๆ ประโยชนข์ องการเตรียมตวั ก่อนเข้าพบ และแหล่งข้อมูลเกีย่ วกับผู้มุ่งหวงั จุดประสงค์นาทาง 1. ผูเ้ รียนบอกยุทธวธิ ีการเตรยี มตวั ก่อนเข้าพบได้ 2. ผเู้ รียนสามารถบอกวิธกี ารเตรยี มตวั ก่อนเข้าพบสาหรบั สนิ ค้าประเภทตา่ ง ๆ ได้ 3. ผเู้ รยี นบอกประโยชนข์ องการเตรียมตวั ก่อนเขา้ พบได้ 4. ผู้เรียนบอกวิธีการนดั หมายผมู้ ่งุ หวงั ได้ เน้ือหาสาระ 1. การเตรียมตัวกอ่ นเขา้ พบสาหรบั สินคา้ ประเภทตา่ ง ๆ - สนิ ค้าทไ่ี มค่ ุ้นเคย - สินคา้ ทม่ี รี าคาแพง - สินคา้ ทไ่ี มม่ ีตัวตน - สินค้าทม่ี คี วามยุง่ ยากซับซอ้ น 2. ประโยชน์ของการเตรยี มตวั ก่อนเข้าพบ - ช่วยประเมนิ คุณค่าของผูม้ ุง่ หวัง - ช่วยสร้างความมน่ั ใจให้พนักงานขาย - ช่วยกาหนดวิธีการเขา้ พบ

58 - ชว่ ยประหยดั เวลา - ช่วยให้ผู้มุ่งหวังไดพ้ บกบั พนกั งานขายท่ีสามารถแก้ปัญหาของเขาได้ - ชว่ ยกาหนดแผนการขายได้อยา่ งเหมาะสม 3. ขอ้ มลู เก่ียวกบั ผมู้ งุ่ หวงั - ชอื่ -ช่อื สกลุ ,อาย,ุ เพศ,ประเภทของผู้ม่งุ หวัง,อาชีพ,รายได้,สถานภาพสมรส, งานอดิเรก,การศึกษา, ความคุ้นเคย 4. แหล่งข้อมูลเก่ียวกบั ผู้ม่งุ หวงั - จากลูกคา้ เกา่ - จากเพือ่ นพนักงานขาย - จากศนู ย์อิทธพิ ลประจาท้องถ่ิน - จากสิ่งพิมพ์ตา่ ง ๆ - จากกิจการ - จากสมาคมทผี่ ้มู งุ่ หวังเป็นสมาชิกอยู่ - แหลง่ อื่น ๆ 5. วธิ ีการนดั หมายผู้มงุ่ หวงั - การใชโ้ ทรศัพท์ - การใชจ้ ดหมาย - การนัดหมายดว้ ยบคุ คลท่สี าม กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นา 1. ผสู้ อนช้ใี ห้ผู้เรียนเห็นถึงความสาคญั ของการเตรียมตัวกอ่ นเข้าพบ และตัง้ คาถามเพอ่ื ถาม ผเู้ รียนวา่ “ทาไมพนักงานขายจึงต้องเตรยี มตนเองก่อนการเขา้ พบลกู คา้ ” โดยใหผ้ ูเ้ รยี นช่วยกันตอบ 2. ผู้สอนชี้แจงเร่ืองการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโดยใหผ้ ู้เรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 7 -8 คน และใหเ้ ลือกตวั แทนเพื่อนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น 1 คน ขัน้ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ให้ผู้เรียนช่วยกันบอกยุทธวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้าพบ โดยผู้สอนเขียนบนกระดานดา เปน็ ขอ้ ๆ ตามคาบอกของผ้เู รยี น 2. ผู้สอนสรุปยุทธวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้าพบจากท่ีผู้เรียนบอก และสรุปเพ่ิมเติมบน กระดานดา 3. ผู้สอนอธิบายการเตรียมตัวกอ่ นเข้าพบสาหรบั สินค้าประเภทต่าง ๆ และประโยชนข์ อง การเตรยี มตัวก่อนเข้าพบ พร้อมทงั้ ซักถามผ้เู รียนเป็นรายบคุ คลเพ่อื ทดสอบความเขา้ ใจ 4. ใหผ้ ูเ้ รียนที่จัดกล่มุ ไวแ้ ล้วแต่ละกล่มุ หาข้อมูลของผู้มุ่งหวงั มา 1 คน โดยบอกแหลง่ ข้อ มลู ทห่ี ามาได้ และทาตารางกาหนดการเข้าพบผมู้ ุ่งหวงั คนนน้ั พร้อมท้ังบอกวธิ กี ารเข้าพบด้วย โดยสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น 5. ผู้สอนสรปุ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับผู้มุง่ หวงั ตารางกาหนดการเข้าพบและการนัดหมายผู้ มงุ่ หวัง โดยให้ผู้เรยี นบนั ทกึ ลงสมดุ เพ่อื ส่งให้ครตู รวจ

59 สื่อ / นวตั กรรม / แหล่งเรยี นรู้ 1. ผังมโนทศั นเ์ รอ่ื งวิธกี ารเข้าพบ 2. ห้องสมดุ โรงเรียน 3. เว็บไซดธ์ ุรกิจ 4. แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท การวัดและประเมนิ ผล วิธีวัดผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. สังเกตความรบั ผิดชอบ 3. สังเกตการณท์ างานของกลมุ่ ชื่อเคร่ืองมือ 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม 3. แบบประเมินกระบวนการกลุ่ม

60 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 9 สอนครัง้ ท่ี 14 ชื่อวิชา การขายเบ้ืองตน้ ( 20200 – 1003 ) จานวน 3 ช.ม. ช่ือหน่วย เทคนคิ การขาย รายการสอน 1. ความหมายของการสาธติ 2. จดุ ประสงคข์ องการสาธติ และการเตรียมตัวกอ่ นการสาธิต 3. องคป์ ระกอบของการสาธติ 4. ขอ้ ควรพิจารณาในการสาธิต สาระสาคัญ การสาธิตสินค้าต้องสามารถสร้างความเช่ือม่ัน ความสมบูรณ์ ความชัดเจนและขจัดการ แข่งขันได้ เพราะถ้าการสาธิตทาได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ จะทาให้ผู้มุ่งหวังเกิดความต้องการสนิ ค้าที่ ทาการสาธิตได้ สมรรถนะท่พี งึ ประสงค์ (ความรู้ ทักษะ – คุณธรรมจริยธรรม) 1. นกั เรยี นรู้ความหมายของการสาธิต 2. นกั เรียนรูจ้ ุดประสงค์ของการสาธติ 3. นักเรยี นร้กู ารเตรยี มตวั ก่อนการสาธติ 4. นักเรียนร้อู งค์ประกอบของการสาธติ และข้อพิจารณาในการสาธติ จดุ ประสงคป์ ลายทาง เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ – ความเข้าใจเกี่ยวกับการสาธิตสินค้า และข้อควรพิจารณาในการ สาธิต จดุ ประสงค์นาทาง 1. ผู้เรยี นสามารถบอกความหมายของการสาธิตได้ 2. ผู้เรียนสามารถบอกจดุ ประสงค์ของการสาธิตได้ 3. ผเู้ รยี นสามารถอธบิ ายการเตรียมตวั ก่อนการสาธติ ได้ 4. ผูเ้ รยี นสามารถบอกองคป์ ระกอบของการสาธติ และข้อควรพิจารณาในการสาธิตได้ เน้อื หา / สาระ 1. ความหมายของการสาธติ 2. จุดประสงคข์ องการสาธิต - การบ่งช้ปี ญั หาให้ผมู้ ่งุ หวังไดท้ ราบ - ให้ผ้มู ุ่งหวังตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของปญั หา - ใหผ้ ู้มุ่งหวงั รบั ฟงั ข้อเสนอแนะหรือวิธีการแกป้ ญั หา - ให้ลกู ค้าเกดิ ความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่เสนอขาย 3. การเตรยี มตวั ก่อนการสาธติ - เตรยี มความพรอ้ มของพนกั งานขาย - การเตรยี มเครือ่ งมืออุปกรณ์ในการสาธิต - การฝกึ การสาธติ

61 - การเตรยี มคาพูดขาย 4. องค์ประกอบของการสาธติ - ความชดั เจน - ความสมบูรณ์ - การสร้างความเชอ่ื ถือ - การขจัดการแข่งขัน 6. ขอ้ ควรพิจารณาในการสาธติ - ต้องมีการเตรยี มแผนการสาธิต - เครื่องมือและอปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นการสาธติ - การแนะนาและให้เหตุผลในการสาธิต - การใหผ้ ู้มงุ่ หวังไดม้ สี ่วนรว่ มในการสาธิต - การใหค้ วามสาคัญในเร่ืองของบคุ ลกิ ภาพ กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา 1. ผสู้ อนชใ้ี ห้ผูเ้ รยี นเห็นความสาคัญของการสาธติ ท่ีมีตอ่ การเสนอขายและตัง้ คาถามเพ่ือถาม ผเู้ รียนวา่ “ทาไมตอ้ งมีการสาธติ สนิ คา้ ในการขาย” 2. ผู้สอนช้ีแจงเร่อื งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5-6 โดยให้ แตล่ ะกลมุ่ เลือกสินคา้ ที่ต้องการสาธิตมากล่มุ ละ 1 ชนิด ขนั้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ผู้สอนอธิบายความหมายและจุดประสงค์ของการสาธิต พร้อมทั้งซักถามผู้เรียนเพ่ือ ทดสอบความเขา้ ใจ 2. ผสู้ อนใหผ้ ้เู รยี นชว่ ยกนั บอกการเตรยี มตัวก่อนการสาธิต องคป์ ระกอบของการสาธิต และ ข้อควรพิจารณาในการสาธติ 3. ให้ผู้เรียนท่ีจัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มออกมาแสดงบทบาทสมมุติเพ่ือสาธิตสินค้าท่ีแต่ละ กลมุ่ เลือกสนิ ค้ามากลมุ่ ละ 1 ชนดิ หน้าช้นั เรียน 4. ให้ผู้เรียนช่วยกันหาจุดบกพร่องของการสาธิตท่ี แต่ละกลุ่มออกมาแสดงบทบาทสมมติ พรอ้ มทงั้ ช่วยกันแกไ้ ข โดยผู้สอนเป็นผสู้ งั เกตการณ์และใหค้ าแนะนา สือ่ / นวัตกรรม / แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมุดของโรงเรียน 2. เวบ็ ไซด์ทางธรุ กิจ 3. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 4. แบบฝกึ หัดท้ายบท การวดั ผลและประเมนิ ผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. สงั เกตการทางานกลุ่ม

62 ชอื่ เครอื่ งมือ 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบสงั เกตกระบวนการกล่มุ

63 แบบทดสอบก่อน – หลังเรยี นหน่วยที่ 9 เร่ือง เทคนิคการขาย ให้นกั เรียนเลอื กข้อทถี่ กู เพียงข้อเดยี ว 1. การเสนอขายมีความหมายตรงกับขอ้ ใด ก. การแจ้งใหผ้ ูม้ ุ่งหวังทราบถึงลักษณะของสนิ ค้า ข. การแจง้ ให้ผมู้ ุง่ หวงั ได้ทราบถึงประโยชนข์ องสินคา้ ค. ศิลปะแห่งการเอาชนะใจ และแสดงอานาจเหนอื ผู้มงุ่ หวงั ง. การทาการเสนอขายผลิตภัณฑ์ โดยมีจดุ มงุ่ หมายใหเ้ กดิ การซื้อ 2. การเริ่มตน้ การเสนอขายควรเริ่มตน้ ตามข้อใด ก. กะทดั รดั นา่ สนใจ ข. เข้าสู่ประเดน็ การขายทันที ค. การสร้างความรู้สึกอยากเหน็ ให้เกิดข้นึ ง. การสรา้ งความเชอ่ื ม่ัน โดยการแสดงผลงานสาเรจ็ ของนักขาย 3. ข้อใดไม่ใชห่ ลักสาคญั ของการเสนอขาย ก. พยายามหาวิธที ่ีจะชว่ ยแกป้ ัญหา ข. บอกให้ผ้มู งุ่ หวังไดท้ ราบถงึ ความสาคญั ของปญั หา ค. บอกใหผ้ มู้ ุง่ หวังได้ทราบวธิ ที จี่ ะแก้ปัญหาท่ีเกิดขึน้ น้ัน ง. นักขายจะตอ้ งพยายามเสนอขาย และให้ผู้ม่งุ หวงั ตกลงใจซอ้ื 4. จดุ ประสงค์ลาดับแรกของการเสนอขายคอื ข้อใด ก. การบ่งชีป้ ัญหาให้ผูม้ งุ่ หวังได้ทราบ ข. การทาให้ผ้มู งุ่ หวงั ตระหนกั ถึงความสาคญั ของปัญหา ค. การทาให้ผมู้ ุ่งหวังรบั ฟังข้อเสนอ หรือวธิ กี ารแกป้ ญั หา ง. การทาให้ผ้มู งุ่ หวังเกิดความตอ้ งการในสินคา้ ท่ีเสนอขาย 5. ขอ้ ใดคือการเตรยี มตวั เพ่ือการสาธิต ก. การฝกึ การสาธติ ข. การเตรยี มคาพดู ขาย ค. การเตรยี มเครื่องมอื อปุ กรณ์ ง. กลา่ วถูกทกุ ข้อ 6. การทดสอบมีหลักสาคัญคือข้อใด ก. ใหผ้ ู้มงุ่ หวังเป็นผู้ทดสอบเอง ข. นักขายต้องเป็นผู้แสดง เพื่อความเขา้ ใจ ค. ทั้งผมู้ ุง่ หวงั และนกั ขายช่วยเหลอื รว่ มมือกนั ในการทดสอบ ง. สินคา้ ทม่ี ีราคาแพงไมค่ วรให้ผ้มู งุ่ หวงั ทดสอบเพอ่ื ปอ้ งกันความเสียหาย 7. การแสดงแบบทศั น์ จะใชใ้ นกรณใี ด ก. สินค้าที่มีขนาดเล็ก ข. สนิ ค้าท่มี ีราคาแพง ค. สินค้าท่ีม่ีความยุ่งยากซบั ซ้อน ง. สนิ ค้าที่มขี นาดใหญ่ ไม่สามารถนาสินค้าไปด้วยได้

64 8. ภายหลังจากการสาธิตทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพความรู้สึกของ ผมู้ งุ่ หวงั จะอยใู่ นขั้นใด ก. ขน้ั สนใจ ข. ขั้นสะดดุ ใจ ค. ข้ันความต้องการ ง. ข้ันความเช่ือมัน่ 9. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งในเร่ืองการสาธิต ก. ควรมอบใหเ้ ป็นหน้าทข่ี องผมู้ ุ่งหวงั ข. เปน็ หน้าท่ีของนักขายฝ่ายเดียว ค. นักขายควรมอบใหผ้ ู้มงุ่ หวงั ทาการสาธติ ง. สนิ ค้าท่มี ีราคาแพงนักขายตอ้ งสาธิตเอง 10. การพดู พรอ้ มกบั การแสดงประกอบ การทดลอง การแสดง หรือการทาให้ดเู ปน็ แบบอย่างเพอ่ื ให้ผู้มุ่งหวงั ได้ประจักษถ์ ึงคุณสมบัติ และประสทิ ธิภาพการทางานของผลิตภัณฑ์มีความหมาย ตรงกับขอ้ ใด ก. การสาธิต ข. การเสนอขาย ค. การแสดงการทางาน ง. การแสดงประสิทธิภาพการทางาน

65 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 9 สอนคร้ังที่ 15 ช่อื วิชา การขายเบอื้ งตน้ ( 20200 – 1003 ) จานวน 3 ช.ม. ชือ่ หน่วย เทคนิคการขาย รายการสอน 1. ความหมายของข้อโต้แยง้ 2. ประเภทของขอ้ โตแ้ ย้ง 3. วธิ กี ารตอบขอ้ โต้แย้ง 4. ความรู้เรอื่ งการปดิ การขาย สาระสาคัญ ข้อโต้แย้งคือความแตกต่างระหวา่ งความคิดเกี่ยวกับสนิ ค้าบริการระหว่างพนักงานขาย กับผู้ มงุ่ หวงั หากพนักงานขายสามารถไขขอ้ ขอ้ งใจได้ กจ็ ะสามารถนาไปสู่จดุ การเสนอขายได้ การปิดการ ขายหมายถึง การสรุปผลของการเขา้ พบ และเสนอขายเพื่อใหผ้ ู้มุ่งหวังตัดสินใจซื้อด้วยความพึงพอใจ หรือการปดิ การขายหมายถงึ การชว่ ยใหผ้ ู้มงุ่ หวงั ตัดสินใจซอื้ ไดถ้ ูกต้อง สมรรถนะที่พงึ ประสงค์ (ความรู้ ทักษะ – คุณธรรมจริยธรรม) 1. นักเรยี นรู้ความหมายของข้อโต้แยง้ 2. นกั เรยี นรปู้ ระเภทของขอ้ โตแ้ ยง้ และวธิ ีตอบข้อโต้แย้ง 3. นักเรยี นรู้หลักสาคัญของการปดิ การขาย 4. นกั เรียนร้เู ทคนคิ การปดิ การขาย จดุ ประสงค์ปลายทาง เพ่ือให้นักเรียนมีความรู้และเข้าใจ ความหมายของข้อโต้แย้ง ประเภทของข้อโต้แย้ง ความหมายของการปิดการขาย ตลอดจนหลกั สาคญั ของการปดิ การขาย จุดประสงคน์ าทาง 1. นกั เรียนสามารถบอกความหมายของขอ้ โต้แย้งได้ 2. นักเรยี นสามารถบอกประเภทของขอ้ โต้แยง้ และวิธตี อบขอ้ โตแ้ ยง้ ได้ 3. นกั เรยี นสามารถอธิบายหลักสาคัญของการปิดการขายได้ 4. นักเรียนสามารถบอกเทคนคิ การปดิ การขายได้ เนือ้ หา / สาระ 1. ความหมายของข้อโต้แย้ง หมายถึง ความแตกต่างระหว่างความคิดเก่ียวกับสินค้า บริการระหว่างพนกั งานขาย กบั ผ้มู ่งุ หวงั 2. ประเภทของขอ้ โตแ้ ย้ง - ขอ้ โตแ้ ยง้ ท่วั ไป ( Indefinite Objections) - ข้อโตแ้ ย้งเฉพาะ (Definite Objections) ซึ่งมี 5 ประเภทคอื - ขอ้ โตแ้ ย้งเก่ยี วกับราคา - ข้อโต้แย้งเกี่ยวกบั สนิ คา้ - ข้อโตแ้ ยง้ เกี่ยวกับการจ่ายเงนิ - ขอ้ โตแ้ ย้งเก่ียวกบั กจิ การ

66 - ข้อโตแ้ ยง้ เกีย่ วกบั ความต้องการ 3. วธิ กี ารตอบข้อโต้แย้ง - ตอบปฏเิ สธทางตรง (Direct Method) - ตอบปฏเิ สธทางออ้ ม (Indirect Method) - การใช้คาถาม (Question Method) - การชดเชย (Compensation Method) - บูมเมอรแ์ รงหรือศอกกลบั (Boomerang Method) - การผา่ นเลยไป (Pass up Method) 4. หลกั สาคญั ของการปิดการขาย การปดิ การขายแบบธรรมชาติ (Natural Close) หมายถึง การปิดการขายท่ีเกิดจาก ความยินยอมพร้อมใจของผู้มุ่งหวัง เกดิ จากการแนะนาและการใหเ้ หตุผลของพนักงานขายจนทาให้ผู้ มงุ่ หวังเห็นดีตามคาแนะนา เกิดความพอใจในสินค้าหรอื บรกิ ารท่นี าเสนอ และเกิดการตดั สินใจซ้ือใน ทส่ี ุด การปิดการขายทดี่ คี วรทาภายหลงั การตอบข้อโตแ้ ย้งข้อสุดทา้ ยของพนักงานขายแลว้ 5. เทคนคิ การปดิ การขาย - การปิดการขายโดยขอใบส่ังซอ้ื (Asking for the Order Close) - การปดิ การขายทตี่ ัดโอกาสเลือกให้แคบลง (Narrowing the Option Close) - การปดิ การขายดว้ ยสิง่ จูงใจพเิ ศษ (Premium – Close) - การปิดการขายแบบของดีมีน้อย (Standing Room Only Close/S.R.O. Close) - การปดิ การขายดว้ ยจดุ เลก็ ๆ ( Closing on a Minor Point) - การปิดการขายแบบตอบรับตอ่ เนือ่ ง (Continued Affirmation Close) - การปิดการขายด้วยทางเลือกสุดท้าย (The Last Chance Close) กระบวนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนา 1. ผู้สอนทบทวนเทคนิคการขายตงั้ แต่การแสวงหาผมู้ ุง่ หวงั การเตรียมตัวก่อนเข้าพบ การ เข้าพบ และการสาธิตการขาย โดยใช้คาถามซกั ถามเป็นรายบุคคล 2. ผู้สอนช้ีแจงเร่ืองการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนจัดเป็นกลุ่ม ๆ ละ 7-8 คนและ หาตวั แทนเพ่อื นาเสนอหนา้ ช้ันเรียน 3. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและส่งกระดาษคาตอบให้เรยี บร้อย ข้นั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ใหผ้ ูเ้ รยี นชว่ ยกันบอกความหมายของขอ้ โตแ้ ยง้ และการปิดการขาย พรอ้ มทง้ั ยกตัวอย่าง ประกอบ 2. ใหผ้ ู้เรียนที่จดั กลุม่ ไว้แลว้ แต่ละกลมุ่ จบั ฉลากเพื่อเลือกหัวขอ้ ดังนี้ - ประเภทของขอ้ โตแ้ ยง้ - วธิ ีการตอบขอ้ โตแ้ ยง้ - หลกั สาคญั ในการปดิ การขาย - เทคนคิ การปิดการขาย 3. เมื่อแต่ละกลุ่มได้หัวข้อแล้วให้ไปค้นคว้าข้อมูลท่ีห้องสมุด และระดมความคิดอภิปราย กลุ่มย่อย จากน้ันส่งตัวแทนที่คัดเลือกไว้แลว้ ออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 4. ผู้สอนเปิดโอกาสใหผ้ ้เู รียนซักถามขอ้ มูลแลกเปล่ียนความรู้ซงึ่ กันและกนั

67 5. ผู้สอนสังเกตการณ์ทางานของผู้เรียน และสรุปแต่ละหัวข้อเพ่ิมเติม และให้ผู้เรียน บันทึกรายละเอยี ดทส่ี าคญั ลงสมุดเพอื่ ส่งใหผ้ ้สู อนตรวจ สือ่ / นวัตกรรม / แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ โรงเรียน 2. แบบทดสอบก่อนเรียน 3. เวบ็ ไซด์ธุรกจิ 4. เอกสารประกอบการเรียนรู้ 5. แบบฝึกทักษะ การวดั ผลและประเมินผล วธิ วี ัดผล 1 สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2 สงั เกตการณ์ทางานของกลมุ่ 3 สงั เกตการณเ์ ปน็ ผู้มีความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ ชือ่ เครื่องมอื 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบสังเกตกระบวนการกลุ่ม 3. สังเกตจากแบบทดสอบ

68 แบบทดสอบก่อน-หลังเรยี นหน่วยท่ี 9 เรื่องเทคนคิ การขาย ให้นักเรียนเลอื กคาตอบทถ่ี กู ต้องเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ โตแ้ ย้งหมายถงึ ข้อใด ก. ส่ิงที่เปน็ อุปสรรคในการขาย ข. สง่ิ ท่ีจะเกิดขึน้ แตเ่ ฉพาะการขายสนิ คา้ พเิ ศษ ค. สิ่งท่ีผมู้ งุ่ หวงั มคี วามสงสัย เกยี่ วกับสินค้าหรอื บริการ ง. สิ่งท่ผี ู้มุง่ หวังหยบิ ยกขึน้ มา เพอื่ หลกี เลี่ยงการเสนอขาย 2. เมือ่ ผู้มงุ่ หวังมขี อ้ โต้แยง้ นกั ขายควรปฏิบตั ิตามข้อใด ก. ตอบข้อโต้แยง้ ทันที ข. ยังไมค่ วรตอบข้อโต้แย้งทันที ค. ทาความเข้าใจข้อโตแ้ ยง้ ก่อน แลว้ ตอบ ง. ไม่ควรให้ความสนใจขอ้ โตแ้ ย้ง ทาให้เสียเวลาเสนอขาย 3. ข้อใดคอื ขอ้ โตแ้ ยง้ ทั่วไป ก. ไม่คอ่ ยแนใ่ จในการบริการของคุณ ข. รา้ นคุณมีบรกิ ารผอ่ นชาระหรอื ไม่ ค. ของเก่ายังใชไ้ ม่หมดเลย ยงั ซอ้ื ไมไ่ ด้ ง. เพอื่ น ๆ ผมบน่ เรื่องบริการของคณุ ว่าไมค่ ่อยดี 4. ข้อใดคอื ขอ้ โตแ้ ยง้ เฉพาะ ก. ผมยงั ไม่มีเงิน ข. ส้นิ เดือนผมจะกลบั มาชมใหม่ ค. ผมตอ้ งถามภรรยาของผมก่อน ง. คณุ อธิบายให้ผมฟังหนว่ ยวา่ ทาไมสินค้าคุณจึงแพงกวา่ ของคนอ่นื 5. ส่วนใหญข่ ้อโต้แย้งจะเกดิ ขึ้นจากสาเหตใุ ด ก. ผู้ม่งุ หวงั ไมต่ ้องการสินคา้ ข. ผ้มู งุ่ หวงั สรา้ งเกราะป้องกันตนเอง ค. ผู้มงุ่ หวังมขี ้อมลู เก่ยี วกบั สินคา้ นอ้ ยไป ง. บุคลกิ ภาพ ทา่ ที ของนักขายไม่ได้รับความเชอื่ ถือ 6. หากนักขายสามารถตอบขอ้ โตแ้ ยง้ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ความรูส้ ึกของผมู้ ุ่งหวงั จะอยู่ในข้ัน ใดของการตดั สนิ ใจซื้อ ก. ความสนใจ ข. ความสะดุดใจ ค. ความต้องการ ง. ความเชอ่ื มัน่ ในสนิ ค้า 7. นกั ขายควรมที ศั นคติ เกยี่ วกับขอ้ โต้แย้งตามข้อใด ก. ขอ้ โตแ้ ย้ง คือ อุปสรรคในการขาย ข. ขอ้ โต้แยง้ คือ สิง่ ที่นกั ขายตอ้ งเอาชนะ ค. ผู้ม่งุ หวังมีข้อโตแ้ ยง้ เม่ือใด นกั ขายหมดโอกาสขายเมอ่ื น้นั ง. ขอ้ โตแ้ ยง้ เปน็ การเชญิ ใหน้ ักขาย ได้มโี อกาสแสดงผลติ ภณั ฑ์และผลประโยชน์

69 8. การปิดการขาย มีความหมายตรงกบั ข้อใด ก. ผมู้ งุ่ หวงั ตกลงใจซอ้ื สนิ คา้ ข. การรบเรา้ ให้ผมู้ ุ่งหวงั ซือ้ สนิ ค้า ค. การปล่อยให้ผู้มุ่งหวงั ตกลงใจซอื้ เอง ง. การสรุปผลการเขา้ พบ เพอื่ ใหผ้ ู้มุ่งหวงั ซอื้ ดว้ ยความพอใจ 9. นักขายควรจะปิดการขายเมอ่ื ใด ก. เม่ือผา่ นขั้นตอนการสาธติ แลว้ ข. เมื่อใช้เวลาในการเข้าพบนานพอสมควร ค. เมอ่ื ได้ตอบขอ้ โต้แยง้ ขอ้ สุดทา้ ยของผมู้ ุง่ หวงั แล้ว ง. เมอ่ื นกั ขายได้ผา่ นข้นั ตอนการเสนอขายทุกขน้ั ตอนแล้ว 10. หลกั สาคัญในการปดิ การขาย คอื ข้อใด ก. ใช้วิธกี ารใดกไ็ ด้ ทีจ่ ะให้ผมู้ ุ่งหวังตกลงใจซอื้ ข. ในบางกรณีตอ้ งใชก้ ารบบี บังคบั ค. ต้องปดิ การขายแบบธรรมชาติ เพื่อสรา้ งความพอใจให้เกดิ ขน้ึ ง. โอกาสปดิ การขาย มเี พยี งโอกาสเดยี ว หากผ่านไปแล้ว กไ็ ม่มโี อกาสปิดการขายได้

แผนการจัดการเรียนรู้ 70 หนว่ ยท่ี 9 ชื่อวิชา การขายเบอ้ื งตน้ ( 20200 – 1003 ) สอนครั้งที่ 16 จานวน 3 ช.ม. ชื่อหน่วย เทคนิคการขาย รายการสอน 1. ความหมายของการติดตามผลหลงั การขาย 2. จดุ ประสงค์ของการตดิ ตามผลหลังการขาย 3. วิธีการติดตามผลหลังการขาย 4. ปญั หาหลงั การขาย สาระสาคญั เมื่อขายสินค้าได้แลว้ ผู้ขายต้องมกี ารติดตามผลหลังการขายเพราะถือว่าเป็นกลยุทธ์ทางการ ขายอยา่ งหน่ึง และเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธภาพอันดี ทั้งยังจะทาให้ผู้ซ้ือสามารถกลับมาซ้ือสินค้า ของตนเองอกี หรือนาบคุ คลอน่ื มาซ้ือสินค้าโดยการแนะนาซึง่ กิจการก็จะได้ลูกค้าใหม่ ๆ มาเป็นลกู ค้า ในอนาคตได้ สมรรถนะทีพ่ งึ ประสงค์ (ความรู้ ทกั ษะ – คุณธรรมจริยธรรม) 1. นักเรยี นรู้ความหมายของการตดิ ตามผลหลังการขาย 2. นักเรียนรู้วัตถุประสงคข์ องการตดิ ตามผลหลงั การขาย 3. นกั เรยี นรวู้ ธิ ีการตดิ ตามผลหลังการขาย 4. นักเรียนรปู้ ัญหาหลังการขาย จดุ ประสงคป์ ลายทาง เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และเข้าใจการติดตามผลหลงั การขายตลอดจนกิจกรรมหลังการขาย ได้ จดุ ประสงคน์ าทาง 1. นักเรียนบอกความหมายของการตดิ ตามผลหลงการขายได้ 2. นักเรยี นบอกวตั ถปุ ระสงค์ของการตดิ ตามผลหลงั การขายได้ 3. นกั เรยี นอธบิ ายวธิ กี ารตดิ ตามผลหลังการขายได้ 4. นักเรียนบอกปญั หาหลังการขายได้ เนอ้ื หา / สาระ 1. ความหมายของการติดตามผลหลังการขาย หมายถึง การให้บริการแก่ลูกค้าเพ่ือเสริม ประสิทธภิ าพในการขายที่ผา่ นไปแล้ว เพื่อให้เกดิ ความสมบูรณแ์ ละครบถ้วนตามสัญญา 2. จดุ ประสงค์ของการตดิ ตามผลหลงั การขาย - เพอ่ื รกั ษาสมั พันธภาพอนั ดขี องลกู คา้ - เพอ่ื รับฟังขอ้ อทุ ธรณข์ องลูกคา้ - เพ่อื รักษาช่ือเสียงของกิจการ - ชว่ ยกระตุ้นให้มกี ารซื้อสาหรบั ลกู ค้าทีเ่ ปน็ กจิ การค้า - การแสวงหาลูกคา้ ในอนาคต 3. วธิ กี ารตดิ ตามผลหลงั การขาย - ตรวจสอบรายละเอยี ดในการสงั่ ซื้อ

71 - ประสานงานกบั แผนกท่เี ก่ียวข้อง - ตดิ ตอ่ กบั ลูกคา้ อย่างสม่าเสมอ - เย่ียมเยียนลูกคา้ ในเวลาอันควร 4.บรกิ ารหลังการขาย - การตรวจสอบการจดั ส่ง - การตรวจสอบความถูกตอ้ งในการตดิ ตง้ั - การให้การฝกึ อบรมแก่ลูกคา้ - การใหบ้ ริการตรวจเชค็ สินคา้ - บรกิ ารรบั ประกนั 5. ปัญหาหลังการขาย - การไดร้ ับขอ้ ตาหนิจากลูกคา้ - การไม่รกั ษาสัญญา - การส่งสนิ คา้ ผิด - การยกเลิกคาสง่ั ซ้ือ กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “JIGSAW” คอื รูปแบบการเรียนร้ตู อ้ งอาศยั หลกั พ่ึงพากัน การหันหนา้ เข้าหากันการวเิ คราะห์ กระบวนการกลมุ่ ผลงานหรอื ผลสัมฤทธ์ิทงั้ รายบคุ คลและรายกล่มุ ท่ีสามารถตรวจสอบและประเมินได้ โดยดาเนินงานเป็นขน้ั ตอนดังน้ี 1. จดั ผู้เรียนเข้ากลุ่มคละความสามารถ (เก่ง-กลาง-อ่อน) กลุม่ ละ 5 คนและเรียก กลมุ่ น้วี ่า กลุ่มบ้านเรา (Home group) 2. สมาชิกในกลุ่มบ้านของเราได้รับมอบหมายให้ศึกษาเน้ือหาสาระคนละ 1 ส่วน (เปรยี บเสมือนได้ชิ้นสว่ นของภาพตัดตอ่ คนละ 1 ชิ้น) และหาคาตอบในประเด็น ปัญหาทผ่ี ู้สอนมอบหมายให้ 3. สมาชิกในกลุ่มบ้านของเรา แยกย้ายไปรวมกับสมาชิกกลุ่มอ่ืน ซึ่งได้รับเน้ือหา เดียวกัน ตั้งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (expert group) ขึ้นมา และร่วมกันทาความ เขา้ ใจในเนอ้ื หาน้ันอย่างละเอียด และร่วมกันอภิปรายหาคาตอบประเด็นปัญหา ท่ผี สู้ อนมอบหมายให้ 4. สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลับไปสู่กลุ่มบ้านของเรา แต่ละคนช่วยสอนเพ่ือนใน กลุ่มใหเ้ ขา้ ใจในสาระที่ตนได้ศึกษาร่วมกับกล่มุ ผู้เชยี่ วชาญ เชน่ นี้ สมาชกิ ทกุ คน ก็จะได้เรยี นร้ภู าพรวมของสาระทัง้ หมด 5. ผู้เรียนทุกคนทาแบบทดสอบ แต่ละคนจะได้คะแนนเป็นรายบุคคล และนา คะแนนของทุกคนในกลุ่มบา้ นของเรามารวมกัน (หรือหาค่าเฉลี่ย) เป็นคะแนน กลมุ่ กลุ่มท่ีไดค้ ะแนนสูงสดุ ไดร้ ับรางวัล ขน้ั นา 1. ครทู บทวนวธิ กี ารปิดการขาย โดยซักถามนกั เรยี นเป็นรายบุคคล และตัง้ คาถาม ถามนกั เรียนวา่ “ เพราะเหตใุ ดตอ้ งมีการติดตามผลหลังการขาย” 2. ครูชี้นาให้ผ้เู รียนเห็นถึงความสาคัญของการติดตามผลหลงั การขายที่มีต่อกิจการ ลูกค้า และตวั พนักงานขายเองซ่ึงการตดิ ตามผลหลังการขายเปน็ ภาพพจนข์ องกจิ การ 3. ครูช้แี จงเรอ่ื งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่มเปน็ 5 กลุ่ม โดยมีหัวข้อ ทจี่ ะทากิจกรรมดังนี้ 1. ความหมายของการติดตามผลหลังการขาย 2. จดุ ประสงค์ของการติดตาม ผลหลังการขาย 3. วธิ กี ารตดิ ตามผลหลังการขาย 4.การบริการหลงั การขาย 5. ปญั หาหลังการขาย

72 4. ให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน พร้อมท้งั สง่ กระดาษคาตอบเมอื่ ทาเสรจ็ แล้ว ขน้ั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มนับ 1-5 จากนั้นให้ผู้ที่นับ 1 ไปรวมเป็นกลุ่มท่ี 1 ผู้ที่นับ 2 ไปรวม เปน็ กลุ่มที่ 2 ผู้ทนี่ บั 3 ไปรวมเป็นกลมุ่ ท่ี 3 ผู้ทีน่ บั 4 ไปรวมเป็นกล่มุ ที่ 4 และผทู้ ี่นับ 5 ไปรวมเป็น กลุม่ ท่ี 5 2. ใหน้ ักเรียนท่จี ัดกลุ่มใหม่แต่ละกลุ่มจับฉลากเลือกหัวข้อทก่ี าหนดเพ่ือหาข้อมูลแลว้ รว่ มกัน ศึกษา วิเคราะห์ ระดมสมอง อภิปรายกลุ่ม 3. ให้นกั เรียนแต่ละคนกลับไปเขา้ กลมุ่ เก่าและนาความรู้ที่ไปร่วมศึกษากับกลุม่ ใหม่ตามท่ีจับ ฉลากได้ไปถา่ ยทอดแลกเปลี่ยนความรู้กบั เพ่ือนกล่มุ เก่า นกั เรยี นแตล่ ะคนจะไดร้ ับความรูท้ งั้ 5 หวั ขอ้ 4. ครูจะเป็นผู้สุ่มถามนักเรียนแต่ละคนท้ัง 5 หวั ข้อ เป็นรายบุคคล เพื่อทดสอบความรู้ของ นักเรียน 5. ครูสรุปเพิ่มเติมในส่วนที่นักเรียนยังไม่กล่าวถึง หรือยังมีข้อข้องใจจากการแลกเปลี่ยน เรยี นรซู้ ง่ึ กันและกนั ขัน้ สรุป 1 ครูสุ่มถามนักเรียนแต่ละคนท้ัง 5 หัวข้อ เป็นรายบุคคล เพ่ือทดสอบความรู้ท่ีได้รับของ ผูเ้ รยี น 2 ครูสรุปเพ่ิมเติมในส่วนที่นักเรียนยังไม่กล่าวถึง หรือยังมีข้อข้องใจจากการถ่ายทอดช่วย สอนซง่ึ กนั และกัน สอื่ / นวตั กรรม / แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ ของโรงเรียน 2. เวบ็ ไซดธ์ รุ กจิ 3. แบบทดสอบก่อนเรียน 4. แบบฝกึ ทักษะ 5. เอกสารประกอบการสอน การวดั ผลและประเมนิ ผล วิธีวัดผล 1. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. สงั เกตการทางานกลุ่ม ช่อื เครื่องมอื 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบสงั เกตกระบวนการกลุ่ม

73 แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรยี นหน่วยที่ 9 เทคนิคการขาย ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งเพยี งขอ้ เดียว 1. การบริการหลังการขายเหมาะสาหรบั สินค้าประเภทใด ก. รถยนต์ ข. เครื่องสาอาง ค. เครอื่ งใช้ไฟฟ้า ง. บรกิ ารประกันชวี ิต 2. แม้พนักงานขายจะขายสินค้าไมไ่ ด้แต่ก็หมนั่ เยย่ี มเยียนลกู คา้ เสมอ จะใหป้ ระโยชน์ขอ้ ใด ก. ทราบอุปนิสยั ท่ีแท้จรงิ ของลกู ค้า ข. ลูกค้าอาจจะสงสารแล้วซ้ือสินค้า ค. สรา้ งความสมั พนั ธอ์ ันดรี ะหวา่ งกัน ง. ทราบความเปลย่ี นแปลงฐานะความเป็นอยู่ 3. ข้อใด ไมใ่ ช่ ผลพลอยได้จากการติดตามผลหลังการขาย ก. สรา้ งยอดขาย ข. สรา้ งลกู ค้าประจา ค. สรา้ งสินค้าช้นิ ใหม่ ง. สร้างชอื่ เสียงใหก้ ิจการ 4. เพราะสาเหตุขอ้ ใด ในปจั จุบนั กิจการจงึ นิยมการใหบ้ ริการหลงั การขายมี ก. มีการแขง่ ขันกันมาก ข. เพอ่ื ให้ตลาดความมัน่ คง ค. เปน็ จุดประสงคข์ องแตล่ ะกจิ การ ง. เพอื่ ให้เปน็ ไปตามกระแสของการขาย 5. ความพอใจของลกู ค้านอกจากจะเกดิ จากการซื้อสนิ ค้าแลว้ ยังเกดิ จากเหตผุ ลข้อใด ก. ประโยชนใ์ ช้สอยของสนิ ค้า ข. การตดิ ตามบรกิ ารหลงั การขาย ค. ตรายี่ห้อ และคุณภาพของสินคา้ ง. ความประหยัดและความคงทนของสนิ ค้า 6. จุดประสงค์ท่ีแทจ้ รงิ ของการติดตามผลหลังการขาย คือข้อใด ก. สรา้ งสัมพนั ธภาพอนั ดีกับลูกคา้ ข. รบั ฟังขอ้ คิดเหน็ เพื่อขจัดปญั หาให้ลูกคา้ ค. เพอื่ สร้างภาพพจน์ท่ีดแี กก่ ิจการและสนิ คา้ ง. เพ่ือสร้างลูกค้าและเพ่มิ ยอดขายในอนาคต 7. ลูกค้าที่เป็นกจิ การคา้ การติดตามผลหลงั การขายควรเป็นข้อใด ก. ขอยอดซื้อเพิม่ ข. ลดราคาสนิ คา้ อ่นื เพ่ือเพ่มิ กาไร ค. ใหก้ ารอบรมพนักงานของกิจการ ง. สอบถามเรอ่ื งปญั หาในการขายของลูกคา้ 8. ขอ้ ความใดกล่าวถูกต้องเก่ียวกบั กจิ กรรมหลงั ขาย ก. เหมาะกบั สนิ ค้าทกุ ชนดิ ข. จะให้กบั ลูกค้าทีซ่ ้อื สินค้าบางชนดิ ค. สน้ิ เปลืองคา่ ใชจ้ า่ ยของกิจการขาย ง. เป็นบรกิ ารท่ีใหก้ ับลกู ค้ารายใหญ่เทา่ นน้ั 9. ข้อใดแสดงถงึ การไมร่ กั ษาสญั ญา ก. การบวกเพมิ่ ราคาภายหลงั ข. จานวนสนิ คา้ ไมต่ รงตามท่ีส่ัง ค. การส่งสินคา้ ผิดขนาด ง. การไมใ่ ห้บรกิ ารตรวจเชค็ สินค้า 10. การเปดิ ใจลกู ค้า มีความหมายตรงกับข้อใด ก. การเปิดโอกาสใหล้ ูกค้าซกั ถามปญั หา ข. การเปิดโอกาสใหล้ กู คา้ ทดลองใชส้ นิ ค้า ค. ลูกค้าเปิดโอกาสใหพ้ นกั งานขายสาธติ สนิ คา้ ง. ลกู ค้าเปิดโอกาสให้พนกั งานขายเสนอขายสนิ คา้

74 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 10 ช่อื วิชา การขายเบอื้ งต้น ( 20200 – 1003 ) สอนครงั้ ท่ี 17 ชือ่ หนว่ ย ความรู้ทางเทคโนโลยีทันสมยั ท่ีเก่ยี วกบั การขาย จานวน 3 ช.ม. รายการสอน 1. ประวัติความเป็นมาและความหมายของ Internet 2. ความหมายและประโยชนข์ อง E – Commerce 3. ความรู้ระบบการเงนิ บนอนิ เตอร์เน็ต 4. เปรยี บเทียบวิธกี ารทาธรุ กรรมดว้ ยคอมพวิ เตอร์และระบบการค้าเดิม สาระสาคัญ การประกอบธุรกิจในโลกยุคปัจจุบันเป็นการประกอบธุรกิจการค้าบนระบบเครือข่าย อินเตอร์เน็ต โดยครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ คือ ด้านการผลิต การกระจายสินค้า การขนส่ง การจัด จาหน่าย และการให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการทากิจกรรมทางด้านการค้าโดยใช้สื่อ อิเล็กทรอนิกส์แทนเอกสารท่ีใช้กันอยู่ทั่วไป ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือการธุรกรรม ระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ ธุรกิจกับรัฐบาล ธรุ กิจกับลูกคา้ และลกู คา้ กับลูกค้า ประโยชน์ของพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ คือทาให้สินค้าแบบใหม่ และเปิดโอกาสให้ผู้ซ้ือมีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น การประกอบธุรกิจในระบบพาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ จาเปน็ ต้องใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีที่ ทันสมัย นอกจากนั้นพนักงานขายยังนามาใช้ในระบบการทางานในกระบวนการขายได้เป็นอย่างดี และมีประสิทธิภาพ สมรรถนะท่พี งึ ประสงค์ (ความรู้ ทักษะ – คุณธรรมจริยธรรม) 1. นักเรยี นรู้ความหมายและประวตั คิ วามเป็นมาของอินเตอร์เน็ต 2. นกั เรยี นร้คู วามหมายและประโยชนข์ อง E – Commerce 3. นกั เรยี นรรู้ ะบบการเงนิ บนอนิ เตอร์เน็ต 4. นกั เรยี นรู้การเปรียบเทียบการทาธุรกรรมดว้ ยคอมพิวเตอรแ์ ละระบบการค้าเดิม จดุ ประสงคป์ ลายทาง ผู้เรียนมีความรู้และเข้าใจการนาความรู้ทางเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการประกอบธุรกิจ การค้าบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และเปรียบเทียบวธิ ีการทาธุรกรรมบนคอมพิวเตอร์กับระบบ การค้าเดมิ จดุ ประสงคน์ าทาง 1. ผ้เู รยี นสามารถบอกความหมายและประวตั คิ วามเปน็ มาของอนิ เตอร์เน็ตได้ 2. ผู้เรยี นสามารถบอกความหมายของการคา้ ระบบ E – Commerce ได้ 3. ผู้เรียนสามารถบอกประโยชนแ์ ละขอ้ จากดั ของการคา้ ระบบ E – Commerce ได้ 4. ผู้เรยี นสามารเปรยี บเทยี บการทาธรุ กรรมดว้ ยคอมพิวเตอรแ์ ละระบบการค้าเดิมได้ การบูรณาการการศึกษาค้นควา้ ด้วยตวั เอง โดยการนาการศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองโดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ตสอดแทรกในกิจกรรมการ เรยี นร้เู กยี่ วกับการนาเทคโนโลยีทันสมยั ทเี่ กี่ยวกบั การขาย

75 เนอ้ื หา / สาระ 1. มติ ใิ หม่ของการค้ายคุ เครือข่ายดิจิตอล ทาให้รปู แบบการดาเนนิ ธุรกิจเปลยี่ นแปลงไปจาก เดมิ มากมาย - องคก์ รธุรกจิ เลก็ ลง - หมดยคุ คนกลาง - วงจรชีวิตผลิตภณั ฑส์ ั้นลงอย่างรวดเรว็ - ผู้บริโภคมีส่วนรว่ มในการผลติ - ตลาดไร้ขอบเขต 2. ความหมายของ Internet คือ เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ท่ีเช่ือมต่อกันท่ัวโลกโดย มมี าตรฐานการรบั ส่งข้อมูลระหว่างกันเปน็ หนึ่งเดยี ว ซ่ึงคอมพิวเตอรแ์ ต่ละเครอื่ งสามารถส่งข้อมลู ใน รูปแบบต่าง ๆ กันได้ เช่น ตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหว และเสียง รวมทั้งสามารถค้นหาข้อมูล จากท่ีต่าง ๆ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว 3. ความหมายของ E –Commerce คอื การทาธุรกจิ การส่ังซ้ือ – ขายสินค้า, แลกเปล่ียน และให้บริการข้อมูลสารสนเทศ, การชาระเงิน, การจดั ส่งสินค้าและบริการ, การบริการหลังการขาย การส่งเสริมธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ โดยพยายามลดช่องว่างของผู้ผลิตกับผู้ซ้ือ (ผู้ ให้บริการ / ผู้ใชบ้ ริการ) เพื่อลดต้นทุนและเวลาในการผลิตและการจัดส่ง โดยไม่จากัดขอบเขตของ พรมแดนและเวลา 4. ประโยชนแ์ ละข้อจากดั ของการตลาด E – Commerce - สรา้ งโอกาสใหม่ ๆ ใหก้ บั นกั การตลาด - การตดิ ตอ่ สื่อสารระหวา่ งผ้ซู อ้ื กบั กิจการทาไดส้ ะดวก รวดเร็ว ประหยัด - ลดข้ันตอนการทางานของธุรกจิ - ลดคา่ ใช้จา่ ยในการขาย - การแก้ปญั หาหรอื การใหบ้ รกิ ารหลังการขายทาได้สะดวก 5. ข้อเปรยี บเทยี บระหว่างการทาธุรกรรมดว้ ยคอมพวิ เตอร์กับระบบการคา้ เดมิ - การทาธุรกรรมการคา้ แบบเดมิ - ลูกค้าตอ้ งเดนิ ทางไปเลอื กซือ้ สนิ ค้าดว้ ยตัวเอง - เมื่อสนิ คา้ กาลังจะหมดหรอื หมดแลว้ ร้านคา้ ปลีกต้องส่ังซ้ือจากตวั แทน - เมอ่ื มกี ารสั่งซอ้ื สินคา้ มากตัวแทนจะสัง่ สินค้าจากผผู้ ลิตอีกต่อหนึ่ง - การทาธรุ กรรมบนคอมพิวเตอร์ - เป็นธุรกรรมทีไ่ มม่ ีความจาเปน็ ตอ้ งใช้คนกลาง - เม่ือไมม่ ตี วั กลางมาเกี่ยวข้อง ก็สามารถประหยัดค่าใช้จา่ ย กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ “JIGSAW” คือ รปู แบบการเรยี นรู้ตอ้ งอาศัยหลกั พง่ึ พากัน การหนั หน้าเข้าหากันการวเิ คราะห์ กระบวนการกลุ่ม ผลงานหรือผลสัมฤทธิ์ทั้งรายบุคคลและรายกลุม่ ท่ีสามารถตรวจสอบและประเมนิ ได้ โดยดาเนนิ งานเปน็ ขั้นตอนดังนี้ 1. จดั ผู้เรียนเข้ากลุ่มคละความสามารถ (เก่ง-กลาง-อ่อน) กลุ่มละ 5 คนและเรียก กล่มุ นี้ว่า กลมุ่ บ้านเรา (Home group) 2. สมาชิกในกลุ่มบ้านของเราได้รับมอบหมายให้ศึกษาเน้ือหาสาระคนละ 1 ส่วน (เปรียบเสมือนได้ช้ินส่วนของภาพตดั ตอ่ คนละ 1 ชิ้น) และหาคาตอบในประเด็น ปัญหาทผี่ ูส้ อนมอบหมายให้

76 3. สมาชกิ ในกลมุ่ บ้านของเรา แยกย้ายไปรวมกับสมาชกิ กลมุ่ อืน่ ซึ่งไดร้ บั เนื้อหา เดียวกัน ต้ังเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (expert group) ข้ึนมา และร่วมกันทาความ เขา้ ใจในเน้ือหานั้นอย่างละเอียด และรว่ มกันอภิปรายหาคาตอบประเด็นปัญหา ท่ีผสู้ อนมอบหมายให้ 4. สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลับไปสู่กลุ่มบ้านของเรา แต่ละคนช่วยสอนเพ่ือนใน กลุ่มใหเ้ ข้าใจในสาระที่ตนได้ศึกษาร่วมกับกลุ่มผู้เชีย่ วชาญ เชน่ นี้ สมาชิกทกุ คน ก็จะไดเ้ รยี นรภู้ าพรวมของสาระทั้งหมด 5. ผู้เรียนทุกคนทาแบบทดสอบ แต่ละคนจะได้คะแนนเป็นรายบุคคล และนา คะแนนของทกุ คนในกลุ่มบา้ นของเรามารวมกัน (หรือหาค่าเฉล่ีย) เป็นคะแนน กลุม่ กล่มุ ทีไ่ ดค้ ะแนนสงู สดุ ได้รับรางวัล ขั้นนา 1. ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยชน้ี าใหผ้ ู้เรียนเห็นความสาคญั ของการประกอบธุรกิจในปัจจบุ ันท่ี ตอ้ งอาศัยเทคโนโลยีทันสมยั และตั้งคาถาม ถามผู้เรยี นว่า “คอมพิวเตอร์สามารถนามาใชก้ ับการซือ้ – ขายอยา่ งไรในปจั จบุ ันนี้” 2. ครชู ้ีแจงเร่ืองการจัดกิจกรรมการเรยี นร้โู ดยให้ผู้เรียนแบ่งเปน็ 5 กลุ่ม ครูจดั เตรียมหัวข้อ ที่จะให้นักเรียนศึกษาดังน้ี 1. ความหมายและประวัติความเป็นมาของระบบอินเตอร์เน็ต 2. ความหมายและการประกอบธุรกิจแบบ E – Commerce 3. ประโยชน์และข้อจากัดของการตลาด E – Commerce 4. ข้อเปรียบเทียบการทาธุรกรรมด้วยคอมพิวเตอร์กับระบบการค้าเดิม 5.การค้า ยคุ ดจิ ติ อลทาใหร้ ูปแบบการดาเนนิ ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ อย่างไรบ้าง 3. ให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น พรอ้ มสง่ กระดาษคาตอบใหเ้ สร็จเรียบร้อย ขัน้ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ใหแ้ ต่ละกลุ่มนับ 1-5 โดยผทู้ ่ีนบั 1 ไปรวมเป็นกลุม่ ที่ 1, ผ้ทู ี่นับ 2 ไปรวมเป็นกลุ่มที่ 2, ผู้ ทน่ี บั 3 ไปรวมเป็นกล่มุ ที่ 3, ผ้ทู ่ีนบั 4 ไปรวมเป็นกลุ่มที่ 4, ผ้ทู ี่นับ 5 ไปรวมเปน็ กลมุ่ ที่ 5 จากน้นั ให้กลุ่มใหม่ส่งตวั แทนออกมาจบั ฉลากเพื่อเลือกหัวขอ้ ตามทีค่ รกู าหนด 2. เมื่อจับฉลากได้หัวข้อท่ีจะศึกษาแล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลเพื่อ ระดมสมอง วิเคราะห์ อภปิ รายกลมุ่ ย่อย 3. หลังจากศึกษาข้อมูลได้ข้อสรุปแล้วให้นักเรียนกลับกลุ่มของตนเองท่ีจัดไว้ครั้งแรกเพ่ือ ถา่ ยทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรอ่ื งที่แต่ละคนไปศึกษาจากกลุ่มใหม่ 4. ครูสุ่มเรียกถามนักเรียนเป็นรายบุคคลถึงหัวข้อต่าง ๆ ท่ีได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซ่ึงกันและ กัน นักเรียนทกุ คนจะต้องรทู้ ง้ั 5 หัวข้อ 5. ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรุปหัวข้อต่าง ๆ และซักถามขอ้ ข้องใจโดยครสู รุปเพิ่มเติมในสว่ น ที่นกั เรยี นยงั ไมก่ ล่าวถงึ 6. ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สืบคน้ ธรุ กิจทีด่ าเนินธรุ กิจโดยระบบ E – Commerce จากการศึกษา ค้นควา้ ด้วยตนเอง มากล่มุ ละ 1 บรษิ ทั เพอื่ มานาเสนอหน้าชั้นเรียน ขั้นสรปุ 1 ครูสุ่มถามนักเรียนแต่ละคนท้ัง 5 หัวข้อ เป็นรายบุคคล เพื่อทดสอบความรู้ที่ได้รับของ ผเู้ รยี น 2 ครูสรุปเพ่ิมเติมในส่วนที่นักเรียนยังไม่กล่าวถึง หรือยังมีข้อข้องใจจากการถ่ายทอดช่วย สอนซ่งึ กนั และกัน

77 ส่อื / นวตั กรรม / แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมุดโรงเรยี น 2. ห้อง IT ของโรงเรยี น 3. แบบฝึกทักษะ 4. แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรยี น การวัดผลและประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. สังเกตการทางานของกลมุ่ ชือ่ เครื่องมือ 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบสงั เกตกระบวนการกล่มุ

78 แบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยท่ี 10 ความรูท้ างเทคโนโลยีทันสมัยท่ีเก่ียวกับการขาย ให้นักเรยี นเลือกคาตอบขอ้ ที่ถูกทสี่ ุดเพียงข้อเดยี ว 1. ข้อใดคอื ววิ ัฒนาการของประโยชน์จากอนิ เตอร์เนต็ ก. เพือ่ การวิจัย เพอื่ การศกึ ษา เพ่ือธุรกิจ เพ่อื ประชาชนทั่วไป ข. เพอ่ื การศกึ ษา เพื่อการวิจัย เพือ่ ธุรกจิ เพ่ือประชาชนท่วั ไป ค. เพอ่ื การวจิ ยั เพอื่ การศกึ ษา เพือ่ ประชาชนทัว่ ไป เพอ่ื ธุรกิจ ง. เพ่อื ธรุ กจิ เพื่อการศกึ ษา เพอ่ื ประชาชนท่ัวไป เพือ่ การวิจัย 2. อินเตอร์เน็ตถนู ามาใช้งานครั้งแรกในประเทศใด ก. สหรัฐอเมริกา ข. อังกฤษ ค. ฝรั่งเศส ง. อติ าลี 3. ขอ้ ใดคอื ระบบการสง่ ออกเอกสารการซือ้ ขายโดยระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ ก. EFT ข.. EDI ค. IEC ง. EFF 4. ขอ้ ใดเป็นการโอนเงนิ การชาระเงนิ โดยระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ก. EFT ข. DEI ค. IEC ง.EFF 5. การซอ้ื ขายขา้ วเปลือกผา่ นอนิ เตอร์เนต็ ของโรงสขี า้ วและเกษตรกรเปน็ การซอ้ื ขายประเภทใด ก. Business to Business ข. Business to Customer ค. Business to Government ง. Customer to Cusstomer 6. การซื้อขายเคร่ืองคอมพวิ เตอร์มอื สอง มกั จะเป็นการคา้ ขายตามระบบใด ก. Business to Business ข. Business to Customer ค. Business to Government ง. Customer to Customer 7. ประเภทของสนิ ค้าท่ีซ้อื ขายในระบบพาณชิ ย์อิเล็กทรอนิกส์คือข้อใด ก. Hard goods Products, soft goods products ข. Industrial products,services products ค. Services products. Tangible products ง. Digital products, convenience products 8. ข้อใดคือผลดขี องพาณชิ ยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ต่อลูกค้า ก. ไดม้ ีโอกาสเลือกสินค้าดว้ ยตนเอง ข. เลอื กซอ้ื สนิ คา้ และบริการไดต้ ลอด 24 ชวั่ โมง ค. มโี อกาสในการถูกหลอกลวงจากผขู้ ายได้นอ้ ย ง. ไดร้ ับสนิ คา้ อย่างรวดเรว็ และถูกตอ้ งตามทเี่ ห็นจากอนิ เตอรเ์ น็ต 9. ขอ้ ใดคือข้อจากดั ของพาณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ ก. ข้อมลู ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ าปลอมไดง้ ่าย ข. ความคนุ้ เคยของลูกคา้ ในการเลือกซ้อื สินค้าดว้ ยตนเอง ค. เกดิ การหลอกลวงกนั ไดง้ ่ายทั้งผู้ซือ้ และผขู้ าย ง. ทุกขอ้ คือคาตอบ

79 10. ขอ้ ใดหมายถงึ กระบวนการจัดซือ้ จัดหาสนิ คา้ ในระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ก. E – Advertising ข. E – Banking ค. E – Sourcing ง. E - Markting

80 แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล วิชา............................................................ห้อง................... เลขท่ี ชอ่ื -นาสกลุ การเขา้ ชน้ั เรยี น บคุ ลกิ ภาพ อปุ กรณ์ มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรม หมายเหตุ การตง้ั ใจเรยี น 54321543215432154321 มากทส่ี ดุ = 5หมายถงึ ปฏบิ ตั สิ มา่ เสมอ มาก = 4 หมายถงึ ปฏบิ ตั บิ อ่ ย ๆ ปานกลาง =3 หมายถงึ ปฏบิ ตั บิ างครัง้ นอ้ ย = 2 หมายถงึ ปฏบิ ตั นิ านๆ ครัง้ นอ้ ยทสี่ ดุ = 1 หมายถงึ ไมม่ กี ารปฏบิ ตั ิ ลงช่ือ ........................................................ผ้สู งั เกต () วนั ท่ี ............ เดือน..............................พ.ศ.............

81 แบบประเมนิ กระบวนการกลุ่ม ประกอบการวดั ผล/ประเมินผล แผนการเรียนรู้ท่ี ..................เรื่อง .............................. ที่ ชอื่ -นามสกลุ หวั ขอ้ ประเมนิ รวมคะแนน การร่วมกันวางแผนการทางาน ทางานตามหน ้าท่ีได ้ ัรบมอบหมาย ผา่ น ไมผ่ า่ น เ ็ปนผู ้พูดและผู ้ ัฟงที่ดี แสดงความคิดเ ็หนอย่างมีเหตุผล ยอม ัรบข ้อสรุปและผลงานของ กลุ่มและร่วมกันป ัรบปรุงงาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 รวม / เฉลย่ี เกณฑ์การประเมิน ถ้าได้คะแนนตงั้ แต่ 6-20 ได้คณุ ภาพดี แสดงวา่ ผา่ น ถ้าได้คะแนนตงั้ แต่ 10-15 ได้คณุ ภาพปานกลาง แสดงวา่ ผา่ น ถ้าได้คะแนนต่ากวา่ 10 ได้คณุ ภาพต้องปรับปรุง แสดงวา่ ไมผ่ า่ น

แบบประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม 82 วนั ท่.ี .................เดอื น...........................พ.ศ....................... ชื่อ..................................................แผนก..................คณะ.....................ระดบั ชนั้ ................ ลาดบั พฤตกิ รรมทป่ี ระเมนิ ระดบั คะแนน หมายเหตุ 1 ความซอื่ สตั ยส์ จุ ติ 1 2 3 4 ความหมายของระดบั การประเมนิ 2 การตรงตอ่ เวลา 3 การมวี นิ ับ 4=ปฏบิ ตั ถิ กู ตอ้ งดเี ยย่ี ม 4 ความสนใจใฝ่ รู ้ 5 ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ 3=ปฏบิ ตั ไิ ดถ้ กู ตอ้ ง 6 ความเป็ นผนู ้ าและผตู ้ ามทด่ี ี 2=ปฏบิ ตั บิ า้ งแตต่ อ้ งฟังคาสงั่ 7 ความรับผดิ ชอบ หรอื ชน้ี า 8 ความตงั้ ใจในการปฏบิ ตั งิ าน 9 การมมี นุษยส์ มั พันธใ์ นการทางาน 1=ไมป่ ฏบิ ตั ติ อ้ งบงั คบั หรอื 10 ความสาเร็จในการดาเนนิ งานกลมุ่ และรายบคุ คล วา่ กลา่ วตกั เตอื นหรอื มกั จะปฏบิ ตั ิ ในทางผดิ รวม (คะแนนเตม็ 20 คะแนน) เกณฑก์ ารประเมนิ 4 = 1.6 -2 3 = 1.1 - 1.5 2 = 0.6 - 1 1 = 0 - 0.5 บนั ทกึ ........................................................................................................................ .................................................................................................................................. ลงช่ือ................................................................ผ้ปู ระเมิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook