39 2) ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลิตข้าวนาปรงั ในพนื้ ท่ไี มเ่ หมาะสม (N) ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตข้าวนาปรังในจังหวัดนครนายก ในพ้ืนทไ่ี ม่ เหมาะสม เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตข้าวนาปรังเฉล่ีย จำนวน 4,039.97 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 3,020.94 บาทต่อไร่ หรอื คิดเป็นร้อยละ 74.78 และต้นทุนคงท่ี จำนวน 1,019.03 บาทต่อไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ 25.22 ของต้นทุนท้ังหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าต้นทุนที่เป็นเงินสด 2,853.92 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 70.64 และต้นทุนท่ีไม่เป็นเงินสด 1,186.05 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็น ร้อยละ 29.36 โดยต้นทุนผันแปรท่ีเป็นเงินสดส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่ายา ปราบศัตรูพืชและวัชพืช และค่าพนั ธ์ุ รองลงมาเปน็ ค่าจ้างแรงงาน ได้แก่ ค่าดแู ลรกั ษา และค่าเตรียมดิน ส่วน ต้นทุนไม่เป็นเงินสดน้ันส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงท่ีได้แก่ ค่าเช่าที่ดิน รองลงมาเป็นค่าเสื่อมอุปกรณ์การเกษตร ส่วนต้นทนุ ผนั แปรที่ไม่เปน็ เงินสด ไดแ้ ก่ ค่าแรงงานเตรยี มดิน และคา่ ดูแลรักษา ผลการวิเคราะห์เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เกษตรกรได้รับในการผลิตข้าวนาปรัง ในเขตพื้นที่ไม่ เหมาะสม (N) ผลผลิตเฉล่ีย 704.24 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้ เฉล่ีย 6.52 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 4,591.64 บาทต่อไร่ และจะได้รับผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 551.67 บาทต่อไร่ โดยที่จุดคุ้มทุนในการผลิตข้าวนาปรัง ปริมาณผลผลิตต่อไร่ ณ จุดคุ้มทุน 619.63 กิโลกรมั ตอ่ ไร่
40 ตารางท่ี 3.5 ต้นทุนการผลติ ขา้ วนาปรงั ปี 2559 จังหวัดนครนายก ในพืน้ ท่ีไม่เหมาะสม (N) หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลิตในพนื้ ทไ่ี ม่เหมาะสม (N) เงินสด ร้อยละ ประเมิน ร้อยละ รวม รอ้ ยละ 1. ต้นทนุ ผนั แปร 2,859.65 (70.78) 161.29 (3.99) 3,020.94 (74.78) 1.1 คา่ แรงงาน 1,134.94 (28.09) 125.05 (3.10) 1,259.99 (31.19) เตรยี มดิน 357.30 (8.84) 70.74 (1.75) 428.04 (10.60) ปลกู 55.90 (1.38) 1.53 (0.04) 57.43 (1.42) ดูแลรักษา 380.91 (9.43) 44.16 (1.09) 425.07 (10.52) เกบ็ เกย่ี ว 340.83 (8.44) 8.62 (0.21) 349.45 (8.65) 1.2 คา่ วัสดุ 1,659.64 (41.08) 32.43 (0.80) 1,692.07 (41.88) คา่ พนั ธุ์ 332.94 (8.24) 31.15 (0.77) 364.09 (9.01) คา่ ปุย๋ 581.66 (14.40) - (0.00) 581.66 (14.40) คา่ ยาปราบศัตรูพืชและวัชพชื 463.57 (11.47) - (0.00) 463.57 (11.47) ค่าสารอ่นื ๆ และวสั ดปุ รับปรุงดิน 27.62 (0.68) - (0.00) 27.62 (0.68) ค่าน้ำมนั เชอ้ื เพลงิ และหลอ่ ล่ืน 182.38 (4.51) - (0.00) 182.38 (4.51) ค่าวสั ดุการเกษตรและวัสดสุ น้ิ เปลือง 71.47 (1.77) - (0.00) 71.47 (1.77) คา่ ซ่อมแซมอปุ กรณก์ ารเกษตร - (0.00) 1.28 (0.03) 1.28 (0.03) 1.3 ค่าเสยี โอกาสเงนิ ลงทนุ 65.07 (1.61) 3.81 (0.09) 68.88 (1.70) 2. ต้นทุนคงที่ - (0.00) 1,019.03 (25.22) 1,019.03 (25.22) ค่าเช่าท่ดี นิ - (0.00) 739.94 (18.32) 739.94 (18.32) ค่าเสื่อมอปุ กรณ์การเกษตร - (0.00) 240.54 (5.95) 240.54 (5.95) คา่ เสียโอกาสเงนิ ลงทุนอปุ กรณก์ ารเกษตร - (0.00) 38.55 (0.95) 38.55 (0.95) 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 2,853.92 (70.64) 1,186.05 (29.36) 4,039.97 (100.00) 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรมั 5.74 5. ผลผลิตต่อไร่ (กิโลกรมั ) 704.24 6. ราคาเฉลี่ยท่ีเกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 6.52 7. รายได้ท้งั หมด (บาท/ไร)่ 4,591.64 8. ผลตอบแทนสุทธติ ่อไร่ (บาท/ไร่) 551.67 9. ผลตอบแทนสุทธิต่อผลผลติ (บาท/กก.) 0.78 10. ปริมาณผลผลติ ต่อไร่ ณ จดุ คุ้มทนุ (กก./ไร่) 619.63 ทีม่ า : จากการสำรวจข้อมลู ปี 2559/60 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6
41 หากเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกข้าวนาปรังในพ้ืนที่เหมาะสม (S) และในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) พบวา่ ตน้ ทนุ รวมต่อไร่ ในพ้ืนท่เี หมาะสมต่ำกว่าตน้ ทนุ รวมต่อไร่ ในพืน้ ท่ไี ม่เหมาะสม ประมาณ 431.83 บาท ส่วน ผลผลิตต่อไร่ในพื้นที่เหมาะสมมีปริมาณมากกว่า 28.47 กก. ต่อไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 4.04 ของผลผลิตต่อไร่ใน พื้นทไ่ี มเ่ หมาะสม ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ในพนื้ ท่ีเหมาะสมมีปริมาณมากกว่าของผลตอบแทนสทุ ธิต่อไร่ในพ้ืนท่ีไม่ เหมาะสม881.23 บาทต่อไร่ จึงส่งผลให้ผลตอบแทนสุทธิต่อผลผลิตในเขตพื้นที่เหมาะสมสูงกว่าในพ้ืนท่ีไม่ เหมาะสม ตารางท่ี 3.6 เปรยี บเทยี บตน้ ทุนการผลติ การปลูกข้าวนาปรังในพื้นทเ่ี หมาะสม (S) และในพ้นื ทไ่ี ม่ เหมาะสม (N) หน่วย : บาท/ไร่ รายการ พ้นื ท่ีเหมาะสม พื้นท่ีไมเ่ หมาะสม (Suitability : S) (Not Suitability : N) เงินสด ประเมนิ รวม เงินสด ประเมนิ รวม 1. ต้นทนุ ผนั แปร 2,219.07 529.84 2,748.91 2,859.65 161 3,020.94 2. ต้นทุนคงท่ี - 859.23 859.23 - 1,019.03 1,019.03 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 2,225.82 1,382.32 3,608.14 2,853.92 1,186.05 4,039.97 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรัม - - 4.92 - - 5.74 5. ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) - - 732.71 - - 704.24 6. ราคาเฉล่ยี ทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 6.88 - - 6.52 7. รายได้ทัง้ หมด (บาท/ไร)่ - - 5,041.04 - - 4,591.64 8. ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ (บาท/ไร่) - - 1,432.90 - - 551.67 9. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อผลผลติ (บาท/กก.) - - 1.96 - - 0.78 10.ปรมิ าณผลผลิตตอ่ ไร่ ณ จดุ คุม้ ทนุ (กก./ไร่) - - 524.44 - - 619.63 ที่มา : จากการสำรวจขอ้ มูล สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 6 ปี 2559
42 3.1.3 กุ้งขาวแวนนาไม ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ กุ้งขาวแวนนาไมในจังหวดั นครนายก ผลจากการสำรวจต้นทนุ การผลิตและผลตอบแทนการเพาะเลี้ยงกงุ้ ขาวแวนนาไมในจังหวัดนครนายก เกษตรกรมตี ้นทนุ การเพาะเล้ียงก้งุ ขาวแวนนาไม จำนวน 61,473.59 บาทต่อไร่ โดยเปน็ ต้นทุนผันแปร จำนวน 52,384.31 บาทต่อไร่ หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ 85.21 และตน้ ทุนคงท่ี จำนวน 9,089.28 บาทตอ่ ไร่ หรอื คดิ เป็นรอ้ ย ละ 14.79 ของต้นทุนท้ังหมด ตามลำดับ เม่ือพิจารณาในรายละเอียดพบว่าต้นทุนท่ีเป็นเงินสด 48,751.45 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 79.30 และต้นทุนท่ีไม่เป็นเงินสด 12,722.14 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 20.70 โดยต้นทุนผันแปรท่ีเป็นเงินสดส่วนใหญ่เป็นคา่ วัสดุ ได้แก่ ค่าอาหาร ค่าพันธ์ุ ตามลำดับ รองลงมาเป็น ค่าแรงงาน ไดแ้ ก่ ค่าดูแลรักษา (เล้ียง) ตามลำดับ ส่วนตน้ ทุนไม่เป็นเงินสดนนั้ ส่วนใหญ่เปน็ คา่ แรงงาน สำหรับ ต้นทุนคงท่ีท่ีเป็นต้นทุนไม่เป็นเงินสด ส่วนใหญ่เป็นค่าเสื่อมราคาบ่อและเคร่ืองมืออุปกรณ์ รองลงมาเป็นค่า ดอกเบ้ียเงินลงทุนเครื่องมืออุปกรณ์ โดยต้นทุนต่อกิโลกรัม เท่ากับ 74.90 บาท โดยที่ระยะเวลาในการเลี้ยง เฉลี่ย 78.29 วัน อัตราการปล่อยลูกกุ้งเฉลี่ย 91,760.80 ตัวต่อไร่ ราคาลูกพันธ์ุเฉลี่ย 0.14 บาทต่อตัว อัตรา การรอด 70.09 เปอรเ์ ซน็ ต์ ผ ล ก าร วิ เค ร าะ ห์ เม่ื อ พิ จ าร ณ าถึ ง ผ ล ต อ บ แ ท น ที่ เก ษ ต ร ก ร ได้ รั บ ใน ก าร ผ ลิ ต กุ้ ง ข าว แ ว น น า ไ ม ผลผลิตเฉลี่ย 820.73 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาท่ีเกษตรกรขายได้เฉลี่ย 167.72 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ 137,652.84 บาทต่อไร่ ดังน้ันเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนสุทธติ ่อไร่ เท่ากบั 76,179.25 บาท โดยที่ปรมิ าณผลผลติ ณ จดุ ค้มุ ทนุ 366.53 กโิ ลกรัมต่อไร่
43 ตารางท่ี 3.7 ต้นทนุ การเพาะเลยี้ งก้งุ ขาวแวนนาไม จงั หวัดนครนายก 2559 ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลติ หน่วย : บาท/ไร่ เงินสด รอ้ ยละ ประเมิน ร้อยละ รวม รายการ ร้อยละ 1. ต้นทุนผนั แปร 48,677.47 (79.18) 3,706.84 (6.03) 52,384.31 (85.21) 1.1 ค่าแรงงาน 5,769.33 (9.39) 2,975.54 (4.84) 8,744.87 (14.23) การดูแลรักษา(เลยี่ ง) 5,107.54 (8.31) 2,816.07 (4.58) 7,923.61 (12.89) การเกบ็ ผลผลิต (จบั + คดั แยกขนาด) 661.79 (1.08) 159.47 (0.26) 821.26 (1.34) 1.2 คา่ วัสดุ 42,908.14 (69.80) 0.44 (0.00) 42,908.58 (69.80) คา่ พนั ธ์ 13,070.43 (21.26) 0.00 (0.00) 13,070.43 (21.26) ค่าอาหาร 16,486.99 (26.82) 0.00 (0.00) 16,486.99 (26.82) คา่ ยารกั ษาโรค 49.17 (0.08) 0.00 (0.00) 49.17 (0.08) คา่ วัสดุปรบั สภาพดินและนำ้ 4,070.44 (6.62) 0.00 (0.00) 4,070.44 (6.62) ค่านำ้ มนั เช้ือเพลงิ หลอ่ ลื่น 5,127.23 (8.34) 0.00 (0.00) 5,127.93 (8.34) คา่ ไฟฟา้ 1,352.11 (2.20) 0.00 (0.00) 1,352.11 (2.20) คา่ ลอกเลน 1,097.01 (1.78) 0.00 (0.00) 1,097.01 (1.78) ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ 174.11 (0.28) 0.44 (0.00) 174.55 (0.28) ค่าใชจ้ า่ ยอ่ืนๆ 1,479.95 (2.41) 0.00 (0.00) 1,479.95 (2.41) 1.3 ค่าดอกเบ้ยี เงินลงทนุ 0.00 (0.00) 730.86 (1.19) 730.86 (1.19) 2. ต้นทนุ คงที่ 73.98 (0.12) 9,015.30 (14.67) 9,089.28 (14.79) 2.1 คา่ เช่าทีด่ ินหรือเชา่ บ่อ 73.98 (0.12) 413.87 (0.67) 487.85 (0.79) 2.2 คา่ เส่ือมราคาบอ่ และเครื่องมอื อุปกรณ์ 0.00 (0.00) 7,811.69 (12.71) 7,811.69 (12.71) 2.3 ค่าดอกเบยี้ เงินลงทนุ เครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ 0.00 (0.00) 789.74 (1.28) 789.74 (1.28) 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 48,751.45 (79.30) 12,722.14 (20.70) 61,473.59 (100.00) 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรัม 74.90 5. ผลผลิตตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) 820.73 6. ราคาเฉล่ยี ทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 167.72 7. รายไดท้ ั้งหมด (บาท/ไร่) 137,652.84 8. ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ไร่ (บาท/ไร)่ 76,179.25 9. ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ผลผลิต (บาท/กก.) 92.82 10. ปรมิ าณผลผลติ ตอ่ ไร่ ณ จุดค้มุ ทนุ (กก./ไร)่ 366.53 ท่มี า : จากการสำรวจข้อมลู สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 6 ปี 2559
44 3.1.4 มะยงชิด ต้นทุนและผลตอบแทนในการปลูกมะยงชดิ ในจงั หวัดนครนายก ผลจากการสำรวจต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนการผลิตมะยงชิดในจังหวัดนครนายก เกษตรกรมี ตน้ ทุนการผลิตมะยงชิดเฉล่ีย จำนวน 16,078.78 บาทต่อไร่ โดยเป็นต้นทุนผันแปร จำนวน 9,964.48 บาทต่อ ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 61.97 และต้นทุนคงท่ี จำนวน 6,114.30 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 38.03 ของ ต้นทุนท้ังหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าต้นทุนที่เป็นเงินสด 8,232.29 บาทต่อไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ 51.20 และต้นทุนท่ีไม่เป็นเงินสด 7,846.49 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 48.80 โดยต้นทุนเงิน สดท่ีเป็นต้นทุนผันแปรส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้แก่ ค่าปุ๋ย ค่าน้ำมันเช้ือเพลิง และค่ายา ปราบศัตรูพืชและวัชพืช ตามลำดับ รองลงมาเป็นค่าจ้างแรงงาน ได้แก่ ค่าดูแลรักษา และคา่ เกบ็ เกี่ยวผลผลิต ส่วนต้นทุนไม่เป็นเงนิ สดน้ันส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงทีไ่ ดแ้ ก่ ค่าเช่าที่ดนิ รองลงมาเป็นคา่ เส่อื มอปุ กรณ์การเกษตร ส่วนต้นทุนผันแปรทีไ่ มเ่ ป็นเงนิ สด ได้แก่ ค่าดูแลรักษา และค่าเก็บเกยี่ วผลผลิต ผลการวเิ คราะห์เมื่อพิจารณาถงึ ผลตอบแทนที่เกษตรกรได้รับในการผลิตมะยงชิด ผลผลิตเฉลี่ย 174.05 กิโลกรัมตอ่ ไร่ เมอื่ พิจารณาถึงผลตอบแทนจากราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลยี่ 169.54 บาทต่อกโิ ลกรัม เกษตรกร จะมีรายได้ 29,508.44 บาทต่อไร่ และจะได้รับผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 13,429.66 บาทต่อไร่ โดยที่ จดุ คมุ้ ทนุ ในการผลติ มะยงชิด ปริมาณผลผลติ ตอ่ ไร่ ณ จุดค้มุ ทุน 94.84 กโิ ลกรมั ต่อไร่
45 ตารางท่ี 3.8 ตน้ ทุนมะยงชิด ปี 2559 จงั หวัดนครนายก ไม่แยกลักษณะความเหมาะสม หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ต้นทุนมะยงชิดไม่แยกจำนวนความเหมาะสม เงินสด ร้อยละ ประเมิน ร้อยละ รวม รอ้ ยละ 1. ต้นทนุ ผันแปร 8,232.29 (51.20) 1,732.19 (10.77) 9,964.48 (61.97) 1.1 คา่ แรงงาน 3,015.07 (18.75) 1,541.16 (9.59) 4,556.23 (28.34) เตรยี มดิน (0.00) (0.00) - (0.00) ปลูก (0.00) (0.00) - (0.00) ดแู ลรกั ษา 2,344.80 (14.58) 1,382.40 (8.60) 3,727.20 (23.18) เก็บเกย่ี ว 670.27 (4.17) 158.76 (0.99) 829.03 (5.16) 1.2 ค่าวสั ดุ 4,678.66 (29.10) 77.71 (0.48) 4,756.37 (29.58) ค่าพันธ์ (0.00) (0.00) - (0.00) คา่ อาหาร 2,912.58 (18.11) 12.01 (0.07) 2,924.59 (18.19) คา่ ยาปราบศตั รูพชื และวัชพืช 396.85 (2.47) (0.00) 396.85 (2.47) ค่าสารอ่นื ๆ และวัสดุปรบั ปรงุ ดนิ 81.85 (0.51) (0.00) 81.85 (0.51) คา่ น้ำมนั เชอื้ เพลิงและหลอ่ ลื่น 879.19 (5.47) (0.00) 879.19 (5.47) ค่าวสั ดกุ ารเกษตรและวัสดสุ ิ้นเปลือง 309.95 (1.93) 54.05 (0.34) 364.00 (2.26) คา่ ซ่อมแซมอุปกรณ์การเกษตร 98.24 (0.61) 11.65 (0.07) 109.89 (0.68) 1.3 ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทุน 538.56 (3.35) 113.32 (0.70) 651.88 (4.05) 2. ต้นทุนคงที่ - (0.00) 6,114.30 (38.03) 6,114.30 (38.03) คา่ เชา่ ท่ดี ิน - (0.00) 1,500.00 (9.33) 1,500.00 (9.33) ค่าเสือ่ มอุปกรณก์ ารเกษตร - (0.00) 448.54 (2.79) 448.54 (2.79) คา่ เสียโอกาสเงนิ ลงทุนอุปกรณก์ ารเกษตร - (0.00) 156.69 (0.97) 156.69 (0.97) เฉล่ียต้นทนุ กอ่ นใหผ้ ลผลิต (0.00) 4,009.07 (24.93) 4,009.07 (24.93) 3. ต้นทนุ รวม 8,232.29 (51.20) 7,846.49 (48.80) 16,078.78 (100.00) 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรัม (บาท/กก.) 92.38 5. ผลผลิตต่อไร่ (กโิ ลกรัม) 174.05 6. ราคาเฉลย่ี ทเ่ี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 169.54 7. รายไดท้ ัง้ หมด (บาท/ไร่) 29,508.44 8. ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ (บาท/กก.) 13,429.66 9. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ผลผลติ (บาท/กก.) 77.16 10. ปรมิ าณผลผลิตตอ่ ไร่ ณ จุดคมุ้ ทุน (กก./ไร)่ 94.84 ทม่ี า : จากการสำรวจ สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6
46 การเปรียบเทียบต้นทุนการผลิต ผลตอบแทน สินค้าท่ีสำคัญ (สินค้า Top 4) จังหวัดนครนายก แยกเป็น ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง กุ้งขาวแวนนาไม และมะยงชิด จะเห็นได้ว่าสินค้า Top 4 สินค้าท่ีได้รับ ผลตอบแทนสุทธิมากท่ีสดุ คือ กุ้งขาวแวนนาไม รองลงมา ได้แก่ มะยงชิด และข้าวนาปรงั ตามลำดบั รายได้จากการเพาะเล้ียงกุ้งขาวแวนนาไม เท่ากับ 137,652.84 บาทต่อไร่ โดยที่ต้นทุนเท่ากับ 61,473.59 บาทต่อไร่ ดังนน้ั ผลตอบแทนสทุ ธิต่อไร่ เท่ากับ 76,179.25 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 123.92 ของ ตน้ ทุนการผลติ รายได้จากการผลิตมะยงชดิ เท่ากับ 29,508.44 บาทต่อไร่ โดยที่ต้นทุนเท่ากับ 16,078.78 บาทตอ่ ไร่ ดังนัน้ ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เทา่ กบั 13,429.66 บาท หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ 83.52 ของต้นทนุ การผลติ รายได้จากการปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่เหมาะสม เท่ากับ 5,041.04 บาทต่อไร่ โดยท่ีต้นทุนเท่ากับ 3,608.14 บาทต่อไร่ ดังนั้นผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 1,432.90 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 39.71 ของต้นทุนการผลติ
ตารางท่ี 3.9 ตารางเปรยี บเทยี บต้นทุนการผลติ ผลตอบแทน สนิ คา้ ทสี่ ำคญั (สนิ ค้า TOP 4) จงั หวัดนครนายก หนว่ ย : บาท/ไร่ มะยงชิด รายการ ขา้ วนาปี (บาท/ไร่) ข้าวนาปรัง (บาท/ไร่) กงุ้ ขาวแวนนาไม (บาท/ไร่) SN SN (บาท/ไร่) 9,964.48 1. ต้นทุนผนั แปร 2,671.85 2,683.21 2,748.91 3,020.94 52,384.31 6,114.30 47 2. ต้นทนุ คงที่ 744.03 988.02 859.23 1,019.03 9,089.28 16,078.78 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ 4,039.97 61,473.59 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรมั (บาท/กก.) 3,415.88 3,671.23 3,608.14 92.38 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กโิ ลกรัม) 5.80 6.54 4.92 5.74 74.90 174.05 6. ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 704.24 820.73 169.54 7. รายได้ทงั้ หมด (บาท/ไร)่ 589.19 561.65 732.71 167.72 29,508.44 8. ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ (บาท/ไร่) 6.71 6.66 6.88 6.52 137,652.84 13,429.66 9. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ผลผลิต (บาท/กก.) 4,591.64 76,179.25 77.16 10. ปริมาณผลผลิตต่อไร่ ณ จดุ คุ้มทนุ (กก./ไร่) 3,953.46 3,740.59 5,041.04 92.82 94.84 ท่ีมา : จากการสำรวจข้อมลู สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 537.58 69.36 1,432.90 551.67 366.53 0.91 0.12 0.78 509.07 551.24 1.96 524.44 619.63
48 3.2 การบรหิ ารจัดการสินคา้ เกษตรทส่ี ำคัญ 3.2.1 การบรหิ ารจัดการขา้ วนาปีจงั หวดั นครนายก 1) สถานการณก์ ารผลติ ในปีเพาะปลูก 2559 พื้นท่ีปลกู ข้าวเจ้านาปีของจังหวัดนครนายกมีจำนวน 355,831 ไร่ พ้ืนที่เก็บ เกี่ยว 353,140 ไร่ ผลผลิตข้าวเจ้านาปี 200,408 ตัน ผลผลิตต่อไร่ 568 กิโลกรัม ทั้งนี้พ้ืนท่ีเก็บเกี่ยวผลผลิต ลดลงจากปี 2558 ร้อยละ 3.53 ร้อยละ 2.30 ตามลำดับ แตผ่ ลผลิตตอ่ ไรเ่ พม่ิ ขึ้น คดิ เป็นร้อยละ 1.43 ส่วนมากพื้นที่ในจังหวดั นครนายกจะนิยมปลกู ข้าวพันธุ์อยุธยา กข37, กข41, กข47, กข59 และพนั ธุ์ พ้ืนเมือง (กรมส่งเสริมการเกษตร) รวมถึงพันธุ์ขา้ วน้ำลึกหรือพันธุ์ข้าวข้ึนน้ำ เพ่ือให้เข้ากับศักยภาพตามพื้นท่ี เน่ืองจากสภาพดินในพ้ืนที่ฝั่งล่างของจังหวัด ได้แก่ ตอนล่างของอำเภอเมือง (ตำบลดงละคร และ ตำบล ศรจี ุฬา) อำเภอปากพลี และอำเภอองครักษ์ เปน็ ดนิ เปร้ียว มีความเปน็ กรดสงู และไม่มกี ารปลกู พืชหลงั นาด้วย ทำให้ผลผลิตและคณุ ภาพข้าวท่ีดีมนี ้อยลง 2) วิถตี ลาดข้าวเปลือกเจ้านาปขี องจงั หวดั นครนายก เกษตรกรผ้ปู ลูกข้าวเจา้ เกษตรกรในพื้นทีจ่ ังหวดั นครนายก เมอ่ื เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วจะเก็บไว้ทำ พันธป์ุ ระมาณรอ้ ยละ 1.8 บริโภคเองในครัวเรือนประมาณร้อยละ 0.41 ส่วนทเี่ หลือจะขายผลผลิตข้าวให้โรงสี ในจังหวัดนครนายก ซึ่งต้ังอยู่ในพ้ืนที่อำเภอองครักษ์ 2 แห่ง ได้แก่ โรงสีสินอุดม, เก่งการพานิช 2 และในเขต อำเภอเมือง 1 แห่ง คอื โรงสขี อง บริษทั คุณกติ ตไิ รซ์ จำกัด คิดเปน็ ร้อยละ 76.65 สหกรณ์การเกษตรในจังหวัด ใกลเ้ คียง ได้แก่ จังหวัดปทมุ ธานี คิดเป็นร้อยละ 19.72 และพอ่ ค้ารวบรวมจากจงั หวดั ใกล้เคียง ได้แก่ จังหวัด ปราจนี บุรี คดิ เป็นร้อยละ 1.42 โรงสีในจังหวัด โดยผู้ประกอบการโรงสี จะนำข้าวที่รับซื้อมาสีแปรสภาพข้าวเจ้าเปลือกเป็น ข้าวสาร ซ่ึงจะรับซ้ือข้าวเจ้านาปีช่วงเดือนสิงหาคม – ธันวาคม ของทุกปี เน่ืองจากเป็นช่วงเก็บเก่ียวผลผลิต และผลผลิตออกสู่ตลาดมาก และส่งให้กับผู้ส่งออกท่ีโกดัง จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา จังหวัดฉะเชิงเทรา และ กรุงเทพฯ เพ่ือให้ผู้ส่งออก ส่งให้กับประเทศท่ีเป็นคู่ค้าในต่างประเทศต่อไป และมีการส่งผลผลิตอื่น เช่น รำ และปลายข้าวให้กับโรงงานแปรรูปและโรงงานผลิตอาหารสัตว์ในประเทศ แต่เนื่องจากผลผลิตข้าวในปี 2559/60 น้ันออกสู่ตลาดน้อยและมีคุณภาพไม่เท่ากับมาตรฐานเดิม ทำให้ผู้ประกอบการโรงสีและสหกรณ์ การเกษตรไม่ค่อยรับซื้อข้าวเปลือกจากในพื้นท่ี โดยส่วนมากผู้ประกอบการโรงสีจำเป็นต้องรับซื้อข้าวเปลือก เจ้ามาจากจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ อำเภอบางน้ำเปรี้ยวและอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เขตหนองจอก จังหวัดกรุงเทพมหานคร อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี อำเภอหนองเสือและอำเภอคลองหลวง จังหวัด ปทุมธานี และอำเภอวหิ ารแดง จงั หวัดสระบุรี
49 ตลาดขา้ วเปลือกเจ้านาปี เกษตรกรผ้ผู ลิต 0.41% บรโิ ภคเอง ขา้ วเปลอื กเจ้า 1.80% เก็บไว้ทำเมล็ดพันธ์ุ 1.42% 76.65% 19.72% พอ่ ค้าคนกลางทมี่ ารบั ซอื้ ใน พื้นท่ี (จังหวดั ใกล้เคียง) สหกรณก์ ารเกษตร (จงั หวัดใกลเ้ คยี ง) โรงสีในพ้ืนที่ โรงงานแปรรูป/ พ่อคา้ สง่ ออก โรงงานผลิตอาหารสตั ว์ ภาพที่ 3.1 วิถกี ารตลาดขา้ วเปลอื กเจ้านาปี ของจังหวัดนครนายก ที่มา : จากการสำรวจ 3) การบริหารจัดการสินค้าขา้ วนาปจี ังหวดั นครนายก จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ผลผลิตข้าวนาปีภายในจังหวัดนครนายก มีปริมาณ 218,408 ตัน เป็นผลผลิตข้าวเปลือกรายปีที่ผลิตให้ในจังหวัด จำนวน 200,408 ตัน โดยผลผลิตออกมากในช่วงเดือน พฤศจิกายน และธันวาคม ร้อยละ 31.17 และ 48.70 ตามลำดับ และมีการนำเข้าข้าวเปลือกจากจังหวัดอ่ืน จำนวน 18,000 ตัน คดิ เปน็ ร้อยละ 8.98 ของปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกท่ีผลิตได้ในจงั หวัดนครนายก ในขณะท่ี ความต้องการใช้ประโยชน์จากขา้ วนาปีของจงั หวัดนครนายกมปี ริมาณทง้ั หมด 220,202.01 ตนั แบ่งเป็นเก็บไว้ ทำพันธ์ุ จำนวน 3,607.34 ตัน คิดเป็นร้อยละ 1.80 ของผลผลิตข้าวเปลือกรายปีในจังหวัดนครนายกเก็บไว้ บริโภคภายในจังหวัด จำนวน 821.67 ตัน คิดเป็นร้อยละ 0.41 โดยมีการนำเข้าโรงสีเพื่อแปรสภาพ จำนวน 173,406.75 ตัน คิดเป็นร้อยละ 78.75 ของความต้องการใช้ประโยชน์ และส่งขายไปจังหวัดอื่น จำนวน 42,366.25 ตนั คดิ เปน็ รอ้ ยละ 19.24 ของความต้องการใช้ประโยชน์ เมอ่ื พจิ ารณาบัญชีสมดลุ สนิ ค้า พบว่าผลผลิตข้าวนาปจี ังหวัดนครนายก มีจำนวนผลผลิตขา้ วภายใน จังหวดั น้อยกว่าความต้องการใช้ จากตารางที่ 3.10 จะเห็นไดว้ ่าเดือนสิงหาคม และกันยายน ปริมาณข้าวนาปี ขาดดุล ส่วนเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม เป็นช่วงปริมาณผลผลิตข้าวนาปีออกสู่ตลาดมาก ทำให้ จังหวัดนครนายกมี ผลผลติ เกนิ ดุลในชว่ งนัน้ แต่ในภาพรวมท้ังปียังขาดดุล เนอื่ งจากผลผลิต Supply ปริมาณ 218,408 ตนั แตค่ วามต้องการใช้ Demand ปรมิ าณ 220,202.01 ตนั จึงทำให้ขาดดลุ จำนวน 1,794.01 ตัน
ตารางที่ 3.10 การบริหารจัดการสนิ คา้ ขา้ วเปลอื กนาปีเชิงพ้นื ทีร่ ายเดือน ฤดกู ารผลติ ปี 2559/2560 จงั หวัดนครนายก รายการ ส.ค. ก.ย. 2559 พ.ย. ธ.ค. 2560 รวม 50 ต.ค. ม.ค. ก.พ. 1. ผลผลติ (Supply) 11,115.00 8,830.00 64,858.00 100,008.00 218,408.00 1.1 ผลผลิตขา้ วเปลือกรายปใี นจงั หวัด (ตัน) 2,715.00 6,430.00 33,597.00 62,458.00 97,608.00 -- 200,408.00 1.2 นำเข้าจากจังหวัดอน่ื (ตนั ) 8,400.00 2,400.00 31,197.00 2,400.00 2,400.00 -- 18,000.00 69,267.70 2,400.00 26,274.54 25,814 -- 220,202.01 2. ความตอ้ งการใช้ (Demand) 72,160.78 26,684.99 - -- 2.1 เก็บไวท้ ำพันธุ์ (ตัน) 2,430.63 102.45 460.29 - -- 3,607.34 2.2 เกบ็ ไว้บรโิ ภค (ตนั ) - 613.97 - 17,340.75 -- 821.67 2.3 เข้าโรงสีเพือ่ แปรสภาพ (ตนั ) 564.90 256.77 8,473.25 -- 2.4 สง่ ขายจงั หวัดอ่ืน (ตนั ) 60,692.00 60,692.00 17,341.00 17,341.00 74,194.00 -- 173,406.75 8,473.25 8,473.25 8,473.25 8,473.25 -- 42,366.25 3. ผลผลิตส่วนเกิน/ขาด* (ตนั ) - 61,045.78 - 60,437.70 6,912.01 38,583.46 -1,794.01 หมายเหต:ุ ค่าประมาณการของผลผลติ สว่ นเกนิ ; ถ้าผลผลิตสว่ นเกินมีคา่ เปน็ บวก หมายถงึ จำนวนผลผลติ ขา้ วภายในจังหวดั มากกว่าความตอ้ งการใช้ ถา้ ผลผลติ ส่วนเกนิ มีค่าเปน็ ลบ หมายถึง จำนวนผลผลิตขา้ วภายในจังหวดั นอ้ ยกว่าความตอ้ งการใช้ ถา้ ผลผลติ ส่วนเกนิ มีคา่ เป็นศูนย์ หมายถึง จำนวนผลผลติ ข้าวภายในจงั หวัดสมดุลกบั ความตอ้ งการใช้ ท่ีมา: จากการสำรวจ
51 4) ปัญหาและอปุ สรรค ด้านการผลิต - พื้นทีน่ าเป็นดินเปร้ียว มคี วามเป็นกรดสูง และไม่มีการปลูกพืชหลังนาดว้ ย ทำให้ผลผลิตและ คุณภาพข้าวลดลง ข้าวนาปรังในพ้ืนที่เสียหายจากศัตรูพืชโดยเฉพาะนก ที่คอยบินมากัดกินผลผลิตข้าวขณะ ออกรวง เนอื่ งจากเป็นนานำ้ ตม - ลูกหลานและคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ไม่สานต่อการทำนาจากรุ่นพ่อแม่ หันเข้าสู่การเป็นแรงงาน ภาคอตุ สาหกรรม ดา้ นการตลาด - เนื่องจากผลผลิตข้าวในปี 2559/60 ไม่ดี ทำให้โรงสีไม่ค่อยรับซื้อข้าวเปลือกจากในพื้นท่ี โดยสว่ นมากผู้ประกอบการโรงสีจะต้องรับซื้อขา้ วจากจังหวดั ใกลเ้ คยี ง - ราคารับซ้ือผลผลิตข้าวเปลือกเจ้าในปี 2559/60 ราคาต่ำ ซ่ึงเกษตรกรอยากให้ภาครัฐช่วย พยุงราคา - เกษตรกรในอำเภอบ้านนา อยากให้ผู้ประกอบการโรงสีเปิดในพ้ืนที่ เพ่ือลดภาระค่าขนส่งใน การขายผลผลิตข้าวให้โรงสใี นพนื้ ที่แตอ่ ยู่ต่างอำเภอ - ปจั จยั การผลติ ไดแ้ ก่ พนั ธ์ุขา้ วและปุ๋ยมรี าคาสงู 5) ข้อเสนอแนะ - เกษตรกรควรใช้นำ้ หมักชีวภาพของกรมพฒั นาท่ีดนิ (พ.ด.) เพ่ือปรับปรงุ สภาพดนิ ซ่ึงเป็นผล ทำใหค้ ณุ ภาพขา้ วนัน้ ดีขน้ึ และลดใช้สารเคมใี นการปลูกข้าวลดลง 3.2.2 การบรหิ ารจัดการขา้ วเจา้ นาปรังจังหวัดนครนายก 1) สถานการณ์การผลิต สำหรับการปลูกข้าวเจ้านาปรังในปีเพาะปลูก 2559 พ้ืนท่ีปลูกข้าวนาปรังของจังหวัดนครนายกมี จำนวน 90,437 ไร่ พ้ืนที่เกบ็ เก่ียว 90,171 ไร่ ผลผลติ ข้าวเจ้านาปรงั 56,036 ตัน ผลผลิตต่อไร่ 621 กิโลกรัม ท้ังน้ีพื้นท่ีเก็บเกี่ยว ผลผลิต ลดลงจากปี 2558 ร้อยละ 48.77 ร้อยละ 48.19 แต่ผลผลิตต่อไร่ เพ่ิมข้ึนร้อยละ 1.14 ทั้งน้ีข้าวนาปรังจะนิยมปลูกข้าวพันธ์ุพื้นเมือง พันธ์ุ กข17 กข31 กข47 และ กข49 (กรมส่งเสริม การเกษตร) ท้ังนี้พื้นที่ที่เหมาะสมในการเพาะปลูกนอ้ ย สว่ นมากผลผลิตของข้าวนาปรังส่วนมากจะมาจากพนื้ ที่ อำเภอองครักษ์ และบางส่วนจะมาจากพื้นท่ีฝั่งเหนือของจังหวัด ได้แก่ ตอนบนของอำเภอเมือง และอำเภอ บ้านนา ซ่ึงมีสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์และดีกว่า และมีสัดส่วนของดินเหนียวปนทราย ทำให้ผลผลิตข้าวมี คณุ ภาพที่ดีกว่า แต่ยังมีพื้นที่ปลูกลดลงอย่างต่อเน่ือง เน่ืองจากลูกหลานและคนรุ่นใหม่ในพ้ืนที่ไม่สานต่อการ ทำนาจากรนุ่ พ่อแม่ โดยหนั เข้าสู่การเปน็ แรงงานภาคอตุ สาหกรรม
52 2) วถิ ตี ลาดข้าวเปลอื กเจา้ นาปรังของจังหวัดนครนายก เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเจ้า เกษตรกรในพ้ืนท่จี งั หวัดนครนายก เมื่อเก็บเกย่ี วผลผลิตแล้วจะเก็บไว้ ทำพันธ์ุประมาณร้อยละ 0.89 บริโภคเองในครัวเรือนประมาณร้อยละ 0.27 สว่ นที่เหลือจะขายผลผลิตข้าวให้ โรงสี ในจังหวัดนครนายก ซึ่งต้ังอยู่ในพื้นที่อำเภอองครักษ์ 2 แห่ง ได้แก่ โรงสีสินอุดม, เก่งการพานิช 2 และใน เขตอำเภอเมือง 1 แห่ง คือ โรงสีของ บรษิ ัท คุณกิตติไรซ์ จำกัด คิดเป็นร้อยละ 95.04 และพ่อค้าคนกลางที่มา จากจงั หวัดใกลเ้ คยี งมารบั ซื้อ ณ ทีน่ า ไดแ้ ก่ จงั หวดั ปราจีนบุรี คิดเปน็ รอ้ ยละ 3.80 โรงสีในจังหวัด โดยผู้ประกอบการโรงสี จะนำผลผลิตข้าวเจ้านาปรังที่รับซ้ือในช่วงเดือน กุมภาพันธ์และมีนาคมของทุกปีมาสีแปรสภาพข้าวเปลือกเจ้าเป็นข้าวสาร ส่งให้กับผู้ส่งออกท่ีโกดัง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา จังหวัดฉะเชิงเทรา และกรุงเทพฯ เพ่ือให้ผู้ส่งออก ส่งให้กับประเทศที่เป็นคู่ค้ าใน ต่างประเทศต่อไป และมีการส่งผลผลิตอ่ืนท่ีได้จากการสีขา้ ว ได้แก่ รำและปลายข้าวให้กับโรงงานแปรรูปและ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ในประเทศ แต่เนื่องจากผลผลิตข้าวในปี 2559/60 นั้นออกสู่ตลาดมากช่วงเดือน กมุ ภาพันธ์และมนี าคม ทำให้ผู้ประกอบการโรงสีนั้นมกี ารเกบ็ สต๊อกและเร่งขายผลผลิตข้าวเปลือกในช่วงนอก ฤดูนาปรัง ใหแ้ กผ่ ู้สง่ ออกในจังหวัดใกล้เคียงโดยเฉพาะจังหวดั ฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ ตลาดข้าวเปลือกเจ้านา เกษตรกรผู้ผลิต ปรงั ข้าวเปลอื กเจา้ 100% พ่อคา้ คนกลาง โรงสีในพน้ื ท่ี (95.04%) เก็บไว้ทำเมล็ดพันธุ์ บริโภคเอง (3.80%) (0.89%) (0.27%) ผ้สู ง่ ออก โรงงานแปรรปู และ โรงงานอาหารสตั ว์ ภาพท่ี 3.2 วถิ กี ารตลาดข้าวเปลอื กเจ้านาปรังของจังหวดั นครนายก ท่มี า : จากการสำรวจ 3) การบรหิ ารจดั การข้าวนาปรังจังหวดั นครนายก จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ผลผลิตข้าวนาปรังท่ีผลิตภายในจังหวัดนครนายก มีปริมาณ 58,074.51 ตนั เป็นผลผลิตข้าวเปลอื กรายปใี นจังหวดั จำนวน 56,036 ตนั คิดเป็นร้อยละ 96.49 ของปริมาณ ผลผลิตข้าวนาปรัง โดยผลผลติ ออกเยอะในช่วงเดอื น กุมภาพันธ์ และมนี าคม รอ้ ยละ 27.55 และ 72.45 และ มกี ารนำเข้าข้าวเปลือกจากจังหวัดอื่น จำนวน 2,038.51 ตัน คิดเปน็ รอ้ ยละ 3.51 ของปริมาณผลผลิต ในขณะ ทค่ี วามต้องการใช้ประโยชน์จากข้าวนาปรังของจังหวดั นครนายกมีปริมาณท้ังหมด 57,935.9 ตนั แบ่งเปน็ เก็บ
53 ไว้ทำพันธุ์ จำนวน 498.72 ตัน คิดเป็นร้อยละ 0.89 เก็บไว้บริโภคภายในจังหวัด จำนวน 151.3 ตัน คิดเป็น ร้อยละ 0.27 โดยมีการนำเข้าโรงสีเพอ่ื แปรสภาพ จำนวน 53,256.61 ตนั คดิ เปน็ ร้อยละ 95.04 และส่งขายไป จังหวดั อ่นื จำนวน 4,029.27ตนั คดิ เป็นร้อยละ 6.95 เมื่อพิจารณาบัญชีสมดุลสินค้า พบว่าผลผลิตข้าวนาปรังจังหวัดนครนายก มีจำนวนผลผลิตข้าว ภายในจังหวัดมากกว่าความต้องการใช้ จากตารางที่ 3.11 จะเห็นได้ว่าเดือนกุมภาพันธ์ ปริมาณข้าวนาปรัง เกนิ ดลุ ส่วนเดอื นมีนาคม ปรมิ าณขา้ วนาปรงั ขาดดลุ ซึ่งในเดือนมนี าคมเป็นชว่ งปรมิ าณผลผลิตข้าวนาปรังออก สู่ตลาดในปรมิ าณมาก แต่ความตอ้ งการโรงสีเพอื่ แปรสภาพหรือส่งออกมีจำนวนมากกวา่ ในเดอื นน้ี แต่ภาพรวม ข้าวนาปรังจังหวัดนครนายกมีผลผลิตเกินดุล เนื่องจากผลผลิต Supply ปริมาณ 58,074.51 ตัน แต่ความ ตอ้ งการใช้ Demand ปริมาณ 57,935.90 ตนั จงึ ทำให้เกนิ ดลุ จำนวน 138.61 ตัน
ตารางท่ี 3.11 การบรหิ ารจดั การสนิ คา้ ข้าวเปลือกนาปรังเชิงพื้นทร่ี ายเดือน ฤดูการผลติ ปี 2559/2560 จงั หวดั นครนายก รายการ 2559 2560 รวม ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. 1. ผลผลิต (Supply) --- - - - 15,999.59 42,074.92 58,074.51 56,036.00 1.1 ผลผลติ ข้าวเปลอื กรายปีในจงั หวัด (ตัน) - - - - - - 15,988.71 40,047.29 2,038.51 - - 57,935.90 1.2 นำเข้าจากจงั หวดั อน่ื (ตัน) --- - - - 200.52 1,837.99 - - 498.72 2. ความตอ้ งการใช้ (Demand) --- - - - 11,867.98 46,067.92 151.30 - - 53,256.61 2.1 เก็บไวท้ ำพันธ์ุ (ตัน) --- - - - 498.72 - 4,029.27 54 - - 138.61 2.2 เกบ็ ไว้บรโิ ภค (ตัน) --- - 152.30 - 2.3 เข้าโรงสเี พอื่ แปรสภาพ/สง่ ออก (ตัน) --- - 5,238.53 48,018.08 2.4 ส่งขายจงั หวัดอื่น (ตัน) --- - 2,184.53 1,844.74 3. ผลผลติ ส่วนเกนิ /ขาด* (ตัน) --- - 4,131.61 - 3,993.00 ทมี่ า : จากการสำรวจ หมายเหตุ : * ผลผลติ สว่ นเกิน/ขาด คำนวณจาก 1 (ผลผลติ ) - 2 (ความต้องการใช้) กรณีคา่ เปน็ + หมายถึง ผลผลิตมมี ากเกนิ ความตอ้ งการ กรณคี า่ เป็น – หมายถึง ผลผลิตมีน้อยกว่าความตอ้ งการ
55 4) ปัญหาและอปุ สรรค ด้านการผลิต 1) พื้นท่ีนาเป็นดินเปรี้ยว มีความเป็นกรดสูง และไม่มีการปลูกพืชหลังนาด้วย ทำให้ผลผลิตและ คุณภาพข้าวลดลง ข้าวนาปรังในพื้นที่เสียหายจากศัตรูพืชโดยเฉพาะนก ที่คอยบินมากัดกินผลผลิตข้าวขณะ ออกรวง เน่ืองจากเป็นนาน้ำตม 2) ลูกหลานและคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ไม่สานต่อการทำนาจากรุ่นพ่อแม่ หันเข้าสู่การเป็นแรงงาน ภาคอุตสาหกรรม ดา้ นการตลาด 1) เนื่องจากผลผลติ ข้าวในปี 2559/60 ไม่ดี ทำให้โรงสีไม่ค่อยรับซ้ือข้าวเปลือกจากในพ้ืนที่ ทำให้ ผ้ปู ระกอบการโรงสตี อ้ งรับซอ้ื ข้าวจากจังหวัดใกล้เคียง 2) ราคารับซ้ือผลผลิตข้าวเปลือกเจ้าในปี 2559/60 ราคาต่ำ ซึ่งเกษตรกรอยากให้ภาครัฐช่วย พยุงราคา 3) เกษตรกรในอำเภอบ้านนา อยากใหผ้ ปู้ ระกอบการเปิดโรงสีในพนื้ ท่ี เพ่ือลดภาระค่าขนสง่ ในการ ขายผลผลิตข้าวใหโ้ รงสีในพ้นื ท่ีท่ีอยตู่ ่างอำเภอ 4) ปจั จัยการผลติ ไดแ้ ก่ พันธุข์ ้าวและป๋ยุ มรี าคาสงู 5) ข้อเสนอแนะ 1) เกษตรกรควรใช้น้ำหมักชีวภาพของกรมพัฒนาที่ดิน (พ.ด.) เพ่ือปรับปรุงสภาพดิน ซ่ึงเป็นผล ทำให้คณุ ภาพขา้ วน้นั ดขี นึ้ และลดใช้สารเคมีในการปลกู ข้าวลดลง
56 3.2.3 กุง้ ขาวแวนนาไม พ้ืนท่ีการประมงของจังหวัดนครนายก สัตว์น้ำท่ีสำคัญของเกษตรกรจังหวดั นครนายก ได้แก่ ปลาน้ำ จืด ปลายี่สก ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาดุกบิ๊กอุย กุ้งขาวแวนนาไม และการอนุบาลลูกปลาดุก กลุ่มแปรรูป สัตว์น้ำ 11 กลุ่ม จำนวนเกษตรกรที่ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จำนวน 3,616 ราย เน้ือที่เล้ียงรวม 29,954.78 ไร่ จำนวน 3,619 ฟาร์ม กำลังการผลติ 12,484,801 กโิ ลกรัม มลู ค่า 1,176.90 ลา้ นบาท แยกเป็น กุ้งทะเล จำนวน 578 ราย คิดเป็นมูลค่าการผลิต 255.56 ล้านบาท ปลาน้ำจืด 2,818 ราย คิดเป็นมูลค่าการ ผลิต 198.58 ล้านบาท ปลาสวยงาม 2 ราย คิดเป็นมูลค่าการผลิต 5.00 ล้านบาท การอนุบาลลูกปลาดกุ /ปลา นิล/ปลากด จำนวน 218 ราย คิดเป็นมูลค่าการผลิต 717.76 ล้านบาท จะเห็นว่าจังหวัดนครนายก มีเน้ือท่ี เพาะเลี้ยงของสัตว์น้ำ รวมทั้งสิ้นจำนวน 29,954.78 ไร่ โดยสัตว์น้ำที่มีเน้ือที่เพาะเลี้ยงมากท่ีสุดคือ ปลาน้ำจืด จำนวน 24,823.07 ไร่ กุ้งทะเล จำนวน 6,429 ไร่ อนุบาลลูกปลาดกุ /ปลานิล/ปลากด จำนวน 20.06 ไร่ สัตว์ น้ำทีม่ ีเน้อื ที่เพาะเลย้ี งนอ้ ยท่สี ุดคอื ปลาสวยงาม จำนวน 0.50 ไร่ 1) สถานการณก์ ารผลิต จังหวัดนครนายกเป็นแหล่งเพาะเล้ียงสัตว์น้ำที่สำคัญ โดยเฉพาะ กุ้งทะเล ได้แก่ กุ้งขาว แวนนาไม ปลาน้ำจืด ปลาสวยงาม และอนุบาลลูกปลาดุก ปลานิล ปลากด ขอ้ มูลจากสำนักงานประมงจังหวัด นครนายก พบว่า ในปี 2560 มีปริมาณผลลิตกุ้งขาวแวนนาไมปริมาณ 4,472 ตัน โดยผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไม เพิ่มขึ้นจากปีทีผ่ ่านมาร้อยละ 15.41 ขอ้ มลู ของสำนักงานประมงจงั หวดั มเี กษตรกรมาข้ึนทะเบียนผู้เล้ยี งสตั ว์น้ำ (กุ้งทะเล) จำนวน 578 ราย จำนวน 577 ฟารม์ โดยมเี กษตรกรผลู้ ้ยี งอยู่ในอำเภอเมอื งนครนายก 182 ราย รองลงมา คือ อำเภอองครกั ษ์ 385 ราย อำเภอปากพลี 11 ราย สำหรับอำเภอบ้านนา ไมม่ ีเกษตรกรผู้เพาะเลย้ี งกุ้งทะเล แตอ่ ยา่ งใด ตารางที่ 3.12 จำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผ้เู ลี้ยงก้งุ ทะเลของจงั หวดั นครนายก ปี 2560 อำเภอ 2560 จำนวนเกษตร จำนวนฟาร์ม เมอื งนครนายก 182 181 385 องครกั ษ์ 385 11 577 ปากพลี 11 รวม 578 ทีม่ า : สำนกั งานประมงจังหวัดนครนายก กรมประมง , ข้อมูล ณ เดอื นกันยายน 2560 สำหรับแนวโน้มผลผลติ กุ้งขาวแวนนาไมในปี 2561 คาดวา่ จะลดลงจากจากปี 2560 โดยเปรียบเทียบ จากเดือนมกราคม ถงึ เดือนพฤษภาคม ของปี 2561 เทียบกบั ปี 2560 มีปรมิ าณผลผลติ ลดลง 85,430 กิโลกรัม คิดเป็นร้อยละ 11.96 เน่ืองจากเกิดโรคเชื้อรา โรคขี้ขาว และการเลี้ยงกุ้งมีการลงทุนสูง ผลผลิตไม่คุ้ม ค่าตอบแทน ถึงแม้ว่าราคากุ้งจะอยู่ในเกณฑ์ดี จูงใจให้เกษตรกรเล้ียงกุ้งมากข้ึน ปัจจุบันลักษณะการเลี้ยงกุ้ง
57 ของเกษตรกรจงั หวัดนครนายกส่วนมากจะเป็นเกษตรกรรายยอ่ ย รปู แบบการเลีย้ งสว่ นมากจะเป็นการเล้ียงกุ้ง ร่วมกับสัตว์น้ำชนิดอ่ืน หรือเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมร่วมกับกุ้งก้ามกราม เล้ียงกุ้งร่วมกับปลานิล สาเหตุท่ี เกษตรกรปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล้ยี งเพราะอตั ราการรอดของกงุ้ ขาวแวนนาไมเพม่ิ ขึน้ ความเสี่ยงจากการเกิด โรคลดลง และมีรายได้เพ่ิมขึ้นจากการขายสัตว์น้ำชนิดอื่นด้วย ส่วนใหญ่เกษตรกรผู้เล้ียงอยู่ในตำบลศรีจุฬา อำเภอเมอื งนครนายก และตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครกั ษ์ ตารางท่ี 3.13 จำนวนผลติ และพน้ื ท่เี ลย้ี งกงุ้ ขาวแวนนาไม ของจงั หวัดนครนายก ปี 2556 - 2560 ปี ผลผลติ (กก.) พ้นื ทเ่ี ล้ยี ง (ไร)่ 2556 3,708,572 5,838 2557 3,750,572 5,980 2558 3,770,072 6,027 2559 3,875,072 6,185 2560 4,472,072 6,429 ทมี่ า : สำนกั งานประมงจงั หวดั นครนายก ร้อยละผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมออกสู่ตลาดรายเดือนของจังหวัดนครนายกปี 2560 พบว่า การเก็บ เกี่ยวผลผลิตมีตลอดทั้งปี เนื่องจากเกษตรกรสามารถทำการเพาะเลี้ยงกุ้งได้ตลอดท้ังปี โดยแต่ละฟาร์มจะทำ การเพาะเลี้ยงกุ้งประมาณ 3 รอบต่อปี จึงทำให้ผลผลิตกุ้งท่ีออกสู่ตลาดไม่มีการกระจุกตัว มีปริมาณผลผลิต กระจายอยู่ทุกเดือน ท้ังน้ีจะมีช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากคือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม สิงหาคม และ กนั ยายน ตารางที่ 3.14 ประมาณการรอ้ ยละผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมออกส่ตู ลาดรายเดอื น ของจงั หวัดนครนายก ปี 2560 เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ร้อยละ 8.02 10.52 10.29 8.18 8.10 7.72 5.78 10.15 10.10 7.69 8.13 5.32 ทมี่ า : สำนกั งานประมงจังหวัดนครนายก 2) วถิ กี ารตลาด โครงสร้างตลาดของสนิ ค้ากุ้งในจงั หวัดนครนายกมีผเู้ ก่ียวข้อง จากต้นน้ำ กลางนำ้ และปลายนำ้ ดงั นี้ 1.1) ต้นน้ำ หรือด้านการผลิตมีผู้เก่ียวข้อง ได้แก่ โรงเพาะฟักลูกพันธุ์กุ้งในจังหวัด ซ่ึงจะทำหน้าที่ เพาะฟักลูกพันธ์ุกุ้ง จำหน่ายให้กบั เกษตรกรผู้เลี้ยง ส่วนผู้ค้าปัจจัยการผลิตจะทำหน้าท่จี ำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ สำเร็จรูปและอุปกรณ์การเลยี้ ง มที ั้งจากบรษิ ัทโดยจะมีเจา้ หน้าท่ีเขา้ ไปจำหนา่ ยและให้คำแนะนำกบั เกษตรกร ผู้เลี้ยงกุ้งโดยตรง และร้านค้าปลกี ทีต่ ้ังอยใู่ นแหล่งเล้ียงกุ้งซ่ึงเกษตรกรจะไปเลือกซ้ือปจั จยั การผลติ เอง สำหรับ
58 เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ในปี 2560 พบวา่ มีเกษตรกรมาข้ึนทะเบยี นกับสำนักงานประมงจังหวัดนครนายก จำนวน 578 ราย โดยเกษตรกรผเู้ ล้ยี งกงุ้ จะทำหนา้ ที่ในการเล้ียงและตดิ ตอ่ แพก้งุ ใหเ้ ขา้ มารับซ้ือผลผลิตทฟ่ี าร์ม 1.2) กลางนำ้ หรือดา้ นการตลาด คอื ผู้ทำหนา้ ที่ในการรับซื้อผลผลิตกงุ้ จากเกษตรกร นำไปแปรรูป และกระจายผลผลิตใหก้ บั ผู้บรโิ ภค มีดังน้ี 1.2.1) แพรบั ซื้อกุ้ง มีจำนวน 20 แพ ท้ังน้จี ังหวัดนครนายกไม่มีแพกุ้งจึงทำให้เกษตรกรต้อง ขายกุ้งที่แพจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา แพกุ้งทำหน้าที่รับซ้ือกุ้งจาก เกษตรกร โดยเกษตรกรจะแจ้งใหค้ นสมุ่ ขนาดกุ้งเข้าไปสมุ่ ขนาดกุง้ เพื่อประเมนิ ราคากบั แพกงุ้ โดยแพก้งุ ทเี่ สนอ ราคาสูงสุดจะได้รับการเลือกจากเกษตรกรให้เข้าไปทำการจับกุ้งทฟ่ี าร์ม โดยแพกุ้งมีหน้าท่ีในการจัดหาแรงงานและ อุปกรณ์ในการจับกุ้ง โดยแพจะต้องทำหน้าท่ีในการคัดว่าเกษตรกรรายไหนเลี้ยงกุ้งแบบไหน เช่น กุ้งท่ีเลี้ยงใน บ่อท่ีปูพื้นบ่อด้วย PE ผลผลิตกุ้งที่ได้กุ้งจะมีสีเข้มจนถึงเกือบดำ เมื่อนำไปต้มสุกจะมีสีส้มหรือแดง สีจะสวย เปน็ ที่ตอ้ งการของตลาด ขณะทก่ี งุ้ ท่ีเลีย้ งในบ่อท่ีไมป่ ูพื้นบ่อด้วย PE กุ้งจะมีสีเหลอื งใส และขนาดกุ้งก็จะมคี วาม ต้องการแตกต่างออกไปตามผลิตภัณฑ์ จากนั้นแพจะทำการคัดเกรดและขนาดกุ้ง เพ่ือจัดส่งกุ้งให้ลูกค้าตาม คำสัง่ ซ้ือ โดยจะคัดคุณภาพ ขนาดกุ้ง สีของกุ้ง ตามคำส่ังซ้ือของตลาดกลาง หรือเรียกวา่ ตลาดมหาชัย โดยแพ กุ้งทำหน้าท่ีในการจัดส่งโดยรถห้องเย็นจนถึงตลาดมหาชัย ส่วนผลผลิตกุ้งอีกส่วนจะขายให้กับพ่อค้าขายส่ง ขายปลีกทีม่ าซือ้ ทแี่ พกงุ้ โดยจะจำหน่ายกุ้งให้กบั ผู้บริโภคทั้งจากในจงั หวัดและนอกจงั หวัดที่มาซอื้ กงุ้ โดยตรง 1.2.2) พ่อค้าปลีกและพ่อค้าส่ง ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าที่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุดรธานี ขอนแก่น กรุงเทพฯ และจังหวัดในเขตปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดชลบุรี และจังหวัดอ่ืน ๆ ซ่ึงพ่อค้าปลีกและพ่อค้าส่ง ท้ังในจังหวัดและนอกจังหวัดจะทำหน้าท่ีกร ะจายสินค้ากุ้ง ไปยังผูบ้ ริโภคภายในประเทศ 1.2.3) ร้านอาหาร จะเป็นการมารับซื้อจากแพกุ้งโดยตรงกระจายไปตามร้านอาหารภายใน จังหวดั 1.2.4) ตลาดกลาง (ตลาดมหาชัย) เป็นตลาดใหญท่ ่ีสุดในประเทศที่รับซอื้ อาหารทะเล โดยกุ้ง จากจังหวัดนครนายกจะถูกรบั ซือ้ จากแพจังหวัดปราจนี บุรี และจังหวดั ฉะเชงิ เทรา และใสห่ ้องเย็นไปสง่ ท่ีตลาด กลาง (ตลาดมหาชัย) โดยกุ้งจะถูกกระจายต่อไปให้กับผู้บริโภคภายในประเทศ ผู้บริโภคต่างประเทศ และ โรงงานแปรรูป 1.3) ปลายนำ้ ได้แก่ ผู้บรโิ ภค ซ่ึงมที ้งั ผู้บริโภคภายในจังหวัด และต่างจงั หวดั ท้ังน้กี ุง้ ที่ผลติ ได้ ของจังหวัดนครนายกจะถูกส่งออกตา่ งจังหวัดทง้ั หมด เนือ่ งจากจังหวัดนครนายกไม่มีแพกุ้ง ดังน้ันการบรโิ ภค กุ้งในจังหวัดนครนายก จะเป็นการซื้อผ่านพ่อค้าส่ง พ่อค้าปลีก นำเข้าจากจังหวัดใกล้เคียงที่มีแพกุ้ง ได้แก่ จงั หวดั ปราจนี บุรี และจงั หวัดฉะเชงิ เทรา (ภาพที่ 3.3)
59 โรงเพาะฟัก เกษตรกร คนสุ่ม พอ่ ค้าสง่ /ขาย สง่ ออกใน ลกู พนั ธกุ์ งุ้ ผเู้ ล้ยี งกงุ้ /นายหน้า ปลีก supplier จงั หวัด ผู้ค้าปัจจยั การ ร้านอาหาร ส่งออกนอก ผลิตอาหาร จังหวัด สำเรจ็ รูป ตลาดกลาง แพก้งุ ตลาดมหาชยั ภาพที่ 3.3 โครงสรา้ งตลาดกุ้งขาวแวนนาไมของจงั หวัดนครนายก ท่มี า : จากกการสำรวจ สว่ นวถิ กี ารตลาดก้งุ ขาวแวนนาไมของจังหวัดนครนายก ดังนี้ 2.1) เกษตรกรผู้เล้ียงกุ้งขาวแวนนาไมของจังหวดั นครนายก มีการจำหน่ายผลผลิตไปยังแพรวบรวม นอกจังหวัดนครนายก โดยผ่านคนสุ่มกุ้ง และขายไปยังแพจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา รอ้ ยละ 100 2.2) แพผู้รวบรวมจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ท่ีซื้อกุ้งมาจากฟาร์มเกษตรกรจังหวัด นครนายก โดยระยะทางจากฟาร์มกุ้งที่เกษตรกรจังหวัดนครนายกเลี้ยงกุ้ง ส่วนใหญ่จะขายให้กับแพกุ้งท่ี อำเภอบ้านสร้าง จงั หวัดปราจีนบุรี ซ่ึงจะอยู่ใกลก้ ว่าแพกุ้งท่ี อำเภอบางน้ำเปร้ียว จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ทั้งนี้ แพกุ้งตา่ ง ๆ จะมเี ครือขา่ ยเกษตรกรท่ีซ้อื ขายกนั ประจำอยแู่ ลว้ โดยทีเ่ กษตรกรจะติดตอ่ คนสุ่มกุ้งใหม้ าสุ่มขนาด ไซด์กุ้ง แล้วเสนอราคากุ้งว่าแพไหนให้ราคาดี เกษตรกรก็จะเลือกแพน้ัน แล้วตกลงราคากุ้ง ตามขนาดไซด์กุ้ง หรือราคาเหมาบ่อ ทั้งน้ีการผ่านคนสุ่ม แพก็จะจ่ายค่าตอบแทนให้คนสุ่มกุ้งในราคากิโลกรัมละ 1 บาท แต่ถ้า ไม่ผ่านคนสุม่ โดยเจา้ ของแพกจ็ ะติดตอ่ กับเกษตรกรโดยตรง แล้วไปจับกงุ้ ทีบ่ อ่ ซึง่ คา่ ขนสง่ น้ำแข็ง ค่าห้องเย็น คนงาน ทางแพจะเปน็ ฝา่ ยรบั ผดิ ชอบค่าใชจ้ ่าย ส่วนเกษตรกรจะรับผดิ ชอบคา่ อวนลากกุ้ง ค่าจบั กงุ้ ขน้ึ จากบ่อ 2.3) พ่อค้าขายส่งและพ่อค้าขายปลีก จะรับกุ้งมาจากแพกุ้งร้อยละ 18 จากนั้นจะกระจายผลผลิตกุ้งออก ไปสู่ผู้บริโภคนอกจังหวัด ร้อยละ 10 ส่วนใหญ่เป็นพอ่ ค้าที่มาจากภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เช่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุดรธานี ขอนแก่น กรุงเทพฯ และจังหวัดในเขตปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดชลบุรี และจังหวัดอ่ืน ๆ ขายให้กบั ผูบ้ ริโภคในจังหวัดนครนายก ร้อยละ 8 โดยจะมีพ่อค้าขายสง่ และพ่อค้าขายปลกี จากจังหวัดนครนายก มารับซือ้ ทีแ่ พกุง้ จังหวัดปราจนี บุรี และจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา และร้านอาหาร ในจงั หวัดปราจนี บุรี ร้อยละ 2 2.4) ตลาดกลาง (ตลาดมหาชัย) รับกุ้งมาจากแพกุ้งจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ร้อยละ 80 จากน้ันจะขายให้กับผู้บริโภคภายในประเทศ ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ และขายให้กับห้องเย็นและ โรงงานแปรรปู สำหรับนำไปแปรรปู
60 ตน้ นำ้ กลำงนำ้ ปลำยนำ้ เกษตรกร คนสมุ่ / แพกุ้ง 2 % ร้านอาหาร 2% บริโภคภายใน ผูเ้ ลี้ยงกุ้ง นายหนา้ (ปราจีนบุรี 8 % จังหวัด (8%) (100%) (ปราจนี บรุ )ี นครนายก) (100%) (ฉะเชิงเทรา) 8 % พ่อค้าสง่ /ขายปลกี (100%) จ.นครนายก 8% 10% พอ่ ค้าสง่ /ขายปลกี ตา่ งจังหวัด 10% 80 % ตลาดทะเลไทย (80%) ภาพที่ 3.4 วถิ ีการตลาดกุ้งขาวแวนนาไมของจงั หวดั นครนายก ที่มา : จากกการสำรวจ สำหรับราคากุ้งขาวแวนนาไมที่เกษตรกรขายได้ที่ไร่นาเฉล่ียรายเดือน ปี 2560 จังหวัดนครนายก พบว่า ราคาเฉลี่ยขนาดกุ้ง 50 ตัวต่อกิโลกรัม ราคา 180 - 200 บาท ราคาเฉลี่ยขนาดกุ้ง 100 ตัวต่อกิโลกรัม ราคา 130 - 140 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกหน้าแผงจังหวัดนครนายก ราคากุ้งขาวแวนนาไม ขายปลกี เฉลี่ยรายเดอื น 210.83 บาทต่อกิโลกรมั ตารางท่ี 3.15 ราคาขายปลีกกงุ้ ขาวแวนนาไมเฉล่ียรายเดือน ปี 2560 จงั หวดั นครนายก หน่วย: บาทต่อ กก. รายการ ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. เฉลย่ี กุ้งขาว แวนนาไม 200.00 200.00 200.00 208.75 210.00 210.00 210.00 210.00 220.00 220.00 220.00 221.25 210.83 หมายเหตุ : ราคาขายปลีก เฉลี่ยรายเดือน จังหวัดนครนายก ทม่ี า: พาณิชยจ์ งั หวัดนครนายก 3) การบรหิ ารจัดการสินคา้ กุ้งขาวแวนนาไมของจงั หวดั นครนายก ผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมของจังหวัดนครนายก ปี 2560 มีปริมาณ 4,472 ตัน โดยไม่มีนำเข้ากุ้งขาว แวนนาไมมาจากจังหวดั อื่น สำหรบั การบริหารจัดการผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมของจังหวัดนครนายกจะถูกขาย ออกไปต่างจังหวัดท้ังหมด เน่ืองจากไม่มีแพกุ้งในจังหวัดนครนายก จึงทำให้กุ้งจากนครนายกจะไปขายท่ีแพ จังหวัดปราจีนบุรี และจงั หวดั ฉะเชิงเทรา
61 สำหรับการบรโิ ภคในจังหวัดนครนายก จำนวน 358 ตนั โดยกุ้งขาวแวนนาไมส่งออกนอกจังหวัด และมี พ่อค้าขายปลีก และขายส่ง ไปซื้อกุ้งขาวแวนนาไมจากแพกุ้งจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำ กลบั มาใช้บริโภคภายในจังหวัดนครนายก ส่วนผลผลิตท่ีเหลือเปน็ การสง่ ออกไปต่างจังหวัด จำนวน 4,114 ตัน (ตารางที่ 3.16) จากการวิเคราะห์ผลผลิตส่วนเกินส่วนขาดกุ้งขาวแวนนาไมของจังหวัดนครนายก พบว่าผลผลิต กุ้งขาวแวนนาไมมีความสมดุลกับความต้องการใช้ โดยไม่มีผลผลิตส่วนเกินหรือส่วนขาด มีการใช้บริโภคภายใน จังหวัด 358 ตัน ส่งออกนอกจังหวัดเพื่อบริโภค ภายในประเทศ 4,114 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 92 รวมความตอ้ งการใช้ Demand จำนวน 4,472 ตัน เนือ่ งจากจังหวัดนครนายกเปน็ แหล่งผลติ กุ้งท่ีอย่ไู ม่ไกลจาก แพกุ้งจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา การกระจายสินค้าไปยังตลาดกลาง (ตลาดมหาชัย) กรุงเทพฯ และปรมิ ณฑล ทำให้กระจายสนิ คา้ ส่ผู ู้บริโภคใชร้ ะยะเวลาไมน่ าน สนิ ค้ามคี วามสดและเปน็ ท่ีตอ้ งการของตลาด
ตารางท่ี 3.16 การบรหิ ารจดั การสนิ คา้ กุ้งขาวแวนนาไมฤดกู ารผลติ ปี 2560 จงั หวัดนครนายก รายการ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รวม(ตัน) (รอ้ ยละ) 1. ผลผลิต (Supply) 359 471 460 366 362 345 258 454 452 344 363 238 344 363 238 4,472 1.1 ผลผลติ ในจังหวัด (ตัน) 359 471 460 366 362 345 258 454 452 7.69 8.13 5.32 4,472 - - - (รอ้ ยละ) 8.02 10.52 10.29 8.18 8.10 7.72 5.78 10.15 10.10 100 344 363 238 - 1.2 นำเข้าของจงั หวดั (ตนั ) - --- --- - - 27.52 29.04 19.04 27.52 29.04 19.04 4,472 2. ความตอ้ งการใช้ (Demand) 359 471 460 366 362 345 258 454 452 - - - 358 316.48 333.96 218.96 358 2.1 การใชใ้ นจงั หวัด 28.72 37.68 36.8 29.28 28.96 27.6 20.64 36.32 36.16 316.48 333.96 218.96 - 1) บรโิ ภคในจงั หวดั (ตัน) 28.72 37.68 36.8 29.28 28.96 27.6 20.64 36.32 36.16 - - - 4,114 62 - - - 4,114 2) แปรรูปในจงั หวดั (ตัน) - --- --- - - 0 0 0 - 2.2 ส่งออก 330.28 433.32 423.2 336.72 333.04 317.4 237.36 417.68 415.84 - 1) ส่งออกไปจังหวดั อื่น (ตัน) 330.28 433.32 423.2 336.72 333.04 317.4 237.36 417.68 415.84 0 2) สง่ แปรรูปไปจังหวัด (ตนั ) - --- --- - - 3) ส่งออกตา่ งประเทศ (ตนั ) - --- --- - - 3. ผลผลติ ส่วนเกินหรือขาด (ตัน) 0 000 000 0 0 ท่ีมา : จากการสำรวจ หมายเหตุ : 1) กงุ้ ไมม่ ีอตั ราแปลงนบั น้ำหนักการบริโภคทั้งตวั หน่วยเปน็ ตัน 2) ขอ้ 3.สว่ นเกนิ /ส่วนขาด (1.ผลผลิต = ผลผลติ ในจงั หวัด+นำเข้าจากจังหวัดอื่น) - (2.ความตอ้ งการใช้ = ใช้ในจงั หวดั + สง่ ออกไปจงั หวัดอ่นื )
63 4) ปญั หาและอปุ สรรค 1) ด้านการเพาะเล้ียงท่ีพบ คือ ปัญหาด้านโรคตา่ ง ๆ เช่น โรคขีข้ าว โรคเชื้อรา เป็นต้น โซนนำ้ จืด สว่ นใหญ่จะเปน็ โรคหัวเหลือง โรคลำไสอ้ กั เสบ 2) ส่วนใหญ่อุปสรรคทางน้ำจืดจะเป็นแร่ธาตุ เกษตรกรยังไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ให้ความสำคัญในการ เตมิ แร่ธาตุ เพราะการมีแรธ่ าตุทเ่ี พียงพอจะทำใหก้ ุง้ โตดีและเสยี หายนอ้ ย ถ้าไม่มีแร่ธาตกุ ุง้ จะทยอยตาย 3) อากาศร้อนจดั อณุ หภูมสิ งู 4) ต้นทุนสงู ลงทนุ เรื่องปัจจัยการผลิตสูง เกษตรกรรายยอ่ ยไม่สามารถเข้าถึงลูกพันธุ์กุ้งคุณภาพดี จากบริษัทเอกชน เนื่องจากการขายปัจจัยการผลิตของบริษัทจะต้องซื้อลูกพันธ์กุ้งพร้อมอาหารสัตว์น้ำจาก บริษัทควบคู่กัน ทำให้เกษตรกรไม่สามารถเลือกปัจจัยการผลิตเพื่อบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสมภายใน ฟาร์มได้ 5) ไม่มแี พรบั ซ้อื สัตว์น้ำในจงั หวัดนครนายก 5) ขอ้ เสนอแนะ 1) โรคข้ขี าวการเกิดมหี ลายสาเหตุ เบ้ืองต้นเกษตรกรเล้ยี งน้ำน้อย พออากาศร้อนจัด สภาพเหมาะ ใหแ้ บคทเี รีย เจรญิ ได้ดมี าก และของเสียในบ่อ ทเี่ กิดจากการอาหารทยี่ ่อยยากขึน้ เพราะมีปริมาณถ่วั เหลอื งใน สูตรอาหารเยอะขึ้น และช่วงเวลาท่ีจะเจอข้ีขาว คือ 40-60 วัน ในบ่อเล้ียงกุ้งขาวอย่างเดียว แต่ถ้าเกษตรกร เลี้ยงกงุ้ ขาว ผสมก้ามกรามปัญหาพวกนกี้ จ็ ะนอ้ ยลง วิธีแก้ไขปญั หาจะใชว้ ิธกี ารจัดการในฟาร์ม โดย 1. อตั ราความหนาแนน่ ของกงุ้ ให้เหมาะสม 2. เล้ยี งปรมิ าณน้ำทเ่ี หมาะสม 3. เน้นนำ้ โปร่ง ใชจ้ ลุ นิ ทรียป์ ริมาณมาก 4. ลดตะกอนในบ่อ กรณเี ปน็ บอ่ ดิน 2) กรมประมงและภาคเอกชนที่เก่ียวข้อง ควรมีส่งเสริมสนับสนุนในการปรับปรุงสายพันธุ์กุ้งและ พัฒนาโรงเพาะฟัก (Hatchery) ให้สามารถผลิตลูกพันธ์ุกุ้งคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เล้ียงได้ อยา่ งทัว่ ถงึ และเพียงพอ
64 3.2.4 มะยงชดิ มะยงชิด เป็นผลไม้เมืองร้อนจัดอยู่ในประเภทเดียวกับมะปราง มีผลคล้ายฟองไข่นกพิราบเม่ือดิบ มีสีเขียว เมื่อแก่มีสีเหลือง มีรสชาติหวานและเปร้ียวอยู่ในผลเดียวกัน โดยมีรสชาติหวานมากกว่า รสเปร้ียว ในชว่ งปี พ.ศ.2536 ถือว่าเป็นปีทองของมะยงชิด โดยได้รับรางวัลชนะเลศิ ในการประกวดผลไม้เกษตรแฟร์ ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน นับตัง้ แต่นั้นมา จังหวัดนครนายกได้มีการจัดงาน “มะยงชิดมะปรางหวาน นครนายก” เป็นประจำทุกปี จึงทำให้คนรู้จักมะยงชิดกันอย่างแพร่หลายส่วนต่าง ๆ ของมะยงชิด มีลักษณะ ดงั น้ี สายพนั ธ์ุมะยงชิด มะยงชิด ปลกู กันแพร่หลายในปัจจุบัน มีอยหู่ ลากหลายสายพันธ์ุ ท้ังท่ีเป็นพันธดุ์ ั้งเดิม พนั ธุ์ที่เกิดจาก การกลายพันธ์ุหรือผสมข้ามสายพันธุ์ และยงั รวมถึงพันธุ์ต่างถ่ินท่ีนำเข้ามาจากประเทศเพ่ือนบ้าน สำหรับสาย พันธุ์มะยงชิดที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย และพันธุ์ท่ีน่าสนใจ ปัจจุบันมีอยู่หลายพันธ์ุกระจายอยู่ท้ังในเขตภาค กลาง ภาคเหนือและภาคใต้ในจงั หวัดต่าง ๆ สายพันธ์ดุ ังกล่าวต่อไปนี้ เป็นพันธุ์ท่ีนิยมกันอย่างแพร่หลายของ ผบู้ รโิ ภคให้ความสนใจ ดังน้ี มะยงชิดทูลเกล้า เป็นพันธุ์ดีท่ีมีชื่อเสียงของจังหวัดนครนายกและระดับประเทศ นิยมปลูกกันมาก ท่ีสุด จุดเด่นของพันธ์ุนี้คือ ผลโต ผิวสวย เม่ือสุกผิวสีเหลืองอมส้มเล็กน้อย เน้ือหนาละเอียด เมล็ดเล็ก เปอร์เซ็นต์ลีบสูง รสชาติหวานแหลมและที่สำคญั ใหผ้ ลดก ลกั ษณะต้น มีทรงพุ่มสวย ใบยาวเรียว เจริญเตบิ โต เรว็ มะยงชิดบางขุนนนท์ เป็นพันธท์ุ ี่ปลูกในบางขุนนนท์ จุดเด่นของมะยงชดิ พันธน์ุ ้ี คือ ผลโต ทรงรูปไข่ เม่ือสุกผลสีเหลืองส้มอ่อนๆ เนื้อแน่น หนา เมล็ดเล็ก รสชาติหวาน ติดเปรี้ยวเล็กน้อย ท่ีสำคัญเป็นพันธ์ุให้ผล ดกมาก โดยในปี พ.ศ.2528 ได้มกี ารนำมาปลูกท่ีจังหวัดนครนายกและได้รบั รางวัลชนะเลศิ อันดับที่ 1 ประเภท มะยงชิดยกั ษใ์ นงาน “มะยงชดิ มะปรางหวาน จงั หวดั นครนายก”ปี พ.ศ.2547 มะยงชิดทา่ ด่าน เป็นมะยงชดิ พนั ธ์ุดี โดยจุดเด่นของมะยงชิดพนั ธุ์น้ีคือ มนั ผลขนาดใหญ่ 9 ถึง 10 ผล ต่อกิโลกรัม เม่ือสุกผิวเหลืองอมส้มเล็กน้อย เน้ือแน่น หนา ละเอียดเม็ดเล็ก รสชาติหวานติดเปร้ยี วเล็กน้อย ที่ สำคญั เปน็ มะยงชิดท่ใี หผ้ ลดก มะยงชิดไข่ทอง เป็นมะยงชิดท่ีมีช่ือเสียงโด่งดังมากท่ีสุดพันธุ์หน่ึงในเขตภาคตะวันออกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 จุดเดน่ ของมะยงชิดพันธุ์นค้ี อื ผลทรงไข่ เม่ือสกุ ผวิ สีเหลืองอมส้ม เปลือกหนาพอประมาณ เน้ือหนา แข็ง เมลด็ เล็ก รสชาติหวานอมเปร้ยี วเล็กน้อย มะยงชิดสารกิ า เปน็ พันธ์ุดั้งเดมิ อีกพันธ์ุหน่ึงของจังหวัดนครนายก จุดเด่นของมะยงชิดพันธ์ุน้ีคือ ผล ใหญ่ สีสวยสะดุดตา เปลือกหนาเน้ือแน่น เมล็ดเล็ก รสชาติหวานอมเปรี้ยวหากเก็บในอุณหภูมิท่ีเหมาะสม สามารถเกบ็ รกั ษาได้นานกวา่ 1 เดอื น ปัจจบุ ันมะยงชิดสาลิกา ได้จดสิทธิบตั รรับรองคุณภาพโดยกรมทรัพยส์ ิน ทางปัญญาแล้ว
65 มะยงชิดพันธ์ุทูลถวาย เป็นพันธ์ุที่รู้จักกนั มานานมีช่ือเสียงพรอ้ มกับพันธุ์ทูลเกล้า ปลกู กันแพรห่ ลาย ในจังหวัดนครนายก จุดเด่นของพันธน์ุ ้ี คอื ผลโต 8 ถึง 10 ผลตอ่ กิโลกรัม ทรงผลกลมป้อม เน้ือแน่น เมล็ดเล็ก รสชาติหวานอมเปรีย้ ว และมีผลดก 1) สถานการณก์ ารผลิต เน้ือทปี่ ลูก เน้อื ที่ใหผ้ ล ผลผลิต ผลผลติ ต่อไร่ ของมะยงชิดในปีการผลิต 2560 จังหวัดนครนายก มี พืน้ ที่ปลกู จำนวน 10,171 ไร่ เพิ่มขึน้ จากปีทีผ่ า่ นมาร้อยละ 3.16 และมพี ื้นท่ีให้ผลจำนวน 9,542 ไร่ ใหผ้ ลผลิต จำนวน 425 ตัน เพ่ิมข้ึนจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 68.65 ซึ่งมีผลผลิตต่อไร่ 45 กิโลกรัม ลดลงจากปีท่ีผ่านมา ร้อยละ 91 โดยพ้ืนท่ีปลูกมะยงชิดส่วนใหญ่อยู่ที่อำเภอเมืองนครนายก อำเภอบ้านนา อำเภอปากพลี และ อำเภอองครักษ์ ตามลำดับ (ตารางที่ 3.17) สำหรับทิศทางการปลูกมะยงชิดของจังหวัดนครนายกอาจมีพ้ืนที่ ปลูกใหมเ่ ริม่ ชะลอตัวลง เพราะสภาพภมู อิ ากาศแปรปรวน การรวมกล่มุ สมาชกิ ผ้ปู ลูกมะยงชดิ เพ่ือถา่ ยทอดองค์ ความร้แู ละแลกเปลย่ี นประสบการณ์การผลติ และนำไปสู่การรวบรวมผลผลิตเพ่ือจำหน่ายในเกรดคุณภาพ จึง ทำใหม้ ะยงชิดเป็นสนิ คา้ เกษตรอีกชนิดหนงึ่ ทส่ี ร้างผลตอบแทนดีกว่าพชื ไร่ และข้าว ตารางที่ 3.17 พน้ื ทปี่ ลูก พ้นื ทใ่ี หผ้ ล ผลผลติ และผลผลิตตอ่ ไร่ มะยงชิดในช่วงปเี พาะปลกู 2560 จังหวดั นครนายก จงั หวดั /อำเภอ เน้อื ที่ยนื ต้น เนื้อทใ่ี ห้ผล ผลผลิต ผลผลติ ตอ่ ไร่ (ไร่) (ไร่) (ตนั ) (กก.) นครนายก เมืองนครนายก 10,171 9,542 425 45 5,650 5,476 246 45 บ้านนา 3,732 3,279 143 44 ปากพลี 732 731 33 45 องครักษ์ 57 56 3 45 ท่ีมา : สำนกั งานเกษตรจงั หวัดนครนายก ร้อยละผลผลิตมะยงชิดออกสู่ตลาดรายเดือนของจังหวัดนครนายกปี 2560 พบว่า การเก็บเก่ียว ผลผลติ มีชว่ งฤดูกาล ต้ังแต่เดือนกุมภาพนั ธ์ ถึงเดือนเมษายน ผลผลิตออกช่วงสั้นลงกว่าปี 2559 โดยที่ ผลผลิต ของปี 2559 ผลผลิตต้ังแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากคือในช่วง เดอื นมนี าคม (ตารางท่ี 3.18) ตารางท่ี 3.18 ประมาณการรอ้ ยละผลผลติ มะยงชิดออกสูต่ ลาดรายเดือนของจังหวัดนครนายก ปี 2560 ปี ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. 2559 30% 50% 15% 5% 2560 20% 60% 20% หมายเหตุ : ปี 2560 ไม่มีผลผลติ ถงึ เดอื น พ.ค. ที่มา : สำนกั งานเกษตรจงั หวัดนครนายก
66 2) วถิ กี ารตลาด โครงสร้างตลาด 1) เกษตรกร เกษตรกรท่ีปลูกมะยงชิดส่วนใหญ่ปลูกในที่ดินตนเอง ไม่ค่อยมีการเช่าที่ดิน เพราะการปลูก มะยงชิดใช้ระยะเวลาหลายปีกว่าจะใหผ้ ลผลติ 2) ผู้รวบรวม ผรู้ วบรวม ซ่ึงจะทำหน้าทร่ี วบรวมมะยงชิดจากสวนเกษตรกรโดยตรง สว่ นใหญจ่ ะเจรจาราคา กบั เจ้าของสวน ซึง่ ผู้รวบรวมจะรับซือ้ และมกี ารจ้างแรงงาน และรถขนมะยงชิดเป็นของตนเอง 3) แปรรูป โดยเกษตรกรจะนำผลผลิตท่ีตกไซด์ มาแปรรูปสินค้ามะยงชิด เป็นมะยงชิดลอย แก้ว น้ำมะยงชิดปั่น ไอศกรมี มะยงชดิ มะยงชิดกวน แยมมะยงชดิ เบียร์มะยงชดิ เปน็ ต้น 4) ขายปลีก เกษตรกรขายมะยงชิดจากสวน โดยเป็นการขายปลีกจากสวนเกษตรกรโดยตรง ซ่ึงจะมพี ่อค้า ท่อี ยู่ในตลาดตามแผงต่าง ๆ มารับซอ้ื โดยตรง โดยมะยงชิดจะขายปลีกให้กบั ผู้บริโภคตอ่ ไป ส่วนใหญ่เกษตรกร จะขายให้กับลูกค้าประจำท่ีมาซื้อทุกปี และหน่วยงานราชการ หรือขายปลีกข้างทางหน้าสวน หรือหน้าบ้าน เกษตรกร ส่วนบางสวนทำเปน็ สถานทท่ี ่องเที่ยวในสวนมะยงชิด 5) แผงขายในจงั หวดั นครนายก แผงขายในจังหวัดนครนายก เป็นแผงขายปลีกในจังหวัด ซ่ึงจะขายมะยงชิดในจังหวัด นครนายก ขายตามตลาด และสามแยกต่าง ๆ เช่น แยกบ้านนา แยกสามสาว แยกสาริกา แยกเทคนิค แยก บ้านใหญ่ วัดนางหงส์ วัดปากแดง เปน็ ต้น 6) ตลาดไท ตลาดไท เป็นสถานท่ีรับซือ้ ที่แน่นอนและเปน็ สถานที่กระจายสินคา้ ผลไม้ใหญ่ทีส่ ุดในประเทศ ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมมะยงชิดจากพ่อค้ารวบรวมต่างจังหวัดทั่วประเทศ และกระจายผลผลิตไปท่ัวประเทศ เช่นกัน เพ่ือสง่ ถึงผูบ้ ริโภคในประเทศ 7) นำเขา้ มะยงชิดจากต่างจงั หวัด มีการนำเข้ามะยงชิดจากต่างจังหวดั เข้ามาขายในแผงจังหวัดนครนายก รวมถึงการนำมะยง ชิดจากต่างจังหวัดไปขายในตลาดไท โดยการนำมะยงชิดจากตา่ งจังหวัดเข้ามาขายน้ันนำมาจากจังหวัดระยอง จันทบรุ ี พจิ ิตร พษิ ณโุ ลก พิจิตร สโุ ขทยั เลย นครสวรรค์ เพชรบรู ณ์ อตุ รดติ ถ์ และจังหวัดปราจีนบุรี
67 2) วิถกี ารตลาดมะยงชดิ ปี 2560 จังหวัดนครนายกมีปริมาณผลผลิตมะยงชิด 425 ตัน วัตถุประสงค์หลักในการปลูกมะยง ชิดของเกษตรกรในจังหวัดนครนายกคือ เพื่อขายร้อยละ 100 ซึ่งแบ่งเป็นขายผ่านพ่อค้ารวบรวมท่ีเป็นขา ประจำร้อยละ 80 แปรรูปร้อยละ 1 ขายปลีกร้อยละ 19 จากนัน้ ชอ่ งทางการสง่ ต่อของผู้รวบรวมส่งให้ตลาดใน จังหวัดนครนายกรอ้ ยละ 64 และสง่ ใหต้ ลาดไท รอ้ ยละ 16 และมีการนำเขา้ มะยงชิดจากตา่ งจงั หวดั เพื่อมาขาย ในจังหวัดนครนายก และสง่ ไปขายทต่ี ลาดไท รอ้ ยละ 233 โดยผลผลิตมะยงชิดท้ังหมดจะกระจายไปสู่ผบู้ รโิ ภค ในประเทศ ยังไม่มีการส่งออกไปต่างประเทศโดยช่องทางมะยงชิดถึงผู้บริโภคน้ัน มาจากแผงขายในจังหวัด นครนายก ร้อยละ 64 ตลาดไท รอ้ ยละ 16 แปรรปู รอ้ ยละ 1 และขายปลีกจากสวนเกษตรกร ร้อยละ 19 วถี ตี ลาดมะยงชิด จังหวดั นครนายก ต้นน้ำ ปลายกนล้ำางนำ้ ปลายนำ้ กลางน้ำ ผบู้ รโิ ภคในประเทศ นำเขำ้ จำก 233% 64% 100% ต่ำงจงั หวดั 16% ตน้ น้ำ แผงขาย 233% 64% จ.นครนายก 233% 64% 70 นำเขำ้ จำกต่ำงจตงัลหาวดดัไท 80% ผรู้ วบรวม 16% 233% 16% 80% เกษตรกร 1% แปรรปู 1% 19% 100% 1% 2 19% ขายปลกี 19% ภาพท่ี 3.5 วถิ กี ารตลาดสินคา้ มะยงชิดจังหวดั นครนายก ทม่ี า : จากการสำรวจ
68 สำหรับราคามะยงชิดท่ีเกษตรกรขายไดท้ ่ีไร่นาเฉลย่ี รายเดือน ปี 2560 จังหวดั นครนายก พบว่า ราคา เฉล่ียตันละ 237 บาทต่อกิโลกรัม โดยรุ่นต้นฤดู ราคาจะสูงถึง 300 บาทต่อกิโลกรัม เดือนกุมภาพันธ์ ราคา เฉล่ีย 250 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนรุ่นในเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่ผลผลิตออกมากท่ีสุด ราคาเฉล่ีย 200 บาทต่อ กิโลกรัม เดือนเมษายน ราคาเฉลี่ย 250 บาทต่อกิโลกรัม เดือนพฤษภาคม เป็นเดือนรุ่นสุดท้ายของผลผลิต มะยงชิด ราคาเฉลี่ย 250 บาทต่อกิโลกรัม เน่ืองด้วยมะยงชิดจังหวัดนครนายกผลผลิตปี 2560 มีตั้งแต่เดือน กุมภาพันธถ์ ึงเดือนเมษายน ส่วนเดือนพฤษภาคมผลผลิตมะยงชิดในจังหวัดนครนายกไม่มี จึงทำให้ต้องนำเข้า มะยงชดิ จากตา่ งจงั หวัดเข้ามาขาย จะเห็นได้วา่ ราคามะยงชิดจงั หวัดนครนายกราคาค่อนข้างสงู เพราะเน่อื งจาก เปน็ ผลไมข้ ึ้นช่ือของจังหวดั และรสชาติดี แตกต่างกบั มะยงชิดจังหวัดอ่นื ทำให้รักษาระดบั ราคาในตลาดอย่ใู น เกณฑด์ มี าตลอด สว่ นการรับซอ้ื มะยงชิดโดยตรงซ่งึ แต่ละผู้รวบรวม พอ่ ค้า จะมีการกำหนดขนาดผลผลติ แต่ละเบอร์ 0 1 2 และ 3 หรือเบอร์ S M และ L เช่น ต้ังแต่จำนวน 13 ลูกต่อกิโลกรัม ขนาดใหญ่ ราคาเฉล่ีย 250-300 บาท จำนวน 14 ลูกต่อกิโลกรัม ขนาดมาตรฐาน ราคาเฉลี่ย 200-250 บาท จำนวน 17 ลูกต่อกิโลกรัม ขนาดกลาง ราคาเฉล่ีย 150-200 บาท ตามลำดับ รวมท้ังมีการกำหนดสีผิวต้องสวย ไม่มีรอยแผล ไม่ช้ำ เป็นต้น ซึ่ง เกษตรกรจึงต้องประณีตในการดูแล ส่วนการเก็บ คัดบรรจุ เป็นคนรับซ้ือดูแลจัดการ ซึ่งทางเกษตรกรจะให้ผู้ รวบรวม หรือพ่อค้ามารับซื้อมาคัดมะยงชิดที่สวนเกษตรกรโดยตรง เพื่อป้องกันการบอบช้ำและอำนวยความ สะดวกท้ังผูซ้ อ้ื ผูข้ าย ส่วนราคาเปน็ การเจรจาตกลงกัน ตารางที่ 3.19 ราคามะยงชิดทเ่ี กษตรกรขายได้ท่ีไรน่ าเฉลี่ยรายเดอื น ปี 2560 จังหวดั นครนายก หนว่ ย: บาทตอ่ กก. เดอื น ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. เฉล่ีย มะยงชดิ 250 200 250 250 237 ที่มา: จากการสำรวจ เกษตรกรปลูกมะยงชิด จงั หวัดนครนายก 3) การบริหารจัดการสินคา้ มะยงชดิ จงั หวัดนครนายก จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ผลผลิตมะยงชิดที่ผลิตภายในจังหวัด มีปริมาณ 425 ตัน มะยงชิด ผลสด สำหรับผลผลิตการออกสู่ตลาด โดยรุ่นต้นฤดูต้ังแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560 มีผลผลิตประมาณ 85 ตัน คิดเป็นร้อยละ 20 ส่วนรุ่นในฤดูเดือนมีนาคม มีผลผลิตประมาณ 255 ตัน คิดเป็นร้อยละ 60 ส่วนรุ่น ปลายฤดูเดือนเมษายน มีผลผลิตประมาณ 85 ตัน คิดเปน็ รอ้ ยละ 20 และมีการนำเขา้ มะยงชดิ จากต่างจงั หวัด ปริมาณ 991 ตัน เมื่อเทียบกับผลผลิตในจงั หวัดนครนายก การนำเข้ามะยงชิดต่างจังหวดั คิดเป็นร้อยละ 233 โดยเดือนกุมภาพันธ์ มีผลผลิตนำเข้าประมาณ 198 ตัน เดือนมีนาคม มีผลผลิตนำเข้าประมาณ 496 ตัน เดือน เมษายน มีผลผลิตนำเข้าประมาณ 287 ตนั รนุ่ ปลายฤดูเดือนเมษายน มีผลผลติ นำเข้าประมาณ 10 ตัน ในขณะที่ ความต้องการใช้ประโยชน์จากมะยงชิดของจังหวัดนครนายกมีปริมาณท้ังหมด 1,416 ตัน แบ่งเป็นการใช้ ประโยชน์ในจังหวัด 1,051 ตัน ซ่ึงเป็นการบรโิ ภคภายในจังหวัด 1,046 ตัน โดยมผี ลผลิตในจังหวัดนครนายก
69 ร้อยละ 83 และผลผลิตนำเข้าจากจังหวัดอื่นร้อยละ 70 ส่วนการแปรรูปมะยงชิดในจังหวัด นครนายก มี ปริมาณ 4.25 ตัน จากน้ันเป็นการส่งออกไปนอกจังหวัด 365 ตัน โดยแบ่งเป็นการส่งออกไปจังหวัดอื่น 365 ตัน ซ่ึงเป็นผลผลิตมะยงชิดในจังหวัดนครนายก ปริมาณรอ้ ยละ 16 ที่เหลือเป็นผลผลิตจากการนำเข้ามะยงชิด ของจังหวดั อืน่ อกี รอ้ ยละ 30 เมื่อพิจารณาบัญชีสมดุลสินค้า พบว่า มะยงชิดจังหวัดนครนายกมีการบริหารจัดการได้ดี แต่เกิด ปัญหาผลผลติ ในจังหวดั ออกในประมาณน้อย เนื่องจากภาพอากาศท่ีแปรปรวน จึงทำใหม้ ะยงชิดไม่ติดลูก เวลา แทงชอ่ ดอกแลว้ ฝนตกหนกั ทำให้ดอกร่วง ไม่ตดิ ลูก หรอื ติดลูกแล้วฝนตกหนักลมแรง จึงทำให้ผลผลิตมะยงชิด ในจังหวัดนครนายกไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จากตารางท่ี 3.20 จะเห็นได้ว่าเดือนกุมภาพันธ์ บัญชีสมดุลสินค้ามะยงชิด ไม่เกิดส่วนเกิดหรือขาดดุล แต่เดือนมีนาคม ขาดดุล ปริมาณ 10 ตัน เน่ืองจาก ผลผลิต Supply ปริมาณ 751 ตัน แต่ความต้องการใช้ Demand ปริมาณ 761 ตัน จึงทำให้ขาดดุล 10 ตัน ส่วนเดือนเมษายนเกินดุล ปริมาณ 14 ตัน เน่ืองจากผลผลิต Supply ปริมาณ 372 ตัน แต่ความต้องการใช้ Demand ปริมาณ 358 ตัน จึงทำให้เกินดุล 14 ตัน และเดือนพฤษภาคม ขาดดุล ปริมาณ 4 ตัน เนื่องจาก ผลผลิต Supply ปริมาณ 10 ตัน แต่ความต้องการใช้ Demand ปริมาณ 14 ตัน จงึ ทำให้ขาดดุล 4 ตัน แต่ใน ภาพรวมทั้งปีปริมาณผลผลิต soppy และความต้องการใช้ demand พบว่าผลผลิตมะยงชิดมีความสมดุลกับ ความตอ้ งการใช้ โดยไมม่ ผี ลผลติ สว่ นเกนิ หรือสว่ นขาด
ตารางที่ 3.20 การบริหารจัดการสนิ คา้ มะยงชดิ ปี 2560 จังหวัดนครนายก บัญชสี มดุลมะยงชิด ปี 2560 จังหวดั นครนายก รายการ ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. รวม (ตนั ) 70 1. ผลผลติ (Supply) (ร้อยละ) 1.1 ผลผลิตในจงั หวดั (ตนั ) - 283 751 372 10 - - 85 255 85 - - 1,416 (รอ้ ยละ) - 20.00 60.00 20.00 - - 425 1.2 นำเข้าของจังหวัด (ตนั ) - 198 496 287 - 100 10 991 2. ความต้องการใช้ (Demand) - 283 761 358 - - 210 578 252 14 - 1,416 2.1 การใช้ในจงั หวัด - 209 576 251 10 - 1,051 1) บริโภคในจังหวดั (ตนั ) - 0.85 2.55 0.85 10 - 1,046 2) แปรรปู ในจงั หวดั (ตัน) - 73 183 106 0.00 - 4.25 - 73 183 106 4 - 2.2 ส่งออก 4 365 1) สง่ ออกไปจังหวดั อน่ื (ตนั ) 0 0 -10 14 0 365 -4 3. ผลผลิตส่วนเกนิ หรอื ขาด (ตนั ) 0 หมายเหตุ : *ผลผลิตสว่ นเกิน/ขาด คำนวณจาก 1 (ผลผลติ ) – 2 (การใชป้ ระโยชน์) ท่มี า : จากการคำนวณ
71 4) ปญั หาและอปุ สรรค เกษตรกร - สภาพอากาศแปรปรวนทำให้เกิดปัญหาในการบังคับให้ออกผลผลิตของมะยงชิดยากข้ึน มะยงชิดจังหวัดนครนายกเกิดปัญหาผลผลิตในจังหวดั ออกนอ้ ยเนื่องจากภาพอากาศทีแ่ ปรปรวน จึงทำใหม้ ะยง ชดิ ไม่ตดิ ลูกชว่ งเวลาแทงชอ่ ดอกแล้วฝนตกหนัก ทำให้ดอกร่วง ไม่ตดิ ลกู หรอื ตดิ ลกู แล้วฝนตกหนักลมแรง - เกษตรกรท่ีลงทุนแล้วไม่สามารถบังคับให้มะยงชิดออกได้ เกิดการขาดทุนทำให้ต้องมีการกู้ เงนิ มาลงทุน - เกษตรกรยงั มคี วามรู้ในการดูแลรักษาไม่ทวั่ ถงึ กนั ควรมกี ารฝกึ อบรมเชงิ ปฏิบัติการเพิ่มเติม อย่างต่อเนื่อง - เกษตรกรบางสว่ นใหญ่ยังไม่รวมกลุม่ กนั ผลิตจงึ ทำให้ไม่มีอำนาจในการตอ่ รอง สมาคมเกษตรกรมะยงชิด - สมาชิกต้องเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมมากย่ิงข้ึนเพื่อพัฒนาความ เขม้ แข็งของสมาคมเกษตรกร และต้องการสมาชกิ ทีต่ ง้ั ใจมุ่งมั่นการผลผลติ ใหม้ ีคณุ ภาพ มากยงิ่ ขน้ึ 5) ข้อเสนอแนะ - จังหวัดนครนายกยังสามารถส่งเสริมการขายมะยงชิดได้เพ่ิมเติมโดยเฉพาะในตลาดสินค้า Premium และการขึ้นทะเบียนสินค้า GI โดยเป็นการขึ้นทะเบียน “สิ่งบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์” THAI GEOGRAPHICAL INDICATION (GI) - ปลูกมะยงชดิ พนั ธุด์ ีทดแทนต้นแก่พันธุเ์ ก่า เพ่ือสรา้ งรายได้เข้าสูจ่ งั หวดั นครนายกไดม้ ากข้ึน - การขายพันธุม์ ะยงชิด ไดผ้ ลตอบแทนทีด่ ี ในชว่ งทีไ่ มใ่ ช่ฤดกู ารเกบ็ เก่ยี วผลผลติ - ช่องทางการตลาดใหม่ โดยการขายเป็นสินค้า Premium มีการคัดเกรด คัดน้ำหนัก สมี ะยงชดิ รวมทัง้ การทำกล่องบรรจภุ ณั ฑ์ - การศกึ ษาวจิ ัย สารเคลือบผวิ เพ่ือช่วยยดื อายมุ ะยงชิด - การใช้อุปกรณ์เครื่องมือเทคโนโลยีเช็คปริมาณความหวาน โดยการวัดค่าความหวานของ ผลผลิต
72 3.3 การวิเคราะหเ์ พอื่ หาพืชทางเลอื กทางเศรษฐกิจ จังหวัดนครนายก มีพ้ืนท่ีเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ รวมพนื้ ท่ี 519,351 ไร่ โดยพืชเศรษฐกิจทสี่ ำคัญและ ปลูกมากที่สดุ ในจังหวัดนครนายก ได้แก่ ข้าว ซง่ึ มีพ้ืนท่ปี ลูก 515,442 ไร่ หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 99.25 ของพื้นท่ี เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจท้ังหมด โดยข้าวมีมูลคา่ ใน ปี 2558 จำนวน 697 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.21 ของ มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในภาคการเกษตร จังหวัดนครนายกจะมีพ้ืนที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปี ปี 2561 จำนวน 368,139 ไร่ หรือลดลงร้อยละ 1.19 จากปีท่ผี ่านมา ผลผลติ 207,860 ตัน หรือลดลงร้อยละ 0.33 ผลผลติ ต่อ ไร่ 565 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ หรอื ลดลงร้อยละ 1.40 การผลติ ในพ้ืนท่ีระดบั ความเหมาะสมจากข้อมูลกรมพัฒนาทดี่ ิน มีพื้นที่ความเหมาะสม (S) ในการปลูกข้าว รวมทั้งหมด 787,039 ไร่ แบ่งเป็นพื้นท่ีความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 444,304 ไร่ และพ้ืนท่ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 342,735 ไร่ เป็นพื้นท่ีปลูกจริงในพื้นที่ ความเหมาะสม (S) จำนวน 482,868 ไร่ แบ่งเป็นพ้ืนที่ปลูกจริงในพ้ืนที่ความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 310,914 ไร่ พื้นท่ีปลูกจริงในพ้ืนท่ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 171,954 ไร่ ส่วนพื้นท่ีปลูกจริงใน พ้ืนท่ีมีความเหมาะสมน้อย (S3) และพ้ืนที่ปลูกไม่เหมาะสม (N) จำนวน 32,574 ไร่ หรอื คิดเป็นร้อยละ 6.32 ของพน้ื ท่ีปลูกจริง แบง่ เปน็ พื้นที่มีความเหมาะสมน้อย (S3) จำนวน 30,545 ไร่ และพ้ืนที่ปลูกไม่เหมาะสม (N) จำนวน 2,029 ไร่ โดยพ้ืนท่ีมีความเหมาะสมน้อย (S3) และพ้ืนที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (N) จำนวน 32,574 ไร่ กระจายไปอยู่อำเภอองครักษ์ 23,495 ไร่ คิดเป็นรอ้ ยละ 72.13 อำเภอบา้ นนา 4,335 ไร่ คดิ เป็นร้อยละ 13.31 อำเภอเมอื ง 3,261 ไร่ คิดเป็น 10.01% อำเภอปากพลี 1,483 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4.55 ข้าวนาปีผลผลิตต่อไร่ของพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นท่ีข้าวนาปรังในพื้นที่ไม่ เหมาะสม (N) ให้ผลผลิต 704.24 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนต่อไร่ของข้าวนาปีในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) 3,671.23 บาท ต้นทุนต่อไร่ของข้าวนาปรังพ้นื ทไ่ี ม่เหมาะสม (N) 4,039.97 บาท ข้าวนาปรังในพน้ื ท่ีไม่เหมาะสมมีต้นทุน ตอ่ ไร่ท่ีสงู กวา่ ตน้ ทนุ ข้าวนาปี 368.74 บาท ผลตอบแทนต่อไร่ พบว่าข้าวนาปรังพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) ให้ผลตอบแทนต่อไร่ 4,591.64 บาท มากกวา่ ขา้ วนาปีในพนื้ ที่ไม่เหมาะสม (N) มีผลตอบแทนต่อไร่ 3,740.59 บาท ข้าวนาปรังให้ผลตอบแทนตอ่ ไร่ มากกว่า 851.05 บาท ทัง้ นี้เน่อื งจากผลผลติ ต่อไรข่ ้าวนาปรงั ท่ีสูงกว่าข้าวนาปไี ร่ละ 142.59 กโิ ลกรัม ดงั นัน้ เกษตรกรปลูกขา้ วนาปีในพืน้ ท่ีไม่เหมาะสม (N) เม่ือปลูกขา้ ว 1 ไร่ แลว้ จะได้ผลตอบแทนสทุ ธิต่อ ไร่ หรอื กำไรต่อไร่เทา่ กับ 69.36 บาท คิดเป็นรอ้ ยละ 1.89 ของต้นทุนการผลติ ส่วนการปลูกข้าวนาปรงั ในพ้นื ท่ี ไม่เหมาะสม (N) เมื่อเกษตรกรปลกู ข้าว 1 ไร่ แล้วเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 551.67 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 13.66 ของต้นทนุ การผลติ
73 ตารางท่ี 3.21 การเปรยี บเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกขา้ วนาปี ขา้ วนาปรงั ในพน้ื ท่ีไมเ่ หมาะสม (N) รายการ ขา้ วนาปี หนว่ ย : บาท/ไร่ ขา้ วนาปรัง พื้นทไ่ี ม่เหมาะสม พนื้ ที่ไมเ่ หมาะสม (Not Suitability : N) (Not Suitability : N) เงนิ สด ประเมนิ รวม เงินสด ประเมนิ รวม 2,859.65 161.29 3,020.94 1. ต้นทนุ ผันแปร (บาท/ไร่) 2,283.57 399.64 2,683.21 - 1,019.03 1,019.03 2. ต้นทุนคงที่ (บาท/ไร่) - 988.02 988.02 2,853.92 1186.05 4,039.97 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ (บาท/ไร)่ 2,287.00 1,384.23 3,671.23 - - 5.74 4. ต้นทุนต่อกิโลกรมั (บาท/กก.) - - 6.54 - - 704.24 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กก.) - - 561.65 - - 6.52 6. ราคาเฉล่ยี ที่เกษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 6.66 - - 4,591.64 7. รายไดท้ ัง้ หมด (บาท/ไร่) - - 3,740.59 - - 551.67 8. ผลตอบแทนสุทธติ ่อไร่ (บาท/ไร)่ - - 69.36 - - 0.78 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ อ่ ผลผลิต (บาท/กก.) - - 0.12 - - 619.63 10. ปริมาณผลผลติ ณ จุดคุ้มทุน (กก.) - - 551.24 ท่ีมา : จากการสำรวจข้อมลู สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ซง่ึ จะเหน็ ไดว้ ่าพ้ืนที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสม (S3 และ N) มีจำนวน 32,574 ไร่ ที่ได้ผลตอบแทนน้อย กวา่ พ้นื ท่ีเหมาะสม (S) ซึ่งตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ท่เี ร่งให้มกี ารปรับเปลี่ยนพื้นท่ีไมเ่ หมาะสม ในการปลูกข้าวมาปรับเปลี่ยนเป็นพืชอ่ืนแทน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้รับนโยบายและทำการ วิเคราะห์ข้อมูลพืชของจังหวัดนครนายกแล้ววิเคราะห์ต้นทุนผลตอบแทนเพ่ือให้เกษตรกร และหน่วยงานท่ี เก่ียวข้องสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปล่ียนจากพื้นท่ีไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (N) ปรับเปล่ียนมาเป็นพืช อืน่ ๆ ดงั น้ี 3.3.1 การเปรียบเทยี บตน้ ทุนและผลตอบแทนระหว่างการปลกู ข้าวในพ้นื ท่ีไมเ่ หมาะสม (N) กับ การเพาะเลยี้ งกงุ้ ขาวแวนนาไม ต้นทุนการปลูกข้าวนาปีในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 3,671.23 บาท แบ่งเป็น ต้นทุนผนั แปร 2,683.21 บาท หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ 73.09 ตน้ ทุนคงท่ี 988.02 บาท หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ 26.91 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยท่ีเกษตรกรขายได้ 6.66 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนตอ่ ไร่ เท่ากับ 3,740.59 บาท ดงั น้ันเม่ือเกษตรกรปลูกข้าวในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ เท่ากับ 69.36 บาท คิดเป็นรอ้ ยละ 1.89 ของตน้ ทนุ การผลิต
74 ต้นทุนการเพาะเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม มีต้นทุนรวมต่อไร่ ต่อรุ่น เท่ากับ 61,473.59 บาท แบ่งเป็น ต้นทุนผันแปร 52,384.31 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 85.21 ต้นทุนคงที่ 9,089.28 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.79 โดยที่ผลผลิตต่อไร่ 820.73 กิโลกรัม ณ ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ 167.72 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนต่อไร่ 137,652.84 บาทต่อไร่ และได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 76,179.25 บาท คดิ เปน็ ร้อยละ 123.92 ของตน้ ทุนการผลติ จะเห็นได้ว่าต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกข้าวปีในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) เม่ือเทียบกับการ เพาะเล้ียงกุง้ ขาวแวนนาไม จะเหน็ ไดว้ า่ ขา้ วนาปใี นพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสุทธติ ่อไร่ เท่ากับ 69.36 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.89 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการเพาะเล้ียงกุ้งขาวแวนนาไมถ้ากรณีเลี้ยง 1 รุ่น ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ 76,179.25 บาทต่อรุ่น คิดเป็นร้อยละ 123.92 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่า เมือ่ เปรยี บเทยี บการเพาะเลีย้ งก้งุ ขาวแวนนาไม ให้ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ท่ดี ีกว่าขา้ วนาปีในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) ตารางที่ 3.22 การเปรยี บเทยี บตน้ ทนุ การผลิตการปลูกขา้ วในพน้ื ทไ่ี มเ่ หมาะสม (N) กับการเพาะเล้ียงกุ้ง ขาวแวนนาไม หน่วย : บาท/ไร่ ข้าวนาปี รายการ พื้นทีไ่ มเ่ หมาะสม กงุ้ ขาวแวนนาไม (Not Suitability : N) เงนิ สด ประเมิน รวม เงนิ สด ประเมนิ รวม 1. ต้นทุนผนั แปร (บาท/ไร่) 2,283.57 399.64 2,683.21 48,677.47 3,706.84 52,384.31 2. ต้นทุนคงท่ี (บาท/ไร)่ - 988.02 988.02 73.98 9,015.30 9,089.28 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ (บาท/ไร่) 2,287.00 1,384.23 3,671.23 48,751.45 12,722.14 61,473.59 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรัม (บาท/กก.) - - 6.54 - - 74.90 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กก.) - - 561.65 - - 820.73 6. ราคาเฉลย่ี ทเ่ี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 6.66 - - 167.72 7. รายได้ทัง้ หมด (บาท/ไร่) - - 3,740.59 - - 137,652.84 8. ผลตอบแทนสทุ ธิ ตอ่ ไร่ (บาท/ไร่) - - 69.36 - - 76,179.25 9. ผลตอบแทนสุทธิต่อผลผลติ (บาท/กก.) - - 0.12 - - 92.82 10. ปรมิ าณผลผลิต ณ จุดคุ้มทนุ (กก.) - - 551.24 - - 366.53 ที่มา : จากการสำรวจ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6
75 3.3.2 การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนระหว่างการปลูกข้าวในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) กับ มะยงชดิ ต้นทุนการปลูกข้าวนาปีในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 3,671.23 บาท แบ่งเป็น ต้นทุนผันแปร 2,683.21 บาท หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 73.09 ตน้ ทุนคงที่ 988.02 บาท หรอื คดิ เป็นร้อยละ 26.91 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ 6.66 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนตอ่ ไร่ เท่ากับ 3,740.59 บาท ดงั น้ันเม่ือเกษตรกรปลูกข้าวในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ เท่ากบั 69.36 บาท คิดเป็นรอ้ ยละ 1.89 ของต้นทนุ การผลติ ต้นทุนมะยงชิด มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 16,078.78 บาท แบ่งเป็นต้นทุนผันแปร 9,964.48 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 61.97 ต้นทุนคงท่ี 6,114.30 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38.03 โดยที่ผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 174.05 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉล่ียที่เกษตรกรขายได้ 169.54 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทน ต่อไร่ 29,508.44 บาท ดังนั้นเม่ือเกษตรกรผลิตมะยงชิด 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 13,429.66 บาท คดิ เป็นร้อยละ 83.52 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้วา่ ต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกข้าวปีในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) เมื่อเทียบกับการผลิต มะยงชิด จะเห็นได้ว่าข้าวนาปีในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 69.36 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.89 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการผลิตมะยงชิด ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ 13,429.66 บาท ตอ่ รุ่น คิดเปน็ รอ้ ยละ 83.52 ของต้นทุนการผลิต จะเหน็ ไดว้ ่าเมอ่ื เปรียบเทียบการผลิตมะยงชิด ใหผ้ ลตอบแทน สุทธติ ่อไรท่ ่ดี ีกว่าขา้ วนาปีในพ้ืนทไ่ี ม่เหมาะสม (N)
76 ตารางที่ 3.23 การเปรียบเทียบต้นทนุ การผลิตการปลูกขา้ วในพืน้ ทไี่ ม่เหมาะสม (N) กบั มะยงชิด หน่วย : บาท/ไร่ ขา้ วนาปี รายการ พืน้ ที่ไมเ่ หมาะสม มะยงชิด (Not Suitability : N) เงินสด ประเมนิ รวม เงินสด ประเมนิ รวม 1. ต้นทนุ ผนั แปร (บาท/ไร่) 2,283.57 399.64 2,683.21 8,232.29 1,732.199 9,964.48 2. ต้นทุนคงท่ี (บาท/ไร)่ - 988.02 988.02 - 6,114.30 6,114.30 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ (บาท/ไร)่ 2,287.00 1,384.23 3,671.23 8,232.29 7,846.49 16,078.78 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรัม (บาท/กก.) - - 6.54 - - 92.38 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กก.) - - 561.65 - - 174.05 6. ราคาเฉล่ียทเ่ี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 6.66 - - 169.54 7. รายไดท้ ั้งหมด (บาท/ไร่) - - 3,740.59 - - 29.508.44 8. ผลตอบแทนสุทธิ ตอ่ ไร่ (บาท/ไร่) - - 69.36 - - 13,429.66 9. ผลตอบแทนสทุ ธิต่อผลผลิต (บาท/กก.) - - 0.12 - - 77.16 10. ปรมิ าณผลผลติ ณ จดุ คุ้มทนุ (กก.) - - 551.24 - - 94.84 ท่มี า : จากการสำรวจ สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 6 3.3.3 การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนระหว่างการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) กับ การเลยี้ งปลานิล ต้นทุนการปลูกข้าวนาปีในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 3,671.23 บาท แบ่งเป็น ต้นทุนผนั แปร 2,683.21 บาท หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ 73.09 ต้นทุนคงท่ี 988.02 บาท หรือคดิ เป็นร้อยละ 26.91 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยท่ีเกษตรกรขายได้ 6.66 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนต่อไร่ เท่ากับ 3,740.59 บาท ดังนน้ั เม่ือเกษตรกรปลูกข้าวในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ไร่ เทา่ กับ 69.36 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.89 ของต้นทุนการผลิต ตน้ ทุนการเล้ียงปลานิล มตี น้ ทุนรวมตอ่ ไร่ เท่ากบั 20,972.51 บาท แบ่งเป็นต้นทุนผันแปร 17,085.60 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 81.47 ต้นทุนคงท่ี 3,886.91 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18.53 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่ เท่ากับ 1,023.67 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉล่ียท่ีเกษตรกรขายได้ 29.33 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ ผลตอบแทนต่อไร่ 30,024.24 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรเลี้ยงปลานิล 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อ ไร่ เท่ากบั 9,051.73 บาท คดิ เป็นร้อยละ 43.16 ของตน้ ทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าต้นทุนและผลตอบแทนของการปลกู ข้าวปีในพื้นที่ไมเ่ หมาะสม (N) เมอ่ื เทียบกบั การเล้ียง ปลานิล จะเห็นได้ว่าข้าวนาปีในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 69.36
77 บาท คดิ เป็นร้อยละ 1.89 ของตน้ ทุนการผลิต ส่วนการเลย้ี งปลานิล ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ 9,051.73 บาทต่อ รุ่น คิดเป็นร้อยละ 43.16 ของต้นทนุ การผลิต จะเห็นได้ว่าเมือ่ เปรียบเทยี บการเล้ียงปลานลิ ให้ผลตอบแทนสุทธิ ต่อไรท่ ีด่ ีกวา่ ข้าวนาปีในพืน้ ท่ไี มเ่ หมาะสม (N) ตารางท่ี 3.24 การเปรียบเทยี บตน้ ทนุ การผลติ การปลูกข้าวในพ้ืนท่ีไมเ่ หมาะสม (N) กับการเลย้ี งปลานิล หน่วย : บาท/ไร่ ขา้ วนาปี รายการ พ้ืนท่ไี มเ่ หมาะสม ปลานลิ (Not Suitability : N) เงินสด ประเมิน รวม เงินสด ประเมนิ รวม 1. ต้นทนุ ผนั แปร (บาท/ไร่) 2,283.57 399.64 2,683.21 15,261.58 1,824.02 17,085.60 2. ต้นทุนคงท่ี (บาท/ไร่) - 988.02 988.02 - 3,886.91 3,886.91 3. ต้นทุนรวมต่อไร่ (บาท/ไร)่ 2,287.00 1,384.23 3,671.23 15,261.58 5,710.93 20,972.51 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรัม (บาท/กก.) - - 6.54 - - 20.49 5. ผลผลิตตอ่ ไร่ (กก.) - - 561.65 - - 1,023.67 6. ราคาเฉลี่ยทเ่ี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 6.66 - - 29.33 7. รายไดท้ ้งั หมด (บาท/ไร่) - - 3,740.59 - - 30,024.24 8. ผลตอบแทนสุทธิ ตอ่ ไร่ (บาท/ไร)่ - - 69.36 - - 9,051.73 9. ผลตอบแทนสุทธติ ่อผลผลติ (บาท/กก.) - - 0.12 - - 8.84 10. ปรมิ าณผลผลิต ณ จดุ คมุ้ ทุน (กก.) - - 551.24 - - 715.05 ทีม่ า : จากการสำรวจ สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 6 3.3.4 การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนระหว่างการปลูกข้าวในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) กับ การเล้ยี งกุ้งก้ามกราม ต้นทุนการปลูกข้าวนาปีในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 3,671.23 บาท แบ่งเป็น ตน้ ทุนผนั แปร 2,683.21 บาท หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 73.09 ต้นทุนคงท่ี 988.02 บาท หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 26.91 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉล่ียที่เกษตรกรขายได้ 6.66 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนต่อไร่ เท่ากับ 3,740.59 บาท ดงั น้นั เมื่อเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ไร่ เทา่ กบั 69.36 บาท คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.89 ของตน้ ทนุ การผลิต ต้นทุนการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 24,284.25 บาท แบ่งเป็นต้นทุนผันแปร 20,693.66 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 85.21 ต้นทุนคงท่ี 3,590.59 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.79 โดยท่ี ผลผลิตตอ่ ไร่เท่ากบั 213.95 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ณ ราคาเฉลยี่ ท่ีเกษตรกรขายได้ 236.41 บาทตอ่ กิโลกรมั เกษตรกร
78 จะได้ผลตอบแทนต่อไร่ 50,579.92 บาท ดังน้ันเม่ือเกษตรกรเล้ียงกุ้งก้ามกราม 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ ผลตอบแทนสุทธติ ่อไร่ เท่ากับ 26,295.67 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 108.28 ของต้นทนุ การผลติ จะเห็นได้วา่ ต้นทุนและผลตอบแทนของการปลกู ข้าวปีในพื้นท่ีไมเ่ หมาะสม (N) เมือ่ เทียบกบั การเล้ียง กุง้ กา้ มกราม จะเห็นได้วา่ ข้าวนาปีในพน้ื ทไี่ ม่เหมาะสม (N) เกษตรกรจะไดผ้ ลตอบแทนสทุ ธติ อ่ ไร่ เทา่ กบั 69.36 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.89 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการเล้ียงกุ้งก้ามกราม ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ 26,295.67 บาท คิดเป็นร้อยละ 108.28 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ให้ ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ทีด่ ีกวา่ ขา้ วนาปีในพนื้ ที่ไมเ่ หมาะสม (N) ตารางที่ 3.25 การเปรยี บเทียบต้นทนุ การผลติ การปลกู ข้าวในพืน้ ทีไ่ มเ่ หมาะสม (N) กับการเลยี้ ง กงุ้ กา้ มกราม หนว่ ย : บาท/ไร่ ขา้ ว พ้นื ที่ไม่เหมาะสม ก้งุ ก้ามกราม รายการ (Not Suitability : N) เงินสด ประเมิน รวม เงินสด ประเมนิ รวม 1. ต้นทุนผนั แปร 2,669.60 256.93 2,926.53 10,595.96 10,097.70 20,693.66 2. ต้นทนุ คงท่ี - 541.09 541.09 191.87 3,398.72 3,590.59 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 2,669.60 798.02 3,467.62 10,787.83 13,496.42 24,284.25 4. ต้นทนุ ต่อกิโลกรัม - - 5.62 - - 113.50 5. ผลผลติ ต่อไร่ (กิโลกรมั ) - - 617.32 - - 213.95 6. ราคาเฉลีย่ ทีเ่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 6.89 - - 236.41 7. ผลตอบแทนต่อไร่ - - 4,253.33 - - 50,579.92 8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ - - 785.71 - - 26,295.67 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อผลผลิต (บาท/กก.) - - 1.27 - - 122.91 10. ปริมาณผลผลิต ณ จดุ คมุ้ ทุน (กก./ไร่) - - 503.28 - - 102.72 ที่มา : จากการสำรวจ สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6
79 3.3.5 การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนระหว่างการปลูกข้าวในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) กับ การปลูกไมด้ อกไม้ประดบั ต้นทุนการปลูกข้าวนาปีในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 3,671.23 บาท แบ่งเป็น ต้นทุนผนั แปร 2,683.21 บาท หรือคิดเปน็ ร้อยละ 73.09 ต้นทุนคงท่ี 988.02 บาท หรือคดิ เป็นร้อยละ 26.91 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ ณ ราคาเฉลี่ยท่ีเกษตรกรขายได้ 6.66 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนตอ่ ไร่ เท่ากับ 3,740.59 บาท ดังน้นั เมื่อเกษตรกรปลูกข้าวในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) 1 ไร่ เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธติ อ่ ไร่ เท่ากบั 69.36 บาท คดิ เปน็ ร้อยละ 1.89 ของต้นทุนการผลิต ต้นทุนการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ขนาด 2 นิ้ว มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 90,395.07 บาท แบ่งเป็น ต้นทุนผันแปร 87,864.67 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 97.20 ต้นทุนคงท่ี 2,530.40 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.80 โดยท่ีผลผลิตตอ่ ไร่เท่ากบั 122,188 ถุง ณ ราคาเฉล่ียท่ีเกษตรกรขายได้ 1.16 บาทต่อถุง เกษตรกรจะได้ ผลตอบแทนต่อไร่ 141,729.58 บาท ดังนั้นเมื่อเกษตรกรปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ขนาด 2 น้ิว เกษตรกรจะได้ ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 51,334.50 บาท คดิ เปน็ ร้อยละ 56.79 ของต้นทุนการผลิต ต้นทุนการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ขนาด 8 นิ้ว มีต้นทุนรวมต่อไร่ เท่ากับ 47,215.04 บาท แบ่งเป็น ต้นทุนผันแปร 45,969.62 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 97.36 ต้นทุนคงท่ี 1,245.42 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.64 โดยท่ีผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 1,997 ถุง ณ ราคาเฉลี่ยท่ีเกษตรกรขายได้ 58.41 บาทต่อถุง เกษตรกรจะได้ ผลตอบแทนต่อไร่ 116,629.75 บาท ดังน้ันเมื่อเกษตรกรปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ขนาด 8 น้ิว เกษตรกรจะได้ ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ เท่ากบั 69,414.71 บาท คดิ เป็นร้อยละ 147.02 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าตน้ ทุนและผลตอบแทนของการปลูกข้าวปีในพ้ืนที่ไม่เหมาะสม (N) เมื่อเทียบกับการปลูก ไม้ดอกไม้ประดับ จะเห็นได้ว่าขา้ วนาปีในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากับ 69.36 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.89 ของต้นทุนการผลิต ส่วนการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ขนาด 2 นิ้ว ให้ ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ 51,334.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 56.79 ของต้นทุนการผลิต และการปลูกไม้ดอกไม้ ประดับ ขนาด 8 นิ้ว ให้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ 69,414.71 บาท คิดเป็นร้อยละ 147.02 ของต้นทุนการผลิต จะเห็นได้ว่าเม่ือเปรียบเทียบการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ให้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ท่ีดีกว่าข้าวนาปีในพ้ืนที่ไม่ เหมาะสม (N)
80 ตารางท่ี 3.26 การเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) กับการปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ หนว่ ย : บาท/ไร่ รายการ ขา้ ว ไม้ดอกไม้ประดบั พื้นทไี่ ม่เหมาะสม (Not Suitability : N) เงนิ สด ประเมิน รวม ขนาด 2 นวิ้ ขนาด 8 นิ้ว 1. ต้นทนุ ผันแปร 2,669.60 256.93 2,926.53 87,864.67 45,969.62 2. ต้นทุนคงท่ี - 541.09 541.09 2,530.40 1,245.42 3. ต้นทนุ รวมต่อไร่ 2,669.60 798.02 3,467.62 90,395.07 47,215.42 4. ต้นทุนต่อกโิ ลกรัม - - 5.62 0.74 (ถุง) 23.64 (ถุง) 5. ผลผลิตต่อไร่ (กโิ ลกรมั ) - - 617.32 122,188 (ถงุ ) 1,997 (ถุง) 6. ราคาเฉลีย่ ท่เี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) - - 6.89 1.16 (ถุง) 58.41 (ถุง) 7. รายไดท้ งั้ หมด (บาท / ไร่) - - 4,253.33 141,729.58 116,629.75 8. ผลตอบแทนสทุ ธติ อ่ ไร่ (บาท/ไร่) - - 785.71 51,334.50 69,414.71 9. ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อผลผลิต (บาท/กก.) - - 1.27 0.42 (ถุง) 34.76 (ถุง) 10. ปรมิ าณผลผลิต ณ จุดคมุ้ ทนุ (กก./ไร)่ - - 503.28 77,926 (ถงุ ) 808.34 (ถงุ ) ทมี่ า : จากการสำรวจ สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6 3.4 การปลกู พชื ทดแทนในพน้ื ทีไ่ มเ่ หมาะสม แนวทางการปลกู พชื ทดแทนในพื้นท่ไี ม่เหมาะสม (N) จะใช้เกณฑจ์ ากตน้ ทุนการผลิตและผลตอบแทน ของสินค้าที่จัดเก็บข้อมูลต้นทุนการผลิตในสินค้าท่ีสำคัญ 4 ชนิด (Top 4) ในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) มาเปรยี บเทยี บกบั ต้นทนุ และผลตอบแทนกับสนิ คา้ ที่จะปรับเปลยี่ นในระดับความเหมาะสม (S) จากข้อมูลกรมพัฒนาที่ดิน พื้นท่ีปลูกข้าวจังหวัดนครนายก ในปี 2558 มีจำนวน 515,442 ไร่ เป็น พ้นื ท่ีปลูกในเขตพ้ืนท่ีที่เหมาะสมเล็กน้อย (S3) จำนวน 30,545 ไร่ และพื้นท่ีไม่เหมาะสม (N) ในการปลกู ข้าว 2,029 ไร่ และการผลิตข้าวในเขตพืน้ ที่ไมเ่ หมาะสมมตี ้นทุนการผลติ ขา้ วปีไร่ละ 3,671.23 บาท และได้ผลผลิต ไร่ละ 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาท่ีเกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา 6.66 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะได้ ผลตอบแทนต่อไร่ เท่ากับ 3,740.59 บาท ทำให้เกษตรกรมีได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ 69.36 บาท ซึ่ง ผลตอบแทนน้อย ดังน้นั จึงจำเป็นตอ้ งหาแนวทางปรบั เปล่ียนพชื ทดแทนการปลกู ขา้ วนาปีในพ้ืนท่ีไมเ่ หมาะสม เพอ่ื ให้เกษตรกรมีผลตอบแทนในการปลกู พืชอยา่ งย่งั ยืนตอ่ ไป โดยการเปรียบเทยี บต้นทุนจากผลตอบแทนของ
81 ตน้ ทนุ สนิ ค้าทส่ี ำคัญ 4 ชนิด (Top 4) เป็นอนั ดับแรก ซ่ึงพชื ทสี่ ามารถนำมาทดแทนในการปลูกข้าวนาปใี นพนื้ ที่ ไมเ่ หมาะสม ได้แก่ กุง้ ขาวแวนนาไม ไม้ดอกไม้ประดบั ขนาด 8 นวิ้ ไม้ดอกไมป้ ระดับขนาด 2 นวิ้ กุ้งก้ามกราม มะยงชดิ และปลานิล เป็นต้น ซ่ึงให้ผลตอบแทนท่ีดีกว่า จากผลการวิเคราะห์แล้วส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ท่ี เพม่ิ ข้ึนแตต่ อ้ งมีแนวทางสนับสนนุ จูงใจในการปรบั เปลยี่ นของเกษตรกรเพราะการปรับเปล่ียนต้องมีการลงทุน เพื่อปรับเปล่ียนตามแต่ละชนดิ สนิ คา้ หรือรูปแบบการผลิต
8823 บทที่ 4 สรุป และขอ้ เสนอแนะ 4.1 สรุป การวิเคราะห์แนวทางการบริหารจัดการพ้ืนที่เกษตรเศรษฐกิจเชิงพ้ืนท่ี (Zoning) จังหวัดนครนายก ครง้ั น้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) ในจังหวัด นครนายก เพ่ือศึกษาความสมดุลระหว่างอุปสงค์ อุปทาน (Demand & Supply) สินค้าเกษตรท่ีมีมูลค่าสูง 4 อันดับ (Top 4) และสนิ คา้ ทางเลือกในจังหวัดนครนายก และเพ่อื เสนอแนะมาตรการในการปรับเปลี่ยนการ ผลิตสินค้าในพื้นทไ่ี มเ่ หมาะสมเป็นสินค้าทางเลอื กในระดับพื้นท่ีของจังหวัดนครนายก จากการพจิ ารณาข้อมูล ด้านการผลติ ความเหมาะสมทางกายภาพ โดยใช้ขอ้ มลู จากระบบแผนทเ่ี กษตรเพ่อื การบรหิ ารจดั การเชงิ รุก ออนไลน์ (Agri-Map-Online) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบกับข้อมูลด้านเศรษฐกจิ การเกษตร ท้ังด้านต้นทุนการผลิต ผลตอบแทนการผลิต การบริหารจัดการสินค้าด้านการตลาดของสำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตร รวมท้ังศึกษาศักยภาพของพื้นท่ี โครงสร้างการตลาด การค้า การกระจายผลผลิตและข้อมูลทาง สังคม รวมถึงมาตรการและนโยบายของรัฐบาล และการส่งเสริมในพื้นท่ี โดยการวิเคราะห์ครั้งนี้กำหนด แนวทางการพัฒนาสินคา้ ขา้ วของจงั หวัดนครนายกซึ่งเปน็ สนิ ค้าเปา้ หมายตามนโยบายเพ่ือตอ้ งการลดพ้นื ที่ ผลการวิเคราะห์ทางด้านเกษตรของจังหวัดนครนายก พบวา่ พื้นที่มีลักษณะทางกายภาพท่ีหลากหลาย สภาพพื้นท่ีเปน็ ที่ราบบริเวณล่มุ น้ำ ลุ่มนำ้ และท่ีราบบรเิ วณภูเขา ซึ่งลกั ษณะทางกายภาพดังกล่าวเหมาะสมต่อ การผลิตดา้ นเกษตรกรรมท้ังด้านพชื และประมง มพี ืชเศรษฐกจิ ที่มีมูลค่าสูง 4 อนั ดบั แรกของจงั หวดั นครนายก (TOP 4) ได้แก่ ขา้ วนาปี ข้าวนาปรัง กุ้งขาวแวนนาไม และมะยงชดิ ซ่ึงจงั หวัดนครนายก มพี ้ืนทเ่ี พาะปลูกพืช เศรษฐกิจ รวมพ้ืนที่ 519,351 ไร่ โดยพืชท่มี ีปัญหาราคาตกต่ำ ได้แก่ ข้าว ซ่ึงมีพนื้ ท่ีปลูก 515,442 ไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ 99.25 ของพื้นท่เี พาะปลกู พืชเศรษฐกิจทงั้ หมด จากขอ้ มูลระบบแผนทเ่ี กษตรเพ่อื การบรหิ ารจดั การเชงิ รุกออนไลน์ พบวา่ จังหวดั นครนายก มพี นื้ ที่ ที่มีความเหมาะสมในการปลูกข้าว รวมท้ังหมด 787,039 ไร่ แบ่งเป็นพ้ืนที่ความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 444,304 ไร่ และพื้นที่ความเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 342,735 ไร่ แต่เกษตรกรจังหวัดนครนายกปลูก ข้าวจริงในพื้นท่ีความเหมาะสม จำนวน 482,868 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 93.68 แบ่งเป็นเพาะปลูกในพ้ืนที่ ความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 310,914 ไร่ และพื้นท่ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 171,954 ไร่ ส่วนในพ้ืนท่ีปลูกจริงในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม จำนวน 32,574 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 6.32 แบ่งเป็นเพาะปลูกใน พืน้ ท่ีความเหมาะสมน้อย (S3) จำนวน 30,545 ไร่ และพื้นที่ปลกู ไม่เหมาะสม (N) จำนวน 2,029 ไร่ โดยพ้ืนที่ไม่ เหมาะสมในการปลูกข้าวส่วนใหญ่อยู่ที่อำเภอองครักษ์ 23,495 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 72.13 รองลงมาอำเภอ บ้านนา 4,335 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 13.31 อำเภอเมือง 3,261 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 10.01 และอำเภอปากพลี 1,483 ไร่ คิดเปน็ ร้อยละ 4.55
84 ผลผลิตต่อไร่ของข้าวนาปีในพ้ืนที่เหมาะสม 589.19 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนในพื้นท่ีไม่เหมาะสม 561.65 กิโลกรัมต่อไร่ พ้ืนที่เหมาะสมให้ผลผลิตท่ีสูงกว่า 27.54 กิโลกรัมต่อไร่ โดยต้นทุนการผลิตข้าวของพื้นท่ี เหมาะสม ไร่ละ 3,415.88 บาท ส่วนในพน้ื ทไ่ี ม่เหมาะสม ไร่ละ 3,671.23 บาท พ้ืนที่เหมาะสมมีต้นทุนต่อไร่ที่ ต่ำกว่าไร่ละ 255.35 บาท ผลตอบแทนต่อไร่ พบว่า พื้นที่เหมาะสมให้ผลตอบแทนต่อไร่ 3,953.46 บาท ส่วน พ้ืนท่ีไม่เหมาะสม ให้ผลตอบแทนต่อไร่ 3,740.59 บาท ซึ่งพื้นท่ีเหมาะสมให้ผลตอบแทนต่อไร่มากกว่า 212.87 บาท ดังนนั้ เกษตรกรในพื้นท่เี หมาะสม เม่อื ปลูกข้าว 1 ไร่ แลว้ จะไดผ้ ลตอบแทนสทุ ธิต่อไร่เท่ากบั 537.58 บาท คิดเป็นร้อยละ 15.74 ของต้นทุนการผลติ ส่วนการปลูกข้าวในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม เมื่อเกษตรกรปลูกข้าว 1 ไร่ แล้วเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิต่อไร่ เท่ากบั 69.36 บาท คิดเปน็ ร้อยละ 1.89 ของตน้ ทนุ การผลิต จะเห็นได้ว่าพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสม (S3 และ N) มีจำนวนทัง้ ส้ิน 32,574 ไร่ ท่ีได้ผลตอบแทนน้อย กว่าพื้นที่เหมาะสม ซ่ึงตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เร่งให้มีการปรับเปลีย่ นพื้นที่ไม่เหมาะสมใน การปลูกข้าวมาปรับเปล่ียนเป็นพืชอ่ืนแทน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรทำการวิเคราะห์ศักยภาพทาง เศรษฐกิจข้อมูลพืชของจังหวัดนครนายกโดย วิเคราะห์ต้นทุนผลตอบแทนเพื่อให้เกษตรกร และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปล่ียนจากพื้นท่ีไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว ปรับเปลี่ยนมาเป็นพืชอ่ืน ๆ จึงจำเปน็ ต้องหาแนวทางเพ่อื ใหเ้ กษตรกรมีผลกำไรในการปลูกพืชอย่างยั่งยืนต่อไป โดยการเปรยี บเทียบต้นทุน จากผลตอบแทนของตน้ ทุนสินค้าพืชทางเลอื กท่ีสามารถนำมาทดแทนในการปลูกขา้ วในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม ได้แก่ กุ้งขาวแวนนาไม ไม้ดอกไม้ประดับขนาด 8 นิ้ว ไม้ดอกไม้ประดับขนาด 2 นิ้ว กุ้งก้ามกราม มะยงชิด และ ปลานลิ เป็นตน้ 4.2 ขอ้ เสนอแนะ 4.2.1 ข้อเสนอแนะด้านกลไกการขับเคลือ่ นแนวทางการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตร (Zoning) จากการวิเคราะห์ดา้ นเศรษฐกิจสินค้าเกษตรระดับจงั หวัด เพื่อให้เป็นขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และมาตรการสนับสนุนในการปรับเปล่ียนการผลิตสินค้าเกษตรในพ้ืนท่ีไม่เหมาะสมตามแผนที่ (Agri-Map) เป็นสินค้าทางเลือก ซงึ่ การขับเคล่ือนจำเป็นท่ีจะต้องมกี ารจัดทำแนวทางพฒั นาให้เหมาะสมและสอดคล้องกับ ศักยภาพและผลตอบแทนพื้นท่ี และการกำหนดเขตเกษตรเศรษฐกิจ (Zoning) ซ่ึงจากการวิเคราะห์ สถานการณ์จากอดีตสู่ปัจจุบัน ประเมินศักยภาพของภาคเกษตรของจังหวัดนครนายก ควรมีกลไกการ ขับเคลอื่ นและแนวทางการพฒั นาสินค้าเกษตรของจังหวัดนครนายก ดงั นี้ 1) สร้างกลไกการขับเคล่ือนแนวทางการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตร (Zoning) ของจงั หวดั นครนายก ควรดำเนนิ การในรูปแบบการบูรณาการภารกจิ โดยมีหนว่ ยงานในกระทรวง เกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยหลัก สำนักงานเกษตรจังหวัด สถานีพัฒนาท่ีดินจังหวัด สำนักงานเกษตรและ สหกรณ์จังหวัด สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด สำนักงานชลประทานจังหวัด และหน่วยงานอื่น ๆ ในกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ เป็นศูนย์กลางการบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่ือขับเคล่ือนนโยบายดังกล่าว โดยให้ทุก
85 หน่วยงาน หรอื เจ้าภาพของแต่ละกิจกรรม ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ เป้าหมายและยุทธศาสตร์ทีก่ ำหนดไว้ และต้องติดตามประเมินผลการดำเนนิ งานดังกล่าวด้วย 2) ประสานผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องในแต่ละภาคส่วน ท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเกษตรกร ได้ รว่ มกันทำโครงการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสำหรบั สินคา้ เกษตรท่ีสำคัญ (Zoning) ซึ่งทางภาครัฐได้ จัดเวทีประชาคมอย่างมีส่วนร่วมกับเกษตรกรในพื้นท่ีเป้าหมายจังหวัดนครนายก และร่วมกันวางแผนการ ปรับเปล่ียนการผลิตตามแนวทางการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสมแทนการปลูกข้าว ได้แก่ การ ปรับเปล่ียนพ้ืนท่ีเพื่อปลูกพืชท่ีมีผลตอบแทนในการลงทุนดีกว่า ได้แก่ มะยงชิด กุ้งขาวแวนาไม กุ้งก้ามกราม ปลานิล และไมด้ อกไมป้ ระดับ เปน็ ตน้ 3) กำหนดพ้นื ทเี่ ป้าหมายการบูรณาการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกจิ สินคา้ เกษตร 3.1) แผนทแ่ี สดงข้อมูลพ้ืนท่ีความเหมาะสมของขา้ ว (Agri – Map) จังหวัดนครนายก จังหวัดนครนายกควรมีพ้ืนที่เป้าหมายดำเนินการในพื้นที่มีความเหมาะสมน้อย (S3) และ ไม่เหมาะสม (N) ในการปลูกข้าว โดย 3 อำเภออันดับแรกท่ีมีพื้นที่ความเหมาะสมน้อย (S3) และไม่เหมาะสม (N) อยู่ที่อำเภอองครักษ์ จำนวน 21,755.34 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 65.85 โดยกระจายไปอยู่ที่ตำบลบางสมบูรณ์ จำนวน 14,377.44 ไร่ ตำบลบางลกู เสือ จำนวน 7,377.90 ไร่ รองลงมาเป็นอำเภอบ้านนา จำนวน 4,458.44 ไร่ คดิ เปน็ ร้อยละ 13.49 โดยกระจายไปอยทู่ ่ตี ำบลบา้ นพรกิ จำนวน 4,117.16 ไร่ และตำบลศรกี ะอาง จำนวน 341.28 ไร่ และอำเภอเมือง จำนวน 2,301.68 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 6.97 โดยกระจายไปอยู่ที่ตำบลศรีนาวา จำนวน 1,163.17 ไร่ และตำบลศรีจฬุ า จำนวน 1,138.51 ไร่ (ภาพท่ี 4.1) 3.2) แผนที่แสดงข้อมูลพื้นท่ีความเหมาะสมของข้าว (Agri – Map) ซ้อนทับกับพื้นที่การ ปลกู ขา้ วนาปีจริง ปี 2561 จังหวัดนครนายก จังหวัดนครนายกควรกำหนดพ้ืนที่เป้าหมายการบูรณาการบริหารจัดการเขตเกษตร เศรษฐกิจสินค้าเกษตร โดยพิจารณาตำบลเป้าหมายดังนี้ จากแผนที่พื้นท่ีความเหมาะสมน้อย (S3) และไม่ เหมาะสม (N) ในการปลูกข้าวนาปีของจังหวัดนครนายกท่ีเกษตรกรปลูกจริง จำนวน 2,954.84 ไร่ พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ที่ปลูกข้าวนาปีจริงในพื้นท่ีไม่เหมาะสม (S3) และ (N) อยใู่ นอำเภอเมือง จำนวน 1,161.89 ไร่ ตำบลศรีนาวา จำนวน 1,047.60 ไร่ และตำบลท่าช้าง 114.29 ไร่ รองลงมาอำเภอปากพลี จำนวน 1,026.97 ไร่ อยู่ในตำบลเกาะหวาย จำนวน 812.93 ไร่ และตำบลหนองแสง จำนวน 214.04 ไร่ และอำเภอ องครักษ์ จำนวน 319.35 ไร่ อยใู่ นตำบลบางลกู เสือ จำนวน 319.35 ไร่ (ภาพที่ 4.2)
86 ภาพท่ี 4.1 แผนทแี่ สดงข้อมูลพ้ืนทค่ี วามเหมาะสมของข้าวจังหวดั นครนายก ทมี่ า : กรมพฒั นาที่ดิน ปี 2559 และสำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ภาพท่ี 4.2 แผนที่แสดงข้อมลู พ้ืนทีค่ วามเหมาะสมของขา้ ว กับพ้ืนที่การปลกู ขา้ วนาปีจริงจังหวัดนครนายก ท่ีมา : กรมพัฒนาท่ีดิน ปี 2559 และข้อมลู พื้นท่ปี ลูกจรงิ ส่วนภูมสิ ารสนเทศการเกษตร สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 6
87 4) ดำเนนิ การตามแนวทางการพฒั นาสินค้าเกษตรตามศักยภาพ การจัดทำแนวทางการพัฒนาสินคา้ เกษตรท่สี ำคญั ได้แก่ ข้าว และพืชทดแทนข้าวในพ้ืนที่ปลูก ขา้ วไม่เหมาะสม ซ่ึงกระบวนการการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร โดยยึด การผลิตสินค้าเกษตรให้ตรงกับความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกในเขตพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม (N) โดยมี ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนที่ได้จัดเก็บข้อมูลในพ้ืนท่ี โดยมุ่งหวังให้ผลผลิตสินค้าเกษตรของจังหวัด นครนายก มีคุณภาพและมาตรฐาน การจัดทำแผนไปสู่การปฏิบัติเน้นการจัดทำโครงการ จัดสรรงบประมาณ และการพฒั นาสินคา้ ให้เหมาะสมกับศักยภาพของพ้ืนท่ี ตลอดจนให้ความสำคญั กับการนำผลงานวจิ ัย วิชาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่มาปรับใช้ เพื่อพัฒนาศักยภาพสินค้าตามความเหมาะสมและเพิ่ม ประสิทธิภาพการดำเนนิ งานไปสู่ความสำเร็จในการขบั เคลอ่ื นแนวทางพฒั นาดังนี้ 4.1) แนวทางพัฒนาสนิ ค้าเกษตรในเขตพ้นื ทค่ี วามเหมาะสมมาก (S1) และพื้นทคี่ วาม เหมาะสมปานกลาง (S2) ในการปลกู ขา้ ว การส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรท่ีมีศักยภาพในพื้นที่ดังกล่าว ให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการจัดระบบบริหารจัดการการผลติ ท่ีสอดคล้องเหมาะสมกับศักยภาพของพ้ืนที่นั้น ๆ โดยมกี ระบวนการพัฒนาระบบการผลิตดังนี้ (1) เพ่ิมประสิทธภิ าพการผลิต เพ่ิมผลผลติ ต่อไร่ ลดต้นทุนการผลิต และยกระดับคุณภาพสินค้า สู่มาตรฐาน ส่ิงท่ีต้องดำเนินการ ได้แก่ การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ สารชีวภัณฑ์ สนับสนุนการผสมปุ๋ยใช้เองตามค่าวิเคราะห์ดิน เพ่ือลดต้นทุนการผลิต การตรวจวิเคราะห์ดินรายแปลง สนบั สนุนการปลกู พืชหมุนเวียน ปุ๋ยพชื สด เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน เป็นตน้ (2) ส่งเสริมให้มีการผลิตข้าวปลอดภัย ข้าวอินทรีย์ ให้ตรงความต้องการของตลาดเพื่อสร้าง มลู ค่าเพ่ิม เร่งประชาสมั พนั ธ์สรา้ งแบรนดส์ นิ คา้ ใหเ้ ป็นทยี่ อมรบั (3) ส่งเสริมการรวมกลุ่มเพ่ือสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร เช่น ส่งเสริมการผลิตตามระบบ สง่ เสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และสนบั สนุนเครอื่ งจกั รกล ในพน้ื ท่ีเปา้ หมายแปลงใหญ่ (4) การสนับสนุนหลักประกันในการปรับเปล่ียนตามความจำเป็น เช่น การประกันภัยพืชผล หรือเงินชดเชย (5) การปรับรูปแบบแปลงนา ลักษณะที่ 2 ตามกรมพัฒนาที่ดิน เช่น การปรับรูปแบบคันนา การปรบั พื้นท่ีนา (6) ส่งเสริมการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิต (7) การส่งเสริมงานวิจัยที่เก่ยี วข้องกับการผลิตข้าวในพน้ื ที่เพื่อนำมาประยุกต์ใชใ้ ห้เหมาะสมกับ ศักยภาพของพ้ืนที่ (8) ภาครัฐต้องมีนโยบายส่งเสริมอย่างต่อเน่ือง เช่น ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ แผนการผลิตข้าวครบวงจร รวมถึงการถา่ ยทอดเทคโนโลยี นวตั กรรม ผ่าน ศพก. พร้อมท้งั ให้มีการศึกษาดูงาน เกษตรกรตน้ แบบทปี่ ระสบความสำเรจ็ เป็นตน้
88 (9) ส่งเสริมการพัฒนาการผลิตในพื้นท่ีปลูกข้าวท่ีมีศักยภาพ โดยการปรับปรุงดิน และ การเช่ือมโยงระบบชลประทานในพื้นท่ีที่มีความเหมาะสมปานกลาง (S2) เพื่อเพิ่มศักยภาพเป็นพนื้ ที่เหมาะสม มาก (S1) (10) มีโรงงานแปรรูปผลผลิตสินค้าเกษตร (ข้าวน้ำลึก) ภายในจังหวัดนครนายก เช่น โรงงาน เส้นหมี่ เส้นก๋วยเตย๋ี ว โรงงานขนมจีน เพอื่ สร้างมูลคา่ เพมิ่ ขา้ วที่มีคุณภาพตำ่ และลดต้นทุนโลจิสติกส์การขนส่ง (11) สนบั สนนุ ลานตากขา้ วชมุ ชนทีไ่ ดม้ าตรฐาน เพ่ือลดปญั หาผลผลิตข้าวคุณภาพต่ำ 4.2) แนวทางพัฒนาสินคา้ เกษตรในเขตพนื้ ท่ไี มเ่ หมาะสม (N) ในการปลูกขา้ ว (1) ภาครัฐควรมีโครงการพัฒนาจัดรูปที่ดินให้เหมาะสมแบบมีส่วนร่วม (รัฐจ่าย 70 : เกษตรกร จ่าย 30) เพอื่ การบรหิ ารจดั การสินคา้ อย่างยงั่ ยนื (2) การสนบั สนุนใหม้ กี ารพัฒนาและปรับปรงุ โครงสรา้ งพืน้ ฐาน เช่น แหลง่ น้ำ (3) การอบรมถา่ ยทอดความร้ใู นเร่อื งเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ใหเ้ กษตรกร (4) การสนบั สนุนการรวมกลมุ่ เกษตรกร (5) ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรมีความรู้ความเขา้ ใจเร่ือง Zoning โดยมีการนำเสนอต้นทุนและ ผลตอบแทนของข้าว และพชื ทางเลอื กท่ไี ดผ้ ลตอบแทนทด่ี ีกว่า เพอื่ สรา้ งแรงจูงใจในการปรบั เปล่ยี น 4.3) สนับสนุนการปรับเปลี่ยนจากขา้ วในพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) เป็นเกษตรผสมผสาน เกษตร ทฤษฎใี หม่ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง การสนับสนุนการศกึ ษาความเปน็ ไปไดแ้ ละผลตอบแทนการลงทุนในการเปลยี่ นจากข้าวในพ้ืนท่ี ไม่เหมาะสม (N) เป็นเกษตรผสมผสาน หรือสวนผสม เนื่องจากเกษตรกรปลูกข้าวต้นทุนสูง ราคาข้าวตกต่ำ พืน้ ท่ที ำนาไม่เหมาะสม ผลผลติ ไดน้ อ้ ย ทำใหเ้ กษตรกรขาดทุนจากการปลูกขา้ ว โดยมีเกษตรกรบางส่วน หันมา ทำเกษตรผสมผสาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการปลูกพืชเชิงเด่ียว ช่วยลดต้นทุน ลดปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์ โดยเกษตรกรหันมาปลูกพืชอ่ืน ๆ ท่ีให้ผลตอบแทนสูง ปรับเปลี่ยนได้ (พ้ืนท่ีตนเอง) เช่น พืชผัก (มะเขือพวง กระเพรา ขา่ ตะไคร้ เปน็ ต้น) พืชไร่ และไม้ผลหรือไม้ยนื ตน้ (มะพรา้ ว กลว้ ย มะนาว เปน็ ตน้ ) การ ผลิตข้าวเพื่อบริโภคในครัวเรือน ปลูกพืชหลังนาที่เหมาะสมกับพื้นท่ี และให้ผลตอบแทนสูง เพ่ือสร้างรายได้ เช่น ฟักทอง แตงกวา มันเทศ และพริก เป็นต้น และมีการเลี้ยงสัตว์และทำประมง เช่น ไก่เน้ือ ปลานิล และปลาทับทิม เป็นตน้ โดยที่เกษตรกรแบง่ พื้นทเี่ ปน็ สว่ น ๆ เปน็ แหลง่ น้ำ 30% ทอ่ี ยู่อาศัย 10% นาข้าว 30% สวน ไร่ และปศุสัตว์ 30% พร้อมทั้งยังปลูกพืชบำรุงดิน เช่น ปอเทือง และถ่ัว โดยท่ีเกษตรกรมีโรงสีเล็กเพื่อ สขี ้าวไวบ้ รโิ ภคเองในครัวเรือน และยงั สามารถนำรำขา้ ว มาเปน็ อาหารสตั ว์ สว่ นแกลบก็สามารถนำมาทำเป็นปุย๋ ได้ • โดยมกี ารสนบั สนุนปัจจัยการผลิต เมลด็ พนั ธ์ุ ต้นพันธุ์ วัสดแุ ละอุปกรณต์ ามความจำเป็น • สนับสนุนการปรบั ปรงุ บำรงุ ดิน • สนับสนุนการขุดสระน้ำในไร่นาให้แก่เกษตรกร • มกี ารอบรมถา่ ยทอดความร้ใู ห้เกษตรกรทำเกษตรรูปแบบใหม่ • การสนับสนนุ สินเชือ่ ดอกเบี้ยต่ำ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107