กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู (ยอจากฉบับนกั เรียน 20%) • สรุปเน้ือหาเร่อื งบทพากยเอราวัณ • วเิ คราะหวิถไี ทยและคุณคา วรรณคดเี ร่ืองบทพากยเอราวัณ • สรุปความรแู ละขอ คิดทน่ี าํ ไป ประยุกตใ ชใ นชวี ติ จริง • ทองจาํ และบอกคุณคาบทอาขยาน ตามท่ีกําหนด กระตนุ ความสนใจ õหนวยที่ ครูนําสนทนาและถามนักเรยี น บทพำกยเ์ อรำวณั • นกั เรยี นรูจักชา งเอราวณั หรือไม • นักเรียนรจู ักชา งเอราวัณจาก ทไ่ี หน • ชา งเอราวณั มีลกั ษณะพิเศษ อยา งไร • ใครเปนผูทรงชางเอราวัณ ตัวช้วี ดั บทพากยเอราวัณเปนตอนหนึ่งใน ■ สรปุ เน้อื หาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมทอ งถน่ิ ในระดับที่ยากขึน้ (ท ๕.๑ ม.๓/๑) ■ วเิ คราะหว ถิ ีไทยและคณุ คา จากวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา น วรรณคดีเรื่องรามเกียรต์ิที่ใชสําหรับ ประกอบการแสดงมหรสพ โดดเดนทาง (ท ๕.๑ ม.๓/๒) ดา นวรรณศลิ ป การใชถ อ ยคาํ เพอ่ื พรรณนา ■ สรุปความรแู ละขอคิดจากการอา นเพือ่ นําไปประยุกตใ ชในชวี ิตจรงิ ตัวละคร และฉากในทองเร่ืองซ่ึงทําใหผูอาน (ท ๕.๑ ม.๓/๓) เกิดจินตภาพ นอกจากนี้ยังปรากฏคุณคาใน ดานตางๆ เชน คุณคาดานเนื้อหา ดานสังคม ■ ทอ งจาํ และบอกคณุ คาบทอาขยานตามท่กี ําหนด (ท ๕.๑ ม.๓/๔) และวิถีไทย และใหขอคิด ผูอานควรอานอยาง สาระการเรยี นรูแกนกลาง พนิ จิ พจิ ารณาเพอ่ื สงั เคราะหข อ คดิ ตา งๆ ทจี่ ะนาํ ไป ■ วรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมทองถนิ่ เกยี่ วกบั ศาสนา ประเพณี พิธีกรรม สภุ าษติ คาํ สอน เหตกุ ารณใ นประวตั ศิ าสตร บันเทิงคดี การวเิ คราะหวิถไี ทยและคุณคาจากวรรณคดีและวรรณกรรม ■ บทอาขยานและบทรอ ยกรองทมี่ ีคณุ คา ประยกุ ตใชในชีวติ ประจําวัน ■ 114 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate ๑ ความเป็นมา สาํ รวจคนหา บทพากยเ์ อราวณั เปน็ บทพระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ใชส้ า� หรบั 1. แบงกลมุ นักเรียนสบื คนพระราช- เล่นโขน จัดพิมพ์รวมอยู่ในรามเกียรติ์ค�าพากย์ ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ประวัตแิ ละผลงานในพระบาท- ๒๔๖๑ ณ โรงพิมพ์ไท ถนนรองเมอื ง กรงุ เทพฯ สมเด็จพระพุทธเลศิ หลา นภาลยั คณะอนุกรรมการจัดท�าเอกสารและบทความสดุดีบุคคลส�าคัญ ในคณะกรรมการเอกลักษณ์ โดยเนน พระปรชี าสามารถดา น ของชาติ ได้น�ามาจัดพิมพ์ขึ้นใหม่เพ่ือเป็นการอนุรักษ์วรรณกรรมเก่าและหายาก สืบอายุวรรณกรรม การประพันธ จากแหลงเรยี นรู โดยน�ามาพิมพเ์ ป็นหนงั สอื ใหม่ช่อื กาพยคด ี ประกอบดว้ ยเร่อื ง ตางๆ เชน หอ งสมดุ โรงเรยี น ๑. พชิ ยั สงครามคา� ฉนั ท์ หนงั สือ อนิ เทอรเนต็ เปนตน ๒. ต�าราชา้ งค�าฉันท์ ๓. บุณโณวาทค�าฉนั ท์ 2. ใหนกั เรียนสบื คนประวัติความ ๔. รามเกยี รติค์ า� พากย์ เปน มาของพระราชนพิ นธบ ทพากย ๕. ล�าดับกษตั ริยค์ า� ฉันท์ เอราวัณ แลว บนั ทกึ ความรูลงสมดุ ตอนท่ีน�ามาใหศ้ ึกษานี้คดั มาจากเร่ืองรามเกียรติค์ า� พากย์ อย่ใู นหนา้ ๑๓๑-๑๓๓ ของหนังสอื กาพยคด ี มจี า� นวนกาพยฉ์ บงั ๑๗ บท ใชต้ วั สะกดทเี่ ปน็ ปจั จบุ นั แตไ่ ดท้ า� เชงิ อรรถบอกไวว้ า่ ตน้ ฉบบั เดมิ อธบิ ายความรู สะกดอยา่ งไร จากคํากลาวท่ีวา “ในรัชสมัยพระ- ๒ ประวตั ิผแู้ ตง่ บาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย เปนยุคทองแหงวรรณกรรมและ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั พระนาม ศลิ ปกรรม” ใหน กั เรยี นหาขอ สนบั สนนุ เดมิ วา่ ฉมิ เปน็ พระราชโอรสลา� ดบั ท ่ี ๔ ในพระบาทสมเดจ็ - คาํ กลาวนี้ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช (รชั กาลท ่ี ๑) ทรงพระราช- สมภพเมอ่ื วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ เมอ่ื สมเด็จ- (แนวตอบ ขอ สนบั สนนุ คอื พระบาท- พระบรมชนกนาถปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุง สมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลานภาลยั รตั นโกสนิ ทรใ์ น พ.ศ. ๒๓๒๕ พระองคท์ รงไดร้ บั การสถาปนา พระองคทรงเช่ยี วชาญดา น เป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร พระบาทสมเด็จพระพุทธ- อักษรศาสตรอยางย่ิง พระองคทรง เลิศหล้านภาลัยเสด็จขนึ้ ครองราชยใ์ น พ.ศ. ๒๓๕๒ เสด็จ- พระราชนิพนธเองจํานวนมาก สวรรคตเม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๗ ครองสิริราชสมบัติเป็นเวลา มีความประณตี งดงาม พระองค ๑๕ ปี ทรงมพี ระอัจฉรยิ ภาพทั้งทางดาน วรรณศลิ ปและสถาปตยศิลป และ พระบำทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลำ้ นภำลยั โปรดเกลา ฯ ใหประชมุ กวีรวมกนั แตง วรรณคดีประเภทตางๆ มากมาย 115 กวีที่มีความสามารถ เชน สนุ ทรภ)ู 2. บทละครเรอื่ งรามเกยี รติ์ ขยายความเขาใจ “อันคําบรุ าณกลาวไว อยา ใหห ลงกลทั้งส่ี คอื รปู รสวาจาพาที ดรุ ยิ างคดนตรนี ีห้ า มนัก” ใหนักเรียนยกตัวอยางคําประพันธ 3. กาพยเหชมเคร่ืองคาวหวาน จากพระราชนพิ นธใ นพระบาทสมเดจ็ - “มัสมน่ั แกงแกว ตา หอมยห่ี รา รสรอ นแรง พระพุทธเลิศหลานภาลยั 3 ตัวอยา ง ชายใดไดก ลนื แกง แรงอยากใหใฝฝนหา”) (แนวตอบ 1. บทละครเร่ืองอิเหนา “นางนวลจบั นางนวลนอน เหมือนพ่แี นบนวลสมรจินตะหรา จากพรากจบั จากจาํ นรรจา เหมอื นจากนางสการะวาต”ี คมู อื ครู 115
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%) ครแู ละนักเรยี นรว มกันอภิปราย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงเชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง ตลอด เร่อื งรามเกยี รต์ิทว่ี า ระยะเวลา ๑๕ ปี แห่งรชั สมัยของพระองค์ไดท้ รงท�านบุ า� รุงดา้ นศลิ ปะ วรรณคดีและสถาปตั ยกรรม โดยเฉพาะวรรณคดมี คี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งสงู สดุ ทง้ั ทท่ี รงพระราชนพิ นธเ์ องและโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระชมุ กวี • ธรรมดาเรอื่ งรามเกียรติ์ใครๆ แต่งวรรณคดีประเภทต่างๆ เช่น ค�ากลอน ละครนอก ละครใน เสภา นิราศ กาพย์ ฉันท์ ลิลิต กร็ วู าเปน เรือ่ งสาํ หรับเลนโขน โคลงสุภาพและโคลงด้ัน ล้วนเป็นแบบฉบับอันยอดเยี่ยมในทางนาฏศิลป์ นอกจากนี้พระองค์ยังทรง แตทาํ ไมรามเกียรต์ิในรัชกาล ปรับปรุงการละครไทยจนถึงขนั้ มาตรฐานสูงท้ังกระบวนทา่ เนอื้ รอ้ ง ท�านองเพลงและการรา่ ยร�า ท่ี 2 จึงเรียกวา บทละคร บทพระราชนพิ นธใ์ นพระองคท์ ส่ี �าคัญมอี ย่หู ลายเร่ือง เชน่ (แนวตอบ เพราะวารัชกาลที่ 2 ๑. เสภาเร่ืองขนุ ชา้ งขุนแผน สนั นิษฐานวา่ คอื ตอนขนึ้ เรือนขุนชา้ ง ทรงพระราชนพิ นธใ หล ะครหลวง ๒. บทละครเรือ่ งอิเหนา ดําเนินตามแบบละครรองทุก อยาง เม่ือตองการเลนอยางโขน ๓. บทละครเร่อื งรามเกียรติ์ ก็แทรกบทพากยและบทเจรจา ๔. บทละครเรื่องไชยเชษฐ์ สังข์ทอง คาวี เขาไป) ไกรทอง มณีพชิ ัย ๕. กาพยเ์ หเ่ รือ บทเหช่ มเครอ่ื งคาวหวาน ขยายความเขาใจ ๖. บทพากยโ์ ขน ตอนพรหมาสตร ์ นาคบาศ นางลอยและเอราวณั ครูทบทวนองคค วามรูจาก รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า- พระราชกรณยี กจิ ท่เี ก่ยี วของกบั นภาลัยเป็นยุคทองแห่งวรรณกรรมและศิลปกรรม วรรณคดีไทยในพระบาทสมเดจ็ - พระองคท์ รงมพี ระอจั ฉรยิ ภาพทงั้ ทางดา้ นวรรณศลิ ป์ พระพทุ ธเลิศหลานภาลยั จาก และสถาปัตยศิลป์ บทพระราชนิพนธ์จ�านวนมากมี ตวั อยำ งบทพระรำชนพิ นธใ์ นรชั กำลที ่ ๒ พระราชนพิ นธค รูต้งั คําถามกบั ความประณตี งดงามทางดา้ นอกั ษรศาสตรท์ สี่ ามารถนา� ไปผสมผสานกบั นาฏยศาสตรแ์ ละดรุ ยิ างคศาสตร์ นักเรียนวา ไดอ้ ยา่ งกลมกลนื พระราชนพิ นธบ์ ทละครเรอ่ื ง อเิ หนำ ไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรวา่ เปน็ ยอด ของกลอนบทละคร ในด้านศิลปกรรมพระองค์ทรงเชี่ยวชาญด้านงานช่างศิลปะไทยหลายแขนง เช่น • พระราชนิพนธในพระบาท- ทรงรว่ มแกะสลกั บานประตวู หิ ารวดั สทุ ศั นเทพวราราม สมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลานภาลยั ด้วยเหตนุ อ้ี งค์การศึกษา วทิ ยาศาสตร์และวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาต ิ (UNESCO) จงึ เฉลมิ นักเรียนคิดวา สง ผลตอภาษา พระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในฐานะบุคคลส�าคัญที่มีผลงานดีเด่นทาง และวรรณคดีไทยอยางไร วัฒนธรรมระดับโลก กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมจัดงานเฉลิมพระเกียรติใน (แนวตอบ จากพระราชกรณยี กิจ อภลิ กั ขติ สมยั ครบรอบ ๒๐๐ ป ี แหง่ วนั พระราชสมภพเมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๑ ไดม้ กี ารจดั ตง้ั มลู นธิ พิ ระบรม- ของรัชกาลที่ 2 ทเ่ี ดน ในการ ราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการ พระราชนพิ นธงานตา งๆ ทาํ ให สง่ เสรมิ สนบั สนนุ เผยแพรง่ านศลิ ปะและวรรณคดใี นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลัย เรามภี าษาและวรรณคดไี ทย เปน มรดกอันทรงคาตราบเทา ปจจบุ ันน)ี้ 116 เกรด็ แนะครู ครชู ้ีใหนักเรียนเห็นวาในสมยั รัชกาลที่ 2 เปน ยุคทองแหง วรรณกรรม ศลิ ปกรรมนนั้ เพราะเปน สมยั ท่บี านเมืองสงบ จึงทรงมุงทาํ นบุ าํ รงุ บานเมอื งอยา งเตม็ ที่ เพ่ือบํารงุ ขวญั ของประชาชน 116 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate ๓ ลักษณะคÓประพันธ์ อธบิ ายความรู บทพากยเ์ อราวณั ใชค้ า� ประพันธ์ประเภทกาพย์ฉบัง ๑๖ ซ่งึ มีลกั ษณะดังนี้ ใหนักเรียนศึกษาฉันทลักษณของ ๑ บท ม ี ๑๖ ค�า แบง่ เป็น ๓ วรรค วรรคแรกมีจา� นวน ๖ ค�า วรรคท ี่ ๒ ม ี ๔ คา� วรรค กาพยฉบัง 16 แลวสงตัวแทนมา สุดทา้ ยมี ๖ คา� อธบิ ายแสดงความเขา ใจหนา ชนั้ เรยี น สัมผสั บงั คับ ได้แก ่ ค�าสดุ ท้ายของวรรคแรก สัมผสั กับค�าสุดท้ายของวรรคที่ ๒ สมั ผัสระหว่าง โดยยกตัวอยางกาพยฉบัง 16 จาก บท คือคา� สดุ ท้ายของบทแรกสมั ผสั กับค�าสุดท้ายของวรรคแรกในบทต่อไป หนงั สือเรยี น 1 บท แผนผัง กาพยฉ์ บัง ๑๖ (แนวตอบ (บทท ่ี ๑) สามสิบสามเศยี รโสภา เศียรหนงึ่ เจ็ดงา ดงั เพชรรัตนร ูจี (บทท่ ี ๒) ครูและนักเรยี นรวมกันอธิบาย ลกั ษณะฉนั ทลกั ษณข องกาพยฉบัง ๔ เรือ่ งยอ่ 16 พรอ มทั้งจดบนั ทกึ ลงสมุด) บทพากย์เอราวัณเป็นเน้ือเร่ืองตอนหนึ่งในรามเกียรต์ิ ซ่ึงเกี่ยวข้องกับอินทรชิตซึ่งเป็นโอรส ขยายความเขา ใจ ของทศกัณฐ์กบั นางมณโฑ ช่ือเดิมวา่ “รณพกั ตร์” รณพักตรไ์ ด้ศกึ ษาศิลปวิทยากบั พระฤๅษโี คบุตร บ�าเพญ็ ตบะภาวนามนต์อยูน่ านถงึ ๗ ป ี จงึ ได้ ใหนักเรียนชวยกันแตงกาพยฉบัง ศร ๓ เล่ม จากพระผูเ้ ปน็ เจ้าท้ังสามองค ์ คอื ศรพรหมาสตรจ์ ากพระอศิ วร ศรนาคบาศจากพระพรหม 16 บรรยายธรรมชาติยามเชาโดยดู และศรวษิ ณปุ าณมั จากพระนารายณ ์ เมอื่ ไปรบกบั พระอนิ ทรไ์ ดร้ บั ชยั ชนะและไดจ้ กั รแกว้ ของพระอนิ ทร์ จากตัวอยา งในเร่ืองแตง จํานวน 2 บท กลับมายังกรุงลงกา ทศกัณฐ์ทรงพอพระทัยจงึ พระราชทานพระนามใหม่แก่รณพกั ตรว์ า่ “อินทรชิต” แลวอา นเปน ทาํ นองเสนาะพรอมกนั ในเรื่องรามเกียรต์ิซึ่งเป็นสงครามแย่งชิงนางสีดา ทศกัณฐ์ทรงให้พระญาติวงศ์พงศาออกรบ แตก่ ลบั พา่ ยแพห้ มด จึงโปรดให้อินทรชติ ออกรบถงึ ๔ ครัง้ เกร็ดแนะครู ครั้งแรก อินทรชิตถูกศรพลายวาตของพระลักษมณ์ต้องหนีกลับเข้าเมือง อินทรชิตจึงท�าพิธี ครูเลา ใหนักเรียนฟงเกยี่ วกบั โขน ชุบศรนาคบาศ ระหว่างท�าพิธีมังกรกัณฐ์ได้ออกรบแทนอินทรชิตแล้วถูกพระรามแผลงศรพรหมาสตร์ คือ การแสดงอยา งหนึ่งคลายละครราํ ต้องมังกรกัณฐ์ โดยผูแสดงสวมหวั จาํ ลองตางๆ ทเ่ี รยี กวา หวั โขน เลน เฉพาะเรอ่ื ง ครง้ั ท่ี ๒ อนิ ทรชติ รบกบั พระลกั ษมณ ์ แผลงศรนาคบาศถกู พระลกั ษมณแ์ ละพลวานร พระราม รามเกยี รติ์ การแสดงโขนมที าราํ ต้องใช้วิธีเรียกครุฑมาจกิ นาค อนิ ทรชิตจงึ ทา� พิธีชบุ ศรพรหมาสตรแ์ ตไ่ ม่สา� เร็จ ที่ออนชอ ยงดงาม ถอื วา โขนเปนการ แสดงนาฏศลิ ปช้นั สงู 117 นักเรียนควรรู อนิ ทรชติ แปลวา ผูชนะพระอินทร คมู อื ครู 117
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%) ใหน กั เรยี นอธบิ ายเกย่ี วกบั บทพากย ภำพวำดพระลักษมณ์ถกู ศรนำคบำศกลำงสนำมรบ คร้ังที่ ๓ อินทรชิตแปลงเป็นพระอินทร์ เอราวัณมาลว งหนา ภำพวำดงำนพระศพของอินทรชิต ขีช่ า้ งเอราวณั ออกมารบกับพระลกั ษมณ์ ในครั้งน้ี พระลักษมณ์ถูกศรพรหมาสตร์สลบไปพร้อม (แนวตอบ บทพากยโ ขนเปนบท พลวานร หนมุ านตรงเขา้ หกั คอชา้ งเอราวณั หนมุ าน รอ ยกรองประเภทกาพยและรายยาว ถกู อนิ ทรชติ ตดี ว้ ยคนั ศรจนสลบไปและเมอ่ื หนมุ าน มผี พู ากยทําหนาท่ีบรรยายเนือ้ เรอ่ื ง ต้องกระแสลมพดั จึงฟืน้ ขึ้น ประกอบกบั พระราม และเจรจาแทนตัวโขน ซึง่ สวมหัวโขน และพิเภกมายังสมรภูมิ พิเภกจึงให้หนุมานไปน�า ปดหนา ทง้ั หมด ตอ มาตวั ละครทเี่ ปน ยาทเ่ี ขาสรรพยา พระลกั ษมณแ์ ละไพร่พลได้กลิน่ เทพบตุ ร เทพธิดาไมไดสวมหัวโขน ยาจงึ ฟน้ื อนิ ทรชติ จงึ กลบั ไปตงั้ พธิ กี มุ ภนยิ าชบุ ศร แตก ็จะไมพ ูดหรือเจรจาเอง ตองมี ๓ เล่ม แต่พระลักษมณ์ล้างพธิ ไี ด้ ผพู ากย- เจรจาแทน ยกเวนผูแสดง เปน ตัวตลกหรือฤๅษบี างตนอาจ คร้งั ที่ ๔ อินทรชิตร่า� ลาลกู เมยี แลว้ ออก เจรจาเองเปน รอยแกว ) ไปรบ ก็ถกู พระรามแผลงศรตัดคอ องคตน�าพาน แว่นฟา้ ไปรองรับ และพระรามจึงตอ้ งแผลงศรไป เกรด็ แนะครู ทา� ลายใหเ้ ป็นจณุ ทั้งนเ้ี พราะพระพรหมประสาท ศรนาคบาศและอวยพรอนิ ทรชติ ใหเ้ รอื งฤทธ ์ิ “ถำ้ ครเู พม่ิ เติมความรูใ หน กั เรียน แม้นต้องตำยก็ให้ตำยบนอำกำศ ถ้ำแม้นหัวตก การพากยแ บงออกเปน 5 ประเภท ถึงดิน จงกลำยเป็นไฟกัลปเผำผลำญโลก” ใหญๆ คอื 1. พากยเมอื ง (หรอื พากย ส�าหรับบทพากย์เอราวัณตอนท่ีน�ามาศึกษาเป็นเพียงบางส่วนในฉากก่อนการออกรบคร้ังที่ ๓ ของอินทรชติ ซ่ึงใช้พระเวทของพระอิศวรแปลงกายเป็นพระอนิ ทร ์ เหล่ายักษแ์ ปลงเป็นเทวดา และ พลับพลา) ใชเ วลาตัวเอกประทับ การุณราชแปลงเปน็ ชา้ งเอราวัณลอยมาบนฟา้ หนุมานเตอื นพระลกั ษมณ์ให้ระวังตวั เพราะเห็นแปลก ในปราสาทหรอื พลบั พลา ที่บรรดาเทพเทวดาล้วนมีอาวุธครบครัน แต่พระลักษมณ์และไพร่พลวานรต่างเชื่อว่าเป็นพระอินทร์ 2. พากยร ถ (ชาง มา ) ตามแตจ ะ และเหล่าเทวดาเสด็จมาจริงๆ จึงเผลอชมความงามอย่างเพลิดเพลิน เป็นโอกาสให้อินทรชิตแผลงศร ใชพ าหนะใด พรหมาสตร์ถูกพระลกั ษมณ์จนสลบไป 3. พากยโอ ทาํ นองตอนตน เปน เนื้อเร่ืองในตอนนี้มีความโดดเด่นด้านการใช้ค�าสร้างจินตภาพให้แก่ผู้อ่าน ให้เห็นถึงความ พากย ตอนทา ยเปน ทาํ นองรอ ง สวยงามและความยง่ิ ใหญ่ของกองทพั ทั้งสองฝ่าย โอป ใชเ วลาเศราโศกราํ พัน แม้ว่าวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์จะได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย แต่อย่างไรก็ตามได้มีการน�ามา 4. พากยช มดง สาํ หรบั เวลาชมปา ปรับปรุงให้เข้ากับวัฒนธรรมและรสนิยมของคนไทย จึงท�าให้วรรณคดีเร่ืองน้ีมีความน่าสนใจและทรง 5. พากยบรรยาย (หรอื รําพนั ) คณุ ค่าสบื เนือ่ งมาจนถึงปจั จุบัน ใชบรรยายความเปน มาของ ส่งิ ใดสง่ิ หน่ึงหรอื รําพึงรําพัน 118 118 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๕ เนือ้ เรือ่ ง กระตุนความสนใจ บทพากยเ์ อราวณั เหมอื นองค์อมรินทร์ ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกับ อนิ ทรชิตบดิ เบอื นกายนิ เผอื กผ่องผวิ พรรณ บทพากยเ อราวัณ ครูถามนักเรยี นวา ทรงคชเอราวัณ๑ เศียรหนึ่งเจ็ดงา สระหนึ่งย่อมมี • ใครบา งทเี่ คยชมการแสดงทใ่ี ช ช้างนริ มติ ฤทธแิ รงแข็งขนั ดอกหนึ่งแบง่ บาน บทพากย และชมเรอ่ื งอะไร สสี ังข์สะอาดโอฬาร์ เจ็ดองค์โสภา อีกเจด็ เยาวมาลย์ • นักเรยี นคดิ วาบทพากยจะใช สามสิบสามเศียรโสภา ช�าเลอื งหางตา ประกอบการแสดงอยา งไร ดังเพชรรตั น์รจู ี ทกุ เกศกญุ ชร ซองหางกระวิน๔ สาํ รวจคน หา งาหนึ่งเจด็ โบกขรณ ี ผ้าทิพย์ปกตระพอง เจ็ดกออบุ ลบนั ดาล 1. ใหนกั เรยี นคน ควาลักษณะ ชางเอราวณั ตามบทประพันธ กอหนึง่ เจ็ดดอกดวงมาลย์ มกี ลีบได้เจด็ กลีบผกา 2. บันทึกลักษณะชางเอราวณั ที่ เรยี บเรยี งแลวลงสมุด กลบี หนึ่งมีเทพธิดา แน่งน้อยลา� เพานงพาล อธิบายความรู นางหนึ่งยอ่ มมบี ริวาร 1. ใหถ อดคําประพันธห นา 119 ล้วนรูปนิรมติ มายา๒ บนั ทึกลงสมดุ จับระบา� ร�ารา่ ยสา่ ยหา 2. ใหนกั เรยี นจดั กลมุ 5-6 คน ทอ งจํา ทา� ทีดงั เทพอัปสร๓ บทประพนั ธห นา 119 แลวทอ งให ครูฟง มวี มิ านแก้วงามบวร ดงั เวไชยันตอ์ มรินทร์ เกรด็ แนะครู เคร่อื งประดบั เก้าแกว้ โกมนิ ครูชใ้ี หนกั เรียนเห็นการพรรณนา สรอ้ ยสายชนกั ถกั ทอง ลักษณะของชางเอราวณั ในเร่ือง สะทอ นใหเหน็ ความยงิ่ ใหญโ อฬาร ตาขา่ ยเพชรรตั น์รอ้ ยกรอง เพราะแตละสว นของชา งเอราวัณยังมี ห้อยพ่ทู ุกหูคชสาร รายละเอียดท่สี วยงามวิจิตร แตแ ฝง ไปดว ยความยิง่ ใหญอ ลงั การ เปน ชา ง ๑๒๔๓ ฉฉฉฉบบบบัับัับบบหหหหออออสสสสมมมมดดุุดดุุ ววววชชชชรริริริิ ญญญญาาาาณณณณ เขยี น เอราวรรณ ทรงท่คี วรคูก ับบารมีของพระอนิ ทร เขียน นิมติ มารยา เขยี น อบั ศร นกั เรียนควรรู เขยี น กระวิล 119 โอฬาร หรอื โอฬาร หมายถงึ ใหญโต ย่ิงใหญ นักเรยี นควรรู นักเรียนควรรู ตระพอง หรอื กระพอง หมายถงึ โบกขรณี หมายถึง สระบวั สว นทน่ี ูนเปน ปมุ 2 ขางศรี ษะชาง คมู อื ครู 119
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%) ใหนักเรียนรวมกันศึกษาเปรียบ- โลทนั สารถขี ุนมาร เป็น๑เทพบตุ รควาญ เทียบบทพากยเอราวัณและกลอนบท ขบั ทา้ ยท่นี ่งั ช้างทรง เปลยี่ นแปลงกายคง ละครเรอ่ื งรามเกยี รติ์ (พระราชนิพนธ ทัพหลังสุบรรณ ในรชั กาลที่ 2) บรรดาโยธาจตั รุ งค ์ คนธรรพป์ กี ขวา • การใชฉ นั ทลกั ษณท ี่แตกตางกัน เป็นเทพไทเทวัญ โตมรศรชยั รีบเร่งรี้พล สง ผลตอเรื่องอยางไร ทัพหนา้ อารักษ๒์ไพรสณั ฑ์ (แนวตอบ บทพากยเ อราวณั ใชก าพย กินนรนาคนาคา พอพระสุรยิ ์ศรี ฉบัง 16 ทํานองเสียงของกาพย เฟ่ืองฟุ้งวนา ใหความรสู กึ โออ า เหมาะกับการใช ปกี ซา้ ยฤๅษิตวทิ ยา รอ่ นราถาลง เปนบทพากย ในขณะที่กลอนบท ตัง้ ตามตา� รับทพั ชยั ๓ ไกข่ ันปกี ตี ละครมีเสยี งทาํ นองกลอนทีล่ ื่นไหล หาคู่เคียงประสาน ร่ืนหูกวา เหมาะสําหรับการแสดง ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร สรา่ งแสงอโณทยั ประกอบทา รํา) พระขรรคค์ ทาถ้วนตน ขยายความเขาใจ ลอยฟ้ามาในเวหน มาถงึ สมรภูมิชัย๔ 1. ศึกษาคําประพันธและถอดคํา ฯ เจรจา ฯ ประพนั ธ หนา 120 2. ครใู หน กั เรียนขยายความเขา ใจ เมอ่ื น้ันจึงพระจกั รี ในการจดั ทัพ หนา 120 โดยให อรุณเรอื งเมฆา นกั เรยี นเขยี นแผนผงั การจัดทัพ บนกระดาน ลมหวนอวลกล่นิ มาลา (แนวตอบ นวิ าสแถวแนวดง ทัพหนา เทพารกั ษ ผง้ึ ภู่หม่คู ณาเหมหงส ์ ทัพซา ย ทพั ขวา แทรกไซ้ในสรอ้ ยสุมาลี วทิ ยาธร คนธรรพ ทัพหลัง ดุเหวา่ เร้าเร่งพระสรุ ยิ ์ศรี (ครฑุ กินนร นาค) กู่ก้องในท้องดงดาน ปักษาต่นื ตาขนั ขาน ส�าเนียงเสนาะในไพร เดอื นดาวดบั เศร้าแสงใส ก็ผ่านพยบั รองเรือง นกั เรยี นควรรู ๑๔๓๒ ฉฉฉฉบบบบบับับัับหหหหออออสสสสมมมมุดุุดดดุ ววววชชชชริิิรริรญญญญาาาาณณณณ เขยี น เปน เขยี น อารักข โยธาจตั รุ งค หมายถงึ กองทพั เขยี น ไชย 4 เหลา คอื เหลาชาง เหลามา เขยี น ไชย เหลา รถ และพลเดนิ เทา 120 นกั เรียนควรรู นักเรยี นควรรู นักเรยี นควรรู สบุ รรณ หมายถึง ครฑุ โตมร หมายถึง อาวุธสําหรับซดั อโณทยั หมายถึง พระอาทติ ยเ พ่ิงขึ้น หอกดา มสัน้ 120 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate จบั ฟา้ อากาศแลเหลอื ง ธบิ ดินทรเ์ ธอบรรเทอื ง สาํ รวจคน หา บรรทมฟืน้ จากไสยา ฯ เจรจา ฯ ไพโรจนร์ จู ี ใหนักเรียนศึกษาคนควาลักษณะ เริงร้องถวายชยั นสิ ยั ของตวั ละครในบทพากยเ อราวณั เสด็จทรงรถแกว้ โกสยี ์ กรกุมพระขรรค์ จากหนังสอื เรียนและแหลง การเรยี นรู จะแข่งซ่งึ แสงสุรยิ ใ์ ส กกึ กอ้ งก�ากง ตา งๆ พัดโบกพชั นี เทยี มสนิ ธพอาชาไนย แตรสังขเ์ สียงประสม อธบิ ายความรู ชนั หรู ะเหิดหฤหรรษ์ เลือ่ นลน่ั สนน่ั ใน ออ่ นเอยี งเพยี งปลาย นักเรียนนาํ เสนอผลการวิเคราะห มาตลสี ารถเี ทวญั เนือ้ นกตกใจ วจิ ารณลักษณะนสิ ยั ของตวั ละคร ขบั รถมากลางจตั รุ งค์ หัสดนิ อินทรี ดังน้ี หกั ถอนพฤกษา เพลารอยพลอยประดับดุมวง แหลกล่ลู ม้ ลง • อนิ ทรชติ กระทบกระท่งั ธรณี เทวญั จันทรี • พระลักษมณ • สุครีพ มยรุ ฉัตรชุมสายพรายศร ี พรอ มยกตวั อยา งจากเรอ่ื งประกอบ กบร่ี ะบายโบกลม ใหเห็นเดน ชัด แลว บันทกึ ความรู ลงสมุด อึงอนิ ทเภรีตีระงม ประสานเสนาะในไพร ขยายความเขา ใจ เสียงพลโหร่ อ้ งเอาชัย นักเรียนพจิ ารณาลกั ษณะนสิ ยั ของ พภิ พเพียงทา� ลาย ตวั ละคร และนําเสนอหนา ชน้ั เรียน สัตภณั ฑบ์ รรพตท้งั หลาย • ในบทพากยเอราวณั ตวั ละคร ประนอมประนมชมชยั ตัวใดทคี่ วรนาํ มาเปนแบบอยา ง ในการปฏิบัติตน เพราะเหตุใด พสธุ าอากาศหวาดไหว (แนวตอบ นักเรยี นตอบได ซกุ ซ่อนประหวน่ั ขวัญหนี หลากหลาย ขึ้นอยูกับเหตุผล ของนักเรยี น) ลกู ครุฑพลัดตกฉมิ พล ี คาบชา้ งกว็ างไอยรา นักเรียนควรรู วานรสา� แดงเดชา พัชนี หมายถึง พดั ถอื ต่างอาวธุ ยทุ ธยง ไมไ้ หล้ยูงยางกลางดง ละเอยี ดดว้ ยฤทธิโยธี อากาศบดบงั สรุ ิยศ์ รี ทกุ ชน้ั อา� นวยอวยชยั นกั เรยี นควรรู 121 นกั เรยี นควรรู มยุรฉัตร คือ พนมหางนกยูง หรือเครื่องกั้นบังเปน สตั ภณั ฑบ รรพต คอื เขาสตั บรภิ ณั ฑ ชั้นๆ ทําดวยหางนกยูง เปนเคร่ืองสูงใชในงานพิธี หรือเขาสัตภัณฑ ตามคติความเช่ือ โสกนั ต (พธิ โี กนจกุ พระบรมวงศช น้ั พระองคเ จา ขน้ึ ไป) ทไ่ี ทยรบั มาจากอนิ เดยี เปน ภเู ขาทล่ี อ มเปน วงกลมรอบเขาพระสเุ มรุ เปนช้นั ๆ รวม 7 ชั้น สงู ลดหลน่ั กนั ลงมาตามลาํ ดบั ชื่อภเู ขาชั้นใน ท่ีสุดจากเขาพระสุเมรุออกมา คือ ยุคนธร อิสินธร กรวิก สุทัสนะ เนมินธร วนิ ตกะ อัสกัณ ระหวางภเู ขาแตล ะชนั้ มีทะเลสที ันดรคั่น คูมอื ครู 121
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%) ใหนกั เรียนแบง กลุมศึกษาคติ บ้างเปิดแกลแก้วแววไว โปรยทิพมาลยั ความเชอื่ ทปี่ รากฏในบทพากยเ อราวณั ซอ้ งสาธุการบูชา แลว นําเสนอหนาชน้ั เรียน ชักรถรเ่ี รอ่ื ยเฉ่อื ยมา พ่มุ บษุ ปมาลา (แนวตอบ กงรถไมจ่ ดธรณนิ ทร์ 1. ความเชื่อในเรอ่ื งเทพเจา เน้อื หา เร่งพลโยธาพานรินทร ์ เร่งรดั หสั ดนิ และเร่ืองราวเก่ียวของกับพระ อิศวร พระพรหม พระนารายณ วานรใหเ้ ร่งรีบมา พระอินทร 2. ความเช่ือในเรื่องโชคลาง เมื่อ ฯ เจรจา หยุดทพั ฯ กองทัพของพระลักษมณพรอม จะออกสรู บ ไดม กี ารเปา แตรและ เม่ือนั้นพระศรอี นุชา เอ้อื นอรรถวัจนา สังข ทหารโหร องเอาฤกษเ อาชยั ตรสั ถามสคุ รพี ขุนพล 3. คติความเช่ือเร่ืองภูมิศาสตรโลก ท่ีรับมาจากคติของอินเดีย เชน เหตุไฉนสหสั นยั นเ์ สด็จดล สมรภมู ไิ พรสณฑ์ เขาสัตภัณฑ สวรรค วิมารฉิมพลี เธอมาด้วยกลอนั ใด เปนตน ) สุครพี ทลู ทดั เฉลยไข ทุกทีสหัสนัยน์ เสด็จด้วยหม่เู ทวา อวยชยั ถวายทิพมาลา บัดนี้เธอมา เหน็ วิปริตดูฉงน ขยายความเขาใจ ทรงเคร่อื งศสั ตราแย่งยล ฤๅจะกลบั เปน็ กล ใหนักเรยี นแสดงความคิดเหน็ คติ ไปเขา้ ด้วยราพณอ์ าธรรม์ ความเชอื่ เร่อื งเทพเจาในชีวติ ปจจบุ นั พระผู้เรอื งฤทธิแข็งขนั คอยดสู า� คญั • ในชมุ ชนของนกั เรยี นมีคติ อยา่ ไวพ้ ระทัยไพรี ความเช่ือเร่อื งเทพเจา ของ ศาสนาพราหมณห รือไม เมอ่ื นน้ั อินทรชติ ยักษ ี ตรสั สัง่ เสนี ใหจ้ ับระบ�าร�าถวาย • นักเรยี นเช่อื ในคตดิ งั กลา ว หรือไม เพราะเหตใุ ด ให้องคอ์ นุชานารายณ์ เคลบิ เคลมิ้ วรกาย (แนวตอบ ไมม ผี ิดถูก ครชู แี้ นะวา จะแผลงซึ่งศสั ตรศรพล ความเช่อื ดังกลาวเปน ความเช่ือ ฯ เจรจา ฯ สว นบุคคลไมค วรลบหลู และ ความเช่ือนกี้ ็เปนแรงบนั ดาลใจ อนิ ทรชติ สถิตเหนือเอรา วัณทอดทศั นา มคี ุณคา ท้ังการสรา งสรรคงาน เหน็ องค์พระลกั ษมณฤ์ ทธริ งค์ ศิลปะและจติ ใจดว ย) เคลิบเคล้มิ หฤทัยใหลหลง จึงจับศรทรง พรหมาสตร์อนั เรืองเดชา นักเรียนควรรู 122 ราพณ หมายถงึ ยกั ษ มักหมายถงึ เกรด็ แนะครู ทศกัณฐ ครูเพิ่มเติมความรใู หนกั เรยี นจากบทประพันธ “อินทรชิตสถิตเหนือเอรา วัณทอดทศั นา นักเรียนควรรู เหน็ องคพ ระลักษมณฤทธิรงค” คาํ วา “เอราวัณ” ทีเ่ ขียนแยกกนั อยูคนละวรรคนนั้ ถอื วา เปน คําโทษ เรยี กวา คํายตั ภิ งั ค คอื คําไมหมดตรงที่กาํ หนดไวต ามฉันทลักษณ แตเ ลยไปวรรคหลัง ไพรี หมายถงึ ขาศกึ ศตั รู อาจมีหรอื ไมม เี ครือ่ งหมายยัติภังคค ั่นก็ได 122 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate ทนู เหนือเศยี รเกล้ายักษา หมายองค์พระอนุชา สาํ รวจคนหา กแ็ ผลงสา� แดงฤทธิรณ ใหน กั เรยี นคน หาศพั ทท ี่ควรรู เพ่มิ เตมิ จากบทพากยเ อราวัณ อากาศกอ้ งโกลาหล โลกลั่นองึ อล อธิบายความรู อา� นาจสะท้านธรณี 1. ใหน กั เรียนเลือกคาํ ศัพทจากบท ศรเต็มไปทั่วราศ ี ต้ององคอ์ ินทรยี ์ เรียนคนละ 5 คาํ บันทึกลงสมุด พระลกั ษมณก์ ก็ ลงิ้ กลางพล 2. แลกสมดุ กับเพอ่ื น แลว เขยี น ฯ เจรจา อนิ ทรชติ กลับทัพ ฯ อธบิ ายความหมายของคําศพั ท ฯลฯ ท่ีเพอ่ื นเลือก ๖ คÓศพั ท์ ความหมาย ขยายความเขา ใจ ค�าศพั ท์ สว่ นท่เี ป็นวงรอบของลอ้ รถ “กงรถไม่จดธรณนิ ทร”์ หมายความวา่ ลอยเลอื่ น ใหน ําคําศพั ทท ี่นกั เรียนเลอื กมา กง ไปในอากาศ ล้อรถไมส่ ัมผัสกับพื้นดิน แตงเปน คาํ คลองจองตอกันกับเพือ่ น ลิง ในทน่ี ้คี อื พลวานรในกองทัพของพระราม กบี่ หว่ งทเี่ กี่ยวกันส�าหรับ นกั เรียนควรรู กระวนิ โยงสัปคับช้าง (ที่นั่งบนหลงั ช้าง) องึ อล หมายถึง เซง็ แซ กายิน กาย กินนร เปน็ อมนษุ ย์ท่มี รี ูปร่างครงึ่ คนครึง่ นก ถา้ เปน็ หญิงเรียกวา่ กินรี กญุ ชร ช้าง เก้าแกว้ นพรัตน ์ คือ แกว้ เกา้ อยา่ ง ได้แก ่ เพชร ทับทมิ มรกต บษุ ราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทายและไพฑรู ย์ 123 @ มมุ IT ศกึ ษาเพิ่มเติมเกีย่ วกับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรือ่ งรามเกียรติ์ หอ งที่ 76 ตอนอนิ ทรชติ ออกศกึ และแปลงกายเปน พระอนิ ทร http://www.era.su.ac.th/Marad/prasri/index.html คมู อื ครู 123
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%) ครแู ละนกั เรียนรว มกนั แปล ค�าศพั ท์ ความหมาย ความหมายคาํ ศพั ทท ร่ี วบรวมเพมิ่ เตมิ โกมนิ แลว นักเรยี นบนั ทกึ ความรูลงสมดุ มาจากค�าว่าโกเมน หมายถงึ พลอยสีแดงเข้ม ขยายความเขาใจ คนธรรพ์ ชาวสวรรค์พวกหนึ่ง เป็นบริวารท้าวธตรฐ มีความช�านาญในวิชาดนตรีและ ขบั ร้อง 1. ใหนักเรยี นใชจนิ ตนาการวาดภาพ จนั ทรี พระจันทร ์ ซง่ึ เปน็ เทพองค์หนงึ่ ในที่นี้ใช ้ จันทรี เพ่อื รบั สัมผัสกับ “สรุ ียศ์ ร”ี ประกอบคําศพั ททนี่ กั เรยี นคิดวา จับระบา� เร่ิมฟอ้ นร�า นาสนใจทสี่ ดุ ฉิมพลี ต้นง้ิว ตามเร่อื งเลา่ จากไตรภูมพิ ระร่วง ทเี่ ชิงเขาพระสุเมรุ มีป่าต้นงิ้วอย่รู อบ สระฉิมพลี เปน็ ท่อี าศยั ของฝงู ครุฑทง้ั หลาย 2. ใหนักเรียนเขียนพรรณนาภาพวาด ชนกั เครอื่ งผูกคอช้าง ทา� ด้วยเชอื กเป็นปมหรอื ห่วงหอ้ ยพาดลงมา เพือ่ ใหค้ นทขี่ ่คี อ ความยาว 5 บรรทดั ใช้หัวแม่เทา้ คบี กนั ตก ซองหาง เคร่อื งคลอ้ งโคนหางช้าง นักเรียนควรรู ดวงมาลย์ ดอกไม้ ตระพอง ส่วนทนี่ ูนเปน็ ป่มุ ๒ ข้างที่ศีรษะช้าง คนธรรพ ทง้ั หมดเปน เพศชาย ตาข่ายเพชรรตั น์ ตาขา่ ยร้อยโดยเพชรส�าหรับแต่งหัวชา้ ง คูกบั นางอัปสรซงึ่ เปนเพศหญงิ โตมร อาวธุ ส�าหรบั ซดั หอกซัด และเปน ชาวสวรรคเชน กนั ในตํานาน สามง่ามทม่ี ีปลอกรปู พระพุทธศาสนากลา ววา คนธรรพ เปน็ ใบโพสวมอยู่ เกิดจากตน ไมท่ีมีกลนิ่ หอม ถา ถลา โผลง 124 124 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate คา� ศพั ท์ ความหมาย อธบิ ายความรู เทพอัปสร ธรณินทร์ นางฟ้า 1. ใหนักเรียนรวบรวมคําศพั ทใ น ตามศัพท์แปลวา่ ผู้เปน็ ใหญใ่ นแผน่ ดิน คา� ว่า ธรณ ี (แผ่นดิน) สมาสกับคา� ว่า บทประพันธต อนทีอ่ ินทรชติ กาํ ลงั ธบิ ดินทร์ อินทร ์ (ผู้เปน็ ใหญ)่ ค�าวา่ ธรณินทรใ์ นท่ีนใ้ี ช้เพอื่ ความไพเราะของบทประพนั ธ ์ แปลงกายเปนพระอนิ ทร นงพาล มคี วามหมายอย่างเดยี วกับธรณี หมายถึง แผ่นดิน นมิ ติ คือ อธิบดินทร ์ พระราชาผเู้ ปน็ ใหญ ่ หมายถึง พระราม 2. นักเรียนชวยกันหาความหมายของ บรรเทือง นางร่นุ สาว คําศัพทท่ีรวบรวมมา จากน้ันถอด บิดเบอื นกายนิ สรา้ ง แปลง ท�า คําประพันธบทที่อินทรชิตแปลง โบกขรณี ประเทอื ง ทา� ใหด้ ีขึน้ ในท่ีนี้หมายถงึ ตน่ื ขน้ึ กาย ผกา แปลงกาย ผ้าทิพย์ สระบัว ขยายความเขาใจ ดอกไม้ ในทีน่ ี้คอื ดอกบัว พรหมาสตร์ ปกติหมายถึง ผ้าที่ห้อยหน้าฐานพระพุทธรูปหรือหน้าราชอาสน์หรือพนัก ใหน ักเรียนเลอื กคาํ ศพั ทท นี่ ักเรียน พลับพลา ในท่ีนี้คอื ผ้าที่คลุมตระพองชา้ งเพอ่ื ตกแต่งให้สวยงาม สนใจนํามาสรา งประโยคจํานวน พระจักรี ศรทพ่ี ระอศิ วรประทานใหร้ ณพักตร์ซึ่งต่อมาคืออินทรชติ (ศรทีพ่ ระรามได้จาก 5 ประโยค ฤษวี ศิ วามติ รกช็ อ่ื พรหมาสตร ์ ทช่ี อื่ ซา�้ กนั เชน่ น ี้ เพราะพรหมาสตรเ์ ปน็ ชอื่ มนตร์ พระลักษมณ์ ท่ีใช้ชบุ ศรเม่ือชบุ แล้ว ศรนัน้ จงึ เรยี กว่า ศรพรหมาสตร์) นักเรียนควรรู ผู้ถือจกั ร คือ พระนารายณ์ ในทนี่ ้ีหมายถึง พระรามผูเ้ ปน็ อวตารปางหนึง่ ของ พระสรุ ยิ ศ์ รี พระนารายณ์ พรหมาสตร อา นวา พรม-มาด พัดโบก พระอนชุ าตา่ งพระมารดาของพระราม เปน็ โอรสนางสมทุ รชา เมอ่ื พระนารายณ์ เปนการสรางคาํ แบบสมาสอยาง อวตารลงมาเป็นพระราม สังขซ์ ึ่งเปน็ เทพอาวธุ ของพระนารายณ์และพญานาค มสี นธิ (พรหม + ศสั ตรา) ศัตรา พานรินทร์ ซงึ่ เปน็ บลั ลงั ก์ของพระนารายณ์กล็ งมาเกิดเปน็ พระลกั ษมณ์คบู่ ญุ ของพระราม มีความหมายวา อาวธุ พระอาทติ ย์ เครอื่ งสงู ชนดิ หนงึ่ แสดงถงึ อสิ รยิ ยศ เปน็ พดั สา� หรบั โบกลมถวายพระมหากษตั รยิ ์ ซึง่ ประทับ ณ ทสี่ งู ในท่ีนี้ใช้เพื่อความไพเราะของบทประพันธ์ มีความหมายอย่างเดียวกับพานร หมายถึง พลวานรในกองทพั พระราม 125 คมู ือครู 125
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธิบายความรู คา� ศพั ท์ (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%) มยรุ ฉตั ร ใหน กั เรียนพิจารณาคําไวพจนท ี่ มาตลี ความหมาย ปรากฏในบทพากยเ อราวัณ มารยา แยง่ ยล เครื่องสงู สา� หรับแสดงอิสริยยศ เปน็ เคร่ืองกนั้ บังเป็นชนั้ ๆ ทา� ด้วยหางนกยูง • คาํ ไวพจนในเร่ืองน้ไี ดแกคาํ ใด เยาวมาลย์ มาตลเี ปน็ ชือ่ สารถีของพระอินทร์ มาขบั รถทรงใหพ้ ระราม บา ง และมคี วามหมายอยางไร โยธาจัตุรงค์ การแสรง้ ทา� การล่อลวง (แนวตอบ คาํ ไวพจนใ นบทพากย รถแกว้ โกสยี ์ แยงยล หมายความว่า มองดู เอราวัณ เชน คําท่มี คี วามหมาย รอย หญิงสาวสวย วา “งาม” ไดแกคําวา แยง ยล ระเหดิ กองทพั ๔ เหลา่ ไดแ้ ก ่ เหลา่ ชา้ ง เหลา่ มา้ เหลา่ รถ และเหลา่ ราบ (พลเดนิ เทา้ ) ลาํ เพา คําท่ีมคี วามหมายถึง ราพณ์ รถทรงทีพ่ ระอนิ ทร์ (โกสยี ์) ประทานใหพ้ ระรามพร้อมสารถ ี ชื่อ มาตลี หญงิ สาวสวย เชน คาํ วา ราศี เปน็ ลวดลาย ในความวา่ “เพลารอยพลอยประดับดุมวง” นงมาล เยาวมาลย) สูงตระหงา่ น ร้พี ล ทศกัณฐ์ • ทําไมในบทพากยเอราวัณจึง ฤทธริ งค์ ในที่นีห้ มายถึง ทวั่ ไป “ศรเต็มไปทัว่ ราศ”ี หมายความวา่ ศรทอ่ี นิ ทรชติ แผลง มีการใชคําไวพจน ฤทธิรณ ไปน้นั กระจายท่ัวไปในทอ้ งฟ้า (แนวตอบ เพราะบทพากย ฤๅษิต กระบวนทหาร กองทพั เอราวณั มลี กั ษณะเดน ตรงทใี่ ช ลา� เพา ความสามารถในการรบ (รงค แปลว่า สนามรบ) การพรรณนาโวหารตลอดเรอื่ ง โลทนั ความสามารถในการรบ (รณ แปลวา่ การส้รู บ) การใชค าํ ไวพจนจึงทําใหก าร วทิ ยา มาจาก “ฤๅษิตวิทยา” หมายถึง ผูร้ ู้อาคม พรรณนาใชคําไดหลากหลาย โฉมงาม โดยไมเสยี ความ) เวไชยันต์ เปน็ ชื่อสารถขี องอนิ ทรชติ เปน็ พลยักษก์ รุงลงกาผ้ขู บั รถศึกในครั้งตา่ งๆ มาจาก วทิ ยาธร หมายถงึ เทพบุตรพวกหนึง่ มฐี านะตา่� กวา่ เทวดา มหี นา้ ทเี่ ล่น ขยายความเขาใจ 126 ดนตรีบนสวรรค์ เวชยันต์หรือไวชยันต์ เป็นช่ือวิมานและรถทรงของพระอินทร์ ในสวรรค์ช้ัน 1. ใหนกั เรียนหาคําไวพจนของคําวา ดาวดึงส์มีเมืองไตรตรึงษ์ของพระอินทร์ เมืองไตรตรึงษ์มีวิมานใหญ่งดงามช่ือ เยาวมาลย จาํ นวน 10 คํา ไพชยนต์ หรอื ไวชยันต์ หรอื เวชยนั ต ์ เม่ือพระอนิ ทรป์ รารถนาจะเสดจ็ ไปทใี่ ด เชน นงคราญ วนิดา อรทัย วิมานนีก้ ็จะเปลีย่ นเปน็ พาหนะทรง 2. ยกคําประพนั ธจ ากวรรณคดี เรือ่ งอืน่ ๆ มา 3 คําประพนั ธ ทมี่ ี คาํ ไวพจนเ หมือนท่นี ักเรียนหามา 3. ใหนักเรยี นคนหาคาํ ศัพทใ น วรรณคดีไทยที่มีความหมายวา “ชาง” (แนวตอบ ตัวอยา งเชน กรี (กะร)ี กญุ ชร กรินทร คช คชา คชาธาร มาตงค คชสาร คเชนทร วารณะ สินธรุ ะ หตั ถี หสั ดิน ทนดี พารณ พารณะ) 126 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate ค�าศพั ท์ ความหมาย อธิบายความรู เวหน สมรภูมิ ทอ้ งฟา้ 1. นักเรยี นชวยกนั รวบรวมคําท่แี สดง สร้อยสุมาลี สนามรบ อาการเคล่ือนไหว นําเสนอหนา สหสั นัยน์ ดอกไม้ ชนั้ เรียนคนละ 1 คาํ พรอ มอธิบาย สัตภัณฑ์ พันตา หมายถึง พระอนิ ทร์ ความหมาย ชอื่ หมู่เขา ๗ ชัน้ ทล่ี ้อมรอบเขาพระสุเมรุ ไดแ้ ก่ ยุคนธร อสิ นิ ธร กรวิก สุบรรณ สุทสั นะ เนมินธร วินตกะ และอสั กณั 2. บนั ทึกคําศัพทท่ีนกั เรยี นและเพอื่ น ครุฑ เป็นพาหนะของพระนารายณ์ นาํ เสนอลงสมุดของนักเรียน ขยายความเขาใจ ใหน กั เรียนจบั คูนําคําศพั ทท ี่แสดง การเคล่อื นไหว 1 คํา มาแตง บท ประพนั ธตามความสนใจของ นกั เรียน 1 บท อมรนิ ทร์ พระอนิ ทร ์ กายมสี เี ขียว เป็นเทพสงู สดุ บนสวรรคช์ ้ันดาวดงึ ส์ นกั เรียนควรรู อปั สร อารักษ์ นางฟ้า ครุฑ มีฉายานามหลายช่ือ แตที่ อินทเภรี รจู กั กนั มากคือ “เวนไตย” (เวนเตยะ) เทพารักษ ์ เทวดาผ้พู ทิ ักษ์ แปลวา ลูกนางวินตา เปนช่ือเรียก อินทรชิต พญาครุฑในนิทานเร่ืองกากีคํากลอน กลองที่ใช้ตีให้สัญญาณในกองทัพเวลาออกศึกในสมัยโบราณ เช่น ตีบอกให้ ช่ือ “สุบรรณ” แปลวาผูมีขนสีทอง ถอย ให้หยุด เป็นต้น งามรุงเรือง และ “วิษณุรถ” แปลวา พาหนะของพระวิษณุ ยักษ์ตนหนง่ึ ชอื่ เดมิ คอื รณพักตร์ เป็นโอรสของทศกัณฐ์ กับนางมณโฑ อนิ ทรชิต แปลวา่ รบชนะพระอินทร์ เอราวัณ เป็นเทพบตุ รองค์หนึง่ จะเนรมติ เป็นชา้ งทรง เมอ่ื พระอนิ ทรเ์ สดจ็ 127 คูม ือครู 127
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตุน ความสนใจ (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%) ครชู วนนักเรยี นสนทนา ครถู าม ๗ บทวิเคราะห์ นักเรียนวา ๗.๑ คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา • การที่รณพักตรไดพรและ ศรวเิ ศษจากเทพท้งั สามนั้น เอราวัณเป็นชา้ งทรงของพระอนิ ทร์ มีกายสีขาว มเี ศียร ๓๓ เศยี ร ในไตรภมู ิพระร่วงมีการ นักเรียนวา ดหี รือไม พรรณนาถงึ ชา้ งเอราวณั เมอื่ พระอนิ ทรเ์ สดจ็ ลงมาสรา้ งเมอื งอโยธยาในเรอ่ื งรามเกยี รตก์ิ ม็ บี ทพรรณนา ถึงช้างเอราวัณ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงบรรยายเหตุการณ์ตอนที่อินทรชิต • ถา นักเรียนเปนรณพักตรไ ด แปลงกายเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณยกทัพไปรบกับพระราม ทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทพากย ์ ครอบครองพรและศรวิเศษ โดยใช้กาพย์ฉบงั ๔๐ บท ดา� เนินเรื่องตง้ั แต่อนิ ทรชติ แปลงกายเปน็ พระอนิ ทร์ จนถึงสามารถแผลงศร จากเทพทงั้ สาม นกั เรียนจะทํา พรหมาสตร์ถกู พระลักษมณไ์ ด้ การใช้กาพย์ฉบัง ๑๖ ให้ความร้สู กึ โออ่ ่าเหมาะแกก่ ารใช้เป็นบทพากย์ อยา งไร บทพากย์เอราวัณใช้ประกอบกระบวนร�าในการเล่นโขน จุดเด่นของเรื่องจึงไม่อยู่ที่เน้ือเร่ือง การด�าเนินเร่ืองราวและการเล่าเรื่องมีขนาดสั้น แต่จะเน้นการพรรณนาความเคล่ือนไหวอันอ่อนช้อย สาํ รวจคนหา ของตวั ละคร การพรรณนากระบวนทพั เพอื่ แสดงใหเ้ หน็ ความยิ่งใหญอ่ ลังการในศกึ ครง้ั นี้ วรรณคดเี รอ่ื งนแ้ี มไ้ มเ่ ดน่ ดา้ นเนอ้ื เรอื่ ง แตก่ ท็ รงคณุ คา่ ในประวตั คิ วามเปน็ มา บทพากยเ์ อราวณั ใหน ักเรยี นคน หาเกย่ี วกับพรและ เป็นตอนหน่ึงของเรื่องรามเกียรต์ิที่มีมาต้ังแต่สมัยอยุธยา โดยน�าเนื้อเรื่องมาแต่งเป็นบทส�าหรับการ ศรวิเศษท่ีรณพักตรไดค รอบครอง แสดงมหรสพการเล่นหนังใหญ่และโขน ประวัติความเป็นมาอันยาวนานท�าให้ผู้อ่านมองเห็นร่องรอย ทางความคดิ ของกษตั รยิ ใ์ นชว่ งการผลดั เปลย่ี นรชั สมยั เมอ่ื ครง้ั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ า- • พรและศรวเิ ศษทรี่ ณพักตรได โลกมหาราชสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์ทรงโปรดเกล้าฯ ใหก้ วฟี ้นื ฟบู ทละครเรอื่ งรามเกยี รติ์ เพอ่ื ใชใ้ น ครอบครองมีอะไรบา ง และ การแสดงละครสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราช- แตล ะอยา งใครเปน ผปู ระทาน นพิ นธบ์ ทพากย์เอราวณั บทพากยน์ างลอยและบทพากย์นาคบาศ และรัชกาลตอ่ ๆ มาทรงพระราช- ใหร ณพักตร นิพนธ์อีกหลายส�านวน ท�าให้เห็นได้ว่ามีการสานต่อวรรณคดีเร่ืองนี้ในฐานะที่เป็นราชูปโภคของ (แนวตอบ รณพกั ตรไ ดร ับ กษัตริย์ กษัตริย์ไทยทรงใช้วรรณคดีในการสร้างเอกลักษณ์ความเป็นชาติ สงครามในรามเกียรต์ิน้ัน ศรพรหมาสตรและพรในการ ย่ิงใหญ่เทียมเท่าเกียรติยศของราชาผู้ปกครองประเทศ รามเกียรต์ิจึงเป็นวรรณคดีคู่บ้านคู่เมืองและ แปลงกายเปน พระอนิ ทรจาก เป็นสญั ลกั ษณ์แห่งความยิง่ ใหญ่แสดงบญุ ญาบารมขี องพระมหากษัตรยิ ไ์ ทย พระอิศวร ไดร บั ศรนาคบาศ จากพระพรหม และไดร บั ศร ๗.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ วษิ ณปุ าณัมจากพระนารายณ) บทพากย์เอราวัณ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีลักษณะ อธิบายความรู เฉพาะทางด้านวรรณศิลป์ที่งดงาม แสดงให้เห็นลีลาการเคลื่อนไหวของตัวละครและรายละเอียดของ ฉากมากกว่าการด�าเนินเรื่องหรือการเล่าเรื่อง วรรณศิลป์ของบทพากย์เอราวัณจะปรากฏชัดเจนใน นกั เรยี นอภิปรายรว มกันวา บทพรรณนา อนั สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถทางภาษาของกวี ดังนี้ • เหตุใดอินทรชิตจึงตองแปลงกาย 128 เปนพระอินทรทรงชางเอราวัณไป ลวงฝายพระราม ทั้งๆ ที่อินทรชิต ก็มีฝม อื ในการรบ (แนวตอบ เพราะอินทรชิตเหลือ เพียงศรวเิ ศษพรหมาสตร ซงึ่ มี ฤทธิแ์ ปลงกายเปนพระอนิ ทรได) ขยายความเขา ใจ ใหนักเรียนเลือกบทประพันธตอน ท่ีนักเรียนประทับใจจากบทพากย เอราวณั พรอมอธบิ ายเหตผุ ล แลว วาดภาพตามจนิ ตนาการ 128 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate ๑) การใช้โวหาร ความโดดเด่นด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีทุกเร่ือง นอกจากการ อธิบายความรู เลือกใช้ถ้อยค�าเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกแล้ว กวียังใช้ถ้อยค�าเพื่อสร้างจินตภาพหรือสร้างภาพ ใหเ้ กิดข้ึนแกผ่ อู้ า่ นอกี ด้วย ซง่ึ บทพากยเ์ อราวณั กวไี ดเ้ ลือกใช้ถอ้ ยคา� เพ่ือสรา้ งภาพโดยพรรณนาโวหาร ใหนกั เรยี นตอบคําถามเกี่ยวกบั ให้เห็นภาพของชา้ งเอราวัณ ดังบทประพันธ์ การใชโ วหารในบทพากยเ อราวัณ ดังตอไปนี้ ช้างนริ มติ ฤทธแิ รงแข็งขัน เผือกผอ่ งผวิ พรรณ • การใชโ วหารพรรณนามีความ สสี ังข์สะอาดโอฬาร์ เศยี รหนึ่งเจ็ดงา สระหนึ่งยอ่ มมี เหมาะสมกับการดําเนินเรอื่ ง สามสบิ สามเศยี รโสภา ดอกหนึง่ แบง่ บาน อยางไร ดังเพชรรัตนร์ จู ี เจด็ องค์โสภา (แนวตอบ การพรรณนาทาํ ใหการ อีกเจ็ดเยาวมาลย์ ดําเนนิ เรื่องมคี วามชดั เจน ผอู าน งาหนึ่งเจด็ โบกขรณี ชา� เลืองหางตา เกดิ จิตนภาพคลอ ยตาม) เจด็ กออุบลบนั ดาล ทกุ เกศกุญชร ขยายความเขา ใจ กอหนึง่ เจด็ ดอกดวงมาลย ์ มกี ลบี ได้เจ็ดกลีบผกา 1. ใหน กั เรียนเลอื กบทประพนั ธท ี่ นักเรียนประทบั ใจ แลว วิเคราะห กลบี หนึ่งมเี ทพธิดา วามีวรรณศลิ ปอ ยางไร แนง่ น้อยล�าเพานงพาล 2. ครสู ุมนกั เรียนออกมานาํ เสนอ นางหนึ่งย่อมมีบรวิ าร หนาชั้นเรียน ลว้ นรูปนิรมติ มายา เกรด็ แนะครู จบั ระบ�าร�าร่ายสา่ ยหา ท�าทีดงั เทพอปั สร ครบู รู ณาการความรกู บั วชิ า คณติ ศาสตร จากบทพรรณนาราย มวี ิมานแกว้ งามบวร ละเอียดของชา งเอราวัณเศยี รหน่ึง ดงั เวไชยนั ตอ์ มรนิ ทร์ มี 7 งา งาหนึง่ มี 7 สระ สระหน่งึ มี กอบัว 7 กอ กอหนง่ึ มดี อกบัว 7 ดอก จากบทประพันธ์กวีใช้ถ้อยค�าพรรณนาให้เห็นภาพของช้างเอราวัณที่มีกายสีขาวเหมือน ดอกหนึ่งมี 7 กลบี กลีบหน่ึงมีนางฟา สีสังข์ มีเศียรงามถึง ๓๓ เศียร โดยแต่ละเศียรมีงา ๗ กิ่งที่มีความสวยงามแวววาวเหมือนเพชร รา ยราํ อยู 7 องค แตละองคม บี รวิ าร ที่งาแต่ละกิ่งมสี ระบัว ๗ สระ แตล่ ะสระมกี อบัว ๗ กอ แต่ละกอมีดอกบัว ๗ ดอก แตล่ ะดอกมีกลีบ เปนหญิงงาม 7 คน ใหน ักเรียนคิดหา บัวบาน ๗ กลบี แต่ละกลบี มีนางฟา้ หรือนางอัปสรรูปงาม ๗ องค ์ แตล่ ะองคม์ ีบริวารทเ่ี ป็นหญิงงาม คาํ ตอบ คาํ นวณหญิงงามมจี าํ นวน ๗ นาง แสดงอากปั กริ ยิ ารา่ ยรา� ดว้ ยทา่ ทางเหมอื นนางฟา้ ทเี่ ศยี รชา้ งทกุ เศยี รมบี ษุ บกวมิ านงดงามราวกบั 3,882,417 องค วมิ านเวไชยันตข์ องพระอินทร์ นอกจากน ้ี ยังปรากฏบทพรรณนาท่สี ร้างจินตภาพให้เกิดขนึ้ แกผ่ ้อู า่ น เม่ือได้อ่านมาถงึ ตอนท่ีอนิ ทรชิตจะยกกองทพั ไปรบกับพระราม ดังบทประพันธ์ 129 คูมือครู 129
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Engage Explore Explain Evaluate ขยายความเขาใจ (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) ใหน กั เรยี นยกคาํ ประพนั ธท นี่ กั เรยี น บรรดาโยธาจัตรุ งค์ เปล่ยี นแปลงกายคง คดิ วาแสดงความยง่ิ ใหญท ี่สดุ ของ เปน็ เทพไทเทวัญ ทพั หลังสุบรรณ ชา งเอราวัณ พรอมทง้ั บอกเหตุผล สนบั สนุนความคิด ทัพหนา้ อารกั ษ์ไพรสัณฑ์ กินนรนาคนาคา เกร็ดแนะครู ปีกซา้ ยฤๅษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา ต้งั ตามตา� รบั ทัพชัย โตมรศรชัย ครชู วนนกั เรียนทํากจิ กรรมจาก รบี เรง่ ร้ีพล โคลงประจาํ ภาพอินทรชิตออกศึก ลว้ นถืออาวุธเกรยี งไกร และแปลงกายเปนพระอนิ ทรที่สมเด็จ พระขรรค์คทาถว้ นตน พระเจาบรมวงศเ ธอเจาฟามหามาลา กรมพระยาบําราบปรปกษท รงนพิ นธ ลอยฟ้ามาในเวหน ไวที่วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม โดย มาถงึ สมรภมู ชิ ยั รวมกันถอดคาํ ประพนั ธ ฯ เจรจา ฯ @ มมุ IT จากบทประพันธ์กวีเลือกใช้ถ้อยค�าพรรณนา เพ่ือให้ผู้อ่านมองเห็นภาพกองทัพของ อนิ ทรชติ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความยงิ่ ใหญแ่ ละความพรอ้ ม ซงึ่ อนิ ทรชติ ไดแ้ ปลงกายเปน็ พระอนิ ทร ์ แปลงกาย ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกบั ขอมูล ทหารท้ังสี่เหล่าของตนให้เป็นเทพและอมนุษย์ผู้มีฤทธิ์ การจัดกระบวนทัพเป็นไปตามต�าราสงคราม และภาพประกอบชางเอราวัณ ไดท ่ี ทหารทุกนายมีอาวุธพร้อมส�าหรับการท�าศึก การจัดกระบวนทัพเป็นดังน้ี เทพารักษ์ประจ�าทัพหน้า http://www.himmapan.com/ ครุฑ กนิ นรและนาค ท้งั สามประจา� ทพั หลัง วทิ ยาธรประจ�าปกี ซา้ ย สว่ นคนธรรพป์ ระจ�าปีกขวา thai/himmapan_elephant_ กวีใช้ถ้อยค�าเพื่อพรรณนาให้ผู้อ่านมองเห็นภาพของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ดัง erawan.html บทประพันธ์ เมือ่ น้นั จึงพระจกั รี พอพระสุรยิ ศ์ รี อรุณเรอื งเมฆา ลมหวนอวลกลน่ิ มาลา เฟื่องฟุ้งวนา บรู ณาการสอู าเซยี น นวิ าสแถวแนวดง ร่อนราถาลง ผง้ึ ภ่หู มูค่ ณาเหมหงส ์ บทพากยเอราวัณเปนตอนหนึง่ แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี ของเรอื่ งรามเกยี รต์ทิ ี่รัชกาลท่ี 2 ดุเหวา่ เร้าเรง่ พระสรุ ิย์ศร ี ไกข่ นั ปกี ตี ทรงปรบั ปรุงใหเปน การละครไทยท่ี มาตรฐานสูงข้นึ ซึ่งทรงคณุ คาย่งิ แก ก่กู ้องในท้องดงดาน การละครไทย และเนอ่ื งในโอกาส มหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา7รอบ ปกั ษาตนื่ ตาขนั ขาน หาคูเ่ คยี งประสาน สา� เนียงเสนาะในไพร พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร- 130 มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช 5 ธนั วาคม 2554 กระทรวงวฒั นธรรม ไดบ รู ณาการ ความรวมมือกับประเทศสมาชกิ อาเซียนจัดการแสดงมหกรรมรามายณะนานาชาตขิ น้ึ โดยเสนอแนวคิดหลักในการจดั งานเพือ่ สงเสรมิ ความเขา ใจดานศลิ ปวัฒนธรรมรวมกนั ระหวางประเทศในภมู ิภาคอาเซยี น และเพอ่ื เฉลมิ พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช โดยนาํ มหากาพยเรอื่ งรามายณะ หรอื ที่ชาวไทยรจู ักกนั ในชื่อรามเกยี รต์ิ อนั เปน วรรณกรรมซึ่งถอื เปน มรดกทางวัฒนธรรมทห่ี ลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนรจู ัก และมีการนําเร่ืองน้ี มารอ ยเรยี งจดั เปนการแสดงมหกรรมรามายณะนานาชาติ โดยเชิญประเทศอนิ เดียซ่งึ เปน ตนกาํ เนิดของมหากาพยร ามายณะเขารวมแสดงดวย เพ่ือเปด โอกาสใหป ระชาชนชาวไทยไดช มการแสดงรามายณะอนั หลากหลายจากนานาประเทศซ่งึ ผสมผสานไปดว ยความแตกตางและความคลา ยคลึง 130 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Engage Explore Explain Evaluate เดือนดาวดบั เศร้าแสงใส สรา่ งแสงอโณทยั ขยายความเขาใจ ก็ผา่ นพยับรองเรอื ง ธิบดนิ ทร์เธอบรรเทือง ใหน กั เรยี นเขยี นความเรยี งพรรณนา จบั ฟ้าอากาศแลเหลอื ง ถงึ ชางเอราวณั ตามจนิ ตภาพของ บรรทมฟ้นื จากไสยา นกั เรียน ความยาว 10 บรรทัด ฯ เจรจา ฯ เกร็ดแนะครู จากบทประพนั ธ์นี ้ กวเี ลือกใชถ้ อ้ ยคา� เพอ่ื สร้างภาพในจนิ ตนาการของผ้อู า่ น พรรณนา ให้เห็นบรรยากาศยามเช้าเม่ือพระรามต่ืนจากบรรทมได้ทอดพระเนตรธรรมชาติยามเช้า แมลงและ ครชู ใี้ หน กั เรยี นเหน็ วา วรรณคดไี ทย ผ้ึงออกหาอาหาร นกนานาชนิดที่ส่งเสียงร้องก้องแนวป่า ท้ังเดือนและดวงดาวต่างดับแสงลงเม่ือ ตั้งแตยุครัชกาลท่ี 2 ซึ่งมีสุนทรภูเปน แสงอาทติ ยโ์ ผล่พน้ ขอบฟ้า กวีเอกประจํารัชสมัย นิยมใชกลอน ส่วนบทพรรณนากองทัพของพระรามยังได้สร้างจินตภาพความคึกคักของการจัด สุภาพประพนั ธรอยกรอง และนิยมใช กระบวนทัพ มกี ารใช้ค�าขยายใหเ้ กิดความโออ่ ่างดงาม สัมผัสในอยางนอย 1 คูในวรรค เมื่อ ประพนั ธร อ ยกรองดว ยฉนั ทลกั ษณอ นื่ อึงอินทเภรตี รี ะงม แตรสงั ข์เสยี งประสม กวจี งึ ยงั นยิ มใหม เี สยี งสมั ผสั ในภายใน ประสานเสนาะในไพร เล่ือนลั่นสนนั่ ใน วรรคดวยเสมอ อ่อนเอียงเพยี งปลาย เสยี งพลโหร่ ้องเอาชัย เนือ้ นกตกใจ นักเรยี นควรรู พิภพเพียงท�าลาย หสั ดนิ อนิ ทรี หักถอนพฤกษา ฉิมพลี หรือสิมพลี สันนิษฐานวา สตั ภณั ฑบ์ รรพตทง้ั หลาย นาจะปรากฏในวรรณคดีไทยเปน ประนอมประนมชมชยั คร้ังแรกในไตรภูมิพระรวง ท่ีกลาววา โลหสิมพลีนรก เปนนรกบาวคํารบ 15 พสุธาอากาศหวาดไหว ทางนรกใหญที่ช่ือสัญชีพนรก ตอมา ซุกซอ่ นประหวัน่ ขวญั หนี “สิมพลี” ปรากฏในกากีกลอนสุภาพ ของเจา พระยาพระคลงั (หน) กลา วถงึ ลกู ครฑุ พลดั ตกฉิมพลี สมิ พลวี า เปน วมิ านทอ่ี ยขู องพญาครฑุ คาบช้างกว็ างไอยรา และเปน ทคี่ บชสู ชู ายของนางกากแี ละ นาฏกุเวรคนธรรพ ที่มาของชื่อวิมาน วานรสา� แดงเดชา สิมพลีนี้ คงเพราะตองการแนะวาผูท่ี ถือตา่ งอาวุธยุทธยง ประพฤติผิดในกามจะตองตายไปตก อยูในโลหสิมพลีนรก ดังนั้น “สิมพลี” จากบทประพันธ์น้ีได้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของกองทัพของพระราม รวมถึงบุญ- จงึ เปน ทงั้ ชอ่ื นรกและวมิ านในดนิ แดน ญาธิการของพระองค์ ซ่ึงความยิ่งใหญ่และเสียงโห่ร้องเอาฤกษ์เอาชัยในครั้งนี้สร้างความอกสั่นขวัญ ท่ีหา งไกลมนุษย หายใหก้ บั บรรดาสัตวป์ า่ และนกนานาชนดิ แมก้ ระท่ังนกหัสดลี ิงคท์ ีก่ า� ลงั คาบชา้ งอย่ยู งั ตกใจจนปลอ่ ย ช้างออกจากปาก พลทหารวานรต่างพากนั ฮึกเหมิ หกั โคน่ ตน้ ไมม้ าเปน็ อาวธุ พรอ้ มรบ 131 คูม ือครู 131
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%) ใหนกั เรยี นอธิบายการใชภ าพพจน ๒) การใช้ภาพพจน์ บทพากย์เอราวัณพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธ- ในบทพากยเอราวณั เลศิ หลา้ นภาลยั ปรากฏลกั ษณะการใชภ้ าพพจน์เพอื่ สรา้ งจินตนาการให้แกผ่ ู้อา่ น ผ้ฟู ัง ดังตอ่ ไปนี้ • นักเรยี นพบโวหารภาพพจน ๒.๑) อติพจน์ คือการกล่าวเกนิ จรงิ วรรณคดีไทยกวมี กั เลอื กใชโ้ วหารอตพิ จน์หรือ ชนิดใดบาง การกล่าวเกินจริงในเร่ืองท่ีต้องการให้ผู้อ่านสัมผัสความยิ่งใหญ่ ซ่ึงวรรณคดีเรื่องบทพากย์เอราวัณ (แนวตอบ พบการใชภาพพจน อตพิ จนแ ละบคุ คลวัต) ปรากฏลกั ษณะเชน่ น้ี ดงั บทประพนั ธ์ • การใชโ วหารภาพพจนช นิดนัน้ เสียงพลโหร่ อ้ งเอาชัย เลือ่ นล่ันสนั่นใน สงผลตอเรื่องอยางไรบา ง พิภพเพียงทา� ลาย (แนวตอบ การใชโวหารภาพพจน อติพจน และบุคคลวัตท้ังหมดนี้ จากบทประพันธ์ดังกล่าว กวีได้ใช้อติพจน์ซ่ึงเป็นการเปรียบเทียบเกินจริงเพ่ือ ทาํ ใหผ อู า นสรา งภาพในจนิ ตนา- การไดช ดั เจน แสดงความยง่ิ ใหญ กล่าวว่า เม่ือกองทัพของพระลักษมณ์จะสู้รบกับกองทัพของอินทรชิตได้มีการเปล่งเสียงโห่ร้องของ และสมจริง และการใชคําซ้ํา ทาํ ใหเกิดเสียงไพเราะ เชน เศียร ทหาร ซึ่งการโห่รอ้ งในครงั้ นี้ท�าให้เกิดเสียงดังราวกบั ว่าจะทา� ให้โลกพังทลายย่อยยบั ลง หนึ่งเจ็ดงา งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี เจด็ กออบุ ลบนั ดาล เปน ตน ) แมบ้ ทประพนั ธน์ จี้ ะปรากฏคา� วา่ “เพยี ง” ซงึ่ เปน็ คา� ทใี่ ชใ้ นการเปรยี บเทยี บ (อปุ มา) แตห่ ลกั การใชค้ า� เปรยี บเทยี บจะตอ้ งมตี วั เทยี บเพอื่ ใหเ้ หน็ ความเหมอื นระหวา่ งสองสง่ิ วรรคทวี่ า่ “พภิ พ ขยายความเขาใจ เพยี งทำ� ลำย” จะไมเ่ หน็ การเปรยี บเทยี บพภิ พกบั สงิ่ ใด ในทนี่ กี้ ารใชค้ า� วา่ “เพยี ง” จงึ ใหค้ วามหมายวา่ ราวกับโลกจะถูกทา� ลายให้พินาศยอ่ ยยับ เปน็ การเพิม่ กระบวนจินตภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ใหนักเรียนยกตัวอยางบทประพันธ ทมี่ กี ารใชภ าพพจนแ ละเสยี งสมั ผสั ใน ๒.๒) บุคคลวัต คือการสมมติหรือก�าหนดให้สิ่งไม่มีชีวิตสามารถแสดงอากัปกิริยา ทชี่ ว ยใหก ารอา นมคี วามไพเราะ ได้เช่นเดียวกับส่ิงมีชีวิต เช่น ฟ้าร้องไห้ ภูเขายกมือไหว้ เป็นต้น บทพากย์เอราวัณใช้บุคคลวัต (แนวตอบ เชน การใชภ าพพจน ดงั บทประพนั ธ์ บคุ คลวัต สตั ภณั ฑบ์ รรพตท้งั หลาย ออ่ นเอียงเพยี งปลาย สัตภณั ฑบ รรพตท้ังหลาย ประนอมประนมชมชัย ออ นเอียงเพียงปลาย ประนอมประนมชมชัย จากบทประพนั ธก์ วไี ดส้ มมตใิ หภ้ เู ขาทง้ั หลายแสดงอากปั กริ ยิ าของมนษุ ย ์ คอื อาการ เปน ตน ) พนมมือไหว้ เกรด็ แนะครู ๓) การเลน่ เสยี ง ในวรรคแรกของเกอื บทกุ บททกี่ ลา่ วถงึ ชา้ งเอราวณั จะมเี สยี งสมั ผสั ใน ซ่ึงปรากฏท้งั สัมผสั อักษรและสมั ผัสสระ ช่วยให้การอ่านหรอื การพากยม์ ีความไพเราะขน้ึ เช่น ครูแนะนํานักเรียนวา นอกจาก ภาพพจนอติพจนท่ีเปนการกลาวเกิน “อินทรชิตบิดเบือนกายิน” จริง เพื่อใหผูอานเกิดจินตภาพถึง ความย่ิงใหญมากสุดประมาณแลว เสียงสมั ผสั ใน คอื ชิต - บดิ (สัมผสั สระ) บิด - เบือน (สมั ผัสอักษร) ยังมีภาพพจนอวพจน ซึ่งเปนการ กลาวเปรียบเทียบใหนอยเกินจริง 132 เปนการเนนใหเห็นความไมสําคัญ นอยนิด เชน บานของเขาเล็กกวา รูหนู เปน ตน 132 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate “ชา้ งนมิ ิตฤทธิแรงแข็งขนั ” อธบิ ายความรู เสยี งสมั ผสั ใน คอื มติ ร - ฤทธ ิ์ (สัมผัสสระ) ฤทธ ิ - แรง (สัมผัสอักษร) ใหน กั เรียนรวมกนั อภปิ รายวา ๗.๓ คณุ คา่ ดา้ นสงั คมและสะทอ้ นวถิ ไี ทย • ในสงั คมไทยมีความเช่ือหรือ บทพากย์เอราวัณเป็นวรรณคดีที่นับได้ว่ามีความโดดเด่นทางด้านวรรณศิลป์อย่างเด่นชัด ทศั นคติอยา งไรตอชา งเอราวัณ และในขณะเดียวกันยงั ไดส้ ะท้อนให้เหน็ สภาพสังคมของสมัยรัตนโกสนิ ทร์ตอนต้น ดงั ต่อไปน้ี (แนวตอบ คนไทยมีคานิยมยกยอง ชาง เพราะเปนสตั วใหญม พี ลงั ๑) ความเชื่อในเรื่องเทพเจ้า ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพราะเน้ือหาและเรื่องราว เปนสัญลักษณของชาติ และถือวา ล้วนมคี วามเกี่ยวข้องกับพระอศิ วร พระพรหม พระนารายณ ์ พระอนิ ทร ์ บทพากย์เอราวณั ได้สะทอ้ น ชา งเปน สตั วค บู ารมขี องกษตั รยิ ไ ทย ใหเ้ ห็นว่าในช่วงระยะเวลาดงั กลา่ วหรอื ก่อนหน้านั้น ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดไู ด้เข้ามามีอิทธิพลต่อความ คนไทยสว นหน่ึงใหความเคารพ คดิ ความเชื่อของสังคมไทย จนกระทง่ั สะท้อนออกมาในรปู แบบของศลิ ปกรรม นาฏศิลป์ วรรณกรรม ชางเอราวัณ โดยปรากฏใหเห็น วา มกี ารสรา งรปู เคารพชา งเอราวณั ๒) ความเช่ือในเรอ่ื งโชคลาง ในบทพากยเ์ อราวัณ ซึ่งมีเนือ้ หาพรรณนาให้เห็นภาพ หรือสถาปตยกรรมที่เปนรูปชาง กองทพั ของอนิ ทรชติ และพระลกั ษมณท์ พี่ รอ้ มสรู้ บกนั ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ความเชอื่ บางประการทมี่ คี วาม เอราวณั ดวย) เก่ียวโยงกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู กล่าวคือ เม่ือกองทัพของพระลักษมณ์พร้อมที่จะสู้รบกับกองทัพ ของอินทรชติ ได้มีการเปา่ แตรและสังข ์ พร้อมกับทีท่ หารหาญโห่ร้องเอาชยั ดงั บทประพนั ธ์ ขยายความเขา ใจ อึงอนิ ทเภรีตีระงม แตรสังข์เสยี งประสม ครแู ละนกั เรยี นรว มกันอภิปรายวา ประสานเสนาะในไพร เลอื่ นล่ันสน่นั ใน • ปจจุบนั ในสงั คมไทยยงั ปรากฏ เสียงพลโหร่ อ้ งเอาชยั ความเชื่อเรอื่ งเทพเจา อยูหรือไม พิภพเพียงทา� ลาย สังเกตจากอะไร (แนวตอบ ยังปรากฏความเช่ือเรื่อง จากบทประพันธ์กองทัพของพระลักษมณ์ได้มี เทพเจาอยู สังเกตไดจากรูปเคารพ เทวรปู ทป่ี ระดษิ ฐานอยตู ามสถานที่ การเป่าแตรและสังข์ก่อนออกทัพ ซึ่งธรรมเนียมนิยมนี้ได้มา ตางๆ) จากศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ด ู กลา่ วคอื ตามวรรณคดกี ล่าวไวว้ ่า พระอินทร์เป่าสังข์ปลุกพระนารายณ์ให้ตื่นจากบรรทมสินธุ์ ในสะดือทะเลเพื่อขึ้นมาปราบยุคเข็ญในโลก สังข์ตามลัทธิ พราหมณถ์ อื ว่าเป็นมงคล ๓ ประการ คอื สังขถ์ อื กำ� เนดิ จำก พระพรหม ท้องสังข์เคยเป็นท่ีซอนคัมภีร์พระเวท เพรำะใน ครั้งหน่ึงขณะที่พระพรหมลงสรงน�้ำในพระมหำสุมทร ได้น�ำ คัมภีร์พระเวทไปวำงไว้ที่ริมฝง สังขรอสูรคิดแกล้งพระพรหม จึงกลืนคัมภีร์พระเวทลงไป เมื่อพระพรหมขึ้นมำจำกสรงน้�ำ พรำหมณห์ ลวงผทู้ �ำพิธีในรำชสำ� นกั 133 คูม อื ครู 133
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Engage Explore Explain Evaluate ขยายความเขาใจ (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%) จากขอ คิดควรใชช ีวิตอยา งมสี ติ เห็นคัมภีร์พระเวทหำยไปจึงไปทูลพระอิศวรให้ทรงทรำบ พระอิศวรจึงให้พระนำรำยณ์เป็นผู้ไปปรำบ ในบทพากยเ อราวณั นักเรียนชวยกนั โดยพระองค์อวตำรเป็นปลำกรำย (มัจฉำอวตำร) เม่ือทรงได้รับชัยชนะจึงแหวกอกของสังขรอสูรน�ำ แสดงความคดิ เห็นวา คัมภรี พ์ ระเวทออกมำ และตวั สังข์มีรอยนิ้วพระหัตถ์ของพระนำรำยณ ์ ในพิธที างศาสนาพราหมณจ์ งึ มี การเป่าสังข์เพื่อความเป็นสิริมงคล สังข์ถือเป็นเคร่ืองเป่าชนิดหน่ึงท�าจากเปลือกหอยสังข์ โดยน�ามา • เหตใุ ดจึงควรนาํ ขอคดิ นี้ไปใช ขดั ใหเ้ กลยี้ งเกลาแลว้ เจาะกน้ หอยใหท้ ะลเุ ปน็ ชอ่ งสา� หรบั เปา่ ซงึ่ การเปา่ สงั ขถ์ อื วา่ เปน็ ของขลงั ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ ในชีวติ ประจําวนั ใช้เฉพาะงานทีม่ ีเกียรติสูงและใหเ้ ป่าคกู่ บั แตร (แนวตอบ ควรใชช วี ิตอยางมีสติ เห็นไดจากพระลักษมณตองศร ๗.๔ ขอ้ คดิ ทส่ี ามารถนา� ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั ของอนิ ทรชติ เพราะความลมุ หลง ในรปู ไมม สี ติ ความห ลงมกั ทาํ ให บทพากย์เอราวัณเป็นวรรณคดีที่ถือก�าเนิดข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความบันเทิงใจ แต่ ลมื ตวั ขาดสตจิ นเกิดภัยแก อย่างไรกต็ ามผ้อู ่านยังสามารถพบข้อคิดท่ีสามารถน�าไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจ�าวันได้ ดงั น้ี ตนเอง) ๑) การต้ังใจศึกษาเล่าเรียน กล่าวถึงภูมิหลังของอินทรชิตโอรสของทศกัณฐ์ท่ีมี เกร็ดแนะครู ความสามารถเช่ียวชาญทางด้านการรบ สามารถแปลงกายเป็นพระอินทร์ได้ เน่ืองมาจากเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ได้ลาพระบิดาเพื่อไปเรียนศิลปวิทยา บ�าเพ็ญพรตเพื่อขอพรและศรวิเศษจากพระอิศวร ครูแนะนํานักเรียนวา หากมีโอกาส พระนารายณ์และพระพรหม ดังนั้นในชีวิตประจ�าวันเราจึงควรท่ีจะฝึกตนให้เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนเพื่อ ควรหาเวลาศึกษาวรรณคดีเร่ือง ประโยชนใ์ นอนาคต ไตรภมู พิ ระรว ง เนอื่ งจากเปน วรรณคดี ท่ีสะทอนคติความเชื่อทางพระพุทธ- ๒) การใหอ้ �านาจแก่บคุ คลใดควรไตร่ตรองใหด้ ี กลา่ วคอื พระอศิ วร พระนารายณ ์ ศาสนาท่ีไทยรับมาจากอินเดีย หาก และพระพรหมได้ประทานพรและศรวิเศษให้แก่อินทรชิต แต่อินทรชิตได้น�าไปใช้เพื่อการสงคราม ศึกษาเร่ืองนี้แลวก็จะเขาใจพ้ืนฐาน ท�าลายล้าง ก่อให้เกดิ ความสูญเสียเพราะอนิ ทรชิตเปน็ คนเหมิ เกรมิ ไม่มสี ตใิ นการดา� รงชีวติ หากเทพ ความคิด ความเชื่อ ทัศนคติของกวีที่ ทั้งสามองค์ไตร่ตรองพิจารณาลักษณะนิสัยของอินทรชิตอย่างลึกซ้ึงก็จะไม่ให้ตามค�าขอ สงครามก็จะ ปรากฏในวรรณคดเี รอ่ื งตา งๆ ไดด ขี นึ้ ไมเ่ กิดขึ้น ๓) การมีอ�านาจควรใช้ไปในทางท่ีถูกต้อง เมื่ออินทรชิตได้รับพรและศรวิเศษจาก เทพทั้งสามองค์จึงบังเกิดความเหิมเกริม ใช้ศรวิเศษไปในทางท่ีผิด ในชีวิตประจ�าวันของเราก็เช่นกัน ถ้าเรามีความรู้ ซ่ึงเปรียบเหมือนเครื่องมือท่ีใช้ในการประกอบอาชีพ แต่หากน�าไปใช้ในทางท่ีผิด ความรู้ก็จะกลายเป็นอาวุธร้ายท�าลายผู้อื่นและประเทศชาติ ศรวิเศษของอินทรชิตจึงเหมือนความรู้ที่ เป็นดาบสองคมตอ้ งใช้ให้ถูกทาง ๔) การใช้ชีวิตอย่างมีสติ บทพากย์เอราวัณเป็นเร่ืองราวตอนที่อินทรชิตแปลงตน และกองทัพให้เป็นกองทัพของพระอินทร์เพ่ือต่อสู้กับกองทัพของพระลักษมณ์ ในท่ีสุดแล้ว พระลักษมณ์ต้องศรพรหมาสตร์ของอินทรชิตซึ่งสาเหตุประการส�าคัญที่ท�าให้พระลักษมณ์ต้องศร กเ็ พราะวา่ พระลักษมณเ์ คลิ้มพระองค์ไปกับระบ�าทอ่ี นิ ทรชติ สง่ั ให้บริวารจัดใหช้ ม ดงั บทประพันธ์ 134 134 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain เม่ือนั้นอินทรชิตยักษี ตรัสสงั่ เสนี ขยายความเขาใจ ให้จบั ระบ�าร�าถวาย นักเรียนนําขอคิดจากบทพากย ใหอ้ งค์อนุชานารายณ ์ เคลบิ เคล้มิ วรกาย เอราวัณไปประยุกตใชในชีวิตประจํา จะแผลงซ่งึ ศสั ตรศรพล วันไดในเร่อื งใดบาง บันทึกลงสมดุ ฯ เจรจา ฯ (แนวตอบ อินทรชติ สถติ เหนือเอรา วณั ทอดทศั นา 1. เมอื่ นอ ยใหเ รยี นวชิ า สะทอ นจาก เหน็ องค์พระลักษมณฤ์ ทธิรงค์ อนิ ทรชติ ในวยั เยาว ไดศ กึ ษาวชิ า ... ตางๆ จนมีความสามารถ ชีวิต ประจาํ วนั ของเราควรหมนั่ ฝก ฝน ศรเต็มไปทวั่ ราศี ตอ้ งองคอ์ นิ ทรยี ์ ใฝรใู ฝเ รียน พระลักษมณก์ ็กลงิ้ กลางพล 2. ควรใชชีวิตอยางมีสติ รอบคอบ พจิ ารณาสงิ่ ตา งๆ อยา งไตรต รอง ฯ เจรจา อนิ ทรชติ กลับทัพ ฯ ไมห ลงเชอ่ื อะไรงา ยๆ ฯลฯ 3. ผูทม่ี อี ํานาจควรใชอาํ นาจ ในทางทถ่ี กู ท่คี วร ไมน ําไปใช หากน�ามาเปรียบเทียบกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่มากมายด้วยสิ่งอันล่อตาล่อใจ จะท�า ในทางทผ่ี ดิ ) ให้ได้แงค่ ดิ ว่าควรใชช้ วี ติ อยา่ งระมัดระวงั มีสต ิ หากไม่มสี ตใิ นการใชช้ วี ติ แล้วจะเกิดความสูญเสยี ตรวจสอบผล ๕) สงครามคอื ความสญู เสยี บทพากยเ์ อราวัณได้นา� เนื้อเรอื่ งมาจากรามเกยี รติ์ ซงึ่ เป็นเร่ืองราวการท�าสงครามระหว่างมนุษย์และยักษ์โดยมีสาเหตุมาจากการแย่งชิงนางสีดา สงคราม 1. ครสู ุมตวั อยา งนกั เรียนแตล ะคน เกิดขึ้นบ่อยครั้งและในทุกคร้ังก็ได้สร้างความเสียหายให้เกิดข้ึน เช่น หลังจากที่กุมภกรรณอนุชาของ ในหอ งเรียนสรุปเรอื่ งยอ วา ใคร ทศกณั ฐถ์ กู สงั หารไปแลว้ อนิ ทรชติ จงึ อาสาออกรบซงึ่ สงครามในครง้ั นพี้ ระลกั ษมณต์ อ้ งศรของอนิ ทรชติ ทําอะไร ท่ไี หน เมือ่ ไร อยางไร แต่ฝ่ายพระรามก็สามารถแก้พิษศรได้ เม่ืออินทรชิตออกรบอีกครั้งจึงถูกสังหาร จะเห็นว่าสงคราม แลวเขยี นลงในสมดุ ไม่ได้ท�าให้ใครได้รับประโยชน์ แม้กระทั่งผู้ก่อสงคราม ดังนั้นเม่ือมีปัญหาเกิดข้ึน ไม่ควรใช้ก�าลัง ห�้าหัน่ กันแตค่ วรใช้สติปญั ญาในการแกไ้ ขปญั หา 2. นักเรียนยกคาํ ประพันธทใ่ี หคณุ คา ดานวรรณศลิ ปและสงั คม บทพากย์เอราวณั เปน็ บทพระราชนพิ นธท์ ี่เลอื กลักษณะคÓประพนั ธ์ได้เหมาะสม กบั เนอื้ หา กลา่ วคอื ใชก้ าพยฉ์ บงั ๑๖ สÓหรบั พรรณนาเรอ่ื งราวทกี่ ระชบั รวดเรว็ เชน่ การ 3. นกั เรียนทอ งจําบทอาขยาน เดนิ ทาง การรบ (ฉบงั หมายถงึ การต่อสู้) อกี ประการหนึง่ คอื กาพยฉ์ บังมีฉนั ทลักษณ์ ตามทก่ี าํ หนด ไมย่ าวนักซงึ่ เหมาะสÓหรบั ผ้อู า่ นจะได้ลองฝกึ พากย์ตามบท มคี ุณค่าทางวรรณศลิ ป์ด้วย การใช้คÓที่เหมาะสมจนสามารถจดจÓกันได้โดยทั่วไป เหมาะสมสÓหรับเป็นบทพากย์ 4. นักเรียนบอกขอ คดิ ท่ีสามารถนําไป ในการแสดงโขนท่ีจะทÓให้ผู้ชมได้รับอรรถรส ความสนุกสนาน ช่ืนชมความงามของ ปรบั ใชไ ดในชีวิตจรงิ ทา่ ทางรา่ ยรÓ ความอลงั การของฉาก ทÓใหเ้ กดิ จนิ ตนาการ เกดิ ความประทบั ใจในศลิ ป- วัฒนธรรมทีค่ วรส่งเสริมและอนุรักษไ์ ว้เปน็ มรดกของชาตสิ บื ไป 5. นักเรียนตอบคาํ ถามประจาํ หนว ย การเรียนรู 135 เกร็ดแนะครู จากบทพากยเ อราวณั ปรากฏคาํ ยมื ท่ีเปนภาษาเขมร ไดแก คําวา ตรัส ถวาย อํานาจ ครูชวนนักเรียนหา คาํ ศพั ทท เี่ ปน คาํ ยมื ภาษาเขมรทใี่ ชใ น ภาษาไทย เชน เสด็จ ตําบล บํานาญ บําเหนจ็ เปน ตน คูมอื ครู 135
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate เกรด็ แนะครู (ยอ จากฉบบั นักเรยี น 20%) (แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ย คำ� ถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้ การเรียนรู 1. ชางเอราวัณมีลกั ษณะกายสขี าว ๑. ในจินตนาการของนกั เรียน ช้างเอราวณั มลี ักษณะอย่างไร ใหว้ าดภาพประกอบ ๒. บทประพนั ธใ์ ดทนี่ กั เรยี นคดิ วา่ มีความไพเราะมากท่ีสุด เพราะเหตุใด เหมอื นสสี งั ข มเี ศยี รงามทง้ั 33 เศยี ร ๓. ข้อคิดท่ีได้รับจากบทพากย์เอราวณั เก่ยี วกับเรอ่ื งใดบา้ ง โดยแตละเศียรมีงา 7 ก่ิง แตละกิ่ง ๔. คณุ คา่ ทางดา้ นใดของบทพากย์เอราวัณท่ีมีความโดดเด่นมากทส่ี ุด มีสระบัว 7 สระ แตละสระมีกอบัว ๕. บทพากยเ์ อราวัณได้สะท้อนใหเ้ หน็ คุณคา่ ด้านสังคมและวิถีไทยเก่ยี วกบั เรอ่ื งใดบา้ ง 7กอแตล ะกอมดี อกบวั 7ดอกแตล ะ ดอกมกี ลบี บวั บาน7กลบี แตล ะกลบี กจิ กรรม สร้ำงสรรค์พฒั นำกำรเรียนรู้ มนี างฟา 7 องค แตละองคม ีบริวาร เปนหญิงงาม 7 นาง ทเ่ี ศียรชางทุก กจิ กรรมท ี่ ๑ ศกึ ษาบทพากยโ์ ขนตอนอน่ื ๆ ทน่ี กั เรยี นสนใจเปรยี บเทยี บกลวธิ กี ารใชภ้ าษาวา่ มคี วาม เศยี รมีบษุ บกวมิ าน กิจกรรมที ่ ๒ สอดคลอ้ งกบั เนื้อหา ฉาก และอารมณ์ความรู้สกึ ของตัวละครในเรอื่ งอย่างไร 2. คําตอบขึน้ อยกู ับความคดิ ของ นักเรียนอ่านบทพากย์เอราวัณในแบบท�านองเสนาะ ฝึกพากย์โขนแล้วลองสังเกต นกั เรยี น เปรยี บเทียบวา่ แบบใดเกิดรสความ รสค�าไพเราะกวา่ กนั 3. ขอคิดท่ีไดรบั จากเร่ือง 1. สงครามทําใหเกดิ ความ สญู เสียทัง้ 2 ฝาย 2. เมือ่ นอยใหเรียนวิชา 3. การใหอ ํานาจแกบ ุคคลใด ควรไตรต รองใหดี 4. เมอื่ มอี าํ นาจควรใชในทางท่ีถูก ทค่ี วร 4. คณุ คา ดา นวรรณศลิ ป เพราะสะทอ น ใหเหน็ การสรรคําของกวี มกี ารใช โวหารคมคาย ใชภ าพพจนใหเ ห็น ชดั เจน และมีการเลนสัมผสั ทง้ั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษรใหเ กดิ ความไพเราะ และเหน็ การ เคลื่อนไหวของตัวละครเดน ชดั 5. สะทอ นใหเ หน็ ความเชอ่ื ของคนไทย ในเรื่องเทพเจา โชคลาง ศาสนา เปน ตน ) 136 หแสลดกั งฐผานลการเรียนรู 1. การสรปุ เรอ่ื งยอ เปนแผนผงั ความคิด 2. ตัวอยา งคําประพันธทมี่ คี ุณคา ดา นวรรณศลิ ปแ ละสังคม 3. ทอ งจาํ บทประพนั ธตามทก่ี ําหนด 136 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate บทอาขยาน เปา หมายการเรยี นรู ๑ การท่องจÓบทอาขยาน ทอ งจําบทอาขยานและบอกคุณคา บทอาขยานท่ีกาํ หนด ค�าว่า อาขยาน (อา - ขะ - หฺยาน) ตามความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ หมายถึง บททอ่ งจ�า การเลา่ การบอก การสวด เร่อื ง นทิ าน กระตุนความสนใจ ตัง้ แต่พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ เปน็ ตน้ มา กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้ก�าหนดใหม้ กี ารทอ่ งบทอาขยาน ในสถานศึกษาข้ึน ท้ังน้ีเพื่อให้นักเรียนมีโอกาสท่องจ�าบทร้อยกรองที่มีความไพเราะ ให้คติสอนใจ ครูสนทนาเกี่ยวกับการทอ งบท ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความซาบซ้ึง เห็นความงดงามทางภาษาและเห็นคุณค่าของภาษา อาขยานดว ยคาํ ถาม และวรรณคดีไทยท่ีเป็นเอกลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมของชาติควรค่าแก่การรักษาและสืบสาน ให้คงอยู่ตลอดไป รวมทง้ั ยงั ชว่ ยกลอ่ มเกลาจิตใจใหน้ า� ไปสูก่ ารดา� เนินชีวติ ที่ดีงามอีกดว้ ย • นกั เรยี นเคยทองบทอาขยาน เรื่องใดบา ง นักเรยี นจําได หลกั การในการอา่ นบทอาขยาน หรือไม การอา่ นบทอาขยานสว่ นใหญเ่ ปน็ การอา่ นออกเสียง คือ ผอู้ า่ นเปล่งเสียงออกมาดังๆ ในขณะ • บทขยานใดที่นักเรยี นช่ืนชอบ ที่ใช้สายตากวาดไปตามตัวอกั ษร ยึดหลักการอ่านออกเสียงเหมือนหลกั การอ่านท่ัวไป เพือ่ ใหก้ ารอ่าน ประทับใจทส่ี ุด พรอมใหเ หตผุ ล ออกเสียงมีประสทิ ธิภาพควรฝึกฝน ดงั น้ี ๑. กวาดสายตาจากคา� ตน้ วรรคไปยงั ทา้ ยวรรค และเคลอื่ นสายตาไปยงั วรรคถดั ไปอยา่ งรวดเรว็ • นกั เรียนชวยกันตอบวา โดยไมต่ ้องสา่ ยหนา้ ทําอยา งไรจึงจะอา น ๒. ฝึกเปล่งเสียงให้ดังพอประมาณโดยพิจารณาถึงกลุ่มผู้ฟังและสถานที่ แต่ไม่ตะโกน ควร บทอาขยานไดไ พเราะ บังคบั เสียง เน้นเสียง ปรับระดบั เสยี งสูง-ต่�า ให้สอดคลอ้ งกับจังหวะ ลีลา ท่วงท�านองและความหมาย ของเน้ือหาทีอ่ า่ น ๓. อ่านด้วยเสียงท่ีชัดเจน แจ่มใส ไพเราะ มีกระแสเสียงเดียว ไม่แตกพร่า เปล่งเสียงจาก ล�าคอโดยตรงด้วยความม่ันใจ ๔. ควรทรงตวั และรกั ษาอากปั กริ ยิ าใหถ้ กู วธิ ี จะชว่ ยใหร้ ะบบกลา้ มเนอื้ ตา่ งๆ ทา� งานประสานกนั ท�าให้เปลง่ เสียงไดด้ ี มที ่วงทา่ นา่ เชือ่ ถือ ลักษณะการทรงตัวทถี่ กู วธิ คี อื ไมว่ า่ จะยนื หรือนงั่ อา่ น ลา� ตวั ต้องตั้งตรงและอยู่ในอาการสมดุล ควรถือบทหรือหนังสือห่างจากสายตาประมาณหน่ึงฟุต ขณะอ่าน พยายามให้ล�าคอตัง้ ตรง เงยหน้าเล็กนอ้ ย สบตากับผู้ฟงั เป็นระยะๆ ๕. อา่ นออกเสียงใหถ้ ูกอักขรวิธีหรอื ความนิยม และต้องเขา้ ใจเนอื้ หาของบทอาขยาน ๖. อ่านออกเสียง ร ล คา� ควบกลา้� ใหถ้ กู ตอ้ งชดั เจน ๗. อา่ นให้ถกู จงั หวะและวรรคตอน ๘. พยายามอา่ นใหไ้ ด้อารมณ์และความรู้สกึ ตามเนอื้ หา 137 คูม ือครู 137
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สํารวจคนหา (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%) ใหน กั เรยี นเลอื กทอ งจาํ คาํ ประพนั ธ ๒ บทอาขยานระดบั มธั ยมศึกษาปีที ่ ๓ ท่ีชอบพรอมท้ังบอกเหตุผลที่เลือก เพราะอะไร ๒.๑ บทอาขยานหลกั อธิบายความรู อิศรญาณภาษิต 1. ใหนักเรียนถอดคําประพนั ธเ ปน ชายข้าวเปลือกหญงิ ข้าวสารโบราณวา่ น้�าพ่งึ เรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสยั ภาษาของนักเรยี นเอง 1 หวั ขอ จากบทอาขยานหลักอิศรญาณ เราก็จติ คดิ ดูเล่าเขาก็ใจ รกั กนั ไว้ดกี ว่าชงั ระวงั การ ภาษิตและบทพากยเ อราวัณ พรอมบอกความหมาย ผใู้ ดดดี ีตอ่ อยา่ ก่อกิจ ผูใ้ ดผดิ ผอ่ นพกั อยา่ หกั หาญ 2. ใหนักเรียนทองคําประพันธที่เปน สิบดีก็ไม่ถึงกบั กึง่ พาล เปน็ ชายชาญอยา่ เพอ่ คาดประมาทชาย บทหลกั สลบั คกู บั เพอ่ื น บนั ทกึ เสยี ง สง ครู รกั ส้ันน้ันใหร้ อู้ ยเู่ พยี งสน้ั รกั ยาวนั้นอย่าให้เยนิ่ เกนิ กฎหมาย มใิ ชต่ ายแตเ่ ขาเราก็ตาย แหงนดูฟ้าอยา่ ให้อายแก่เทวดา อย่าดถู ูกบุญกรรมวา่ ทา� น้อย น้�าตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา อย่านอนเปลา่ เอากระจกยกออกมา ส่องดูหนา้ เสยี ทหี นึ่งแล้วจงึ นอน บทพากย์เอราวัณ เกร็ดแนะครู อินทรชิตบิดเบอื นกายิน เหมอื นองค์อมรนิ ทร์ ครใู หน กั เรยี นมสี ว นรว มในการทอ ง ทรงคชเอราวณั จาํ บทรอ ยกรองทเี่ กดิ จากความซาบซงึ้ โดยเลือกบทประพันธตอนใดเร่ืองใด ชา้ งนิรมติ ฤทธิแรงแขง็ ขนั เผือกผอ่ งผิวพรรณ ก็ไดที่ชอบมาอานใหครูและเพ่ือนๆ ฟง หนา ชน้ั เรยี น สีสังขส์ ะอาดโอฬาร์ สามสิบสามเศียรโสภา เศยี รหนึ่งเจ็ดงา ดงั เพชรรตั นร์ จู ี งาหนึง่ เจด็ โบกขรณ ี สระหนึ่งย่อมมี เจ็ดกออบุ ลบนั ดาล กอหนึ่งเจด็ ดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งแบง่ บาน มกี ลบี ไดเ้ จด็ กลบี ผกา กลีบหนึง่ มเี ทพธดิ า เจ็ดองค์โสภา แนง่ นอ้ ยล�าเพานงพาล นางหนึ่งย่อมมบี รวิ าร อกี เจ็ดเยาวมาลย์ ลว้ นรปู นริ มิตมารยา จับระบ�ารา� ร่ายสา่ ยหา ชา� เลืองหางตา ท�าทดี ังเทพอปั สร มีวมิ านแกว้ งามบวร ทุกเกศกญุ ชร ดงั เวไชยนั ตอ์ มรินทร์ 138 138 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore ๒.๒ บทอาขยานเลอื ก อธิบายความรู พระอภัยมณี นกั เรยี นคิดวาบทประพันธ ตอนพระอภัยมณีหนีนางผเี ส้อื พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนี นางผเี สอ้ื ทย่ี กมาเปน บทอาขยานเลอื ก พระโฉมยงองค์อภยั มณนี าถ เพลินประพาสพศิ ดหู มู่มจั ฉา มีลักษณะเดนที่เหมาะสําหรับการ เหล่าฉลามลว้ นฉลามตามกันมา คอ่ ยเคลือ่ นคลาคล้ายคล้ายในสายชล ทองจําอยางไร ฉนากอยคู่ ฉู่ นากไมจ่ ากค ู่ ขนึ้ ฟ่องฟพู ่นฟองละอองฝน ฝงู พิมพาพาฝงู เขา้ แฝงวน บ้างผดุ พน่ ฟองน�้าบา้ งด�าจร (แนวตอบ บทที่คัดเลือกมาเปนบท พรรณนาฉากมหาสมุทรท่ีมีส่ิงมีชีวิต กระโหเ้ รียงเคยี งกระโห้ข้นึ โบกหาง ลอยสลา้ งกลางกระแสแลสลอน หลายชนิดแสดงกิริยาอาการตางๆ มังกรเก่ียวเลี้ยวลอดกอดมงั กร ประชุมซอ่ นแฝงชลขน้ึ วนเวียน ที่นาเพลิดเพลิน และพรรณนาให ฝงู ม้านา�้ ท�าทา่ เหมือนมา้ เผ่น ขน้ึ ลอยเล่นเลย้ี วลัดฉวัดเฉวียน เห็นภาพรอบเกาะ เปนบทประพันธ ท่ีมีความเดนทางดานวรรณศิลป กวี ตะเพยี นทองทอ่ งนา้� นา� ตะเพยี น ดาษเดียรดูเพลนิ จนเกินมา เลือกสรรถอยคําที่ไพเราะเสนาะหู เหน็ ละเมาะเกาะเขาเขยี วชอ่มุ โขดตะคุ่มเคียงเคียงเรยี งรุกขา เลนเสียงสัมผัสคลองจอง ทําใหงาย จะเหลยี วซา้ ยสายสมทุ รสุดสายตา จะแลขวาควนั คลมุ้ กลุ้มโพยม ตอการทองจํา เกิดเสียงไพเราะจาก จะเหลยี วดูสรุ ยิ แ์ สงเขา้ แฝงเมฆ ให้วิเวกหวาดองค์พระทรงโฉม รสคํา ซาบซ้ึงในรสความ และเขาถึง ฟงั ส�าเนียงเสียงคล่นื ดงั คร้นื โครม ย่งิ ทกุ ข์โทมนสั ในฤทยั ทวี อารมณของตวั ละครเอกอยา ง พระอภยั มณ)ี การท่องจ�าบทอาขยาน นับได้ว่ามีส่วนส�าคัญท่ีช่วยกระตุ้นการเรียนการสอนภาษาไทยเป็น อย่างยิ่ง เพราะการทอ่ งจา� บทอาขยานจะท�าให้นักเรยี นได้รบั รูถ้ ึงความไพเราะของบทประพันธ ์ สัมผสั ขยายความเขาใจ ท่ีคล้องจองกันอย่างลงตัว รวมถึงการได้ข้อคิดคติสอนใจจากบทอาขยานต่างๆ ท่ีได้น�ามาท่อง ทั้งน้ี บทอาขยานโดยสว่ นใหญท่ ค่ี ดั เลอื กใหน้ กั เรยี นทอ่ งจ�าลว้ นมคี วามโดดเดน่ ทงั้ ดา้ นวรรณศลิ ปแ์ ละเนอื้ หา นักเรยี น อา นและทอ งจาํ ซ่งึ นกั เรยี นจะไดร้ บั รูถ้ งึ คณุ คา่ ของบทประพนั ธด์ ว้ ยการทอ่ งจ�า บทอาขยานเลือก พระอภัยมณีตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ แลวให 139 นักเรียนบรรยายอารมณความรูสึก ของพระอภัยมณีตามบทประพันธ และชวยกันตอบคําถาม (แนวตอบ พระอภัยมณีกําลังรูสึก เปลาเปลี่ยว หว่ันใจ ทุกขใจ ดังวา “ใหวิเวกหวาดองคพระทรงโฉม...ย่ิง ทุกขโทมนสั ในฤทัยทว”ี ) • ในบทอาขยานทเี่ ลอื กมีสง่ิ มชี วี ิต อะไรบา ง (แนวตอบ ฉลาม ฉนาก พมิ พา ปลากระโห มังกร มานา้ํ ตะเพียนทอง) หแสลดกั งฐผานลการเรียนรู ตรวจสอบผล 1. ทอ งจาํ บทอาขยานหลัก 1. นักเรยี นทองบทอาขยานหลกั 2. ถอดคาํ ประพนั ธบทอาขยานหลกั ตามทกี่ าํ หนด 2. นักเรยี นเลือกทอ งคําประพันธ ท่ีชอบ พรอ มทั้งบอกเหตผุ ล คูม ือครู 139
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: