Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สามัคคีเภทคำฉันท์(22,25,28,31)

สามัคคีเภทคำฉันท์(22,25,28,31)

Published by Guset User, 2023-08-08 03:37:01

Description: สามัคคีเภทคำฉันท์(22,25,28,31)

Search

Read the Text Version

รายงานเชิงวิชาการ เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์ โดย นางสาวบัณฑิตา โหมชนะ เลขที่ ๒๒ นางสาวปัณฑิตา ปิงสุแสน เลขที่ ๒๕ นางสาวมนัสนันท์ วรเลิศชัยฤทธิ์ เลขที่ ๒๘ นางสาวลัทธพร ดีสุด เลขที่ ๓๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๓ เสนอ คุณครูณัฐยา อาจมังกร รายงานเชิงวิชาการนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยพื้นฐาน(ท๓๓๑๐๑) ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๖ โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม

ก คำนำ รายงาน เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์เล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษา ไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ศึกษาความรู้และวิเคราะห์ วรรณคดีไทยเรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์ ทั้งด้านการพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในการ แต่ง การใช้ภาษา ประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรมตลอดจนสามารถ นำมประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ทั้งนี้เนื้อหาต่างๆ ได้มีการศึกษารวบรวมจา อินเทอร์เน็ตประโยชน์ที่ได้จากการศึกษา ได้รู้และเข้าใจเนื้อหาอย่างละเอียด และ สามารถเรียนรู้ความเป็นมาลักษณะคำประพันธ์อื่นๆอีกมากมายที่เกี่ยวกับเนื้อหา คณะผู้จัดทำหวังว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจที่จะศึกษา หากรายงาน ฉบับนี้มีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖

สารบัญ ข คำนำ หน้า สารบัญ สามัคคีเภทคำฉันท์ ก ข จุดประสงค์ของผู้แต่ง ที่มาของเรื่อง ๑ ลักษณะคำประพันธ์ ๑ ชนิดของฉันท์ที่ใช้แต่ง ๒ คณะและพยางค์ ๒ ฉันทลักษณ์วิชชุมมาลาฉันท์ ๒ เนื่อเรื่องย่อของสามัคคีคำฉันท์ ๓ การถอดคำประพันธ์ของสามัคคีเภทคำฉันท์ ๔ คุณค่าวรรณคดีของสามัคคีเภทคำฉันท์ ๕ คุณค่าด้านสังคมและด้านการนำไปใช้ ๒๘ บรรณานุกรม ๓๑ ๓๒

๑ สามัคคีเภทคำฉันท์ คำว่าสามัคคีเภท เป็นคำสมาส เภท มีความหมายว่า การแบ่งการแตกแยก การทำลาย สามัคคีเภท มีความหมายว่า การแตกความสามัคคี หรือ การทำลายความสามัคคี นายชิต บุรทัต กวีในรัชกาลที่ ๖ ในขณะที่บรรพชาเป็นสามเณรอายุเพียง ๑๘ ปี ได้เข้าร่วม แต่งฉันท์สมโภชพระมหาเศวตฉัตรในงานราชพิธีฉัตรมงคล รัชกาลที่ ๖ เมื่ออายุ ๒๒ ปี ได้ส่ง กาพย์ปลุกใจลงในหนังสือพิมพ์ สมุทรสาร นายชิตมีนามสกุลเดิมว่า ชวางกูร ได้รับ พระราชทานนามสกุล \"บุรทัต\" จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯในปี ๒๔๕๐ เมื่อ อายุ ๒๓ ปี ใช้นามปากกาว่า เจ้าเงาะ เอกชน จุดประสงค์ของผู้แต่ง นายชิต บุรทัต อาศัยเค้าคำแปลของเรื่องสามัคคีเภทมาแต่งเป็นคำฉันท์ เพื่อแสดง ความสามารถในเชิงกวีให้เป็นที่ปรากฏ และเป็นพิทยาภรณ์ประดับบ้านเมือง ที่มาของเรื่อง ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เกิดวิกฤตการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศเกิดสงครามโลก ครั้งที่ ๑ เกิดกบฏ ร.ศ. ๑๓๐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมือง นายชิต บุรทัต จึงได้แต่งเรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์ขึ้น ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ เพื่อมุ่งชี้ความสำคัญของการรวมกัน เป็น หมู่คณะ เรื่องสามัคคีเภท เป็นนิทานสุภาษิต ในมหปรินิพพานสูตรวิลาสินี ทีฆนิกาย มหาวรรค ลงพิมพ์ในหนังสือธรรมจักษุ ของมหามกุฎราชวิทยาลัย โดยเรียบเรียงเป็นภาษา บาลี

๒ ลักษณะคำประพันธ์ คำประพันธ์ที่ใช้แต่งสามัคคีเภทคำฉันท์นั้นใช้ฉันท์และกาพย์สลับกันเรียกว่า “คำฉันท์” โดยมีฉันท์ถึง ๒๐ ชนิดด้วย นับว่าเป็นวรรณคดีคำฉันท์เล่มหนึ่งที่คนรุ่นหลัง ยกย่องและนับถือเป็นแบบเรื่อยมา โดยเน้นจังหวะลหุ คือเสียงเบาอย่างเคร่งครัดกำหนด เป็นสระเสียงสั้นไม่มีตัวสะกดเสมอ คณะและพยางค์ อินทรวิเชียรฉันท์ จำนวน ๑ บท มี ๒ บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค ได้แก่ วรรคหน้าหรือวรรคต้นมี ๕ คำ (พยางค์) ส่วนวรรคหลังหรือวรรคท้ายมี ๖ คำ (พยางค์) อินทรวิเชียรฉันท์ ๑ บาท มีจำนวนคำ (พยางค์) ๑๑ คำ (พยางค์) ดังนั้น จึงกำหนดเลข ๑๑ ไว้ท้ายชื่อฉันท์ โดยยึดตามบาทของฉันท์ สัมผัส ให้สังเกตสัมผัสบังคับ (สัมผัสนอก)

๓ ฉันทลักษณ์วิชชุมมาลาฉันท์ คณะและพยางค์ วิชชุมมาลาฉันท์ ๑ บท ประกอบด้วยคณะและพยางค์ ดังนี้ มี ๔ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคละ ๔ คำ ๑ บาท นับจำนวนคำได้ ๘ คำ/พยางค์ ดังนั้น จึงเขียนเลข ๘ หลังชื่อวิชชุมมาลาฉันท์นี่เอง ทั้งบทมีจำนวนคำทั้งสิ้น ๓๒ คำ สัมผัส พบว่า สัมผัสวิชชุมมาลาฉันท์ มีสัมผัสนอก (ที่เป็นสัมผัสภายในบท) บทจำนวน ๕ แห่ง ได้แก่ ๑.คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ ส่งสัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๒ ๒.คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๓ ๓.คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๖ ๔.คำสุดท้ายของวรรคที่ ๕ ส่งสัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๖ ๕.คำสุดท้ายของวรรคที่ ๖- ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๗ สัมผัสระหว่างบท พบว่า คำสุดท้ายของบท ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรค วรรคที่ ๔ ในบทต่อไปคำครุ ลหุ วิชชุมมาลาฉันท์ ๑ บท มีคำครุทั้งหมด ๓๒ คำ ปราศจากการใช้คำลหู ให้สังกตสัมผัส บังคับ (สัมผัสนอก) และบังคับครุ-ลหุ

๔ เนื่อเรื่องย่อของสามัคคีคำฉันท์ สามัคคีเภทคำฉันท์ดำเนินเรื่องโดยอิงประวัติศาสตร์ครั้งพุทธกาล ว่าด้วยการใช้เล่ห์ อุบายทำลายความสามัคคีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีกรุงเวสาลีแห่งแคว้นวัชชี เนื้อความนี้มี ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตรแห่งพระไตรปีฎกและอรรถกถาสุมังคลวิสา สินี โดยเล่าถึง กษัตริย์ในสมัยโบราณทรงพระนามว่าพระเจ้าอชาตศัตรูแห่งแคว้นมคธ ทรงมีอำมาตย์คน สนิทชื่อวัสสการพราหมณ์ พระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีดำริจะปราบแคว้นวัชชี ซึ่งมีกษัตริย์ ลิจฉวีครอบครองแต่แคว้นวัชชีมีความเป็นปีกแผ่นและปกครองกันด้วความสามัคคี พระเจ้าอชาตศัตรูปรึกษากับวัสสการพราหมณ์ เพื่อหาอุบายทำลายความสามัคคีของเหล่า กษัตริย์ลิจฉวีโดยการแสร้งเนรเทศวัสสการพราหมณ์ออกจากแคว้นมคธเดินทางไปยังเมือง เว สาลี แล้วทำอุบายจนได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ลิจฉวีและในที่สุดได้เป็นครูสอนภาษาและ ศิลปวิทยาแก่ราชกุมารทั้งหลาย

๕ การถอดคำประพันธ์ของสามัคคีเภทคำฉันท์ (วัสสการพราหมณ์เริ่มทำอุบายทำลายสามัคคี) ภุขงคประยาด ฉันท์ ๑๒ ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ กษัตริย์ลิจฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย เหมาะแก่การณ์จะเสกสรร ปวัตน์วัญจโนบาย มล้างเหตุพิเฉทสาย สมัครสนธิ์สโมสร ถอดคำประพันธ์ พราหมณ์ผู้ฉลาดคาดคะเนว่ากษัตริย์ลิจอรึวางใจคลายความหวาดระแวง เป็นโอกาส เหมาะที่จะเริ่มดำเนินการตามกลอุบายทำลายความสามัคคี ณ วันหนึ่งลุถึงกา ลศึกษาพิชากร กุมารลิจฉวีวร เสด็จพร้อมประชุมกัน ตระบัดวัสสการมา สถานราชเรียนพลัน ธ แกล้งเชิญกุมารฉัน สนิทหนึ่งพระองค์ไป ถอดคำประพันธ์ วันหนึ่งเมื่อถึงโอกาลที่จะสอนวิชา กุมารสิจฉวีก็เสด็จมาโดยพร้อมเพรียงกัน ทันใด วัสสการพราหมณ์ก็มาถึงและแกล้งเชิญพระกุมารพระองค์ที่สนิทสนมเข้าไปพบ ลุห้องหับรโหฐาน ก็ถามการณ์ ณ ทันใด มิลี้ลับอะไรใน กถาเช่น ธ ปุจฉา จะถูกผิดกระไรอยู่ มนุษย์ผู้กระทำนา และคู่โคก็จูงมา ประเทียบไถมิใช่หรือ ถอดคำประพันธ์ เมื่อเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้วก็ทูลถามเรื่องที่ไม่ใช่ความลับแต่ประการใด ดังเช่นถามว่า ชาวนาจูงโคมาคู่หนึ่งเพื่อเทียมไถใช่หรือไม่

กุมารลิจฉวีขัตติย์ ก็รับอรรถอออือ ๖ กสิกเขากระทำคือ ประดุจคำพระอาจารย์ ก็เท่านั้น ธ เชิญให้ นิวัตในมิช้านาน ประสิทธิ์ศิลป์ประศาสน์สาร สมัยเลิกลุเวลา ถอดคำประพันธ์ พระกุมารลิจฉวีก็รับสั่งเห็นด้วยว่าชาวนาก็คงจะกระทำดังคำของพระอาจารย์ ถาม เพียงเท่านั้นพราหมณ์ก็เชิญให้เสด็จกลับออกไป ครั้นถึงเวลาเลิกเรียน อุรสลิจฉวีสรร พชวนกันเสด็จมา และต่างชักกุมารรา ชองค์นั้นจะเอาความ พระอาจารย์สิเรียกไป ณ ข้างใน ธ ไต่ถาม อะไรเธอเสนอตามวจีสัตย์กะสำเรา วจีสัตย์กะส่ำเรา ถอดคำประพันธ์ เหล่าโอรสลิจฉวีก็พากันมาชักไช้พระกุมารว่าพระอาจารย์เรียกเข้าไปข้างใน ได้ไต่ถาม อะไรบ้างขอให้บอกมาตามความจริง กุมารนั้นสนองสา รวากย์วาทตามเลา เฉลยพจน์กะครูเสา วภาพโดยคดีมา กุมารอื่นก็สงสัย มิเชื่อในพระวาจา สหายราช ธ พรรณนา และต่างองค์ก็พาที ถอดคำประพันธ์ พระกุมารพระองค์นั้นก็เล่าเรื่องราวที่พระอาจารย์เรียกไปถาม แต่เหล่ากุมารสงสัยไม่ เชื่อคำพูดของพระสหาย ต่างองค์ก็วิจารณ์ ไฉนเลยพระครูเรา จะพูดเปล่าประโยชน์มี เลอะเหลวนักละล้วนนี รผลเห็น บ เป็นไป เถอะถึงถ้าจะจริงแม้ ธ พูดแท้ก็ทำไม แนะชวนเข้า ณ ข้างใน จะถามนอก บ ยากเย็น

๗ ถอดคำประพันธ์ วิจารณ์ว่าพระอาจารย์จะพูดเรื่องเหลวไหลไร้สาระเช่นนี้เป็นไปไม่ใต้ และหากว่าจะพูด จริงเหตุใดจะต้องเรียกเข้าไปถามข้างในห้อง ถามข้างนอกห้องก็ได้ ชะรอยว่าทิชาจารย์ ธ คิดอ่านกะท่านเป็น รหัสเหตุประเภทเห็น ละแน่ชัดถนัดความ และท่านมามุสาวาท มิกล้าอาจจะบอกตาม พจีจริงพยายาม ไถลแสร้งแถลงสาร ถอดคำประพันธ์ สงสัยว่าท่านอาจารย์กับพระกุมารต้องมีความลับอย่างแน่นอน แล้วก็มาพูดโกหกไม่กล้า บอกตามความเป็นจริง แกล้งพูดไปต่าง ๆ นานา ก็สอดคล้องและแคลงตาล กุมารราชมิตรผอง พีโรธกาจวิวาทการณ์ อุบัติขึ้นเพราะขุ่นเคือง พิพิธพันธไมตรี ประดามีนิรันตร์เนือง กะองค์นั้นก็พลันเปลือง มลายปลาตพินาศปลง ฯ ถอดคำประพันธ์ กุมารลิจฉวีทั้งหลายเห็นสอดคล้องกันก็เกิดความโกรธเคือง การทะเลาะวิวาทก็เกิดขึ้น เพราะความขุ่นเคืองใจ ความสัมพันธ์อันดีที่เคยมีมาตลอดก็ถูกทำลายย่อยยับลง มาณวก ฉันท์ ๘ ล่วงลุประมาณ กาลอนุกรม หนึ่ง ณ นิยม ท่านทวิชงค์ เมื่อจะประสิทธิ์ วิทยะยง เชิญวรองค์ เอกกุมาร ถอดคำประพันธ์ เวลาผ่านไปตามลำดับ เมื่อถึงคราวที่จะสอนวิชาก็จะเชิญพระกุมารพระองค์หนึ่ง

เธอจรตาม พราหมณไป ๘ โดยเฉพาะใน ห้องรหฐาน จึ่งพฤฒิถาม ความพิสดาร ขอ ธ ประทาน โทษะและไข ถอดคำประพันธ์ พระกุมารก็ตามพราหมณ์เข้าไปในห้องเฉพาะ พราหมณ์จึงถามเนื้อความแปลก ๆ ว่า ขออภัยช่วยตอบด้วย อย่าติและหลู่ ครูจะเฉลย เธอน่ะเสวย ภัตกะอะไร ในทินนี่ ดี ฤ ไฉน พอหฤทัย ยิ่งละกระมัง ถอดคำประพันธ์ อย่าหาว่าตำหนิหรือลบหลู่ ครูขอถามว่าวันนี้พระกุมารเสวยพระกระยาหารอะไร รสชาติดีหรือไม่พอพระทัยมากหรือไม่ ราช ธ ก็เล่า เค้า ณ ประโยค ตนบริโภค แล้วขณะหลัง วาทะประเทือง เรื่องสิประทัง อาคมยัง สิกขสภา ถอดคำประพันธ์ พระกุมารก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระกระยาหารที่เสวย หลังจากนั้นก็สนทนาเรื่องทั่วไป แล้วก็เสด็จกลับออกมายังห้องเรียน เสร็จอนุศาสน์ ราชอุรส ลิจฉวิหมด ต่าง ธ ก็มา ถามนยมาน ท่านพฤฒิอา จารยปรา รภกระไร

๙ ถอดคำประพันธ์ แล้วก็เสด็จกลับออกมายังห้องเรียน เมื่อเสร็จสิ้นการสอนราชกุมารลิจฉวีทั้งหมดก็มา ถามเรื่องราวที่มีมาว่าท่านอาจารย์ได้พูดเรื่องอะไรบ้าง เธอก็แถลง แจ้งระบุมวล ความเฉพาะล้วน จริงหฤทัย ต่าง บ มิเชื่อ เมื่อตริไฉน จึ่งผลใน เหตุ บ มิสม ถอดคำประพันธ์ พระกุมารก็ตอบตามความจริง แต่เหล่ากุมารต่างไม่เชื่อ เพราะคิดแล้วไม่สมเหตุสมผล ขุ่นมนเคือง เรื่องนฤสาร เช่นกะกุมาร ก่อนก็ระดม เลิกสละแยก แตกคณะกลม เกลียว บ นิยม คบดุจเดิม ถอดคำประพันธ์ ต่างขุ่นเคืองใจด้วยเรื่องไร้สาระเช่นเดียวกับพระกุมารพระองค์ก่อน และเกิด ความแตกแยกไม่คบกันอย่างกลมเกลียวเหมือนเดิม อุเปนทรวิเชียร ฉันท์ ๑๑ ทิชงค์เจาะจงเจตน์ กลห์เหตุยุยงเสริม กระหน่ำและซ้ำเติม นฤพัทธก่อการณ์ ละครั้งระหว่างครา ทินวารนานนาน เหมาะท่าทิชาจารย์ ธ ก็เชิญเสด็จไป ถอดคำประพันธ์ พราหมณ์จตนาหาเหตุยุแหย่ช้ำเติมอยู่เสมอๆ แต่ละครั้ง แต่ละวัน นานนานครั้ง เห็นโอกาสเหมาะก็จะเชิญพระกุมารเสด็จไป

๑๐ บ ห่อนจะมีสา รฤหาประโยชน์ไร กระนั้นเสมอนัย เสาะแสดง ธ แสร้งถาม และบ้างก็พูดว่า น่ะแน่ะข้าสดับตาม ยุบลระบิลความ พจแจ้งกระจายมา ถอดคำประพันธ์ ไม่มีสารประโยชน์อันใด แล้วก็แกล้งทูลถาม บางครั้งก็พูดว่า นี่แน่ะข้าพระองค์ได้ยิน ข่าวเล่าลือกันทั่วไป ละเมิดติเตียนท่าน ก็เพราะท่านสิแสนสา รพัดทลิทภา วและสุดจะขัดสน จะแน่มิแน่เหลือ พิเคราะห์เชื่อเพราะยากยล ณ ที่ บ มีคน ธ ก็ควรขยายความ ถอดคำประพันธ์ เขานินทาพระกุมารว่าพระองค์แสนจะยากจนและขัดสน จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือ พิเคราะห์แล้วไม่น่าเชื่อ ณ ที่นี้ไม่มีผู้ใด ขอให้ทรงเล่ามาเถิด และบ้างก็กล่าวว่า น่ะแน่ะข้าจะขอถาม เพราะทราบคดีตาม วจลือระบือมา ติฉินเยาะหมิ่นท่าน ก็เพราะท่านสิแสนสา รพันพิกลกา ยพิลึกประหลาดเป็น ถอดคำประพันธ์ บางครั้งก็พูดว่าข้าพระองค์ขอทูลถามพระกุมาร เพราะ ได้ยินเขาเล่าลือกันทั่วไป เยาะเย้ยดูหมิ่นท่านว่าท่านนี้มีร่างกายผิดประหลาดต่าง ๆ นานาจะเป็นจริงหรือไม่ จะจริงมิจริงเหลือ มนเชื่อเพราะไปเห็น ผิข้อ บ ลำเค็ญ ธ ก็ควรขยายความ กุมารองค์เสา วนเค้าคดีตาม กระทู้พระครูถาม นยสุดจะสงสัย

๑๑ ถอดคำประพันธ์ ใจไม่อยากเชื่อเลยเพราะไม่เห็น ถ้าหากมีสิ่งใดที่ลำบากยากแค้นก็ตรัสมาเถิด พระกุมารได้ทรงฟังเรื่องที่พระอาจารย์ถามก็ตรัสถามกลับว่า สงสัยเหลือเกิน ก็คำมิควรการณ์ คุรุท่านจะถามไย ธ ซักเสาะสืบใคร ระบุแจ้งกะอาจารย์ ทวิชแถลงว่า พระกุมารโน้นขาน ยุบลกะตูกาล เฉพาะอยู่กะกันสอง ถอดคำประพันธ์ เรื่องไม่สมควรเช่นนี้ท่านอาจารย์จะถามทำไม แล้วก็ซักไซ้ว่าใครเป็นผู้มาบอกกับ อาจารย์ พราหมณ์ตอบว่าพระกุมารพระองค์โน้นตรัสบอกเมื่ออยู่กันเพียงสองต่อสอง กุมารพระองค์นั้น ธ มิทันจะไตร่ตรอง ก็เชื่อ ณ คำของ พฤฒิครูและวู่วาม พิโรธกุมารองค์ เหมาะเจาะจงพยายาม ยุครูเพราะเอาความ บ มิตีประเดตน ถอดคำประพันธ์ กุมารพระองค์นั้นไม่ทันได้ไตร่ตรอง ก็ทรงเชื่อในคำพูดของอาจารย์ ด้วยความวู่วามก็ กริ้วพระกุมารที่ยุพระอาจารย์ใส่ความตน ก็พ้อและต่อพิษ ทุรทิฐิมานจน ลุโทสะสืบสน ธิพิพาทเสมอมา และฝ่ายกุมารผู้ ทิชครูมิเรียกหา ก็แหนงประดารา ชกุมารทิชงค์เชิญ ถอดคำประพันธ์ จึงตัดพ้อต่อว่ากันขึ้น เกิดความโกรธเคืองทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอฝ่ายพระกุมารที่ พราหมณ์ไม่เคยเรียกเข้าไปหาก็ไม่พอพระทัยพระกุมารที่พราหมณ์เชิญไปพบ

๑๒ พระราชบุตรลิจ ฉวิมิตรจิตเมิน ณ กันและกันเหิน คณะห่างก็ต่างถือ ทะนงชนกตน พลล้นเถลิงลือ ก็หาญกระเหิมฮือ มนอีก บ นึกขาม ฯ ถอดคำประพันธ์ พระกุมารลิจฉวีหมางใจและเหินห่างกัน ต่างองค์ทะนงว่าพระบิดาของตนมีอำนาจ ล้นเหลือ จึงมีใจกำเริบไม่เกรงกลัวกัน (กษัตริย์ลิจฉวีแตกสามัคคีวัสสการพราหมณ์ลอบส่งข่าวทูลพระเจ้าอชาตศัตรู) สัทธรา ฉันท์ ๒๑ ลำดับนั้นวัสสการพราหมณ์ ธ ก็ยุศิษยตาม แต่งอุบายงาม ฉงนงำ ปวงโอรสลิจฉวีดำ ริณวิรุธก็สำ คัญประดุจคำ ธ เสกสรร ถอดคำประพันธ์ ในขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ก็คอยยุลูกศิษย์ แต่งกลอุบายให้เกิดความแคลงใจ พระโอรสกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลายไตร่ตรองในอาการนำสงสัยก็เข้าใจว่าเป็นจริงตังถ้อยคำที่ อาจารย์ปั้นเรื่องขึ้น ไป่เหลือเลยสักพระองค์อัน มิละปิยะสหฉันท์ ขาดสมัครพันธ์ ก็อาดูร ต่างองค์นำความมิงามทูล พระชนกอติศูร แห่ง ธ โดยมูล ปวัตติ์ความ ถอดคำประพันธ์ ไม่มีเหลือเลยสักพระองค์เดียวที่จะมีความรักใคร่กลมเกลียว ต่างขาดความสัมพันธ์ เกิดความเดือดร้อนใจ แต่ละองค์นำเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นไปทูลพระบิดาของตน

๑๓ แตกร้าวก้าวร้ายก็ป้ายปาม ลุวรบิดรลาม ทีละน้อยตาม ณ เหตุผล ฟั่นเฝือเชื่อนัยดนัยตน นฤวิเคราะหเสาะสน สืบจะหมองมล เพราะหมายใด ถอดคำประพันธ์ ความแตกแยกก็ค่อย ๆ ลุกลามไปสู่พระบิดา เนื่องจากความหลงเชื่อโอรสของตน ปราศจากการใคร่ครวญเกิดความผิดพ้องหมองใจกันขึ้น แท้ท่านวัสสการใน กษณะตริเหมาะไฉน เสริมเสมอไป สะดวกตาย หลายอย่างต่างกล ธ ขวนขวาย พจนยุปริยาย วัญจโนบาย บ เว้นครา ถอดคำประพันธ์ ฝ่ายวัสสการพราหมณ์ครั้นเห็นโอกาสเหมาะสมก็คอยยุแหย่อย่างง่ายดายทำกลอุบาย ต่างๆ พูดยุยงตามกลอุบายตลอดเวลา ครั้นล่วงสามปีประมาณมา สหกรณประดา ลิจฉวีรา ชทั้งหลาย สามัคคีธรรมทำลาย มิตรภิทนะกระจาย สรรพเสื่อมหายน์ ก็เป็นไป ถอดคำประพันธ์ เวลาผ่านไปประมาณ ๓ ปี ความร่วมมือกันระหว่างกษัตริย์สิจฉวีทั้งหลายและ ความสามัคคีถูกทำลายลงสิ้น ความเป็นมิตรแตกแยก ความเสื่อม ความหายนะก็บังเกิดขึ้น ต่างองค์ทรงแคลงระแวงใน พระราชหฤทยวิสัย ผู้พิโรธใจ ระวังกัน ถอดคำประพันธ์ กษัตริย์ต่างองค์ระแวงแคลงใจ มีความขุ่นเคืองใจซึ่งกันและกัน

๑๔ สาลินีฉันท์ ๑๑ พราหมณ์ครูรู้สังเกต ตระหนักเหตุถนัดครัน ราชาวัชชีสรร พจักสู่พินาศสม ยินดีบัดนี้กิจ จะสัมฤทธิ์มนารมณ์ เริ่มมาด้วยปรากรม และอุตสาหแห่งตน ถอดคำประพันธ์ พราหมณ์ผู้เป็นครูสังเกตเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าเหล่ากษัตริย์สิจฉวีกำลังจะประสบ ความพินาศ จึงยินตีมากที่ภารกิจประสบผลสำเร็จสมตังใจ หลังจากเริ่มต้นด้วย ความบากบั่นและความอดทนของตน ให้ลองตีกลองนัด ประชุมขัดติย์มณฑล เชิญซึ่งส่ำสากล กษัตริย์สู่สภาคาร วัชชีภูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน ทุกใท้ไปเอาภาร ณ กิจเพื่อเสด็จไป ถอดคำประพันธ์ จึงให้ลองตีกลองนัดประชุมกษัตริย์ฉวี เชิญทุกพระองค์เสด็จมายังที่ประชุม ฝ่าย กษัตริย์วัชชีทั้งหลายทรงสตับเสียงกลองตังกึกก้อง ทุกพระองค์ไม่ทรงเป็นธุระในการเสด็จ ไป ต่างทรงรับสั่งว่า จะเรียกหาประชุมไย เราใช่เป็นใหญ่ใจ ก็ขลาดกลัว บ กล้าหาญ ท่านใดที่เป็นใหญ่ และกล้าใครมิเปรียบป่าน พอใจใครใน ชอบก็เชิญเขา ถอดคำประพันธ์ ต่างองค์รับสั่งว่จะเรียกประชุมด้วยเหตุใด เราไม่ใด้เป็นใหญ่ ใจก็ขลาด ไม่กล้าหาญ ผู้ใดเป็นใหญ่มีความกล้าหาญไม่มีผู้ใดเปรียบได้ พอใจจะเสด็จไปร่วมประชุมก็เชิญเขาเถิด

๑๕ ปรึกษาหารือกัน ไฉนนั้นก็ทำเนา จักเรียกประชุมเรา บ แลเห็นประโยชน์เลย รับสั่งผลักไสส่ง และทุกองค์ ธ เพิกเฉย ไปได้ไปดั่งเคย สมัครเข้าสมาคม ๆ ถอดคำประพันธ์ จะปรึกษาหารือกันประการใดก็ช่างเถิด จะเรียกเราไปประชุมมองไม่เห็นประโยชน์ ประการใดเลยรับสั่งให้พ้นไปและทุกพระองค์ก็ทรงเพิกเฉยไม่เสด็จไปเข้าร่วมการประชุม เหมือนเคย อุปัฏฐิตา ฉันท์ ๑๑ เห็นเชิงพิเคราะห์ช่อง ชนะคล่องประสบสม พราหมณ์เวทอุดม ธ ก็ลอบแถลงการณ์ ให้วัลลภขน คมตลประเทศฐาน กราบทูลนฤบาล อภิเผ้ามคยไกร ถอดคำประพันธ์ เมื่อพิจารณาเห็นช่องทางที่จะได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย พราหมณ์ผู้รอบรู้พระเวทก็ลอบ ส่งข่าวให้คนสนิทเดินทางกลับไปยังบ้านเมือง กราบทูลกษัตริย์แห่งแคว้นมคธอันยิ่งใหญ่ แจ้งสักษณสา สนว่ากษัตริย์ใน วัชชีบุรไกร วลหล้าตลอดกัน บัดนี้สิก็แตก คณะแผกและแยกพรรค์ ไปเป็นสหฉัน ทเสมือนเสมอมา ถอดคำประพันธ์ ยิ่งใหญ่ ในสาสน์แจ้งว่ากษัตริย์วัชชีทุกพระองค์ขณะนี้เกิดความแตกแยก แบ่งพรรค แบ่งพวกไม่สามัคคีกันเหมือนแต่เดิม

๑๖ โอกาสเหมาะสมัย ขณะไหนประหนึ่งครา นี้หากผิจะหา ก็ บ ได้สะดวกดี ขอเชิญวรบาท พยุห์ยาตรเสด็จกรี ธาทัพพลที ริยยุทธโดยไว ฯ ๆลๆ ถอดคำาประพันธ์ จะหาโอกาสอันเหมาะสมครั้งใตเหมือนดังครั้งนี้คงจะไม่มีอีกแล้ว ขอทูลเชิญพระองค์ ยกกองทัพอันยิ่งใหญ่มาทำสงครามโดยเร็วเถิด (พระเจ้าอชาดศัตรูยกทัพมาดีแคว้นวัชชี) วิชชุมลาฉันท์ ฉันห์ ๘ ข่าวเติกเอิกอึง ทราบถึงบัตตล ในหมู่ผู้คน ชาวเวสาสี แทบทุกถิ่นหมด ชนบทบูรี อกสั่นขวัญหนี หวาดกลัวทั่วไป ถอดคำประพันธ์ ข่าวศึกแพร่ไปจนรู้ถึงชาวเมืองเวสาสี แทบทุกคนในเมืองต่างตกใจและหวาดกลัวกันไปทั่ว ตื่นตาหน้าเผือด หมดเลือดสั้นกาย หลบลี้หนีตาย วุ่นหวั่นพรั่นใจ ชุกครอกขอกครัว ช่อนตัวแตกภัย เข้าตงหงไพร ทิ้งย่านบ้านตน ถอดคำประพันธ์ หน้าตาตื่น หน้าซีดไม่มีสีเลือด ตัวสั่น พากันหนีตายวุ่นวาย พากันอพยพครอบศรัวหนีภัย ทิ้งบ้านเรือนไปซุ่มซ่อนตัวเสียในป่า

๑๗ เหลือจักห้ามปราม ชาวคามลำลาด พันหัวหน้าราษฎร์ ขุนด่านตำบล หารือแก่กัน คิดผันผ่อนปรน จักไม่ให้พล มาคชข้ามมา ถอดคำประพันธ์ ไม่สามารถห้ามปรามชาวบ้านได้ หัวหน้าราษฎรและนายด่นตำบสต่าง ๆ ปรึกษากัน คิดจะยับยั้งไม่ให้กองทัพฒคธข้ามมาได้ จึ่งให้ตีกลอง ป๋าวร้องทันที แจ้งข่าวโหรี รุกเบียนบีทา เพื่อหมู่ภูมี วัชชีอาณา ชุมนุมบัญชา ป้องกันฉันใด ถอดคำประพันธ์ จึงตีกลองป่าวร้องแจ้งข่าวข้าศึกเข้ารุกราน เพื่อให้เหล่ากษัตริย์แห่งวัชซีเสด็จมา ประชุมหาหนทางป้องกันประการใด ราชาลิจฉวี ไปมีสักองค์ อันนึกจำนง เพื่อจักเสด็จไป ต่างองค์ตำรัส เรียกนัดทำไม ใครเป็นใหญ่ใคร กล้าหาญเห็นดี ถอดคำประพันธ์ ไม่มีกษัตริย์ลิจฉวีแม้แต่พระ องค์เดียวคิดจะเสด็จไป แต่ละพระองค์ทรงดำรัสว่าจะ เรียกประชุมด้วยเหตุใด ผู้ใดเป็นใหญ่ ผู้ใดกล้าหาญ เชิญเทอญท่านต้อง ขัดข้องข้อไหน ปรึกษาปราศรัย ตามเรื่องตามที ส่วนเราเล่าใช่ เป็นใหญ่ยังมี ใจอย่างผู้ภี รุกปราศอาจหาญ

๑๘ ถอดคำประพันธ์ เห็นดีประการใดก็เชิญเถิด จะปรึกษาหารืออย่างโรก็ตามแต่ใจ ตัวของเรานั้นไม่ได้มี อำนาจยิ่งใหญ่ จิตใจก็ขี้ซลาด ไม่องอาจกล้าหาญ ต่างทรงสำแดง ความแขงอำนาจ สามัคคีขาด แก่งแย่งโดยมาน ภูมิศลิจฉวี วัชชีรัฐบาล บ่ ชุมนุมสมาน แม้แต่สักองค์ ฯ ถอดคำประพันธ์ แต่ละพระองค์ต่างแสดงอาการเพิกเฉย ปราศจากความสามัคคีปรองตองในจิตใจ กษัตริย์ลิจฉวีแห่งวัชซีไม่เสด็จมาประชุมกันแม้แต่พระองค์เดียว อินทรวิเชียวฉันท์ ๑๑ ปิ่นเขตมคธขัด ติยรัชธำรง ยั้งทัพประทับตรง นคเรศวีสาลี พิเคราะห์เหตุ ณ ธานี แห่งราชวัชชี ภูธร ธ สังเกต ขณะเดิกประซิดแดน ถอดคำประพันธ์ จอมกษัตริย์แห่งแคว้นมครหยุดทัพตรงหน้าเมืองเวสาลี พระองค์ทรงสังเกตวิเคราะห์ เหตุการณ์ทางเมืองวัชซีในขณะที่ข้าศึกมาประชิดเมือง เฉยดู บ รู้สึก และมินึกจะเกรงแกลน ฤคิดจะตอบแทน รณทัพระงับภัย นิ่งเงียบสงบงำ บ มีทำประการใด ปรากฏประหนึ่งใน บุรว่างและร้างคน ถอดคำประพันธ์ ดูนิ่งเฉยไม่รู้สึกเกรงกลัวหรีอคิดจะทำสิ่งใตใต้ตอบระงับเหตุร้าย กลับอยู่อย่างสงบเงียบ ไม่ทำการสิ่งใดมองดูราวกับเป็นเมืองร้างปราศจากผู้คน

แนโดยมิพักสง สยคงกระทบกล ๑๙ ท่านวัสสการจน กินท์พัทธสามัค ลุกระนี้ถนัดตา คิยพรรคพระราชา ชาวลิจฉวีวา รจะห้องอนัตถ์ภัย ถอดคำประพันธ์ แน่นอนไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงจะถูกกลอุบายของวัสสการพราหมณ์จนเป็นเช่นนี้ ความสามัคคีผูกพันแห่งกษัตริย์ลิจฉวีถูกทำลายลงและจะประสบกับภัยพิบัติ ลูกข่างประดาทา รกกาลขว้างไป หมุนเล่นสนุกไฉน ดุจกันฉะนั้นหนอ ครูวัสสการแส่ กลแหย่ยุดีพอ ปั่นป่วน บ เหลือหลอ จะมิร้าวมิรานกัน ถอดคำประพันธ์ ลูกช่างที่เด็กขว้างเล่นได้สนุกฉันใค วัสสการพราหมณ์ก็สามารถยุแหย่ให้เหล่ากษัตริย์ สิจฉวีแตกความสามัคคีได้ตามใจชอบและศิดที่จะสนุกฉันนั้น ครั้นทรงพระปรารภ ธุระจบ ธ จึ่งบัญ ชานายนิกายสรร พทแกล้วทหารหาญ เร่งทำอุหุมป์เว ฬุคะเนกะเกณฑ์การ เพื่อข้ามนทีธาร จรเข้านครบร ถอดคำประพันธ์ ครั้นทรงคิดได้ตังนั้นจึงมีพระราชปัญชาแก่เหล่าหหารหาญให้รีบสร้างแพไม้ไผ่เพื่อ ข้ามแม่น้ำจะเข้าเมืองของฝ่ายศัตรู พวกทหารรับราชโองการแล้วก็ปฏิบัติภารกิจที่ใด้รับ เขารับพระบัณฑูร อติศูรบดีศร ภาโรปกรณ์ตอน ทิวรุ่งสฤษฏ์หลัน จอมนาถพระยาตรา พยุหาธิทัพขันธ์ โดยแพและพ่วงปัน พลข้าม ณ คงคา

๒๐ ถอดคำประพันธ์ ในตอนเข้างานนั้นก็เสร็จทันที จอมกษัตริย์เคลื่อนกองทัพอันมีกำลังพลมากมาย ลงในแพที่ติดกันนำกำลังข้ามแม่น้ำ จนหมดพหลเนื่อง พิศเนืองขนัดคลา ขึ้นฝั่งลุเวสา สิบุเรศสะดวกดาย ฯ ถอดคำประพันธ์ จนกองทัพหมดสิ้น มองดูแน่นขนัด ขึ้นฝั่งเมืองเวสาลีอย่างสะดวกสบาย จิตรปหา ฉันท์ ๘ นาครรา นิวิสาลี เห็นริปุมี พลมากมาย ข้ามติรซล ก็ลุพ้นหมาย มุ่งจะทลาย พระนครตน ถอดคำประพันธ์ ฝ้ายเมืองเวสาลีมองเห็นข้าศึกจำนวนมากข้ามเม่น้ำมาเพื่อจะทำลายล้างบ้านเมือง ของตน ต่างก็ตระหนก มนอกเต้น ตื่น บ มิเว้น ตะละผู้คน ทั่วบุรคา มจลาจล เสียงอลวน อลเวงไป ถอกคำประพันธ์ ต่างก็ตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า ในเมืองเกิดจลาจสวุ่นวายไปทั่วเมืองขึ้นฝั่งสุดเวลา สรรพสกล มุขมนตรี ตรอมมนภี รุกเภทภัย บางคณะอา ทรปราศรัย ยังมีกระไร ขณะนี้หนอ

๒๑ ถอดคำประพันธ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต่งหวาดกลัวภัย บางพวกก็พูดว่าขณะนี้ยังไม่เป็นไรหรอก ควรบริบาล พระทวารมั่น ต้านปะทะกัน อริก่อนพอ ขัดติยรา ชสภารอ ดำริจะขอ วรโองการ ถอดคำประพันธ์ ควรจะป้องกันประตูเมืองเอาไว้ให้มั่นคง ต้านทานข้าศึกเอาไว้ก่อน รอให้ที่ประชุมเหล่า กษัตริย์มีความเห็นว่าจะทรงทำประการใด ทรงตรีโอน ก็จะได้ทำ โดยนยคำ รัสภูบาล เสวกผอง ก็เคาะกลองขาน อาณัติปาน ดุจกลองพัง ถอดคำประพันธ์ ก็จะไต้ดำเนินการตามพระบัญชาของพระองค์เหล่าข้าราชการทั้งหลายก็ตีกลองสัญญาณ ขึ้นราวกับกลองจะพัง ศัพทอุโฆษ ประสุโสตท้าว ลิจฉวีต้าว ต่าง ธ ก็เฉย ขณะทรงฟัง และละเลยดัง ไท้ามิอินัง ธุระกับใคร ถอดคำประพันธ์ เสียงคังก็กต้องไปถึงพระกรรณษัตริย์สิจฉรีต่างองค์ทรงเพิกเอยราวกับไม่เอาใจใส่ใน เรื่องราวของผู้ใด

๒๒ ต่างก็ บ คลา ณ สภาคา แม้พระทวาร บุรทั่วไป รอบทิศด้าน และทวารใด เห็นนรไหน สิจะปิดมี ฯ ถอดคำประพันธ์ ต่างองค์ไม่เสด็จไปที่ประชุม แม้แต่ประตูเมืองรอบทิศทุกบานก็ไม่มีผู้ใดปิด สัททุลวิกกีนิต ฉันท์ ๑๙ จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี ธาสู่วิสาลี นคร โดยทางอันพระทวารเปิดนรนิกร ฤๅรอจะต่อรอน อะไร ถอดคำประพันธ์ จอมทัพแห่งแคว้นมคกรีชาทัพเช้าเมืองเวสาสีทางประตูเมืองที่เปิดอยู่โดยไม่มีผู้คนหรือ ทหารต่อสู้ประการใด เบื้องนั้นท่านคุรุวัสสการทิชก็ไป นำทัพชเนนทร์ไท มคธ เข้าปราบลิจฉวิขัตติย์รัฐชนบท สู่เงื้อมพระหัตถ์หมด และโดย ถอดคำประพันธ์ ขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ก็ไปนำทัพของกษัตริย์แห่งมคธเข้ามาปราบ กษัตริย์ลิจฉวี อาณาจักรทั้งหมดก็ตกอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ ไป่พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหลโรย แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์ ราบคาบเสร็จ ธ เสด็จสุราชคฤหอุด คมเขตบุเรศดุจ ณ เดิม

๒๓ ถอดคำประพันธ์ โดยที่กองทัพไม่ต้องเปลืองแรงในการต่อสู้ ปราบราบคาบแล้วเสด็จยังราชคฤห์เมือง ยิ่งใหญ่ดังเดิม เรื่องต้นยุกติก็แต่จะต่อพจนเติม ภาษิตลิชิตเสริม ประสงค์ ปรุงโสตเป็นคติสุนทราภรณจง จับข้อประโยชน์ตรง ตริตู ฯ ถอดคำประพันธ์ เนื้อเรื่องแต่เติมจบลงเพียงนี้ แต่ประสงค์จะแต่งสุภาษิตเพิ่มเติมให้ได้รับฟังเพื่อเป็น คติอันทรงคุณค่านำไปคิดไตร่ตรอง อินทรวิเชียนฉันท์ ฉันท์ ๑๑ อันภูบดีรา ชอชาตศัตรู ได้ลิจฉวีภู วประเทศสะดวกดี แลสรรพบรรดา วรราชวัชชี ถึงซึ่งพิบัติบี ฑอนัตถ์หินาศหนา ถอดคำประพันธ์ พระเจ้ายชาดศัตรูได้แผ่นดินวัชซีอย่างสะดวก และกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลายก็ถึงซึ่ง ความพินาศล่มจม เหี้ยมนั้นเพราะผันแผก คณะแตกและต่างมา ถือทิฐิมานสา หสโทษพีโรธจอง แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิ้น บ ปรองตอง ขาดญาณพิจารณ์ตรอง ตริมลักประจักษ์เจือ

๒๔ ถอดคำประพันธ์ เหตุเพราะความแตกแยกกัน ต่างก็มีความยึตมั่นในความคิดของตน ผูกโกรธซึ่งกันและ กันต่างแยกพรรค แตกสามัคคีกัน ไม่ปรองตองกัน ขาดปัญญาที่จะพิจารณาไตร่ตรอง เชื่ออรรถยุบลเอา รสเล่าก็ง่ายเหลือ เหตุหาก ธ มากเมือ คตีโมหเป็นมูล จึ่งดาลประการหา ยนภาวอาดูร เสียแดนไผทสูญ ยศศักดิเสื่อมนาม ถอดคำประพันธ์ เชื่อถ้อยความของบรรดาพระโอรสอย่างง่ายดาย เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะกษัตริย์แต่ละ พระองค์ทรงมากไปด้วยความหลง จึงทำให้ถึงซึ่งความฉิบหาย มีภาวะความเป็นอยู่อันทุกข์ ระทม เสียทั้งแผ่นดินเกียรติยศ และชื่อเสียงที่เคยมีอยู่ ควรชมนิยมจัด คุรุวัสสการพราหมณ์ เป็นเอกอุบายงาม กลงำกระทำมา พุทธาทิบัณฑิต พิเคราะห์คิดพินิจปรา รภสรรเสริญสา ธุสมัครภาพผล ถอดคำประพันธ์ ส่วนวัสสการพราหมณ์นั้นนำชื่นชมอย่างยิ่ง เพราะ เป็นเลิศในการกระทำกสอุบายผู้รู้ทั้ง หลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้ใคร่ครวญพิจารณากล่าวสรรเสริญว่าชอบแล้วในเรื่องผลแห่ง ความพร้อมเพรียงกัน ว่าอาจจะอวยผา สุกภาวมาตล ดีสู่ ณ หมู่ตน บ นิราศนิรันตร หมู่ใดผิสามัค คยพรรคสโมสร ไปปราศนิราศรอน คุณไร้ไฉนดล

๒๕ ถอดคำประพันธ์ ความสามัดคีอาจอำนวยให้ถึงซึ่งสภาพแห่งความผาสุก ณ หมู่ของตนไม่เสื่อมคลายตลอด ไป หากหมู่ใดมีความสามัคคีร่วมชุมนุมกัน ไม่ห่างเหินกัน สิ่งที่ไร้ประโยชน์จะมาสู่ใด้อย่างไร พร้อมเหรียงประเสริฐครัน เพราะฉะนั้นแหละบุคคล ผู้หวังเจริญตน ธุระเกี่ยวกะหมู่เขา พึงหมายสมัครเป็น มุขเป็นประธานเอา ธุรทั่ว ณ ตัวเรา บ มีเห็น ณ ฝ้ายเดียว ถอดคำประพันธ์ ความพร้อมเพรียงนั้นประเสริฐยิ่งนัก เพราะฉะนั้นบุคคลใดหวังที่จะได้รับความเจริญ แห่งตน และมีกิจธุระอันเป็นส่วนรวม ก็พึงตั้งใจเป็นหัวหน้าเอาเป็นธุระด้วยตัวของเราเอง โดยมิเห็นประโยชน์ตนแต่ฝ่ายเดียว ควรยกประโยชน์ยื่น นรอื่นก็แลเหลียว ดูบ้างและกลมเกลียว มีตรภาพผดุงครอง ยั้งทีฐิมานหย่อน ทมผ่อนผจงจอง อารีมิมีหมอง มนเมื่อจะทำใด ถอดคำประพันธ์ ควรยกประโยชน์ให้บุคคลอื่นบ้าง นึกถึงผู้อื่นบ้าง ต้องกลมเกลียว มีความเป็นมิตรกันไว้ ต้องลดพิฐิ มานะ รู้จักชมใจ จะทำสิ่งใดก็เอื้อเฟื้อกันไม่มีความบาดหมางใจ ลาคผลสกลบรร ลุก็ปันก็แบ่งไป ตามน้อยและมากใจ สุจริตนิยมธรรม์ พึงบรรยาทยืด สุประพฤติสงวนพรรค์ รื้อริษยาอัน อุปเฉทไมตรี ถอดคำประพันธ์ ผลประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นก็แบ่งปันกันไป มากบ้างน้อยบ้างอย่างเป็นธรรม ควรยึดมั่น ในมารยาทและความประพฤติที่ดีงาม รักษาหมู่คณะโดยไม่มีความริษยากันอันจะตัดรอนไมตรี

๒๖ ดังนั้น ณ หมูใด ผิ บ ไร้สมัครมี พร้อมเพรียงนิพัทธ์นี รวิวาทระแวงกัน หวังเทอญมีต้องสง สยคงประสบพลัน ซึ่งสุขเกษมสันต์ หิตะกอบทวีการ ถอดคำประพันธ์ ดังนั้นถ้าหมู่คณะใดไม่ขาดซึ่งความสามัคคี มีความพร้อมเพรียงกันอยู่เสมอ ไม่มีการ วิวาทและระแวงกัน ก็หวังได้โดยไม่ต้องสงสัยว่า คงจะพบซึ่งความสุข ความสงบ และ ประกอบด้วยประโยชน์มากมาย ใครเล่าจะสามารถ มนอาจระรานหาญ หักล้าง บ แหลกลาญ ก็เพราะพร้อมเพราะเพรียงกัน ป่วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริฐครัน ฤาสรรพสัตว์อัน เฉพาะมีชีวีครอง ถอดคำประพันธ์ ใครเล่าจะมีใจกล้ำาศิดทำสงตรามด้วย หวังจะทำลายล้างก็ไม่ใต้ ทั้งนี้เพราะ ความพร้อมเพรียงกันนั่นเอง กล่าวไปใยกับมนุษย์ผู้ประเสริฐหรือสรรพสัตว์ที่มีชีวิต แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใครลอง มัดกำกระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน เหล่าไหนผีไมตรี สละลี้ ณ หมู่ตน กิจใดจะขวายชวน บ มิพร้อมมิเพรียงกัน ถอดคำประพันธ์ แม้แต่กิ่งไม้หากใครจะใคร่ลองเอามามัดเป็นกำ ตั้งใจใช้กำลังหักก็ยากเต็มทน หากหมู่ใด ไม่มีความสามัคคีในหมู่คณะของตน และกิจการฮันใดที่จะต้องขวนขวายทำก็มิพร้อมเพรียง กัน

๒๗ อย่าปรารถนาหวัง สุขทั้งเจริญอัน มวลมาอุบัติบรร ลุโฉน บ ได้มี ปวงทุกข์พิบัติสรร พภยันตรายกลี แม้ปราศนิยมปรี ติประสงค์ก็คงสม ถอดคำประพันธ์ ก็อย่าไต้หวังเลยความสุขความเจริญจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความทุกข์พิบัติอันตรายและ ความชั่วร้ายทั้งปวง ถึงแม้จะไม่ต้องการก็จะต้องใด้รับเป็นแน่แท้ ควรชนประชุมเช่น คณะเป็นสมาคม สามัคคิปรารม ภนิพัทธรำพึง ไป่มีก็ให้มี ผิวมีก็คำนึง เนื่องเพื่อภิยโยจึง จะประสบสุขาลัย ฯ ถอดคำประพันธ์ ผู้ที่อยู่รวมกันเป็นหมู่คณะหรือสมาคม ควรคำนึงถึงความสามัคคีอยู่เป็นนิจ ถ้ายังไม่มีก็ ควรจะมีขึ้นถ้ามีอยู่แล้วก็ควรให้เจริญรุ่งเรื่องยิ่งขึ้นไปจึงจะถึงซึ่งความสุขความสบาย

๒๘ คุณค่าวรรณคดีของสามัคคีเภทคำฉันท์ ด้านวรรณศิลป์ ๑.มีเสียงไพเราะอันเกิดจากการเล่นเสียงสัมผัสในทั้งเสียงสัมผัสพยัญชนะและเสียง สัมผัสสระ ตัวอย่างเช่น แตกร้าวก้าวร้ายก็ป้ายปาม สุวรบิดรลาม ทีละน้อยตาม ณ เหตุผล ฟั่นเฝือเชื่อนัยตนัยตน นฤวิเคราะหเสาะสน สืบจะหมองมล เพราะหมายใด ถอดคำประพันธ์ ความแตกแยกก็ค่อย ๆ ลุกลามไปสู่พระบิดา เนื่องจากความหลงเชื่อโอรสของตน ปราศจากการใคร่ครวญเกิดความผิดพ้องหมองใจกันขึ้น ๒. มีการเล่นเสียงพยัญชนะ เช่น \"คะเนกล-คะนึงการ \" \"ระวังเหือด-ระแวงหาย\" ตัวอย่างเช่น ทิชงค์ชาติอลาดยล คะเนกลคะนึงการ กษัตริย์สิจฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย ถอดคำประพันธ์ พราหมณ์ผู้ฉลาดคาดคะเนว่ากษัตริย์ลิจฉวีวางใจคลายความหวาดระแวง

๒๙ ๓. ใช้คำง่าย บรรยายและพรรณาตัวละครได้อย่างกระชับ แต่สร้างภาพชัดเจนอย่างยิ่ง เช่น ข่าวเศึกเอิกอึง ในหมู่ผู้คน ทราบถึงบัดตล ชาวเวสาสี แทบทุกถิ่นหมด อกสั่นขวัญหนี ขนบทบูรี หวาดกลัวทั่วโป ตื่นตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย หลบลี้หนีตาย วุ่นหวั่นพรั่นใจ ซุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย เข้าดงพงไพร ทิ้งย่านบ้านตน ถอดคำประพันธ์ ข่าวศึกแพร่ไปจนรู้ถึงชาวเมืองเวสาลี แทบทุกคนในเมืองต่างตกใจและหวาดกลัวกัน ไปทั่ว หน้าตาตื่น หน้าซีดไม่มีสีเลือด ตัวสั่น พากันหนีตายวุ่นวาย พากันอพยพครอบครัว หนีภัย ทิ้งบ้านเรือนไปซุ่มซ่อนตัวเสียในป่า

๓๐ ๔. การเล่าเรื่อง กวีใช้คำง่ายๆทำให้เรื่องตำเนินไปอย่างรวดเร็ว ผู้อ่านเข้าใจได้ทันที เช่น ราชาลิจฉวี ไปมีสักองค์ อันนึกจำนง เพื่อจักเสด็จไป ต่างองค์ดำรัส เรียกนัดทำไม ใดรเป็นใหญ่ใคร กล้ำหาญเห็นดี เชิญเทอญท่านต้อง ขัดข้องข้อไหน ปรึกษาปราศรัย ตามเรื่องตามที ส่วนเราเล่าใช่ เป็นใหญ่ยังมี ใจอย่างผู้ภี รุกปราศอาจหาญ ถอดคำประพันธ์ ไม่มีกษัตริย์ลิจฉวีแม้แต่พระองค์เดียวคิดจะเสด็จไป แต่ละพระองค์ทรงดำรัสว่าจะ เรียกประชุมด้วยเหตุใด ผู้ใดเป็นใหญ่ ผู้ใดกล้าหาญ เห็นดีประการใดก็เชิญเถิด จะปรึกษา หารืออย่างไรก็ตามแต่ใจ ตัวของเรานั้นไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่ จิตใจก็ขี้ขลาด ไม่องอาจ กล้าหาญ

๓๑ ด้านสังคม ๑. เน้นโทษของการแตกความสามัคคีในหมู่คณะต้านจริยธรรม เน้นถึงหลักธรรม อปริหานิยธรรม ซึ่งเป็นธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม ๒. ด้านจริยธรรม เน้นถึงหลักธรรม อปริหานิยธรรม ซึ่งเป็นธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่ง ความเสื่อม ๓. เน้นถึงความสำคัญของการใช้สติปัญญาตริตรอง และแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้านการนำไปใช้ ๑. การขาดการพิจารณาไตร่ตรอง นำไปซึ่งความสูญเสีย ดังเช่น เหล่ากษัตริย์สิจฉวี \"ขาดการพิจารณาไตร่ตรอง\" คือ ขาดความสามารถในการใช้ปัญญาตริตรองพิจารณา สอบสวน และใช้เหตุผลที่ถูกต้อง จึงหลงกลของวัสสการพราหมณ์ ถูกยุแหยให้แตกความ สามัคคีจนเสียบ้านเสียเมือง เพราะฉะนั้นการใช้วิจารณญาณตร่ตรองก่อนทำการใดๆ จึงเป็นสิ่งที่ดี ๒. การเลือกใช้บุตคลให้เหมาะสมกับงานจะทำให้งานสำเร็จไต้ด้วยดี ๓. การถือความคิดของตนเป็นใหญ่และทะนงตนว่ดีกว่าผู้อื่น ย่อมทำให้เกิดความ เสียหายแก่ส่วนรวม

๓๒ บรรณนุกรม รวงรัตน์ วัฒนเสาวลักษณ์. (๒๕๕๗). ประเภทคำฉันท์. สืบค้นเมื่อ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๖, จาก https://ruangrat.wordpress.com/. โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล. (๒๕๖๔). ลักษณะคำประพันธ์. สืบค้นเมื่อ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๖, จาก https://nidkawkong.wordpress.com/ วาไรตี้. (๒๕๖๒). ความเป็นมาคำประพันธ์. สืบค้นเมื่อ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๖, จาก https://vajirayana.org/ ห้องสมุดดิจิทัลวัชรญาณ. (๒๕๕๘). ถอดคำประพันธ์ประเภทฉันท์. สืบค้นเมื่อ ๑๐ มิถุนายนพ.ศ.๒๕๖๖, จาก https://vajirayana.org/ charkriyapukkasae. (๒๕๖๔). ถอดคำประพันธ์ประเภทฉันท์. สืบค้นเมื่อ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๖, จาก https://pubhtml5.com/eaxo/frzv/basic/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook