ก ค�ำ น�ำ เอกสารประกอบการเรียนท่ีท่านกำ� ลงั ศึกษาอยู่น้ีเป็ นเล่มที่ 3 เร่ืองธรณีภาค สำ� หรับนกั เรียนโรงเรียนบุญวาทยว์ ิทยาลยั อำ� เภอเมือง จงั หวดั ลำ� ปาง โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้นกั เรียนไดเ้ รียนรู้ ภูมิลกั ษณ์ต่างๆท่ีปรากฎบนพ้ืนโลกอนั เกิดจากกระบวนการ เปล่ียนแปลงภายในโลกเป็ นหลกั แต่ภูมิลกั ษณ์บางประเภทก็อาจเกิดจากกระบวนการ ภายนอกดว้ ย โดยภูมิลกั ษณ์เหล่าน้ีส่งผลต่อการดำ� เนินชีวติ ของมนุษยใ์ นรูปแบบต่างๆ โดยผจู้ ดั ทำ� หวงั วา่ จะช่วยพฒั นาการเรียนรู้ของนกั เรียนใหม้ ีประสิทธิภาพสอดคลอ้ ง กบั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 และหลกั สูตรภูมิศาสตร์โอลิมปิ ก ของ มูลนิธิส่งเสริ มโอลิมปิ กวิชาการ และพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถมั ภส์ มเด็จพระเจา้ พ่ีนางเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราช นครินทร์ ช่วยส่งเสริมการเรียนการสอนของครูใหส้ มั ฤทธ์ิผลมากยงิ่ ข้นึ สอดคลอ้ ง กบั ปรัชญาการเรียนรู้ที่ใหน้ กั เรียนสามารถเรียนรู้ไดต้ ลอดชีวิต และเพ่ิมประสิทธิภาพ ของนกั เรียนใหม้ ีศกั ยภาพในระดบั ชาติและระดบั นานาชาติสืบไป นายพภิ พภทั ร์ มดั ฉิมา ตำ� แหน่งครู วทิ ยฐานะ ชำ� นาญการ โรงเรียนบุญวาทยว์ ทิ ยาลยั อำ� เภอเมือง จงั หวดั ลำ� ปาง
ข สารบญั เร่ือง หนา้ ค�ำน�ำ ก สารบญั ข สารบญั รูปภาพ ค ค�ำแนะน�ำส�ำหรบั ครู จ ค�ำแนะน�ำส�ำหรบั นกั เรียน ฉ โครงสรา้ งของเอกสารประกอบการเรียน ช ค�ำช้ีแจงการใชเ้ อกสารประกอบการเรียน ฌ แผนผงั แสดงข้นั ตอนการเรียนโดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน ฏ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ฏ เลม่ ที่ 3 เรื่อง ภมู ลิ กั ษณห์ ลกั 1 ความหมายของภมู ลิ กั ษณ์ 2 ภมู ลิ กั ษณพ์ น้ื ทวปี 2 ภมู ลิ กั ษณพ์ น้ื สมทุ ร 17 แบบฝึกหดั ที่ 3.1 21 แบบฝึกหดั ที่ 3.2 22 แบบฝึกหดั ที่ 3.3 24 แบบทดสอบหลงั เรียน 25 แบบบนั ทกึ คะแนน 28 ภาคผนวก 30 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน 32 เฉลยแบบฝึกหดั ที่ 3.1 33 เฉลยแบบฝึกหดั ที่ 3.2 34 เฉลยแบบฝึกหดั ที่ 3.3 35 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 36 บรรณานกุ รม 37 ประวตั ผิ เู้ขยี น 40
ค สารบญั รูปภาพ เร่ือง หนา้ ภาพท่ี 1 ทรี่ าบโครงสรา้ ง 2 ภาพท่ี 2 ทรี่ าบไคมรู 2 ภาพท่ี 3 ทรี่ าบกร่อนตวั โดยแมน่ ้ำ� 3 ภาพที่ 4 ตวั อยา่ งทร่ี าบกร่อนตวั 3 ภาพท่ี 5 ทร่ี าบสะสมตวั 4 ภาพที่ 6 ทร่ี าบปากแมน่ ้ำ� 4 ภาพที่ 7 ทร่ี าบสงู ระหวา่ งภเู ขา 5 ภาพท่ี 8 ทร่ี าบสงู ทเิ บต 5 ภาพท่ี 9 ทร่ี าบสงู ในทวปี 6 ภาพท่ี 10 ทรี่ าบสงู เดดคาน 6 ภาพท่ี 11 ทร่ี าบสงู เชงิ เขา 7 ภาพท่ี 12 ทรี่ าบสงู ปาตาโกเนยี 7 ภาพที่ 13 ทร่ี าบสงู ในภเู ขาไฟ 8 ภาพที่ 14 ทรี่ าบสงู ตเู รียน 8 ภาพท่ี 15 ทรี่ าบสงู ซอยแบง่ 9 ภาพท่ี 16 ทรี่ าบสงู โอซารก์ 9 ภาพที่ 17 เนนิ เขาสะสมตวั 10 ภาพที่ 18 เนนิ เขากร่อนตวั 10 ภาพท่ี 19 ภเู ขาโกง่ ตวั 11 ภาพที่ 20 เทอื กเขาแอลป์ 11 ภาพท่ี 21 ภเู ขาหกั ตวั 12 ภาพที่ 22 ภเู ขาฮอรส์ 12 ภาพท่ี 23 ภเู ขารูปโดม 13 ภาพที่ 24 โยเซไมต ์ 13 ภาพที่ 25 ภเู ขาไฟรูปโล่ 14 ภาพที่ 26 ภเู ขาไฟคาวาเจยี น 14
ง สารบญั รูปภาพ เรื่อง หนา้ ภาพที่ 27 ภเู ขาไฟกรวยกรวด 17 ภาพท่ี 28 ภเู ขาไฟกรวยกรวด 17 ภาพที่ 29 ภเู ขาไฟสลบั ช้นั 18 ภาพที่ 30 ภเู ขาไฟเมราปี 18 ภาพท่ี 31 โครงสรา้ งใตส้ มทุ ร 18 ภาพที่ 32 ตวั อยา่ งอะตอล 19 ภาพที่ 33 ตวั อยา่ งภเู ขาไฟ 24
จ คำ� แนะนำ� ส�ำหรับครู การใชเ้ อกสารประกอบการเรียน เรื่อง บา้ นของฉนั โลกของเรา รายวชิ าสงั คมศึกษา ส�ำหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5 เอกสารประกอบการเรียนเล่มท่ี 3 เรื่องธรณีภาค ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรียนรู้ท่ี 3 เวลาเรียนจ�ำนวน 1 ชว่ั โมง มีจุดมุ่งหมายเพ่ือใหก้ ารด�ำเนินกิจกรรมการเรียนไดบ้ รรลุตามมาตรฐาน ตวั ช้ีวดั และจุดมุ่งหมายของการเรียนและมีประสิทธิภาพ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เพ่ือให้นกั เรียนไดศ้ ึกษาและท�ำกิจกรรม เพ่ือตรวจสอบความกา้ วหนา้ ของนกั เรียนโดย ผสู้ อนควรเตรียมความพร้อมและปฏิบตั ิตามค�ำแนะน�ำดงั ต่อไปน้ี 1. ศึกษารายละเอียดเก่ียวกบั แผนจดั การเรียนรู้ เน้ือหาที่สอน เอกสารประกอบ การเรียน และค�ำช้ีแจงต่างๆ ใหเ้ ขา้ ใจก่อนด�ำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ 2. เตรียมเอกสารประกอบการเรียนใหพ้ ร้อมและครบจ�ำนวนนกั เรียนในช้นั เรียน 3. ก่อนจดั กิจกรรมการเรียนรู้ครูควรช้ีแจงให้นกั เรียนเขา้ ใจบทบาทของตนเอง แนะน�ำข้นั ตอนการใชเ้ อกสารประกอบการเรียนแนวปฏิบตั ิในระหวา่ งการด�ำเนินกิจกรรม การเรียนรู้แลว้ จึงใหท้ �ำแบบทดสอบก่อนเรียน 4. ขณะที่นกั เรียนศึกษาเอกสารประกอบการเรียนครูคอยใหค้ วามช่วยเหลือ แนะน�ำ กระตุน้ ให้ศึกษาเอกสารประกอบการเรียนอย่างกระตือรือร้นและตอบขอ้ สงสัยต่าง ๆ ระหวา่ งเรียน พร้อมท้งั สงั เกต และประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ของนกั เรียน 5. เมื่อนกั เรียนศึกษาเอกสารประกอบการเรียนครบถว้ นใหน้ กั เรียนท�ำแบบทดสอบ หลงั เรียนแลว้ น�ำผลการทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียนแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบความกา้ วหนา้ ทางการเรียน พร้อมท้งั เฉลยและอธิบายสรุปความรู้ 6. การวดั และประเมินผลประเมินจากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ และประเมินผลการท�ำแบบฝึกหดั 7. เมื่อสิ้นสุดการปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรู้ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนร่วมตรวจสอบและ
ฉ คำ� แนะนำ� ส�ำหรับนกั เรียน เอกสารประกอบการเรียนฉบบั น้่ีประกอบดว้ ยค�ำแนะน�ำส�ำหรับครู,ค�ำแนะน�ำ ส�ำหรับนกั เรียน,โครงสร้างเอกสารประกอบการเรียน,ค�ำช้ีแจงในการศึกษา,แผนผงั ของ เอกสารประกอบการเรียน,แบบทดสอบก่อนเรียน,เน้ือหา, แบบฝึกหดั และแบบทดสอบ หลงั เรียนใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิตามค�ำแนะน�ำดงั ต่อไปน้ี คำ� แนะน�ำส�ำหรับหัวหน้ากล่มุ 1. เป็นผนู้ �ำในการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยน�ำเอกสารประกอบการเรียนใหส้ มาชิกทุก คนปฏิบตั ิตามค�ำแนะน�ำ ใหเ้ ป็นไปตามข้นั ตอน 2. ควบคุมดูแลการท�ำงานของสมาชิกใหเ้ รียบร้อยไม่ส่งเสียงดงั รบกวนกลุ่มอ่ืน 3. ติดต่อประสานงานกบั ครูผสู้ อนเม่ือพบปัญหาภายในกลุ่ม 4. เป็นผเู้ ฉลยกิจกรรมและตรวจค�ำตอบ คำ� แนะน�ำส�ำหรับเลขานุการกล่มุ 1. เป็นผชู้ ่วยหวั หนา้ กลุ่มในการด�ำเนินกิจกรรม 2. เป็นผดู้ �ำเนินการแทนหวั หนา้ กลุ่มหากหวั หนา้ กลุ่มมีภาระกิจอ่ืน คำ� แนะน�ำส�ำหรับสมาชิก 1. อ่านค�ำช้ีแจง ค�ำแนะน�ำการใชเ้ อกสารประกอบการเรียน ข้นั ตอนการเรียนโดย ใชเ้ อกสารประกอบการเรียนใหเ้ ขา้ ใจก่อนลงมือศึกษาเอกสารประกอบการเรียน 2. ศึกษาขอ้ มลู พน้ื ฐานประกอบดว้ ยมาตรฐานการเรียนรู,้ ตวั ช้วี ดั จดุ ประสงคก์ ารเรียน รู้ สาระการเรียนรู้ และสาระส�ำคญั 3. ท�ำแบบทดสอบก่อนเรียนท่ีก�ำหนดไว้ จ�ำนวน 10 ขอ้ เพ่ือตรวจสอบความรู้พ้ืนฐาน 4. ศึกษาส่วนเน้ือหาไวต้ ามล�ำดบั ท่ีก�ำหนดไวใ้ นเอกสารประกอบการเรียน 5. เม่ือศึกษาเอกสารประกอบการเรียนเสร็จเรียบร้อยแลว้ ใหท้ �ำแบบฝึ กหดั แลว้ ตรวจสอบค�ำตอบไดจ้ ากเฉลยทา้ ยภาคผนวก 6. ท�ำแบบทดสอบหลงั เรียนจ�ำนวน 10 ขอ้ 7. ตรวจค�ำตอบจากเฉลยแบบทดสอบหลงั เรียนในทา้ ยภาคผนวก พร้อมบนั ทึก ผลคะแนนลงแบบบนั ทึกคะแนนเพ่ือตรวจสอบความกา้ วหนา้ ทางการเรียน หากไม่ผา่ น เกณฑท์ ่ีก�ำหนดใหท้ บทวนเน้ือหาแลว้ ใหท้ �ำแบบทดสอบหลงั เรียนอีกคร้ังหากผา่ นเกณฑ์ การประเมินใหศ้ ึกษาเอกสารประกอบการเรียน เล่มที่ 3 เรื่องภูมิลกั ษณ์หลกั 8. หากมีขอ้ สงสยั ใหข้ อค�ำอธิบายหรือถามครูผสู้ อนเพอื่ ร่วมกนั สรุปขอ้ สงสยั น้นั ๆ
ช โครงสร้างของเอกสารประกอบการเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 5 ภูมิศาสตร์ มาตรฐานการเรียนรู้ท่ี ส 5.1 เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พนั ธ์ ของสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกนั และกนั ในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนที่และเคร่ืองมือทาง ภูมิศาสตร์ในการคน้ หา วเิ คราะห์ สรุป และใชข้ อ้ มูลภูมิสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ช้ีวดั ท่ี ส 5.1 ม 4-6/2 วเิ คราะห์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ ซ่ึงท�ำใหเ้ กิดปัญหา ทางกายภาพหรือภยั พิบตั ิทางธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ตวั ช้ีวดั ที่ ส 5.1 ม 4-6/3 วเิ คราะห์การเปล่ียนแปลงของพ้ืนท่ี ซ่ึงไดร้ ับอิทธิพลจาก ปัจจยั ทางภูมิศาสตร์ในประเทศไทยและทวปี ต่างๆ จุดประสงค์การเรียนรู้ เม่ือนกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมตามเอกสารประกอบการเรียนน้ีแลว้ นกั เรียนสามารถ ดา้ นความรู้ - อธิบายลกั ษณะและจ�ำแนกประเภทพ้นื ผวิ โลกแบบต่างๆได้ ดา้ นทกั ษะ - ใชแ้ ผนภาพเพ่ือจ�ำแนกลกั ษณะพ้นื ผวิ ได้ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - กระตือรือร้นในการท�ำงาน สมรรถนะผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ทกั ษะการใชช้ ีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั ในการท�ำงาน 2. ใฝ่ เรียนรู้ 3. ความมุ่งมนั่ ในการท�ำงาน สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของภูมิลกั ษณ์ 2. ภูมิลกั ษณ์พ้ืนทวปี 3. ภูมิลกั ษณ์พ้ืนสมุทร
ซ สาระส�ำคญั ภูมิลกั ษณ์ เป็นลกั ษณะแบบรูปพรรณสณั ฐานตา่ งๆ กนั ซ่ึงเกิดจากกระบวนการ เปลย่ี นแปลงทางธรณีภาค ท้งั กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายใน ภายนอก หรือภายนอกโลกกไ็ ด้ เกิดภมู ลิ กั ษณท์ ปี่ รากฏแตกตา่ งกนั ออกไป โดยกระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในท�ำใหเ้ กิดภมู ิ ลกั ษณท์ เี่ กดิ บนพน้ื ทวปี เช่น ทร่ี าบ ทร่ี าบสงู เนนิ เขาและภเู ขา ส่วนภมู ลิ กั ษณพ์ น้ื สมทุ รประกอบ ดว้ ยไหลท่ วปี ลาดทวปี ลาดตนี ทวปี และหมเู่ กาะส�ำคญั ตา่ งๆบนพน้ื โลก เป็นตน้
ฌ คำ� ชีแ้ จงการใช้เอกสารประกอบการเรียน 1. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง “บา้ นของฉนั โลกของเรา” เลม่ ที่ 3 เร่ือง ธรณีภาค ใศชกึ เ้ษวลาแาลเระียทน�ำก1จิ ชกวรั่ โรมมงทา้มยวี เนตั ้อืถหปุ ารนะส้นั งซค่ึงเ์ พมอ่ืเี นใช้อื เ้หปา็นอเยอา่กงสลาะรเอปยี รดะมกหีอบวั ขกอา้ รสเรอียดนคทลเ่ีอ้นงน้กใบั หแน้ ผกันเรจียดั นกไาดร้ เรียนรใู้ นแตล่ ะแผนจดั การเรียนรูแ้ ละยงั ใชเ้ ป็นสื่อประกอบการจดั กระบวนการเรียนรู้ เอกสาร ประกอบการเรียนรูเ้ ลม่ น้ปี ระกอบดว้ ยเน้อื หาโครงสรา้ งของโลกมเี วลาเรียน 1 ชวั่ โมง 2. ส่วนประกอบของเอกสารประกอบการเรียน ประกอบดว้ ย 2.1 ส่วนน�ำของเอกสารประกอบการเรียน ค�ำน�ำ สารบญั ค�ำแนะน�ำส�ำหรับ คครุณู คล�กัำแษนณะนะอ�ำสนั �พำหึงรปับรนะกัสเงรคียน์ สมาารตะรสฐ�ำาคนญั กแาลรเะรแียบนบรู้ทตวดั ชส้ีวอดั บจกดุ ่อปนรเะรีสยนงคก์ ารเรียนรู้ สมรรถนะ 2.2 ขอ้ มูลพ้ืนฐาน ประกอบดว้ ยมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั และจุด ประสงค ก์ ารเรีย2น.3รู้ทแบ้งั ดบา้ทนดคสวอามบรกู้ ่อทนกั เษรีะยนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2.4 ส่วนเน้ือหา 2.5 แบบฝึกหดั ประจ�ำบท 2.6 แบบทดสอบหลงั เรียน 2.7 เกณฑก์ ารประเมิน 2.8 ภาคผนวก ประกอบดว้ ยเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เฉลยแบบทดสอบ หลงั เรียนและเฉลยแบบฝึกหดั 2.9 บรรณานุกรม ก ารเรียน3.กผ่อใู้นชใเ้ อชกอ้ สยา่างรลปะรเะอกียอดบการเรียนรู้น้ีควรศึกษาค�ำแนะน�ำในการใชเ้ อกสารประกอบ
ฎ
ฏ แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง ธรณีภาค รายวชิ า สงั คมศกึ ษาฯ ส 32101 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 จ�ำนวน 10 ขอ้ คะแนนเตม็ 10 คะแนน คำ�ช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกคำ�ตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงคำ�ตอบเดียวโดยทำ�เคร่ืองหมาย กากบาท (x) ลงในกระดาษค�ำ ตอบ 1. ตวั เลอื กใดใหน้ ยิ ามความหมายของภมู ลิ กั ษณไ์ ดถ้ กู ตอ้ งทส่ี ุด 1. ส่ิงทปี่ รากฏบนผวิ โลก 2. ส่ิงทเี่ กดิ ข้นึ และเปลยี่ นแปลงบริเวณทวปี 3. รูปแบบหรือลกั ษณะผวิ โลกอนั เกดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ 4. รูปแบบหรือลกั ษณะผวิ โลกอนั เกดิ ข้นึ ตามธรรมชาตแิ ละมนษุ ยส์ รา้ งข้นึ 2. ภมู ปิ ระเทศภาคพน้ื ทวปี ใชป้ ัจจยั ใดเป็นการจ�ำแนกภมู ปิ ระเทศแบบตา่ งๆ 1. องคป์ ระกอบของธาตใุ นภมู ปิ ระเทศ 2. ความแตกตา่ งของความสงู ของพน้ื ทโ่ี ดยรอบ 3. องคป์ ระกอบของพน้ื ทต่ี า่ งๆกบั พน้ื ทโี่ ดยรอบ 4. ลกั ษณะธรณีสณั ฐานและกระบวนการเปลย่ี นแปลงของเปลอื กโลก 3. “ พน้ื ทที่ มี่ รี ะดบั ความสงู จากบริเวณรอบๆระหวา่ ง 100 เมตร- 600 เมตร ” จากนยิ ามดงั กลา่ วเป็นภมู ปิ ระเทศแบบใด 1. ทรี่ าบ 2. ทรี่ าบสงู 3. ภเู ขา 4. เนนิ เขา 4. ทรี่ าบในอดุ มคตมิ กั เกดิ จากกระบวนภมู ปิ ระเทศแบบใด 1. ทรี่ าบโครงสรา้ ง 2. ทร่ี าบภเู ขาไฟ 3. ทร่ี าบทบั ถม 4. ทร่ี าบกร่อนตวั 5. กระบวนการเพมิ่ และลดระดบั ภมู ปิ ระเทศ สมั พนั ธก์ บั กระบวนการใด 1. กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก 2. กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายนอก 3. กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายนอกโลก 4. การแปรสรั ฐานภมู ปิ ระเทศบริเวณเปลอื กโลก 6. ภมู ลิ กั ษณท์ ร่ี าบสงู แบบใดทม่ี มี ลู คา่ ตอ่ ภาคอตุ สาหกรรมเหมอื งแร่มากทสี่ ุด 1. เนนิ เขา 2. ทรี่ าบทบั ถม 3. ทรี่ าบสงู ระหวา่ งเขา 4. ภเู ขาโกง่ ตวั
ฐ 7. เพราะเหตใุ ดบริเวณทร่ี าบภเู ขาไฟยงั ไดร้ บั ความนยิ มมากในการต้งั ถนิ่ ฐานของมนษุ ย์ 1. ประชาชนยงั สามารถอาศยั บริเวณเนนิ เขาหรือสนั เขาได้ 2. เป็นเขตทร่ี าบทมี่ กี ารกร่อนตวั สงู จงึ มกั พบดนิ ตะกอนทใ่ี ชป้ ระโยชนไ์ ด้ 3. เป็นเขตท่ีมกี ารสะสมของตะกอนภูเขาไฟ ท่ีอดุ มสมบรู ณใ์ ชป้ ระโยชนใ์ นภาค เกษตรกรรมได้ 4. เป็นเขตทโี่ ลง่ กวา้ งเนื่องจากผลของการระเบดิ ของภเู ขาไฟ จงึ สามารถใชใ้ นการ เล้ยี งสตั วใ์ นพน้ื ทกี่ วา้ งได้ 8. หมเู่ กาะแบบใด อดุ มสมบรู ณไ์ ปดว้ ยตะกอนของหินปนู ทสี่ ามารถใชป้ ระโยชนใ์ นภาค เกษตรกรรมไดม้ ากทส่ี ุด 1. หมเู่ กาะริมทวปี 2. หมเู่ กาะกลางสมทุ ร 3. หมเู่ กาะภเู ขาไฟ 4. หมเู่ กาะปะการงั 9. ภมู ลิ กั ษณห์ ลกั ของโลกมคี วามส�ำคญั ตอ่ การด�ำเนนิ ชีวติ ของมนษุ ย ยกเวน้ ขอ้ ใด 1. ภมู ลิ กั ษณส์ ะทอ้ นการเป็นด�ำรงชีพของมนษุ ย์ 2. ภมู ลิ กั ษณส์ ง่ ผลการต้งั ถนิ่ ฐาน อพยพและด�ำเนนิ ชีวติ 3. ภมู ลิ กั ษณส์ ง่ ผลตอ่ สภาพภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศทมี่ สี ่วนส�ำคญั ตอ่ การด�ำเนนิ ชวี ติ 4. ภมู ลิ กั ษณเ์ ป็นสิ่งทตี่ ายตวั ไมส่ ามารถเปลยี่ นแปลงได้จงึ ท�ำใหม้ นษุ ยส์ ามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มไดง้ า่ ย 10. บริเวณแนวภมู ลิ กั ษณพ์ น้ื สมทุ รใดทมี่ คี วามส�ำคญั ตอ่ อตุ สาหกรรมประมงมากทสี่ ุด 1. ไหลท่ วปี 2. ลาดทวปี 3. ลาตนี ทวปี 4. ทรี่ าบกน้ สมทุ ร
ฑ กระดเาลษ่มคทำ� ตี่ 3อเบร่ือทงดธสรอณบภีก่อาคนเรียน ชื่อ-สกลุ ...............................................................................ช้นั ................เลขที่............... คำ� ช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเลือกคำ� ตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพียงคำ� ตอบเดียว โดยเขียนเคร่ืองหมาย กากบาท X ในช่องวา่ งที่ถูกตอ้ ง ขอ้ ท่ี 1 2 3 4 คะแนนเตม็ ........................... คะแนนทไ่ี ด ้ ........................... 1 ........... ดมี าก ........... ดี 2 ........... พอใช้ 3 ........... ควรปรบั ปรุงง 4 ลงช่ือ.................................ผปู้ ระเมนิ 5 (.............................................................) 6 7 8 9 10 สรุปคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนระหวา่ ง 8- 10 ระดบั เกณฑด์ มี าก คะแนนระหวา่ ง 6-7 ระดบั เกณฑด์ ี คะแนนระหวา่ ง 4-5 ระดบั เกณฑพ์ อใช้ คะแนนระหวา่ ง 0-3 ระดบั เกณฑค์ วรปรบั ปรุง
เล่มที่ 3 เร่ือง ธรณภี าค มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 5 ภูมิศาสตร์ มาตรฐานการเรียนรู้ที่ ส 5.1 เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พนั ธ์ ของสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกนั และกนั ในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนที่และเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการคน้ หา วเิ คราะห์ สรุป และใชข้ อ้ มูลภูมิสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ช้ีวดั ท่ี ส 5.1 ม 4-6/2 วเิ คราะห์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ ซ่ึงทำ� ใหเ้ กิดปัญหา ทางกายภาพหรือภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ตวั ช้ีวดั ที่ ส 5.1 ม 4-6/3 วเิ คราะห์การเปล่ียนแปลงของพ้นื ท่ี ซ่ึงไดร้ ับอิทธิพลจาก ปัจจยั ทางภูมิศาสตร์ในประเทศไทยและทวปี ต่างๆ จุดประสงค์การเรียนรู้ เม่ือนกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมตามเอกสารประกอบการเรียนน้ีแลว้ นกั เรียนสามารถ ดา้ นความรู้ - อธิบายลกั ษณะและจำ� แนกประเภทพ้ืนผวิ โลกแบบต่างๆได้
1 ดา้ นทกั ษะ - ใชแ้ ผนภาพเพ่อื จำ� แนกลกั ษณะพ้ืนผวิ ได้ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - กระตือรือร้นในการทำ� งาน สมรรถนะผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ทกั ษะการใชช้ ีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั ในการทำ� งาน 2. ใฝ่ เรียนรู้ ส าระการเร3ีย. นครวู้ ามมุ่งมนั่ ในการทำ� งาน 1. ความหมายของภูมิลกั ษณ์ 2. ภูมิลกั ษณ์พ้ืนทวปี ส าระส�ำ3ค.ญั ภูมิลกั ษณ์พ้ืนสมุทร ภูมิลกั ษณ์ เป็นลกั ษณะแบบรูปพรรณสณั ฐานตา่ งๆ กนั ซ่ึงเกิดจากกระบวนการ เปลยี่ นแปลงทางธรณีภาค ท้งั กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายใน ภายนอก หรือภายนอกโลกกไ็ ด้ เกิดภมู ลิ กั ษณท์ ปี่ รากฏแตกตา่ งกนั ออกไป โดยกระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในทำ� ใหเ้ กิดภมู ิ ลกั ษณท์ เ่ี กดิ บนพน้ื ทวปี เช่น ทรี่ าบ ทรี่ าบสงู เนนิ เขาและภเู ขา ส่วนภมู ลิ กั ษณพ์ น้ื สมทุ รประกอบ ดว้ ยไหลท่ วปี ลาดทวปี ลาดตนี ทวปี และหมเู่ กาะสำ� คญั ตา่ งๆบนพน้ื โลก เป็นตน้
2 ภูมิลกั ษณ์หรือธรณีสัณฐาน พจนานุกรมศพั ทภ์ ูมิศาสตรไ์ ดใ้ หค้ วามหมายวา่ แบบรูป หรือลกั ษณะเปลอื กโลกทม่ี รี ูปพรรณสณั ฐานตา่ งๆ กนั เช่น ภเู ขา ทรี่ าบสูง ทร่ี าบและอนื่ ๆ (ราชบณั ฑติ ยสถาน, 2554, น.1) ภมู ิลกั ษณต์ ามหนงั สือภมู ิศาสตรก์ ายภาพ หมายถึง รูปแบบหรือลกั ษณะพ้นื ผวิ โลกหรือ ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ มรี ูปพรรณสณั ฐานตา่ งๆ ซ่ึงแสดงถงึ ความสงู ตำ่� ของผวิ โลก (พวงเพชร์ ธนสิน, 2554, น.3) จากนยิ ามดงั กลา่ วจะเหน็ ไดว้ า่ ภมู ลิ กั ษณเ์ ป็นลกั ษณะแวดลอ้ มทางธรรมชาตแิ ละพน้ื ผวิ โลกท่ี ปรากฏ อนั เกดิ ข้นึ จากกระบวนการทางธรรมชาติ โดยภมู ลิ กั ษณส์ ามารถจำ� แนกตามกระบวนการ เกดิ ได้ 2 ประเภทคอื ภมู ลิ กั ษณอ์ ยา่ งใหญ่ และภมู ลิ กั ษณอ์ ยา่ งยอ่ ย 1. ภูมิลกั ษณ์พน้ื ทวปี สามารถจำ� แนกได้ 4 ประเภท(ปัญญา จารุศิริและคณะ , 2558) คอื 1.1 ทรี่ าบ คอื พน้ื ทซ่ี ่ึงมคี วามตา่ งระดบั ไมม่ ากนกั มคี วามสูงจากระดบั ทะเลนอ้ ยกวา่ 100 เมตร แบง่ ตามความเรียบออกได้ ดงั น้ี บริเ วณตำ่� โด1.ย1ธ.1รรทมร่ี ชาบาตโคิ เรปง็นสทรา้รี่ื งาบหทมพ่ี ายบถเหงึ น็ เมปา็นกททร่ีส่ี าุดบททเ่ีร่ีกาดิ บขช้นึ นเพดิ นรา้ปี ะรโคะกรงอสบรไา้ปงดขว้อยงหเปินลดอื นิ กดโลานก ที่แขง็ แกร่งท่ีเรียงตวั ในแนวราบ และมกั จะไมไ่ ดร้ บั ผลกระทบกระเทือนอนั เนื่องมาจากการ เคลอ่ื นไหวของเปลอื กโลก ตวั อยา่ งเช่น ทร่ี าบใหญข่ องรสั เซีย ทร่ี าบใหญข่ องสหรฐั อเมริกา ทร่ี าบไครมรู ของประเทศอนิ เดยี และทรี่ าบตำ่� ตอนกลางออสเตรเลยี ภาพประกอบท่ี 1 : ท่ีราบโครงสร้าง (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบท่ี 2 : ท่ีราบไคมูร (ANKIT KUMAR VERMA,2009)
3 1.1.2 ทรี่ าบกร่อนตวั หมายถงึ เป็นทร่ี าบที่เกิดจากการสึกกร่อนอนั เกิดจากตวั การ ธรรมชาติเช่น ลม ฝน แมน่ ้ำ� ธารน้ำ� แข๋ง็ ท่ีช่วยทำ� ใหฟ้ ิ วหนา้ ที่เคยขรุขระของเปลือกโลก ราบเรียบลงและเมอื่ เวลาผา่ นไปเป็นลา้ นๆปี แมแ้ ตภ่ เู ขาสูงกอ็ าจจะถกู ตวั การธรรมชาตติ า่ งๆ เหลา่ น้ี ทำ� ใหส้ ึกกร่อนกลายเป็นทรี่ าบได้ เช่นทร่ี าบลอนลาดและนอกจากน้ียงั เกดิ กบั บริเวณท่ี เป็นลม หรือมธี ารน้ำ� แขง็ กจ็ ะเกดิ การคลดู ไถของลมหรือธารน้ำ� แขง็ ทำ� ใหเ้ กดิ ทร่ี าบกร่อนตวั ได้ ภาพประกอบที่ 3 : ท่ีราบกร่อนตวั โดยแม่น้ำ� (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบที่ 4 : ตวั อยา่ งท่ีราบกร่อนตวั (Argeology,2010)
4 1.1.3 ท่ีราบสะสมตวั หมายถงึ ท่ีราบท่ีเกิดจากการทบั ถมของส่ิงตา่ งๆ ท่ีตวั การ ธรรมชาติพามา ที่ราบน้ีมกั มีระดบั ความสูงต่ำ� สม่ำ� เสมอยกเวน้ บริเวณดา้ นที่ติดภูเขาหรือ ท่ีสูงมกั จะมีความสูงต่อเนื่องกวา่ ปกติ ตะกอนที่เกิดจากการทบั ถมทำ� ใหบ้ ริเวณน้ีมีความ อุดมสมบูรณ์มาก โดยวตั ถุตน้ กำ� เนิดท่ีราบอาจเกิดจาก ตะกอนแม่น้ำ� ตะกอนลมพดั พา ตะกอนธารน้ำ� แขง็ ตะกอนทะเลสาบ ตะกอนกน้ สมทุ ร หรือตะกอนภูเขาไฟกไ็ ด้ โดย บริเวณท่ีต้งั ของที่ราบสะสมตวั มกั เป็ นท่ีต้งั ของเมืองส�ำคญั ในอดีตจนถึงปัจจุบนั เช่น ลมุ่ แมน่ ้ำ� ฮวงโหของจนี ลมุ่ แมน่ ้ำ� เทมสข์ ององั กฤษ หรือลมุ่ แมน่ ้ำ� เจา้ พระยาของไทยเป็นตน้ ภาพประกอบท่ี 5 : ที่ราบสะสมตวั (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบท่ี 6 : ที่ราบปากแม่น้ำ� (Wikipedia,n.d.)
5 1.2 ทรี่ าบสูง หมายถงึ บริเวณทม่ี คี วามสูงข้นึ จากพน้ื ทโี่ ดยรอบทมี่ ลี กั ษณะสมำ่� เสมอ และเป็นพน้ื ทก่ี วา้ งใหญ่ มคี วามสงู มากกวา่ 100 เมตรและมผี าชนั หรือผาต้งั อยา่ งนอ้ ย 1 ดา้ น โดยทรี่ าบสงู อาจเกดิ จากการยกตวั ยบุ ตวั หรือกร่อนตวั จากกระบวนการทางธรรมชาติ สามารถ จำ� แนกได้ ด้งั น้ี 1.2.1 ที่ราบสูงระหวา่ งเขา เป็นที่ราบท่ีลอ้ มรอบดว้ ยทิวเขามีความชนั มากโดย กระบวนการเกิดจะเกิดพรอ้ มกบั การเกิดเทือกเขา เช่น ท่ีราบสูงทิเบตซ่ึงมีความสูงท่ีสุดใน โลกไดร้ บั สมญานามวา่ หลงั คาโลก นอกจากน้ียงั มที ร่ี าบสูงโบลิเวยี ทรี่ าบสโู คโรลาโด ทร่ี าบ สูงอนาโตเลียและที่ราบสูงเมก็ ซโิ กเป็นตน้ ภาพประกอบที่ 7 : ที่ราบสูงระหวา่ งภูเขา (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบท่ี 8 : ท่ีราบสูงทิเบต (Pacific Northwest National Laboratory,2011).
6 1.2.3 ท่ีราบสูงในทวปี หรือทะเลหรืออาจเรียกวา่ ที่ราบสูงรูปโตะ๊ เป็นที่ราบสูงที่ อยหู่ ่างจากทะเลมกั ถกู ลอ้ มรอบดว้ ยท่ีราบสูงท่ีมีขอบสูงชนั จากพ้นื ทโ่ี ดยรอบ ตวั อยา่ งเช่น ท่ีราบสูงเดดคานในอินเดีย ที่ราบสูงอาหรับของซาอดุ ิอารเบียและท่ีราบสูงในทวปี แอฟริกา เป็ นตน้ ภาพประกอบที่ 9 : ท่ีราบสูงในทวปี (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบที่ 10 : ที่ราบสูงเดดคาน (Wikipedia,n.d.)
7 1.2.3 ที่ราบสูงเชิงเขา เป็นท่ีสูงท่ีอยรู่ ะหวา่ งภูเขากบั ที่ราบหรือภูเขากบั ทะเล หรือมหาสมทุ ร ่ตวั อยา่ งเช่น ท่ีราบสูงปาตาโกเนีย ทางตอนใตข้ องอาร์เจนตินา เป็นตน้ ภาพประกอบท่ี 11 : ที่ราบสูงเชิงเขา (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบที่ 12 : ท่ีราบสูงปาตาโกเนีย (Living-wild in South america,2011)
8 1.2.4 ท่ีราบสูงภูเขาไฟ เป็นที่ราบสูงที่เกิดจากหินหลอมละลาย อาจไหลปกคลมุ พ้นื ทกี่ วา้ งขวางทำ� ใหเ้ กิดทร่ี าบสูงลาวาหรือทรี่ าบสูงภเู ขาไฟข้นึ ได้ ทรี่ าบสูงน้ีจะปกคลมุ ดว้ ย หินบะซอลตท์ ี่เกิดจากการแขง็ ตวั ของลาวา ตวั อยา่ งเช่น ท่ีราบสูงแอนทริม ในไอร์แลนด์ ที่ราบสูงโคลมั เบีย สเนก็ ในสหรฐั อเมริกา โดยความหนาของลาวารวมกนั ประมาณ 1.6 กโิ ลเมตร ภาพประกอบท่ี 13 : ท่ีราบสูงในทวปี (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบที่ 14 : ท่ีราบสูงตูเรียน (Argeology,2010)
9 1.2.5 ที่ราบสูงซอยแบง่ เป็นท่ีราบสูงท่ีเกิดจากการผพุ งั ทำ� ลายของหินผวิ โลก ท้งั โดยการผพุ งั อยกู่ บั ท่ี การกร่อนตวั ซ่ึงทำ� ใหเ้ กิดที่ราบสูงที่มีระดบั สูงและมีพ้นื ท่ีราบเรียบ ถกู กร่อนใไหล้ ดระดบั ลงและมีผวิ หนา้ ขรุขระกลายเป็นท่ีราบสูงซอยแบง่ โดยกระบวนการ เปล่ียนแปลงอาจเกิดจาก อณุ หภมู ิ กระแสน้ำ� กระแสลม น้ำ� แขง็ เป็นตน้ ตวั อยา่ งท่ีราบสูง ประเภทน้ี เช่น ที่ราบสูงโอซาร์คในสหรฐั อเมริกาและท่ีราบสูงในสก๊อตแลนด์ เป็นตน้ ภาพประกอบท่ี 15 : ที่ราบสูงในทวปี (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบท่ี 16 : ท่ีราบสูงโอซาร์ก (Argeology,2010)
10 1.3 เนินเขา คอื พ้นื ทที่ มี่ รี ะดบั ความสูงจากบริเวณรอบๆระหวา่ ง 100 - 600 เมตร เช่น เขาวงั จงั หวดั เพชรบรุ ี เป็นตน้ โดยจำ� แนกได้ 2 ประเภท คอื 1.3.1 เนนิ เขาทเ่ี กดิ จากโครงสรา้ ง ทำ� ใหผ้ วิ ดนิ สงู จากบริเวณโดยรอบจนมสี ภาพเป็นเนนิ ภาพประกอบท่ี 17 : เนินเขาสะสมตวั (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) 1.3.2 เนนิ เขากร่อนตวั เกดิ จากพน้ื ทสี่ งู ทกี่ ร่อนตวั และลดระดบั ลง ภาพประกอบที่ 18 : เนินเขากร่อนตวั (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559)
11 1.4 ภเู ขา หรือ เทอื กเขาหมายถงึ ภมู ิลกั ษณ์ทมี่ คี วามสงู ต้งั แต่ 600 เมตรข้นึ ไป จากพน้ื ที่ โดยรอบโดยส่วนมากจะมคี วามลาดชนั เฉลย่ี ไมเ่ กนิ 20-30 องศาบางแหง่ อาจมากถงึ 35 องศา บริเวณยอดเขา โดยสามารถจำ� แนกได้ ดงั น้ี 1.4.1 ภูเขาหินคดโคง้ ภูเขาประเภทน้ีมีมากที่สุด และเป็นภูเขาชนิดท่ีสำ� คญั ที่สุด เกิดจากรอยคดโคง้ ซ่ึงไดอ้ ธิบายไปแลว้ ในกระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก โดยรอยคดโคง้ ที่เกิดข้ึนดงั กล่าว หสกเกิดจากแรงดนั ภายในที่มีพลงั งานและสลบั ซับ ซ้อน จะส่งผลใหเ้ กิดแนวเทือกเขาข้ึนได้ แนวเทือกเขาส�ำคญั ท่ีเกิดจากกระบวนการดงั กล่าวเช่น แนวเทือกเขาหิมาลยั ของทวีปเอเชียและแนวเทือกเขาแอลป์ ของทวีปยโุ รป ภเู ขาประเภทน้มี กั เป็นแหลง่ สินแร่สำ� คญั ของโลก เช่น ดบี กุ ทองแดง ทองคำ� เป็นตน้ ภาพประกอบท่ี 19 : ภูเขาโก่งตวั (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบที่ 20 :เทือกเขาแอลป์ (Wikipedia,n.d.)
12 1.4.2 ภเู ขาจากการเลอ่ื นตวั หรือภเู ขารูปบลอ็ ก เกิดจากการเลอื่ นตวั ของแผน่ ดนิ ใน ลกั ษณะของรอยเลอ่ื นหรือรอยเลอ่ื ม บางคร้งั เรียกภเู ขาประเภทน้วี า่ ฮอรส์ ซ่ึงจะเกดิ ควบคกู่ บั แอง่ ตำ่� กราเบน หรืออาจเรียกวา่ ภเู ขาทรุด ตวั อยา่ งเทอกเขาสำ� คญั น้ีเช่น เทอื กเขา แบลก็ ฟอเรส ในเยอรมนี แอง่ ตำ่� บริเวณแอฟริกาตะวนั ออกจรดทะเลแดงของทวปี เอเชียเป็นตน้ ภาพประกอบท่ี 21 : ภูเขาหกั ตวั (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบท่ี 22 : ภูเขาฮอร์ส (Wikipedia,n.d.)
13 1.4.3 ภูเขารูปโดม เกิดจากการทห่ี ินหนืดและเยน็ ตวั ลงภายใตเ้ ปลอื กโลก มีแนว เทอื กเขาสำ� คญั เช่น เทอื กเขาแบลก็ ฮลิ ล์ เฮนรใี นประเทศสหรฐั อเมริกา ภาพประกอบที่ 23 : ภูเขารูปโดม (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบที่ 24 : โยเสไมต์ (Viator,2009)
14 1.4.4 ภเู ขาไฟ เกดิ จากการประทขุ องหินละลายกอ่ ตวั และทบั ถมสามารถจำ� แนกตาม ลกั ษณะไดด้ งั น้ี 1) ภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano) เป็ นภูเขาท่ีมีรูปร่างลกั ษะณกวา้ ง เต้ียคลา้ ยรูปโล่คว่ำ� เกิดจากหินหนืดทไ่ี หลออกมาจากปล่องมีอุณหภูมิสูงมากแลละ มีอตั ราการไหลเร็วมากจำ� พวกหินบะซอลต์จึงทำ� ใหไ้ ปไดใ้ นระยะไกลจากปล่องมาก ทำ� ให้เกิดการทบั ถมของเถา้ ถ่านท่ีขยายแผ่กวา้ งออกไป จึงเป็ นภูเขาไฟที่มีรูปร่างกวา้ ง ใหญ่ท่ีสุด เป็ นภูเขาไฟท่ีมีความลาดชันน้อย ตวั อย่างเช่น เมานาโลอาในฮาวายหรือ ผาคอกหินฟู ลำ� ปางของไทย ภาพประกอบที่ 25 : ภูเขาไฟรูปโล่ (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบที่ 26 : ภูเขาไฟคาวาเจียน (เนโกะแมว,2559).
15 2) ภเู ขาไฟแบบกรวยกรวด (Ash and Cinder Volcano) มรี ูปร่างลกั ษณะเหมอื น กรวยสูงที่ควำ่� อยู่ จดั เป็นภูเขาไฟท่ีมขี นาดเลก็ ทา่ี ดุ ภูเขาไฟประเภทน้ีเกิดจากการประทขุ อง หินหนดื ภายใตโ้ ลกจำ� พวกหินไดโอไรตถ์ กู ดนั ออกมาโดยแรงปะทอุ อกมาจากปลอ่ งโดยตรง มผี ล ใหช้ ิ้นส่วนของหินรอ้ นจดั เป็นไฟปะทขุ ้นึ ไปในอากาศแลว้ เยน็ ตวั ลงอยา่ งรวดเรว็ กลายเป็นกรวด ภเู ขาไฟ มลี กั ษณะคลส้ ยผลกึ แกว้ เหมอื นถา่ น และข้เี ถา้ กองทบั กนั เป็นลาดช้นั สูงข้นั ไปเรื่อยๆ ตวั อยา่ งเช่น ภเู ขาไฟเมาอี ในฮาวายหรือภเู ขาคาพอู นิ ในรฐั นวิ เมก็ ซโิ กของสหรฐั อเมริกา เป็นตน้ ภาพประกอบท่ี 27 : ภูเขาไฟกรวยกรวด (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบท่ี 28 : ภูเขาไฟกรวยกรวด (เนโกะแมว,2559).
16 3) ภเู ขาไฟแบบสลบั ช้นั (Composite Volcano) มรี ูปร่างลกั ษณะคลา้ ยแบบแรก แตม่ ฐี านแผข่ ยายใหญแ่ ละมคี วามลาดจากปากปลอ่ งมาทฐ่ี านมากกวา่ แบบแรก ท้งั น้ีเพราะมกี าร ระเบดิ นอกจากหินหนืดจะถกู ดนั ปะทขุ ้นึ ไปในอากาศทางปากปลอ่ งโดยตรงแลว้ หินหนืดยงั ถกู ดนั ออกมาทางดา้ นขา้ งของปลอ่ งอกี ดว้ ย แตเ่ น่ืองจากหินหนืดไหลไปไมไ่ กลนกั การทบั ถม ของหินหนืดที่เยน็ ตวั ลงผสมกบั หินท่ีแขง็ ตวั และข้ีเถา้ จากการปะทคุ ร้งั แลว้ คร้งั เลา่ ทำ� ใหเ้ กิด เป็นภเู ขาไฟกรวยควำ่� ขนาดใหญ่ ภเู ขาไฟฟจู ใิ นญป่ี ่นุ ภเู ขาไฟมาโยนของฟิลปิ ปินสแ์ ละภเู ขาไฟ วซิ ูเวยี สของอติ าลเี ป็นตน้ (กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษาฯ, 2557, น. 31-35) ภาพประกอบท่ี 29 : ภูเขาไฟสลบั ช้นั (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559) ภาพประกอบท่ี 30 : ภูเขาไฟเมราปี (Wikipedia,n.d.)
17 2. ภมู ลิ กั ษณพ์ น้ื ทะเล มลี กั ษณะคลา้ ยกบั อา่ งขนาดใหญท่ ม่ี นี ้ำ� อยแู่ ละขอบอา่ งทล่ี าดชนั คอื ขอบทวปี โดยปรากฏส่วนสำ� คญั ดงั น้ี 2.1 ไหลท่ วปี (Continental shelf) เริ่มจากชายทะเลไปจนถงึ พน้ื ทะเลทม่ี รี ะดบั ความลกึ 150 - 200 เมตร จากระดบั น้ำ� ทะเลปานกลาง กวา้ งประมาณ 80 กโิ ลเมตร มคี วามลาดเอยี งนอ้ ย กวา่ ประมาณ 0.5 องศาโดยสิ้นสุด ณ จดุ หกั ไหลท่ วปี เมอ่ื มกี ารเปลย่ี นแปลงความลาดเอยี งเฉลยี่ 4 องศา เมอื่ อยรู่ อบเกาะ เรียกวา่ ไหลเ่ กาะ ส่วนใหญป่ ระกอบดว้ ย ตะกอนบก 2.2 ลาดทวปี (Continental slope) เริ่มจากจดุ หกั ไหลท่ วปี จนถงึ ลาดตนี ทวปี ระดบั ความ ลกึ ประมาณ 180 - 3,000 เมตร และมคี วามลาดเอยี งต้งั แต่ 1 - 10 องศา เฉลย่ี ประมาณ 3 องศา และมกั ถกู ตดั ดว้ ยโตรกเขาใตท้ ะเล ตะกอนส่วนใหญเ่ ป็นตะกอนขนุ่ ขน้ หรือเทอร์บไิ ดต์ 2.3 ลาดตนี ทวปี (Continental rise) พน้ื ทร่ี ะหวา่ งลาดทวปี กบั พน้ื แอง่ สมทุ ร หรือทรี่ าบ กน้ สมทุ ร ต้งั แตค่ วามลกึ 4,000 - 5,000 เมตร และความลาดชนั 0.5-1.0 องศาท้งั ไหลท่ วปี ลาดทวปี และลาดตนี ทวปี รวมกนั เรียกวา่ ขอบทวปี ครอบคลมุ พน้ื ทปี่ ระมาณรอ้ ยละ 28 ของ พน้ื ทท่ี ้งั หมด 2.4 ทรี่ าบกน้ สมทุ ร (Abyssal plain) พน้ื ทรี่ าบส่วนทตี่ อ่ จากลาดตนี ทวปี ลงไป จดั เป็น พน้ื ทกี่ วา้ งขวางมาก มคี วามลาดชนั นอ้ ยมากไมเ่ กนิ 1 องศา และลกึ 3,000-6,000 เมตร และ ปกคลมุ พน้ื ทม่ี ากกวา่ รอ้ ยละ50ของพน้ื ทะเลตะกอนสว่ นใหญม่ าจากตะกอนขนุ่ ขน้ และตะกอน น้ำ� ลกึ 2.5 ร่องลกึ ใตส้ มทุ ร หรือร่องลกึ กน้ สมทุ ร (oceanic trench) ร่องลกึ ทพี่ น้ื สมทุ รซ่ึงแคบ ยาว และมขี อบชนั มคี วามลกึ นอ้ ยกวา่ 8,000 เมตร เช่น ร่องมาเรียนา่ ทม่ี คี วามลกึ 11 กโิ ลเมตร 2.6 สันเขาใตส้ มุทร (Submarine Ridge) มีลกั ษณะเป็นสันเขาแนวยาวอยทู่ ่ีพ้ืน มหาสมทุ ร เกดิ จากแผน่ เปลอื กโลกทร่ี องรบั อยใู่ ตส้ มทุ รเคลอื่ นตวั แยกออกจากกนั ทำ� ใหห้ ินหนดื แทรกข้นึ มาและเยน็ ตวั ลงตามรอยแยกน้นั (ปัญญา จารุศริ ิและคณะ, 2558, น.33-34 )
18 ภาพประกอบท่ี 31 : โครงสร้างใตส้ มุทร (ภูมิพฒั น์ บุญมาปลูก,2559)
19 2.7 หมเู่ กาะ เป็นภมู ลิ กั ษณส์ ำ� คยั ทเี่ กดิ บริเวณทะเลและมหาสมทุ ร โดยสามารถจำ� แนก ไดด้ งั น้ี 2.7.1 หมเู่ กาะริมทวปี เกาะริมทวปี เป็นเกาะทอ่ี ยใู่ กลท้ วปี แตถ่ กู แยกออกจากทวปี โดยช่องแคบต้นื ๆ ทอี่ าจเกดิ ข้นึ ในยคุ ตน้ ๆ ทางธรณีวทิ ยา ตามลกั ษณะภมู ลิ กั ษณแ์ ลว้ หมเู่ กาะ น้จี ะมคี วามตอ่ เนื่องกบั ทวปี โดยสามารถตรวจสอบผา่ นลกั ษณะทางธรณีและซากดกึ ดำ� บรรพ์ เช่น หมเู่ กาะองั กฤษทเ่ี ป็นนส่วนหน่งึ ของทวปี ยโุ รป เป็นตน้ 2.7.2 หมเู่ กาะกลางสมทุ ร จะอยหู่ ่างไกลจากทวปี ซ่ึงเป็นแหลง่ กำ� เนดิ อาจเป็นส่วน หน่งึ ของเทอกเขากลางสมทุ ร ทโ่ี ผลข่ ้นึ มาเหนอื ผวิ น้ำ� แลว้ ส่วนยอดของเทอื กเขากลายสภาพเป็น เกาะ โดยเกาะจะมขี นาดคอ่ นขา้ งใหญ่ เช่น หมเู่ กาะมาดากสั การข์ องแอฟริกาหรือ นวิ ซีแลนด์ เป็ นตน้ 2.7.3 หมเู่ กาะภเู ขาไฟ เกดิ จากภเู ขาไฟเป็นผลโดยตรงจากการระเบดิ ของภเู ขาไฟทเ่ี ทอื ก เขาใตส้ มทุ ร หรือโครง้ สรา้ งอนื่ ในลกั ษณะคลา้ ยๆ กนั กระจายอยทู่ ว่ั มหาสมทุ ร ซ่ึงมกั จะเกดิ ข้นึ เป็นแนวขนาดใหญเ่ รียกวา่ แนวภเู ขาไฟ หมเู่ กาะประเภทน้ยี งั เกดิ ข้นึ ตอ่ เนอื่ ง เช่น หมเู่ กาะคานารี ในแอฟริกาหรือหมเู่ กาะเซิร์ทซ์ ในไอซแ์ ลนด์ เป็นตน้ 2.7.4 หมู่เกาะปะการงั หมู่เกาะปะการงั มีกำ� เนิดแบบชีวภาพ เกิดจากการท่ี เคยมีปะการงั อยู่าหนาแน่น ต่อมามนั ตายไปจึงทิ้งซากที่เป็ นแคลเซียมบริเวณท่ีปะการงั เหล่าน้นั ตายลง เกิดเป็นโครงสร้างใหแ้ นวปะกะรงั รุ่นใหฒไ่ ดเ้ จริญเติบโตข้ึนเรื่อยๆ โดย หมู่เกาะเหล่าน้ีมกั มีระดบั น้ำ� ใกลก้ บั น้ำ� และมกั ปรากฎให้เห็นเมื่อแอ่งน้ำ� ท่ีอยู่บนเทือก เขาปะการังท่ีก่อตวั เป็ นวงกลมแหง้ ลงไปและมีลากูนอยู่ตรงกลางและมีช่องทางเช่ือม ลากูนน้ีกับมหาสมุทรภายนอก เรียกว่า อะตอล โดยตวั อย่างเช่น หมู่เกาะปะการัง เกรทแบริเออรร์ ีฟ ภาพรประกอบที่ 32 : ตวั อยา่ งอะตอล (วกิ พิ เี ดยี ,ม.ป.ป).
20 สรุป ภมู ปิ ระเทศทปี่ รากฎมคี วามหลากหลายปรากฎบนพน้ื ผวิ โลกท้งั ทร่ี าบ ทรี่ าบสูง เนนิ เขาและภเู ขา ในส่วนมหาสมทุ รเป็นส่วนทป่ี ระกอบดว้ ยไหลท่ วปี ลาดทวปี ลาดตนี ทวปี และหมู่เกาะตา่ งๆ โดยเกิดจากปัจจยั และลกั ษณะท่ีปรากฎแตถ่ ึงอยา่ งไรกต็ ามสิ่งเราน้ีกเ็ ป็น ส่ิงทป่ี รากฎบนพน้ื ผวิ โลกแสดงใหเ้ หน็ ความงดงามของโลกทลี่ กั ษณะทแี่ ตกตา่ งกนั ออกไป อกี ท้งั สิ่งเหลา่ น้ยี งั สง่ ผลตอ่ การดำ� รงอยขู่ องส่ิงมชี ีวติ ทแี่ ตกตา่ งกนั ตามความเหมาะสมในการดำ� รง ชีพ อดุ มไปดว้ ยทรพั ยากรทห่ี ลากหลายทส่ี ามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชนม์ ากมาย และปรากฎคณุ คา่ ทำ� ใหโ้ ลกใบน้มี คี วามงดงาม
21 แบบฝึกหดั ที่ 3.1 ชื่อ-สกลุ ...............................................................................ช้นั ................เลขท่ี............... คำ� ช้ีแจง : จงวงกลมลอ้ มรอบคำ� ตอบที่ถูกตอ้ ง ( 10 คะแนน ) สามารถตอบไดม้ ากกวา่ 1 คำ� ต1.อบทแรี่ ลาบะไตคอ้ มงรู ตจ์ อดั บเปใ็นหทค้ รี่ราบบทปุกรคะเำ�ภตทอใบดจึงจะไดค้ ะแนน A. ทร่ี าบกร่อนตวั B. ทรี่ าบโครงสรา้ ง 2. ทร่ี าบกร่อนตวั เกดิ จากปัจจยั ใดบา้ ง A. ธารน้ำ� แขง็ B. ธารน้ำ� ไหล 3. ทรี่ าบสงู ทอ่ี ยรู่ ะหวา่ งทร่ี าบหรือทะเลกบั ภเู ขา A. ทร่ี าบสงู ระหวา่ งเขา B. ทร่ี าบสงู เชงิ เขา 4. ทรี่ าบสงู โคลมั เบยี สเนก็ จดั เป็นทร่ี าบสงู ประเภทใด A. ทร่ี าบสงู ภเู ขาไฟ B. ทร่ี าบสงู ซอยแบง่ 5. เนนิ เขากร่อนตวั เกดิ จากพน้ื ทส่ี งู ทก่ี ร่อนตวั และลดระดบั ลง เป็นเนนิ เขาป่ ระเภทใด A. เนนิ เขาโครงสรา้ ง B. เนนิ เขากร่อนตวั 6. ภมู ลิ กั ษณท์ เี่ กดิ บริเวณภเู ขาเลอ่ื นตวั A. ฮอรส์ B. กราเบน 7. ภเู ขาไฟทเี่ กดิ จากหินหลอมละลายทม่ี คี วามหนดื สงู มขี นาดเลก็ A. ภเู ขาไฟทรวงกรวยกรวด B. ภเู ขาไฟทรงโล่ 8. ภเู ขาทเ่ี ป็นแนวเทอื กเขาสำ� คญั ทส่ี ุดของโลก A. ภเู ขารูปโดม B. ภเู ขาโกง่ ตวั 9. บริเวณชายฝ่งั ทะเลทมี่ คี วามสำ� คญั ดา้ นเศรษฐกจิ A. ลาดทวปี B. ไหลท่ วปี 10. หมเู่ กาะทเ่ี กดิ จากกระบวนการสลายตวั ของภเู ขาไฟ A. อะทาล B. อะตอล
22 แบบฝึกหดั ที่ 3.2 ชื่อ-สกลุ ...............................................................................ช้นั ................เลขที่............... คำ� ช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนนำ� หมายเลขจากภาพดงั ต่อไปน้ี ไปตอบคำ� ถาม (10 คะแนน) ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพท่ี 6 ภาพท่ี7 ภาพที่8 ภาพที่ 9 ภาพท่ี 10
23 1. ทรี่ าบลมุ่ ปากแมน่ ้ำ� ไนลใ์ นประเทศอยิ ปิ ตเ์ กดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด................................ 2. ทร่ี าบสงู โบลเิ วยี เกดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด.......................................................................... 3. ภเู ขาไฟเมานาโลอาเกดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด...................................................................... 4. เทอื กเขาถนนธงชยั เกดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด..................................................................... 5. ทร่ี าบสงู แอนทริมเกดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด....................................................................... 6. เทอื กเขาเซียรร์ าเนวาดาเกดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด.............................................................. 7. ภเู ขาไฟเมราปีเกดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด............................................................................... 8. เขาวงั เกดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด............................................................................................. 9. ภเู ขาแบลก็ ฮลิ ลเ์ กดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด............................................................................ 10. ทรี่ าบไซบเี รียเกดิ จากกระบวนการดงั ภาพใด.............................................................................
24 แบบฝึกหดั ที่ 3.3 ช่ือ-สกลุ ...............................................................................ช้นั ................เลขท่ี............... คำ� ช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาภาพดงั ต่อไปน้ีและวเิ คราะห์ลกั ษณะเฉพาะของภูเขาไฟ ชนิดต่างๆ (6 คะแนน ) ภาพประกอบ 19 ภาพประกอบ 20 ภาพประกอบ 21 ภาพท่ี1 ภาพที่ 2 ภาพท่ี 3 ฮาเลียคาลา ฮาวาย เมราปี อินโดนีเซีย เซิตเสย์ ไอซ์แลนด์ ชนิดของภูเขาไฟ ชนิดของภูเขาไฟ ชนิดของภูเขาไฟ .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... ลกั ษณะการกำ� เนิด ลกั ษณะการกำ� เนิด ลกั ษณะการกำ� เนิด .......................................... ......................................... ......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... ภาพประกอบท่ี 33 : (The International Geography Olympiad,2016)
25 แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง ภมู ลิ กั ษณห์ ลกั รายวชิ า สงั คมศกึ ษาฯ ส 32101 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 จำ� นวน 10 ขอ้ 10 คะแนน คำ� ชี้แจง ใหน้ กั เรียนเลือกคำ� ตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพียงคำ� ตอบเดียวโดยทำ� เครื่องหมาย กากบาท (x) ลงในกระดาษคำ� ตอบ 1. ภมู ปิ ระเทศภาคพน้ื ทวปี ใชป้ ัจจยั ใดเป็นการจำ� แนกภมู ปิ ระเทศแบบตา่ งๆ 1. องคป์ ระกอบของธาตใุ นภมู ปิ ระเทศ 2. องคป์ ระกอบของพน้ื ทตี่ า่ งๆ กบั พน้ื ทโี่ ดยรอบ 3. ความแตกตา่ งของความสงู ของพน้ื ทโ่ี ดยรอบ 4. ลกั ษณะธรณีสณั ฐานและกระบวนการเปลย่ี นแปลงของเปลอื กโลก 2. ตวั เลอื กใดใหน้ ยิ ามความหมายของภมู ลิ กั ษณไ์ ดถ้ กู ตอ้ งทสี่ ุด 1. รูปแบบหรือลกั ษณะผวิ โลกอนั เกดิ ข้นึ ตามธรรมชาตแิ ละมนษุ ยส์ รา้ งข้นึ 2. รูปแบบหรือลกั ษณะผวิ โลกอนั เกดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ 3. สิ่งทเี่ กดิ ข้นึ และเปลยี่ นแปลงบริเวณทวปี 4. สิ่งทป่ี รากฏบนผวิ โลก 3. “พน้ื ทที่ ม่ี รี ะดบั ความสงู จากบริเวณรอบๆ ระหวา่ ง 100 - 600 เมตร” จากนยิ ามดงั กลา่ ว เป็นภมู ปิ ระเทศแบบใด 1. เนนิ เขา 2. ทร่ี าบ 3. ภเู ขา 4. ทรี่ าบสงู 4. กระบวนการเพมิ่ และลดระดบั ภมู ปิ ระเทศ สมั พนั ธก์ บั กระบวนการใด 1. กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายนอก 2. กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก 3. กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายนอกโลก 4. การแปรสณั ฐานภมู ปิ ระเทศบริเวณเปลอื กโลก 5. ทร่ี าบในอดุ มคตมิ กั เกดิ จากกระบวนภมู ปิ ระเทศแบบใด 1. ทรี่ าบทบั ถม 2. ทรี่ าบภเู ขาไฟ 3. ทร่ี าบกร่อนตวั 4. ทร่ี าบโครงสรา้ ง 6. ภมู ลิ กั ษณท์ รี่ าบสงู แบบใดทมี่ มี ลู คา่ ตอ่ ภาคอตุ สาหกรรมเหมอื งแร่มากทสี่ ุด 1. เนนิ เขา 2. ทรี่ าบทบั ถม 3. ทรี่ าบสงู ระหวา่ งเขา 4. ภเู ขาโกง่ ตวั
26 7. เพราะเหตใุ ดบริเวณทรี่ าบภเู ขาไฟยงั ไดร้ บั ความนยิ มมากในการต้งั ถนิ่ ฐานของมนษุ ย์ 1. ประชาชนยงั สามารถอาศยั บริเวณเนนิ เขาหรือสนั เขาได้ 2. เป็นเขตทรี่ าบทม่ี กี ารกร่อนตวั สงู จงึ มกั พบดนิ ตะกอนทใ่ี ชป้ ระโยชนไ์ ด้ 3. เป็นเขตที่มีการสะสมของตะกอนภูเขาไฟ ที่อุดมสมบูรณใ์ ช้ประโยชนใ์ นภาค เกษตรกรรมได้ 4. เป็นเขตทโี่ ลง่ กวา้ งเนอ่ื งจากผลของการระเบดิ ของภเู ขาไฟ จงึ สามารถใชใ้ นการเล้ยี ง สตั วใ์ นพน้ื ทก่ี วา้ งได้ 8. หมู่เกาะแบบใด อดุ มสมบรู ณไ์ ปดว้ ยตะกอนของหินปนู ทส่ี ามารถใชป้ ระโยชนใ์ นภาค เกษตรกรรมไดม้ ากทสี่ ุด 1. หมเู่ กาะริมทวปี 2. หมเู่ กาะกลางสมทุ ร 3. หมเู่ กาะภเู ขาไฟ 4. หมเู่ กาะปะการงั 9. บริเวณแนวภมู ลิ กั ษณพ์ น้ื สมทุ รใดทมี่ คี วามสำ� คญั ตอ่ อตุ สาหกรรมประมงมากทสี่ ุด 1. ไหลท่ วปี 2. ลาดทวปี 3. ลาตนี ทวปี 4. ทร่ี าบกน้ สมทุ ร 10. ภมู ลิ กั ษณห์ ลกั ของโลกมคี วามสำ� คญั ตอ่ การดำ� เนนิ ชีวติ ของมนษุ ย ยกเว้น ขอ้ ใด 1. ภมู ลิ กั ษณส์ ะทอ้ นการเป็นดำ� รงชีพของมนษุ ย์ 2. ภมู ลิ กั ษณส์ ง่ ผลการต้งั ถนิ่ ฐาน อพยพและดำ� เนนิ ชีวติ 3. ภมู ลิ กั ษณส์ ง่ ผลตอ่ สภาพภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศทม่ี สี ่วนสำ� คญั ตอ่ การดำ� เนนิ ชีวติ 4. ภมู ลิ กั ษณเ์ ป็นส่ิงทต่ี ายตวั ไมส่ ามารถเปลยี่ นแปลงได้ จงึ ทำ� ใหม้ นษุ ยส์ ามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มไดง้ า่ ย
27 กระดเาลษ่มคทำ� ี่ต3อเบร่ือทงดธสรอณบภีหาลคงั เรียน ช่ือ-สกลุ ...............................................................................ช้นั ................เลขท่ี............... คำ� ช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเลือกคำ� ตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคำ� ตอบเดียว โดยเขียนเครื่องหมาย กากบาท X ในช่องวา่ งที่ถูกตอ้ ง ขอ้ ท่ี 1 2 3 4 คะแนนเตม็ ........................... 1 คะแนนทไ่ี ด ้ ........................... ........... ดมี าก 2 ........... ดี 3 ........... พอใช้ 4 ........... ควรปรบั ปรุงง 5 ลงช่ือ.................................ผปู้ ระเมนิ (.............................................................) 6 7 8 9 10 สรุปคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนระหวา่ ง 8- 10 ระดบั เกณฑด์ มี าก คะแนนระหวา่ ง 6-7 ระดบั เกณฑด์ ี คะแนนระหวา่ ง 4-5 ระดบั เกณฑพ์ อใช้ คะแนนระหวา่ ง 0-3 ระดบั เกณฑค์ วรปรบั ปรุง
28 แบบบนั ทกึ คะแนน ช่ือ-สกลุ ...............................................................................ช้นั ................เลขท่ี............... แบบทดสอบ/แบบฝึ กหัด คะแนนเตม็ คะแนนทไี่ ด้ หมายเหตุ แบบทดสอบก่อนเรียน 10 เล่มท่ี 3 ธรณีภาค 10 แบบฝึกหดั ท่ี 3.1 10 แบบฝึกหดั ที่ 3.2 6 แบบฝึกหดั ที่ 3.3 รวมแบบฝึ กหดั 26 แบบทดสอบหลงั เรียน 10 รวมแบบฝึกหดั + 36 แบบทดสอบหลงั เรียน ลงช่ือ.............................................................ผ้ลู งคะแนน เกณฑ์การประเมนิ คะแนนระหวา่ ง 32-36 อยใู่ นระดบั ดมี าก คะแนนระหวา่ ง 27-31 อยใู่ นระดบั ดี คะแนนระหวา่ ง 22-26 อยใู่ นระดบั ปานกลาง คะแนนระหวา่ ง 17-21 อยใู่ นระดบั พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 0 -16 อยใู่ นระดบั ควรปรบั ปรุง
29
30 ภาคผนวก
31 ประกอบดว้ ย เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี 3.1 เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี 3.2 เฉลยแบบฝึกหดั ที่ 3.3 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
32 เฉลยคำ� ตอบก่อนเรียน เล่มที่ 3 เรื่อง ธรณีภาค ขอ้ ที่ 1 2 3 4 1X 2X 3X 4X 5X 6 X 7 X 8 9 X 10 X สรุปคะแนน X
33 เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี 3.1 เรื่อง ภมู ลิ กั ษณห์ ลกั คำ� ช้ีแจง : จงวงกลมลอ้ มรอบคำ� ตอบท่ีถูกตอ้ ง ( 10 คะแนน ) สามารถตอบไดม้ ากกวา่ 1 คำ� ต1.อบทแรี่ ลาบะไตคอ้ มงรู ตจ์ อดั บเปใ็นหทค้ รี่ราบบทปุกรคะเำ�ภตทอใบดจึงจะไดค้ ะแนน A. ทรี่ าบกร่อนตวั B. ทร่ี าบโครงสรา้ ง 2. ทรี่ าบกร่อนตวั เกดิ จากปัจจยั ใดบา้ ง A. ธารน้ำ� แขง็ B. ธารน้ำ� ไหล 3. ทร่ี าบสงู ทอ่ี ยรู่ ะหวา่ งทร่ี าบหรือทะเลกบั ภเู ขา A. ทร่ี าบสงู ระหวา่ งเขา B. ทรี่ าบสงู เชงิ เขา 4. ทร่ี าบสงู โคลมั เบยี สเนก็ จดั เป็นทรี่ าบสงู ประเภทใด A. ทร่ี าบสงู ภเู ขาไฟ B. ทร่ี าบสงู ซอยแบง่ 5. เนนิ เขากร่อนตวั เกดิ จากพน้ื ทสี่ งู ทก่ี ร่อนตวั และลดระดบั ลง เป็นเนนิ เขาป่ ระเภทใด A. เนนิ เขาโครงสรา้ ง B. เนนิ เขากร่อนตวั 6. ภมู ลิ กั ษณท์ เ่ี กดิ บริเวณภเู ขาเลอื่ นตวั A. ฮอรส์ B. กราเบน 7. ภเู ขาไฟทเี่ กดิ จากหินหลอมละลายทมี่ คี วามหนดื สงู มขี นาดเลก็ A. ภเู ขาไฟทรวงกรวยกรวด B. ภเู ขาไฟทรงโล่ 8. ภเู ขาทเี่ ป็นแนวเทอื กเขาสำ� คญั ทสี่ ุดของโลก A. ภเู ขารูปโดม B. ภเู ขาโกง่ ตวั 9. บริเวณชายฝง่ั ทะเลทม่ี คี วามสำ� คญั ดา้ นเศรษฐกจิ A. ลาดทวปี B. ไหลท่ วปี 10. หมเู่ กาะทเ่ี กดิ จากกระบวนการสลายตวั ของภเู ขาไฟ A. อะทาล B. อะตอล
Search