การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบคน้ พบ (Discovery Method) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ รายวิชาคณิตศาสตร์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 12 เร่ือง ขอ้ มลู และการนาเสนอขอ้ มลู รหัส ค14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 7 ช่ัวโมง นางสาวจิระพนั ธุ์ ปากวิเศษ โรงเรียนวัดพืชนมิ ิต (คาสวัสด์ิราษฎร์บารุง) สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 สานักานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ึนพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
คานา การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ ต้องพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะแห่งอนาคต เป็นทักษะท่ีจาเป็นต้อง ใช้ในการดาเนินชวี ติ เพื่อเตรยี มความของผู้เรยี นให้ใช้ชีวิตในโลกท่ีเป็นจริง เน้นการศึกษาตลอดชีวิต ให้ผู้เรียน รู้จักการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การนาทฤษฎีการเรียนร็ที่ได้รับไปสู่การปฏิบัติ ส่ิงสาคัญคือผู้เรียนจะต้อง เกดิ กระบวนการเรียนรู้ ซง่ึ ถอื เป็นจดุ สาคัญ การจดั การเรยี นรแู้ บบค้นพบเน้นให้ผู้เรียนค้นหาคาตอบหรือความรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงผู้เรียนจะใช้วิธีการ หรอื กระบวนการตา่ ง ๆ ทเี่ หน็ วา่ มปี ระสทิ ธิภาพและตรงกบั ธรรมชาตขิ องวิชา หรือปัญหา ดังนั้นจึงมีผู้นาเสนอ วิธีการการจัดการเรยี นรู้ไวหลากหลาย เช่น การแนะให้ผู้เรียนพบหลักการทางคณิตศาสตร์ด้วยตนเองโดยวิธี อุปนัย การที่ผู้เรียนใช้กระบวนการแก้ปัญหาแล้วนาไปสู่การค้นพบ มีการกาหนดปัญหา ตั้งสมมติฐานและ รวบรวมข้อมูล ทดสอบสมมติฐานและสรุปข้อค้นพบ ซึ่งอาจใช้วิธีการเก็บข้อมูลจากการทดลองด้วย การที่ ผู้สอนจัดโปรแกรมไว้ให้ผู้เรียนใช้การคิดแบบอุปนัยและนิรนัยในเรื่องต่างๆ ก็สามารถได้ข้อค้นพบด้วย ตนเอง ผู้สอนจะเป็นผู้ให้คาปรึกษา แนะนาหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้วิธีหรือกระบวนการที่เหมาะสม ขั้นตอน การเรียนรู้จึงปรับเปล่ียนไปตามวิธีหรือกรอบกระบวนการต่างๆท่ีใช้ แต่ในที่นี้จะเสนอผลการพบ ความรู้ ข้อสรปุ ใหม่ ด้วยการคิดแบบอุปนัยและนิรนัย การจัดการเรียนรู้แบบค้นพบมีขั้นตอนสาคัญดังต่อไปน้ี ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน ข้ันเรียนรู้ ข้ันนาไปใช้ ซ่ึงผู้สอนให้ผู้เรียนนาเสนอแนวทางการนาข้อค้นพบท่ีได้ไปใช้ใน การแก้ปัญหา อาจใช้วิธีการให้ทาแบบฝึกหัดหรือแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อประเมินผลว่าผู้เรียนเกิดการ เรยี นรู้จริงหรือไม่ ประโยชน์ ช่วยให้ผู้เรียนคิดอย่างมีเหตุผล ช่วยให้ผู้เรียนค้นพบส่ิงที่ค้นพบได้นานและเข้าใจ อย่างแจ่มแจ้ง ผู้เรียนมีความมั่นใจ เพราะได้เรียนรู้สิ่งใหม่อย่างเข้าใจจริง ช่วยให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทางด้าน ความคิด ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ค้นคว้าเพื่อหาคาตอบด้วยตนเอง ก่อให้เกิดแรงจูงใจ ความพึงพอใจใน ตนเองตอ่ การเรียนสูง ผู้เรียนรวู้ ธิ สี ร้างความรู้ด้วยตนเอง เช่น การหาข้อมูล การวิเคราะห์และสรุปข้อความรู้ เหมาะสมกับผู้เรยี นท่ีฉลาด มคี วามเช่อื ม่นั ในตนเองและมีแรงจูงใจสูง หวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการศึกษารูปแบบการจัดการเรียนรู้ คน้ พบ เพ่อื พฒั นาผู้เรียนตอ่ ไป จิระพันธุ์ ปากวิเศษ
แผนผงั มโนทศั นเ์ ปา้ หมายการเรียนร/ู้ หลักฐานการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทักษะ/กระบวนการ (Process : P) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. เมอื่ กาหนดแผนรปู ภาพให้ นกั เรยี น 1. เกบ็ รวบรวมข้อมลู และจาแนก 1. ซ่ือสัตยส์ ุจริต สามารถอ่านได้ถกู ต้อง ข้อมูล 2. มีวนิ ยั 3. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. สามารถนามาเขียนเป็นแผนภูมิแท่ง 2. อา่ นแผนภูมริ ปู ภาพ แผนภูมิแทง่ 4. ม่งุ มนั่ ในการทางาน ได้ และตาราง 5. มีจติ สาธารณะ 3. เมอ่ื กาหนดแผนภมู ิแท่งเปรียบเทยี บ 3. เขยี นแผนภมู ริ ปู ภาพและแผนภูมิ ได้ นักเรยี นสามารถอ่านไดถ้ ูกตอ้ ง แทง่ เพ่ือสื่อความหมายทาง คณิตศาสตร์ 4. นกั เรยี นกระตือรือร้นท่จี ะเขียน ลักษณะและประโยชน์ของตาราง 4. บอกความน่าจะเป็นของเหตกุ ารณ์ ที่จะเกิดข้นึ 5. นกั เรียนสามารถอ่านข้อมูลในตาราง ท่ีพบได้อยา่ งถูกตอ้ ง กระบวนการกลุ่ม 1) ฝึกกิจกรรมกลุม่ ตาม 6. นกั เรียนสามารถสรา้ งและบันทึก แผนการจดั การเรยี นรู้ ตารางเพื่อเสนอข้อมลู ได้อย่างถูกต้อง และครบถว้ น เป้าหมายการเรียน ขอ้ มูลและการนาเสนอข้อมูล หลักฐานการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อน – หลังเรียน 2. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ 3. ใบงาน เรอ่ื งการนาเสนอข้อมูลดว้ ยแผนภมู แิ ทง่ (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 4. ใบงาน เรอ่ื งการเขียนแผนภูมิแท่งโค(มรฐง.สคร้า3ง.ห1นปว่ .ย4ก/1า)รเรยี นรู้ 5. ใบงาน เรอ่ื งการนาเสนอข้อมูลด้วยตารางสองทาง (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 6. My Mapping
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 12 เรื่อง ข้อมูลและการนาเสนอขอ้ มูล กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ รายวิชาคณิตศาสตร์ รหสั ค14101 ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 7 ชว่ั โมง ครผู ้สู อน นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวเิ ศษ โรงเรียนวดั พืชนิมิต (คาสวัสดร์ิ าษฎรบ์ ารงุ ) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… แผนการจดั การเรียนรู้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน เวลาเรยี น 1. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู (ชั่วโมง) 2.การอา่ นแผนภมู ิแท่ง 1. แบบฝึกหดั คณิคศาสตร์ 2. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1 3.การเขียนแผนภมู ิแท่ง 1. แบบฝกึ หดั คณคิ ศาสตร์ 1 4.แผนภมู แิ ท่งเปรียบเทียบ 2. ใบงาน เรื่องการนาเสนอข้อมูลดว้ ยแผนภมู แิ ท่ง 1 5.การอา่ นตาราง 2 (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 2 1. แบบฝึกหดั คณคิ ศาสตร์ 7 2. ใบงาน เรอ่ื งการเขยี นแผนภมู แิ ทง่ (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 1. แบบฝึกหดั คณิคศาสตร์ 2. My Mapping 1. แบบฝึกหดั คณิคศาสตร์ 2. ใบงาน เรอ่ื งการนาเสนอข้อมูลด้วยตารางสองทาง (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) รวมเวลาเรียน
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 12 เรอ่ื ง ข้อมูลและการนาเสนอขอ้ มูล กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั ค14101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลา 7 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวเิ ศษ โรงเรียนวัดพชื นิมติ (คาสวสั ดร์ิ าษฎร์บารุง) 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวช้ีวดั สาระท่ี 3 สถติ แิ ละความนา่ จะเปน็ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรูท้ างสถิติในการปัญหา ตัวช้ีวัด ค 3.1 ป.4/1 ใช้ข้อมูลจากแผนภูมแิ ท่ง ตารางสองทาง ในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2. สาระสาคัญ โดยปกตใิ นชวี ติ ประจาวันมขี ้อมลู ต่างๆ เกิดขน้ึ มากมาย ทั้งที่ต้ังใจและไมต่ ้ังใจเราสามารถรวบรวม ขอ้ มูลโดยการสงั เกตหรือการจดบันทึก การรวบรวมอย่างง่ายประกอบดว้ ย การสารวจ การสงั เกตและการ รวบรวมโดยการจดบนั ทึกเปน็ ทะเบยี น 3. สาระการเรียนรู้ 1) ความรู้ (Knowledge : K) 1. เมอื่ กาหนดแผนรูปภาพให้ นักเรยี นสามารถอา่ นได้ถูกต้อง 2. สามารถนามาเขยี นเปน็ แผนภูมแิ ท่งได้ 3. เม่ือกาหนดแผนภมู ิแท่งเปรียบเทยี บได้ นกั เรยี นสามารถอา่ นได้ถูกต้อง 4. นักเรยี นกระตือรอื ร้นที่จะเขยี นลักษณะและประโยชนข์ องตาราง 5. นักเรียนสามารถอ่านข้อมูลในตารางที่พบได้อย่างถกู ต้อง 6. นกั เรยี นสามารถสรา้ งและบนั ทกึ ตารางเพื่อเสนอขอ้ มูลได้อยา่ งถูกต้องและครบถ้วน 2) ทักษะ/กระบวนการ (Process : P) 1. เกบ็ รวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมูล 2. อ่านแผนภูมิรูปภาพ แผนภูมิแทง่ และตาราง 3. เขียนแผนภมู ริ ูปภาพและแผนภมู แิ ท่ง เพ่ือสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ 4. บอกความน่าจะเปน็ ของเหตุการณท์ ่จี ะเกิดข้ึน
3) เจตคติ (Attitude : A) 1. เห็นถงึ ความสาคญั ในการเรยี นเรือ่ ง การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและการจาแนกข้อมลู 2. ตระหนักถึงคุณค่าและนาการอา่ นแผนภูมริ ูปภาพ แผนภมู แิ ทง่ และตาราง ไปใช้ในชวี ติ จรงิ 3. ตระหนักถงึ คุณค่าและนาการเขยี นแผนภูมริ ปู ภาพและแผนภูมแิ ทง่ ไปใชใ้ นชวี ติ จริง 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1) ความสามารถในการคดิ 2) ความสามารถในการแกป้ ญั หา 5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ซ่ือสัตย์สจุ ริต 2) มวี ินยั 3) ใฝเ่ รยี นรู้ 4) มงุ่ ม่ันในการทางาน 5) มจี ติ สาธารณะ 6. ช้ินงาน 1. แบบทดสอบกอ่ น – หลังเรยี น 2. บัตรทศนยิ ม 3. ใบงาน เรอื่ งการนาเสนอขอ้ มูลดว้ ยแผนภมู ิแท่ง (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 4. ใบงาน เรอื่ งการเขียนแผนภมู แิ ทง่ (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 5. ใบงาน เรือ่ งการนาเสนอข้อมูลดว้ ยตารางสองทาง (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 7. การวดั และประเมินผล (ภาระงาน/ช้ินงาน) 1. วิธกี าร - ตรวจชน้ิ งาน 2. เคร่อื งมอื - แบบประเมนิ ชนิ้ งาน 3. เกณฑก์ ารประเมิน - นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ 60
4. เกณฑก์ ารตดั สิน/ระดับคณุ ภาพ หมายถงึ ดีเย่ียม คะแนน 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 7 - 8 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 5 - 6 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน 1 - 4 คะแนน 5.เกณฑ์การประเมนิ การวัดและประเมนิ ผล วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ ทกั ษะที่ต้องการวดั สังเกต แบบบนั ทกึ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ความรู้ การสงั เกต โดยปฏบิ ัตกิ จิ กรรมได้ ถูกต้องรอ้ ยละ 60 1. เมื่อกาหนดแผนรปู ภาพให้ นกั เรียนสามารถอ่านได้ ถูกต้อง 2. สามารถนามาเขียนเป็นแผนภมู แิ ท่งได้ 3. เม่อื กาหนดแผนภูมิแท่งเปรยี บเทยี บได้ นกั เรียน สามารถอา่ นได้ถกู ต้อง 4. นกั เรยี นกระตือรือรน้ ที่จะเขียนลักษณะและ ประโยชนข์ องตาราง 5. นักเรียนสามารถอา่ นข้อมูลในตารางท่ีพบได้อยา่ ง ถกู ต้อง 6. นกั เรียนสามารถสรา้ งและบันทึกตารางเพ่ือเสนอ ข้อมลู ไดอ้ ย่างถูกต้องและครบถ้วน ดา้ นทักษะ ตรวจผลงาน แบบบันทกึ ผล นกั เรียนผ่านเกณฑ์ 1. เก็บรวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมลู การปฏิบตั ิงาน โดยทากจิ กรรม ถูกต้องอย่างน้อย 2. อา่ นแผนภมู ริ ูปภาพ แผนภมู ิแท่ง และตาราง ร้อยละ 60 3. เขียนแผนภมู ิรปู ภาพและแผนภูมิแทง่ เพื่อส่ือ ความหมายทางคณิตศาสตร์ 4. บอกความนา่ จะเป็นของเหตุการณท์ ่จี ะเกิดขึ้น
ทกั ษะทีต่ อ้ งการวดั วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน สังเกต ด้านเจตคติ แบบบันทกึ นักเรยี นผ่านเกณฑ์ 1. เห็นถงึ ความสาคัญในการเรียนเร่อื ง การเกบ็ การสงั เกต โดย รวบรวมขอ้ มูลและการจาแนกข้อมูล มีส่วนร่วมในกจิ กรรม 2. ตระหนักถงึ คณุ ค่าและนาการอ่านแผนภูมิรปู ภาพ และมคี วามสุขใน แผนภูมแิ ท่ง และตาราง ไปใช้ในชวี ิตจรงิ การเรียนอย่างน้อย ร้อยละ 60 3. ตระหนักถึงคุณค่าและนาการเขียนแผนภมู ริ ปู ภาพ และแผนภูมิแท่ง ไปใช้ในชีวิตจรงิ
การประเมินผลการเรยี นรู้ 1. เกณฑก์ ารประเมินผล ไดค้ ะแนน 9-10 คะแนน = 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี ไดค้ ะแนน 7-8 คะแนน = 2 (พอใช)้ 1 (อ่อน) ได้คะแนน 5-6 คะแนน = ได้คะแนน 1-4 คะแนน = * เกณฑ์ผา่ นการประเมนิ ต้องได้ 2 (พอใช้) ข้ึนไป 2.ผลการประเมิน (สอดคล้องกบั วิธวี ัดผล) ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1. จากการตรวจแบบฝึกทักษะ 1. จากการสังเกตพฤติกรรมการเรียน 1. จากการสังเกตพฤติกรรมการ นกั เรยี นไดร้ ะดับคุณภาพ นักเรยี นได้ระดับคณุ ภาพ เรยี น นกั เรยี นไดร้ ะดบั คณุ ภาพ 4 จานวน....... คน 4 จานวน ........... คน 4 จานวน ...........คน 3 จานวน........คน 3 จานวน ............คน 3 จานวน .......... คน 2 จานวน........คน 2 จานวน ............คน 2 จานวน ......... คน 1 จานวน........คน 1 จานวน ...........คน 1 จานวน ............คน
เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน ประเด็นการประเมนิ 3(ดี) 2(พอใช้) 1(ตอ้ งปรบั ปรงุ ) 1. การแก้ปัญหา ใช้ยทุ ธวิธีดาเนนิ การ มยี ุทธวธิ ดี าเนินการ มีหลกั ฐานหรอื รอ่ งรอย 2. การให้เหตุผล แก้ปญั หาได้สาเร็จอย่างมี แก้ปัญหาได้สาเร็จ แตไ่ ม่ การดาเนนิ การแกป้ ัญหา 3. การสื่อสาร การสื่อ ความหมายทาง ประสทิ ธภิ าพ และอธิบาย สามารถอธบิ ายขน้ั ตอน บางสว่ น แต่แกป้ ัญหาไม่ คณิตศาสตร์ ขั้นตอนของวธิ กี ารดังกล่าว ของวธิ กี ารดงั กล่าว สาเร็จ 4. การเช่อื มโยงความรู้ ต่าง ๆ ทางคณติ ศาสตร์ ไดอ้ ยา่ งชัดเจน และเชือ่ มโยง คณติ ศาสตร์กบั ศาสตร์ มกี ารอ้างอิงทถี่ ูกต้อง และ มีการอ้างอิงทถ่ี ูกต้อง มีการเสนอแนวคิดที่ไม่ อ่ืน ๆ 5. มคี วามคิดริเร่มิ เสนอแนวคดิ ประกอบการ บางส่วน และเสนอ สมเหตสุ มผลในการ สร้างสรรค์ ตดั สินใจอยา่ งสมเหตสุ มผล แนวคิดประกอบการ ตัดสนิ ใจ และไม่ระบุการ ตัดสนิ ใจ ไมส่ มเหตผุ ลใน อ้างอิง บางกรณี ใช้ภาษาและสัญลกั ษณ์ทาง ใชภ้ าษาและสัญลักษณ์ ใชภ้ าษาและสญั ลักษณ์ คณิตศาสตร์ทถ่ี ูกต้อง ทางคณิตศาสตรน์ าเสนอ ทางคณิตศาสตร์อยา่ ง นาเสนอโดยใช้กราฟ โดยใช้กราฟ แผนภูมิ งา่ ย ๆ ไม่ได้ใชก้ ราฟ แผนภมู ิ หรอื ตารางแสดง หรือตารางแสดงขอ้ มลู แผนภมู ิ หรอื ตาราง ข้อมูลประกอบตามลาดับ ประกอบลาดับข้นั ตอน แสดง และการนาเสนอ ขั้นตอนชัดเจน และมี ได้ชดั เจนบางสว่ น ขอ้ มลู ไมช่ ัดเจน รายละเอียดสมบูรณ์ นาความรู้ หลกั การ และ นาความรู้ หลักการ และ นาความรู้ หลกั การ และ วิธกี ารทางคณติ ศาสตร์ ใน วิธกี ารทางคณติ ศาสตร์ วธิ กี ารทางคณติ ศาสตร์ การเช่อื มโยงกับสาระ ในการเชื่อมโยงกบั สาระ ไปเช่อื มโยงไม่เหมาะสม คณิตศาสตร์หรือสาระอืน่ ใน คณิตศาสตร์ไดบ้ างสว่ น ชีวิตประจาวัน ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม - มแี นวคดิ หรอื วธิ ีการแปลก - มีแนวคดิ หรอื วิธกี ารไม่ - มแี นวคดิ หรือวิธกี ารไม่ ใหม่ท่สี ามารถนาไปปฏิบัติ แปลกใหม่ แต่ไม่สามารถ แปลกใหม่ และนาไป ไดถ้ ูกต้อง นาไปปฏบิ ตั ิได้ถกู ต้อง ปฏบิ ัตแิ ลว้ ยังไมส่ มบรู ณ์ สมบูรณ์
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมที่ 1 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล (ช่ัวโมงที่ 1 ) 1. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครูสนทนากับนักเรยี นเก่ียวกบั เรือ่ งต่างๆ เช่น - จานวนนักเรยี นท้ังหมดในห้อง - จานวนนักเรยี นท่ีมาเรยี นในวันนเ้ี ป็นนักเรียนชายกค่ี น นกั เรยี นหญิงก่ีคน ไม่มาเรียนก่ีคน ครู 3. ครูอธบิ ายสง่ิ ต่างๆ ที่กลา่ วมาน้เี ปน็ ข้อมลู เกยี่ วกับนกั เรยี นห้องนีม้ าเรียน และไม่มาเรียนในวนั นี้ 4. ให้นักเรยี นบอกข้อมูลตา่ งๆ เก่ยี วกับตนเอง เช่น - จานวนสมาชกิ ในครอบครัว - จานวนสตั ว์เล้ยี ง - งานอดิเรกทีช่ อบ 5.ครนู านักเรียนออกไปสารวจขอ้ มลู ต่างๆ ในโรงเรยี น เชน่ - จานวนไมด้ อกชนิดตา่ งๆ ในโรงเรียน - จานวนหอ้ งเรยี นแตล่ ะระดับช้ัน - จานวนนกั เรยี นท่เี ข้าห้องสมดุ เวลาต่างๆ 6. ครแู ละนักเรียนช่วยกนั จาแนกข้อมูล และอภปิ ราย เช่น ข้อมูลที่ได้จากการสารวจไม้ดอกใน โรงเรียนจาแนกข้อมูลและอภิปรายดังน้ี - มดี อกไมช้ นิดใดบ้าง อยา่ งละเท่าไร - มีดอกไม้ชนดิ ใดมากท่สี ุด - มดี อกไม้ชนดิ ใดน้อยทีส่ ุด - ดอกไม้ชนดิ ใดจานวนเท่ากนั 7. นกั เรยี นทาแบบฝึกทักษะ
กิจกรรมที่ 2 การอา่ นแผนภมู แิ ท่ง (ช่ัวโมงท่ี 2 ) 1. ครูสนทนาซกั ถามนักเรยี นเกยี่ วกบั เรอ่ื งแผนภมู ิรปู ภาพ ตามท่ีเรียนผา่ นมาแล้วดังน้ี - แผนภูมริ ูปภาพมีประโยชน์อย่างไร - จดุ สาคญั ของการเขยี นแผนภูมริ ูปภาพท่ขี าดไม่ไดม้ ีอะไรบา้ ง เพราะเหตุใด 2. ครูตดิ แผนภูมิแท่งบนกระดาน ให้นักเรยี นสงั เกตจากแผนภมู แิ ท่งและข้อมูลตา่ งๆ แลว้ ตอบ คาถาม ดงั นี้ - แผนภูมแิ ทง่ น้เี หมือนกับแผนภมู ริ ูปภาพตรงไหน และไมเ่ หมือนอย่างไร - จดุ สาคัญของแผนภมู ิแท่งนักเรียนคดิ วา่ มสี ่วนใดบา้ ง - ส่วนใดท่ีนักเรยี นคิดว่าเขา้ ใจดที ส่ี ดุ - สว่ นใดท่ีนักเรยี นคดิ วา่ ยังไมเ่ ขา้ ใจ ทาไมจงึ ไมเ่ ข้าใจ - ส่วนทไ่ี ม่เขา้ ใจจะค้นหาไดจ้ ากทไ่ี หนได้บ้าง 3. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน ให้ศึกษาใบความรู้ และร่วมกนั ค้นหาคาตอบจากสว่ นที่ยงั ไม่ เข้าใจ แล้วร่วมกนั สรุปเปน็ องคค์ วามรู้ของตนเอง 4. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝึกทักษะ กจิ กรรมท่ี 3 การเขยี นแผนภมู ิแท่ง (ชั่วโมงที่ 3 ) 1. ครูทบทวนลักษณะและสว่ นประกอบต่างๆของแผนภูมแิ ทง่ ว่ามีสว่ นประกอบอะไรบ้างวธิ ีการ อา่ นและแปลความหมายข้อมูลจากแผนภมู ิแท่ง 2. ครูให้นกั เรยี นนาข้อมลู มาฝึกวิเคราะหแ์ ละคิดหาแนวทางทีจ่ ะเขยี นเปน็ แผนภมู แิ ท่งเช่น ข้อมลู แสดงจานวนสตั ว์ทเี่ ล้ียงในฟาร์มแหง่ หน่ึง ดงั น้ี วัว 200 ตัว แกะ 100 ตวั มา้ 250 ตัว แพะ 150 ตัว 3. ครูให้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3 - 5 คน ชว่ ยกันเขยี นแผนภูมแิ ท่งตามขน้ั ตอนตอ่ ไปน้ี - อภปิ รายเพื่อให้ได้ช่อื แผนภูมแิ ท่งแล้วเขียนช่ือแผนภมู แิ ท่งลงในกระดาษที่แจกให้
- อภิปรายเพ่ือให้ไดข้ ้อสรปุ ว่า จะใชเ้ ส้นในแนวนอน หรือแนวต้ังแสดงอะไร แลว้ เขยี น กากับที่เสน้ แกนทั้งสอง - อภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปวา่ ควรกาหนดให้เป็นส่ีเหล่ยี ม 1 รูปแทนจานวนสัตว์ก่ตี ัว พร้อมท้งั กาหนดความกว้าง ความสงู ของสเ่ี หลีย่ ม - อภปิ รายเก่ียวกบั การแบง่ เส้นทแ่ี สดงชนิดของสตั ว์ พร้อมท้งั เขยี นชื่อชนิดของสตั ว์ กากบั - อภปิ รายเกีย่ วกับการเขียนรปู ส่ีเหล่ียมแสดงจานวนสัตวแ์ ต่ละชนดิ 4. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนกลมุ่ ละ 2-3 คนนาเสนอผลการปฏบิ ตั ิงานหนา้ ชัน้ เรียนให้ เพือ่ นๆ แสดงความคดิ เหน็ 5. ครูและนักเรียนรว่ มกนั รว่ มกนั อภิปรายและแสดงความคดิ เห็นวา่ แผนภูมแิ ทง่ แต่ละกลุ่ม เหมอื นกนั หรือแตกตา่ งกันอย่างไร จานวนแท่ง ระยะหา่ งระหวา่ งแท่งในแตล่ ะแผนภมู เิ หมอื นกนั หรือไม่เพราะ เหตุใดใช้แท่งขนาดเลก็ แทนข้อมูลน้อยและใชแ้ ทง่ ขนาดใหญ่แทนข้อมูลจานวนมากได้หรือไม่เพราะเหตใุ ด 6. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝึกทักษะ กจิ กรรมที่ 4 แผนภูมิแทง่ เปรยี บเทียบ (ช่ัวโมงที่ 4-5 ) 1. ครใู ห้นักเรียนศึกษาเรื่องแผนภูมิแทง่ เปรยี บเทียบจากส่ือออนไลน์ แลว้ รว่ มกนั สรปุ เป็นองค์ความรู้ ของตนเอง 2. ครแู บ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม 3 กลุ่ม ครูอธบิ ายเพ่มิ เตมิ เพื่อให้นักเรยี นเขา้ ใจมากยง่ิ ข้ึน แลว้ ให้ แบ่งกล่มุ 4-5 คน 3. ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มระดมความคิด Ma Mapping ในการออกแบบรถพลงั งานยาง 4. ครูใหน้ ักเรยี นประดิษฐ์รถพลังงานยางของแต่ละกล่มุ แลว้ นามาแขง่ ขันว่ารถพลงั งานยางของกลุ่ม ใด จะวงิ่ ได้ไกลทส่ี ุด 5. ครูใหน้ กั เรียนชว่ ยกันสรปุ เร่ืองรถพลงั งานยางแบบแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบว่ารถพลังงานของกลมุ่ ใดวงิ่ ได้ไกล ควรได้ข้อสรุปวา่ การการนาข้อมลู มาเขยี นเป็นแทง่ สเี่ หลีย่ มมมุ ฉากติดกันเป็นสองแทง่ หรือ มากกวา่ ลงในแผนภูมิเดียวกัน โดยเขียนสญั ลกั ษณบ์ อกลักษณะของข้อมลู กากบั ไวด้ ้วย 6. นกั เรยี นนาเสนอแผนภูมแิ ท่งเปรียบเทยี บรถพลังงาน 7. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ อธิบายเรือ่ งรถพลังงานยางแบบแผนภูมิแทง่ เปรยี บเทียบ
กจิ กรรมที่ 5 การอา่ นตาราง (ชั่วโมงท่ี 6 ) 1. ครูให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกว่าในวันนเ้ี ป็นวนั อะไร เรยี นวิชาอะไรบ้าง ตัง้ แต่ความท่ีหนึ่งถงึ ความ สุดทา้ ย 2. ครซู ักถามนักเรียนวา่ ทราบได้อย่างไรวา่ เรยี นวชิ าอะไรบ้าง ช่วงเวลาใด วนั ไหน 3. นักเรียนชว่ ยกันจกั ทาตารางเรียนใน 1 สปั ดาห์ และประโยชน์ของตารางเรยี น 4. ครอู ธิบายลักษณะของตารางตามสาระการเรียนรพู้ ร้อมยกตัวอยา่ งตารางท่ีขยายให้นักเรยี นเห็น สกั 1 ตาราง 5. การอ่านตารางมีวิธีปฏิบัติดังนี้ - ชอื่ ของตารางเป็นการบอกให้ทราบว่าเป็นการนาเสนอเก่ียวกบั ขอ้ มลู ได้ - หัวตารางเปน็ การบอกให้ทราบวา่ เปน็ การนาเสนอเกยี่ วกับขอ้ มูลในแต่ละเร่ือง - ขอ้ มลู ภายใต้หัวตารางสามารถแสดงท้ังแนวตั้งและแนวนอนในบางครั้งแสดงทงั้ แนวต้งั และแนวนอนท่ีสัมพนั ธ์กนั 6. แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน 7. ให้นักเรยี นศึกษาใบความรู้ กอ่ นทาแบบฝึกเสริมทักษะ 8. ให้นักเรยี นทาแบบฝึกเสริมทักษะ กจิ กรรมท่ี 6 การหาพ้นื ทีร่ ูปสเี่ หล่ยี มมุมฉาก (ช่ัวโมงท่ี 7 ) 1. ครูให้นักเรยี นช่วยกันบอกว่าในวนั นี้เป็นวนั อะไร เรียนวิชาอะไรบา้ ง ต้งั แต่ความที่หน่ึงถงึ ความ สุดท้าย 2. ครซู กั ถามนักเรียนวา่ ทราบได้อย่างไรวา่ เรยี นวิชาอะไรบ้าง ชว่ งเวลาใด วันไหน 3. นกั เรียนช่วยกนั จกั ทาตารางเรยี นใน 1 สปั ดาห์ และประโยชน์ของตารางเรยี น 4. ครูอธบิ ายลักษณะของตารางตามสาระการเรียนร้พู ร้อมยกตัวอยา่ งตารางที่ขยายให้นักเรียนเห็น สัก 1 ตาราง 5. การอา่ นตารางมีวิธปี ฏบิ ตั ิดงั นี้ - ชือ่ ของตารางเป็นการบอกใหท้ ราบว่าเปน็ การนาเสนอเก่ียวกับข้อมลู ได้ - หัวตารางเป็นการบอกให้ทราบว่าเป็นการนาเสนอเก่ยี วกับขอ้ มูลในแตล่ ะเร่ือง
- ขอ้ มูลภายใตห้ วั ตารางสามารถแสดงทงั้ แนวตั้งและแนวนอนในบางครง้ั แสดงท้ังแนวตง้ั และแนวนอนทส่ี ัมพันธก์ ัน 6. แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน 7. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาใบความรู้ กอ่ นทาแบบฝึกเสริมทักษะ 8. ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกเสริมทกั ษะ แหลง่ เรยี นรู้ / สอื่ 1. หนังสอื เรียนคณิตศาสตร์ ป.4 2. แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ ป.4 3. แบบทดสอบก่อน – หลังเรยี น 4. ใบงาน เร่ืองการนาเสนอข้อมลู ดว้ ยแผนภมู แิ ทง่ (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 5. ใบงาน เรอื่ งการเขยี นแผนภมู ิแท่ง (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 6. ใบงาน เร่อื งการนาเสนอข้อมูลด้วยตารางสองทาง (มฐ. ค 3.1 ป.4/1) 7. My Mapping
ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 8 ด้าน คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี น ในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องว่าง ใหต้ รงกับระดับคะแนน และตามความเป็นจริง โดยมเี กณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดังน้ี 4 = พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตชิ ดั เจนมาก และบอ่ ยครงั้ สมา่ เสมอ 3 = พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชดั เจนและสม่าเสมอ 2 = พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบตั ิชดั เจนและบอ่ ยครัง้ 1 = พฤติกรรมท่ีปฏิบตั บิ างคร้ัง คณุ ลักษณะอัน รายการประเมนิ ระดบั คะแนน พึงประสงค์ด้าน 4 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 มคี วามรัก และภูมิใจในความเปน็ ชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบนั พระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สตั ยส์ ุจริต 2.1 ปฏิบัติตามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบา้ น 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงต่อความเป็นจรงิ ตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จริงต่อผ้อู น่ื 3. มีวินยั 3.1 เขา้ เรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรียบรอ้ ยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรยี นร้ตู า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบันทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อย่าง 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ และส่ิงของของโรงเรยี นอย่างประหยัด พอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยัดและรคู้ ณุ คา่ 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6. มงุ่ มน่ั ในการ 6.1 มคี วามตง้ั ใจ และพยายามในการทางานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรค เพือ่ ใหง้ านสาเร็จ 7. รักความเปน็ 7.1 มจี ิตสานกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย ไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏบิ ัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มีจิต 8.1 รูจ้ กั การใหเ้ พือ่ สว่ นรวม และเพอื่ ผ้อู ื่น สาธารณะ 8.2 แสดงออกถงึ การมีน้าใจหรือการให้ความชว่ ยเหลือผู้อ่ืน 8.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมบาเพญ็ ตนเพ่อื สว่ นรวมเมือ่ มีโอกาส
แบบประเมินผลดา้ นทกั ษะกระบวนการทางานของนกั เรียนขณะร่วมทากิจกรรม รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนวดั พืชนิมิต (คาสวสั ดิร์ าษฎรบ์ ารุง) ปีการศึกษา 2562 คาชีแ้ จง ใหใ้ ส่ระดับคุณภาพลงในชอ่ งคุณลกั ษณะที่พึงประสงคแ์ ต่ละคุณลักษณะตามสภาพจริง ด้านทักษะกระบวนการทางานการแ ้กปัญหา ผลการประเมิน การให้เหตุผล เลขที่ ชอ่ื – สกลุ การ ื่สอความหมายทางคณิตศาสต ์ร การเช่ือมโยงความรู้ต่าง ๆ ทาง คณิตศาสต ์รกับศาสต ์ร ่ือน ๆ ีมความ ิคด ิรเ ่ิรมส ้รางสรรค์ รวม ระดับ ุคณภาพ ่ผาน/ไม่ ่ผาน 2 2 2 2 2 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การประเมินคณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ลงชอื่ ....................................................ผ้ปู ระเมิน (นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวิเศษ) วนั ....เดือน...............ป.ี ......
แบบประเมินผลดา้ นความรู้และความสามารถจากผลงานนักเรียน รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรียนวัดพืชนมิ ติ (คาสวัสดิ์ราษฎร์บารุง) ปกี ารศกึ ษา 2562 คาชี้แจง ใหใ้ สร่ ะดบั คุณภาพลงในช่องการประเมินผลด้านความรู้และความสามารถตามสภาพจริง ผลการประเมนิ เลขที่ ชื่อ - สกลุ แบบฝึกทักษะ ระดับ ุคณภาพ (10 คะแนน) ่ผาน/ไม่ ่ผาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การประเมนิ คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ ไดค้ ะแนน 9-10 คะแนน = 4 (ดีมาก) 3 (ดี) ไดค้ ะแนน 7-8 คะแนน = 2 (พอใช)้ 1 (ออ่ น) ไดค้ ะแนน 5-6 คะแนน = ลงชอื่ ....................................................ผปู้ ระเมิน ได้คะแนน 1-4 คะแนน = (นางสาวจิระพนั ธุ์ ปากวิเศษ) * เกณฑผ์ ่านการประเมินต้องได้ 2 (พอใช้) ข้นึ ไป วัน....เดอื น...............ป.ี ......
แบบประเมนิ ตัวชี้วดั หน่วยการจัดการเรยี นรทู้ ่ี กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวิชาคณติ ศาสตร์ รหสั ชั้นประถมศึกษาปีท่ี หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี เรื่อง เวลาเรยี น ชั่วโมง ครูผู้สอน ขอ้ ท่ี แบบบนั ทึกผลคะแนนตัวชีว้ ดั ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 ชื่อ-สกลุ สรุป เตม็ ตัดสนิ ผ/มผ ลงชอ่ื ผู้ประเมิน
บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนน่ีไมผ่ ่าน มีดงั นี้ 1....................................................... 2........................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) .................................................................................................................................. .......................... 3. นกั เรยี นมคี วามร้เู กิดทกั ษะ (P) ...................................................................... ..................................................................................... . 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ......................................................................................................................... ................................... ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื .................................................. (นางสาวจริ ะพนั ธุ์ ปากวเิ ศษ.) ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง..............................................................แล้วมคี วามเห็นดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นาไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ …………………………………….. (นางสาวกันยาภทั ร ภทั รโสตถ)ิ โรงเรียนวัดพชื นิมิต (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารงุ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คาช้แี จง ใหท้ าเครื่องหมาย × ทบั ตัวอักษรหนา้ คาตอบท่ีถกู ตอ้ ง ใช้แผนภูมิน้ีตอบคาถามข้อ 1 - 10 1. วันพฤหสั บดมี ีรายจา่ ยมากกวา่ วนั อาทิตยก์ ี่บาท ก. 70 บาท ข. 80 บาท ค. 90 บาท ง. 100 บาท 2. วนั ใดทน่ี ายสมชยั จา่ ยเงนิ 180 บาท ก. วันองั คาร ข. วนั พุธ ค. วันศุกร์ ง. วันเสาร์ 3. ในรอบสัปดาหน์ ายสมชยั จ่ายเงนิ ก่ีบาท ก. 1,080 บาท ข. 1,100 บาท ค. 1,170 บาท ง. 1,180 บาท
4. วันศุกรจ์ ่ายเงินมากกว่าวนั อาทิตย์กี่บาท ข. 50 บาท ก. 40 บาท ง. 70 บาท ค. 60 บาท ข. 60 บาท 5. วันอาทติ ยจ์ า่ ยเงินน้อยกว่าวันองั คารกี่บาท ง. 40 บาท ก. 70 บาท ค. 50 บาท 6. วันจนั ทร์ อังคาร พุธ จ่ายเงินทงั้ หมดกีบ่ าท ก. 500 บาท ข. 510 บาท ค. 515 บาท ง. 520 บาท 7. นายสมชัยจา่ ยเงนิ เฉลยี่ วนั ละประมาณกบี่ าท ก. 163 บาท ข. 165 บาท ค. 167 บาท ง. 169 บาท 8. วันใดนายสมชัยจ่ายเงินมากที่สุด ก. วนั องั คาร ข. วันพฤหสั บดี ค. วนั ศุกร์ ง. วันเสาร์ 9. วนั ใดนายสมชัยจา่ ยเงนิ เทา่ กัน ก. วนั จนั ทร์ และวันพุธ ข. วนั อังคาร และวนั ศกุ ร์ ค. วันอาทิตย์ และวนั พธุ ง. วันพฤหสั บดี และวันเสาร์ 10. วนั เสาร์นายสมชยั จ่ายเงินก่ีบาท ก. 120 บาท ข. 150 บาท ค. 160 บาท ง. 170 บาท
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น คาช้แี จง ให้ทาเคร่ืองหมาย × ทับตัวอักษรหน้าคาตอบทถ่ี กู ตอ้ ง ใช้แผนภมู ิน้ตี อบคาถามข้อ 1 - 10 1. วันพฤหสั บดมี ีรายจา่ ยมากกวา่ วนั อาทิตย์กี่บาท ก. 70 บาท ข. 80 บาท ค. 90 บาท ง. 100 บาท 2. วันใดทีน่ ายสมชัยจา่ ยเงนิ 180 บาท ก. วนั อังคาร ข. วันพุธ ค. วนั ศกุ ร์ ง. วนั เสาร์ 3. ในรอบสัปดาหน์ ายสมชัยจา่ ยเงนิ กบี่ าท ก. 1,080 บาท ข. 1,100 บาท ค. 1,170 บาท ง. 1,180 บาท
4. วันศุกรจ์ ่ายเงนิ มากกว่าวนั อาทิตย์กี่บาท ข. 50 บาท ก. 40 บาท ง. 70 บาท ค. 60 บาท ข. 60 บาท 5. วันอาทติ ย์จา่ ยเงินน้อยกว่าวันองั คารกี่บาท ง. 40 บาท ก. 70 บาท ค. 50 บาท 6. วันจนั ทร์ อังคาร พุธ จ่ายเงินทงั้ หมดกีบ่ าท ก. 500 บาท ข. 510 บาท ค. 515 บาท ง. 520 บาท 7. นายสมชัยจา่ ยเงนิ เฉลยี่ วนั ละประมาณกบี่ าท ก. 163 บาท ข. 165 บาท ค. 167 บาท ง. 169 บาท 8. วันใดนายสมชัยจ่ายเงินมากที่สุด ก. วนั อังคาร ข. วนั พฤหัสบดี ค. วนั ศุกร์ ง. วนั เสาร์ 9. วนั ใดนายสมชัยจา่ ยเงนิ เทา่ กัน ก. วนั จันทร์ และวันพุธ ข. วันองั คาร และวนั ศกุ ร์ ค. วันอาทติ ย์ และวนั พธุ ง. วนั พฤหสั บดี และวันเสาร์ 10. วนั เสาร์นายสมชยั จ่ายเงินก่ีบาท ก. 120 บาท ข. 150 บาท ค. 160 บาท ง. 170 บาท
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 7 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 10 เรอื่ ง ข้อมูลและการนาเสนอข้อมลู เวลา 2 ชว่ั โมง เรือ่ ง การเกบ็ รวบรวมข้อมูล มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถิติในการปญั หา ตัวชวี้ ัด ค 3 .1 ป.4/1 ใช้ขอ้ มลู จากแผนภูมแิ ท่ง ตารางสองทาง ในการหาคาตอบของโจทย์ปญั หา สาระสาคัญ โดยปกตใิ นชีวิตประจาวนั มีข้อมลู ตา่ งๆ เกิดขึ้นมากมาย ท้ังทตี่ ้งั ใจและไมต่ ้ังใจเราสามารถรวบรวม ข้อมูลโดยการสงั เกตหรือการจดบนั ทึก การรวบรวมอยา่ งง่ายประกอบดว้ ย การสารวจ การสังเกตและการ รวบรวมโดยการจดบันทกึ เป็นทะเบียน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) เม่อื กาหนดแผนรปู ภาพให้ นักเรียนสามารถอา่ นได้ถูกตอ้ ง ด้านทกั ษะกระบวนการ(P) 1. ใช้วิธีการท่หี ลากหลายแก้ปัญหา 2. ใช้ภาษาและสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การส่อื ความหมาย และการนาเสนอได้อยา่ ง ถกู ต้องและเหมาะสม 3. ให้เหตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจ และสรปุ ผลได้อยา่ งเหมาะสม ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) ทางานเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย รอบคอบ และมีความเช่ือม่ันในตนเอง
สาระการเรยี นรู้ 1. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 2. การอ่านข้อมูล 3. ชนดิ ของข้อมูล 4. การจาแนกข้อมลู 5. การนาเสนอข้อมลู กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1 1. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครสู นทนากับนักเรยี นเกี่ยวกบั เรอ่ื งตา่ งๆ เชน่ - จานวนนกั เรยี นท้งั หมดในห้อง - จานวนนักเรียนที่มาเรยี นในวันนีเ้ ปน็ นกั เรียนชายกีค่ น นักเรยี นหญงิ ก่ีคน ไม่มาเรียนกี่คน ครู 3. ครูอธิบายสิ่งต่างๆ ท่ีกล่าวมาน้ีเป็นขอ้ มูลเกย่ี วกับนักเรยี นห้องนี้มาเรียน และไม่มาเรียนในวนั นี้ 4. ใหน้ กั เรียนบอกข้อมลู ต่างๆ เกีย่ วกบั ตนเอง เช่น - จานวนสมาชิกในครอบครัว - จานวนสัตว์เล้ียง - งานอดิเรกทชี่ อบ ชวั่ โมงที่ 2 1. ครนู านกั เรยี นออกไปสารวจข้อมลู ตา่ งๆ ในโรงเรยี น เชน่
- จานวนไมด้ อกชนิดต่างๆ ในโรงเรยี น - จานวนห้องเรยี นแตล่ ะระดับชนั้ - จานวนนกั เรยี นทเ่ี ข้าห้องสมดุ เวลาต่างๆ 2. ครแู ละนักเรียนช่วยกันจาแนกข้อมลู และอภปิ ราย เช่น ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการสารวจไมด้ อกใน โรงเรยี นจาแนกข้อมลู และอภิปรายดังนี้ - มีดอกไม้ชนิดใดบ้าง อยา่ งละเทา่ ไร - มดี อกไม้ชนิดใดมากที่สุด - มีดอกไมช้ นิดใดน้อยท่ีสุด - ดอกไมช้ นิดใดจานวนเทา่ กนั 3. นักเรียนทาแบบฝกึ ทักษะ สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝกึ ทกั ษะ 2. ใบความรู้ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. สังเกตการเขา้ รว่ มกิจกรรม 2. สังเกตความตั้งใจการปฏิบตั งิ าน 3. ประเมินจากชน้ิ งาน 4. ตรวจแบบฝึกทักษะ
ใบความรู้ เรื่อง การเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมลู คือ ข้อเทจ็ จรงิ หรือหลกั ฐานท่ีนามาใช้ในการสบื หาความจริงหรอื ใช้ในการคานวณตอ่ ไป เช่น จานวนนักเรียนชั้น ป.5 ชนิดของสัตว์ ประเภทของพชื เป็นต้น การเก็บรวบรวมข้อมูล คือ การนาข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสังเกต สารวจ หรอื ทดสอบมาจดั เกบ็ โดยแยกตาม ประเภท หรอื นาไปจัดเกบ็ ตามรปู แบบตาราง แผนภมู ิ เพอื่ งา่ ยตอ่ การอ่าน และสะดวกในการนาไปใช้ ตัวอยา่ ง ขอ้ มลู จานวนนักเรียนชั้น ป.5 ทช่ี อบรบั ประทานผลไมช้ นิดต่างๆ สารวจนกั เรยี นช้นั ป.5 จานวน 32 คน ได้ข้อมลู ดังนี้ นาขอ้ มูลท่ีได้มาจัดเรยี งใหม่ .... ประเภทผลไม้ จานวนนกั เรียน(คน) ขนุน 11 มะม่วง 7 ละมุด 2
การเก็บรวบรวมข้อมูลสามารถแบง่ ประเภทวธิ ีการเกบ็ ข้อมูลได้ 3 วธิ ี คือ 1. การเกบ็ ข้อมลู โดยการบนั ทึกลงทะเบยี น เป็นการเก็บขอ้ มลู จากแหล่งข้อมลู โดยตรง ในการเก็บต้องมี ขอ้ กาหนดอย่างใดอยา่ งหนึ่ง เชน่ ขอ้ มูลจานวนคนในหมู่บ้านแหง่ หน่งึ การเกิดการตาย 2. การเกบ็ โดยการสังเกต เป็นวธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู จะต้องลงไปปฏบิ ตั ิทีแ่ หล่งข้อมลู โดยตรงแล้วบันทกึ ขอ้ มลู น้นั ๆ ตามที่เห็นมาด้วยตนเอง เชน่ จานวนตน้ ไม้ท่ีปลูกในโรงเรียน 3. การเก็บข้อมลู โดยการสารวจ เปน็ วิธีการเกบ็ ข้อมูลที่รวบรวมขอ้ มลู อาจสารวจด้วยตนเองหรือใช้ เครอื่ งมือสง่ ให้ผู้อน่ื ตอบกลับมา ซึ่งเคร่ืองมือทใ่ี ชเ้ รยี กวา่ แบบสารวจขอ้ มูล เช่น การสารวจผลไม้ทนี่ กั เรียน ชอบรับประทาน เปน็ ตน้ การจาแนกขอ้ มลู โดยการสงั เกตและการสารวจ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาจะเป็นข้อมลู ท่ีมคี วาม หลากหลาย จงึ ทาให้รายละเอียดตา่ งๆทตี่ ้องการทราบ ไม่ปรากฏชดั ดงั น้นั จงึ ตอ้ งมีการจดั หมวดหมูข่ อ้ มูลให้ เปน็ ระเบยี บ โดยอาจจะจดั ข้อมลู ท่มี ลี ักษณะคล้ายกนั ให้อยู่ในกลุม่ เดยี วกนั เช่น ประเภทเดียวกัน (ดงั ตัวอย่าง ทก่ี ล่าวมาแลว้ ) สีเดยี วกนั ขนาดเดยี วกนั รปู ร่างเหมือนกนั ซง่ึ ทาให้อ่านข้อมลู และป้องกันความสบั สนอย่างไร กต็ ามการจาแนกเปน็ กลุ่มอย่างไร ขึ้นอยกู่ บั วตั ถปุ ระสงค์ที่เราจะใชข้ ้อมลู ตวั อยา่ ง รายชือ่ ผักทเ่ี พื่อนๆ ในหอ้ งชอบ อาจจาแนกเปน็ กล่มุ ต่างๆ เช่น - ผักทีเ่ ปน็ ผล กับผักทเี่ ปน็ ใบ - ผักท่ีมใี บสเี ขยี ว กบั ผกั ที่ไมม่ ีใบเขียว เปน็ ต้น การนาเสนอข้อมูล หมายถงึ การนาข้อมลู ทร่ี วบรวมได้มาเสนอให้ผู้อ่นื รู้และเขา้ ใจขอ้ มลู นั้นๆ ซึง่ อาจจะเสนอเปน็ แบบตาราง หรอื แผนภมู แิ บบตา่ งๆ เพ่ือชว่ ยใหอ้ ่านข้อมูลได้งา่ ยยง่ิ ข้ึน
แบบฝกึ ทกั ษะ คาชแ้ี จง สารวจจานวนคนตามท่กี าหนดให้ต่อไปน้ี แลว้ บันทกึ ข้อมลู ลงในตาราง แล้วใช้ขอ้ มลู ที่หามาได้ใน การตอบคาถาม จานวนผูป้ กครองนักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ในห้องเรยี นนี้ จาแนกตามอาชีพ อาชพี ขา้ ราชกา พนกั งาน ทาการเกษตร ค้าขา รบั จา้ งท่วั ไป อน่ื ๆ ร รฐั วสิ าหกจิ ย จานวน(คน) 1. ผู้ปกครองมอี าชพี เป็นข้าราชการกีค่ น ตอบ.............................................คน 2. ผปู้ กครองมีอาชีพเป็นพนกั งานรัฐวสิ าหกจิ กคี่ น ตอบ.............................................คน 3. ผปู้ กครองมอี าชีพเป็นทาการเกษตรก่ีคน ตอบ.............................................คน 4. ผู้ปกครองมีอาชีพเปน็ ค้าขายกีค่ น ตอบ.............................................คน 5. ผปู้ กครองมีอาชีพเป็นรับจ้างทั่วไปก่ีคน ตอบ.............................................คน 6. ผู้ปกครองมีอาชีพใดมจี านวนมากที่สดุ ตอบ.............................................คน 7. ผปู้ กครองมีอาชพี ใดมจี านวนน้อยที่สดุ ตอบ.............................................คน
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เวลา 7 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 10เรอื่ ง ข้อมลู และการนาเสนอข้อมูล เวลา 1 ชัว่ โมง เรอ่ื ง การอ่านแผนภมู แิ ท่ง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถิติในการปัญหา ตวั ชว้ี ดั ค 3 .1 ป.4/1 ใช้ข้อมูลจากแผนภูมแิ ท่ง ตารางสองทาง ในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา สาระสาคญั การอ่านแผนภมู แิ ทง่ เปน็ การอา่ นความสูง หรือความยาวของแตล่ ะแทง่ สี่เหลย่ี มแสดงจานวนหรอื ขอ้ มูลแตล่ ะรายการ และมปี ลายด้านหนงึ่ ของแท่งส่เี หลี่ยมอยรู่ ะดบั เดยี วกนั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) เมอื่ กาหนดแผนภูมแิ ท่งให้ นักเรียนสามารถเขา้ ใจและอ่านไดถ้ ูกตอ้ ง ด้านทกั ษะกระบวนการ(P) 1. ใช้วิธีการท่ีหลากหลายแก้ปัญหา 2. เชอ่ื มโยงความรใู้ นคณติ ศาสตรแ์ ละเช่ือมโยงคณติ ศาสตรก์ บั ศาสตร์อ่ืนๆ 3. ให้เหตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจ และสรปุ ผลไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ด้านคุณลกั ษณะ (A) ทางานเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย รอบคอบ และมีความเชอื่ มั่นในตนเอง สาระการเรียนรู้ หลักการและวธิ อี ่านแผนภูมิแท่ง
กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 3. ครูสนทนาซกั ถามนักเรยี นเก่ยี วกบั เรือ่ งแผนภูมริ ูปภาพ ตามทีเ่ รยี นผ่านมาแล้วดังน้ี - แผนภมู ิรูปภาพมีประโยชน์อยา่ งไร - จุดสาคัญของการเขยี นแผนภมู ริ ูปภาพทขี่ าดไม่ไดม้ ีอะไรบ้าง เพราะเหตุใด 4. ครตู ิดแผนภมู ิแท่งบนกระดาน ใหน้ ักเรียนสังเกตจากแผนภมู ิแทง่ และขอ้ มลู ตา่ งๆ แลว้ ตอบ คาถาม ดงั น้ี - แผนภูมิแท่งนีเ้ หมือนกับแผนภมู ิรูปภาพตรงไหน และไม่เหมือนอย่างไร - จุดสาคญั ของแผนภมู ิแท่งนักเรยี นคดิ วา่ มีสว่ นใดบา้ ง - สว่ นใดทน่ี กั เรยี นคดิ ว่าเข้าใจดที ีส่ ุด - สว่ นใดที่นักเรยี นคิดวา่ ยังไม่เข้าใจ ทาไมจงึ ไม่เข้าใจ - ส่วนที่ไม่เข้าใจจะคน้ หาไดจ้ ากที่ไหนได้บา้ ง 3. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน ให้ศกึ ษาใบความรู้ และรว่ มกนั คน้ หาคาตอบจากสว่ นทย่ี ังไม่ เข้าใจ แล้วร่วมกนั สรุปเป็นองค์ความร้ขู องตนเอง 4. ครใู ห้นักเรยี นทาแบบฝกึ ทักษะ สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบฝกึ ทักษะ 2. ใบความรู้ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 1. สงั เกตการเข้ารว่ มกิจกรรม 2. สังเกตความตั้งใจการปฏิบัตงิ าน 3. ประเมนิ จากช้นิ งาน 4. ตรวจแบบฝึกทักษะ
ใบความรู้ เรือ่ ง แผนภูมิ แผนภมู ิ คอื การนาเสนอขอ้ มูลทสี่ ามารถเปรยี บเทียบใหผ้ ูอ้ ่านไดเ้ หน็ อย่างรวดเร็วแผนภูมนิ ีอ้ าจ แสดงเปน็ แผนภูมิแทง่ แผนภูมิแท่งประกอบด้วย 2 สว่ น คือ 1. ชื่อแผนภมู ิ 2. ตวั แผนภูมิ ซึ่งประกอบด้วยแกนทีแ่ สดงจานวนและแกนทแ่ี สดงจานวนของแท่งทีม่ คี วามสูง สอดคลอ้ งกบั ชนดิ ของสง่ิ ของที่ตอ้ งการเสนอข้อมูล การอ่านแผนภูมิ มวี ธิ ีการอา่ นดงั น้ี 1. อ่านชอ่ื แผนภูมวิ ่านาเสนอขอ้ มลู เก่ียวกับอะไร มีรายละเอยี ดนาเสนอข้อมลู เกยี่ วกับเวลาหรือ กลมุ่ ของจานวนอย่างไร 2. ตรวจเง่ือนไขแทนจานวนและหน่วยของส่ิงทีแ่ สดงขอ้ มูล
แบบฝกึ ทักษะ คาชีแ้ จง อา่ นแผนภูมิแลว้ ตอบคาถาม จานวนนกั เรียนทีช่ อบสีตา่ งๆ 1. นกั เรียนที่ชอบสีส้มมกี ี่คน..................................................................................... 2. สีอะไรทน่ี ักเรยี นชอบมากที่สุด............................................................................. 3. สอี ะไรท่ีนักเรยี นชอบเทา่ กัน................................................................................. 4. นักเรียนทช่ี อบสีแดงมากกวา่ นักเรยี นทช่ี อบสีเหลอื งก่คี น.................................... 5. สีอะไรที่นักเรียนนอ้ ยมากทสี่ ดุ .............................................................................
เฉลยแบบฝึกทักษะ คาชแี้ จง อา่ นแผนภมู แิ ล้วตอบคาถาม จานวนนักเรยี นท่ชี อบสีตา่ งๆ 1. นักเรียนท่ชี อบสสี ้มมีกี่คน 16 คน 2. สอี ะไรทน่ี ักเรยี นชอบมากทสี่ ุด สีเขยี ว 3. สอี ะไรทีน่ ักเรยี นชอบเท่ากนั น้าเงนิ กับขาว 4. นกั เรียนท่ีชอบสแี ดงมากกว่านักเรยี นท่ีชอบสเี หลอื งกี่คน 3 คน 5. สอี ะไรท่นี ักเรยี นน้อยมากที่สดุ สีดา
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 7 ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 10 เรือ่ ง ขอ้ มลู และการนาเสนอข้อมลู เวลา 1 เรอื่ ง การเขียนแผนภมู ิแท่ง ช่ัวโมง มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความร้ทู างสถติ ิในการปัญหา ตัวชีว้ ดั ค 3 .1 ป.4/1 ใช้ข้อมูลจากแผนภูมแิ ท่ง ตารางสองทาง ในการหาคาตอบของโจทย์ปญั หา สาระสาคญั การเขยี นแผนภมู แิ ทง่ เป็นการเขยี นแทง่ ส่เี หลย่ี มมมุ ฉาก แทนข้อมูลตา่ งๆ โดยใช้ขนาดของแท่ง ส่ีเหลี่ยมแต่ละแท่งเท่ากบั ความสงู หรอื ความยาวของแตล่ ะแท่งขนึ้ อยู่กับข้อมูลแต่ละรายการและมปี ลายดา้ น หนง่ึ ของแท่งส่ีเหลยี่ มอยูร่ ะดับเดยี วกัน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) เม่ือกาหนดข้อมลู ให้ นกั เรยี นสามารถนามาเขยี นเป็นแผนภูมิแท่งได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ(P) 1. ใชว้ ิธกี ารท่ีหลากหลายแก้ปญั หา 2. ใช้ความรู้ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์และเทคโนโลยีในการแกป้ ัญหาในสถานการณ์ ต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม 3. ใหเ้ หตผุ ลประกอบการตัดสินใจ และสรปุ ผลได้อย่างเหมาะสม
ด้านคุณลักษณะ (A) ทางานเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย รอบคอบ และมีความเชอื่ มั่นในตนเอง สาระการเรยี นรู้ หลกั และวิธกี ารเขียนแผนภมู แิ ท่ง กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 1. ครทู บทวนลกั ษณะและส่วนประกอบตา่ งๆของแผนภูมิแท่งวา่ มีส่วนประกอบอะไรบ้างวิธีการ อา่ นและแปลความหมายข้อมูลจากแผนภมู ิแท่ง 2. ครใู หน้ กั เรียนนาข้อมูลมาฝกึ วิเคราะห์และคดิ หาแนวทางที่จะเขยี นเป็นแผนภูมแิ ท่งเช่น ข้อมลู แสดงจานวนสัตว์ทเี่ ลย้ี งในฟาร์มแหง่ หน่ึง ดงั น้ี ววั 200 ตวั แกะ 100 ตวั มา้ 250ตวั แพะ 150 ตวั 3. ครูให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ 3 - 5 คน ชว่ ยกนั เขียนแผนภมู แิ ทง่ ตามขน้ั ตอนต่อไปน้ี - อภปิ รายเพ่ือให้ได้ชอ่ื แผนภมู ิแท่งแลว้ เขียนชื่อแผนภูมิแท่งลงในกระดาษท่ีแจกให้ - อภิปรายเพ่ือให้ไดข้ ้อสรปุ ว่า จะใชเ้ ส้นในแนวนอน หรอื แนวตั้งแสดงอะไร แลว้ เขยี น กากับท่ีเสน้ แกนท้ังสอง - อภิปรายเพ่ือให้ไดข้ ้อสรปุ ว่า ควรกาหนดใหเ้ ป็นสเ่ี หลย่ี ม 1 รปู แทนจานวนสัตว์ก่ตี ัว พร้อมทง้ั กาหนดความกว้าง ความสูงของส่ีเหลย่ี ม - อภปิ รายเกยี่ วกับการแบง่ เสน้ ที่แสดงชนิดของสัตว์ พร้อมทงั้ เขยี นชื่อชนิดของสัตว์ กากับ - อภปิ รายเก่ียวกบั การเขียนรูปส่เี หลีย่ มแสดงจานวนสตั ว์แต่ละชนิด 4. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลุ่มละ 2-3 คนนาเสนอผลการปฏิบัตงิ านหน้าชัน้ เรียนให้ เพ่อื นๆ แสดงความคดิ เห็น
5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันร่วมกนั อภิปรายและแสดงความคิดเหน็ ว่าแผนภูมิแทง่ แต่ละกลมุ่ เหมือนกันหรือแตกต่างกนั อย่างไร จานวนแท่ง ระยะห่างระหวา่ งแทง่ ในแต่ละแผนภูมเิ หมือนกนั หรือไมเ่ พราะ เหตใุ ดใชแ้ ทง่ ขนาดเลก็ แทนข้อมลู นอ้ ยและใชแ้ ท่งขนาดใหญแ่ ทนข้อมูลจานวนมากไดห้ รือไม่เพราะเหตุใด 6. ครูให้นักเรยี นทาแบบฝึกทักษะ ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1.แบบฝกึ ทกั ษะ 2.ใบความรู้ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. สงั เกตการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 2. ประเมินจากชนิ้ งานกลุ่ม 3. ประเมนิ จากชนิ้ งานรายบุคคล 4. ตรวจแบบฝกึ ทักษะ
ใบความรู้ เร่ือง การเขยี นแผนภูมแิ ทง่ การเขยี นแผนภูมิแทง่ ใชแ้ ท่งส่ีเหลยี่ มมมุ ฉาก โดยใหแ้ ตล่ ะแท่งมีความกว้างเทา่ กนั ตัวอย่าง ใหเ้ ขียนแผนภูมิแท่งแสดงจานวนนกั เรียนท่ีชอบรับประทานขนมหวานชนดิ ต่างๆ กนั นักเรยี นที่ชอบขนมทองหยิบ 50 คน นกั เรยี นท่ชี อบขนมทองหยอด30 คน นักเรียนทช่ี อบขนมทองมว้ น 60 คน นักเรยี นท่ีชอบขนมฝอยทอง 40 คน จานวนนกั เรียนทีช่ อบรบั ประทานขนมหวานชนดิ ตา่ งๆกัน
แบบฝกึ ทักษะ การเขียนแผนภูมแิ ท่ง คาชี้แจง ใหเ้ ขยี นแผนภูมิแท่งแสดงจานวนเงินทีน่ าไปฝากธนาคารออมสินในเดือนต่างๆ ดังนี้ มถิ ุนายน 150 บาท กรกฎาคม 200 บาท สงิ หาคม 200 บาท กนั ยายน 250 บาท ตุลาคม 300 บาท
เฉลยแบบฝึกทักษะ การเขยี นแผนภูมแิ ทง่ คาชี้แจง ใหเ้ ขียนแผนภูมิแท่งแสดงจานวนเงินทน่ี าไปฝากธนาคารออมสนิ ในเดือนต่างๆ ดงั นี้ มิถนุ ายน 150 บาท กรกฎาคม 200 บาท สงิ หาคม 200 บาท กันยายน 250 บาท ตุลาคม 300 บาท จำนวนเงนิ 350 300 250 200 150 100 50 0 ม.ิ ย ก.ค ส.ค ก.ย ต.ค
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 4 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เวลา 7 ช่วั โมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 10 เร่อื ง ข้อมลู และการนาเสนอข้อมูล เวลา 1 ชวั่ โมง เร่ือง แผนภูมแิ ทง่ เปรียบเทยี บ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรทู้ างสถิติในการปญั หา ตัวชี้วดั ค 3 .1 ป.4/1 ใช้ขอ้ มลู จากแผนภมู ิแท่ง ตารางสองทาง ในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา สาระสาคญั การอา่ นแผนภูมิแทง่ เปรยี บเทียบ เป็นการเปรียบเทียบข้อมูลตั้งแต่สองข้อมูลขึ้นไปไว้ในแผนภมู แิ ห่ง เดียวกนั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) เมอ่ื กาหนดแผนภูมิแท่งเปรยี บเทียบได้ นักเรียนสามารถอ่านได้ถูกตอ้ ง ด้านทักษะกระบวนการ(P) 1. ใช้วิธกี ารทหี่ ลากหลายแก้ปญั หา 2. ใช้ภาษาและสญั ลกั ษณท์ างคณิตศาสตร์ในการส่ือสาร การส่อื ความหมาย และการนาเสนอได้อย่าง ถูกต้องและเหมาะสม 3. ใหเ้ หตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจ และสรุปผลไดอ้ ย่างเหมาะสม ด้านคุณลกั ษณะ (A) ทางานเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย รอบคอบ และมีความเชอื่ มั่นในตนเอง
สาระการเรยี นรู้ การนาข้อมูลมากกวา่ 1 ชุดขนึ้ ไป มาเขียนเป็นแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบ กระบวนการจัดการเรียนรู้ 1. ครใู หน้ กั เรียนศึกษาเร่ืองแผนภมู ิแทง่ เปรยี บจากใบความรู้ แลว้ ร่วมกนั สรุปเป็นองคค์ วามรู้ ของตนเอง 2. ครแู บ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม 3 กลุ่ม ครูอภิปรายเพม่ิ เติมจากใบความรู้ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจมากย่งิ ขน้ึ แล้วให้นกั เรียนนาเสนอหนา้ ชั้นเรียนทีละกลุม่ 3. ครใู ห้นกั เรียนนาเหตุการณ์ท่ีเกีย่ วข้องกบั ชวี ติ ประจาวันมาเขยี นเปน็ แผนภูมิแท่งเปรยี บเทยี บ แล้ว ทาลงสมุด 5 – 10 ขอ้ 4. ครใู หน้ กั เรยี นช่วยกันสรุปเรือ่ งแผนภูมแิ ท่งเปรยี บเทียบ ควรได้ข้อสรปุ ว่า การการนาขอ้ มูลมา เขยี นเป็นแท่งสี่เหลี่ยมมุมฉากตดิ กนั เปน็ สองแท่งหรอื มากกวา่ ลงในแผนภูมเิ ดียวกัน โดยเขียนสัญลักษณ์ บอกลกั ษณะของข้อมูลกากับไวด้ ว้ ย 5. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ ทักษะ ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝกึ ทกั ษะ 2. ใบความรู้ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. สงั เกตการเขา้ รว่ มกิจกรรม 2. ประเมนิ จากชน้ิ งานกลมุ่ 3. ประเมนิ จากช้ินงานรายบคุ คล 4. ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ
ใบความรู้ เรอ่ื ง แผนภมู แิ ทง่ เปรียบเทียบ การเขียนแผนภมู แิ ทง่ เปรยี บเทียบ คอื การการนาข้อมลู มาเขียนเปน็ แท่งสี่เหลีย่ มมุมฉากตดิ กนั เปน็ สองแทง่ หรือมากกว่า ลงในแผนภมู ิเดียวกัน โดยเขียนสัญลกั ษณบ์ อกลกั ษณะของขอ้ มูลกากบั ไว้ดว้ ย ตวั อยา่ ง ใหเ้ ขียนแผนภมู ิแท่งเปรียบเทยี บประชากรชาย – หญงิ ของจงั หวัดแหลง่ หนง่ึ พ.ศ. 2535 – 2538 ดังขอ้ มลู ในตาราง พ.ศ. จานวนประชากร (คน) ชาย หญงิ 2535 284,125 327,694 2536 295,056 335,768 2537 327,682 357,014 2538 340,129 370,126 เขยี นแผนภมู ิแทง่ เปรียบเทยี บได้ดังน้ี แผนภมู ิแท่งเปรยี บเทียบประชากรชาย–หญิง ของจงั หวดั แหง่ หนึง่ พ.ศ. 2535–2538 400,000 ชาย 350,000 หญิง 300,000 250,000 200,000 150,000 100,000 50,000 0 2535 2536 2537 2538
แบบฝึกทกั ษะ คาชี้แจง ใหเ้ ขยี นแผนภูมแิ ทง่ เปรยี บเทียบปริมาณขา้ วเจ้าและขา้ วเหนียว สขี ้าวได้ ต้ังแตว่ นั ที่ 1 – 5 มนี าคม วนั ที่ 1 2 3 4 5 ปรมิ าณขา้ วจ้าว 270 260 280 275 270 (กระสอบ) ปริมาณขา้ วเหนียว 240 250 250 290 240 (กระสอบ)
เฉลยแบบฝึกทักษะ คาชแี้ จง ใหเ้ ขียนแผนภูมแิ ทง่ เปรียบเทยี บปรมิ าณขา้ วเจ้าและข้าวเหนียว สีขา้ วได้ ตง้ั แตว่ นั ที่ 1 – 5 มนี าคม วันท่ี 1 2 3 4 5 ปริมาณขา้ วจ้าว 270 260 280 275 270 (กระสอบ) ปรมิ าณขา้ วเหนียว 240 250 250 290 240 (กระสอบ) จำนวนกระสอบ 350 300 250 200 ขา้ วเจา้ 150 ขา้ วเหนยี ว 100 50 0 12345
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 7 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 10 เรอื่ ง ข้อมูลและการนาเสนอขอ้ มลู เวลา 1 ช่ัวโมง เรอ่ื ง การอา่ นตาราง มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรูท้ างสถติ ิในการปัญหา ตวั ช้วี ัด ค 3 .1 ป.4/1 ใช้ข้อมูลจากแผนภูมแิ ท่ง ตารางสองทาง ในการหาคาตอบของโจทย์ปญั หา สาระสาคัญ ตารางเป็นการนาเสนอข้อมูลทีม่ ีลักษณะเดยี วกันให้อยูใ่ นหัวเร่อื งเดยี วกัน จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) 1. นักเรียนกระตือรือร้นทจ่ี ะเขียนลักษณะและประโยชนข์ องตาราง 2. นกั เรียนสามารถอา่ นขอ้ มูลในตารางท่ีพบได้อยา่ งถูกต้อง 3. นกั เรียนสามารถสรา้ งและบนั ทึกตารางเพ่ือเสนอขอ้ มลู ไดอ้ ย่างถูกต้องและครบถว้ น ด้านทักษะกระบวนการ(P) 1. เกบ็ รวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมลู 2. อา่ นแผนภูมิรูปภาพ แผนภมู ิแทง่ และตาราง 3. เขียนแผนภมู ิรูปภาพและแผนภูมแิ ทง่ เพื่อสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ 4. บอกความนา่ จะเป็นของเหตุการณ์ท่ีจะเกิดข้นึ
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) (A) 1. เหน็ ถึงความสาคัญในการเรียนเรอ่ื ง การเก็บรวบรวมขอ้ มลู และการจาแนกข้อมูล 2. ตระหนักถงึ คุณค่าและนาการอ่านแผนภูมิรปู ภาพ แผนภมู ิแทง่ และตาราง ไปใชใ้ นชีวิตจริง 3. ตระหนักถงึ คุณค่าและนาการเขยี นแผนภมู ิรปู ภาพและแผนภูมิแทง่ ไปใช้ในชวี ติ จรงิ สาระการเรยี นรู้ ตารางเป็นการนาข้อมูลที่มลี ักษณะเดยี วกันใหอ้ ยู่ในหวั เร่ืองเดียวกนั เขียนข้อความบรรยายท่ซี า้ กนั ทาใหเ้ ปน็ ระเบียบง่ายต่อการอ่านหรือการเปรียบเทียบ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 1. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกวา่ ในวันนีเ้ ป็นวันอะไร เรียนวิชาอะไรบ้าง ต้ังแต่ความที่หน่ึงถงึ ความ สดุ ทา้ ย 2. ครซู กั ถามนักเรยี นว่าทราบได้อย่างไรวา่ เรยี นวิชาอะไรบ้าง ชว่ งเวลาใด วนั ไหน 3. นกั เรียนชว่ ยกนั จักทาตารางเรียนใน 1 สัปดาห์ และประโยชน์ของตารางเรียน 4. ครอู ธบิ ายลักษณะของตารางตามสาระการเรียนรู้พร้อมยกตวั อย่างตารางท่ีขยายให้นักเรียนเห็น สัก 1 ตาราง 5. การอ่านตารางมีวิธปี ฏิบตั ิดงั น้ี - ชือ่ ของตารางเปน็ การบอกให้ทราบว่าเปน็ การนาเสนอเก่ียวกบั ขอ้ มลู ได้ - หัวตารางเป็นการบอกใหท้ ราบวา่ เป็นการนาเสนอเก่ียวกับข้อมูลในแตล่ ะเร่ือง - ขอ้ มูลภายใต้หวั ตารางสามารถแสดงทงั้ แนวตงั้ และแนวนอนในบางคร้ังแสดงทั้งแนวตั้ง และแนวนอนที่สัมพันธก์ นั
6. แบง่ นกั เรยี นออกเป็นกล่มุ กลุม่ ละ 4 คน 7. ให้นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ กอ่ นทาแบบฝึกเสริมทักษะ 8. ให้นกั เรียนทาแบบฝึกเสริมทกั ษะ สือ่ และแหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ 2. แบบฝกึ เสริมทกั ษะ วัดผลประเมนิ ผล 1. สังเกตจากความสนใจ ตง้ั ใจในการเรยี น ความรบั ผิดชอบในการทาแบบฝึกเสรมิ ทักษะและ ใบงาน 2. ตรวจแบบฝึกเสรมิ ทักษะ 1. ตรวจใบงาน
Search