รายวชิ า การงานอาชพี ๖ ใบความรู้ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 รหัสวชิ า ง16101 เวลา ๘ ช่วั โมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๗ เร่อื ง อาหารและโภชนาการ เวลา ๑ ชัว่ โมง เรื่อง การทำแซนด์วชิ ความเป็นมาของแซนด์วิช แซนด์วิช (Sandwich) เป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความสะดวก สบาย และสร้างความสุขให้กับการรับประทานอาหารของมนุษย์ ในการรับประทานขนมปังแผ่นสอดไส้เนื้อ สตั ว์ หรือตามชอบใจ ประกบด้วยขนมปังอีกแผน่ หั่นเป็นช้ินพอดีคำ รบั ประทานไดง้ ่าย ๆ เพียงปลายนวิ้ สัมผัส แถมยังอร่อยอีกด้วย แต่ใครจะคิดว่าจุดกำเนิดของแซนด์วิชนั้นเกิดขึ้นมาง่ายยิ่งกว่าวิธีการทำเสียอี ก กาลครั้งหนึ่งนานมากแล้วย้อนกลับไปในช่วงก่อนคริสต์ศักราช มีชายสูงอายุผู้หนึ่งชื่อว่า ฮิลเลล (Hillel) เป็น ชาวยิว ได้นำขนมปังแผ่นใหญ่มาประกบกนั แล้วสอดไส้ด้วยถั่วสับ แอปเปิ้ลหั่น และเครื่องเทศหลายชนิด เพื่อ ใช้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความทุกข์ทรมานที่ถูกชาวอียิปต์บังคับใช้แรงงานเพื่อก่อสร้างสิ่งสถาปัตยกรรมของ อียิปต์ และแซนด์วิชชนิดนั้นก็เป็นที่รู้จักในชื่อว่า แซนด์วิชฮิลเลล แต่ดูเหมือนเรื่องจุดกำเนิดของแซนด์วิชฮิล เลล จะไม่โดง่ ดงั เท่ากับจดุ กำเนดิ ท่มี าจากเอิรล์ แห่งแซนด์วชิ ฮลิ เลล (Hillel) ในช่วงศตวรรษที่ 18 ณ วงไพ่ในประเทศอังกฤษ เหล่าขุนนางชั้นสูงกำลังจั่วไพ่กัน อย่างสนุกสนาน เล่นกันจนลืมวันลืมคืนตลอด 24 ชั่วโมง มีขุนนางนายหน่ึงชื่อว่า จอห์น มอนทากู (John Montagu) หรือเอิร์ ลแห่งแซนด์วิชที่ 4 (4th Earl of Sandwich) ดันเกิดหิวขึ้นมาในขณะที่เล่นไพ่ แต่ครั้นจะให้ลุกไปน่ัง รับประทานอาหารก็กลัววา่ จะเสียรปู เกม จงึ สัง่ ให้พ่อครวั ทำอาหารทสี่ ามารถรับประทานได้สะดวก ไมเ่ สียเวลา ในการเล่นไพ่ และต้องไม่ทำให้ไพ่ของเขาต้องเปรอะเปื้อนจากการรับประทานอาหารด้วยมือเปล่า พ่อครัวจึง นำขนมปังแผ่นสอดไส้ด้วยเนื้อ และชีส ประกบด้วยขนมปังอีกแผ่นมาเสิร์ฟ เหล่าบรรดาขาไพ่ก็สามารถหยิ บ ขึ้นมารับประทานได้ด้วยมือข้างเดียว และมือไม่เปื้อนอีกด้วย เพราะน้ำจากเนื้อสัตว์ได้ถูกขนมปังดูดซึมเข้าไป หมดแล้ว จนกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจกันเป็นอย่างมากอาหารที่ชื่อว่า แซนด์วิช ก็เลยเป็นที่รู้จักมา ต้ังแตว่ นั
จอห์น มอนทากู (John Montagu) หรอื เอิรล์ แห่งแซนดว์ ชิ ท่ี 4 (4th Earl of Sandwich) แต่ในความเป็นจรงิ แล้วท่านเอริ ์ลคนน้ีไม่ไดเ้ ป็นคนคิดคน้ แซนดว์ ชิ ขึ้นมาเปน็ คนแรก เพียงแต่เขาได้นำ แนวคิดมาจากการที่ได้เห็นขนมปังย่างขนาดเล็ก และคานาเป้ (Canapé) ของชาวกรีกโบราณ และชาวเมดิ เตอร์เรเนียนท่ีนำมาเสริ ฟ์ ระหว่างที่กำลงั ทำงาน จึงรสู้ กึ ว่าการรับประทานอาหารเช่นนี้นน้ั สะดวกสบายใช้เพียง แค่ 2 นิ้วจับเข้าปาก เลยนำมาปรับเปลี่ยนนิดหน่อยโดยการใช้ขนมปังสองแผ่นแล้วสอดไส้ด้วยเนื้อ หยิบใส่ ปากได้ง่าย และมือก็ไม่เปื้อน จนกลายเป็นที่นิยมในหมู่คนชั้นสูงของอังกฤษหลังจากที่แซนด์วิชเริ่มเป็นที่รู้จัก มากขึ้น ความนิยมในการรับประทานก็ออกนอกวงไพ่ นิยมนำมารับประทานเป็นมื้อเที่ยง มื้อเย็น รับประทาน กบั นำ้ ชา เวลาไปปกิ นกิ และเป็นทนี่ ิยมมากในร้านเหล้า และโรงแรมขนาดเล็ก จากนั้นไม่นานมีคนอ้างอิงไว้ว่า สาวชาวองั กฤษนามว่า ลิซาเบธ เลสล่ี ก็ได้นำแซนด์วิชเขา้ ไปยงั ประเทศสหรฐั อเมรกิ า โดยใช้แฮมเป็นส่วนผสม สำหรับสอดไส้ และเธอยังได้เขียนสูตรสำหรับทำแซนด์วิชแฮมไว้อีกด้วย จากนั้นแซนด์วิชก็กลายเป็นที่นิยม อย่างมากในอเมริกา ร้านเบเกอรี่ต่าง ๆ ก็หันมาทำแซนด์วิชขาย เพราะง่ายต่อการทำ และเป็นที่ชื่นชอบของ เดก็ ๆ และคนงานทว่ั ไปอกี ด้วย แซนดว์ ชิ ในเมืองไทย จากเรือ่ งเล่าได้กล่าวไว้ว่าในสมัยพระนารายณ์มหาราช ความสัมพันธ์ด้านการทตู ของไทยกับต่างชาติ กำลังเจริญรุ่งเรือง มีพ่อค้าชาวอังกฤษนามว่า แซม เมเจอร์ (Sam Major) ได้ออกเดินทางค้าขายสินค้าไปท่ัว โลกจนมฐี านะรำ่ รวย และไดเ้ ดินทางค้าขายเขา้ มายังน่านนำ้ ของเมืองไทย และค้าขายอยทู่ เี่ มอื งไทยจนมลี ูกเรือ เป็นชาวไทย ชื่อว่า สน เมื่อค้าขายจนมีเงนิ ทองมากมายแล้ว แซมต้องการจะกลับบ้านที่ประเทศองั กฤษ ซึ่งใน ระหวา่ งการเดนิ ทางก็ยังมีการคา้ ขายสินค้าอยู่เรอื่ ย ๆ จนมาถงึ เมืองระยอง และกำลงั มงุ่ หนา้ ไปยังแหลมมลายู โจรสลดั ท่ีอยู่บรเิ วณนน้ั รูข้ ่าวจึงดักปล้นในขณะท่ีเรอื กำลังลอยควา้ งอยูก่ ลางทะเลจึงเกิดการปะทะกัน ฝ่ายของ แซมกพ็ ยายามต่อสู้เพื่อรักษาเรือ และทรัพย์สินของตัวเองเอาไว้ แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ และโจรสลัดได้เจาะ เรือจนรั่ว แต่โชคดีที่นายสนเป็นช่างเรือที่ชำนาญงานจึงไดพ้ ยายามซ่อมแซมรอยรั่วแต่น้ำก็ยงั ไหลทะลกั เข้ามา ไม่ยอมหยุด แซมจึงต้องนำเรือไปซ่อมที่นครศรีธรรมราช ระหว่างทางนายแซมต้องเกณฑ์ลูกเรือช่วยกันวิดน้ำ เพื่อไม่ให้เรือจม ในระหวา่ งทีว่ ิดน้ำออกจากเรอื อยา่ งขมักเขม่นน้นั แซมเห็นว่าลกู เรืออ่อนระโหยโรยแรง จึงนำ ขนมปงั วางทับด้วยปกี ไก่ และประกบขนมปงั อีกแผ่นแล้วแจกใหล้ ูกเรอื ได้รับประทาน และให้ลกู เรือได้มีมืออีก ข้างหนึ่งไว้คอยวิดน้ำไม่ให้เข้าเรือด้วย สุดท้ายเรือมาถึงนครศรีธรรมราชด้วยความปลอดภัย ระหว่างที่รอเรือ
ซ่อม นายสนได้ลองนำขนมปังมาประกบกับปีกไก่แบบที่นายแซมทำให้รับประทานในเรือมาขายเป็นที่ถูกอก ถูกใจชาวนครศรีธรรมราช หลายคนจึงอยากรู้ว่าขนมชนิดนี้คืออะไร ก็ได้คำตอบจากนายสนว่า เป็นอาหารที่ นายแซมทำให้รับประทานตอนวิดน้ำออกจากเรือ และเรียกอาหารชนิดนีว้ ่า ขนมแซมวิดน้ำ และเมื่อนายแซม กลับไปถึงประเทศอังกฤษก็ได้ทำขนมแซมวิดน้ำขายบ้าง ชาวอังกฤษจึงเรียกอาหารชนิดนี้แบบสั้น ๆ ว่า ขนม แซมวิด จนเพี้ยนมาเป็นคำว่า แซนด์วิช ในปัจจุบันแซนด์วิชก็ถูกปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบต่างๆ มากมาย จนเลือกรับประทานกันไม่หวาดไม่ไหว แต่อย่างไรก็เป็นอาหารยอดนิยมของคนทั้งโลกจริง ๆ เพราะแซนด์วิช ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบาย หยิบจับรับประทานง่าย หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารที่ยุ่งยาก เสียเวลา ช่วยเพิ่มระเวลาการเดินทางไปทำงานของหลาย ๆ คนได้มากขึ้น และยังสามารถรับประทานใน ระหวา่ งเดนิ ทางไดอ้ ีกด้วย 1. แซนดว์ ชิ หมูหย็องน้ำสลัดสตู รโบราณ (สตู รจาก Easy food good health by Andy) เมนแู ซนด์วิชหมหู ย็องน้ำสลัดสูตรโบราณยงั คงเป็นแซนดว์ ชิ ทำขายสดุ คลาสสกิ จดั เต็มกบั ไสห้ มูหย็อง กบั โบโลนา่ มาพรอ้ มวธิ ีทำน้ำสลดั รสชาตหิ วานอมเปรี้ยว ส่วนผสม แซนดว์ ิชหมหู ย็องนำ้ สลัดสูตรโบราณ • ขนมปงั 3 แผน่ • หมูหยอ็ ง • โบโลนา่ • ไขแ่ ดง (เบอร์ 2) 2 ฟอง • นมข้นหวาน 1/2 ถว้ ย • เกลอื ป่น 1/4 ชอ้ นชา • มายองเนส 1/2 ถว้ ย • น้ำมะนาว 1 ชอ้ นโตะ๊ • พรกิ ไทย 1/2 ชอ้ นชา • นำ้ มันพชื (120 กรมั ) 125 มิลลิกรัม วิธที ำแซนด์วชิ หมหู ยอ็ งน้ำสลดั สูตรโบราณ 1. น่ึงโบโลนา่ แลว้ พกั ไว้ (เอาโบโลน่าไปน่ึงก่อนจะเก็บไวไ้ ดน้ านข้นึ ) 2. จากน้นั แยกไข่แดงใส่ชามผสม ตามดว้ ยนมขน้ หวาน มายองเนส และเกลอื ป่น ปรุงรสดว้ ยพริกไทยกบั น้ำมะนาว คนให้เขา้ กนั คอ่ ย ๆ เทนำ้ มนั พชื ลงไปคนจนส่วนผสมเขา้ กนั
3. นำข้ึนตุน๋ แบบสงั ขยาใช้ไฟออ่ น โดยเอาภาชนะทนความร้อนซอ้ นกบั หม้อที่มนี ้ำรอ้ นเดือด คนจน สว่ นผสมเริ่มอ่นุ ไม่ต้องรอเดอื ด 4. จากนน้ั เทใส่ถ้วยพกั ใหเ้ ย็นตวั ลง ชมิ รสดกู รณอี ยากได้หวานเพม่ิ ใหใ้ สน่ ำ้ ตาลทราย 5. ทานำ้ สลัดบนขนมปงั วางโบโลนา่ ลงไป ทาขนมปงั แผ่นท่ีสองด้วยนำ้ สลัดแล้ววางประกบลงไป แลว้ ทา นำ้ สลัดดา้ นบน โรยหมหู ย็องลงไปแลว้ วางโบโลนา่ ทานำ้ สลดั ลงบนขนมปังแผน่ สุดท้ายแลว้ ประกบลงไป ตัด เปน็ ชน้ิ ตามชอบ 2. แซนดว์ ิชโบราณ (สูตรจาก คณุ แขมร อนิ เตอร์ สมาชกิ เว็บไซตพ์ นั ทปิ ดอทคอม) สว่ นผสม แซนด์วชิ โบราณ • ขนมปงั แซนด์วชิ 4 แผ่น • หมหู ย็อง • โบโลนา่ หรอื แฮม 2 แผน่ • นำ้ สลัดแซนดว์ ชิ สว่ นผสม น้ำสลัดแซนดว์ ิช (สตู รไข่แดงล้วน) • นำ้ ตาลทราย 100 กรมั • ไข่แดงไข่ไก่ เบอร์ใหญ่ 2 ฟอง • นมข้นหวาน 100 กรมั • มายองเนส 120 กรัม • นำ้ สม้ สายชู 2 ชอ้ นโต๊ะ • เกลอื 1/4 ชอ้ นชา • พรกิ ไทยขาว 1 ช้อนชา • นำ้ มันรำขา้ ว 180 มิลลลิ ติ ร • สีผสมอาหารสีเหลอื ง ปรมิ าณตามชอบ วธิ ีทำแซนดว์ ิชโบราณ 1. เทนำ้ ตาลและไข่แดงลงถ้วย ตใี ห้เข้ากนั ดี 2. เทนมขน้ หวาน มายองเนส นำ้ สม้ สายชู และเกลอื ลงไป ตใี หเ้ ขา้ กนั 3. นำไปตุ๋นโดยเอาภาชนะทใี่ สส่ ่วนผสมน้ำสลัดวางบนหม้อนำ้ เดือด ใชไ้ ฟอ่อน ๆ ประมาณ 5-7 นาที หรอื ถา้ ไมไ่ ด้จับเวลาใหใ้ ช้นิ้วจุม่ เชก็ อณุ หภูมิ ถา้ อนุ่ ๆ เปน็ อนั ใช้ได้ ยกลงจากเตา เทพรกิ ไทยป่น สีผสมอาหาร
และน้ำมันลงไป คนสว่ นผสมทกุ อยา่ งใหเ้ ขา้ กันดี และใส่สีเพม่ิ ตามชอบ 4. รอใหน้ ำ้ สลดั หรือครมี เยน็ ตวั สักครู่ ค่อยมาปาดแซนด์วิชกัน ขนมปงั ท่ีใช้ 4 แผ่น ทาครมี ทกุ ช้นั โดยชนั้ แรกโปะโบโลน่าหรือแฮม ถดั มาโปะหมหู ยอ็ งตรงกลาง ตามดว้ ยโบโลนา่ อกี ชั้น เป็นอนั จบ นำไปตดั แบบเฉียง ที่มา https://cooking.kapook.com/view234485.html
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: