Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี 6

อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี 6

Published by Mont Noramon Poolbua, 2021-01-31 12:01:20

Description: แนวคิดเกี่ยวกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 6 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชาเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 8 ช้ันมธั ยมศึกษาที่ 5 เรือ่ ง แนวคดิ เกยี่ วกบั อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี เวลาเรยี น 100 นาที ครผู สู้ อน นางสาวนรมน พลู บวั สอนวันท่ี......................2564 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติมเคมี เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด-เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า รวมท้ังการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ ม.5/2 เขียนแผนภาพ และอธิบายทศิ ทางการชนกนั ของอนุภาคและพลงั งานท่สี ง่ ผลตอ่ อตั ราการ เกิดปฏิกริ ิยาเคมี 3. สาระการเรยี นรู้เพิม่ เตมิ ปฏิกริ ิยาเคมีจะเกิดข้นึ ได้กต็ อ่ เมอ่ื อนภุ าคของสารตงั้ ตน้ ชนกันในทิศทางท่เี หมาะสม และมีพลงั งานอยา่ งน้อย เทา่ กับพลังงานก่อกัมมนั ตด์ ังน้ันอตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าจึงขึ้นกับทิศทางการชนและพลงั งานท่เี กดิ จากการชน 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายแนวคิดเกี่ยวกับอตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมโี ดยใช้ทฤษฎกี ารชนและพลังงานก่อกมั มนั ต์ (K) 2. นักเรยี นสามารถใช้ทกั ษะในการวิเคราะห์การชนกันของอนุภาคทม่ี ผี ลตอ่ การเกดิ ปฏิกิรยิ า (P) 3. นกั เรยี นมคี วามมงุ่ มัน่ ตง้ั ใจในการเรยี นรู้ ตลอดจนใชว้ จิ ารณญาณในการทำงาน คิด ตดั สนิ ใจ และมคี วาม รับผิดชอบ (A) 5. สาระสำคัญหรอื ความคดิ รวบยอด ทฤษฎีการชนกัน (Collision Theory) ทฤษฎีนีอ้ ธบิ ายว่า “ปฏกิ ิริยาเคมจี ะเกดิ ขึ้นไดก้ ็ตอ่ เมื่ออนภุ าคของ สารตงั้ ตน้ อาจเปน็ โมเลกุลอะตอมหรือไอออนก็ได้ จะตอ้ งมีการเคลอื่ นทช่ี นกันกอ่ น” แต่มไิ ดห้ มายความวา่ การ ชนกนั ของอนุภาคทุกครงั้ จะเกิดปฏิกริ ิยา การชนกันของอนุภาคของสารตง้ั ตน้ จะเกดิ ปฏกิ ริ ิยาได้หรือไมข่ ้ึนอยู่ กบั ปัจจัยต่อไปนี้

1.1.พลงั งานจลน์ของอนภุ าคที่เคล่ือนท่ีชนกนั อนุภาคของสารต้งั ต้นเมื่อชนกันแล้วจะเกดิ ปฏิกริ ิยาได้ก็ ตอ่ เมอื่ อนภุ าคท่ีชนกนั จะตอ้ งเคล่อื นทเี่ ร็วหรอื มีพลงั งานจลนส์ งู คอื เม่ือชนกันแล้วพลงั งานทไี่ ดจ้ ากการชน จะต้องสูงพอท่ีทำให้พันธะในสารตงั้ ตน้ สลาย แล้วสรา้ งพันธะใหม่เกดิ เปน็ สารผลติ ภัณฑไ์ ด้ 1.2.ทิศทางการชนของอนภุ าค การชนกันของอนุภาคจะเกดิ ปฏิกริ ยิ าได้ นอกจากนีข้ น้ึ อยู่กบั พลงั งานจลน์ ของอนุภาคแล้วยงั ขึน้ อย่กู ับทิศทางในการชนด้วย พลังงานก่อกมั มนั ต์ (Activation energy) ตามทฤษฎีจลน์ท่ีไดศ้ ึกษามาแล้วทอี่ ณุ หภูมิหน่งึ ๆ โมเลกลุ ของแกส๊ เคลื่อนทด่ี ้วยอตั ราเรว็ ตา่ งกันถงึ แมว้ า่ จะเปน็ โมเลกลุ ของแก๊สชนดิ เดียวกันก็ตาม โมเลกุลที่เคลื่อนทช่ี ้า มีพลงั งานจลนต์ ำ่ ส่วนพลงั งานทีเ่ คล่ือนท่ีเรว็ มพี ลังงานจลนส์ งู ถา้ โมเลกลุ ท่มี าชนกนั มพี ลังงานสูง พลงั งานที่ได้ จาการชนกันก็จะมคี า่ สงู ด้วย และถ้าพลังงานที่ได้จากการชนมีคา่ สูงพอทีท่ ำให้เกิดการสลายพนั ธะในสารเดิม แลว้ มกี ารสรา้ งพันธะใหมเ่ กิดเป็นผลติ ภณั ฑ์ แสดงว่าการชนกันนน้ั เป็นผลสำเร็จ หรือเกิดปฏกิ ริ ยิ า พลงั งาน จำนวนนอ้ ยท่ีสุดที่ได้จากการชนกนั แล้วทำใหเ้ กิดปฏิกริ ยิ าได้เรยี กวา่ พลังงานกอ่ กัมมันต์หรอื พลังงานกระต้นุ 6. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร - การอธบิ ายถ่ายทอดความรู้ และความเขา้ ใจ - การแลกเปลย่ี นความรู้ - มีวัฒนธรรมในการใชภ้ าษาถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ 2. ความสามารถในการคดิ - การคดิ วิเคราะห์ - การคิดสงั เคราะห์ - การคดิ อย่างสร้างสรรค์ - การคดิ อย่างเปน็ ระบบ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา - ความสามารถในการแก้ปญั หาและอปุ สรรคตา่ งๆได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของ หลกั เหตผุ ล 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ - การเรียนรู้ด้วยตนเอง - การเรียนรอู้ ยา่ งตอ่ เน่ือง - กระบวนการคดิ คำนวณ 5. ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ - การสังเกต - การใชจ้ ำนวน

- การจัดกระทำ และส่อื ความหมายข้อมลู 6. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 - การส่ือสารสารสนเทศ และการรู้เท่าทนั สอ่ื - ความรว่ มมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ 7. กระบวนการจดั การเรยี นรหู้ รือกิจกรรมการเรยี นรู้ (5E) 7.1 ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 10 นาที 1. ครูกล่าวทักทายและกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียนดว้ ยการยกตวั อย่างเหตุการณ์การชนกนั ของ อนุภาค และถามนักเรียนว่าจากภาพทเ่ี ห็น มีการชนกนั แบบไหนบา้ งและคดิ ว่าการชนแบบไหนทำใหเ้ กดิ สาร ใหม่เพื่อนำเข้าส่กู ารทำกิจกรรม (แนวคำตอบ มีการชนแบบหนั หน้างชนกบั ชนแบบด้านขา้ ง การชนแบบเฉยี ด และไมช่ นกัน การชน แบบหนั หนา้ ชนกันเพราะเกิดการสร้างพันธะใหม่) 7.2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploretion) 10 นาที 1. ครูใหน้ ักเรียนจับคู่และแจกใบกจิ กรรม เร่อื ง แนวคิดเกีย่ วกบั อัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี 7.3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explaination) 15 นาที 1. ครอู ธบิ ายเกยี่ วกับความสมั พันธ์ระหวา่ งพลังงานจลนข์ องอนภุ าคแกส๊ และพลงั งานก่อกัมมันต์ของ ปฏกิ ิรยิ าเคมีโดยใช้รูป 8.4 ประกอบการอธิบาย ตามรายละเอียดในหนงั สอื เรียน 7.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 5 นาที 1. เปิดคลปิ วิดโี อตัวอย่างการชนกันของอนุภาคของสารเพอ่ื เพมิ่ เติมความรู้ใหก้ บั นักเรียน 7.5 ขน้ั ประเมนิ (Evalution) 10 นาที 1. ใหน้ กั เรยี นแต่ละคทู่ ำแบบทดสอบผ่าน Quizizz ท้ายชว่ั โมงและร่วมกันเฉลย https://quizizz.com/admin/quiz/6013e769f94794001b7d461d 2. ประเมินโดยการสังเกตจากการทำงานเป็นกลมุ่

8. ส่ือ วัสดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ สื่อ/วสั ด/ุ อุปกรณ์ แหลง่ การเรยี นรู้ 1.Powerpointเรอ่ื งแนวคิดเกยี่ วกบั อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ า หนังสอื เรียนเคมี เล่ม 3 3. ใบกิจกรรม เรอื่ ง แนวคิดเกย่ี วกบั อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิริยา เว็บไซต์ Google 4. แบบทดสอบ Quizizz 9. การประเมนิ การเรียนรู้ วิธกี ารวัดผล เครอ่ื งมอื ที่ใช้วดั ผล เกณฑก์ ารวดั และ จดุ ประสงค์ การเรียนรู้ ประเมินผล รอ้ ยละ 60 1.ด้านความรู้ (K) -การตอบคำถามในชัน้ เรียน -ใบงาน เรอ่ื ง ผ่านเกณฑ์ นักเรยี นสามารถ -การทำกิจกรรมใบงาน เรื่อง แนวคิดเกี่ยวกบั อัตราการเกิดปฏิกิรยิ า รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ อธบิ ายแนวคดิ แนวค ิ ดเก ี ่ ยวก ั บอ ั ตราการ -แบบทดสอบ Quizizz ระดบั เกี่ยวกับอตั ราการ เกิดปฏกิ ริ ิยา คุณภาพ 3 ผ่านเกณฑ์ เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมีโดย - ก า ร ต อ บ ค ำ ถ า ม ใ น ใช้ทฤษฎกี ารชนและ แบบทดสอบ Quizizz พลงั งานกอ่ กัมมันต์ 2.ดา้ นทกั ษะ -การทำกจิ กรรมใบงาน เรอื่ ง -ใบงาน เรอ่ื ง กระบวนการ(P) แนวคิดเกี่ยวกับอตั ราการ แนวคิดเกย่ี วกบั อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ า นักเรียนสามารถใช้ เกิดปฏกิ ริ ิยา ทักษะในการ วิเคราะห์การชนกัน ของอนุภาคที่มีผล ตอ่ กาเกิดปฏิกิรยิ า 3.ดา้ คุณลกั ษณะ -การสังเกตพฤตกิ รรมการ -แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน อันพงึ ประสงค์(A) ทำงานเปน็ กล่มุ เป็นกลุ่ม นักเรยี นมีความ มุง่ มน่ั ตงั้ ใจในการ เรยี นรู้ ตลอดจนใช้ วิจารณญาณในการ ทำงานคิดตัดสินใจ และมีควารับผิดชอบ

10. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ 10.1 จำนวนนกั เรียนทส่ี อน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 10.2 ผลทเี่ กดิ ขึ้นจากการเรยี นรู้ (ความรู้ / ทกั ษะ / จติ วิทยาศาสตร์) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 10.3 บรรยากาศการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 10.4 การปรับเปลี่ยนแผนการจดั การเรียนรู้ (ถ้ามี) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 10.5 ปัญหา / วธิ ีการแกไ้ ข / ผลการแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ..................................................................ผเู้ ขียนแผนการจัดการเรียนรู้ (.................................................................) ......................./................/.................... ลงช่อื ..................................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) ......................./................/....................

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงใน ชอ่ งวา่ งทก่ี ำหนด กลมุ่ ท่ี.............. สมาชิกของกล่มุ 1....................................................... 2........................................................ ลำดบั ที่ พฤติกรรม คุณภาพการปฏบิ ตั ิ 4321 1 มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ งานท่ีได้รับมอบหมาย 2 มกี ารพดู คุยแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ ภายในกลุ่ม 3 มีการแบง่ หนา้ ที่ภายในกล่มุ อย่างชัดเจน 4 มกี ารวางแผนการทำงานอย่างเปน็ ระบบ 5 มีการร่วมมอื ในการตอบคำถามของผูส้ อน 6 มคี วามกระตอื รนื ร้นในการทำงาน รวม ลงชอื่ .....................................................ผู้ประเมิน ................/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ = 4 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างบอ่ ยคร้ัง = 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งบางคร้งั = 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างน้อยครั้ง = 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 21-24 ดีมาก 16-20 ดี 11-15 พอใช้ 6-10 ปรับปรงุ

ใบงานเรอื่ ง แนวคิวเกย่ี วกบั อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี ชื่อ - นามสกลุ ....................................................................................................ชั้น.....................เลขที.่ ............... ชอื่ - นามสกลุ ....................................................................................................ช้ัน.....................เลขท.ี่ ............... คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นชว่ ยกนั สืบคน้ ข้อมลู และเขียนคำตอบลงในช่องว่างให้สมบรู ณ์ ปฏิกริ ิยาจะเกิดขึ้นตอ้ งอาศัยการเกิดสงิ่ ใด……………………………………………………………………………………………….. ทฤษฎีการชน หมายถึง.......................................................................................................................................... การชนกนั ของอนุภาคของสารทีก่ ่อใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี การชนกนั นี้ เรยี กว่า........................................................ เมอ่ื อนภุ าคของสารเกิดการชนกนั มากขน้ึ จะเกดิ ส่งิ ใดกบั ปฏกิ ิริยา....................................................................... การชนกนั ของอนุภาคของสารตอ้ งมีลกั ษณะใดจึงจะได้ผลติ ภณั ฑท์ สี่ มบรู ณ.์ ....................................................... .............................................................................................................................................................................. ตามทฤษฎกี ารชนกนั สารตง้ั ต้นตอ้ งมีสิ่งใดเพ่อื สร้างผลติ ภณั ฑ์............................................................................. พลังงานกอ่ กมั มันต์ หมายถึง................................................................................................................................. ตัวเรง่ ปฏิกิรยิ าทำงานอยา่ งไรในการเร่งปฏิกิริยา.................................................................................................. ปฏกิ ิริยาท่ถี ่ายเทพลังงานความร้อนไปยังส่ิงแวดล้อมคอื ปฏกิ ิริยาการดูดหรือคายพลงั งาน.................................. เมื่อแบเรียมไฮดรอกไซด์และแอมโมเนียมคลอไรด์ทำปฏิกิริยากัน พบว่าอุณหภูมิของสารละลายจะลดลง ปฏิกิรยิ านีเ้ ปน็ ปฏกิ ิริยาการดดู หรือคายความรอ้ น................................................................................................ ตำแหน่งใดแสดงถึงพลงั งานของผลิตภัณฑ.์ ............................

เฉลย ใบงานเรื่อง แนวควิ เก่ยี วกบั อตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ชอ่ื - นามสกลุ ....................................................................................................ชัน้ .....................เลขที่................ ชือ่ - นามสกลุ ....................................................................................................ช้ัน.....................เลขท.ี่ ............... คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันสืบค้นขอ้ มลู และเขยี นคำตอบลงในช่องวา่ งใหส้ มบรู ณ์ ปฏิกริ ิยาจะเกิดขน้ึ ต้องอาศัยการเกิดสงิ่ ใด โมเลกุลทีท่ ำปฏกิ ริ ิยาจะต้องชนกนั โดยมพี ลงั งานเพียงพอ ทฤษฎีการชน หมายถงึ โมเลกลุ จะตอ้ งชนกันในทิศทางทถ่ี ูกตอ้ งโดยมพี ลังงานเพียงพอทจ่ี ะสรา้ งพันธะ การชนกันของอนุภาคของสารที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมี การชนกันนี้ เรียกว่า การชนกันอย่างมีประสิทธิภาพ Effective collisions เมอ่ื อนุภาคของสารเกดิ การชนกันมากขน้ึ จะเกดิ สิ่งใดกับปฏกิ ริ ยิ า อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าจะเกิดเรว็ ขึ้น การชนกันของอนุภาคของสารต้องมีลักษณะใดจึงจะไดผ้ ลิตภัณฑท์ ี่สมบูรณ์ สารตั้งต้นต้องชนกันโดยมีพลังงาน เพียงพอและอยู่ในตำแหนง่ ทีเ่ หมาะสม ตามทฤษฎกี ารชนกันสารตงั้ ต้นต้องมสี ่ิงใดเพอื่ สรา้ งผลติ ภัณฑ์ ตอ้ งมีพลงั งานทเ่ี พยี งพอต่อการสรา้ งผลติ ภณั ฑ์ พลังงานก่อกัมมนั ต์ หมายถึง พลังงานขน้ั ต่ำทสี่ ารตง้ั ต้นจำเป็นในการสรา้ งผลิตภณั ฑ์ ตวั เร่งปฏิกริ ยิ าทำงานอยา่ งไรในการเร่งปฏิกริ ิยา การลดพลังงานกระตนุ้ ของปฏิกริ ิยา ปฏิกิริยาที่ถ่ายเทพลังงานความร้อนไปยังสิ่งแวดล้อมคือปฏิกิริยาการดูดหรือคายพลังงาน ปฏิกิริยาการคาย ความร้อน เมื่อแบเรียมไฮดรอกไซด์และแอมโมเนียมคลอไรด์ทำปฏิกิริยากัน พบว่าอุณหภูมิของสารละลายจะลดลง ปฏกิ ริ ยิ าน้ีเป็นปฏกิ ริ ยิ าการดดู หรอื คายความร้อน ปฏิกริ ิยาดูดความรอ้ น ตำแหนง่ ใดแสดงถึงพลังงานของผลติ ภัณฑ์ A


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook