แผนการจัดการเรยี นรู้ ชือ่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง ววิ ฒั นาการ รายวิชาชวี วทิ ยา 5 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 รหสั วิชา ว 33203ครผู ู้สอน นางสาวจนั จริ า ธนันชยั ตาแหนง่ พนักงานราชการ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง วิวฒั นาการ แผนการสอนที่ 15 เร่อื ง กาเนดิ สปชี ีส์รายวิชาชีววิทยา 5 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผสู้ อน นางสาวจันจิรา ธนันชัย ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ชั่วโมง ตวั ช้ีวดั / ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวดั และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล3. สืบค้นข้อมลู สปชี ีส์ หมายถึง กลุม่ หรือประชากร แผนผงั ความคดิ ของงาน ผ่านระดบั ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) 1. Power Point เรื่องอภิปราย และ ของสิ่งมชี ีวติ ทม่ี ีกลุ่มยนี (gene pool) กลุ่มและงานเดย่ี ว เรอื่ ง คะแนนรอ้ ยอธบิ าย ร่วมกนั โดยที่ สมาชิกของประชากร กาเนิดสปีชสี ์ ละ 60 ขึน้ ไป 1. ครูทบทวนความรู้เดิม เร่ือง ความถ่ีของแอลลีลใน กาเนิดสปีชสี ์วิวฒั นาการของ น้ัน สามารถถ่ายทอดยีนหรือทาใหเ้ กิดสง่ิ มีชวี ติ พนั ธุ ยนี โฟลว์ ระหวา่ งกันและกนั ได้ ประชากร 2.หนังสือเรียนศาสตรป์ ระชากร (หมายถงึ ผสมพันธ์ุกันไดแ้ ละมลี ูกไม่และการกาเนิดสปี เปน็ หมนั ) กระบวนการเกดิ สปชี สี ์ 2. ครูนารูป แมลงชนิดต่าง ๆ ท่ีมีลักษณะแตกต่างกัน ชวี วิทยาเลม่ 4 ของชีส์ (Speciation) คอื การเกดิ ส่ิงมีชวี ิตสปี ชสี ใ์ หม่ จากการเปลีย่ นแปลงที่สะสมที ให้นกั เรยี นดู จากน้ันครตู ง้ั ประเดน็ คาถามดงั น้ี สถาบันส่งเสริมการ ละเล็กทลี ะนอ้ ยของสปชี สี ์ด้งั เดมิ ตาม กาลเวลา แบ่งออกเปน็ 2 แบบ คือ 2.1 นักเรียนคิดว่าแมลงทนี่ ามาศกึ ษานีม้ ีลักษณะท่ี สอนวิทยาศาสตร์และ Anagenesis หรือ Phyletic speciation และCladogenesis หรอื แตกต่างกันหรอื ไม่ เทคโนโลยี True speciation 2.2 แล้วคาว่า สปีชีส์ น้นั มีความหมายวา่ อย่างไร 3. วดี โี อ เรอ่ื ง การ 2.3 เป็นไปได้หรือไม่ที่แมลงที่อยู่ไกลคนละพ้ืนที่ กาเนดิ ของสปีชีส์ จะมี สปชี ีส์ เดยี วกัน 2.4 แล้วนักวิทยาศาสตร์เขาใช้อะไรในการจาแนก ประเภท 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การ จดั การเรยี นรู้ เรอื่ งแนวคิดเก่ียวกับวิวฒั นาการของสิ่งมีชีวติ ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คน โดยใช้ กลวธิ ีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพอื่ นประกอบดว้ ย
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล นักเรียนท่ีเรียนเก่ง 1 คน นักเรียนที่เรียนปานกลาง 2-3 คน และ นักเรียนท่ีเรียนอ่อน 1 คน ช่วยกันทางานภายในกลุ่ม (ครูแบ่งกลุ่ม นกั เรียนไวล้ ่วงหนา้ ) ปฏบิ ตั ิกิจกรรม สืบคน้ ขอ้ มูลดงั นี้ 1.1 ความหมายของสปีชีส์ 1.2 กลไกการแยกกนั ทางการสืบพันธ์กุ ่อนระยะไซโกต 1.3 กลไกการแยกกันทางการสบื พนั ธ์ุหลงั ระยะไซโกต 1.4 การเกดิ สปีชีส์ใหม่ 1.5 การพัฒนากบั ววิ ัฒนาการ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่ง หัวข้อยอ่ ยใหเ้ พือ่ นสมาชิกช่วยกันสบื ค้นตามหัวขอ้ ที่กล่มุ ได้รบั โดยการ สืบค้นจากใบความรู้ที่ครูเตรียมมาให้ หรือจากหนังสือ วารสาร วทิ ยาศาสตร์ และอนิ เทอร์เน็ต 3. สมาชิกกลุ่มนาข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปรายซักถามจนคาดว่าสมาชิกทุก คนมีความรู้ความเข้าใจท่ตี รงกัน จากนนั้ ชว่ ยกันสรุปความรูท้ ่ไี ด้ท้ังหมด เปน็ แผนผงั ความคิด ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป ( Explaination ) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าช้ัน เรียนมาติดไว้หน้าห้อง เพ่ือให้นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันศึกษา อภิปราย ซกั ถามจากผลการปฏิบตั ิกิจกรรม พร้อมทง้ั
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ครูรว่ มสังเกตพฤติกรรมใฝ่เรียนรู้ โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมใฝ่เรยี นรู้ 2. ครูอธิบาย โดยใชใ้ ช้ Power Point เร่ืองกาเนิดสปีชีส์ ครใู ช้แนวสรุป โดยให้นกั เรยี นดู วีดโี อ เร่ือง การกาเนิดของสปีชีส์ ขนั้ ขยายความรู้ ( Evaboration ) 1. นักเรียนค้นคว้าบทความหรือคาศัพท์ภาษาอังกฤษ เก่ียวกับ เรื่องกาเนิดสปีชีส์ จากหนังสือเรียน หรืออินเทอร์เน็ต รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงในสมุด ข้นั ประเมินผล ( Evalution ) 1. นักเรียนสรุปผลการเรียนรู้จากการปฏิบัติกิจกรรม จากหัวข้อต่างๆของแต่ละกลุ่ม เป็นแผนผังความคิด ลงในสมุด โดย ครูรว่ มสงั เกตทักษะการตคี วามหมายและลงขอ้ สรุป 2. ครูตรวจแผนผังความคิดของงานกลุ่มและงานเด่ียว เพ่อื วัดผลด้านความรู้ ความเขา้ ใจ
แผนการจัดการเรียนรู้ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอื่ ง วิวัฒนาการ แผนการสอนท่ี 16 เรื่อง ปจั จัยที่ทาให้เกิดการเปลีย่ นแปลงความถ่ีของแอลลีลรายวชิ าชีววิทยา 5 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผสู้ อน นางสาวจนั จริ า ธนันชัย ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ชว่ั โมง ตวั ชว้ี ดั / ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล3. สบื คน้ ขอ้ มูล วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตเกิดจากปจั จัย 1. ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง การหา ผา่ นระดับ ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) 1. Power Point เร่อื งอภิปราย และ ที่ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงของยนี พูล ความถ่ีของแอล ลี ล ใน คะแนนร้อย 1. ครูนาขวดที่ใส่ลูกปัดหลากหลายสี มาให้นักเรียน ปัจจยั ทที่ าให้เกิดการอธบิ าย ในประชากรและทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตสปี ประชากร ละ 60 ขนึ้ ไป ศึกษา จากนั้นครูอธิบาย เปรียบลูกปัดในขวดคือประชากรขนาด เปล่ยี นแปลงความถ่ีววิ ฒั นาการของ ชีส์ใหม่ มิวเทชัน การคัดเลือกโดย 2. การสืบคน้ ขอ้ มลู เร่ือง ใหญ่ โดยครูตั้งประเด็นคาถามดังน้ี ของแอลลลีสิง่ มีชวี ิต พันธุ ธรรมชาติ แรนดอมจีเนติกดริฟท์ การ พันธศุ าสตร์ประชากร - นักเรียนคิดว่าถ้าประชากรท่ีเห็นเหล่าน้ีอยู่ 2. หนงั สือเรยี นศาสตร์ประชากร ถ่ายเทเคล่ือนย้ายยีน การเลือกคู่ผสม รวมกนั จะมีลักษณะทางสงั คมเปน็ อยา่ งไร ชวี วิทยาเลม่ 4 ของและการกาเนดิ สปี พันธุ์ เป็นปัจจัยที่ทาให้เกิดการ - แล้วถ้าเกิด แผ่นดินไหว หรือ ไฟไหม้ นักเรียนคิดว่า สถาบนั สง่ เสรมิ การชีส์ เปลี่ยนแปลงความถ่ีของแอลลีล และ ประชากรเหลา่ นี้จะมีโอกาศรอดหรอื ไม่ สอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละ ทาให้เกิดสปีชีส์ใหม่ การพัฒนาที่ 2. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่ เทคโนโลยี เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน ทาให้เกิดผล การจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปัจจัยท่ีทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงความถ่ี 3. ใบงานที่ 1 เรือ่ ง กระทบต่อการเกิดวิวัฒนาการของ ของแอลลีล โดยครูสาธิตการนาลูกปัดออกจากขวด และอธิบาย การคดั เลือกโดย สิ่งมีชีวิต และก่อให้เกิดการสูญเสีย เพิ่มเติม ธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น การ เปล่ียนความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง การ ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนศึกษา เร่ืองปัจจัยที่ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลง ถ่ายเทเคล่ือนย้ายยีน การเลือกคู่ผสม ความถีข่ องแอลลีล จากใบความรู้ หรอื ในหนงั สอื เรยี น พันธ์ุ มิวเทชัน การคัดเลือกโดย 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คน โดยใช้ ธรรมชาติ กลวิธีการสอนแบบเพอ่ื นชว่ ยเพ่ือนประกอบด้วย นกั เรียนท่ีเรยี นเกง่ 1 คน นกั เรยี นที่เรียนปานกลาง 2-3 คน
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล และนักเรียนที่เรียนอ่อน 1 คน ช่วยกันทางานภายในกลุ่ม (ครู แบ่งกลุม่ นักเรียนไวล้ ่วงหน้า) ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม สบื ค้นข้อมลู ดงั น้ี 2.1 การเปล่ียนความถย่ี ีนอย่างไม่เจาะจง 2.2 การถา่ ยเทเคลอ่ื นยา้ ยยีน 2.3 การเลือกค่ผู สมพนั ธ์ุ 2.4 มิวเทชนั 2.5 การคดั เลือกโดยธรรมชาติ 3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ วางแผนการสืบคน้ ขอ้ มลู โดยแบง่ หัวข้อย่อยให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อท่ีกลุ่มได้รับ โดย การสืบค้นจากใบความรู้ท่ีครูเตรียมมาให้ หรือจากหนังสือ วารสาร วทิ ยาศาสตร์ และอินเทอรเ์ นต็ 4. สมาชิกกลุ่มนาข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปรายซักถามจนคาดว่า สมาชิกทุกคนมีความรู้ความเข้าใจท่ีตรงกัน จากนั้นช่วยกันสรุป ความรู้ที่ได้ทั้งหมดเป็นแผนผังความคิด โดยครูร่วมสังเกตทักษะ มงุ่ ม่นั ในการทางาน ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ ( Explaination ) 1. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกลมุ่ ออกมานาเสนอผล การปฏิบัตกิ ิจกรรมหน้าชั้นเรียนโดยครรู ว่ ม วัดผล ประเมินผล ด้าน ความรู้ 2. นักเรียนร่วมกันอภิปราย ซักถามจากผลการนาเสนอ หน้าช้ันเรียน 3. ครูอธิบาย โดยใช้ใช้ Power Point เร่ืองปัจจัยท่ีทา ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล โดยครูใช้แนวสรุป ต่อไปน้ี
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล แนวสรปุ ปจั จัยท่ที าให้เกดิ การเปล่ียนแปลงความถข่ี องแอลลีน 1. การคัดเลือกโดยธรรมชาติในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ความสามารถในการสืบพันธุ์จะเพิ่มจานวนได้สูงมาก การคัดเลือก โดยธรรมชาตจิ งึ ต้องมปี จั จัยสาคัญ คือ ความสามารถในการสบื พันธ์ุ ของส่ิงมีชีวิตเพื่อการถ่ายทอดลักษณะแตกต่างท่ีเกิดข้ึนตาม ธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตนน้ั ต้องอยใู่ ต้อิทธิพลของสิ่งแวดลอ้ มผลของ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ 2. การผ่าเหล่า (mutation) และการแปรผันทาง พันธกุ รรม เป็นปรากฏการณท์ ่ีเกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาตขิ องสิง่ มชี วี ิต การ ผ่าเหล่าหรือมิวเทชันมีทั้งท่ีเกิดกับเซลล์ร่างกายซ่ึงเรียกว่าโซมาติคมิว เทชนั (somatic mutation) และทเี่ กิดกับเซลลส์ ืบพนั ธเ์ุ รียกว่าแกมี ติคมวิ เทชัน (gametic mutation) 3.การอพยพของสมาชิกในประชากรในประชากรที่มี ขนาดใหญ่มากๆ การอพยพเข้าหรืออพยพออกของสมาชิกอาจจะ เกือบไม่มีผลต่อสัดส่วนของยีนในกลมุ่ ประชากรเลย แตถ่ า้ ประชากร มีขนาดเล็ก เม่ือมีสมาชิกอพยพออกไปทาให้กลุ่มประชากรสูญเสีย ยนี บางส่วนทาใหม้ ีโอกาสในการถา่ ยทอดหรือแลกเปลยี่ นยนี กับกลมุ่ ยนี นนั้ นอ้ ยลงไป 4.ข น า ด ข อ ง ป ร ะ ช า ก ร ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข น า ด ข อ ง ประชากร มีบทบาทสาคัญต่อการเปล่ียนแปลงความถ่ียีนและ โครงสร้างของยีนพูล (gene pool) ซ่ึงเกิดจากโอกาส หรือความ บังเอิญ หรือจากภัยธรรมชาติ ประชากรท่ีมขี นาด
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ใหญ่และมีการผสมพันธุ์แบบสุ่มจะไม่พบว่ามีการเปล่ียนแปลง ความถ่ีของยีนมากมายอย่างมีนัยสาคัญ แต่ถ้าเป็นประชากรขนาด เล็กจะมีผลอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงผกผันทางพันธุกรรมอย่าง ฉับพลันอย่างไม่มีทิศทางแน่นอน หรือการเปล่ียนแปลงความถ่ีของ ยีนอย่างฉับพลันโดยเหตุบังเอิญตามธรรมชาติท่ีเกิดขึ้นแบบสุ่ม ไม่ สามารถคาดการณท์ ศิ ทางการเปล่ยี นแปลงความถี่ของยีนได้แนน่ อน เช่นนี้เรียกว่าเจเนติกดริฟต์ (geneticdrift) เป็นกลไกที่สาคัญอย่าง หนึ่งท่ีทาให้ความถ่ีของยีนมีการเบี่ยงเบนจนเกิดการเปล่ียนแปลง ความถขี่ องยีน ขนั้ ขยายความรู้ ( Evaboration ) 1. นักเรียนค้นคว้าบทความหรือคาศัพท์ภาษาอังกฤษ เก่ียวกบั เร่ือง ปัจจยั ท่ีทาใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงความถี่ของแอลลีล จากหนังสือเรียน หรืออินเทอร์เน็ต รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลง ในสมดุ 2. นักเรียนลงความคิดเห็น ในหัวข้อ การประยุกต์ใช้ ปั จ จั ย ที่ ท า ใ ห้ เ กิ ด ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ค ว า ม ถ่ี ข อ ง แ อ ล ลี ล ใ น ชวี ติ ประจาวันได้อยา่ งไร ลงในสมุดของตนเอง ข้ันประเมนิ ผล ( Evalution ) 1. นักเรียนทาใบงานที่ 1 เร่ือง การคัดเลือกโดย ธรรมชาติ โดยครูสังเกตทักษะการทดลองโดยใช้แบบสังเกตทักษะการ ทดลอง
ตวั ช้ีวดั / ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล 2. นักเรียนและครูร่วมกันเฉลย ใบงานที่ 1 เรื่อง การคัดเลือกโดย ธรรมชาติ พร้อมทงั้ ครู วัดผลด้านความรู้ ความเขา้ ใจ
แผนการจดั การเรียนรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง วิวัฒนาการ แผนการสอนท่ี 17 เร่อื ง แนวคดิ เกยี่ วกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รายวิชาชีววิทยา 5 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผู้สอน นางสาวจนั จริ า ธนันชัย ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ช่วั โมง ตวั ช้วี ดั / ความรู้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล 1. ใบงานท่ี 1 เร่ืองแนวคดิ ผ่านระดับ3. สบื ค้นขอ้ มลู วิวัฒนาการ คอื การ เกยี่ วกับววิ ัฒนาการของ คะแนนรอ้ ย ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) ( 10 นาที ) 1. รูป ยีราฟทม่ี ี สิง่ มีชีวติ ละ 60 ข้นึ ไปอภปิ ราย และ เปลี่ยนแปลงของสิง่ มชี ีวิตทีม่ ลี ักษณะ 2. ใบงานท่ี 2 เร่อื ง การ 1. ครทู บทวนความร้เู ดมิ เร่อื ง หลกั ฐานทางวิวัฒนาการ ลกั ษณะคอยาวและขา เปรยี บเทยี บแนวคดิอธบิ าย แตกต่างไปจากบรรพบรุ ษุ และถกู ววิ ฒั นาการของลามาร์ก ของส่งิ มชี ีวิต ยาว และชารล์ ดาร์วนิวิวฒั นาการของ คัดเลือกให้มชี วี ติ รอดในสภาพแวดลอ้ มท่ี 2. ครูนารูป ยีราฟท่ีมีลักษณะคอยาวและขายาว ให้ 2. VDO เร่ืองแนวคิดสิง่ มชี วี ติ พนั ธุ ตา่ งกันในระยะเวลาทีย่ าวนาน ลามาร์ก นกั เรียนดู จากน้นั ครูตัง้ ประเด็นคาถามดงั นี้ เกีย่ วกบั วิวฒั นาการศาสตร์ประชากร และชาลส์ ดารว์ ิน ไดเ้ สนอแนวคดิ 2.1 นักเรียนรู้หรือไม่ว่าเหตุใด รูปทั้ง 3 รูปน้ีมี ของสิ่งมีชีวิตและการกาเนิดสปี เกี่ยวกับวิวัฒนาการทนี่ า่ สนใจ โดยลา ลักษณะที่ต่างกนั 3. หนงั สอื เรยี นชสี ์ มารก์ เสนอกฎการใช้ และไม่ใช้ และ 2.2 ยีราฟตามรูปน้ันมี วิวัฒนาการ ไปในแนวทาง ชีววทิ ยาเลม่ 4 ของ กฎการถ่ายทอดลกั ษณะทีเ่ กดิ ขน้ึ มา แบบใดเพอื่ ใหอ้ ย่รู อดในสังคม สถาบนั สง่ เสรมิ การ ใหม่ ชาลส์ ดาร์วิน ได้เสนอแนวคิด 2.3 แล้วมนุษย์หละ นักเรียนคิดว่ามี วิวัฒนาการ สอนวทิ ยาศาสตร์และ เก่ยี วกบั ววิ ฒั นาการการคัดเลอื กโดย เหมอื นหรอื ตา่ งจากยรี าฟ เทคโนโลยี ธรรมชาติ 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ 4. ใบงานท่ี 1 เรือ่ ง จดั การเรยี นรู้ เรือ่ งแนวคิดเก่ียวกบั วิวัฒนาการของส่ิงมชี ีวิต แนวคิดเกี่ยวกับ ววิ ัฒนาการของ ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (30 นาที ) สง่ิ มชี ีวติ 1. นักเรียนศึกษา เรื่องแนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของ 5. ใบงานท่ี 2 เรือ่ ง สิ่งมีชีวิต จากใบความรูห้ รือ ในหนงั สือเรยี น การเปรยี บเทียบ แนวคิดววิ ัฒนาการ
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) ( 10 นาที ) 1. รปู ยรี าฟท่ีมี 1. ครทู บทวนความรู้เดมิ เรือ่ ง หลักฐานทางววิ ัฒนาการ ลกั ษณะคอยาวและขา ของสง่ิ มีชวี ติ ยาว 2. ครูนารูป ยีราฟท่ีมีลักษณะคอยาวและขายาว ให้ 2. VDO เร่อื งแนวคดิ นักเรียนดู จากน้ันครตู ั้งประเดน็ คาถามดังน้ี เก่ียวกับวิวฒั นาการ 2.1 นักเรียนรู้หรือไม่ว่าเหตุใด รูปท้ัง 3 รูปนี้มี ของสง่ิ มชี ีวิต ลักษณะทต่ี ่างกัน 3. หนังสอื เรยี น 2.2 ยีราฟตามรูปน้ันมี วิวัฒนาการ ไปในแนวทาง ชีววิทยาเลม่ 4 ของ แบบใดเพ่ือให้อยู่รอดในสงั คม สถาบันส่งเสรมิ การ 2.3 แล้วมนุษย์หละ นักเรียนคิดว่ามี วิวัฒนาการ สอนวิทยาศาสตร์และ เหมือนหรือต่างจากยีราฟ เทคโนโลยี 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การ 4. ใบงานท่ี 1 เรือ่ ง จดั การเรยี นรู้ เรอื่ งแนวคิดเกี่ยวกบั วิวฒั นาการของส่ิงมชี วี ิต แนวคดิ เกี่ยวกบั วิวฒั นาการของ ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) (30 นาที ) ส่งิ มีชีวิต 1. นักเรียนศึกษา เร่ืองแนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของ 5. ใบงานที่ 2 เร่ือง สิง่ มีชีวติ จากใบความร้หู รอื ในหนงั สอื เรียน การเปรยี บเทยี บ 2. นักเรียนหาคาตอบจากใบงานท่ี 1 เรื่องแนวคิด แนวคิดวิวฒั นาการ เก่ียวกบั ววิ ัฒนาการของส่งิ มีชีวิต โดยมแี นวคาถามดงั นี้ ของลามารก์ และ 2.1 นักเรียนจะใช้แนวคดิ ของลามาร์ในการอธิบาย ชาร์ล ดาร์วิน การเปล่ียนแปลงรูปร่างของยีราฟที่มีลักษณะคอยาวและขายาวขึ้น ได้อยา่ งไร 2.2 จากแนวคิดของ ชาลส์ ดาร์วิน ถ้านกฟินช์มา จากบรรพบุรษุ เดียวกนั และสิ่งมีชวี ติ ไม่มีการ
ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล เปลี่ยนแปลง จะงอยปากของนกฟนิ ช์จะแตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร 2.3 นักเรียนจะอธิบายเก่ียวกับการเกิดนกฟินช์ หลายสปีชีส์บนหมู่เกาะกาลาปากอสโดยใช้ทฤษฎีของดาร์วินได้อ ย่างไร 2.4 นักเรียนคิดว่าแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ ลามารก์ และดาร์วินเหมอื นกนั หรอื แตกตา่ งกัน อยา่ งไร 3. นักเรียนตอบคาถามลงในสมุดของตนเองโดยครูร่วม สังเกตพฤติกรรมใฝเ่ รียนรู้ ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป ( Explaination ) ( 45 นาที ) 1. ครูสุ่มนักเรยี น 3-4 คน ออกมานะเสนอหนา้ ช้ันเรียน จากการตอบคาถามเร่อื งแนวคดิ เก่ียวกบั ววิ ัฒนาการของสิ่งมีชีวติ 2. ครูอธิบาย โดยใช้ใช้ VDO เร่ืองแนวคิดเกี่ยวกับ วิวฒั นาการของสิ่งมีชวี ิต ขนั้ ขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 15 นาที ) 1. นักเรียนค้นคว้าบทความหรือคาศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับ เรื่องแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จากหนังสือ เรยี น หรืออินเทอรเ์ น็ต รวบรวมคาศพั ทแ์ ละคาแปลลงในสมดุ 2. นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ อนุกรมวิธานที่ใช้ใน การจดั จาแนกสิง่ มชี วี ติ
ตวั ช้ีวัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมินผล ขั้นประเมนิ ผล ( Evalution ) ( 20 นาที ) 1. นักเรียนทาใบงานที่ 2 เรื่อง การเปรียบเทียบแนวคิด วิวฒั นาการของลามารก์ และชาร์ล ดารว์ นิ 2. นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงานที่ 1 เร่ือง การ เปรียบเทียบแนวคิดวิวัฒนาการของ ลามาร์ก และชาร์ล ดาร์วิน โดยครูร่วมสังเกตทักษะการแปลความหมายข้อมูล จากแบบสังเกต พฤตกิ รรม และดา้ นวัดผล ประเมนิ ผลด้านความรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรือ่ ง วิวัฒนาการ แผนการสอนที่ 18 เรื่อง พันธศุ าสตรป์ ระชากรรายวชิ าชีววิทยา 5 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 รหสั วิชา ว 33203 ครผู สู้ อน นางสาวจันจิรา ธนันชัย ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ชวั่ โมง ตัวชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมินผล ผ่านระดับ3. สบื ค้นข้อมูล ประชากรหมายถึงกลมุ่ ของ 1. ใบงานที่ 1 เร่ือง การ คะแนนร้อย ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1. Power Point เร่อื ง ละ 60 ข้ึนไปอภิปราย และ ส่งิ มีชีวติ ทอ่ี าศยั อยู่รวมกันในพื้นที่ หาความถี่ของแอลลลี ใน 1. ครูทบทวนความรู้เดิม เรื่อง แอลลีล จีโนไทป์ และฟี พันธศุ าสตรป์ ระชากรอธบิ าย หนงึ่ ๆโดยสมาชิกในประชากรของ ประชากร โนไทป์ 2.หนงั สอื เรยี นวิวัฒนาการของ ส่ิงมีชีวติ นัน้ สามารถสืบพันธุ์ ระหว่าง 2. การสืบคน้ ขอ้ มลู เร่อื ง 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายโดยครูต้ังประเด็น ชีววิทยาเล่ม 4 ของส่ิงมชี วี ติ พนั ธุ กนั ไดแ้ ละใหล้ ูกทไี่ มเ่ ป็นหมัน ใน พันธศุ าสตรป์ ระชากร คาถามดังน้ี สถาบนั สง่ เสรมิ การศาสตรป์ ระชากร ประชากรหนึง่ ๆ จะประกอบดว้ ย 2.1 พันธุศาสตร์ประชากรเป็นการศึกษาเก่ียวข้อง สอนวิทยาศาสตรแ์ ละและการกาเนดิ สปี สมาชกิ ทม่ี ยี ีนควบคมุ ลักษณะตา่ ง ๆ กับววิ ฒั นาการอยา่ งไร เทคโนโลยีชีส์ จานวนมาก ยนี ทัง้ หมดที่มอี ยใู่ น 2.2 จากการศึกษาพันธุศาสตร์ประชากรน้ัน 3. ใบงานที่ 1 เร่อื ง ประชากรในชว่ งเวลาหนงึ่ เรยี กวา่ ยนี นาไปใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นใด การหาความถ่ีของแอล พูล (genepool) ซงึ่ ประกอบดว้ ยแอล 2.3 แล้วนักเรียนสามารถใช้ประโยชน์ด้านใดจาก ลลี ในประชากร ลีล (allele) ทุกแอลลลี จากทุกยีน ของ การศกึ ษาพนั ธุศาสตร์ประชากร สมาชิกทกุ ตวั ในประชากรนน้ั ดังนน้ั 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่ พันธุศาสตร์ประชากร เป็นการศึกษา การจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื งพันธศุ าสตรป์ ระชากร เก่ียวกบั การเปลย่ี นแปลงความถี่ของ ยนี (gene frequency) หรือการ ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (50 นาที ) 1. นักเรียนศึกษา เรื่องพันธุศาสตร์ประชากร จากใบ เปลยี่ นแปลงความถี่ของแอลลลี (allele ความรู้ หรอื ในหนังสือเรยี น frequency) ทเี่ ป็นองค์ประกอบทาง 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน โดยใช้ พันธกุ รรมของ กลวิธกี ารสอนแบบเพือ่ นชว่ ยเพอ่ื นประกอบด้วย นักเรยี นท่ีเรียนเกง่ 1 คน นักเรยี นท่ีเรียนปานกลาง 2-3 คน
ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิน้ งาน การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ประชากร และปัจจยั ทที่ าให้ความถ่ี และนักเรียนที่เรียนอ่อน 1 คน ช่วยกันทางานภายในกลุ่ม (ครู ของแอลลลี เปลยี่ นแปลง สิง่ ทนี่ า่ สนใจ แบง่ กล่มุ นักเรียนไวล้ ่วงหนา้ ) ปฏิบัตกิ ิจกรรม สืบค้นขอ้ มูลดังนี้ คอื เราจะศกึ ษาความถ่ีของแอลลลี ใน ประชากรไดจ้ ากการศกึ ษา การหา 2.1 การหาความถขี่ องแอลลีลในปนะชากร ความถข่ี องแอลลีลในประชากร และ 2.2 กฎของฮารด์ ี - ไวนเ์ บิรก์ ทฤษฎขี องฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก 2.3 พนั ธุศาสตรป์ ระชากร 2.4 การประยกุ ตใ์ ช้กฎของฮาร์ดี – ไวนเ์ บริ ก์ 3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มวางแผนการสบื คน้ ขอ้ มลู โดยแบ่ง หัวข้อย่อยให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อท่ีกลุ่มไดร้ ับ โดย การสืบค้นจากใบความรู้ท่ีครูเตรียมมาให้ หรือจากหนังสือ วารสาร วิทยาศาสตร์ และอนิ เทอรเ์ น็ต 4. สมาชิกกลุ่มนาข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชกิ ในกล่มุ ฟัง รวมทง้ั รว่ มกนั อภิปรายซักถามจนคาดว่าสมาชิกทุกคนมีความรู้ความเข้าใจท่ี ตรงกัน จากน้ันช่วยกันสรุปความรู้ ท่ีได้ท้ังหมดเป็นแผนผัง ความคดิ โดยครรู ่วมสงั เกตทกั ษะม่งุ ม่ันในการทางาน ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ ( Explaination ) (70 นาท)ี 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผล การปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียนโดยครรู ว่ ม วัดผล ประเมินผล ด้าน ความรู้ 2. ครูอธิบาย โดยใชใ้ ช้ Power Point เรื่อง พันธศุ าสตร์ ประชากร โดยครูใช้แนวสรุปตอ่ ไปน้ี (แนวสรุป การหาความถ่ีของแอลลีลในประชากร ส่ิงมีชีวิตที่เป็น ดพิ ลอยในแตล่ ะเซลล์มีจานวน
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล โครโมโซมเพียง 2 ชุด และแต่ละยีนจะมี 2 แอลลีล ดังนั้นถ้าเรารู้ จานวนจีโนไทป์แต่ละชนิดของประชากร เราจะสามารถหาความถ่ี ของจีโนไทป์ ( genotype frequency) และความถี่ของแอลลีลใน ประชากรได้จากตัวอย่างดังนี้ในกลุ่มประชากรไม้ดอกชนิดหนึ่งท่ี ลักษณะสีดอกถูกควบคุมโดย ยีน 2 แอลลีล คือ R ควบคุมลักษณะ ดอกสีแดงเป็นลกั ษณะเด่น และ r ควบคุมลักษณะดอกสีขาวซ่ึงเป็น ลักษณะด้อย ในประชากรไม้ดอก 1,000 ต้น มีดอกสีขาว 40 ต้น และดอกสีแดง 960 ต้น โดยกาหนดให้เป็นดอกสีแดงท่ีมีจีโนไทป์ RR 640 ต้น และดอกสีแดงมีจีโนไทป์ Rr 320 ต้น ส่วนทฤษฎีของ ฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก จี เอช ฮาร์ดี ( G.H. Hardy ) และดับเบิลยู ไวน์เบิร์ก ( W. Weinberg ) ได้ศึกษายีนพูลของประชากร และได้แสนอทฤษฎี ของฮาร์ดีไวน์เบิร์ก(Hardy–WeinbergTheorem)ขึ้นโดยกล่าวว่า ความถ่ีของแอลลีล และความถี่ของจีโนไทป์ในยีนพูลของประชากร จะ มีค่าคงที่ในทุกๆรุ่น ถ้าไม่มีปัจจัยบางอย่างมาเก่ียวข้อง เช่น มิว เทชัน การคัดเลือกโดยธรรมชาติ การอพยพ แรนดอมจีเนติกดรฟิ ท์ (random genetic drift) และการถ่ายเท เคลื่อนย้ายยีน ( gene flow) เป็นตน้ ) ขัน้ ขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 20 นาที ) 1. นักเรียนค้นคว้าบทความหรือคาศัพท์ภาษาอังกฤษ เก่ียวกับ เรื่อง พันธุศาสตร์ประชากร จากหนังสือเรียน หรือ อนิ เทอรเ์ นต็ รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงในสมุด
ตวั ช้ีวัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมินผล 2. นักเรียนลงความคิดเห็น ในหัวข้อ การประยกุ ต์ใช้กฎของฮารด์ ี - ไวน์เบริ ์กในชวี ิตประจาวัน ลงในสมุดของตนเอง ขน้ั ประเมินผล ( Evalution ) ( 30 นาที ) 1. นกั เรียนทาใบงานที่ 1 เร่อื ง การหาความถีข่ องแอลลีล ในประชากร 2. นักเรียนและครูร่วมกันเฉลย ใบงานท่ี 1 เรื่อง การหา ความถี่ของแอลลีลในประชากรพร้อมทั้งครู วัดผลด้านความรู้ ความ เข้าใจ และสงั เกตทกั ษะการคานวณโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง วิวฒั นาการ แผนการสอนที่ 19 เรอ่ื ง หลกั ฐานทางวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวติรายวชิ าชีววิทยา 5 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 รหสั วิชา ว 33203 ครูผู้สอน นางสาวจนั จิรา ธนนั ชัย ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 2 ช่ัวโมง ตวั ชวี้ ดั / ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมินผล3. สืบคน้ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเป็นการ 1. แบบทดสอบก่อน ผ่านระดบั ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) 1. รปู ซากดึกดาขอ้ มูล อภปิ ราย เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ที ล ะ น้ อ ย จ า ก เรยี น เรอื่ ง วิวัฒนาการ คะแนนร้อย 1. ครูทบทวนความรู้เดิม เร่อื ง พนั ธุศาสตรท์ ี่มีการ บรรพ์ปลา และและอธบิ าย ส่ิงมีชีวิตแบบดั้งเดิมสืบต่อกันมา 2. แผนผังความคิด ละ 60 ข้ึน โครงกระดูกวิวัฒนาการของ เป็นเวลานาน จนกลายเป็น เรอ่ื ง หลักฐานทาง ไป เปลย่ี นแปลงท่ีเกดิ ข้นึ ใน DNA จากนัน้ ไดโนเสาร์สงิ่ มีชีวติ พันธุ ส่ิงมีชีวิตที่แตกต่างกันไปจากเดิม วิวัฒนาการของ นักเรียนทา แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่อื ง วิวฒั นาการ 2. Power Pointศาสตร์ ท้ังด้านรูปร่าง ส่วนประกอบ สิ่งมชี ีวติ เรอ่ื ง หลกั ฐานทางประชากร และ พฤติกรรม การดารงชีพ และ 2. ครูนารูป ซากดึกดาบรรพ์ปลา และโครง วิวัฒนาการของการกาเนดิ สปี ลักษณะอ่ืนๆ อันเป็นผลมาจาก กระดกู ไดโนเสาร์ ใหน้ กั เรียนดู จากนน้ั ครตู ้งั ประเดน็ คาถาม สง่ิ มชี ีวติ 3.ชสี ์ การ เปลี่ยนแปลง ทางด้าน ดงั น้ี หนงั สอื เรยี น ก ร ร ม พั น ธุ์ แ ล ะ ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม ชวี วทิ ยาเล่ม 4 ของ ส่ิงมีชีวิตแต่ละหน่วยไม่ก่อให้เกิด 2.1 นักเรียนรู้หรือไม่ว่าเหตุใด นักวิทยาศาสตร์ สถาบันสง่ เสรมิ การ วิ วั ฒ น า ก า ร ท้ั ง น้ี เ พ ร า ะ ถึงสามารถบอกอายุ ของซากดึกดาบรรพ์ ได้ เขาใชอ้ ะไรเป็นตัว สอนวิทยาศาสตร์ วิวัฒนาการจะเกิดขึ้นได้ในระดับ วดั อายุ และเทคโนโลยี ประชากร ซึ่งหมายถึงส่ิงมีชีวิต ชนิดเดียวกัน สามารถผสมพันธุ์ 2.2 แล้วทาไมไดโนเสาร์ถึงได้ถูกจัดจาแนกไว้ กัน ไดใ้ ห้กาเนดิ ลูกหลานทเ่ี หมือน กับสัตวเ์ ลอื้ ยคลาน เขาใช้อะไร เป็นเกณฑ์วดั บรรพบุรุษได้ ดังนั้นประชากร 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพื่อเช่ือมโยง ไปสู่การจัดการเรียนรู้ เร่ืองหลักฐานทางวิวัฒนาการของ ส่งิ มชี ีวติ ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration)
จึงถือได้ว่าเป็นหน่วยสาคัญของ 1. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 4 - 5 คน จานวน 5การวิวัฒนาการโดยอาศัย กลุ่ม โดยใช้วิธีการแบ่งกลุ่มแบบความร่วมมือโดยใชเ้ ทคนิคหลกั ฐานจากซากดกึ ดาบรรพ์ TGT (Team - Games – Tournament) โดยแทรกการหลกั ฐานจากกายวิภาค แข่งขันเข้ามาด้วยเพ่ือให้นกั เรยี นเกิดความสนกุ ในการเรียนเปรียบเทียบ หลักฐานจากวิทยา โดยจัดให้คละกัน ทั้งเพศ และความสามารถ ซึ่งทีมจะต้องเอม็ บริโอเปรียบเทียบ หลกั ฐาน ช่วยกันและกัน (ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนไว้ล่วงหน้า) โดยมีจากด้านชีววิทยาโมเลกุล หัวขอ้ ศกึ ษาดังน้ีหลกั ฐานจากทางชวี ภูมศิ าสตร์ 1.1 หลกั ฐานจากซากดึกดาบรรพ์ 1.2 หลักฐานจากกายวิภาคเปรียบเทียบ 1.3 ห ลั ก ฐ า น จ า ก วิ ท ย า เ อ็ ม บ ริ โ อ เปรียบเทยี บ 1.4 หลักฐานจากดา้ นชวี วิทยาโมเลกุล 1.5 หลกั ฐานจากทางชีวภูมศิ าสตร์ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่ม สืบค้นข้อมูล ตามหัวข้อ ของกลุ่มไดร้ ับ สมาชิกกลมุ่ นาข้อมูลทส่ี ืบคน้ ไดม้ ารายงานให้ เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปรายซักถาม จนคาดว่าสมาชิกทุกคนมีความรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน จากนั้นช่วยกันสรุปความรู้ท่ีได้ท้ังหมดเป็นแผนผังความคิด โดยครูรว่ มสงั เกตพฤตกิ รรมมงุ่ ม่ันในการทางาน ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ ( Explaination 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมา นาเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียนโดยครูร่วม
วัดผล ประเมินผล ด้านความรู้ และสังเกตทักษะการตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ 2. ครูอธิบาย โดยใช้ใช้ Power Point เร่ืองหลักฐานทางวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตโดยครูใช้แนวสรุปต่อไปน้ี แนวสรุป หลักฐานซากดึกดาบรรพ์ของส่งิ มีชวี ิตคอื หลักฐานดึกดาบรรพ์ของส่ิงมีชีวติ หรือหลักฐานทางธรณีวิทยา(geological evidence) เป็นหลักฐานซากพืชซากสัตว์ในช้ันหินต่าง ๆ ซึ่งเรียกว่า ซากดึกดาบรรพ์หรือฟอสซิล (fossil) วิชาท่ีศึกษาซากเหล่านี้เรียกว่า บรรพชีวินวิทยา (paleontology) หลักฐานกายวิภาคเปรียบเทียบคือ การศึกษาเปรียบเทียบของโครงสร้างต่างๆในตัวเต็มวัยกาเนดิ หนา้ ท่ี และการทางานของกลุ่มสิ่งมชี วี ิตต่างๆ ได้แก่Homologous structure แ ล ะ Analogous structureหลักฐานวิทยาเอมบริโอเปรียบเทียบ (Comparativeembryology) เฮคเกล (Haekel) เป็นผู้ศึกษาหลักฐานทางด้านน้ี เรียกว่า ทฤษฎีการย้อนลักษณะ(Theory ofRecapitulation) กล่าวว่าในการเจริญเติบโตของเอ็มบริโอลักษณะของเอ็มบริโอในขั้นต่างๆจะเป็นการย้อนรอยหรือทบทวนสายสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการของ บรรพบุรุษ และห ลั ก ฐ า น จ า ก ก า ร ก ร ะ จ า ย ต า ม ส ภ า พ ภู มิ ศ า ส ต ร์(Biogeography) กล่าวคือสภาพภมู ิศาสตร์ท่ีแตกต่างกันจะมีผลให้ส่ิงมีชีวิตต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม พืชและสัตว์มีแนวโน้มที่จะกระจายจาก ประชากรออกจากถ่ิน
ที่อยู่อาศัยเดิมออกไปโดยรอบจนกว่าจะพบสิ่งกีดขวางจึงจะหยุดการแพร่กระจายและจะก่อให้เกิดการคัดเลือก ตามธรรมชาติจนในทีส่ ดุ อาจนาไปสู่การเกิดส่งิ มีชวี ิตชนิดใหม่ขน้ั การขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 20 นาที ) 1. นักเรียนค้นคว้าบทคว ามหรือ ค า ศั พ ท์ภาษาอังกฤษเก่ียวกับ เร่ือง หลักฐานทางวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จากหนังสือเรียน หรืออินเทอร์เน็ต รวบรวมคาศัพทแ์ ละคาแปลลงในสมุด 2. นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับซากดึกดาบรรพ์ของส่ิงมีชวี ิตท่ีคน้ พบในประเทศไทย โดยมีประเดน็ การตอบคาถามดังน้ี - ซากดึกดาบรรพ์ท่ีนักเรียนศึกษามีลักษณะใกล้เคียงกับส่ิงมีชีวิตกลุ่มใด เพราะเหตุใดจึงจัดอยู่ในสง่ิ มชี ีวติ ดงั กลา่ ว - ซากดึกดาบรรพ์นี่สนับสนุนการเกิดววิ ฒั นาการไดอ้ ย่างไรขน้ั ประเมนิ ผล ( Evalution ) 1. ครูประเมินพฤติกรรมการทางาน กลุ่มความสามารถในการส่ือสาร และการทาแผนผงั ความคดิ 2. นักเรียนตอบคาถามท้ายบทเรียน พร้อมครูร่วมตรวจคาถามท้ายบทเรียน
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: