Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระฯ โลก ดาราศาสตร์ 2562150363

หลักสูตรกลุ่มสาระฯ โลก ดาราศาสตร์ 2562150363

Published by Jiab Chanchira, 2021-02-09 15:26:41

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระฯ โลก ดาราศาสตร์ 2562150363

Search

Read the Text Version

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรูร้ ายปี ม. 6 สาระเคมี ม. 5 1. กำหนดปัญหา และนำเสนอ แนวทางการแก้ปัญหา โดยใช้ 3. เข้าใจ 1. บอก และอธิบายข้อ ความรู้ทางเคมจี าก สถานการณท์ ี่เกดิ ข้ึน ใน หลักการทำ ปฏบิ ัตเิ บือ้ งต้น และ ชีวติ ประจำวัน การประกอบ อาชพี หรอื อตุ สาหกรรม ปฏิบตั ิการเคมี ปฏิบัติตน ทแ่ี สดงถงึ 2. แสดงหลกั ฐานถึงการ บรู ณาการความร้ทู างเคมี การวัดปรมิ าณ ความตระหนักในการทำ รว่ มกับสาขาวิชาอื่น รวมท้ัง ทกั ษะกระบวนการ ทาง สาร หน่วยวัด ปฏิบัติการเคมี เพ่อื ให้มี วิทยาศาสตร์หรอื กระบวนการ ออกแบบ เชิงวิศวกรรม โดย และการเปล่ียน ความปลอดภยั ท้งั ตอ่ เนน้ การคดิ วเิ คราะห์ การ แก้ปัญหาและความคดิ หนว่ ย การ ตนเอง ผูอ้ ืน่ และ สรา้ งสรรค์ เพ่อื แก้ ปัญหาใน สถานการณ์หรือประเดน็ ท่ี คำนวณปรมิ าณ สิ่งแวดลอ้ ม และเสนอ สนใจ 3. นำเสนอผลงานหรือชิน้ งาน ของสาร ความ แนวทางแก้ไขเมื่อเกิด ทีไ่ ดจ้ ากการแกป้ ญั หา ใน สถานการณห์ รอื ประเด็นที่ เข้มข้นของ อุบัติเหตุ สนใจโดยใช้ เทคโนโลยี สารสนเทศ สารละลาย 2. เลือกและใชอ้ ุปกรณ์ 4. แสดงหลักฐานการเขา้ รว่ ม การสมั มนา การเข้าร่วม รวมทั้งการ หรือเครอ่ื งมือในการทำ ประชมุ วชิ าการหรือการแสดง ผลงานสิง่ ประดิษฐใ์ นงาน บรู ณาการ ปฏิบัตกิ าร และวัด นทิ รรศการ ความร้แู ละ ปริมาณต่างๆ ได้อยา่ ง ทกั ษะในการ เหมาะสม อธิบาย 3. นำเสนอแผนการ ปรากฏการณใ์ น ทดลอง ทดลองและเขยี น ชวี ิตประจำวัน รายงานการทดลอง และการ 4. ระบหุ นว่ ยวดั ปรมิ าณ แก้ปัญหาทาง ตา่ ง ๆ ของสาร และ เคมี เปล่ยี นหนว่ ยวัดใหเ้ ป็น หนว่ ยในระบบเอสไอ ดว้ ยการใช้แฟกเตอร์ เปล่ยี นหนว่ ย 5. บอกความหมายของ มวลอะตอมของธาตุ และ คำนวณมวลอะตอมเฉล่ยี ของธาตุ มวลโมเลกุล และมวลสูตร

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรู้รายปี ม. 6 สาระเคมี ม. 4 ม. 5 3. เข้าใจ 6. อธบิ าย และคำนวณปริมาณใด หลักการทำ ปริมาณหน่งึ จาก ความสมั พันธ์ของโมล ปฏิบตั กิ ารเคมี จำนวนอนภุ าค มวล และ ปริมาตรของ การวัดปรมิ าณ แก๊สที่ STP สาร หนว่ ยวัด 7. คำนวณอตั ราสว่ นโดยมวลของธาตุ และการเปลีย่ น องคป์ ระกอบ ของสารประกอบตามกฎ หนว่ ย การ สดั สว่ นคงที่ คำนวณปรมิ าณ 8. คำนวณสูตรอยา่ งงา่ ยและสูตรโมเลกุล ของสาร ความ ของสาร เข้มข้นของ 9. คำนวณความเขม้ ข้นของสารละลายใน สารละลาย หนว่ ยตา่ ง ๆ รวมทง้ั การ 10. อธบิ ายวธิ ีการและเตรียมสารละลาย บรู ณาการ ให้มี ความเข้มขน้ ในหนว่ ยโมลารติ ี และ ความรแู้ ละ ปริมาตร สารละลายตามท่ีกำหนด ทกั ษะในการ 11. เปรยี บเทียบจดุ เดือดและจุดเยือก อธบิ าย แข็งของ สารละลายกับสารบรสิ ทุ ธิ์ ปรากฏการณ์ใน รวมทั้งคำนวณ จุดเดือดและจุดเยือกแข็ง ชวี ติ ประจำวนั ของสารละลาย และการ แก้ปัญหาทาง เคมี

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรูร้ ายปี ม. 6 สาระฟิสกิ ส์ ม. 4 ม. 5 1. เขา้ ใจ 1. สบื ค้น และอธบิ ายการคน้ หา ธรรมชาติทาง ความร้ทู างฟสิ ิกส์ ประวตั ิความ ฟสิ ิกส์ ปรมิ าณ เป็นมา รวมทง้ั พัฒนาการของ และ หลักการและแนวคิดทางฟสิ ิกส์ กระบวนการวดั ที่มผี ลต่อ การแสวงหาความรู้ การเคลอื่ นท่ี ใหมแ่ ละการพฒั นาเทคโนโลยี แนวตรง แรง 2. วัดและรายงานผลการวัด และกฎการ ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ ไดถ้ ูกตอ้ ง เคลื่อนที่ของ เหมาะสม โดยนำความ นิวตัน กฎความ คลาดเคล่ือน ในการวดั มา โน้มถ่วงสากล พิจารณาในการนำเสนอผล แรงเสียดทาน รวมทัง้ แสดงผลการทดลองใน สมดลุ กลของ รูปของกราฟ วเิ คราะห์ และ วัตถุ งานและ แปลความหมายจากกราฟ กฎการอนรุ ักษ์ เส้นตรง พลังงานกล 3. ทดลอง และอธิบาย โมเมนตมั และ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง ตำแหน่ง กฎการอนุรักษ์ การกระจัด ความเรว็ และ โมเมนตัม การ ความเรง่ ของการเคล่ือนท่ขี อง เคลอ่ื นทแี่ นว วตั ถใุ นแนวตรงทีม่ ีความเรง่ คง โค้ง รวมทงั้ นำ ตัวจากกราฟและสมการ รวมท้ัง ความรู้ไปใช้ ทดลองหาค่า ความเร่งโนม้ ถ่วง ประโยชน์ ของโลก และคำนวณปรมิ าณ ต่างๆ ท่เี ก่ียวข้อง 4. ทดลองและอธบิ ายการหา แรงลพั ธ์ของแรงสองแรงทที่ ำมุม ต่อกัน

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรูร้ ายปี ม. 6 สาระฟิสิกส์ ม. 4 ม. 5 1. เขา้ ใจ 5. เขยี นแผนภาพของแรงที่กระทำ ธรรมชาติทาง ตอ่ วตั ถอุ ิสระ ทดลอง และอธบิ าย ฟิสิกส์ ปริมาณ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน และ และ การใชก้ ฎการเคลอ่ื นที่ของนิวตัน กระบวนการวดั กับสภาพการเคลื่อนทีข่ องวตั ถุ การเคล่อื นที่ รวมทง้ั คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่ แนวตรง แรง เกยี่ วขอ้ ง และกฎการ 6. อธบิ ายกฎความโนม้ ถ่วงสากล เคลอ่ื นท่ีของนวิ และผลของ สนามโนม้ ถว่ งที่ทำให้ ตนั กฎความ วตั ถุมีนำ้ หนัก รวมทัง้ คำนวณ โน้มถ่วงสากล ปริมาณตา่ ง ๆ ที่เก่ยี วข้อง แรงเสียดทาน 7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณ สมดลุ กลของ แรงเสยี ดทาน ระหว่างผิวสมั ผสั วัตถุ งานและ ของวตั ถุคู่หนึง่ ๆ ในกรณที ่วี ัตถุ กฎการอนรุ ักษ์ หยุดน่ิงและวตั ถุเคลอื่ นที่ รวมทง้ั พลงั งานกล โม ทดลองหา สมั ประสทิ ธ์ิความเสียด เมนตมั และกฎ ทานระหว่างผิวสมั ผสั ของวตั ถคุ ู่ การอนุรักษ์ หนึ่งๆ และนำความรเู้ รอ่ื งแรง โมเมนตัม การ เสียดทานไปใช้ในชวี ิตประจำวนั เคลอ่ื นท่ี แนวโคง้ รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใช้ ประโยชน์

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 6 สาระฟิสกิ ส์ ม. 4 ม. 5 1. เข้าใจ 8. อธิบายสมดุลกลของวัตถุ โมเมนต์ ธรรมชาติทาง และผลรวมของโมเมนต์ท่ีมตี อ่ การหมนุ ฟิสกิ ส์ แรงค่คู วบและผลของแรงค่คู วบทีม่ ตี อ่ ปริมาณและ สมดลุ ของวตั ถุ เขยี นแผนภาพของแรงท่ี กระบวนการ กระทำตอ่ วัตถุอสิ ระเมือ่ วัตถุอย่ใู นสมดุล วัด การ กล และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี เคลอ่ื นท่ีแนว เกย่ี วข้อง รวมท้ังทดลองและอธิบาย ตรง แรงและ สมดลุ ของแรงสามแรง กฎการ 9. สังเกตและอธิบายสภาพการเคลอ่ื นท่ี เคล่ือนที่ของ ของวัตถุ เมอื่ แรงทก่ี ระทำตอ่ วัตถผุ า่ น นวิ ตนั กฎ ศนู ย์กลางมวลของวัตถุ และผลของศูนย์ ความโน้มถว่ ง ถ่วงทม่ี ตี ่อเสถียรภาพของวตั ถุ สากล แรง 10. วเิ คราะห์ และคำนวณงานของแรง เสยี ดทาน คงตัวจากสมการและพืน้ ที่ใต้กราฟ สมดลุ กลของ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรงกับตำแหนง่ วัตถุ งานและ รวมทงั้ อธบิ ายและคำนวณกำลังเฉลี่ย กฎการ 11. อธบิ ายและคำนวณพลงั งานจลน์ อนุรักษ์ พลังงานศักย์ พลงั งานกล ทดลองหา พลงั งานกล ความสัมพันธ์ระหวา่ งงานกบั พลงั งาน โมเมนตัมและ จลน์ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงานกับ กฎการ พลังงานศักย์โนม้ ถ่วงความสมั พันธ์ อนรุ กั ษ์ ระหว่างขนาดของแรงท่ีใชด้ งึ สปริงกบั โมเมนตมั ระยะที่สปรงิ ยืดออกและความสมั พันธ์ การเคลือ่ นท่ี ระหว่างงานกบั พลงั งานศักยย์ ืดหยุ่น แนวโคง้ รวมท้งั อธบิ ายความสัมพันธ์ระหวา่ ง รวมทั้งนำ งานของแรงลัพธแ์ ละพลังงานจลน์ ความรู้ไปใช้ และคำนวณงานทเี่ กดิ ข้ึนจากแรงลพั ธ์ ประโยชน์

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 6 สาระฟสิ กิ ส์ 12. อธบิ ายกฎการ ม. 5 1. เขา้ ใจ อนุรักษ์พลงั งานกล ธรรมชาติทาง รวมทัง้ วเิ คราะห์ และ ฟสิ ิกส์ ปริมาณ คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ และ ท่ีเก่ยี วข้องกับการ กระบวนการวดั เคลอ่ื นที่ของวัตถุใน การเคลอ่ื นที่ สถานการณต์ ่าง ๆ โดย แนวตรง แรง ใชก้ ฎการอนุรักษ์ และกฎการ พลงั งานกล เคล่ือนที่ของ 13. อธิบายการทำงาน นิวตนั กฎความ ประสิทธิภาพและการ โนม้ ถว่ งสากล ได้ เปรยี บเชงิ กลของ แรงเสียดทาน เคร่ืองกลอยา่ งงา่ ยบาง สมดุล กลของ ชนิด โดยใช้ความรู้ วัตถุ งานและ เรอ่ื งงานและสมดลุ กล กฎการอนรุ ักษ์ รวมท้งั คำนวณ พลงั งานกล โม ประสทิ ธภิ าพและการ เมนตัมและกฎ ได้เปรยี บเชงิ กล การอนุรักษ์ 14. อธบิ าย และ โมเมนตัม การ คำนวณโมเมนตัมของ เคลอื่ นทีแ่ นว วัตถุ และการดลจาก โคง้ รวมทงั้ นำ สมการและพืน้ ท่ีใต้ ความร้ไู ปใช้ กราฟ ความสัมพนั ธ์ ประโยชน์ ระหว่างแรงลพั ธ์กบั เวลา รวมทงั้ อธบิ าย ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง แรงดลกับโมเมนตมั

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 6 สาระฟิสกิ ส์ ม. 4 ม. 5 1. เข้าใจ 15. ทดลอง อธิบาย และคำนวณ ธรรมชาติทาง ปรมิ าณต่างๆ ทีเ่ กย่ี วกับการชนของ ฟิสิกส์ ปรมิ าณ วตั ถุในหนง่ึ มติ ิ ทงั้ แบบ ยืดหยุ่น ไม่ และ ยืดหยนุ่ และการดดี ตวั แยกจากกัน กระบวนการวดั ในหน่ึงมติ ซิ ่งึ เปน็ ไปตามกฎการอนุรกั ษ์ การเคลอ่ื นท่ี โมเมนตมั แนวตรง แรง 16. อธิบาย วเิ คราะห์ และคำนวณ และกฎการ ปรมิ าณต่างๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ เคล่ือนท่ีของ เคลอ่ื นทแี่ บบโพรเจกไทล์และทดลอง นิวตัน กฎความ การเคล่อื นทแี่ บบโพรเจกไทล์ โนม้ ถ่วงสากล 17. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพันธ์ แรงเสียดทาน ระหวา่ งแรงสศู่ นู ยก์ ลาง รศั มขี องการ สมดุล กลของ เคลือ่ นทซ่ี ่ึงมีอตั ราเรว็ เชงิ เสน้ อัตราเรว็ วตั ถุ งานและ เชิงมุม และมวลของวตั ถุ ในการ กฎการอนรุ ักษ์ เคล่ือนที่แบบวงกลมในระนาบ พลังงานกล ระดบั รวมทงั้ คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ โมเมนตมั และ ทเี่ กีย่ วขอ้ งและประยุกต์ใชค้ วามรูก้ าร กฎการอนุรักษ์ เคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลม ในการอธิบายการ โมเมนตัม การ โคจรของดาวเทยี ม เคลอื่ นทแ่ี นว โคง้ รวมทง้ั นำ ความรไู้ ปใช้ ประโยชน์

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรู้รายปี ม. 6 ม. 4 ม. 5 สาระฟิสกิ ส์ 2. เข้าใจการ เคลือ่ นทีแ่ บบ 1. ทดลอง และอธิบายการเคลอื่ นทแ่ี บบ ฮาร์มอนิกอยา่ ง ฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของวัตถุติดปลายสปริง งา่ ย ธรรมชาติ และลูกตุ้ม อยา่ งง่าย รวมทัง้ คำนวณปริมาณ ของคลื่น เสียง ตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง และ การได้ยิน 2. อธิบายความถ่ีธรรมชาตขิ องวัตถแุ ละ ปรากฏการณ์ท่ี การเกดิ การสัน่ พ้อง เกี่ยวข้องกบั 3. อธบิ ายปรากฏการณ์คลนื่ ชนดิ ของ เสียง แสงและ คลน่ื ส่วนประกอบของคล่นื การแผ่ของ การเห็น หน้าคลน่ื ด้วยหลักการของฮอยเกนส์ และ ปรากฏการณ์ การรวมกัน ของคล่ืนตามหลักการซอ้ นทับ ที่เกย่ี วข้องกับ พรอ้ มทั้งคำนวณ อตั ราเร็ว ความถี่ และ แสง รวมท้ังนำ ความยาวคลนื่ ความรไู้ ปใช้ 4. สังเกต และอธิบายการสะทอ้ น การหัก ประโยชน์ เห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบนของ คล่นื ผวิ นำ้ รวมทง้ั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้อง 5. อธิบายการเกดิ เสียง การเคล่ือนท่ขี อง เสียง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างคลื่น การ กระจัดของ อนุภาคกับคลื่นความดัน ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง อัตราเรว็ ของเสยี ง ในอากาศท่ีขน้ึ กับอุณหภมู ิในหน่วยองศา เซลเซียส สมบตั ิของคลืน่ เสียง ไดแ้ ก่ การ สะท้อน การหักเห การแทรกสอด การ เลีย้ วเบน รวมทัง้ คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้อง 6. อธิบายความเขม้ เสยี ง ระดบั เสยี ง องคป์ ระกอบของการไดย้ ิน คุณภาพเสยี ง และมลพิษทาง เสียง รวมทั้งคำนวณ ปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรียนรูร้ ายปี ม. 6 ม. 5 สาระฟิสกิ ส์ 2. เขา้ ใจการ 7. ทดลอง และอธบิ ายการเกิดการสัน่ พ้อง เคล่อื นทีแ่ บบ ของอากาศในท่อปลายเปิดหนึ่งด้าน ฮารม์ อนกิ ส์ รวมทั้งสงั เกต และอธบิ ายการเกิดบีต อย่างง่าย คลน่ื นง่ิ ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ คลืน่ ธรรมชาตขิ อง กระแทกของเสียง คำนวณ ปรมิ าณต่าง ๆ คลื่น เสยี งและ ทีเ่ ก่ยี วข้องและนำความรู้ เรอื่ งเสียงไปใช้ การไดย้ นิ ในชีวติ ประจำวนั ปรากฏการณ์ที่ 8. ทดลอง และอธบิ ายการแทรกสอดของ เกีย่ วขอ้ งกับ แสง ผ่านสลติ คู่และเกรตตงิ การเล้ียวเบน เสียง แสงและ และการแทรกสอดของแสงผา่ นสลติ เด่ยี ว การเห็น รวมท้ังคำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ปรากฏการณ์ ท่ี 9. ทดลองและอธบิ ายการสะทอ้ นของแสง เก่ียวข้องกบั ที่ผวิ วตั ถุ ตามกฎการสะท้อน เขียนรงั สี แสง รวมท้งั นำ ของแสงและคำนวณตำแหน่งและขนาด ความรไู้ ปใช้ ภาพของวตั ถุ เมือ่ แสงตกกระทบกระจกเงา ประโยชน์ ราบและกระจกเงาทรงกลม รวมทัง้ อธิบาย การนำความรเู้ รื่องการสะท้อนของแสง จากกระจกเงาราบ และกระจกเงา ทรง กลมไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจำวัน 10. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพนั ธ์ ระหว่างดรรชนหี กั เห มุมตกกระทบ และ มุมหกั เห รวมทงั้ อธิบายความสัมพันธ์ ระหวา่ งความลกึ จริง และความลึกปรากฏ มุมวิกฤตและการสะท้อนกลบั หมดของ แสง และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่ เก่ียวขอ้ ง

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรูร้ ายปี ม. 4 ม. 5 ม. 6 สาระฟสิ ิกส์ 2. เข้าใจการ เคลอื่ นทีแ่ บบ 11. ทดลอง และเขียนรังสขี อง ฮารม์ อนิกส์ แสงเพ่อื แสดงภาพทเี่ กิดจาก อยา่ งง่าย เลนส์บางหาตำแหน่ง ขนาด ธรรมชาติของ ชนดิ ของภาพ และ คลนื่ เสียงและ ความสมั พนั ธ์ระหว่างระยะวตั ถุ การไดย้ ิน ระยะภาพและความยาวโฟกสั ปรากฏการณ์ท่ี รวมทงั้ คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ี เกีย่ วขอ้ งกับ เกี่ยวข้องและอธิบายการนำ เสียง แสงและ ความรเู้ รอ่ื งการหกั เหของแสง การเห็น ผา่ นเลนสบ์ างไปใชป้ ระโยชน์ใน ปรากฏการณ์ ท่ี ชีวติ ประจำวัน เกย่ี วข้องกับ 12. อธิบายปรากฏการณ์ แสง รวมทง้ั นำ ธรรมชาติท่ีเกี่ยวกับแสง ความรูไ้ ปใช้ 13. สังเกตและอธบิ ายการ ประโยชน์ มองเหน็ แสงสี สีของวตั ถุ การ ผสมสารสี และการผสมแสงสี รวมทัง้ อธิบายสาเหตขุ องการ บอดสี

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรู้รายปี สาระฟิสกิ ส์ 3. เขา้ ใจแรงไฟฟ้า ม. 4 ม. 5 ม. 6 และกฎของคลู อมบ์ สนามไฟฟ้า 1. ทดลอง และอธบิ ายการทำ 1. สงั เกต และอธบิ ายเส้น ศกั ย์ไฟฟา้ ความจุ ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า วัตถุท่เี ป็นกลางทาง ไฟฟ้าให้ สนามแม่เหล็ก อธบิ าย และ และกฎของโอห์ม วงจรไฟฟ้า มปี ระจไุ ฟฟา้ โดยการขัดสีกนั คำนวณฟลกั ซแ์ มเ่ หล็กใน กระแสตรง พลงั งานไฟฟ้าและ และการ เหน่ียวนำไฟฟ้าสถติ บรเิ วณทีก่ ำหนด รวมทั้ง กำลงั ไฟฟ้า การ เปลี่ยนพลงั งาน 2. อธิบาย และคำนวณ สังเกต และอธิบาย ทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟา้ แรงไฟฟ้าตามกฎของ สนามแม่เหล็กที่ เกดิ จาก สนามแม่เหลก็ แรง แม่เหล็ก ท่ีกระทำ คลู อมบ์ กระแสไฟฟ้าในลวดตวั นำ กับประจุไฟฟ้าและ กระแสไฟฟา้ การ 3. อธิบาย และคำนวณ เส้นตรงและโซเลนอยด์ เหนีย่ วนำ แมเ่ หล็กไฟฟ้าและ สนามไฟฟ้าและแรงไฟฟา้ ท่ี 2. อธิบาย และคำนวณแรง กฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลับ กระทำกับอนุภาคท่ีมปี ระจุ แม่เหลก็ ที่กระทำตอ่ อนุภาคท่ี คล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า และการส่ือสาร ไฟฟา้ ที่อย่ใู นสนาม ไฟฟ้า มีประจุไฟฟา้ เคล่ือนทใ่ี น รวมทัง้ นำความรู้ไป รวมทัง้ หาสนามไฟฟ้าลัพธ์ สนามแมเ่ หล็ก แรงแม่เหล็กที่ ใช้ประโยชน์ เนอื่ งจากระบบ จุดประจุ กระทำต่อเสน้ ลวดที่มี โดยรวมกันแบบเวกเตอร์ กระแสไฟฟ้า ผา่ นและวางใน สนามแมเ่ หลก็ รัศมคี วามโคง้ 4. อธบิ าย และคำนวณ พลังงานศักย์ไฟฟ้า ศักย์ไฟฟา้ ของ การเคลือ่ นท่เี มื่อประจุ และความต่างศักย์ระหวา่ งสอง เคลื่อนท่ตี ้ังฉากกับ สนามแมเ่ หล็ก รวมทั้งอธิบาย ตำแหน่งใด ๆ แรงระหวา่ งเสน้ ลวด ตวั นำ 5. อธิบายส่วนประกอบของ คขู่ นานท่ีมกี ระแสไฟฟ้าผา่ น ตัวเก็บประจุ ความสัมพันธ์ 3. อธบิ ายหลักการทำงาน ระหว่างประจุไฟฟ้า ความต่าง ของแกลแวนอมิเตอร์และ ศกั ย์ และความจุของตัวเกบ็ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ประจุ และอธบิ ายพลังงาน รวมทง้ั คำนวณ ปรมิ าณ สะสมในตวั เก็บประจุ และ ตา่ งๆ ทเี่ ก่ยี วข้อง ความจสุ มมลู รวมทงั้ คำนวณ ปริมาณตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วข้อง 6. นำความรู้เร่ืองไฟฟา้ สถิตไป อธบิ ายหลักการทำงานของ เครือ่ งใช้ไฟฟา้ บางชนิด และ ปรากฏการณ์ใน ชวี ติ ประจำวนั

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรรู้ ายปี ม. 6 ม. 5 สาระฟสิ กิ ส์ 3. เขา้ ใจแรงไฟฟา้ 7. อธิบายการเคล่ือนท่ีของ 4. สงั เกต และอธบิ ายการ และกฎของ อิเล็กตรอนอสิ ระและ เกิดอเี อ็มเอฟเหนี่ยวนำ กฎ คูลอมบ์ กระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ การเหนี่ยวนำของฟาราเดย์ สนามไฟฟ้า ความสัมพันธ์ระหว่าง และคำนวณ ปริมาณต่าง ๆ ศักยไ์ ฟฟา้ ความจุ กระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ ทเ่ี กยี่ วข้อง รวมท้ังนำความรู้ ไฟฟา้ กับความเรว็ ลอยเล่ือนของ เร่อื งอีเอม็ เอฟเหนยี่ วนำไป กระแสไฟฟา้ และ อเิ ลก็ ตรอนอสิ ระ ความ อธิบายการทำงาน กฎของโอห์ม หนาแน่นของ อิเล็กตรอนใน 5. อธบิ าย และคำนวณความ วงจรไฟฟ้า ลวดตัวนำและพนื้ ท่หี น้าตัด ตา่ งศกั ย์อาร์เอม็ เอส และ กระแสตรง ของลวดตวั นำ และคำนวณ กระแสไฟฟ้าอารเ์ อ็มเอส พลังงานไฟฟ้าและ ปรมิ าณตา่ งๆ ท่ีเก่ยี วข้อง 6. อธบิ ายหลักการทำงานและ กำลังไฟฟา้ การ 8. ทดลอง และอธิบายกฎ ประโยชน์ของเคร่อื งกำเนิด เปลยี่ นพลังงาน ของโอห์ม อธิบาย ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส การ ทดแทนเปน็ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งความ แปลงอเี อ็มเอฟของหม้อแปลง พลังงานไฟฟ้า ต้านทานกบั ความยาว และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่ สนามแม่เหลก็ พน้ื ที่หนา้ ตัดและสภาพ เกี่ยวขอ้ ง แรงแม่เหล็ก ที่ ต้านทานของตวั นำโลหะ 7. อธบิ ายการเกดิ และ กระทำกับประจุ ท่อี ณุ หภมู ิคงตวั และ ลกั ษณะเฉพาะของ คล่ืน ไฟฟา้ และ คำนวณปรมิ าณตา่ งๆ ที่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แสงไมโ่ พลาไรส์ กระแสไฟฟ้า การ เกีย่ วขอ้ ง รวมท้ังอธบิ าย แสงโพลาไรสเ์ ชงิ เส้น และแผน่ เหน่ียวนำ และคำนวณ ความต้านทาน โพลารอยด์ รวมทงั้ อธิบายการ แม่เหลก็ ไฟฟ้า สมมลู เมอื่ นำตัวตา้ นทาน นำคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า ในช่วง และกฎของ มาตอ่ กนั แบบอนุกรมและ ความถตี่ ่าง ๆ ไปประยกุ ตใ์ ช้ ฟาราเดย์ ไฟฟา้ แบบขนาน และหลกั การทำงานของ กระแสสลบั คล่ืน 9. ทดลอง อธิบาย และ อุปกรณ์ท่ีเก่ียวข้อง แม่เหล็กไฟฟ้า คำนวณอเี อ็มเอฟของ และการสื่อสาร แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ รวมทัง้ นำความรู้ กระแสตรง รวมท้ังอธิบาย ไปใช้ประโยชน์ และคำนวณพลังงานไฟฟ้า และกำลังไฟฟา้

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรรู้ ายปี สาระฟสิ กิ ส์ 3. เข้าใจแรงไฟฟ้า ม. 4 ม. 5 ม. 6 และกฎของคลู อมบ์ สนามไฟฟ้า 10. ทดลอง และคำนวณ 8. สบื คน้ และอธบิ ายการ ศักยไ์ ฟฟา้ ความจุ ไฟฟ้า กระแสไฟฟา้ อีเอ็มเอฟสมมลู จากการ ต่อ สื่อสารโดยอาศัย คล่นื และกฎของโอห์ม วงจรไฟฟ้า แบตเตอร่ีแบบอนุกรมและ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ในการส่งผ่าน กระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและ แบบขนาน รวมท้ังคำนวณ สารสนเทศ และเปรียบเทยี บ กำลงั ไฟฟา้ การ เปลี่ยนพลงั งาน ปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง การสอ่ื สารดว้ ยสญั ญาณ ทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า ในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงซึ่ง แอนะล็อกกบั สัญญาณดิจทิ ลั สนามแม่เหลก็ แรง แมเ่ หล็ก ที่กระทำ ประกอบดว้ ยแบตเตอร่แี ละ กบั ประจุไฟฟ้าและ กระแสไฟฟา้ การ ตัวต้านทาน เหน่ยี วนำ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและ 11. อธิบายการเปลี่ยน กฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ พลงั งานทดแทนเป็น คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ และการส่ือสาร พลังงานไฟฟา้ รวมทงั้ รวมท้ังนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ สืบค้นและอภปิ ราย เกีย่ วกบั เทคโนโลยี ที่ นำมาแกป้ ัญหาหรือ ตอบสนองความต้องการ ทางดา้ นพลังงาน ไฟฟ้า โดยเนน้ ด้านประสทิ ธภิ าพ และ ความคุ้มค่าด้าน คา่ ใช้จ่าย

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรรู้ ายปี ม. 5 ม. 6 สาระฟสิ ิกส์ 4. เข้าใจ ความสมั พันธ์ของ 1. อธิบาย และคำนวณความร้อนทีท่ ำให้ ความร้อนกบั การ สสารเปลย่ี นอณุ หภมู ิ ความร้อนท่ที ำใหส้ สาร เปลีย่ นอณุ หภมู แิ ละ เปลย่ี นสถานะ และความร้อนที่เกดิ จากการ สถานะของสสาร ถา่ ยโอนตามกฎการอนุรกั ษ์พลังงาน สภาพยดื หยุ่นของ 2. อธิบายสภาพยดื หยุ่นและลักษณะการยืด วสั ดุและมอดลุ สั ของ และหดตวั ของวัสดุทเ่ี ป็นแท่ง เมอ่ื ถูกกระทำ ยงั ความดนั ในของ ด้วยแรงคา่ ตา่ ง ๆ รวมทง้ั ทดลอง อธบิ ายและ ไหล แรงพยงุ และ คำนวณความเคน้ ตามยาว ความเครยี ด หลกั ของอารค์ ิมีดิส ตามยาวและมอดูลัสของยงั และนำความรู้ ความตึงผิวและแรง เรือ่ งสภาพยดื หยนุ่ ไปใช้ในชีวติ ประจำวัน หนดื ของของเหลว 3. อธบิ าย และคำนวณความดันเกจ ความดนั ของไหลอุดมคติ และ สมั บรู ณ์ และความดนั บรรยากาศ รวมทั้ง สมการแบรน์ ูลลี กฎ อธบิ ายหลักการทำงานของแมนอมเิ ตอร์ ของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ บารอมิเตอร์ และเคร่ืองอดั ไฮดรอลิก ของแกส๊ อุดมคติและ 4. ทดลอง อธิบาย และคำนวณขนาดแรงพยงุ พลงั งานในระบบ จากของไหล ทฤษฎีอะตอมของ 5. ทดลอง อธบิ าย และคำนวณความตงึ ผิว โบร์ ปรากฏการณ์โฟ ของของเหลว รวมทงั้ สังเกตและอธบิ าย โตอิเล็กทรกิ ทวิภาวะ แรงหนดื ของของเหลว ของคล่นื และ อนุภาค 6. อธิบายสมบัติของของไหลอดุ มคติ สมการ กมั มันตภาพรงั สี แรง ความตอ่ เนื่อง และสมการแบร์นูลลี รวมท้ัง นิวเคลยี ร์ ปฏิกริ ยิ า คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ ง และนำ นวิ เคลียร์ พลงั งาน ความรู้ เกี่ยวกับสมการความต่อเน่ืองและ นิวเคลียร์ ฟสิ ิกส์ สมการแบร์นูลลี ไปอธบิ ายหลกั การทำงาน อนภุ าค รวมทั้งนำ ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 7. อธิบายกฎของแก๊สอุดมคติและคำนวณ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกยี่ วข้อง 8. อธบิ ายแบบจำลองของแก๊สอุดมคติ ทฤษฎี จลนข์ องแกส๊ และอัตราเรว็ อารเ์ อ็มเอสของ โมเลกลุ ของแกส๊ รวมทัง้ คำนวณปรมิ าณ ตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นร้รู ายปี ม. 5 ม. 6 สาระฟสิ ิกส์ 4. เขา้ ใจ ความสัมพันธ์ของ 9. อธิบายและคำนวณงานท่ีทำโดยแก๊สใน ความรอ้ นกบั การ ภาชนะปิดโดยความดนั คงตวั และอธิบาย เปลย่ี นอุณหภมู แิ ละ ความสมั พนั ธ์ ระหว่างความร้อน พลังงาน สถานะของสสาร ภายในระบบและงาน รวมทั้งคำนวณ สภาพยืดหยุ่นของ ปริมาณต่างๆ ทเี่ กี่ยวข้อง และนำความรู้ วสั ดแุ ละมอดลุ ัสของ เรอ่ื งพลังงานภายในระบบ ไปอธบิ าย ยัง ความดนั ในของ หลกั การทำงานของเคร่ืองใชใ้ น ไหล แรงพยุง และ ชีวติ ประจำวนั หลกั ของอารค์ ิมดี สิ 10. อธบิ ายสมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎี ความตึงผวิ และแรง อะตอมของโบร์ และการเกดิ เส้นสเปกตรมั หนดื ของของเหลว ของไหลอดุ มคติ และ 11. อธบิ ายปรากฏการณโ์ ฟโตอิเลก็ ทริก สมการแบร์นลู ลี กฎ และคำนวณพลงั งานโฟตอน พลังงานจลน์ ของแกส๊ ทฤษฎีจลน์ ของโฟโตอิเล็กตรอนและฟังก์ชนั งานของ ของแกส๊ อุดมคติและ โลหะ พลงั งานในระบบ 12. อธบิ ายทวิภาวะของคลน่ื และอนุภาค ทฤษฎอี ะตอมของ รวมทง้ั อธบิ ายและคำนวณความยาวคลื่น โบร์ ปรากฏการณ์ เดอบรอยล์ โฟโตอเิ ลก็ ทริก 13. อธิบายกมั มันตภาพรงั สีและความ ทวภิ าวะของคล่นื และ แตกต่างของรังสแี อลฟา บีตาและแกมมา อนภุ าค 14. อธบิ าย และคำนวณกมั มันตภาพของ กมั มนั ตภาพรงั สี แรง นิวเคลยี สกมั มันตรงั สี รวมท้ังทดลอง นิวเคลียร์ ปฏิกิริยา อธบิ าย และคำนวณจำนวนนวิ เคลียส นิวเคลยี ร์ พลงั งาน กมั มันตภาพรงั สที เ่ี หลอื จากการสลาย และ นวิ เคลียร์ ฟิสิกส์ ครึง่ ชวี ติ อนภุ าค รวมทั้งนำ 15. อธิบายแรงนวิ เคลียร์ เสถยี รภาพของ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ นิวเคลียสและพลังงานยึดเหน่ียว รวมท้ัง คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรู้รายปี สาระโลก 1. เข้าใจกระบวนการ ม. 4 ม. 5 ม. 6 ดารา เปลย่ี นแปลงภายใน ศาสตร์ โลก ธรณีพิบัติภยั 1. อธบิ ายการแบ่งชัน้ และ 16. อธิบายปฏิกริ ยิ า และอวกาศ และผลตอ่ สิง่ มีชีวิต สมบตั ิของโครงสร้างพร้อม นวิ เคลยี ร์ ฟิชชนั และสงิ่ แวดล้อม ยกตวั อย่างขอ้ มลู ที่ และฟิวชัน รวมทง้ั รวมท้ังการศึกษา สนบั สนนุ คำนวณพลังงาน ลำดับช้ันหนิ 2. อธบิ ายหลักฐานทาง นวิ เคลยี ร์ ทรพั ยากรธรณี ธรณวี ทิ ยาทสี่ นับสนนุ การ 17. อธิบายประโยชน์ แผนท่ี การนำไปใช้ เคลอ่ื นท่ีของแผ่นธรณี ของพลงั งาน ประโยชน์ 3. ระบสุ าเหตแุ ละอธิบาย นิวเคลยี ร์ และรังสี แนวรอยต่อของแผ่นธรณี รวมทั้งอันตรายและ ท่ีสมั พนั ธ์กบั การเคล่ือนท่ี การปอ้ งกนั รังสี ใน ของแผ่นธรณี พร้อม ดา้ นตา่ ง ๆ ยกตวั อย่างหลกั ฐานทาง 18. อธิบายการ ธรณวี ิทยาทพ่ี บ คน้ คว้าวจิ ยั ด้าน 4. วิเคราะหห์ ลกั ฐานทาง ฟสิ กิ สอ์ นภุ าค ธรณวี ิทยาทีพ่ บในปัจจบุ ัน แบบจำลองมาตรฐาน และอธิบายลำดบั และการใช้ประโยชน์ เหตกุ ารณท์ างธรณวี ทิ ยา จากการคน้ คว้าวิจยั ในอดีต ด้านฟิสิกส์อนุภาค 5. อธิบายสาเหตุ ในดา้ นตา่ ง ๆ กระบวนการเกิดภูเขาไฟ ระเบดิ และปัจจัยทที่ ำให้ ความรนุ แรงของการปะทุ และรปู ร่างของภูเขาไฟ แตกตา่ งกนั รวมทง้ั สืบค้นข้อมูลพื้นทเ่ี สี่ยงภยั ออกแบบและนำเสนอ แนวทางการเฝ้าระวงั และ การปฏบิ ัติตน ใหป้ ลอดภัย

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรูร้ ายปี ม. 6 ม. 4 ม. 5 สาระโลก 1. เข้าใจกระบวนการ 6. อธิบายสาเหตุ กระบวนการ ดารา เปล่ียนแปลงภายใน เกดิ ขนาดและความรนุ แรง และ ศาสตร์ โลก ธรณพี บิ ัตภิ ัย ผลจากแผ่นดนิ ไหว รวมท้ัง และอวกาศ และผลต่อสิ่งมีชวี ิต สบื คน้ ขอ้ มูลพื้นท่เี สีย่ งภัย และสง่ิ แวดลอ้ ม ออกแบบและนำเสนอ แนว รวมทง้ั การศึกษา ทางการเฝา้ ระวังและการปฏิบตั ิ ลำดับช้ันหิน ตนให้ ปลอดภัย ทรัพยากรธรณี 7. อธิบายสาเหตุ กระบวนการ แผนที่ การนำไปใช้ เกิด และผลจากสนึ ามิรวมทัง้ ประโยชน์ สบื ค้นข้อมลู พืน้ ที่เสย่ี งภยั ออกแบบและนำเสนอแนว ทางการเฝา้ ระวงั และการปฏิบัติ ตนให้ปลอดภัย 8. ตรวจสอบ และระบชุ นิดแร่ รวมท้งั วิเคราะห์ สมบตั แิ ละ นำเสนอการใชป้ ระโยชน์จาก ทรพั ยากรแรท่ ี่เหมาะสม 9. ตรวจสอบ จำแนกประเภท และระบชุ ื่อหนิ รวมทัง้ วเิ คราะห์ สมบตั ิและนำเสนอการใช้ ประโยชนข์ องทรัพยากรหินที่ เหมาะสม

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นร้รู ายปี ม. 6 ม. 4 ม. 5 สาระโลก 1. เข้าใจกระบวนการ 10. อธิบายกระบวนการ ดารา เปลี่ยนแปลงภายใน เกิดและการสำรวจ แหล่ง ศาสตร์ โลก ธรณพี ิบัติภัย ปโิ ตรเลยี มและถ่านหิน โดย และอวกาศ และผลต่อสงิ่ มีชีวติ ใช้ข้อมูลทางธรณีวทิ ยา และสงิ่ แวดล้อม 11. อธิบายสมบัติของ รวมท้ังการศึกษา ผลิตภัณฑท์ ี่ไดจ้ าก ลำดบั ช้นั หิน ปโิ ตรเลยี มและถา่ นหิน ทรพั ยากรธรณี พรอ้ มนำเสนอการใช้ แผนท่ี การนำไปใช้ ประโยชน์อยา่ งเหมาะสม ประโยชน์ 12. อ่านและแปลความหมาย จากแผนทภ่ี มู ิประเทศ และแผนท่ธี รณวี ทิ ยาของ พ้ืนที่ ที่กำหนดพร้อม ท้งั อธิบายและยกตวั อย่าง การนำไปใช้ประโยชน์

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 6 ม. 5 สาระโลก 2. เข้าใจสมดลุ 1. อธบิ ายปัจจยั สำคัญทม่ี ีผลตอ่ ดารา พลังงานของโลก การ การรับและ คายพลงั งานจากดวง ศาสตร์ หมนุ เวยี นของอากาศ อาทติ ย์แตกต่างกนั และผลทม่ี ีตอ่ และอวกาศ บนโลก การ อุณหภูมิอากาศในแตล่ ะบริเวณของ หมนุ เวยี น ของนำ้ ใน โลก มหาสมทุ ร การเกดิ 2. อธิบายกระบวนการทท่ี ำใหเ้ กดิ เมฆ การเปล่ยี นแปลง สมดลุ พลงั งาน ของโลก ภูมอิ ากาศโลกและผล 3. อธิบายผลของแรงเนือ่ งจาก ต่อสิง่ มชี วี ติ และ ความแตกตา่ งของ ความกด ส่ิงแวดล้อม รวมทั้ง อากาศ แรงคอริออลสิ แรงสู่ การพยากรณ์อากาศ ศูนย์กลางและแรงเสยี ดทานที่มตี ่อ การหมุนเวียนของอากาศ 4. อธบิ ายการหมนุ เวยี นของ อากาศตามเขตละตจิ ดู และผลทมี่ ี ต่อภมู อิ ากาศ 5. อธิบายปจั จยั ท่ีทำใหเ้ กิดการ แบ่งชนั้ น้ำ ในมหาสมทุ ร 6. อธบิ ายปจั จยั ทท่ี ำใหเ้ กดิ การ หมุนเวยี นของน้ำใน มหาสมทุ ร และรปู แบบการหมุนเวียนของนำ้ ในมหาสมทุ ร 7. อธิบายผลของการหมนุ เวียนของ นำ้ ในมหาสมุทรท่ีมีต่อลกั ษณะลม ฟา้ อากาศ สง่ิ มีชวี ิตและ สง่ิ แวดล้อม 8. อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง เสถยี รภาพอากาศ และการเกิดเมฆ 9. อธิบายการเกิดแนวปะทะ อากาศแบบต่างๆ และลักษณะลม ฟา้ อากาศทเี่ กีย่ วข้อง

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรู้รายปี ม. 6 ม. 5 สาระโลก 2. เขา้ ใจสมดลุ 10. อธบิ ายปจั จัยตา่ งๆท่ีมีผลตอ่ ดารา พลังงานของโลก การ การเปลีย่ นแปลง ภมู ิอากาศของ ศาสตร์ หมุนเวยี นของอากาศ โลก พรอ้ มยกตวั อย่างขอ้ มูล และอวกาศ บนโลก การ สนบั สนุน หมุนเวียน ของนำ้ ใน 11. วเิ คราะห์ และอภิปราย มหาสมุทร การเกดิ เหตกุ ารณ์ท่เี ป็นผลจาก การ เมฆ การเปล่ยี นแปลง เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และ ภูมิอากาศโลกและผล นำเสนอ แนวปฏิบัติของมนษุ ยท์ ี่มี ตอ่ สิ่งมชี วี ติ และ ส่วนชว่ ยในการชะลอ การ สิ่งแวดลอ้ ม รวมทง้ั เปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลก การพยากรณ์อากาศ 12. แปลความหมายสัญลกั ษณ์ ลมฟา้ อากาศ บนแผนท่ีอากาศ 13. วิเคราะห์ และคาดการณ์ ลกั ษณะลมฟ้าอากาศเบ้ืองตน้ จาก แผนทอ่ี ากาศและขอ้ มลู สารสนเทศอน่ื ๆ เพ่ือวางแผนใน การประกอบอาชพี และ การ ดำเนินชีวติ ใหส้ อดคล้องกบั สภาพ ลมฟ้า อากาศ

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 5 ม. 6 สาระโลก 3. เข้าใจ ดารา องค์ประกอบ 1. อธบิ ายการกำเนิดและการเปล่ยี นแปลง ศาสตร์ ลักษณะ กระบวนการ พลังงาน สสาร ขนาดอุณหภมู ิของเอกภพหลงั และอวกาศ เกดิ และวิวัฒนาการ เกิดบกิ แบง ในช่วงเวลาตา่ ง ๆ ตามววิ ฒั นาการ ของเอกภพ ของเอกภพ กาแล็กซี 2. อธิบายหลักฐานท่ีสนบั สนุนทฤษฎบี ิกแบง จาก ดาวฤกษ์ และระบบ ความสัมพันธ์ระหวา่ งความเรว็ กับระยะทางของ สุรยิ ะ ความสมั พนั ธ์ กาแล็กซี รวมทั้งข้อมลู การคน้ พบไมโครเวฟ พืน้ ของดาราศาสตรก์ ับ หลงั จากอวกาศ มนุษย์ จากการศึกษา 3. อธิบายโครงสร้างและองค์ประกอบของ ตำแหนง่ ดาวบนทรง กาแลก็ ซีทางช้างเผือกและระบุตำแหนง่ ของ กลมฟ้าและ ระบบสุรยิ ะ พรอ้ มอธบิ ายเชอ่ื มโยงกบั การ ปฏิสมั พนั ธ์ภายใน สงั เกตเห็นทางช้างเผือกของคนบนโลก ระบบสุริยะ รวมทัง้ 4. อธบิ ายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดง การประยุกต์ใช้ การเปลีย่ นแปลงความดัน อุณหภมู ิ ขนาดจาก เทคโนโลยอี วกาศใน ดาวฤกษ์ก่อนเกิดจนเป็นดาวฤกษ์ การดำรงชีวิต 5. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งพลังงานของดาว ฤกษ์และผลท่ีเกิดข้ึน โดยวเิ คราะห์ปฏกิ ริ ยิ าลกู โซ่ โปรตอน และวัฏจกั รคาร์บอนไนโตรเจน ออกซเิ จน 6. ระบุปจั จัยทส่ี ่งผลตอ่ ความสอ่ งสวา่ งของ ดาวฤกษ์และอธบิ ายความสมั พันธ์ระหวา่ งความ สอ่ งสว่าง กบั โชติมาตรของดาวฤกษ์ 7. อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่างสี อุณหภมู ผิ วิ และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ 8. อธิบายวธิ ีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ ดว้ ย หลกั การแพรลั แลกซ์ พรอ้ มคำนวณ หาระยะทาง ของดาวฤกษ์

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรียนรู้รายปี ม. 5 ม. 6 สาระโลก 3. เขา้ ใจ ดาราศาสตร์ องค์ประกอบ 9. อธิบายลำดบั วิวฒั นาการท่ีสมั พันธ์ และอวกาศ ลกั ษณะ กระบวนการ กบั มวลตง้ั ตน้ และวเิ คราะหก์ าร เกดิ และวิวัฒนาการ เปลย่ี นแปลงสมบัติบางประการ ของ ของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ในลำดบั วิวฒั นาการ จาก ดาวฤกษ์ และระบบ แผนภาพ เฮิรซ์ ปรุง-รสั เซลล์ สุริยะ ความสมั พันธ์ 10. อธิบายกระบวนการเกดิ ระบบ ของดาราศาสตร์กับ สรุ ิยะ การแบง่ เขต บรวิ ารของดวง มนุษย์ จากการศึกษา อาทติ ยแ์ ละลักษณะของ ดาว ตำแหน่งดาวบนทรง เคราะหท์ ่ีเอื้อตอ่ การดำรงชีวติ กลมฟา้ และ 11. อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์ ปฏสิ มั พนั ธภ์ ายใน รอบดวงอาทติ ย์ ดว้ ยกฎเคพเลอร์ ระบบสุรยิ ะ รวมทั้ง และกฎความโน้มถว่ งของนิวตัน การประยุกตใ์ ช้ พร้อมคำนวณคาบการโคจรของ เทคโนโลยอี วกาศใน ดาวเคราะห์ การดำรงชีวติ 12. อธบิ ายโครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิด ลมสรุ ิยะ พายุสุริยะ และ วเิ คราะห์ นำเสนอปรากฏการณ์หรือ เหตกุ ารณ์ทเ่ี กย่ี วข้องกบั ผลของลม สรุ ิยะ และพายสุ ุริยะท่ีมตี อ่ โลก รวมท้ังประเทศไทย 13. สร้างแบบจำลองทรงกลมฟา้ สังเกตและเชอื่ มโยง จดุ และเสน้ สำคัญของแบบจำลองทรงกลมฟา้ กบั ทอ้ งฟ้าจริงและอธิบายการระบุ พิกดั ของดาวในระบบขอบฟ้า และ ระบบศูนยส์ ูตร 14. สงั เกตท้องฟ้าและอธบิ าย เสน้ ทางการข้นึ การตกของ ดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรูร้ ายปี ม. 5 ม. 6 สาระโลก 3. เขา้ ใจ ดารา องคป์ ระกอบ 15. อธบิ ายเวลาสุริยคติปรากฏ โดย ศาสตร์ ลักษณะ กระบวนการ รวบรวมขอ้ มูล และเปรียบเทียบเวลา และอวกาศ เกิดและววิ ัฒนาการ ขณะทีด่ วงอาทิตยผ์ ่านเมริเดยี นของ ผู้สงั เกตในแตล่ ะวนั ของเอกภพ กาแล็กซี 16. อธบิ ายเวลาสรุ ิยคติปานกลาง ดาวฤกษ์ และระบบ และการเปรียบเทยี บเวลาของแตล่ ะ สรุ ิยะ ความสัมพนั ธ์ เขตเวลาบนโลก ของดาราศาสตร์กับ มนุษย์ จากการศึกษา 17. อธิบายมมุ ห่างทีส่ มั พนั ธ์กับ ตำแหน่งดาวบน ตำแหน่งในวงโคจรและอธบิ าย ทรงกลมฟา้ และ เช่ือมโยงกบั ตำแหน่งปรากฏของ ปฏสิ มั พนั ธ์ภายใน ดาวเคราะห์ทส่ี งั เกตได้จากโลก ระบบสุรยิ ะ รวมท้ัง การประยุกต์ใช้ 18. สบื ค้นข้อมลู อธิบายการสำรวจ เทคโนโลยอี วกาศใน อวกาศ โดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์ การดำรงชีวิต ในช่วงความยาวคลืน่ ตา่ ง ๆ ดาวเทยี ม ยานอวกาศ สถานอี วกาศ และนำเสนอแนวคิดการนำความรู้ ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ มา ประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั หรอื ใน อนาคต 19. สบื ค้นข้อมลู ออกแบบ และ นำเสนอกจิ กรรม การสังเกตดาวบน ทอ้ งฟ้าดว้ ยตาเปลา่ และ/ หรอื กลอ้ ง โทรทรรศน์

ผลการเรียนรู้และสาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 1. เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณีพิบัติภัย และผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการศึกษาลำดับ ชั้นหนิ ทรัพยากรธรณี แผนท่ี และการนำไปใช้ประโยชน์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ชั้น ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพิม่ เติม ม.4 1. อธิบายการแบ่งชน้ั • การศกึ ษาโครงสร้างโลกใชข้ ้อมลู หลายดา้ น เชน่ องค์ประกอบทางเคมีของหนิ และสมบตั ิของโครงสร้าง และแร่ องคป์ ระกอบทางเคมีของอุกกาบาต ข้อมลู คล่ืนไหวสะเทือนทเ่ี คล่ือนที่ โลก พร้อมยกตวั อย่าง ผ่านโลก จึงสามารถแบง่ ช้ันโครงสร้างโลกได้ 2 แบบ คือ โครงสรา้ งโลกตาม ข้อมลู ทสี่ นบั สนนุ องคป์ ระกอบทางเคมี แบ่งได้ 3 ชั้น ได้แก่ เปลอื กโลก เนือ้ โลก และแก่นโลก และโครงสร้างโลกตามสมบัตเิ ชิงกล แบ่งได้เปน็ 5 ช้ัน ได้แก่ ธรณภี าค ฐานธรณี ภาค มชั ฌมิ ภาค แก่นโลกชัน้ นอก และแกน่ โลกชนั้ ใน นอกจากนี้ยังมีการคน้ พบ รอยต่อระหว่างชน้ั โครงสร้างโลก เช่น แนวแบง่ เขตโมโฮโรวซิ กิ แนวแบ่งเขต กูเทนเบิรก์ แนวแบ่งเขตเลหแ์ มน 2. อธิบายหลักฐานทาง • แผ่นธรณเี ป็นส่วนประกอบของธรณภี าค ซึง่ เปน็ ชั้นนอกสดุ ของโครงสร้างโลก ธรณีวิทยาทีส่ นบั สนุน โดยมกี ารเปลี่ยนแปลงขนาดและตำแหน่งตง้ั แต่อดตี จนถงึ ปัจจุบัน การเคลือ่ นท่ี การเคลอื่ นทีข่ องแผน่ ของแผ่นธรณดี ังกล่าวอธบิ ายได้ตามทฤษฎธี รณแี ปรสณั ฐาน ซง่ึ มีรากฐานมาจาก ธรณี ทฤษฎที วีปเลอ่ื นและทฤษฎกี ารแผ่ขยายพ้นื สมุทร โดยมีหลักฐานท่สี นบั สนุน ได้แก่ รปู รา่ งของขอบทวปี ทส่ี ามารถเช่ือมต่อกนั ได้ ความคลา้ ยคลึงกนั ของกลมุ่ หินและแนวเทือกเขา ซากดึกดำบรรพ์ รอ่ งรอยการเคลือ่ นท่ีของตะกอนธาร นำ้ แข็ง ภาวะแมเ่ หลก็ โลกบรรพกาล อายหุ นิ ของพนื้ มหาสมุทร รวมทัง้ การ ค้นพบสันเขากลางสมุทรและร่องลึกก้นสมุทร 3. ระบสุ าเหตุและอธบิ าย • การพาความร้อนของแมกมาภายในโลก ทำใหเ้ กดิ การเคลื่อนท่ีของแผน่ ธรณตี าม แนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณี ทฤษฎธี รณแี ปรสัณฐาน ซงึ่ นักวิทยาศาสตร์ได้สำรวจพบหลกั ฐานทางธรณีวิทยา ท่สี มั พนั ธ์กับการเคลื่อนท่ี ไดแ้ ก่ ธรณีสัณฐานและธรณโี ครงสร้างที่บริเวณแนวรอยตอ่ ของแผ่นธรณี เชน่ ของแผ่นธรณี พร้อม ร่องลึกก้นสมทุ ร หมเู่ กาะภเู ขาไฟรูปโค้ง แนวภูเขาไฟ แนวเทือกเขา หบุ เขาทรุด ยกตวั อย่างหลกั ฐานทาง และสนั เขากลางสมุทร รอยเลอ่ื น นอกจากนยี้ งั พบการเกิดธรณพี ิบตั ิภยั ท่ีบรเิ วณ ธรณีวิทยาที่พบ แนวรอยตอ่ ของแผ่นธรณี เช่น แผ่นดนิ ไหว ภเู ขาไฟระเบดิ สนึ ามิ ซ่ึงหลกั ฐาน ดังกลา่ วสมั พนั ธก์ บั รูปแบบการเคลื่อนที่ของแผน่ ธรณี นกั วิทยาศาสตรจ์ งึ สรุปได้ ว่า แนวรอยต่อของแผ่นธรณีมี 3 รูปแบบ ไดแ้ ก่ แนวแผ่นธรณแี ยกตวั แนวแผน่ ธรณีเคล่ือนทีเ่ ขา้ หากัน แนวแผน่ ธรณเี คล่ือนท่ีผ่านกันในแนวราบ

ชนั้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรูเ้ พิม่ เติม ม.4 4. วิเคราะหห์ ลักฐาน • การลำดบั ชน้ั หนิ และธรณีประวตั ิเปน็ การศึกษาการวางตวั การแผก่ ระจาย ทางธรณีวทิ ยาท่ีพบใน ลำดับ-อายุ ความสมั พนั ธข์ องชน้ั หิน รอยชั้นไม่ตอ่ เนื่อง และหลกั ฐานทาง ปัจจบุ นั และอธิบาย ธรณีวทิ ยาอ่นื ๆ ที่ทำใหท้ ราบประวัติเหตกุ ารณ์ทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลง ลำดบั เหตกุ ารณท์ าง สภาพแวดล้อม วิวัฒนาการของส่งิ มีชีวิตทเ่ี กิดข้ึนบนโลกตัง้ แตก่ ำเนดิ โลกจนถึง ธรณีวิทยาในอดีต ปัจจุบัน • หลกั ฐานทางธรณวี ิทยา ได้แก่ ซากดึกดำบรรพ์ หนิ ลกั ษณะโครงสร้างทางธรณี ซึ่งนำมาหาอายุได้ 2 แบบ ได้แก่ อายเุ ปรยี บเทยี บ คือ อายุของซากดึกดำบรรพ์ หนิ และ/หรือเหตุการณ์ทางธรณีวทิ ยาเม่ือเทยี บกบั ซากดกึ ดำบรรพ์ หนิ และ/ หรอื เหตุการณ์ทางธรณวี ิทยาอน่ื ๆ และอายุสัมบูรณ์ คอื อายุท่ีระบุเป็นตวั เลข ของหิน และ/หรอื เหตุการณ์ทางธรณีวทิ ยาซ่งึ คำนวณไดจ้ ากไอโซโทปของธาตุ • ขอ้ มูลจากอายเุ ปรียบเทยี บและอายสุ มั บรู ณส์ ามารถนามาจัดทำมาตราธรณีกาล คอื การลำดบั ชว่ งเวลาของโลกตั้งแตเ่ กดิ จนถงึ ในปจั จบุ ัน แบง่ ออกเปน็ บรมยุค มหายุค ยคุ และสมยั ซึ่งแต่ละช่วงเวลามสี ิ่งมีชวี ติ สภาพแวดล้อม และเหตุการณ์ ที่เกดิ ข้นึ แตกต่างกนั 5. อธิบายสาเหตุ • ภูเขาไฟระเบดิ เกดิ จากการแทรกดนั ของหนิ หนืดข้ึนมาตามส่วนเปราะบาง หรือ กระบวนการเกดิ ภูเขาไฟ รอยแตกบนเปลอื กโลก มักพบหนาแน่นบริเวณรอยต่อระหวา่ งแผ่นธรณี ทำให้ ระเบิดและปจั จยั ทที่ ำให้ บรเิ วณดังกลา่ วเปน็ พืน้ ท่ีเสย่ี งภัย ความรุนแรงของการปะทุและรปู รา่ งของภเู ขา ความรนุ แรงของการ ไฟที่แตกต่างกนั ขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบของหนิ หนดื ผลจากการระเบิดของภูเขา ปะทุและรปู ร่างของภเู ขา ไฟมีท้ังประโยชน์และโทษ จึงต้องศึกษาแนวทางในการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ตั ิ ไฟตา่ งกัน รวมทงั้ สืบค้น ตนใหป้ ลอดภยั ขอ้ มูลพืน้ ทีเ่ สี่ยงภัย ออกแบบและนำเสนอ แนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ัติตนให้ ปลอดภัย

ชนั้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูเ้ พ่ิมเติม ม.4 6. อธบิ ายสาเหตุ • แผ่นดินไหวเกิดจากการปลดปลอ่ ยพลังงานท่สี ะสมไว้ของเปลือกโลกในรปู ของ กระบวนการเกิด ขนาด คล่นื ไหวสะเทือน แผน่ ดินไหวจะมีขนาดและความรุนแรงแตกต่างกนั ทำลาย และความรนุ แรง และผล ทรพั ย์สนิ ศนู ย์เกิดแผ่นดนิ ไหวมกั อยู่บรเิ วณรอยต่อของแผ่นธรณี และพื้นที่ จากแผน่ ดนิ ไหว รวมท้ัง ภายใต้อทิ ธิพลของการเคล่ือนของแผ่นธรณีท่ีระดบั ความลกึ ต่างกนั ใหบ้ รเิ วณ สืบค้นข้อมลู พื้นท่เี สี่ยง ดังกลา่ วเปน็ พนื้ ทีเ่ สย่ี งภัยแผ่นดนิ ไหว ซึ่งส่งผลให้สง่ิ กอ่ สร้างเสยี หาย เกิด ภยั ออกแบบและ อนั ตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จงึ ตอ้ งศึกษาแนวทางในการเฝา้ ระวัง และการ นำเสนอแนวทางการเฝา้ ปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภยั ระวังและการปฏิบตั ิตน ให้ปลอดภัย 7. อธบิ ายสาเหตุ • สึนามิ คอื คลน่ื น้ำท่เี กดิ จากการแทนทม่ี วลน้ำในปริมาณมหาศาล สว่ นมากจะ กระบวนการเกดิ และผล เกดิ ในทะเลหรือมหาสมทุ ร โดยคลน่ื มีลกั ษณะเฉพาะ คือ ความยาวคล่ืนมาก จากสนึ ามิ รวมท้ังสบื คน้ และเคลื่อนท่ีดว้ ยความเรว็ สูง เมื่ออยกู่ ลางมหำสมทุ รจะมคี วามสงู คล่นื น้อย และ ข้อมลู พนื้ ที่เสย่ี งภัย อาจเพ่ิมความสูงขนึ้ อย่างรวดเรว็ เมอื่ คลื่นเคล่ือนทผ่ี ่านบริเวณน้ำตน้ื จึงทำให้ ออกแบบและนำเสนอ พ้ืนทบี่ ริเวณชายฝงั่ บางบริเวณเป็นพืน้ ที่เสยี่ งภัย สนึ ามิก่อใหเ้ กิดอันตรายแก่ แนวทาง การเฝา้ ระวงั มนุษย์และสิง่ ก่อสร้างในบรเิ วณชายหาดนนั้ จึงต้องศกึ ษาแนวทางในการ เฝา้ และการปฏบิ ัติตนให้ ระวัง และการปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภยั ปลอดภยั 8. ตรวจสอบและระบุ • แร่ คอื ธาตุหรอื สารประกอบอนนิ ทรยี ์ที่มสี ถานะเป็นของแขง็ เกดิ ข้ึนเองตาม ชนดิ แร่ รวมทง้ั วิเคราะห์ ธรรมชาติ มโี ครงสรา้ งภายในท่เี ป็นระเบียบ และมีสตู รเคมีและสมบัติอนื่ ๆ ท่ี สมบตั แิ ละนำเสนอการ แนน่ อน หรอื อาจเปลีย่ นแปลงได้ภายใต้วงจำกัด ทำใหแ้ ร่มีสมบตั ทิ างกายภาพที่ ใช้ประโยชน์จาก แนน่ อน สามารถนำมาใช้เพอ่ื ตรวจสอบชนดิ ของแร่ทางกายภาพ และการทำ ทรัพยากรแรท่ เ่ี หมาะสม ปฏกิ ิริยาเคมีกบั กรด • ทรพั ยากรแร่สามารถนำไปใชเ้ ปน็ วัตถุดบิ ในอุตสาหกรรมได้หลายประเภท เชน่ อาหารและยา เครอ่ื งมือแพทย์ อปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อญั มณี 9. ตรวจสอบ จำแนก • หิน เป็นมวลของแข็งที่ประกอบด้วยแร่ตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป หรือประกอบด้วย ประเภท และระบุชื่อ แกว้ ธรรมชาติหรือสสารจากสง่ิ มชี วี ติ ท่เี กดิ ข้ึนเอง หนิ รวมท้ังวิเคราะห์ • หินสามารถจำแนกตามลกั ษณะการเกดิ และเนื้อหนิ ไดเ้ ป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ หนิ สมบตั แิ ละนำเสนอ อัคนี หินตะกอนและหินแปร การระบุชื่อของหินแต่ละประเภทจะใช้ลักษณะ การใชป้ ระโยชน์ของ และองค์ประกอบทางแร่ของหินเป็นเกณฑ์ หินสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ทรัพยากรหินที่ หลายดา้ น เชน่ วัสดกุ อ่ สรา้ ง เครอ่ื งประดบั วัตถุดิบในอุตสาหกรรม เหมาะสม

ชน้ั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นร้เู พ่ิมเติม ม.4 10. อธบิ ายกระบวนการ • ทรพั ยากรปิโตรเลยี มและถ่านหินเปน็ ทรพั ยากรสิ้นเปลืองท่ีมอี ยู่อยา่ งจำกัด ใช้ เกิดและการสำรวจแหล่ง แล้วหมดไป ไมส่ ามารถเกดิ ขึ้นทดแทนไดใ้ นเวลาอนั รวดเร็ว ทรัพยากร ปโิ ตรเลียมและถ่านหิน ปโิ ตรเลียมและถ่านหนิ ถูกนำมาใชใ้ นอตุ สาหกรรมท่สี ำคญั ของประเทศ เชน่ การ โดยใชข้ ้อมูลทาง คมนาคม การผลติ ไฟฟ้า เชอื้ เพลงิ ในอุตสาหกรรมต่างๆ ธรณวี ิทยา 11. อธิบายสมบัตขิ อง • การศกึ ษากระบวนการเกดิ และการสำรวจแหลง่ ปิโตรเลยี มและถ่านหินต้องใช้ ผลติ ภณั ฑท์ ่ีได้จาก ความรู้ พื้นฐานธรณีวทิ ยาหลายด้าน เชน่ ตะกอนวทิ ยา การลำดบั ช้ันหนิ ธรณี- ปิโตรเลียมและถ่านหิน โครงสรา้ ง รวมทง้ั วธิ กี ารและเทคนคิ ต่างๆ ท่ีเหมาะสมเพือ่ ที่จะนำทรัพยากรมา พรอ้ มนำเสนอการใช้ ใชไ้ ด้อยา่ งค้มุ คา่ และย่งั ยืน ประโยชน์อย่างเหมาะสม 12. อ่านและแปล • แผนทภ่ี มู ปิ ระเทศเปน็ แผนที่ที่สรา้ งเพอื่ จำลองลกั ษณะของผิวโลกหรือบางส่วน ความหมายจากแผนที่ภูมิ ของพ้ืนทบ่ี นผิวโลก โดยมีทศิ ทางทช่ี ัดเจน และมาตราส่วนตา่ งๆ ตามความ ประเทศและแผนท่ี เหมาะสมกับการ ใชง้ าน แผนทภ่ี มู ปิ ระเทศมักแสดงเสน้ ชน้ั ความสูงและ ธรณวี ิทยาของพืน้ ท่ี คำอธิบายสัญลักษณต์ า่ งๆ ทปี่ รากฏในแผนที่ ทก่ี ำหนด พร้อมท้งั • แผนทธ่ี รณีวิทยา เปน็ แผนท่แี สดงการกระจายตวั ของหนิ กลุ่มตา่ งๆ ทีโ่ ผล่ให้เหน็ อธบิ ายและยกตัวอย่าง บนพ้ืนผิว ทำให้ทราบถึงขอบเขตของหนิ ในพืน้ ที่ นอกจากน้ียงั แสดงลักษณะการ การนำไปใช้ประโยชน์ วางตัวของชน้ั หนิ ซากดึกดำบรรพ์ และธรณีโครงสร้าง • ขอ้ มูลจากแผนทีภ่ ูมปิ ระเทศและแผนท่ธี รณี สามารถนำไปใชว้ างแผนการใช้ ประโยชน์และประเมนิ ศักยภาพของพนื้ ท่ีได้อย่างเหมาะสม เช่น ประเมิน ศักยภาพแหล่งทรัพยากรธรณีต่างๆ การวางผงั เมือง การสร้างเขื่อน

สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 1. เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณีพิบัติภัย และผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง การศึกษาลำดบั ช้ันหิน ทรัพยากรธรณี แผนทีแ่ ละการนำไปใชป้ ระโยชน์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ชั้น ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ม.4 1. อธิบายการแบง่ ชน้ั และ * การศกึ ษาโครงสร้างโลกใชข้ อ้ มลู หลายดา้ น เชน่ องคป์ ระกอบทางเคมขี องหนิ และแร่ สมบัติของโครงสร้างโลก องค์ประกอบทางเคมีของอกุ กาบาต ขอ้ มูลคลน่ื ไหวสะเทือนที่เคล่ือนทีผ่ ่านโลก จึง พรอ้ มยกตวั อยา่ งขอ้ มลู ที่ สามารถแบง่ ช้นั โครงสร้างโลกได้ 2 แบบ คอื โครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมี สนบั สนนุ แบง่ ได้ 3 ชน้ั ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก และแกน่ โลก และโครงสรา้ งโลกตามสมบตั ิ เชงิ กล แบ่งได้เปน็ 5 ชั้น ไดแ้ ก่ ธรณภี าค ฐานธรณภี าค มชั ฌิมภาค แก่นโลกชนั้ นอก และแก่นโลกชน้ั ใน นอกจากน้ี ยงั มกี ารคน้ พบรอยต่อระหวา่ งชน้ั โครงสร้างโลก เชน่ แนวแบ่งเขตโมโฮโรวซิ ิก แนวแบง่ เขต กเู ทนเบิรก์ แนวแบง่ เขตเลห์แมน 2. อธบิ ายหลกั ฐานทาง *แผ่นธรณีเป็นส่วนประกอบของธรณีภาค ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของโครงสร้างโลก โดยมี ธรณวี ทิ ยาทส่ี นบั สนนุ การ การเปล่ียนแปลงขนาดและตำแหน่งตั้งแต่อดีตจนถงึ ปัจจุบัน การเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี เคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี ดังกล่าวอธบิ ายได้ตามทฤษฎีธรณีแปรสณั ฐาน ซึง่ มีรากฐานมาจากทฤษฎีทวีปเลื่อนและ ทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นสมุทร โดยมีหลักฐานที่สนับสนุน ได้แก่ รูปร่างของขอบทวีปท่ี สามารถเชื่อมต่อกันได้ ความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหินและแนวเทือกเขา ซากดึกดำ บรรพ์ รอ่ งรอยการเคลือ่ นท่ีของตะกอนธารนำ้ แข็ง ภาวะแมเ่ หลก็ โลกบรรพกาล อายหุ ิน ของพื้นมหาสมทุ ร รวมทัง้ การคน้ พบสนั เขากลางสมุทรและรอ่ งลึกก้นสมุทร 3. ระบุสาเหตุและอธิบาย *การพาความร้อนของแมกมาภายในโลก ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีตาม แนวรอยต่อของแผ่นธรณีที่ ทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้สำรวจพบหลักฐานทางธรณีวิทยา ได้แก่ สัมพันธ์ กบั การเคลอ่ื นทข่ี อง ธรณีสัณฐานและธรณีโครงสร้างที่บริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณี เช่น ร่องลึก แผน่ ธรณี พร้อมยกตัวอย่าง ก้นสมุทร หมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง แนวภูเขาไฟ แนวเทือกเขา หุบเขาทรุด และสันเขา หลักฐานทางธรณีวิทยาท่ีพบ กลางสมุทร รอยเลื่อน นอกจากนี้ ยังพบการเกิดธรณีพิบัติภัยที่บริเวณแนวรอยต่อของ แผ่นธรณี เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ซึ่งหลักฐานดังกล่าวสัมพันธ์กับ รูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี นักวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่า แนวรอยต่อของแผ่น ธรณีมี 3 รูปแบบ ได้แก่ แนวแผ่นธรณีแยกตัว แนวแผ่นธรณีเคลื่อนที่เข้าหากัน แนว แผ่นธรณเี คลื่อนท่ผี ่านกนั ในแนวราบ

ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ม.4 4. วิเคราะห์หลักฐานทาง * การลำดับชั้นหินและธรณีประวัติเป็นการศึกษาการวางตัว การแผ่กระจาย ลำดับ ธรณีวิทยาที่พบในปัจจุบัน อายุ ความสัมพันธ์ของชั้นหิน รอยชั้น ไม่ต่อเนื่อง และหลักฐานทางธรณีวิทยาอื่นๆ และอธิบายลำดับเหตุการณ์ ที่ทำให้ทราบประวัติเหตุการณ์ทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ทางธรณีวทิ ยาในอดตี ววิ ฒั นาการของส่ิงมีชวี ติ ทีเ่ กิดขึน้ บนโลกตง้ั แต่กำเนดิ โลกจนถงึ ปัจจุบัน * หลักฐานทางธรณวี ิทยา ได้แก่ ซากดึกดำบรรพ์ หนิ ลกั ษณะโครงสร้างทางธรณี ซง่ึ นำมาหาอายุได้ 2 แบบ ได้แก่ อายุเปรียบเทียบ คือ อายุของซากดึกดำบรรพ์ หิน และ/หรือเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาเมื่อเทียบกับซากดึกดำบรรพ์ หิน และ/หรือ เหตุการณ์ทางธรณีวิทยาอื่น ๆ และอายุสัมบูรณ์ คือ อายุที่ระบุเป็นตัวเลขของหิน และ/หรือเหตกุ ารณ์ทางธรณวี ทิ ยาซ่งึ คำนวณได้จากไอโซโทปของธาตุ * ข้อมูลจากอายุเปรียบเทียบและอายุสัมบูรณ์สามารถนำมาจัดทำมาตราธรณีกาล คือ การลำดับช่วงเวลาของโลกตั้งแต่เกิดจนถึงในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น บรมยุค มหายุค ยุค และสมัย ซึ่งแต่ละช่วงเวลามีสิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อม และเหตุการณ์ที่ เกดิ ข้นึ แตกต่างกัน 5. อธบิ ายสาเหตุ * ภูเขาไฟระเบิด เกิดจากการแทรกดันของหินหนืดขึ้นมาตามส่วนเปราะบาง หรือ กระบวนการเกิดภเู ขาไฟ รอยแตกบนเปลอื กโลก มกั พบหนาแน่นบรเิ วณรอยต่อระหว่างแผน่ ธรณี ทำให้บรเิ วณ ระเบิดและปจั จยั ทที่ ำให้ ดงั กลา่ วเปน็ พน้ื ทีเ่ สย่ี งภัย ความรนุ แรงของการปะทแุ ละรูปรา่ งของภเู ขาไฟที่แตกต่าง ความรนุ แรงของการปะทุ กันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของหินหนืด ผลจากการระเบิดของภูเขาไฟมีทั้งประโยชน์ และรูปรา่ งของภูเขาไฟ และโทษ จึงต้องศกึ ษาแนวทางในการเฝา้ ระวัง และการปฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภัย ตา่ งกนั รวมท้งั สืบคน้ ขอ้ มูล พื้นทีเ่ สีย่ งภัย ออกแบบและ นำเสนอแนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏิบัตติ นให้ ปลอดภัย 6. อธบิ ายสาเหตุ * แผ่นดนิ ไหวเกดิ จากการปลดปลอ่ ยพลังงานที่สะสมไวข้ องเปลือกโลกในรปู ของคลื่น กระบวนการเกิด ขนาดและ ไหวสะเทือน แผ่นดินไหวจะมีขนาดและความรุนแรงแตกต่างกัน ทำลายทรัพย์สิน ความรุนแรง และผลจาก ศูนย์เกิดแผ่นดินไหวมักอยู่บริเวณรอยต่อของแผ่นธรณี และพื้นที่ภายใตอ้ ิทธิพลของ แผ่นดินไหว รวมท้ังสบื คน้ การเคลื่อนของแผน่ ธรณีที่ระดับความลึกต่างกัน ให้บริเวณดงั กล่าวเป็นพ้ืนที่เส่ียงภัย ข้อมลู พน้ื ท่เี สี่ยงภยั แผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลใหส้ งิ่ กอ่ สรา้ งเสยี หาย เกิดอันตรายตอ่ ชีวิตและทรัพยส์ ิน จึงต้อง ออกแบบและนำเสนอแนว ศึกษาแนวทางในการเฝา้ ระวงั และการปฏิบตั ติ นให้ปลอดภัย ทางการเฝ้าระวงั และการ ปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภัย

ชน้ั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ม.4 7. อธิบายสาเหตุ * สึนามิ คือ คลื่นน้ำที่เกิดจากการแทนที่มวลน้ำในปริมาณมหาศาล ส่วนมากจะเกดิ ในทะเลหรือมหาสมุทร โดยคลื่นมีลักษณะเฉพาะ คือ ความยาวคลื่นมาก และ กระบวนการเกิด และผล เคล่ือนที่ด้วยความเร็วสูง เมื่ออยู่กลางมหำสมทุ รจะมีความสูงคล่ืนน้อย และอาจเพมิ่ จากสึนามิ รวมท้ังสบื ค้น ความสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผ่านบริเวณน้ำตื้น จึงทำให้พื้นที่บริเวณ ขอ้ มลู พ้ืนที่เสยี่ งภัย ชายฝ่ังบางบริเวณเป็นพ้ืนทีเ่ สีย่ งภัยสึนามิก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายแก่มนุษย์และส่ิงกอ่ สรา้ ง ออกแบบและนำเสนอ ในบริเวณชายหาดนั้น จึงต้องศึกษาแนวทางในการ เฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ แนวทาง การเฝ้าระวงั และ ปลอดภัย การปฏิบัติตนให้ปลอดภยั * แร่ คือ ธาตุหรือสารประกอบอนินทรีย์ที่มีสถานะเป็นของแข็ง เกิดขึ้นเองตาม 8. ตรวจสอบและระบชุ นิด ธรรมชาติ มโี ครงสรา้ งภายในทเ่ี ปน็ ระเบียบ และมีสตู รเคมีและสมบัตอิ ื่น ๆ ท่แี น่นอน แร่ รวมทง้ั วิเคราะหส์ มบตั ิ หรืออาจเปลี่ยนแปลงได้ภายใต้วงจำกัด ทำให้แร่มีสมบัติทางกายภาพที่แน่นอน และนำเสนอการใช้ สามารถนำมาใช้เพื่อตรวจสอบชนิดของแร่ทางกายภาพ และการทำปฏิกิริยาเคมีกับ ประโยชนจ์ ากทรัพยากรแร่ กรด ที่เหมาะสม * ทรัพยากรแร่สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมได้หลายประเภท เช่น อาหารและยา เครือ่ งมือแพทย์ อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ อัญมณี 10. ตรวจสอบ จำแนก * หิน เป็นมวลของแข็งที่ประกอบด้วยแร่ตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป หรือประกอบด้วยแก้ว ประเภท และระบชุ ื่อหนิ ธรรมชาติหรือสสารจากสิ่งมีชีวิตที่เกดิ ขึน้ เอง รวมทัง้ วิเคราะห์สมบตั แิ ละ * หินสามารถจำแนกตามลักษณะการเกิดและเนื้อหิน ได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ หิน นำเสนอการใชป้ ระโยชน์ อัคนี หินตะกอนและหินแปร การระบุชื่อของหินแต่ละประเภทจะใช้ลักษณะและ ของทรัพยากรหนิ ท่ี องค์ประกอบทางแร่ของหินเป็นเกณฑ์ หินสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน เหมาะสม เช่น วัสดุก่อสร้าง เครือ่ งประดับ วตั ถุดิบในอุตสาหกรรม 10.อธิบายกระบวนการเกิด * ทรพั ยากรปโิ ตรเลยี มและถา่ นหนิ เปน็ ทรพั ยากรส้ินเปลืองที่มีอยู่อย่างจำกัด ใช้แล้ว หมดไป ไมส่ ามารถเกิดขน้ึ ทดแทนไดใ้ นเวลาอันรวดเรว็ ทรัพยากรปิโตรเลยี มและถา่ น และการสำรวจแหลง่ หินถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมท่ีสำคัญของประเทศ เชน่ การคมนาคม การผลิตไฟฟ้า ปโิ ตรเลยี มและถา่ นหิน เช้อื เพลิงในอตุ สาหกรรมต่างๆ โดยใช้ข้อมูลทาง ธรณวี ทิ ยา * การศึกษากระบวนการเกิดและการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหินต้องใช้ 11. อธิบายสมบตั ขิ อง ความรู้ พื้นฐานธรณีวิทยาหลายด้าน เช่น ตะกอนวิทยา การลำดับชั้นหิน ธรณี ผลติ ภัณฑท์ ไ่ี ด้จาก โครงสร้าง รวมทั้งวธิ ีการและเทคนิคต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อที่จะนำทรพั ยากรมาใช้ได้ ปโิ ตรเลยี มและถา่ นหิน อยา่ งคุ้มค่าและยั่งยืน พรอ้ มนำเสนอการใช้ ประโยชน์อย่างเหมาะสม

ชัน้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ม.4 12.อ่านและแปลความหมาย * แผนที่ภมู ิประเทศเป็นแผนที่ที่สร้างเพือ่ จำลองลักษณะของผิวโลกหรือบางส่วนของ จากแผนที่ภูมิประเทศและ พื้นที่บนผิวโลก โดยมีทิศทางที่ชัดเจน และมาตราส่วนต่างๆ ตามความเหมาะสมกับ แผนที่ธรณีวิทยาของพื้นที่ที่ การใชง้ าน แผนทภ่ี ูมิประเทศมกั แสดงเส้นชั้นความสงู และคำอธิบายสญั ลกั ษณ์ต่างๆ ท่ี กำหนด พร้อมทั้งอธิบาย ปรากฏในแผนท่ี และยกตวั อย่าง การ * แผนทธ่ี รณวี ิทยา เป็นแผนทแ่ี สดงการกระจายตัวของหนิ กลมุ่ ตา่ งๆ ทโ่ี ผล่ให้เห็นบน นำไปใชป้ ระโยชน์ พื้นผิว ทำให้ทราบถึงขอบเขตของหินในพื้นท่ี นอกจากนี้ ยังแสดงลักษณะการวางตัว ของชนั้ หิน ซากดกึ ดำบรรพ์ และธรณโี ครงสร้าง * ข้อมูลจากแผนที่ภูมิประเทศและแผนที่ธรณี สามารถนำไปใช้วางแผนการใช้ ประโยชน์และประเมินศักยภาพของพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม เช่น ประเมินศักยภาพ แหลง่ ทรพั ยากรธรณตี า่ งๆ การวางผังเมือง การสร้างเขื่อน

สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 2. เข้าใจสมดุลพลังงานของโลก การหมุนเวียนของอากาศบนโลก การหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทร การเกิดเมฆ การ เปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศโลกและผลต่อสิ่งมีชีวติ และสง่ิ แวดล้อม รวมท้งั การพยากรณ์อากาศ ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้เู พิ่มเติม ม.5 1. อธบิ ายปัจจยั สำคญั ท่มี ผี ลต่อการรบั * บริเวณต่างๆ ของโลกไดร้ ับพลงั งานดวงอาทติ ย์ในรปู ของคลื่น และคายพลังงานจากดวงอาทติ ย์ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าในปรมิ าณที่แตกตา่ งกนั เนอ่ื งจากโลกมสี ณั ฐานคลา้ ย แตกตา่ งกัน และผลท่มี ตี อ่ อุณหภมู ิ ทรงกลมและแกนหมนุ โลกเอียงทำมมุ กับแนวตั้งฉากกบั ระนาบการ อากาศในแต่ละบริเวณของโลก โคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ส่งผลต่อการตกกระทบของรงั สดี วง 2. อธิบายกระบวนการทีท่ ำใหเ้ กดิ สมดุล อาทิตย์ ซ่งึ สว่ นท่ผี ่านเข้ามาในชนั้ บรรยากาศจนถึงพน้ื ผวิ โลก จะ พลงั งาน เกิดกระบวนการสะทอ้ น ดดู กลนื และถ่ายโอนพลงั งาน แล้ว ปลดปล่อยกลับสอู่ วกาศแตกต่างกันเนือ่ งจากปจั จัยต่าง ๆ เชน่ ลักษณะของพ้นื ผวิ ชนิดและปรมิ าณของแก๊สเรือนกระจก ละออง ลอย และเมฆ ทำให้พ้นื ผิวโลกแตล่ ะบรเิ วณมอี ุณหภูมอิ ากาศ แตกตา่ งกนั * พลังงานจากดวงอาทิตย์โดยเฉลย่ี ทีโ่ ลกไดร้ บั เท่ากบั พลังงานเฉลย่ี ท่โี ลกปลดปล่อยกลับส่อู วกาศ ทำใหเ้ กิดสมดลุ พลังงานของโลก สง่ ผลใหอ้ ณุ หภมู เิ ฉลยี่ ของพ้นื ผวิ โลกในแต่ละปีค่อนขา้ งคงที่ 3. อธบิ ายผลของแรงเนอื่ งจากความ * การหมุนเวียนของอากาศเกิดขึ้นจากความกดอากาศที่แตกต่าง แตกตา่ งของความกดอากาศ แรงคอริ กันระหว่างสองบริเวณ โดยอากาศเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความกด ออลิส แรงสู่ศนู ย์กลาง และแรงเสยี ด อากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนใน ม.5 ทานท่มี ตี อ่ การหมุนเวียนของอากาศ การเคลื่อนที่ของอากาศในแนวราบและเม่อื พจิ ารณาในการเคลื่อนท่ี ของอากาศในแนวดิ่งจะพบว่าอากาศเหนือบริเวณความกดอากาศ ต่ำจะมีการยกตัวขึ้น ขณะที่อากาศเหนือบริเวณความกดอากาศสงู จมตัวลง โดยการเคลื่อนที่ของอากาศทั้งในแนวราบและแนวดิ่งนี้ ทำให้เกดิ เปน็ การหมนุ เวยี นของอากาศ * การหมุนรอบตัวเองของโลกจะทำให้เกิดแรงคอรอิ อลิสซึ่งมใี หท้ ศิ ทางการเคลือ่ นที่ของอากาศเบนไป โดยอากาศที่เคลื่อนที่ในบริเวณ ซกี โลกเหนอื จะเบนไปทางขวาจากทิศทางเดมิ สว่ นบรเิ วณซกี โลกใต้ จะเบนไปทางซา้ ยจากทิศทางเดมิ เชน่ ลมค้า และมรสุม * แรงสู่ศูนย์กลางซึ่งทำให้เกิดการหมุนของลม เช่น พายุหมุนเขต รอ้ น ทอร์นาโด พายงุ วงช้าง และแรงตา้ นการเคล่ือนท่ขี องวัตถุ หรือ แรงเสียดทานส่งผลต่ออัตราเร็วลม เช่น พายุไต้ฝุ่น เมื่อเคลื่อนตัว เข้าสู่ชายฝั่งจะลดระดับความรุนแรงลงเป็นพายุโซนร้อนหรือ ดีเปรสชนั

ช้นั ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรเู้ พ่ิมเติม 4. อธิบายการหมุนเวียนของอากาศตาม * แต่ละบริเวณของโลกมีความกดอากาศแตกต่างกันประกอบกับ เขตละตจิ ูดและผลทม่ี ีต่อภมู อิ ากาศ อิทธพิ ลจากการหมนุ รอบตวั เองของโลกทำให้อากาศในแตล่ ะซกี โลก เกิดการหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด แบ่งออกเป็น 3 แถบ โดยแต่ละแถบมีภูมิอากาศแตกต่างกัน ได้แก่ การหมุนเวยี นแถบข้ัว โลกมีภูมิอากาศแบบหนาวเย็น การหมุนเวียนแถบละติจูดกลางมี ภูมิอากาศแบบอบอุ่น และการหมุนเวียนแถบเขตร้อนมีภูมิอากาศ แบบร้อนชน้ื * บริเวณรอยต่อของการหมุนเวียนอากาศแต่ละแถบละติจูด จะมี ลักษณะลมฟ้าอากาศที่แตกต่างกัน เช่น บริเวณใกล้ศูนย์สูตรมี ปรมิ าณหยาดน้ำฟ้าเฉลี่ยสูงกวา่ บรเิ วณอ่ืน บรเิ วณละติจดู 30 องศา มีอากาศแห้งแล้ง ส่วนบริเวณละติจูด 60 องศาอากาศมีความ แปรปรวนสูง 5. อธิบายปัจจัยที่ทำให้เกิดการแบ่งชั้นน้ำ * น้ำในมหาสมุทรมีอุณหภมู แิ ละความเค็มของน้ำแตกต่างกันในแต่ ในมหาสมุทร ละบริเวณ และแต่ละระดับความลึก ซึ่งหากพิจารณามวลน้ำใน แนวดิ่งและใช้อุณหภูมิเป็นเกณฑ์ จะสามารถแบ่งชั้นน้ำได้เป็น 3 ชนั้ คอื น้ำช้ันบน นำ้ ชนั้ เทอร์โมไคลน์ และนำ้ ช้ันลา่ ง 6. อธบิ ายปัจจยั ทท่ี ำให้เกิดการหมุนเวียน * การหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรได้รับอิทธิพล ของน้ำในมหาสมทุ รและรปู แบบการ จากการหมุนเวียนของอากาศในแต่ละแถบละติจูดเป็นปัจจัยหลัก หมนุ เวยี นน้ำในมหาสมุทร ประกอบกับแรงคอริออลิสทำให้บริเวรซีกโลกเหนือมีการไหลเวียน ของกระแสน้ำผิวหน้าในทิศทางตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็ม นาฬิกาในซีกโลกใต้ ซึ่งกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรมีทั้งกระแส น้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็น ส่วนการหมุนเวียนกระแสน้ำลึกเป็นการ หมุนเวียนของน้ำชั้นล่าง เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิและ ความเค็มของน้ำ โดยกระแสน้ำผิวหน้าและกระแสน้ำลึกจะ หมุนเวียนตอ่ เนื่องกัน

ชัน้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรเู้ พ่มิ เตมิ ม.5 7. อธิบายผลของการหมุนเวียนของน้ำใน * การหมุนเวยี นอากาศและน้ำในมหาสมทุ ร สง่ ผลตอ่ ลักษณะ มหาสมุทรที่มีต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ อากาศ ส่ิงมีชีวิต และสิง่ แวดล้อม แตกตา่ งกนั ไป เชน่ การเกดิ นำ้ ผุด สง่ิ มชี ีวิต และสงิ่ แวดลอ้ ม น้ำจม จะสง่ ผลต่อความอดุ มสมบรู ณ์ของชายฝั่ง เช่น กระแสนำ้ อุ่น กลั ฟ์สตรมี ท่ที ำใหบ้ างประเทศในทวีปยุโรปไมห่ นาวเยน็ จนเกินไป นกั และเมอ่ื การหมุนเวียนอากาศและน้ำในมหาสมทุ รแปรปรวน ทำ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สภาพลมฟ้าอากาศ เช่น ปรากฏการณ์ * เอลนีโญและลานีญา ซึง่ เกิดจากความแปรปรวนของลมคา้ และ สง่ ผลตอ่ สภาพลมฟ้าอากาศของประเทสท่ีอย่บู ริเวณมหาสมุทร แปซิฟกิ รวมถงึ บรเิ วณอืน่ ๆ บนโลก 8. อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่าง * เสถยี รภาพอากาศ หมายถึง สภาวะของบรรยากาศที่ช่วยส่งเสริม เสถยี รภาพอากาศและการเกิดเมฆ หรือยับยั้งให้ก้อนอากาศเคลื่อนที่ขึ้นลงในแนวดิ่ง ในกรณีที่ก้อน อากาศมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิของอากาศที่อยู่โดยรอบ ก้อน 9. อธบิ ายการเกิดแนวปะทะอากาศแบบ อากาศนนั้ จะไม่สามารถยกตัวสงู ข้นึ ไดม้ ากนกั และจมตวั กลับสทู่ ี่เดมิ ต่าง ๆ และลกั ษณะลมฟ้าอากาศที่ เรียกว่า อากาศมีเสถียรภาพ จะพบสภาวะอากาศแจ่มใส เมฆน้อย เกี่ยวข้อง หรือปราศจากเมฆ ส่วนสภาวะอากาศไม่มีเสถียรภาพนั้นอุณหภูมิ ก้อนอากาศจะสูงกว่าอุณหภูมิของอากาศโดยรอบทำให้ก้อนอากาศ ยกตวั ขน้ึ อย่างรวดเร็ว เกดิ เมฆในแนวตั้ง เช่น เมฆควิ มูโลนิมบัส * แนวปะทะอากาศเกิดจากการเคล่ือนท่ปี ะทะกนั ของก้อนอากาศที่ สมบัติต่างกันตั้งแต่สองก้อนขึ้นไป แนวปะทะอากาศแบ่งออกได้ 4 รูปแบบ คือ แนวปะทะอากาศอนุ่ ซ่งึ มกั พบเมฆแผน่ เชน่ เมฆซีร์รัส อัลโตสเตรตัส เกิดฝนกระจายเป้นบริเวณกว้าง แนวปะทะเย็น เกิด เมฆก้อน เช่น เมฆคิวมูโลนิมบัส ทำให้อากาศแปรปรวนเกิดฝนฟ้า คะนอง แนวปะทะอากาศรวม เกิดเมฆคิวมูโลนิมบัสที่ส่งผลต่อการ เกิดพายุฝน แนวปะทะอากาศคงท่ี จะมลี กั ษณะอากาศแจม่ ใสจนถึง มีเมฆบางส่วน และอาจส่งผลให้เกิดแนวปะทะอากาศแบบอื่นตอ่ ไป ได้

ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพ่ิมเติม ม.5 10. อธิบายปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการ * โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ โดยปรมิ าณพลงั งานเฉลย่ี ท่ีโลก เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก พร้อม ไดร้ บั เท่ากบั พลงั งานเฉลี่ยท่ีโลกปลดปล่อยกลบั สู่อวกาศ ทำให้เกิด ยกตวั อย่างขอ้ มลู สนับสนุน สมดลุ พลงั งานโลก ส่งผลให้อณุ หภมู เิ ฉลยี่ ของโลกในแตล่ ะปี ค่อนข้างคงท่แี ละมลี ักษณะภมู อิ ากาศทไ่ี มเ่ ปลย่ี นแปลงไป จะทำให้ อณุ หภูมเิ ฉลย่ี ของพืน้ ผวิ โลกและภมู อิ ากาศเกดิ การเปลี่ยนแปลงได้ โดยมีปจั จยั หลายประการ ทงั้ ปจั จยั ทเ่ี กดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติและ ปจั จยั ทีเ่ กิดจากกจิ กรรมของมนุษย์ เชน่ การเปลยี่ นแปลงความรี ของวงโคจรโลกรอบดวงอาทติ ย์ การเปลย่ี นแปลงมมุ เอยี งของแกน หมุนโลกและการหมุนควงแกนหมนุ โลก รวมทัง้ ชนดิ และปรมิ าณ ของละอองลอย เมฆและแกส๊ เรอื นกระจก ซึงมีขอ้ มลู สนบั สนุน การ เปลยี่ นแปลงอณุ หภูมขิ องโลกตง้ั แต่อดีตถงึ ปจั จุบันทีไ่ ด้จากการ วเิ คราะหห์ ลกั ฐานต่าง ๆ เช่น แกนนำ้ แขง็ 11. วิเคราะห์ และอภิปรายเหตกุ ารณท์ ่ี * การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลกอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชวี ิตและ เป็นผลจากการเปลยี่ นแปลงภมู ิอากาศโลก สิ่งแวดล้อม เช่น การเพิม่ ขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลก การหลอมเหลว และนำเสนอแนวปฏิบตั ิของมนษุ ยท์ ม่ี ีสว่ น ของน้ำแข็งขั้วโลก การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล การเปลี่ยนแปลง ช่วยในการชะลอการเปลี่ยนแปลงของโลก ของระบบนเิ วศท้ังทางบกและทางทะเล * มนุษย์อาจมีส่วนช่วยในการชะลอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก ไดโ้ ดยการลดปจั จยั ท่ีทำใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลงสมดุลพลงั งานท่ีเกิด จากการกระทำของมนษุ ย์ 12. แปลความหมายสญั ลกั ษณล์ มฟา้ * แบบแสดงขอ้ มลู ของสถานตี รวจอากาศผวิ พืน้ เป็นการแสดงข้อมลู อากาศบนแผนทอี่ ากาศ ตรวจอากาศที่แสดงในรูปสญั ลกั ษณ์หรอื ตวั เลขทปี่ รากฏบนแผนท่ี อากาศ เชน่ อุณหภมู ิ ความชนื้ ความกดอากาศ ความเรว็ และ ทศิ ทางลม ปริมาณและชนิดของเมฆ ทำใหท้ ราบลกั ษณะอากาศ ณ สถานีน้นั ๆ ในเวลาทมี่ กี ารตรวจวดั เมื่อนำขอ้ มลู ของสถานตี รวจ อากาศผวิ พน้ื มาแสดงในแผนทอ่ี ากาศทำให้สามารถวเิ คราะห์ ลักษณะอากาศในบริเวณกว้างได้ เชน่ บรเิ วณความกดอากาศสูง หย่อยความกดอากาศต่ำ พายุหมนุ เขตรอ้ น ร่องความกดอากาศตำ่

ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พ่ิมเติม ม.5 13. วเิ คราะห์ และคาดการณล์ กั ษณะลม * การแปลความหมายสญั ลักษณท์ ่ปี รากฏบนแผนท่อี ากาศ ร่วมกับ ฟ้าอากศเบอ้ื งตน้ จากแผนทอี่ ากาศและ ขอ้ มูลสารสนเทศอ่นื ๆ เชน่ โปรแกรมประยกุ ต์เก่ียวกับการ ข้อมลู สารสนเทศอ่นื ๆ เพอื่ วางแผนใน พยากรณอ์ ากาศ เรดารต์ รวจอากาศ ภาพถา่ ยดาวเทยี ม และค่าทาง การประกอบอาชพี และการดำเนนิ ชวี ติ ให้ สถิติ สามารถนำมาวิเคราะหร์ ูปแบบคาดการณ์การเกดิ และการ สอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศ เปล่ียนแปลงปรากฏการณ์ทางลมฟา้ อากาศในชว่ งเวลาตา่ ง ๆ ซึ่ง สามารถนำมาวางแผนการดำเนินชวี ิตใหส้ อดคล้องกบั สภาพอากาศ เช่น การเลือกช่วงเวลาในการเพาะปลูกให้สอดคล้องกบั ฤดูกาล การ เตรียมพรอ้ มรบั มอื สภาพอากาศแปรปรวน

สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เขา้ ใจสมดุลพลังงานของโลก การหมุนเวยี นของอากาศบนโลก การหมนุ เวียนของน้ำในมหาสมุทร การเกิดเมฆ การเปลยี่ นแปลงภมู ิอากาศโลกและผลต่อสงิ่ แวดล้อมและส่ิงแวดลอ้ ม รวมทงั้ การพยากรณ์อากาศ ชัน้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พมิ่ เตมิ ม.5 1. อธบิ ายปจั จยั สำคญั ทมี่ ผี ลต่อการรบั *บรเิ วณตา่ งๆ ของโลกไดร้ บั พลงั งานจากดวงอาทิตยใ์ นรูปของคลน่ื และคายพลังงานจากดวงอาทิตย์ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในปริมาณทแ่ี ตกตา่ งกนั เนือ่ งจากโลกมีสณั ฐานคลา้ ยทรง แตกต่างกนั และผลท่มี ตี อ่ อุณหภมู ิ กลมและแกนหมุนโลกเอยี งทำมุมกบั แนวตง้ั ฉากกบั ระนาบ อากาศในแตล่ ะบรเิ วณของโลก การโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์ สง่ ผลต่อการตกกระทบของรังสดี วง 2. อธบิ ายกระบวนการที่ทำใหเ้ กิดสมดุล อาทติ ย์ ซ่งึ สว่ นทผ่ี ่านเขา้ มาในชน้ั บรรยากาศจนถึงพื้นผิวโลก จะเกดิ พลังงานของโลก กระบวนการสะท้อน ดดู กลืน และถ่ายโอนพลงั งาน แล้วปลดปล่อยกลับสู่ อวกาศแตกต่างกนั เนอ่ื งจากปัจจยั ต่าง ๆ เชน่ ลกั ษณะของพื้นผิว ชนิด และปรมิ าณของแก๊สเรอื นกระจก ละอองลอย และเมฆ ทำให้พน้ื ผวิ โลกแต่ ละบรเิ วณมีอุณหภูมิอากาศแตกตา่ งกนั * พลงั งานจากดวงอาทิตยโ์ ดยเฉลยี่ ทโ่ี ลกได้รบั เท่ากบั พลังงานเฉลยี่ ที่โลกปลดปลอ่ ยกลบั ส่อู วกาศ ทำใหเ้ กิดสมดลุ พลังงานของโลก ส่งผลให้ อุณหภมู เิ ฉลย่ี ของพน้ื ผวิ โลกในแตล่ ะปีคอ่ นขา้ งคงที่ 3. อธบิ ายผลของแรงเน่ืองจากความ * การหมนุ เวยี นของอากาศเกดิ ขนึ้ จากความกดอากาศท่ีแตกต่างกนั แตกตา่ งของความกดอากาศ แรงคอริ ระหวา่ งสองบรเิ วณ โดยอากาศเคล่อื นท่ีจากบรเิ วณท่ีมคี วามกดอากาศสูง ออลิส แรงสู่ศูนยก์ ลาง และแรงเสียด ไปยังบรเิ วณที่มีความกดอากาศตำ่ ซง่ึ จะเหน็ ไดช้ ดั เจนในการเคลื่อนที่ของ ทานท่มี ตี ่อการหมุนเวยี นของอากาศ อากาศในแนวราบและเมอื่ พจิ ารณาในการเคลื่อนทขี่ องอากาศในแนวด่ิง จะพบว่าอากาศเหนือบริเวณความกดอากาศตำ่ จะมกี ารยกตัวข้ึน ขณะที่ อากาศเหนือบริเวณความกดอากาศสูงจมตวั ลง โดยการเคลือ่ นทข่ี อง อากาศท้ังในแนวราบและแนวดงิ่ นี้ ทำให้เกดิ เป็นการหมุนเวยี นของอากาศ * การหมนุ รอบตัวเองของโลกจะทำใหเ้ กดิ แรงคอริออลสิ ซึ่งมีใหท้ ศิ ทางการเคลอื่ นทขี่ องอากาศเบนไป โดยอากาศทีเ่ คลือ่ นท่ีในบรเิ วณซีกโลก เหนือจะเบนไปทางขวาจากทศิ ทางเดิม ส่วนบรเิ วณซกี โลกใต้จะเบนไป ทางซา้ ยจากทศิ ทางเดิม เชน่ ลมคา้ และมรสุม * แรงส่ศู ูนยก์ ลางซ่งึ ทำใหเ้ กดิ การหมนุ ของลม เชน่ พายุหมุนเขตร้อน ทอรน์ าโด พายุงวงชา้ ง และแรงตา้ นการเคลือ่ นที่ของวัตถุ หรอื แรงเสยี ด ทานส่งผลตอ่ อัตราเรว็ ลม เช่น พายุไตฝ้ ุ่นเมือ่ เคล่อื นตวั เข้าสู่ชายฝัง่ จะลด ระดบั ความรนุ แรงลงเปน็ พายโุ ซนรอ้ นหรอื ดเี พรสช่ัน 4. อธิบายการหมุนเวียนของอากาศ *แตล่ ะบรเิ วณของโลกมคี วามกดอากาศแตกต่างกนั ประกอบกบั อิทธพิ ล ตามเขตละติจูดและผลท่ีมีต่อ จากการหมุนรอบตวั เองของโลกทำใหอ้ ากาศในแต่ละซกี โลกเกิดการ ภูมิอากาศ หมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ูด แบง่ ออกเป็น 3 แถบ โดยแต่ละแถบ มีภูมิอากาศแตกต่างกนั ได้แก่ - การหมุนเวยี นแถบขว้ั โลกมภี มู อิ ากาศแบบหนาวเยน็ - การหมนุ เวยี นแถบละตจิ ดู กลางมภี ูมอิ ากาศแบบอบอนุ่ - การหมุนเวยี นแถบเขตรอ้ นมภี มู ิอากาศแบบร้อนชนื้

ชนั้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ * บรเิ วณรอยตอ่ ของการหมุนเวียนอากาศแต่ละแถบละตจิ ดู จะมลี กั ษณะ ลมฟ้าอากาศทแี่ ตกตา่ งกัน เช่น บรเิ วณใกล้ศูนยส์ ตู รมปี ริมาณหยาดนำ้ ฟา้ เฉล่ียสงู กว่าบริเวณอื่น บรเิ วณละติจดู 30 องศา มอี ากาศแหง้ แลง้ ส่วน บรเิ วณละติจดู 60 องศา อากาศมคี วามแปรปรวนสงู 5. อธบิ ายปัจจัยท่ีทำให้เกดิ การแบง่ ชน้ั * น้ำในมหาสมทุ รมอี ณุ หภมู ิและความเคม็ ของน้ำแตกตา่ งกันในแต่ละ น้ำในมหาสมทุ ร บรเิ วณ และแตล่ ะระดบั ความลกึ ซ่งึ หากพจิ ารณามวลนำ้ ในแนวดงิ่ และใช้ อุณหภูมเิ ปน็ เกณฑ์ จะสามารถแบง่ ชนั้ น้ำไดเ้ ปน็ 3 ชน้ั คือ นำ้ ชัน้ บน น้ำ ชนั้ เทอร์โมไคลน์ และนำ้ ชน้ั ล่าง 6. อธบิ ายปัจจัยทีท่ ำให้เกิดการ * การหมนุ เวยี นของกระแสนำ้ ผิวหนา้ ในมหาสมุทรได้รบั อทิ ธิพลจากการ หมุนเวียนของนำ้ ในมหาสมุทรและ หมุนเวียนของอากาศในแต่ละแถบละตจิ ูดเปน็ ปจั จยั หลกั ประกอบกบั รปู แบบการหมนุ เวยี นน้ำในมหาสมทุ ร แรงคอริออลสิ ทำให้บรเิ วรซกี โลกเหนือมีการไหลเวยี นของกระแสน้ำผิวหน้า ในทศิ ทางตามเข็มนาฬิกา และทวนเขม็ นาฬิกาในซีกโลกใต้ ซง่ึ กระแสน้ำ ผวิ หนา้ ในมหาสมุทรมที ้ังกระแสนำ้ อุ่นและกระแสนำ้ เยน็ ส่วนการหมุนเวยี น กระแสน้ำลกึ เป็นการหมุนเวียนของนำ้ ชน้ั ลา่ ง เกิดจากความแตกตา่ งของ อุณหภมู แิ ละความเคม็ ของนำ้ โดยกระแสนำ้ ผิวหน้าและกระแสนำ้ ลกึ จะ หมุนเวยี นต่อเน่อื งกนั 7. อธบิ ายผลของการหมนุ เวียนของนำ้ ใน * การหมนุ เวยี นอากาศและนำ้ ในมหาสมทุ ร สง่ ผลต่อลักษณะอากาศ มหาสมทุ รทม่ี ตี ่อลกั ษณะลมฟา้ อากาศ สิ่งมชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม แตกต่างกันไป เชน่ การเกดิ น้ำผุดน้ำจม จะ สิง่ มชี วี ติ และส่งิ แวดล้อม สง่ ผลตอ่ ความอดุ มสมบูรณข์ องชายฝ่ัง เชน่ กระแสนำ้ อนุ่ กลั ฟส์ ตรีม ทท่ี ำ ใหบ้ างประเทศในทวีปยุโรปไม่หนาวเยน็ จนเกินไปนักและเมื่อการ หมุนเวียนอากาศและนำ้ ในมหาสมุทรแปรปรวน ทำให้เกิดผลกระทบต่อ สภาพลมฟ้าอากาศ เช่น ปรากฏการณเ์ อลนีโญและลานญี า ซ่งึ เกิดจาก ความแปรปรวนของลมค้าและส่งผลตอ่ สภาพลมฟ้าอากาศของประเทศท่ี อยูบ่ ริเวณมหาสมทุ รแปซฟิ ิก รวมถงึ บริเวณอน่ื ๆ บนโลก ม.5 8. อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่าง * เสถียรภาพอากาศ หมายถึง สภาวะของบรรยากาศท่ชี ่วยส่งเสรมิ หรือ เสถียรภาพอากาศและการเกดิ เมฆ ยบั ยัง้ ให้ก้อนอากาศเคลือ่ นที่ขน้ึ ลงในแนวดิ่ง ในกรณีทีก่ อ้ นอากาศมี อุณหภมู ติ ำ่ กวา่ อุณหภมู ขิ องอากาศท่ีอยู่โดยรอบ ก้อนอากาศนนั้ จะไม่ สามารถยกตวั สงู ข้นึ ไดม้ ากนักและจมตัวกลบั สทู่ เ่ี ดมิ เรยี กวา่ อากาศมี เสถียรภาพ จะพบสภาวะอากาศแจ่มใส เมฆนอ้ ยหรอื ปราศจากเมฆ ส่วน สภาวะอากาศไมม่ เี สถียรภาพนน้ั อณุ หภมู กิ ้อนอากาศจะสงู กวา่ อณุ หภูมิ ของอากาศโดยรอบทำให้ก้อนอากาศยกตัวขึ้นอย่างรวดเรว็ เกดิ เมฆใน แนวตงั้ เช่น เมฆควิ มโู ลนิมบสั 9. อธิบายการเกิดแนวปะทะอากาศแบบ * แนวปะทะอากาศเกดิ จากการเคล่ือนท่ปี ะทะกนั ของก้อนอากาศ ตา่ ง ๆ และลกั ษณะลมฟา้ อากาศท่ี ทส่ี มบัตติ ่างกันตัง้ แตส่ องก้อนขนึ้ ไป แนวปะทะอากาศแบ่งออกได้ เก่ยี วข้อง 4 รปู แบบ คอื แนวปะทะอากาศอนุ่ ซ่ึงมกั พบเมฆแผ่น เชน่ เมฆซรี ์รสั อัลโตสเตรตสั เกดิ ฝนกระจายเป็นบริเวณกว้าง แนวปะทะเยน็ เกิดเมฆ ก้อน เช่น เมฆคิวมโู ลนิมบสั ทำใหอ้ ากาศแปรปรวนเกดิ ฝนฟา้ คะนอง แนวปะทะอากาศรวม

ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พ่ิมเตมิ เกิดเมฆคิวมโู ลนมิ บสั ท่ีสง่ ผลตอ่ การเกดิ พายฝุ น แนวปะทะอากาศคงท่ี จะ มีลักษณะอากาศแจ่มใสจนถึงมีเมฆบางสว่ น และอาจสง่ ผลให้เกดิ แนว ปะทะอากาศแบบอนื่ ต่อไปได้ 10. อธิบายปัจจัยตา่ งๆ ท่มี ีผลต่อ * โลกได้รบั พลงั งานจากดวงอาทติ ย์ โดยปรมิ าณพลงั งานเฉลี่ยท่โี ลกไดร้ บั การเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศโลก เท่ากบั พลงั งานเฉลย่ี ทโี่ ลกปลดปลอ่ ยกลบั สอู่ วกาศ ทำให้เกดิ สมดุลพลังงาน พรอ้ มยกตัวอยา่ งขอ้ มลู สนบั สนนุ โลก ส่งผลให้อณุ หภมู เิ ฉลีย่ ของโลกในแต่ละปคี ่อนขา้ งคงท่ีและมีลักษณะ ภูมิอากาศทไ่ี ม่เปลย่ี นแปลงไป หากสมดลุ พลังงานของโลกเกดิ การ เปลี่ยนแปลง จะทำให้อณุ หภมู ิเฉลย่ี ของพ้นื ผิวโลกและภูมอิ ากาศเกดิ การ เปลี่ยนแปลงได้ โดยมีปัจจยั หลายประการ ทั้งปจั จยั ทเ่ี กิดขนึ้ ตามธรรมชาติ และปัจจยั ทเ่ี กิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เชน่ การเปล่ยี นแปลงความรีของ วงโคจรโลกรอบดวงอาทติ ย์ การเปลี่ยนแปลงมุมเอยี งของแกนหมุนโลกและ การหมนุ ควงแกนหมนุ โลก รวมทงั้ ชนิดและปรมิ าณของละอองลอย เมฆ และแก๊สเรือนกระจก ซึง่ มีข้อมลู สนับสนนุ การเปล่ียนแปลงอุณหภูมขิ องโลก ต้ังแต่อดตี ถงึ ปัจจุบนั ทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะหห์ ลกั ฐานต่าง ๆ เช่น แกนนำ้ แขง็ ม.5 11. วเิ คราะหแ์ ละอธิบายเหตกุ ารณท์ เ่ี ป็น * การเปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศโลกอาจส่งผลกระทบต่อสง่ิ มีชวี ติ และ ผลจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ส่งิ แวดลอ้ ม เชน่ การเพ่มิ ขนึ้ ของอณุ หภมู ิเฉลย่ี โลก การหลอมเหลวของ โลก และนำเสนอแนวปฏิบตั ิของ นำ้ แข็งขัว้ โลก การเพิม่ ข้ึนของระดบั นำ้ ทะเล การเปลยี่ นแปลงของระบบ มนษุ ย์ที่มีส่วนชว่ ยในการชะลอการ นิเวศท้งั ทางบกและทางทะเล เปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก * มนษุ ย์อาจมสี ่วนช่วยในการชะลอการเปลยี่ นแปลงภมู ิอากาศโลกได้โดย การลดปจั จยั ที่ทำใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงสมดลุ พลงั งานทีเ่ กิดจากการ กระทำของมนุษย์ 12. แปลความหมายสญั ลักษญ์ ลมฟา้ * แบบแสดงขอ้ มูลของสถานตี รวจอากาศผวิ พืน้ เปน็ การแสดงขอ้ มูลตรวจ อากาศบนแผนทอ่ี ากาศ อากาศท่แี สดงในรูปสญั ลักษณห์ รอื ตวั เลขที่ปรากฏบนแผนท่อี ากาศ เชน่ อุณหภูมิ ความช้ืน ความกดอากาศ ความเร็วและทิศทางลม ปริมาณและ ชนิดของเมฆ ทำให้ทราบลักษณะอากาศ ณ สถานีนั้น ๆ ในเวลาทีม่ กี าร ตรวจวัด เมื่อนำข้อมลู ของสถานตี รวจอากาศผวิ พน้ื มาแสดงในแผนที่ อากาศทำให้สามารถวเิ คราะหล์ กั ษณะอากาศในบรเิ วณกวา้ งได้ เชน่ บริเวณความกดอากาศสงู หย่อยความกดอากาศต่ำ พายหุ มนุ เขตรอ้ น ร่อง ความกดอากาศตำ่ 13. วเิ คราะห์ และคาดการณล์ กั ษณะลม * การแปลความหมายสญั ลกั ษณท์ ีป่ รากฏบนแผนทอ่ี ากาศ รว่ มกับข้อมูล ฟา้ อากาศเบอ้ื งต้นจากแผนทอี่ ากาศ สารสนเทศอ่นื ๆ เชน่ โปรแกรมประยกุ ตเ์ ก่ยี วกบั การพยากรณอ์ ากาศ และ ขอ้ มลู สารสนเทศอ่ืน ๆ เพื่อ เรดาร์ตรวจอากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม และค่าทางสถติ ิ สามารถนำมา วางแผนในการประกอบอาชีพและ วเิ คราะหร์ ปู แบบคาดการณ์ การเกดิ และการเปลยี่ นแปลงปรากฏการณ์ การดำเนินชวี ติ ให้สอดคลอ้ งกบั สภาพ ทางลมฟา้ อากาศในช่วงเวลาต่าง ๆ ซง่ึ สามารถนำมาวางแผนการดำเนนิ ลมฟ้าอากาศ ชวี ิตใหส้ อดคล้องกับสภาพอากาศ เช่น การเลือกชว่ งเวลาในการเพาะปลกู ใหส้ อดคลอ้ งกับฤดกู าล การเตรยี มพรอ้ มรบั มอื สภาพอากาศแปรปรวน

สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 3. เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ ความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์จากการศึกษาตำแหน่งดาวบนทรงกลมฟ้าและปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ รวมทั้งการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศในการดำรงชีวติ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เติม 1. อธบิ ายการกำเนดิ และการ * ทฤษฎีกำเนิดเอกภพที่ยอมรับในปัจจุบัน คือ ทฤษฎีบิกแบง ระบุว่า เอกภพเริ่มต้น เปล่ียนแปลงพลงั งาน สสาร ขนาด จากบิกแบงที่เอกภพมีขนาดเล็กมาก และมีอุณหภูมิสงู มาก ซึ่งเป็นจุดเริ่มตน้ ของเวลา อุณหภมู ิของเอกภพหลงั เกิดบิกแบง และวิวฒั นาการของเอกภพ โดยหลังเกดิ บิกแบง เอกภพเกิดการขยายตวั อยา่ งรวดเร็ว ในชว่ งเวลาต่างๆ ตามวิวฒั นาการ มีอุณหภูมิลดลง มีสสารคงอยู่ในรูปอนุภาคและปฏิกิริยานุภาคหลายชนิด และมี ของเอกภพ วิวัฒนาการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเนบิวลา กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ เปน็ สมาชกิ บางสว่ นของเอกภพ 2. อธบิ ายหลักฐานที่สนับสนนุ * หลักฐานสำคญั ท่สี นับสนนุ ทฤษฎีบกิ แบง คอื การขยายตวั ของเอกภพ ซ่ึงอธิบายดว้ ย ทฤษฎบี กิ แบง จากความสมั พันธ์ กฎฮบั เบิล โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วแนวรัศมแี ละระยะทางของกาแล็กซีท่ี ระหว่างความเร็วกับระยะทางของ เคลือ่ นทห่ี ่างออกจากโลก และหลกั ฐานอีกประการ คอื การคน้ พบไมโครเวฟพื้นหลังท่ี กาแลก็ ซี รวมท้งั ขอ้ มูลการคน้ พบ กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทุกทิศทาง และสอดคล้องกับอุณหภูมิเฉลี่ยของอวกาศ มี ไมโครเวฟพ้นื หลงั จากอวกาศ ค่าประมาณ 2.73 เคลวิน 3. อธบิ ายโครงสรา้ งและ * กาแล็กซี ประกอบด้วยดาวฤกษ์จำนวนหลายแสนล้านดวง ซึง่ อยูก่ นั เป็นระบบ องค์ประกอบของกาแล็กซที าง ของดาวฤกษ์ นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยเทห์ฟ้าอื่น เช่น เนบิวลา และสสาร ช้างเผือก และระบุตำแหนง่ ของ ระหว่างดาว โดยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ภายในของกาแลก็ ซีอยรู่ วมกันด้วยแรงโน้ม ระบบสรุ ยิ ะพรอ้ มอธบิ ายเชอ่ื มโยง ถว่ ง กับการสังเกตเห็นทางชา้ งเผอื กของ * กาแล็กซีมีรูปร่างแตกต่างกัน โดยระบบสุริยะอยู่ในกาแล็กซีทางช้างเผือกซ่ึง คนบนโลก เป็นกาแล็กซีกังหันแบบมีคาน มีโครงสร้าง คือ นิวเคลียส จานและฮาโล ดาว ฤกษ์จำนวนมากอยูใ่ นบริเวณนวิ เคลยี สและจาน โดยมีระบบสรุ ยิ ะอยูห่ ่างจากจุด ศูนยก์ ลางของกาแล็กซีทางชา้ งเผือก ประมาณ 30,000 ปีแสง ซึ่งทางชา้ งเผือกที่ สังเกตเหน็ ในท้องฟ้าเป็นบรเิ วณหนง่ึ ของกาแลก็ ซีทางชา้ งเผือกในมุมมองของคน บนโลก แถบฝ้าสีขาวจาง ๆ ของทางช้างเผือก คือ ดาวฤกษ์ที่อยู่อย่างหนาแน่น ในกาแลก็ ซที างช้างเผอื ก 4. อธิบายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ * ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่อยู่รวมกันเป็นระบบดาวฤกษ์ คือ ดาวฤกษ์ที่อยู่รวมกัน โดยแสดงการเปลี่ยนแปลงความดัน ต้ังแต่ 2 ดวงขึ้นไป ดาวฤกษเ์ ป็นกอ้ นแกส๊ ร้อนขนาดใหญ่ เกิดจากการยุบตัวของ อุณหภูมิ ขนาด จากดาวฤกษ์ก่อน กลุ่มสสารในเนบิวลาภายใต้แรงโน้มถ่วง ทำให้บางส่วนของเนบิวลามีขนาดเล็ก เกิดจนเป็นดาวฤกษ์ ลง ความดันและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเกิดเป็นดาวฤกษ์ก่อนเกิด เมื่ออุณหภูมิที่แก่น สูงขึ้นจนเกิดปฏกิ ิริยาเทอร์มอนิวเคลียร์ ดาวฤกษ์กอ่ นเกิดจะกลายเป็นดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์อยู่ในสภาพสมดลุ ระหว่างแรงดันกับแรงโน้มถ่วงซ่ึงเรียกวา่ สมดุลอุทก สถติ จึงทำให้ดาวฤกษม์ ีขนาดคงทีเ่ ป็นเวลานานตลอดช่วงชีวติ ของดาวฤกษ์

ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรเู้ พ่ิมเตมิ 1. อธบิ ายกระบวนการสรา้ ง * ปฏิกิริยาเทอร์มอนิวเคลยี ร์ เป็นปฏิกิริยาหลักของกระบวนการสร้างพลังงาน พลังงานของดาวฤกษ์และผลท่ี ของดาวฤกษ์ ทำให้เกดิ การหลอมนิวเคลยี สของไฮโดรเจนเปน็ นวิ เคลียสฮเี ลียมท่ี เกดิ ขน้ึ โดยวเิ คราะห์ปฏิกริ ยิ าลกู โซ่ แก่นของดาวฤกษ์ ซึ่งมี 2 กระบวนการ คือ ปฏิกิริยาลูกโซ่โปรตอน-โปรตอน โปรตอน-โปรตอน และวฏั จกั ร และวัฏจักรคาร์บอน ไนโตรเจน ออกซเิ จน คาร์บอน ไนโตรเจน ออกซเิ จน 2. ระบุปจั จัยทีส่ ง่ ผลตอ่ ความส่อง * ความส่องสว่างของดาวฤกษ์เป็นพลังงานจากดาวฤกษ์ที่ปลดปล่อยออกมาใน สว่างของดาวฤกษ์ และอธิบาย เวลา 1 วนิ าทตี อ่ หน่วยพ้นื ที่ ณ ตำแหน่งของผสู้ งั เกต แต่เน่อื งจากตาของมนุษย์ ความสัมพันธร์ ะหว่างความสอ่ งสวา่ ง ไม่ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงความส่องสวา่ งที่มีคา่ น้อย ๆ จึงกำหนดคา่ การ กบั โชติมาตรของดาวฤกษ์ เปรียบเทยี บความสอ่ งสว่างของดาวฤกษด์ ้วยคา่ โชตมิ าตร ซึ่งเป็นการแสดงระดบั ความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์ (หรอื เทห์ฟ้าอืน่ ) ณ ตำแหน่งของผูส้ งั เกต 3. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสี * สีของดาวฤกษ์สัมพันธ์กับอุณหภูมิผิว ซึ่งนักดาราศาสตร์ใช้ดัชนีสีในการแบ่ง อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของ ชนดิ สเปกตรมั ของดาวฤกษ์ และใช้สเปกตรมั ในการจำแนกชนิดของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์ 4. อธบิ ายวธิ กี ารหาระยะทางของ * การหาระยะทางของดาวฤกษท์ ม่ี รี ะยะทางหา่ งจากโลกไม่เกนิ 100 พารเ์ ซก มี ดาวฤกษ์ดว้ ยหลักการแพรลั แลกซ์ วิธีการที่สำคญั คือ วิธีแพรัลแลกซ์ โดยวัดมุมแพรัลแลกซ์ของดาวฤกษ์ เมื่อโลก และคำนวณระยะทางของดาวฤกษ์ เปลี่ยนตำแหน่งไปในวงโคจร ทำให้ตำแหน่งปรากฏของดาวฤกษ์เปลี่ยนไปเม่ือ เทยี บกับดาวฤกษอ์ ้างอิง 5. อธิบายโครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ * ดวงอาทิตย์มีโครงสร้างภายในแบ่งเป็นแก่น เขตการแผ่รังสี และเขตการพา การเกิดลมสุริยะพายุสุริยะและ ความร้อน และมีชัน้ บรรยากาศอยู่เหนอื เขตพาความร้อน ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ วเิ คราะห์ นำเสนอปรากฏการณ์หรอื ชั้นโฟโตสเฟียร์ ชั้นโครโมสเฟียร์ และคอโรนา ในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผลของลม มีปรากฏการณ์สำคัญ เช่น จุดมืดดวงอาทิตย์ การลุกจ้า ที่ทำให้เกิดลมสุริยะ สุริยะและพายุสุริยะที่มีต่อโลก และพายุสุรยิ ะซง่ึ ส่งผลต่อโลก รวมทงั้ ประเทศไทย * ลมสุริยะ เกิดจากการแพร่กระจายของอนุภาคจากชั้นคอโรนาออกสู่อวกาศ ตลอดเวลา อนุภาคที่หลุดออกสู่อวกาศเป็นอนุภาคที่มีประจุ ลมสุริยะส่งผลทำ ให้เกิดหางของดาวหางที่เรืองแสง และชี้ไปทางทิศตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์ และเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือ แสงใต้ * พายุสุริยะ เกิดจากการปลดปล่อยอนุภาคมีประจุพลังงานสูงจำนวนมหาศาล มกั เกิดบอ่ ยครั้งในช่วงท่มี ีการลุกจ้า และในช่วงทีม่ ีจุดมืดดวงอาทิตย์จำนวนมาก และในบางครั้งมีการพ่นก้อนมวล คอโรนา พายุสุริยะอาจส่งผลต่อ สนามแม่เหล็กโลก จึงอาจรบกวนระบบการส่งกระแสไฟฟ้าและการสื่อสาร รวมทั้งอาจส่งผลต่อวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ของดาวเทยี ม นอกจากนั้นมักทำให้เกิด ปรากฏการณ์แสงเหนอื แสงใต้ที่สงั เกตได้ชัดเจน

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พมิ่ เตมิ 6. สร้างแบบจำลองทรงกลมฟ้า * ทรงกลมฟา้ เปน็ ทรงกลมสมมตขิ นาดใหญท่ ่มี ีรศั มอี นันต์ มจี ดุ ศูนยก์ ลางของ สังเกต และเชอ่ื มโยงจดุ และเสน้ สำคญั โลกเป็นจุดศูนย์กลางของทรงกลมฟ้า มีดวงดาวและเทห์ฟ้าต่าง ๆปรากฏอยู่ ของแบบจำลองทรงกลมฟ้ากับทอ้ งฟา้ บนผิวของทรงกลมฟ้านี้ การระบุพิกัดของดวงดาวและเทห์ฟ้าต่าง ๆ บนทรง จรงิ และอธบิ ายการระบพุ ิกัดของดาว กลมฟ้าตามระบบทีส่ ำคญั ได้แก่ ในระบบขอบฟ้า และระบบศนู ยส์ ตู ร - ระบบขอบฟ้า เป็นระบบที่อา้ งองิ จากตำแหนง่ ผู้สังเกตบนโลก โดย ระบพุ กิ ัดเปน็ มมุ ทศิ และมมุ เงย อ้างอิงกบั ทศิ เหนอื และเสน้ ขอบฟ้าของผูส้ ังเกต - ระบบศนู ย์สูตร เป็นระบบที่อ้างองิ กบั เส้นศูนยส์ ตู รฟา้ และจดุ วิษุวตั ระบพุ ิกัดเป็นไรตแ์ อสเซนชนั และเดคลิเนชัน 7. สังเกตทอ้ งฟา้ และอธิบายเสน้ ทาง * โลกหมุนรอบตัวเองจากทางทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก ทำให้เกิด การขึ้น การตกของดวงอาทิตย์และ ปรากฏการณ์ขึ้นตกของดวงอาทิตย์และดวงดาวในรอบวัน ซึ่งเส้นทางปรากฏ ดาวฤกษ์ ของการขึ้น การตกของดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงตามวัน เวลาและตำแหน่ง ละติจูดของผู้สังเกต ส่วนเส้นทางปรากฏของการขึ้น การตกของดาวฤกษ์จะ เปลี่ยนแปลงตามละติจดู ของผสู้ งั เกต 8. อธิบายเวลาสรุ ิยคตปิ รากฏ โดย * การกำหนดเวลาสุริยคติจะเทียบกับดวงอาทิตย์ โดยเวลาสุริยคติมีทั้งเวลา รวบรวมขอ้ มลู และเปรียบเทียบเวลา สุรยิ คตปิ รากฏ และเวลาสุริยคตปิ านกลาง ขณะทด่ี วงอาทติ ยผ์ ่านเมริเดยี นของ * เวลาสุริยคติปรากฏ เป็นเวลาที่ได้จากการสังเกตดวงอาทิตย์จริงที่เคลื่อนท่ี ผู้สังเกตในแต่ละวนั อยู่บนท้องฟ้าของผู้สังเกต ช่วงเวลาระหว่างการเห็นจุดศูนย์กลางของดวง อาทติ ยผ์ า่ นเมรเิ ดยี นครงั้ แรกถึงครัง้ ถดั ไป เรยี กวา่ 1 วัน สรุ ยิ คตปิ รากฏ 9. อธบิ ายเวลาสรุ ิยคตปิ านกลาง และ * เวลาสุริยคติปานกลางกำหนดโดยให้มีดวงอาทิตย์สมมติเคลื่อนที่บนเส้น การเปรยี บเทียบเวลาของแต่ละเขต ศูนย์สูตรฟ้าด้วยอัตราเร็วสม่ำเสมอ ช่วงเวลาระหว่างการเห็นจุดศูนย์กลาง เวลาบนโลก ของดวงอาทิตย์ผ่านเมริเดียนคร้ังแรกถึงครัง้ ถัดไป เรียกว่า 1 วัน สุริยคติปาน กลาง ซง่ึ ยาว 24 ช่วั โมง 0 นาที 0 วนิ าที เวลาสุริยคติปานกลางกรีนิชเป็นเวลา สุริยคติปานกลางที่ใช้เมริเดียนของหอดูดาวกรีนิชในประเทศอังกฤษเป็น ตัวกำหนด ซึ่งนำมาใช้กำหนดเขตเวลามาตรฐานสากลของตำแหน่งอื่น ๆ บน โลก

ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรเู้ พิ่มเตมิ 10. อธิบายมมุ หา่ งท่สี ัมพนั ธก์ ับ * โลกและดาวเคราะห์ทุกดวงหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์จากทิศ ตำแหน่งในวงโคจร และอธิบาย ตะวันตกไปทางทิศตะวนั ออก หรือทศิ ทวนเข็มนาฬกิ าจากมมุ มองด้านบน คนบนโลก เชือ่ มโยงกับตำแหนง่ ปรากฏของ จะสังเกตเห็นดาวเคราะหม์ ีตำแหน่งปรากฏแตกต่างกันในช่วงวันเวลาต่าง ๆ เพราะ ดาวเคราะห์ทส่ี งั เกตได้จากโลก ดาวเคราะห์มมี ุมห่างที่แตกตา่ งกนั * มุมห่างของดาวเคราะห์ คือ มุมระหว่างเสน้ ตรงท่เี ช่ือมระหวา่ งโลกกับดาวเคราะห์ กับเส้นตรงที่เชื่อมระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ เมื่อวัดบนเส้นสุริยวิถีโดยดาวเคราะห์ อาจอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันออก หรือทางทิศตะวันตก ซึ่งมี การเรียกชื่อตามตำแหน่งของดาวเคราะห์ในวงโคจรขนาดของมุมห่าง และทิศทาง ของมุมหา่ ง * ดาวเคราะห์ที่มีมุมห่างต่างกันจะมีตำแหน่งปรากฏบนท้องฟ้าแตกต่างกัน โดย ตำแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์วงในจะอยู่ใกล้ขอบฟ้าในช่วงเวลาใกล้รุ่งหรือเวลา หัวค่ำ ส่วนตำแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์วงนอกจะสามารถเห็นได้ในช่วงเวลาอื่น ๆ นอกจากนี้ มุมห่างยงั สามารถนำมาอธบิ ายปรากฏการณท์ างดาราศาสตร์ เชน่ ดาว เคยี งเดอื น ดาวเคราะห์ชมุ นมุ ดาวเคราะหผ์ า่ นหน้าดวงอาทติ ย์ 11. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ ายการ * มนุษย์ใช้เทคโนโลยีอวกาศในการศึกษา เพื่อขยายขอบเขตความรู้ด้าน สำรวจอวกาศ โดยใช้กล้อง วิทยาศาสตร์ และในขณะเดียวกันมนุษย์ได้นำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ใน โทรทรรศนใ์ นชว่ งความยาวคล่ืน ด้านต่าง ๆ เช่น วสั ดุศาสตร์ อาหาร การแพทย์ ต่าง ๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ * นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างกล้องโทรทรรศน์ เพื่อศึกษาแหล่งกำเนิดของรังสีหรือ สถานีอวกาศ และนำเสนอ อนภุ าคในอวกาศในชว่ งความยาวคลน่ื ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ คลน่ื วิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด แนวคิดการนำความรู้ทางด้าน แสง อลั ตราไวโอเลต และรังสเี อ็กซ์ เทคโนโลยีอวกาศ มาประยุกตใ์ ช้ * ยานอวกาศ คือ ยานพาหนะที่นำมนุษย์หรืออุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ขึ้นไปสู่ ในชีวติ ประจำวนั หรอื ในอนาคต อวกาศ เพื่อสำรวจหรือเดินทางไปยังดาวดวงอื่น ส่วนสถานีอวกาศ คือ 12. สบื ค้นขอ้ มูล ออกแบบ และ ห้องปฏิบัติการลอยฟา้ ที่โคจรรอบโลก ใช้ในการศึกษาวิจัยทางวทิ ยาศาสตร์ในสาขา นำเสนอกจิ กรรมการสงั เกตดาว ตา่ ง ๆ ในสภาพไรน้ ำ้ หนัก บนทอ้ งฟ้าดว้ ยตาเปลา่ และ/ * ดาวเทียม คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจวัตถุท้องฟ้าและนำมาประยุกต์ใช้ในด้าน หรือกลอ้ งโทรทรรศน์ ต่าง ๆ เช่น การสื่อสารโทรคมนาคม การระบุตำแหน่งบนโลก การสำรวจ ทรพั ยากรธรรมชาติ อตุ นุ ิยมวิทยา โดยดาวเทยี มมีหลายประเภทสามารถแบง่ ไดต้ าม เกณฑว์ งโคจรและการใชง้ าน

คำอธบิ ายรายวิชา รหัสวชิ า ว 31209 รายวชิ า โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ************************************************ ศึกษาเกี่ยวกับการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก หลักฐานทางธรณีวิทยาที่สนับสนุนการ เคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ลักษณะการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีตามทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน การลำดับชั้นหินและ ธรณีประวัติ หลักฐานทางธรณีวิทยา การหาอายุเปรียบเทียบ อายุสัมบูรณ์ มาตราธรณีกาล สาเหตุและ กระบวนการเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว สึนามิ การทำความเข้าใจธรรมชาติของธรณีพิบัติภัยเพื่อ เตรียมพรอ้ มรับสถานการณ์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การ วเิ คราะห์ การอภิปราย การอธบิ ายและการสรปุ ผลเพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ และความเข้าใจ มคี วามสามารถ ในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ในชวี ิตของตนเอง ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่ีถกู ตอ้ งเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการแบง่ ชั้นและสมบตั ขิ องโครงสรา้ งโลก พรอ้ มยกตัวอยา่ งข้อมลู ทสี่ นับสนนุ ได้ 2. อธบิ ายหลักฐานทางธรณวี ิทยาทส่ี นบั สนนุ การเคลอื่ นท่ีของแผน่ ธรณไี ด้ 3. ระบุสาเหตุและอธิบายรูปแบบการเคลือ่ นที่ของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสญั ฐานและ โครงสรา้ งแบบตา่ ง ๆ ได้ 4. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ภเู ขาไฟระเบิดและปัจจยั ท่ที ำใหค้ วามรุนแรงของการปะทุและรปู รา่ งของ ภูเขาไฟแตกต่างกัน รวมทั้งสืบค้นข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย ออกแบบและนำเสนอแนวทางการเฝ้าระวังและ การปฏิบตั ิตนให้ปลอดภัยได้ 5. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรุนแรง และผลจากแผ่นดินไหว รวมทั้งสืบค้นข้อมูล พืน้ ทเ่ี ส่ยี งภยั ออกแบบและนำเสนอแนวทางการเฝ้าระวังและการปฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภัยได้ 6. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิ รวมทั้งสืบค้นข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย ออกแบบและ นำเสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภยั ได้ 7. วิเคราะห์หลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาทพี่ บในปจั จบุ ัน และอธิบายลำดับเหตกุ ารณท์ างธรณีวิทยาในอดตี ได้ รวมทง้ั หมด 7 ผลการเรียนรู้

คำอธบิ ายรายวชิ า รหสั วิชา ว 31210 รายวชิ า โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 2 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ************************************************ ศึกษาเกยี่ วกับการตรวจสอบ การระบชุ นดิ ของแรแ่ ละสมบัติของแร่ การใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรแร่ อย่างเหมาะสม การตรวจสอบและจำแนกประเภทของหิน การระบุชื่อหิน วิเคราะห์สมบัติของหิน การใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรหินอย่างเหมาะสม กระบวนการเกิดและการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหิน ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมและถ่านหิน การอ่านและแปลความหมายจากแผนที่ภูมิประเทศและแผนที่ ธรณวี ิทยา การประยุกตค์ วามรู้เกยี่ วกับแผนท่ใี นชวี ิตประจำวัน โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การอภิปราย การอธิบาย และการสรุปผลเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด และความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมทถี่ กู ต้องเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจสอบและระบชุ นดิ แร่ รวมทง้ั วเิ คราะหส์ มบตั ิและนำเสนอการใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรแรท่ ่ีเหมาะสม 2. ตรวจสอบ จำแนกประเภทและระบชุ ่ือหิน รวมทั้งวิเคราะหส์ มบัติและนำเสนอการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรหนิ ทเ่ี หมาะสม 3. อธบิ ายกระบวนการเกิดและการสำรวจแหลง่ ปโิ ตรเลยี มและถ่านหิน โดยใชข้ ้อมลู ทางธรณีวิทยา 4. อธบิ ายสมบัตขิ องผลติ ภัณฑ์ท่ไี ด้จากปิโตรเลยี มและถ่านหิน พรอ้ มนำเสนอการใช้ประโยชนอ์ ย่างเหมาะสม 5. อธิบายและแปลความหมายจากแผนท่ีภมู ิประเทศและแผนทธ่ี รณวี ทิ ยาของพ้ืนทีท่ ่ีกำหนด พร้อมท้ังอธิบาย และยกตวั อยา่ งการนำไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งหมด 5 ผลการเรียนรู้

คำอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า ว 32209 รายวิชา โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ************************************************ ศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบของอากาศ พลังงานจากดวงอาทิตย์ อุณหภูมิของอากาศ ปัจจัยที่มีผลตอ่ การรับและคายพลังงานจากดวงอาทิตย์ ผลทีม่ ีต่ออุณหภูมิอากาศในแตล่ ะบริเวณของโลก กระบวนการท่ีทำให้ เกิดสมดุลพลังงานของโลก การเกิดลม ผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ การหมุนเวียน ระบบลม แบบจำลองการหมุนเวียนอากาศ การหมุนเวียนอากาศตามเขตละติจูด ผลจากการหมุนเวียนของ ระบบลม พายุ พายุฝนฟ้าคะนอง ทอร์นาโด พายหุ มนุ เขตรอ้ น การเกิดมรสุม อิทธพิ ลของมรสุมตอ่ ประเทศไทย ร่องมรสุม การหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทร การแบ่งชั้นน้ำในมหาสมุทร ผลกระทบจากการหมุนเวียนของ กระแสนำ้ ในมหาสมทุ ร โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบคน้ ข้อมลู การสังเกต การ วิเคราะห์ การอภิปราย การอธิบายและการสรุปผลเพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด และความเขา้ ใจ มีความสามารถ ในการตดั สนิ ใจ สือ่ สารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรูไ้ ปใชใ้ นชวี ิตของตนเอง ตลอดจนมจี ิต วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมท่ีถูกตอ้ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายปัจจัยสำคัญท่ีมผี ลตอ่ การรบั และคายพลังงานจากดวงอาทิตย์แตกต่างกนั และผลที่มตี ่ออุณหภูมิ อากาศในแต่ละบริเวณของโลก 2. อธิบายกระบวนการท่ีทำให้เกดิ สมดุลพลังงานของโลก 3. อธิบายผลของแรงเน่ืองจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอรอิ อลสิ แรงสศู่ นู ยก์ ลาง และแรง เสียดทานที่มตี อ่ การหมนุ เวยี นของอากาศ 4. อธิบายการหมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละติจูด และผลทม่ี ีต่อภูมอิ ากาศ 5. อธบิ ายปัจจยั ที่ทำใหเ้ กิดการแบง่ ชน้ั นำ้ ในมหาสมทุ ร 6. อธิบายปัจจัยที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทรและรูปแบบการหมุนเวียนของน้ำใน มหาสมทุ ร 7. อธบิ ายผลของการหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทรท่ีมตี ่อลกั ษณะลมฟา้ อากาศ สิง่ มีชวี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม รวม 7 ผลการเรยี นรู้

คำอธิบายรายวชิ า รหัสวิชา ว 32210 รายวชิ า โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 4 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ************************************************ ศึกษาและเก่ียวกับการเกิดเมฆ เสถียรภาพอากาศ แนวปะทะอากาศ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศของ โลก ปัจจัยที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศของโลก ข้อมูลสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก เช่น ปรากฏการณ์เอลนีโญและลาณีญา ปรากฏการณ์เรือนกระจก การเกิดคลื่นความร้อน สามารถอธิบายเกี่ยวกับเรื่องการพยากรณ์อากาศ การ ตรวจสอบอากาศ ขั้นตอนการพยากรณ์อากาศ วิธีการพยากรณ์อากาศ และแผนที่อากาศได้ การทำความ เข้าใจของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเกิดข้ึนจากการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกจะทำให้เข้าใจเนื้อหาที่ เรียนเพ่ิมขึ้น โดยใช้การเรียนรู้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสงั เกต การวเิ คราะห์ การอภปิ ราย การอธิบาย และสรปุ ผล เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด และความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ตลอดจนมีจิตวิทยา ศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่ีถูกต้องเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเสถยี รภาพอากาศและการเกิดเมฆ 2. อธบิ ายการเกิดแนวปะทะอากาศแบบต่าง ๆ และลักษณะลมฟ้าอากาศท่ีเก่ยี วข้อง 3. อธบิ ายปจั จัยตา่ ง ๆ ที่มผี ลต่อการเปลยี่ นแปลงภูมิอากาศโลก พร้อมยกตัวอยา่ งข้อมูลสนับสนนุ 4. วิเคราะห์และอธิบายเหตุการณท์ ีเ่ ป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลก และนำเสนอแนวปฏิบัติของ มนุษย์ที่มีสว่ นชว่ ยในการชะลอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก 5. แปลความหมายสัญลักษญ์ลมฟา้ อากาศบนแผนท่ีอากาศ 6. วิเคราะห์ และคาดการณล์ กั ษณะลมฟา้ อากาศเบ้อื งต้นจากแผนทอี่ ากาศและข้อมลู สารสนเทศอน่ื ๆ เพ่ือวางแผนในการประกอบอาชพี และการดำเนินชวี ติ ให้สอดคลอ้ งกับสภาพลมฟ้าอากาศ รวม 6 ผลการเรียนรู้

คำอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ว 33209 รายวชิ า โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 5 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรยี นที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ************************************************ ศึกษา วิเคราะห์ และอธิบายกำเนิดวิวัฒนาการของเอกภพ หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง กาแล็กซีและกาแล็กซีทางชา้ งเผือก สมบัติของดาวฤกษ์ กำเนิดดาวฤกษ์ กระจุกดาว แหล่งกำเนิดพลังงานของ ดาวฤกษ์ วิวฒั นาการของดาวฤกษ์ กำเนิดระบบสรุ ิยะและการแบง่ เขตบริวารรอบดวงอาทติ ย์ การโคจรของดาว เคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์ โครงสร้างและปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การ สังเกต การวิเคราะห์ การอภิปราย การอธิบายและการสรุปผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด และ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตตนเอง ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่ถูกต้อง ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาดอุณหภูมิของเอกภพหลังเกิดบิกแบงใน ช่วงเวลาตา่ ง ๆ ตามวิวัฒนาการของเอกภพ 2. อธิบายหลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบงจากความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับระยะทางของกาแล็กซี รวมท้งั ข้อมูลการคน้ พบไมโครเวฟพน้ื หลังจากอวกาศ 3. อธิบายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก และระบุตำแหน่งของระบบสุริยะพร้อม อธบิ ายเช่ือมโยงกับการสงั เกตเห็นทางชา้ งเผอื กของคนบนโลก 4. อธิบายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลี่ยนแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาด จากดาวฤกษ์ก่อน เกดิ จนเป็นดาวฤกษ์ 5. อธิบายกระบวนการสร้างพลังงานของดาวฤกษ์และผลที่เกิดขึ้น โดยวิเคราะห์ปฏิกิริยาลูกโซ่โปรตอน- โปรตอน และวฏั จักรคารบ์ อนไนโตรเจน ออกซิเจน 6. ระบุปัจจัยที่ส่งผลต่อความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความส่องสว่างกับโชติ มาตรของดาวฤกษ์ 7. อธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งสี อณุ หภูมผิ วิ และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ 8. อธิบายวิธกี ารหาระยะทางของดาวฤกษด์ ้วยหลกั การแพรลั แลกซ์ และคำนวณระยะทางของดาวฤกษ์ 9. อธิบายลำดับวิวัฒนาการท่ีสัมพนั ธ์กับมวลต้ังตน้ และวิเคราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงสมบัติบางประการของดาว ฤกษ์ในลำดบั วิวฒั นาการ จากแผนภาพเฮิรตซป์ รุง-รัสเซลล์

10. อธิบายกระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์และลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อ ต่อการดำรงชวี ิต 11. อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยกฎเคพเลอร์ และกฎความโน้มถ่วงของนิวตัน พร้อม คำนวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์ 12. อธิบายโครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะ และวิเคราะห์ นำเสนอปรากฏการณ์หรือ เหตุการณ์ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ผลของลมสรุ ิยะ และพายุสุรยิ ะทีม่ ตี อ่ โลก รวมทัง้ ประเทศไทย รวม 12 ผลการเรยี นรู้

คำอธบิ ายรายวชิ า รหสั วิชา ว 33209 รายวิชา โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นที่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ************************************************ ศึกษา วิเคราะห์ และอธิบาย กำเนิดวิวฒั นาการของเอกภพ หลักฐานที่สนบั สนุนทฤษฎีบิกแบง กาแล็กซีและกาแล็กซีทางชา้ งเผอื ก สมบัติของดาวฤกษ์ กำเนิดดาวฤกษ์ กระจุกดาว แหล่งกำเนิดพลังงานของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ กำเนดิ ระบบสุรยิ ะและการแบง่ เขตบรวิ ารรอบดวงอาทิตย์ การโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์ โครงสร้าง และปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การ สังเกต การวิเคราะห์ การอภิปราย การอธิบายและการสรุปผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด และ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตตนเอง ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมที่ถูกต้อง ผลการเรียนรู้ 1. สรา้ งแบบจำลองทรงกลมฟ้า สงั เกตและเชอ่ื มโยงจดุ และเส้นสำคญั ของแบบจำลอง ทรงกลมฟ้ากับ ทอ้ งฟา้ จริงและอธิบายการระบุพิกดั ของดาวในระบบขอบฟา้ และระบบศูนยส์ ตู ร 2. สงั เกตท้องฟา้ และอธิบายเสน้ ทางการข้นึ การตกของดวงอาทติ ยแ์ ละดาวฤกษ์ 3. อธิบายเวลาสุริยคตปิ รากฏ โดยรวบรวมขอ้ มูลและเปรยี บเทียบเวลาขณะทีด่ วงอาทิตยผ์ ่านเมรเิ ดียน ของผ้สู งั เกตในแต่ละวัน 4. อธบิ ายเวลาสรุ ิยคติปานกลางและการเปรยี บเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบนโลก 5. อธบิ ายมมุ หา่ งทส่ี ัมพนั ธ์กบั ตำแหนง่ ในวงโคจรและอธิบายเชื่อมโยงกับตำแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ ทส่ี ังเกตไดจ้ ากโลก 6. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบายการสำรวจอวกาศโดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์ในช่วงความยาวคลนื่ ต่างๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศและนำเสนอแนวคิดการนำความรทู้ างดา้ นเทคโนโลยอี วกาศมาประยุกต์ใช้ ในชวี ิตประจำวนั หรือในอนาคต 7. สบื ค้นขอ้ มลู ออกแบบและนำเสนอกจิ กรรมการสงั เกตดาวบนทอ้ งฟา้ ด้วยตาเปล่าและ/หรือกล้อง โทรทรรศน์ รวม 7 ผลการเรยี นรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook