บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การวิจัยครั้งน้ีเป็นการการพัฒนาทักษะการจำแนกชนิดเมฆโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ของ นักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1/5 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่ สรุปผลการวิจัย ดงั นี้ 1. วัตถุประสงค์ของการวิจยั 2. สรปุ ผลการวจิ ยั 3. อภิปรายผล 4. ข้อเสนอแนะ วัตถปุ ระสงค์ของการศกึ ษา 1. เพื่อเปรียบเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้แผนการเรียนรู้หน่วยการ เรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง เมฆและหมอก ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1/5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ 2. เพ่ือศึกษาทักษะการจำแนกชนิดของเมฆโดยใช้แผนการเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง เมฆ และหมอก ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1/5 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแผนการเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง เมฆและ หมอก ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1/5 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ สรปุ ผลการวจิ ัย การวิจัยคร้ังนี้เป็นการพัฒนาทักษะการจำแนกชนิดเมฆโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ของ นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1/5 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่ สรุปผลการวิจัยได้ดงั นี้ 1. นักเรียนท่ีเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1/5 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่ มผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิ ทรี่ ะดบั .05 2. นักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่ มที กั ษะการจำแนกชนิดเมฆอยูใ่ นระดบั ดี ( =3.63, =0.90) 3. นักเรียนท่ีเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เมฆและหมอก ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1/5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ มีความพึงพอใจต่อการเรียนอยู่ในระดับมาก ( = 4.39, = 0.69)
46 อภปิ รายผล จากผลการวจิ ัยสามารถนำมาอภปิ รายผลได้ดังนี้ 1. จากผลการศึกษา พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการ เรียนรู้ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ หลังเรียนสูงกว่าก่อน เรยี นอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติท่ีระดบั .05 ทั้งนี้เนื่องมาจากการเรียนรดู้ ้วยชุดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เป็น การเรียนรู้ที่ปฏิบัติจริงซ้ำหลาย ๆ คร้ัง จึงทำให้นักเรียนเข้าใจบทเรียนและมีพัฒนาการท่ีก้าวหน้าข้ึนจาก พ้ืนฐานเดิมท่ีมีอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับอุษณีย์ เสือจันทร์ (2553) ที่กล่าวถึงประโยชน์ของแผนการจัดการ เรียนรู้ว่า สามารถช่วยในการฝึกเสริมทักษะทำให้จดจำเน้ือหาได้คงทน มีเจตคติที่ดีต่อวิชาท่ีเรียน ทำให้ ผู้เรียนทราบความก้าวหน้าของตน และเป็นเคร่ืองมือที่ครูผู้สอนใช้ประเมินผลการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีว่า นักเรียนเข้าใจมากน้อยเพียงใด และสมพร ตอยยีบี (2554) ได้กล่าวว่า แผนการจัดการเรียนรู้เป็นส่ือการ เรยี นรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ต่าง ๆ จนเกิดความชำนาญและสามารถนำ ความรูไ้ ปใช้ได้อย่างถูกต้อง สอดคล้องกับกฎการเรียนรู้ของธอรน์ ไดด์ (Thorndike) (สำลี รักสุทธี, 2544) ท่ีกล่าวว่าการเรียนรู้จะเกิดข้ึนได้ก็ต่อเมื่อมีการฝึกทักษะหรือกระทำการอ่ืน ๆ ฉะน้ันในการสร้างทักษะจึง ควรสร้างเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกฝนในเร่ืองหนึ่ง ๆ ซ้ำกันหลายคร้ัง ซึ่งในการจัดกิจกรรมผู้ศึกษาได้ยึดหลัก ดังกล่าว จึงส่งผลให้นักเรียนมีพัฒนาการทางด้านทักษะทักษะการจำแนกชนิดของเมฆสูงกว่าเดิม และ แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ผู้ศึกษาสรา้ งขึ้นได้มีรูปประกอบซึ่งเป็นรูปภาพที่ถ่ายจากภาพฝึกปฏิบัติจริง จึงทำ ให้นักเรยี นเข้าใจได้งา่ ย 2. จากผลการศึกษา พบว่า นักเรียนท่ีเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ มีทักษะการจำแนกชนิดของเมฆอยู่ในระดับดี ( =3.63, =0.90) ท้ังน้ีอาจเป็นเพราะการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ มีผลต่อทักษะ การจำแนกชนิดของเมฆของนักเรียน ซึ่งเป็นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับวัยและพัฒนาการ ของเด็กมัธยมศึกษาตอนต้น เน่ืองจากเด็กชั้นมัธยมศึกษามีความอยากรู้อยากเห็น กระตือรือร้นท่ีจะเรียนรู้ และสนใจในการเข้าร่วมกิจกรรม มีความสนุกสนานกับการจัดกลุ่มความเหมือน ความต่าง และสัมพันธ์ ของ ส่งิ ต่าง ๆ ท่อี ยู่รอบตัว ทั้งเรยี นรู้จากในหอ้ งเรียนและนอกห้องเรียน ดว้ ยเหตุนจี้ ึงเปน็ ผลนักเรียนมที ักษะการ จำแนกชนิดอยู่ในระดับดี สอดคล้องกับงานวิจัยของโสภิดา โครตโนนกอก (2554) ได้ศึกษาผลของการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ท่ีมีต่อทักษะการคิดขั้นพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ของ เด็กมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่า เด็กมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ มีคะแนนทักษะการคิดข้ันพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ภาพรวมและรายด้าน คือ ด้านการ สงั เกต การจำแนกประเภท การสอ่ื ความหมาย และการลงความเหน็ จากข้อมูลสูงขึ้นกว่าก่อนการทดลอง 3. จากผลการศึกษา พบว่า นักเรียนท่ีเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1/5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ มีความพึงพอใจต่อการเรียนอยู่ในระดับมาก ( = 4.39, = 0.69) ทั้งนี้อาจเป็นเพราะมีการวิเคราะห์เน้ือหาและจัดแบ่งเน้ือหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียง จากเนื้อหาง่ายไปยาก มีความต่อเน่ืองตามลำดับขั้นตอน และมีรูปภาพประกอบช่วยให้ นักเรียนมีความ สนใจมากขึ้น เน้ือหาสาระในแผนการจัดการเรียนรู้น้ันมีความรู้เกี่ยวกับเมฆ ท่ีนักเรียนคุ้นเคยเป็นอย่างดี กจิ กรรมการเรียนรู้แต่ละกจิ กรรมเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นได้ลงมือปฏบิ ัตจิ ริง ตรวจสอบความรู้ดว้ ยตนเองตาม ความสามารถ ช่วยให้นักเรียนใส่ใจต่อการเรียน และเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่ง สอดคล้องกับทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์ (Maslow, 1970: 69-80) กล่าวว่า หากความต้องการของ
47 มนุษย์ได้รับการตอบสนองแล้วจะเกิดความพึงพอใจในระดับหนึ่ง ซ่งึ ส่ิงเหล่านี้จะส่งผลถงึ ประสิทธภิ าพในการ ปฏิบตั งิ านและกิจกรรมต่าง ๆ ในทศิ ทางท่ดี ขี นึ้ ข้อเสนอแนะ จากการวิจัยในคร้ังนี้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะท่ีเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้และการวิจัยครั้งต่อไป ซงึ่ ประกอบด้วย ข้อเสนอแนะในการนำผลการศึกษาไปใช้ และข้อเสนอแนะ เพ่อื การวิจยั ครงั้ ตอ่ ไป ดงั น้ี 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการศึกษาไปใช้ 1.1 ครูผสู้ อนสามารถนำแผนการจัดการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1/5 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงผู้ศึกษาสร้างข้ึนและใช้เป็นส่ือการเรียนการสอนระดับชั้นหรือในโรงเรียน อ่นื ๆ เพ่ือช่วยให้การเรียนการสอนมปี ระสิทธภิ าพยง่ิ ขึ้น 1.2 ในช่วงจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ครูควรบอกขอ้ บกพร่องและให้ข้อเสนอแนะในทักษะ ที่นักเรียนยังทำไม่ได้ ตลอดจนชมเชย ให้กำลังใจ เม่ือนักเรียนทำได้หรือมีการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง และสามารถปฏิบตั ิทักษะได้ดีขึ้น 1.3 การปฏิบัติกิจกรรม ครูควรเปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้ค้นพบความรคู้ วามสามารถดว้ ยตนเอง และได้เรียนรู้โดยการปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดทักษะและความรู้ท่ียั่งยืน ครูผู้สอนเป็นเพียงผู้เติมเต็มให้กับ นักเรียนในสว่ นที่นกั เรียนขาดเท่าน้ัน 1.4 ในการฝึกทักษะแต่ละคร้ัง ครูไม่ควรเร่งรัดนักเรียน ควรให้อิสระ และยืดหยุ่นเวลาตาม ความเหมาะสม เพ่อื ให้เกดิ การพัฒนาทกั ษะเปน็ ข้นั ๆ 1.5 ก่อนการทดสอบหลงั เรียน นกั เรียนตอ้ งไดเ้ รียนเน้ือหาและฝกึ ทักษะน้นั ๆ มาก่อน 2. ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การศกึ ษาวิจยั ในคร้งั ตอ่ ไป 2.1 ควรมีการนำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องเมฆและหมอก โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นอ่ืน ๆ เพ่ือศึกษาประสิทธิภาพและดัชนี ประสทิ ธิผลของการเรยี นรู้ด้วยแผนการจดั การเรียนรู้ 2.3 ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เร่ืองเมฆและหมอก ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1/5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่ร่วมกับการเรียนรู้ดว้ ยวิธีอืน่ ๆ ตอ่ ไป
บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (พมิ พค์ ร้ังที่ 2). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พช์ ุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. กาญจนา วัฒนายุ (2544). การวิจัยในชน้ั เรยี น. กรงุ เทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ. จรูญ มลิ ินทร์ (2505). พจนานกุ รมศัพท์การศึกษา. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์วัฒนาพานิช. ชวาล แพรัตกลุ (2516). เทคนิคการเขยี นข้อสอบ. กรงุ เทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ . ธีระพฒั น์ ฤทธ์ทิ อง (2545). 30 รปู แบบการจดั กิจกรรมโดยยดึ นักเรยี นเป็นสำคัญ (พิมพค์ รั้งท่ี 3). กรุงเทพฯ: เฟือ่ งฟา้ พรนิ้ ดงิ้ . นยิ ม ทพิ ย์จักร (2540). การสรา้ งแผนการสอนท่ีเนน้ กระบวนการวิชาสังคมศึกษา (ส 503) เรอ่ื งการอนุรกั ษ์ ทรพั ยากรทางธรรมชาติ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามหลักสตู รมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พทุ ธศักราช 2524 (ฉบบั ปรบั ปรุง) พ.ศ.2533. (วิทยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑิต). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. บญุ ชม ศรีสะอาด (2553). การวิจัยเบ้อื งต้น (พิมพ์ครงั้ ท่ี 8). กรุงเทพฯ: สวุ ีริยาสาสน์ . บุญชม ศรีสะอาด (2545). การวจิ ัยเบือ้ งตน้ (พิมพ์ครง้ั ท่ี 7). กรงุ เทพฯ: สุวรี ิยาสาสน์ . บญุ ส่ง นลิ แกว้ (2519). การวดั ผลทางจิตวทิ ยา. กรงุ เทพฯ: แพรพ่ ิทยา. ประสาท อิศรปรีดา (2546). สารตั ถะจิตวทิ ยาการศึกษา. กาฬสนิ ธ์:ุ ประสานการพมิ พ์ ปานรวี ยงยุทธวิชยั (2546). คมู่ ือการเขียนแผนการสอนและแผนการจัดการเรยี นรู้ เพ่ือขอเลอ่ื นตำแหน่ง อาจารย์ 3. กรงุ เทพฯ: สถาบันส่งเสรมิ การสอนและการอา่ นการเขยี นแหง่ ประเทศไทย. พรทิพย์ ถาวรจกั ร์ (2525). องคป์ ระกอบทเ่ี กยี่ วข้องกบั ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น ของนสิ ิตจฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. พวงแก้ว โคจรานนท์ (2530). บุคลกิ ภาพ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 และ6 ในโรงเรียนประถมศกึ ษาสงั กัดกองการศึกษาเทศบาลเมอื งอุดร. (วิทยานิพนธป์ รญิ ญามหาบัณฑติ ). กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ พวงรตั น์ ทวรี ตั น์ (2543) วิธกี ารวจิ ัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ (พิมพ์ครงั้ ที่ 7). กรุงเทพฯ: สำนกั ทดสอบทางการศกึ ษาและจติ วิทยา มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. พสิ ุทธา อารรี าษฎร์ (2551). การพฒั นาซอฟต์แวรท์ างการศึกษา. มหาสารคาม: หจก.อภชิ าตกิ ารพมิ พ.์ ไพศาล หวังพานชิ (2526). การวัดผลการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานชิ . ภทั รา นิคมานนท์ (2534). การประเมินผลและการสรา้ งแบบทดสอบ. กรุงเทพฯ: อักษราพพิ ัฒน์. มยรุ ี ศรีคะเณย์ (2547). การเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ความคงทนในการเรียน ความพึงพอใจแบบ ร่วมมอื ด้วยบทเรียนคอมพวิ เตอร์ วิชาภาษาไทย เร่ือง รามเกียรต์แิ ละคำราชาศัพท์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ท่ี 5 ทมี่ ีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนตา่ งกัน. (วทิ ยานพิ นธ์การศึกษามหาบัณฑติ ). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. มชั ฌมิ า เหลก็ กล้า (2547). การพัฒนาแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนร้กู ลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ โดยการ สอนแบบรว่ มมือกนั เรยี นรู้ (TAI) เรือ่ ง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. (รายงานการศึกษาคน้ ควา้ อิสระ). มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม
49 เยาวดี วบิ ูลยศ์ รี (2528). หลกั การวดั ผลและการสรา้ งข้อสอบ. กรงุ เทพฯ: ภาควชิ าวิจัยการศึกษา คณะครุ ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. รกั พงษ์ วงษ์ธานี (2546). เปรียบเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน ความคงทนในการเรียน และความพึงพอใจใน การเรยี น โดยการใชโ้ ปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนวชิ าวิทยาศาสตรส์ ำหรับนักเรียนช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ที่มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนและวิธเี รียนตา่ งกัน. (วิทยานิพนธ์การศกึ ษา มหาบัณฑติ ). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. รุจิร์ ภู่สาระ (2545). การพฒั นาหลกั สูตรตามแนวปฏริ ูปการศึกษา. กรงุ เทพฯ : บ๊คุ พอยท์. โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ (2563). รายงานผลการปฏบิ ัติงานของสถานศึกษา (SAR) ปี การศึกษา 2563. เชียงใหม:่ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม.่ ลว้ น สายยศ และองั ศนา สายยศ (2548). เทคนิคการวิจยั ทางการศึกษา (พมิ พค์ ร้ังท่ี 4). กรงุ เทพฯ: สุวรี ยิ าสาสน์ . วญั ญา วิศาลาภรณ์ (2522). การสร้างแบบทดสอบ. กรุงเทพมหานคร: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนคริ นทรวโิ รฒประสานมติ ร. วฒั นาพร ระงบั ทุกข์ (2542). การจดั การเรียนการสอนที่เน้นผเู้ รียนเป็นศูนยก์ ลาง. กรุงเทพฯ: เลฟิ แอนด์เลิฟ เพรส. ศรสี ดุ า ญาติปลม้ื (2547). การพัฒนาแผนการเรยี นรู้แบบ TAI วชิ าคณิตศาสตร์ เรื่องอตั ราสว่ นและรอ้ ยละ ชั้น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2. (รายงานการศึกษาคน้ คว้าอสิ ระ). มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). การจดั สาระการเรียนรู้ กล่มุ วทิ ยาศาสตร์ หลักสูตรการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน. กรงุ เทพฯ : สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี. สมนึก ภัททิยธนี (2551). การวดั ผลการศกึ ษา (พิมพ์ครั้งท่ี 6). กาฬสินธ์ุ: ประสานการพิมพ์. สาคร เทยี มดาว (2561). รายงานผลการจดั การเรียนรู้พลศึกษาโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะ เพ่อื สง่ เสรมิ ความสามารถ พ้ืนฐานกีฬาเซปกั ตะกร้อ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุม่ สาระการเรยี นรู้สุขศกึ ษาและพลศึกษา. วารสาร เทคโนโลยีและสือ่ สารการศกึ ษา, 1(2), 43-52. สคุ นธ์ สินธพานนท์ (2560). นวัตกรรมการเรียนการสอน (ฉบับแก้ไขเพ่มิ เติม) (พมิ พ์คร้งั ท่ี 2). กรงุ เทพฯ : 9119 เทคนศิ พริ้นติ้ง. สุชา จนั ทรเ์ อม (2541). จิตวิทยาท่วั ไป (พมิ พค์ รัง้ ท่ี 11). กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ . สดุ าทิพย์ บุษมงคล (2546). การเปรียบเทยี บผลการเรียนรู้ของนิสติ ระดับปรญิ ญาตรี โดยบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยการเรยี น วิชา 0503311 การถ่ายภาพเบ้อื งต้นระหว่าง การเรียนเปน็ รายบคุ คลกบั การเรียนเปน็ กลุ่มย่อย. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). มหาสารคาม: มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. สุพล วงั สินธ์ (2542). รปู แบบและการคำเนินการสอน โดยยดึ ผูเ้ รยี นเป็นศูนยก์ ลาง. กรุงเทพฯ: วารสารวชิ าการ, 2(3), 36-37. สรุ ชัย ขวัญเมือง (2522). วิธีสอนและการวดั ผลคณติ ศาสตร์ในชนั้ ประถมศกึ ษา. กรุงเทพฯ: เทพนมิ ิตรการพมิ พ์. เสริมศักด์ิ วิศาลาภรณ์ และเอนกกุล กรีแสง (2522). หลกั เบ้ืองตน้ ของการวดั ผลการศึกษา (พิมพ์คร้งั ที่ 4). กรุงเทพฯ: พิฆเณศ. อกนษิ ฐ์ กรไกร (2549). การพัฒนาแผนการจดั การเรยี นรู้ กาพยานี 11 ดว้ ยแบบฝกึ ทักษะ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ท่เี รยี นด้วยกลมุ่ รว่ มมือแบบ Co-op Co - op และแบบเด่ียว. (วิทยานิพนธก์ ารศึกษาศาสตรมหา
50 บัณฑติ ) มหาสารคาม: มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. อัจฉรา สขุ ารมณ์ และอรพินทร์ ชชู ม (2530). การศึกษาเปรียบเทียบนกั เรียนท่ีมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนตำ่ กว่า ระดับความสามารถ กบั นักเรียนที่มีผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนปกต.ิ กรงุ เทพฯ: สถาบนั วิจยั พฤติกรรม ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร. อำนวย เลิศชยนั ตี (2533). การทดสอบและการวดั ผลทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: อำนวยการพิมพ์. อาภรณ์ ใจเที่ยง (2553). หลักการสอน (พมิ พ์คร้ังท่ี 5). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร.์
ภาคผนวก
แบบประเมนิ ทักษะการจำแนกชนิดเมฆ .......................................................................................... คำชี้แจง 1. แบบประเมินฉบบั น้ี เพื่อให้ครผู ู้สอนประเมนิ ทักษะการจำแนกชนิดของเมฆของนักเรียนช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ทเ่ี รียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรอ่ื งเมฆและหมอก 2. โปรดพิจารณาว่าข้อรายการในแต่ละข้อตอ่ ไปนต้ี รงกบั การปฏบิ ัตหิ รือสภาพจรงิ ทเี่ กดิ ข้นึ จาก การปฏบิ ัติของนักเรยี นมากน้อยเพียงใด และโปรดทำเคร่อื งหมาย ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับการปฏิบัติ หรือสภาพจริงท่ีเกิดข้ึนตามความเป็นจริงมากท่ีสุด ซ่ึงระดับของการปฏิบัติหรือสภาพจริงที่เกิดขึ้นมีค่า ตั้งแต่ 1 – 5 มีความหมายดังนี้ 5 หมายถึง มากทส่ี ดุ นักเรียนได้มีการปฏิบัตริ ะดับคณุ ภาพมากที่สุด คิดเป็น 80-100% ในชว่ งระยะเวลาที่กำหนด 4 หมายถงึ มาก นักเรยี นได้มีการปฏบิ ัตริ ะดบั คณุ ภาพมาก คดิ เป็น 60-79% ในชว่ งระยะเวลาที่กำหนด 3 หมายถงึ ปกติ นกั เรยี นไดม้ กี ารปฏิบตั ิระดบั คณุ ภาพปานกลาง คิดเป็น 40-59% ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด 2 หมายถึง นอ้ ย นกั เรียนไดม้ กี ารปฏบิ ตั ิระดบั คณุ ภาพน้อย คิดเป็น 20-39% ในชว่ งระยะเวลาทกี่ ำหนด 1 หมายถึง น้อยที่สุด นกั เรียนได้มกี ารปฏบิ ัติระดบั คณุ ภาพนอ้ ยทส่ี ุด คดิ เป็น 0-19% ในชว่ งระยะเวลาท่ีกำหนด ชือ่ ผู้รับการประเมนิ ...................................................................................... ชั้น............................... รายการประเมิน 1 ระดับปฏิบตั กิ าร 4 5 23 1) อธบิ ายการเกดิ เมฆได้ 2) ระบชุ นิดของเมฆได้ 3) บอกกระบวนการเกิดฝนได้ 4) วดั ปรมิ าณน้ำฝนดว้ ยเคร่ืองมือ ท่สี ร้างได้ ค่าเฉลีย่ รวม
แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเรยี น ............................................. คำชีแ้ จง แบบสอบถามความพึงพอใจนี้ เพื่อศึกษาความพงึ พอใจต่อการเรยี นด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรือ่ งเมฆและหมอก ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1/5 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่ ซ่งึ กำหนดเกณฑ์ในการประเมนิ ดงั ตอ่ ไปน้ี ระดับ 5 หมายถึง นกั เรยี นมีความพึงพอใจมากทส่ี ุด ระดบั 4 หมายถึง นักเรียนมีความพงึ พอใจมาก ระดบั 3 หมายถึง นกั เรียนมีความพึงพอใจปานกลาง ระดับ 2 หมายถึง นักเรียนมคี วามพงึ พอใจน้อย ระดับ 1 หมายถงึ นกั เรยี นมีความพงึ พอใจน้อยทีส่ ุด โปรดทำเครือ่ งหมาย / ลงในช่องวา่ งทีต่ รงกับความพึงพอใจของนกั เรียนมากที่สดุ ขอ้ ความ ระดับความพึงพอใจ 5 4 3 21 1) เน้อื หาท่ีเรยี นเปน็ เรอื่ งทน่ี ักเรยี นสนใจ 2) เนือ้ หาท่ีเรยี นเป็นเรื่องท่นี ักเรียนควรร้เู พราะสามารถนำไปพฒั นา ทกั ษะการจำแนกได้ 3) นักเรียนฝึกปฏบิ ตั ิทักษะจากเนื้อหาท่ีเรียนในแผนการจดั การเรยี นรู้ ได้ 4) เน้อื หาท่ีเรียนไมย่ ากจนเกินไป 5) นกั เรียนสนกุ สนานกบั กจิ กรรมการเรียนรู้ 6) นักเรียนไดเ้ รยี นรกู้ ารเผชิญและแกป้ ญั หาจากกจิ กรรม 7) นักเรียนมสี ่วนร่วมในกิจกรรมการเรยี นรู้ 8) นักเรียนได้แลกเปลย่ี นเรียนรกู้ บั เพ่ือน ๆ ในขณะทำกิจกรรม 9) นกั เรยี นนำเน้อื หาท่เี รียนไปใช้ในชวี ติ ประจำวันไดจ้ ริง 10) แผนการจัดการเรยี นรู้นา่ เรยี น 11) เน้ือหาในแผนการจัดการเรยี นรู้เข้าใจง่าย 12) ครผู ู้สอนมีวธิ กี ารสอนทด่ี ีและเหมาะสม 13) จำนวนขอ้ คำถามในแบบทดสอบเหมาะสมกับเวลา 14) นกั เรยี นทราบผลการประเมนิ ตนเองในเวลารวดเรว็ 15) นักเรียนได้รับคำชมเชยเมื่อตั้งใจทำกิจกรรม ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ .................................................................................................................................
โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 สานกั งานบรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
Search