การจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าชวี วทิ ยา 6 หนว่ ยการ มนุษยก์ บั ความยัง่ ยนื เรียนรู้ ของสงิ่ แวดลอ้ ม 1 โดย นางสาวจนั จริ า ธนนั ชัย ตาแหน่งครูผูช้ ่วย
แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรือ่ ง มนษุ ย์กบั ความยั่งยืนของส่ิงแวดล้อม แผนจดั การเรยี นรูท้ ่ี 17 เรือ่ ง มลพิษทางน้าและการแก้ปัญหา รายวชิ า ชีววิทยา รหัสวชิ า ว33206 ระดับชนั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 นา้ หนักเวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาทีใ่ ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2 ชวั่ โมง 1. สาระส้าคัญ / ความคดิ รวบยอด ระบบนเิ วศ คือ การศึกษาความสัมพันธข์ องส่ิงมชี ีวติ และระหวา่ งสงิ่ มชี วี ิตกับสง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี ปน็ แหล่งที่อยู่ อาศยั โดยแบ่งตามระดบั กลุม่ ประชากร กลุม่ ส่ิงมชี วี ิต ระบบนิเวศ และโลกของสิง่ มชี วี ิต ซ่งึ สิ่งมีชวี ติ มคี วามสัมพนั ธ์ กันเอง และกับส่ิงแวดลอ้ ม ทาให้ระบบนเิ วศมีการถ่ายทอดพลังงาน การกระจายของพลังานนีท้ าให้เกดิ การ แพร่กระจายของสงิ่ มชี ีวิต เน่ืองจากบริเวณใดมีทรัพยากรเพยี งพอ จะมีประชากรของส่งิ มีชีวติ อาศัยอยู่อย่างหนาแนน่ แต่ถงึ อยากไรกต็ าม ระบบนิเวศไม่คงท่เี สมอไป เมือ่ เกดิ การเปล่ยี นแปลงของระบบนิเวศจะเกดิ การหมนุ เวยี นสิ่งมชี วี ิต โดยเร่ิมต้นจากผเู้ บิกเบิก ไปจนถึงส่ิงมชี วี ติ ขนั้ สงู สุด ในระบบนิเวศยังมกี ารหมนุ เวียนของสารอกี ด้วย 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชีวัด มาตรฐานการเรียนรู้ 5. เข้าใจแนวคดิ เก่ียวกบั ระบบนเิ วศ กระบวนการถ่ายทอดพลงั งานและการหมนุ เวยี นสารในระบบนิเวศ ความ หลากหลายของไบโอม การเปลีย่ นแปลงแทนที่ของส่งิ มชี วี ิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบการเพมิ่ ของประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม ปญั หาและผลกระทบทเ่ี กดิ จากการใชป้ ระโยชน์ และแนวทางการแก้ไขปญั หา ผลการเรียนรู้ 9. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปญั หาการขาดแคลนน้า การเกิดมลพิษทางน้าและผลกระทบท่ีมีตอ่ มนุษยแ์ ละ สิ่งแวดล้อมรวมทัง้ เสนอแนวทางการวางแผนการจัดการน้าและการแก้ไขปัญหา 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (K,P,A) 1. บอกปญั หาทีท่ าใหเ้ กิดมลพิษทางนา้ ได้ (K) 2. บอกปัญหาท่ีทาให้เกิดการขาดแคลนน้าได้ (K) 3. ยกตวั อยา่ งแนวทางแก้ไขปัญหามลพษิ ทางน้าได้ (K) 4. ออกแบบและนาเสนอแนวทางในการอนุรักษน์ ้าได้ (P) 5. สนใจใฝ่เรียนรูท้ างการศกึ ษา (A) 4. สมรรถนะสา้ คัญของนักเรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวชิ า ใหเ้ ลือกเฉพาะที่ตรงหรือสอดคล้องกบั กจิ กรรมการเรยี นในหน่วยนีและตอ้ งประเมนิ ได้ 1. ความรบั ผิดชอบ 2. กระบวนการกลุ่ม
6. คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 7. สาระการเรียนรู้ - มลพษิ ทางน้าและแนวทางแก้ไข 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. กระตุน้ นักเรียนด้วยคาถาม - ในปัจจุบันมลพิษในระบบนิเวศมีกี่อยา่ ง อะไรบ้าง (น้า อากาศ ดนิ และปา่ ไม้) - มลพษิ ในระบบนิเวศเกิดจากสาเหตใุ ด (เกดิ จากภยั ธรรมชาติ เกิดจากการกระทาของมนุษย์) - สามารถฟื้นฟูระบบนเิ วศไดห้ รอื (ได้ แต่ตอ้ งได้รบั ความรว่ มมอื จากหนว่ ยงานตา่ งๆและประชากร ทอี่ าศยั อยู่ในระบบนเิ วศนนั้ ๆ) - เมื่อเกดิ มลพิษในระบบนิเวศมีผลเสียอยา่ งไร (สงิ่ มชี วี ติ ล้มตายมากขนึ้ สภาพระบบนเิ วศแยไ่ ม่ เหมาะแก่การเป็นแหล่งที่อยู่ของสงิ่ มชี วี ิต) - เราสามารถกระจายข่าวการรณรงคไ์ ด้ตามชอ่ งทางใดบ้าง (ปา้ ยรณรงค์ หรอื ตามสอ่ื โซเซียลตา่ งๆ เปน็ ตน้ ) ขนั ที่ 2 ส้ารวจและค้นหา (Exploration) 1. ใหน้ ักเรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 4 – 5 คน ศกึ ษาค้นควา้ เรื่อง มลพิษทางนา้ การแก้ปัญหา 2. ใหน้ ักเรยี นแลกเปลี่ยนขอ้ มลู จากการศึกษาและจากการทากิจกรรมกับเพื่อนในห้องเรยี น 3. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายผลการศกึ ษาค้นคว้าและการทากจิ กรรม เรือ่ ง มลพิษทางนา้ การ แก้ปัญหา สรปุ ผลและรว่ มกันสร้างองค์ความรูใ้ หม่ ขนั ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) - น้าคอื ปจั จัยสาคัญในการดารงชวี ิตของคนและส่ิงมีชีวิต เป็นแหล่งกาเนดิ ของสตั วน์ ้าและพืช หลากหลายชนดิ นอกจากนัน้ น้ายังมีประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม มีประโยชน์ สาหรบั ครวั เรอื น ในการดื่มกิน ใช้ประกอบอาหาร หรือใชช้ าระล้างรา่ งกายและสงิ่ สกปรกตา่ งๆ และนา้ ยงั ทาให้เกิดความอุดมสมบรู ณ์แก่ส่งิ มีชีวติ - คณุ สมบตั ิของน้าท่ีเปน็ ประโยชนส์ าหรบั มนุษยแ์ ละสิ่งมชี วี ิตมากที่สดุ กค็ ือ น้าบรสิ ุทธิ์ สะอาด ปราศจากเชื้อโรคและสารพษิ เจอื ปน - ในอดตี มนุษย์สามารถนาทรัพยากรน้าจากแหล่งน้าตามธรรมชาติมาใช้ประโยชนไ์ ด้ ต่างจาก ปจั จบุ นั ทเี่ กดิ ปญั หาด้านคณุ ภาพของนา้ หรอื เกิดมลพิษทางนา้ จนไม่สามารถนาน้าจากแหล่งน้า ตามธรรมชาตมิ าใช้ได้ ซึง่ ปญั หาเหล่าน้เี กดิ ข้ึนไดจ้ ากหลายสาเหตุ - สาเหตทุ ก่ี อ่ ใหเ้ กิดมลพิษทางนา้ - เกิดจากน้าทงิ้ และสง่ิ ปฏกิ ลู จากแหลง่ ชุมชน เชน่ น้าทใี่ ช้ซักฟอกทาความสะอาดซง่ึ สว่ น ใหญม่ ีสารอินทรีย์ปะปนมากับนา้ ทงิ้ เหล่านั้นจนทาให้เกิดมลพิษทางน้า - นา้ เสียจากโรงงานอุตสาหกรรมหากโรงงานมีการลักลอบปล่อยนา้ เสียลงในแหลง่ น้าทาให้ นา้ เนา่ เสยี ได้งา่ ยเพราะมปี รมิ าณมากและสารปนเป้ือนมีอตั ราสูง
- น้าเสียที่เกดิ จากธรรมชาติ อาจเกิดจากการเนา่ เสียเม่ือนา้ อยู่ในสภาพนิ่งไม่มีการไหลเวียน ถ่ายเท - เกดิ จากพ้นื ทที่ าการเกษตร เน่อื งจากเกษตรกรสว่ นใหญน่ ิยมใช้นา้ ยาปราบศัตรูพืชกนั มาก ข้นึ จงึ ทาให้มีสารตกค้างอยตู่ ามต้นพชื และพนื้ ผวิ ดนิ เมื่อฝนตกและพดั พาเอาสารพษิ ทตี่ กค้างลง สแู่ ม่น้าลาคลองกท็ าให้เกดิ มลพิษทางน้าขนึ้ ได้ - ผลกระทบท่เี กดิ จากมลพิษทางนา้ - กระทบต่อวงจรชวี ติ ของสัตว์น้า เชน่ น้าเสียทเ่ี กิดจากสารพษิ อาจทาให้ปลาและส่งิ มชี วี ิต ตายทันที ส่วนน้าเสียทเ่ี กดิ จากออกซเิ จนในน้าลดต่าลง อาจทาลายพชื และสตั ว์น้าเล็กๆทเี่ ปน็ อาหารของปลา ทาใหค้ วามอุดมสมบูรณห์ รอื แหลง่ อาหารของสัตวน์ า้ ลดลง - เปน็ แหลง่ แพรร่ ะบาดของเชื้อโรค เชน่ อหิวาตกโรค บดิ และท้องเสยี - มีผลกระทบต่อการเพาะปลูก เพราะน้าเสยี ทม่ี ีความเปน็ กรดและดา่ งไมเ่ หมาะสาหรบั ทา การเกษตร - มผี ลต่อกระทบต่อทัศนียภาพ เพราะความสวยงามของแหลง่ นา้ สามารถใช้เปน็ สถานท่ี พักผ่อนหย่อนใจ หรือจดั กิจกรรมทางน้าเพือ่ ความบนั เทิงได้ - ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ เช่น มีกล่ินเหม็นจากน้าเน่าเสีย - วิธีปอ้ งกนั ปัญหามลพิษทางน้า - ปลกู จติ สานกึ ให้กบั เยาวชนในการเรียนรู้และเห็นคณุ ค่าของการอนรุ ักษ์น้า - สร้างจิตสานึกให้ประชาชนตระหนักถึงความสาคัญในการรกั ษาคุณภาพของแหล่งน้า - รณรงค์ให้หนว่ ยงาน องคก์ รต่างๆมีการบาบัดและขจัดสารพษิ ก่อนท่ีจะปลอ่ ยลงสู่แหล่งน้า - รณรงค์ใหช้ ่วยกนั ลดปริมาณการใช้นา้ และลดปริมาณขยะในครัวเรอื น - ชว่ ยกันปอ้ งกนั นา้ เนา่ เสยี ไมท่ ิ้งขยะและสง่ิ ปฏิกลู หรอื สารพษิ ลงในแหล่งน้า หรือท่อระบาย น้า - ปัญหาน้าเนา่ เสยี หรอื การเกิดมลพิษทางน้า สว่ นใหญ่เกดิ จากการกระทาของมนุษย์ ดังน้ันการ ถ่ายทอดความรูใ้ ห้กบั เด็ก เยาวชน รวมท้งั พอ่ แมผ่ ูป้ กครองและประชาชนทั่วไป ให้ตระหนกั ถึง ผลเสียและรบั รูก้ ารปอ้ งกนั ปัญหาน้าเน่าเสยี อยา่ งถกู ต้อง เป็นการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้าอยา่ ง ถูกวธิ แี ละได้ผลอย่างย่ังยืน ขันท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ให้นักเรยี นออกแบบป้ายรณรงค์ เรอื่ ง การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสตั วป์ า่ ขนาดของปา้ ยคอื กว้าง 60 cm x ยาว 120 cm พรอ้ มท้งั ข้อความและภาพที่ทาใหเ้ กิดการสานึกในการอนุรักษ์ ขันที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) 1. นกั เรยี นตรวจสอบหรือประเมินข้ันตอนตา่ ง ๆ ทีเ่ รียนมาในวนั นี้มจี ดุ เดน่ จุดบกพร่องอะไรบา้ ง มคี วาม สงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเร่อื งใด 2. นกั เรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลงั การเรียน ในประเด็นตอ่ ไปนี้ - ส่ิงทนี่ ักเรยี นได้เรียนรู้ในวนั นี้คืออะไร - นักเรยี นมสี ว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด - เพ่ือนนักเรยี นในกลมุ่ มสี ว่ นรว่ มกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นกั เรียนพงึ พอใจกับการเรยี นในวันน้ีหรอื ไม่ เพยี งใด - นกั เรยี นจะนาความรู้ท่ีไดน้ ีไ้ ปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทัว่ ไปได้อย่างไร
จากนน้ั แลกเปลี่ยนตรวจสอบขัน้ ตอนการทางานทกุ ข้นั ตอนว่าจะเพมิ่ คุณค่าไปสูส่ ังคม เกิดประโยชน์ต่อสังคม ใหม้ ากขนึ้ กวา่ เดิมในขั้นตอนใดบ้าง สาหรบั การทางานในครั้งต่อไป 9. ส่อื / แหล่งการเรยี นรู้ - ส่ือ Power Point เร่อื ง ระบบนเิ วศ - วดิ ทิ ศั น์ เร่อื ง มลพิษกับส่งิ แวดล้อม - แหลง่ เรียนรใู้ นและนอกหอ้ งเรียน 10. ชนิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยการเรียนรู้) - ป้ายรณรงค์ เร่อื ง การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสตั ว์ป่า
11. การวดั และประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ารทา้ กิจกรรม รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 4 32 1 1. การทากจิ กรรม ทากิจกรรมตามวิธีการ ทากจิ กรรมตามวธิ กี าร ทากจิ กรรมตามวธิ กี าร ทากจิ กรรมไมถ่ ูกตอ้ งตาม ตามแผนทกี่ าหนด และข้ันตอนที่กาหนดไว้อย่าง และขน้ั ตอนทก่ี าหนดไว้ และข้ันตอนทก่ี าหนดไว้โดยมีครู วธิ ีการและขั้นตอนทก่ี าหนด ถูกตอ้ งด้วยตนเองมกี าร ดว้ ยตนเอง มกี ารปรบั ปรงุ หรอื ผูอ้ ่นื ไว้ ไม่มีการปรบั ปรงุ แก้ไข ปรับปรุงแกไ้ ขเป็นระยะ แก้ไขบ้าง เป็นผ้แู นะนา 2. การใช้อุปกรณ์ ใชอ้ ุปกรณแ์ ละ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรอื ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ และ/หรอื เคร่อื งมือในการทา เครอื่ งมือในการทา เคร่อื งมอื ในการทา เคร่ืองมอื ในการทา เครื่องมือ กิจกรรมได้อยา่ งถูกต้องตาม กิจกรรมได้อยา่ งถกู ต้อง กิจกรรมได้อยา่ งถูกต้องโดยมคี รู กจิ กรรมไม่ถูกตอ้ ง และไม่มี หลกั การปฏิบตั แิ ละคลอ่ งแคลว่ ตามหลกั การปฏบิ ตั ิ แต่ หรือผ้อู นื่ เปน็ ผ้แู นะนา ความคล่องแคลว่ ในการใช้ ไม่คล่องแคล่ว 3. การบันทกึ ผล บนั ทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลเปน็ ระยะ บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ บนั ทึกผลไมค่ รบ การทากจิ กรรม อย่างถูกต้อง มีระเบียบมกี าร อยา่ งถกู ตอ้ ง มีระเบียบมี แต่ไมเ่ ปน็ ระเบียบ ไม่มีการระบหุ น่วย ระบหุ นว่ ย มีการอธบิ ายขอ้ มลู การระบหุ น่วย มีการ ไม่มกี ารระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม ใหเ้ ห็นความเช่ือมโยงเป็นภาพรวม อธบิ ายขอ้ มลู ให้เห็นถงึ และไม่มกี ารอธิบายขอ้ มลู ใหเ้ ห็น การทากจิ กรรม เปน็ เหตเุ ปน็ ผล และเปน็ ไปตาม ความสมั พันธ์เปน็ ไป ถงึ ความสมั พันธข์ องการทา การทากจิ กรรม ตามการทากจิ กรรม กจิ กรรม 4. การจดั กระทา จัดกระทาขอ้ มลู จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมลู อย่างไม่เป็น ข้อมูลและการ อยา่ งเป็นระบบมกี ารเชอ่ื มโยง อย่างเป็นระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบมีการยกตวั อยา่ ง ระบบ และมกี ารนาเสนอไม่ นาเสนอ ใหเ้ หน็ เปน็ ภาพรวม และนาเสนอ จาแนกขอ้ มลู ให้เหน็ เพม่ิ เตมิ ให้เข้าใจง่าย และนาเสนอ สอื่ ความหมายและไมช่ ัดเจน ดว้ ยแบบต่าง ๆอยา่ งชัดเจน ความสัมพันธ์ นาเสนอ ด้วยแบบตา่ ง ๆ แตย่ ังไม่ชดั เจน ถูกต้อง ดว้ ยแบบต่าง ๆ ได้ และไมถ่ ูกตอ้ ง แต่ยังไม่ชดั เจน 5. การสรปุ ผลการ สรปุ ผลการทากิจกรรม สรปุ ผลการทากิจกรรม สรุปผลการทากิจกรรมได้โดยมคี รู สรุปผลการทากจิ กรรม ทากจิ กรรม ได้อย่างถกู ต้อง กระชับชดั เจน ได้อย่างถูกตอ้ ง แต่ยงั หรอื ผอู้ ่ืน ตามความรทู้ พ่ี อมอี ยู่ และครอบคลมุ ขอ้ มลู จากการ ไม่ครอบคลมุ ข้อมลู แนะนาบา้ ง จึงสามารถ โดยไม่ใชข้ อ้ มลู วเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ทัง้ หมด สรุปไดอ้ ย่างถูกต้อง จากการทากจิ กรรม ท้งั หมด 6. การดูแลและ ดูแลอปุ กรณแ์ ละ/หรอื เคร่ืองมอื ดูแลอปุ กรณแ์ ละ/หรอื ดแู ลอุปกรณ์และ/หรอื เครื่องมือ ไม่ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรือ การเกบ็ อปุ กรณ์ ในการทากจิ กรรม และมกี าร เคร่อื งมอื ในการทา ในการทากจิ กรรม มกี ารทา เครอื่ งมอื ในการทากจิ กรรม และ/หรือ ทาความสะอาดและเก็บอยา่ ง กจิ กรรม และมกี าร ความสะอาด แต่เก็บไม่ถกู ตอ้ ง และไมส่ นใจทาความสะอาด เครื่องมือ ถกู ตอ้ งตามหลกั การและแนะนา ทาความสะอาดอยา่ ง ตอ้ งใหค้ รูหรือผูอ้ ืน่ แนะนา รวมทั้งเก็บไมถ่ ูกต้อง ใหผ้ ้อู น่ื ดแู ลและเกบ็ รกั ษาได้ ถูกตอ้ ง แตเ่ ก็บ ถูกตอ้ ง ไม่ถูกตอ้ ง
แบบประเมินชินงาน การจัดกระทา้ และน้าเสนอแผนผัง รายการการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 432 1 การจัดกระทาและ นาเสนอแผนผงั จดั กระทาแลนาเสนอ จัดกระทาและ จัดกระทาและ จดั กระทาและนาเสนอ แผนผังได้ แตไ่ ม่ แผนผัง ไดส้ มั พนั ธ์กนั นาเสนอ แผนผังได้ นาเสนอแผนผงั ได้ สอดคลอ้ งกบั หวั ข้อ เรอื่ งที่กาหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพันธก์ บั หวั ข้อเรอ่ื ง ตามหวั ข้อเรื่อง เรื่องท่ีกาหนด มีการ ทก่ี าหนด มีการ โดยมคี รูหรือผู้อ่ืน วางแผน มีการ ออกแบบ มีความคดิ ใหค้ าแนะนา ออกแบบ และมี รเิ ริ่ม แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เช่ือมโยงใหเ้ หน็ เป็น มกี ารเช่ือมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมนิ การสืบสอบข้อมลู รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมลู จาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย ข้อมูลจากแหลง่ การ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะคน้ คว้าขอ้ มลู จาก คน้ ควา้ ข้อมลู เช่ือถอื ได้และมกี ารเช่ือมโยงให้ เรียนรู้ทีห่ ลากหลาย เรยี นรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ่ืน แหล่งการเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเปน็ ภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนาบา้ ง อย่างเป็นระบบ เรยี นรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชือ่ มโยงใหเ้ หน็ วธิ ีการท้ังหมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล เกบ็ รวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนท่ีกาหนด โดยคดั เลอื กและ/หรือ โดยไมม่ ีการคดั เลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมูล ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมินขอ้ มูล ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจัด จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมลู กระทาขอ้ มลู อย่างเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ มีการ อยา่ งเปน็ ระบบ อย่างไมเ่ ป็นระบบ และการ มีการเช่อื มโยงให้เหน็ จาแนกข้อมลู ใหเ้ หน็ มกี ารยกตัวอย่าง และนาเสนอไม่สื่อ นาเสนอ เปน็ ภาพรวม และนาเสนอดว้ ย ความสมั พนั ธ์ นาเสนอ เพ่ิมเติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบตา่ ง ๆ อย่างชัดเจนถกู ต้อง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ นาเสนอดว้ ยแบบต่าง ๆ ชัดเจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไมถ่ ูกต้อง 4. การ สรุปผลได้อยา่ งถูกต้อง สรปุ ผลได้อย่างกระชบั สรุปผลได้กระชับ สรุปผลโดยไม่ใช้ สรปุ ผล กระชบั ชัดเจน และ แต่ยังไม่ชดั เจนและ กะทัดรดั แต่ไม่ชดั เจน ขอ้ มูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตผุ ล ไม่ครอบคลุมขอ้ มูล ถูกต้อง ทอี่ ้างอิงจากการสบื สอบได้ จากการวเิ คราะห์ ท้งั หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขยี นรายงานโดยสื่อ เขยี นรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงค์ถูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายได้โดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมกี ารเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชัดเจนแต่ หรอื ผูอ้ ื่นแนะนา ไม่ถูกต้อง และไม่ เห็นเป็นภาพรวม ขาดการเรยี บเรยี ง ชดั เจน
วช-ร 06 แบบบันทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เรื่อง มนษุ ยก์ บั ความย่ังยืนของสิง่ แวดล้อม แผนการเรยี นรทู้ ี่ 17 เร่อื ง มลพิษทางน้าและการแกป้ ญั หา รายวิชาชีววิทยา 6 ชันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6/1 รหัสวชิ า ว33206 ครผู ูส้ อน นางสาวจันจริ า ธนันชัย ตา้ แหน่ง ครผู ู้ชว่ ย เวลาทีใ่ ช้ 2 ช่ัวโมง ************************* ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข ทม่ี กี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เนื้อหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมสี ว่ นร่วมของผู้เรยี น ลงชือ่ …..........………….......................…….. ครผู ้จู ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (นางสาวจนั จิรา ธนนั ชยั ) ตาแหน่ง ครูผู้ชว่ ย
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 เรอ่ื ง มนุษยก์ บั ความยั่งยนื ของส่ิงแวดลอ้ ม แผนจดั การเรียนรทู้ ่ี 18 เร่อื ง มลพิษทางอากาศและการแกป้ ัญหา รายวิชา ชีววิทยา รหสั วิชา ว33206 ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 นา้ หนักเวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง/สัปดาห์ เวลาท่ใี ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2 ชั่วโมง 1. สาระสา้ คัญ / ความคิดรวบยอด ระบบนเิ วศ คือ การศึกษาความสมั พนั ธข์ องส่งิ มีชวี ิต และระหว่างสงิ่ มชี วี ติ กบั ส่ิงแวดลอ้ มทเี่ ป็นแหลง่ ท่ีอยู่ อาศยั โดยแบ่งตามระดบั กล่มุ ประชากร กลุ่มสง่ิ มีชีวิต ระบบนิเวศ และโลกของส่งิ มีชวี ิต ซ่ึงสิ่งมชี วี ติ มคี วามสัมพนั ธ์ กันเอง และกับสิ่งแวดล้อม ทาใหร้ ะบบนเิ วศมีการถ่ายทอดพลงั งาน การกระจายของพลังานนี้ทาใหเ้ กิดการ แพร่กระจายของส่งิ มีชวิ ิต เนื่องจากบรเิ วณใดมีทรพั ยากรเพยี งพอ จะมปี ระชากรของส่ิงมีชีวติ อาศยั อยู่อย่างหนาแน่น แต่ถึงอยากไรกต็ าม ระบบนิเวศไม่คงทเี่ สมอไป เมือ่ เกดิ การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศจะเกดิ การหมุนเวียนสิ่งมีชวี ติ โดยเริม่ ตน้ จากผเู้ บิกเบิก ไปจนถึงสง่ิ มชี ีวติ ข้ันสงู สดุ ในระบบนิเวศยงั มกี ารหมุนเวียนของสารอีกดว้ ย 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ 5.เขา้ ใจแนวคดิ เกีย่ วกับระบบนเิ วศ กระบวนการถา่ ยทอดพลงั งานและการหมุนเวยี นสารในระบบนเิ วศ ความ หลากหลายของไบโอม การเปลย่ี นแปลงแทนท่ีของส่ิงมีชีวติ ในระบบนเิ วศ ประชากรและรปู แบบการเพ่ิมของประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการใชป้ ระโยชน์ และแนวทางการแก้ไขปัญหา ผลการเรียนรู้ 10. วิเคราะห์ อภิปรายและสรปุ ปญั หามลพิษทางอากาศ และผลกระทบทม่ี ตี ่อมนุษย์และสง่ิ แวดลอ้ มรวมทง้ั เสนอแนวทางการแก้ไข ปญั หา 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (K,P,A) 1. บอกปัญหาทท่ี าใหเ้ กดิ มลพิษทางอากาศได้ (K) 2. ยกตวั อยา่ งแนวทางแกไ้ ขปัญหามลพิษทางอากาศได้ (K) 3. ออกแบบและนาเสนอแนวทางในการฟน้ื ฟูมลพิษทางอากาศได้ (P) 4. ออกแบบและนาเสนอผลกระทบที่เกิดจากมลพษิ ทางอากาศได้ (P) 5. สนใจใฝเ่ รียนรทู้ างการศกึ ษา (A) 4. สมรรถนะส้าคญั ของนกั เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวชิ า ให้เลือกเฉพาะท่ีตรงหรือสอดคล้องกับกิจกรรมการเรยี นในหน่วยน้ีและตอ้ งประเมนิ ได้ 1. ความรบั ผิดชอบ 2. กระบวนการกลุ่ม
6. คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทางาน 4. สาระการเรียนรู้ - มลพิษทางอากาศ และการแกไ้ ข 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. กระตนุ้ นักเรียนด้วยคาถาม - ในปจั จุบันมลพษิ ในระบบนเิ วศมกี ่ีอยา่ ง อะไรบ้าง (น้า อากาศ ดิน และป่าไม)้ - มลพษิ ในระบบนิเวศเกิดจากสาเหตุใด (เกิดจากภยั ธรรมชาติ เกิดจากการกระทาของมนุษย์) - สามารถฟืน้ ฟรู ะบบนเิ วศไดห้ รอื (ได้ แตต่ อ้ งไดร้ บั ความร่วมมือจากหนว่ ยงานต่างๆและประชากรท่ี อาศัยอยู่ในระบบนเิ วศน้นั ๆ) - เมื่อเกิดมลพิษในระบบนเิ วศมีผลเสยี อยา่ งไร (ส่ิงมีชีวิตล้มตายมากขึน้ สภาพระบบนเิ วศแย่ไม่เหมาะแก่ การเป็นแหลง่ ท่ีอยู่ของส่งิ มชี วี ิต) - เราสามารถกระจายข่าวการรณรงคไ์ ด้ตามช่องทางใดบา้ ง (ปา้ ยรณรงค์ หรือตามสอื่ โซเซียลต่างๆ เปน็ ต้น) ขน้ั ที่ 2 สา้ รวจและค้นหา (Exploration) 1. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 4 – 5 คน ศึกษาคน้ คว้า เร่ือง การแก้ปญั หามลพิษทางอากาศ 2. ให้นกั เรยี นแลกเปลย่ี นข้อมูลจากการศึกษาและจากการทากิจกรรมกบั เพอ่ื นในห้องเรยี น 3. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายผลการศกึ ษาค้นควา้ และการทากิจกรรม เรือ่ ง มลพิษทางอากาศการ แกป้ ญั หา สรปุ ผลและร่วมกนั สร้างองค์ความรใู้ หม่ ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) - มลพิษทางอากาศ คือการปนเป้อื นของสารเคมี สารประกอบทางกายภาพ และสารทางชีววิทยาใน สง่ิ แวดล้อม จนก่อใหเ้ กิดความเปลี่ยนแปลงของชนั้ บรรยากาศ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการเผาผลาญของ เคร่ืองยนต์ ยานพาหนะ การทาอตุ สาหกรรม หรือแม้แต่ไฟปา่ โดยสารในมลพิษทางอากาศทีส่ ่งผลต่อ สขุ ภาพของมนุษย์ ไดแ้ ก่ อนุภาคขนาดเล็กทถี่ ูกกาจดั ไมห่ มด ก๊าซคารบ์ อนมอนอกไซด์ โอโซน ไนโตรเจนไดออกไซด์ และซลั เฟอร์ไดออกไซด์ - มลพิษทางอากาศแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ - อนุภาคทีเ่ กดิ จากการเผาไหม้ของพลงั งานเช้ือเพลงิ เช่น นา้ มนั ถ่านหนิ เปน็ ตน้ - ก๊าซพิษ ได้แก่ ซัลเฟอรไ์ ดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ หรอื ไอ ระเหยจากสารเคมีตา่ ง ๆ - โอโซนระดับพืน้ ดนิ ซึง่ เป็นโอโซนชนิดท่ีไม่ดตี ่อสุขภาพ และเปน็ สว่ นประกอบสาคัญของ หมอกควนั ทเ่ี ปน็ พษิ ในบรเิ วณตัวเมือง - ควันจากยาสูบ ซ่งึ ประกอบไปด้วยสารเคมที ีเ่ ป็นพษิ และสารก่อความระคายเคือง สง่ ผลให้ผู้ สดู ดมเสยี่ งตดิ เชอื้ ในระบบทางเดินหายใจและโรคหอบหืด - มลพิษทางอากาศภายใน เป็นมลพิษที่เกิดขน้ึ ภายในอาคารหรือท่ีพักอาศัย เชน่
- อนุภาคจากการเผาไหม้ของกา๊ ซหงุ ตม้ เช่น คารบ์ อนมอนอกไซด์ เรดอน เปน็ ต้น - สารเคมีทใ่ี ชภ้ ายในบ้าน - สารเคมีทีใ่ ชใ้ นการกอ่ สร้าง เชน่ แรใ่ ยหิน ฟอร์มาดิไฮด์ ตะก่วั เปน็ ต้น - สารก่อภมู ิแพ้ต่าง ๆ จากภายในและนอกอาคาร เชน่ ฝ่นุ สารกอ่ ภมู แิ พจ้ ากแมลงสาบและ หนู เป็นตน้ - ควันจากยาสูบ - ราและเกสรดอกไม้ ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ให้นกั เรยี นออกแบบป้ายรณรงค์ เร่ือง การแกป้ ัญหามลพิษทางอากาศ ขนาดของป้ายคอื กวา้ ง 60 cm x ยาว 120 cm พร้อมทั้งขอ้ ความและภาพทที่ าให้เกิดการสานกั ในการอนรุ ักษ์ ขนั้ ท่ี 5 ประเมนิ (Evaluation) 1. นักเรียนตรวจสอบหรอื ประเมินขั้นตอนต่าง ๆ ทเี่ รียนมาในวันนม้ี จี ุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบ้าง มีความ สงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องใด 2. นักเรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ ึกหลงั การเรยี น ในประเด็นต่อไปน้ี - สิ่งท่นี กั เรยี นได้เรยี นร้ใู นวนั นค้ี ืออะไร - นักเรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลมุ่ มากน้อยเพียงใด - เพื่อนนกั เรยี นในกล่มุ มสี ่วนร่วมกจิ กรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นกั เรยี นพงึ พอใจกบั การเรยี นในวนั น้หี รือไม่ เพียงใด - นกั เรยี นจะนาความรู้ทีไ่ ด้นไี้ ปใชใ้ ห้เกิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครวั และสงั คมทวั่ ไปได้อยา่ งไร จากนน้ั แลกเปล่ียนตรวจสอบข้ันตอนการทางานทกุ ขน้ั ตอนว่าจะเพิ่มคุณค่าไปสสู่ งั คม เกิดประโยชน์ต่อสังคม ให้มากขน้ึ กวา่ เดิมในขัน้ ตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในคร้ังตอ่ ไป 9. สอื่ / แหลง่ การเรยี นรู้ - สอื่ Power Point เรือ่ ง ระบบนิเวศ - วดิ ทิ ัศน์ เร่อื ง มลพิษกับส่ิงแวดล้อม - แหลง่ เรียนร้ใู นและนอกห้องเรียน 10. ชนิ้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยการเรยี นร้)ู - ป้ายรณรงค์ เร่อื ง การแก้ปัญหามลพษิ ทางอากาศ
11. การวดั และประเมนิ ผล แบบประเมินการปฏิบัตกิ ารท้ากจิ กรรม รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทา กจิ กรรม ทากจิ กรรมตามวิธกี าร ทากจิ กรรมตามวธิ ีการ ทากจิ กรรมตามวิธีการ ทากิจกรรมไม่ถกู ตอ้ ง ตามแผนท่ี และข้นั ตอนท่ีกาหนดไวอ้ ย่าง กาหนด ถูกต้องดว้ ยตนเองมกี าร และขน้ั ตอนที่กาหนดไว้ และข้ันตอนทีก่ าหนดไว้โดย ตามวิธกี ารและขั้นตอน ปรบั ปรงุ แก้ไขเป็นระยะ ด้วยตนเอง มีการปรับปรงุ มีครหู รอื ผอู้ นื่ ทก่ี าหนดไว้ ไมม่ ีการ แกไ้ ขบ้าง เป็นผู้แนะนา ปรับปรุงแกไ้ ข 2. การใช้ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรอื ใช้อปุ กรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณ์และ/หรอื อปุ กรณแ์ ละ/ เคร่ืองมือในการทา เครือ่ งมอื ในการทา เคร่อื งมือในการทา เครอื่ งมือในการทา หรอื เคร่อื งมือ กิจกรรมได้อยา่ งถูกตอ้ งตาม กิจกรรมไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง กิจกรรมได้อยา่ งถูกต้องโดย กิจกรรมไม่ถูกต้อง และ หลักการปฏิบัติและคลอ่ งแคล่ว ตามหลกั การปฏบิ ัติ แตไ่ ม่ มีครู หรือผู้อน่ื เปน็ ผแู้ นะนา ไม่มีความคลอ่ งแคล่วใน คลอ่ งแคล่ว การใช้ 3. การบันทกึ ผล บันทกึ ผลเปน็ ระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลไม่ครบ การทากจิ กรรม อย่างถูกตอ้ ง มรี ะเบียบมีการ อย่างถูกต้อง มรี ะเบยี บมี แตไ่ มเ่ ปน็ ระเบยี บ ไมม่ กี ารระบหุ น่วย ระบุหนว่ ย มกี ารอธิบายข้อมลู การระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหน่วย และไม่เปน็ ไปตาม ให้เห็นความเชื่อมโยงเปน็ อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ถงึ และไม่มีการอธิบายขอ้ มลู ให้ การทากจิ กรรม ภาพรวมเป็นเหตุเป็นผล และ ความสัมพันธเ์ ป็นไป เหน็ ถึงความสัมพนั ธ์ของการ เป็นไปตามการทากจิ กรรม ตามการทากิจกรรม ทากิจกรรม 4. การจดั กระทา จัดกระทาขอ้ มลู จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมลู จดั กระทาขอ้ มลู อยา่ ง ขอ้ มลู และการ อย่างเปน็ ระบบมีการเชอ่ื มโยง อย่างเปน็ ระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ ไมเ่ ปน็ ระบบ และมกี าร นาเสนอ ให้เห็นเปน็ ภาพรวม และ จาแนกขอ้ มูลให้เหน็ ยกตัวอยา่ งเพ่ิมเติมให้เข้าใจ นาเสนอไมส่ ่อื นาเสนอ ความสมั พนั ธ์ นาเสนอ ง่าย และนาเสนอดว้ ยแบบ ความหมายและไม่ ด้วยแบบตา่ ง ๆอยา่ งชัดเจน ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ ได้ ต่าง ๆ แต่ยงั ไมช่ ัดเจนและไม่ ชัดเจน ถกู ต้อง แตย่ งั ไมช่ ัดเจน ถูกต้อง 5. การสรุปผล สรุปผลการทากจิ กรรม สรุปผลการทากิจกรรม สรุปผลการทากิจกรรมได้โดย สรุปผลการทากจิ กรรม การทากิจกรรม ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง กระชับชดั เจน ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง แตย่ ัง มคี รูหรอื ผู้อ่นื ตามความรูท้ พ่ี อมีอยู่ และครอบคลุมขอ้ มลู จากการ ไมค่ รอบคลมุ ข้อมลู แนะนาบา้ ง จงึ สามารถ โดยไม่ใช้ข้อมูล วเิ คราะห์ จากการวเิ คราะห์ท้ังหมด สรุปได้อย่างถกู ตอ้ ง จากการทากจิ กรรม ทง้ั หมด 6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือเครื่องมอื ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ไม่ดูแลอปุ กรณ์และ/ การเกบ็ อปุ กรณ์ ในการทากจิ กรรม และมีการ เครือ่ งมือในการทากจิ กรรม เครอ่ื งมอื ในการทากจิ กรรม หรอื เคร่ืองมอื ในการทา และ/หรือ ทาความสะอาดและเกบ็ อย่าง และมีการ มีการทาความสะอาด แต่ กจิ กรรม และไม่สนใจ เครอ่ื งมือ ถกู ตอ้ งตามหลักการและแนะนา ทาความสะอาดอยา่ ง เก็บไม่ถกู ต้อง ต้องให้ครูหรือ ทาความสะอาด รวมทั้ง ใหผ้ ้อู ื่นดูแลและเก็บรกั ษาได้ ถูกต้อง แตเ่ ก็บ ผอู้ นื่ แนะนา เกบ็ ไมถ่ ูกตอ้ ง ถกู ต้อง ไม่ถูกตอ้ ง
แบบประเมินชิน้ งาน การจัดกระทา้ และน้าเสนอแผนผัง รายการการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 432 1 การจดั กระทาและ นาเสนอแผนผงั จดั กระทาแลนาเสนอ จัดกระทาและ จัดกระทาและ จดั กระทาและนาเสนอ แผนผังได้ แตไ่ ม่ แผนผัง ไดส้ มั พนั ธ์กนั นาเสนอ แผนผังได้ นาเสนอแผนผงั ได้ สอดคลอ้ งกบั หวั ข้อ เรอื่ งที่กาหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพันธก์ บั หวั ข้อเรอ่ื ง ตามหวั ข้อเรื่อง เรื่องท่ีกาหนด มีการ ทก่ี าหนด มีการ โดยมคี รูหรือผู้อ่ืน วางแผน มีการ ออกแบบ มีความคดิ ใหค้ าแนะนา ออกแบบ และมี รเิ ริ่ม แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เช่ือมโยงใหเ้ หน็ เป็น มกี ารเช่ือมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมนิ การสืบสอบข้อมลู รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมลู จาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย ข้อมูลจากแหลง่ การ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะคน้ คว้าขอ้ มลู จาก คน้ ควา้ ข้อมลู เช่ือถอื ได้และมกี ารเช่ือมโยงให้ เรียนรู้ทีห่ ลากหลาย เรยี นรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ่ืน แหล่งการเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเปน็ ภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนาบา้ ง อย่างเป็นระบบ เรยี นรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชือ่ มโยงใหเ้ หน็ วธิ ีการท้ังหมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล เกบ็ รวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนท่ีกาหนด โดยคดั เลอื กและ/หรือ โดยไมม่ ีการคดั เลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมูล ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมินขอ้ มูล ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจัด จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมลู กระทาขอ้ มลู อย่างเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ มีการ อยา่ งเปน็ ระบบ อย่างไมเ่ ป็นระบบ และการ มีการเช่อื มโยงให้เหน็ จาแนกข้อมลู ใหเ้ หน็ มกี ารยกตัวอย่าง และนาเสนอไมส่ ื่อ นาเสนอ เปน็ ภาพรวม และนาเสนอดว้ ย ความสมั พนั ธ์ นาเสนอ เพ่ิมเติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบตา่ ง ๆ อย่างชัดเจนถกู ต้อง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ นาเสนอดว้ ยแบบต่าง ๆ ชัดเจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไมถ่ ูกต้อง 4. การ สรุปผลได้อยา่ งถูกต้อง สรปุ ผลได้อย่างกระชบั สรุปผลได้กระชับ สรุปผลโดยไม่ใช้ สรปุ ผล กระชบั ชัดเจน และ แต่ยังไม่ชดั เจนและ กะทัดรดั แต่ไม่ชดั เจน ขอ้ มูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตผุ ล ไม่ครอบคลุมขอ้ มูล ถูกต้อง ทอี่ ้างอิงจากการสบื สอบได้ จากการวเิ คราะห์ ท้งั หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขยี นรายงานโดยสื่อ เขยี นรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงค์ถูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายได้โดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมกี ารเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชัดเจนแต่ หรอื ผูอ้ ื่นแนะนา ไม่ถูกต้อง และไม่ เห็นเป็นภาพรวม ขาดการเรยี บเรยี ง ชดั เจน
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง มนุษย์กบั ความยง่ั ยนื ของส่ิงแวดล้อม แผนการเรยี นรูท้ ่ี 18 เรื่อง มลพิษทางอากาศและการแกป้ ญั หา รายวิชาชีววิทยา 6 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6/1 รหสั วชิ า ว33206 ครผู ้สู อน นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ต้าแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย เวลาที่ใช้ 2 ชั่วโมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อคน้ พบระหว่าง ปญั หาท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข ที่มกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เนอื้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมสี ่วนร่วมของผู้เรยี น ลงชอื่ …..........………….......................…….. ครผู ้จู ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวจนั จิรา ธนนั ชยั ) ตาแหน่ง ครผู ชู้ ่วย
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เรื่อง มนษุ ย์กับความย่ังยืนของสิ่งแวดลอ้ ม แผนจดั การเรียนรู้ท่ี 19 เร่ือง มลพษิ ทางดนิ และการแก้ปญั หา รายวชิ า ชีววิทยา รหสั วิชา ว33206 ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 นา้ หนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาทใ่ี ช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ช่ัวโมง 1. สาระส้าคญั / ความคดิ รวบยอด ระบบนิเวศ คือ การศึกษาความสัมพันธ์ของสิ่งมชี ีวิต และระหวา่ งสง่ิ มีชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ มทเ่ี ป็นแหลง่ ที่อยู่ อาศัย โดยแบง่ ตามระดับกลมุ่ ประชากร กลุ่มสิง่ มีชวี ิต ระบบนเิ วศ และโลกของส่ิงมีชีวติ ซงึ่ สง่ิ มีชวี ติ มคี วามสัมพนั ธ์ กนั เอง และกับสง่ิ แวดลอ้ ม ทาให้ระบบนเิ วศมีการถ่ายทอดพลงั งาน การกระจายของพลังานนี้ทาให้เกิดการ แพรก่ ระจายของส่ิงมีชวิ ิต เนื่องจากบริเวณใดมีทรัพยากรเพยี งพอ จะมีประชากรของสิ่งมชี ีวติ อาศยั อยอู่ ย่างหนาแนน่ แตถ่ งึ อยากไรก็ตาม ระบบนเิ วศไม่คงทเ่ี สมอไป เม่อื เกดิ การเปลีย่ นแปลงของระบบนเิ วศจะเกดิ การหมุนเวียนสงิ่ มีชีวิต โดยเร่ิมตน้ จากผูเ้ บิกเบิก ไปจนถึงสง่ิ มีชีวติ ขั้นสงู สุด ในระบบนเิ วศยังมกี ารหมุนเวียนของสารอกี ดว้ ย 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ 5.เข้าใจแนวคดิ เกยี่ วกับระบบนเิ วศ กระบวนการถา่ ยทอดพลงั งานและการหมนุ เวยี นสารในระบบนเิ วศ ความ หลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของส่ิงมชี ีวิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบการเพม่ิ ของประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการแกไ้ ขปญั หา ผลการเรียนรู้ 11. วเิ คราะห์ อภิปรายและสรปุ ปญั หาทเี่ กิดกับทรัพยากรดิน และผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม รวมทงั้ เสนอแนวทางการแก้ไขปญั หา 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (K,P,A) 1. บอกปัญหาทีท่ าใหเ้ กดิ มลพิษทางดนิ ได้ (K) 2. ยกตัวอยา่ งแนวทางแกไ้ ขปญั หามลพิษทางดินได้ (K) 3. ออกแบบและนาเสนอแนวทางในการอนรุ กั ษ์ดนิ ได้ (P) 4. ออกแบบและนาเสนอผลกระทบทเี่ กดิ จากมลพิษของดนิ ได้ (P) 5. สนใจใฝ่เรียนร้ทู างการศึกษา (A) 4. สมรรถนะสา้ คญั ของนกั เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลกั ษณะของวชิ า ให้เลอื กเฉพาะทต่ี รงหรือสอดคล้องกบั กจิ กรรมการเรยี นในหนว่ ยน้แี ละตอ้ งประเมินได้ 1. ความรับผิดชอบ 2. กระบวนการกล่มุ
6. คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. ม่งุ มั่นในการทางาน 7. สาระการเรียนรู้ - มลพษิ ทางดนิ และแนวทางการแก้ปัญหา 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. กระตนุ้ นักเรยี นดว้ ยคาถาม - ในปัจจุบันมลพิษในระบบนเิ วศมกี ี่อยา่ ง อะไรบ้าง (นา้ อากาศ ดนิ และป่าไม้) - มลพิษในระบบนิเวศเกดิ จากสาเหตใุ ด (เกิดจากภัยธรรมชาติ เกดิ จากการกระทาของมนุษย)์ - สามารถฟ้นื ฟรู ะบบนิเวศไดห้ รือ (ได้ แต่ต้องไดร้ บั ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆและประชากรท่ี อาศัยอยู่ในระบบนิเวศน้ันๆ) - เมื่อเกดิ มลพิษในระบบนเิ วศมีผลเสียอย่างไร (ส่งิ มชี วี ิตล้มตายมากข้นึ สภาพระบบนเิ วศแย่ไม่เหมาะแก่ การเป็นแหล่งที่อยขู่ องส่ิงมชี ีวิต) - เราสามารถกระจายข่าวการรณรงค์ไดต้ ามชอ่ งทางใดบา้ ง (ปา้ ยรณรงค์ หรอื ตามส่ือโซเซียลต่างๆ เปน็ ตน้ ) ขั้นท่ี 2 สา้ รวจและคน้ หา (Exploration) 1. ใหน้ ักเรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 4 – 5 คน ศกึ ษาค้นคว้า เร่ือง มลพิษทางดนิ การแกป้ ัญหา 2. ใหน้ ักเรียนแลกเปล่ียนข้อมูลจากการศกึ ษาและจากการทากิจกรรมกบั เพอ่ื นในห้องเรยี น 3. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายผลการศกึ ษาค้นควา้ และการทากจิ กรรม เรือ่ ง มลพษิ ทางดนิ การ แก้ปัญหา สรุปผลและร่วมกนั สรา้ งองค์ความรใู้ หม่ ข้นั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) - มลพิษทางดิน หรอื การปนเป้ือนดนิ ( soil pollution) เกดิ จากการมสี ารเคมีท่ีมนษุ ย์สรา้ งหรอื การ เปล่ยี นแปลงอ่ืนในส่งิ แวดล้อมดินธรรมชาติ ตรงแบบเกิดจากกิจกรรมอตุ สาหกรรม สารเคมี เกษตรกรรมหรอื การกาจัดของเสยี อย่างไม่เหมาะสม สารเคมีท่เี กี่ยวข้องมากที่สุด คอื ไฮโดรคาร์บอน ปิโตรเลียม พอลินิวเคลียรอ์ ะโรมาตกิ ไฮโดรคารบ์ อน (เช่น แนฟทาลนี และเบนโซไพโรซีน) ตวั ทาละลาย ยาฆา่ แมลง ตะก่วั และโลหะหนกั อนื่ การปนเปื้อนสมั พนั ธ์กับระดบั การพัฒนาอุตสาหกรรมและระดบั การใชส้ ารเคมี - ผลตอ่ ระบบนิเวศ มลพิษทางดนิ มีผลเสยี อย่างสาคัญต่อระบบนเิ วศ มีการเปล่ียนแปลงทางเคมขี องดนิ อยา่ งถึง รากซึง่ อาจเกิดจากการมีสารเคมอี นั ตรายหลายชนิดแม้มีสารนัน้ ในความเข้มขน้ ตา่ การเปล่ียนแปลง เหลา่ นสี้ ามารถแสดงออกเปน็ การเปลย่ี นแปลงของเมแทบอลิซึมของจุลนิ ทรยี ์และสตั วข์ าปลอ้ งประจา ถ่นิ ในดนิ นั้น ๆ สง่ ผลให้มีการกาจดั ห่วงโซอ่ าหารปฐมภูมิบางสว่ น ซ่ึงอาจมผี ลลัพธ์ใหญ่หลวงต่อผู้ลา่ หรอื ผบู้ รโิ ภคตอ่ ไป ซ่ึงผลกระทบภายในระบบนเิ วศนน้ั จะแบ่งได้เป็น 2 สว่ น จากสิง่ มีชีวิตท่ีมกี ารใช้ ดนิ ในการดารงชวี ิต ได้แก่ - ผลตอ่ พืชและโครงสร้างของดิน
พชื ทกุ ชนิดต้องอาศัยดนิ ในการเจริญเตบิ โตทง้ั น้นั หากมีการปนเป้อื นในดิน ซ่ึงสาเหตหุ ลักมา จากกิจกรรมทางการเกษตรของมนุษย์ เช่น การใชย้ าปรับศัตรูพืชชนดิ แอมโมเนียมซัลเฟต แลว้ ละลาย น้าจะถูกเปลีย่ นเปน็ ไนเตรท ( Nitrate ) สง่ ผลโดยตรงต่อการดูดซมึ แรธ่ าตุอาหารของพชื จากดิน จาก เดิมพชื ใช้รากดูดซมึ อาหารจากดิน กลายเป็นรากดดู ซึมสารพิษจากดินเข้าไปแทนที่ ทาให้พชื มีการ เจริญเตบิ โตท่ีชา้ ลง เกิดการตกค้างของสารพิษในพืช สง่ ผลให้อตั ราการสร้างคลอโรฟิลล์ลดลง ใบพืช แห้งเหยี่ ว ไม่มีดอกไม่มผี ล จานวนพืชคอ่ ยๆลดลง และตายไป เมือ่ พืชตายไปทาใหด้ ินขาดความสมดลุ สามารถเกดิ การผุกร่อน และพังทะลายของหน้าดนิ ไดโ้ ดยง่าย ทาให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ - ผลต่อสตั ว์และแบคทเี รียในดิน สตั ว์หรือสงิ่ มชี ีวิตทีอ่ ยใู่ นดิน เชน่ ไสเ้ ดอื น มด แบคทีเรียตา่ งๆ เปน็ อีกสงิ่ หน่ึงท่มี ีผลทาให้ดิน มคี วามอุดมสมบูรณ์ ดินทมี่ ีการปนเปอ้ื นจะส่งผลต่อหว่ งโซอ่ าหารของสตั ว์ดงั กลา่ ว ทาใหส้ ัตวไ์ ม่ สามารถใช้ดินในการสร้างอาหารได้ ไมส่ ามารถย่อยแบคทเี รียได้ ส่งผลต่อกระบวนการเมทาบอลิ ซมึ ทาใหส้ ัตว์และแบคทเี รยี ค่อยๆตายไป ทาใหด้ นิ ขาดความอุดมสมบูรณ์ - การจะแก้ปัญหาการปนเปื้อนในดินน้ันคงจะทาให้หายไปหมดสนทิ ในทุกจุดคงเป็นไปแทบจะไม่ได้ ดงั น้ันการแก้ไขจึงเป็นการควบคุมให้เกิดการปนเปื้อนของโลหะหนักหรือสารมลพิษใหน้ อ้ ยท่สี ดุ เพ่ือลด ปญั หา ซ่งึ สามารถทาได้ดงั นี้ - ปลกู ป่าทดแทน การปลูกต้นไม้นัน้ เป็นการควบคุมท่สี ามารถทาได้ง่ายท่ีสุด ยิ่งหากปลกู ตน้ ไมใ้ หญเ่ พ้ือฟ้นิ ฟูสภาพดนิ นั้น ย่งิ สามารถทาได้ เพราะรากของตน้ ไม้จะช่วยฟน้ื ฟูและปรับสภาพ โครงสรา้ งของดนิ และทาให้พื้นที่บริเวณน้นั มคี วามอุดมสมบรู ณ์เพิ่มขึ้น - ออกกฎหมายควบคุม ทางหน่วยงานของรัฐบาลไดม้ กี ารกาหนดกฎเกณฑ์ในการปฏิบตั ิ เพือ่ ควบคมุ ปรมิ าณสารมลพิษในดนิ ไมใ่ ห้เกนิ มาตรฐาน - Soil Flushing เปน็ วิธกี ารบาบัดฟืน้ ฟูดนิ ทีม่ ีการปนเป้ือนดว้ ยสารอินทรยี ์และอนนิ ทรีย์ท่ี สาคญั โดยใชห้ ลกั การการชะล้างด้วยสารละลายท่เี หมาะสม เชน่ น้า หรือ Surfactants โดยอาศัย คุณสมบัตใิ นการละลาย (solubility) ของมลสารทตี่ ้องการกาจดั โดยสารปนเปอ้ื นท่ีถกู ชะลา้ งออกมา นี้จะถูกเก็บรวบรวมเพ่ือนาไปบาบัดอกี คร้งั - การควบคุมแหลง่ กาเนิดโดยตรง เปน็ การแก้ไขทสี่ าเหตโุ ดยตรง เชน่ - การกาหนดพนื้ ท่ฝี งั กลบขยะใหถ้ กู ต้อง เป็นหลกั แหล่ง - กาหนดสถานทีใ่ นการจัดการกากอตุ สาหกรรมอยา่ งชดั เจน - ออกมาตรการควบคุมกจิ กรรมทางการเกษตร เชน่ การใชย้ าฆา่ แมลง เพื่อควบคุมปริมาณ สารปนเปื้อนลงในดนิ - มกี ารนาดนิ ที่เกิดการปนเปื้อนมาฟื้นฟเู พื่อนากลบั มาใช้อีกครัง้ - มีการตรวจสอบสภาพความอดุ มสมบูรณ์ของดนิ ในบรเิ วณทเี่ สย่ี งต่อการปนเปื้อนอยู่เสมอ ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ใหน้ ักเรียนออกแบบป้ายรณรงค์ เรื่อง การอนรุ ักษ์ทรัพยากรดนิ ขนาดของป้ายคือ กว้าง 60 cm x ยาว 120 cm พรอ้ มทง้ั ข้อความและภาพที่ทาให้เกดิ การสานักในการอนรุ กั ษ์ ข้นั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) 1. นกั เรยี นตรวจสอบหรือประเมินขั้นตอนตา่ ง ๆ ท่เี รยี นมาในวันนี้มีจุดเดน่ จดุ บกพร่องอะไรบ้าง มคี วาม สงสยั ความอยากรู้อยากเหน็ ในเร่อื งใด 2. นกั เรยี นประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี น ในประเด็นตอ่ ไปนี้
- ส่งิ ทีน่ ักเรียนได้เรยี นรใู้ นวนั นี้คอื อะไร - นักเรียนมสี ว่ นร่วมกจิ กรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด - เพื่อนนกั เรียนในกลมุ่ มีส่วนรว่ มกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นกั เรยี นพงึ พอใจกบั การเรยี นในวันน้ีหรอื ไม่ เพียงใด - นกั เรยี นจะนาความรู้ที่ไดน้ ี้ไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนแ์ กต่ นเอง ครอบครัว และสงั คมทวั่ ไปได้อย่างไร จากน้ันแลกเปลย่ี นตรวจสอบขัน้ ตอนการทางานทกุ ขน้ั ตอนวา่ จะเพมิ่ คุณคา่ ไปสู่สังคม เกิดประโยชน์ต่อสังคม ให้มากขน้ึ กว่าเดิมในข้ันตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในครั้งต่อไป 9. สอ่ื / แหล่งการเรยี นรู้ - ส่อื Power Point เรื่อง ระบบนิเวศ - วดิ ิทัศน์ เรือ่ ง มลพิษกับสงิ่ แวดล้อม - แหลง่ เรียนรูใ้ นและนอกห้องเรยี น 10. ชนิ้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยการเรยี นรู้) - ปา้ ยรณรงค์ เรอ่ื ง การอนุรักษท์ รัพยากรดนิ
11. การวัดและประเมินผล แบบประเมนิ การปฏิบตั กิ ารท้ากิจกรรม รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทากิจกรรม ทากจิ กรรมตามวิธีการ ทากิจกรรมตามวธิ ีการ ทากิจกรรมตามวิธีการ ทากิจกรรมไม่ถกู ตอ้ ง ตามแผนทีก่ าหนด และขั้นตอนท่กี าหนดไว้อยา่ ง และขั้นตอนท่กี าหนดไว้ และข้ันตอนทีก่ าหนดไว้โดย ตามวิธกี ารและขั้นตอน ถูกตอ้ งด้วยตนเองมกี าร ดว้ ยตนเอง มกี ารปรับปรงุ มีครูหรือผ้อู นื่ ทก่ี าหนดไว้ ไมม่ ีการ ปรับปรงุ แกไ้ ขเปน็ ระยะ แกไ้ ขบา้ ง เป็นผแู้ นะนา ปรับปรุงแกไ้ ข 2. การใช้อปุ กรณ์ ใชอ้ ุปกรณแ์ ละ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณ์และ/หรอื และ/หรือ เครื่องมือในการทา เครื่องมอื ในการทา เครื่องมือในการทา เครอื่ งมือในการทา เคร่ืองมือ กิจกรรมไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตาม กิจกรรมไดอ้ ย่างถกู ต้อง กจิ กรรมได้อย่างถูกต้องโดย กิจกรรมไม่ถูกต้อง และ หลกั การปฏบิ ตั แิ ละ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แตไ่ ม่ มีครู หรอื ผู้อ่ืนเปน็ ผแู้ นะนา ไม่มีความคลอ่ งแคล่วใน คลอ่ งแคล่ว คลอ่ งแคล่ว การใช้ 3. การบันทึกผล บันทกึ ผลเป็นระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทึกผลไม่ครบ การทากิจกรรม อยา่ งถกู ตอ้ ง มีระเบียบมกี าร อย่างถูกตอ้ ง มีระเบยี บมี แต่ไมเ่ ป็นระเบยี บ ไมม่ กี ารระบหุ น่วย ระบุหน่วย มีการอธบิ าย การระบหุ นว่ ย มกี าร ไมม่ กี ารระบหุ นว่ ย และไม่เปน็ ไปตาม ข้อมลู ให้เห็นความเช่อื มโยงเป็น อธบิ ายข้อมลู ให้เหน็ ถึง และไมม่ กี ารอธบิ ายขอ้ มลู ให้ การทากจิ กรรม ภาพรวมเปน็ เหตุเป็นผล และ ความสัมพนั ธเ์ ปน็ ไป เหน็ ถงึ ความสัมพนั ธ์ของการ เปน็ ไปตามการทากิจกรรม ตามการทากิจกรรม ทากิจกรรม 4. การจดั กระทา จดั กระทาข้อมลู จัดกระทาขอ้ มลู จัดกระทาขอ้ มลู จดั กระทาขอ้ มลู อยา่ ง ข้อมูลและการ อย่างเป็นระบบมกี าร อยา่ งเป็นระบบ มีการ อยา่ งเป็นระบบมีการ ไมเ่ ปน็ ระบบ และมกี าร นาเสนอ เชื่อมโยงใหเ้ หน็ เปน็ ภาพรวม จาแนกข้อมลู ให้เห็น ยกตัวอยา่ งเพม่ิ เติมให้เข้าใจ นาเสนอไมส่ ่อื และนาเสนอ ความสมั พันธ์ นาเสนอ งา่ ย และนาเสนอดว้ ยแบบ ความหมายและไม่ ด้วยแบบต่าง ๆอยา่ งชดั เจน ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ ตา่ ง ๆ แต่ยงั ไมช่ ัดเจนและไม่ ชัดเจน ถูกต้อง แต่ยังไม่ชัดเจน ถูกตอ้ ง 5. การสรุปผลการ สรปุ ผลการทากิจกรรม สรปุ ผลการทากจิ กรรม สรปุ ผลการทากิจกรรมได้โดย สรุปผลการทากจิ กรรม ทากิจกรรม ได้อย่างถกู ต้อง กระชับ ไดอ้ ย่างถูกต้อง แต่ยัง มคี รหู รอื ผอู้ ื่น ตามความรูท้ พ่ี อมีอยู่ ชัดเจน และครอบคลมุ ข้อมลู ไม่ครอบคลมุ ข้อมลู แนะนาบา้ ง จึงสามารถ โดยไม่ใช้ข้อมูล จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะหท์ ้ังหมด สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง จากการทากจิ กรรม ทง้ั หมด 6. การดแู ลและ ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรือ ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ไม่ดูแลอปุ กรณ์และ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่ืองมอื ในการทากจิ กรรม เครือ่ งมือในการทากจิ กรรม เครือ่ งมือในการทากจิ กรรม หรอื เคร่ืองมอื ในการทา และ/หรือ และมีการ และมกี าร มกี ารทาความสะอาด แต่ กจิ กรรม และไม่สนใจ เครื่องมือ ทาความสะอาดและเกบ็ อย่าง ทาความสะอาดอยา่ ง เกบ็ ไม่ถูกตอ้ ง ต้องให้ครูหรือ ทาความสะอาด รวมทั้ง ถกู ตอ้ งตามหลักการและ ถกู ต้อง แต่เกบ็ ผอู้ ่ืนแนะนา เกบ็ ไมถ่ ูกตอ้ ง แนะนาใหผ้ ู้อ่ืนดูแลและเกบ็ ไม่ถูกต้อง รักษาได้ถกู ต้อง
แบบประเมินชิน้ งาน การจัดกระทา้ และน้าเสนอแผนผัง รายการการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 432 1 การจดั กระทาและ นาเสนอแผนผงั จดั กระทาแลนาเสนอ จัดกระทาและ จัดกระทาและ จดั กระทาและนาเสนอ แผนผังได้ แตไ่ ม่ แผนผัง ไดส้ มั พนั ธ์กนั นาเสนอ แผนผังได้ นาเสนอแผนผงั ได้ สอดคลอ้ งกบั หวั ข้อ เรอื่ งที่กาหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพันธก์ บั หวั ข้อเรอ่ื ง ตามหวั ข้อเรื่อง เรื่องท่ีกาหนด มีการ ทก่ี าหนด มีการ โดยมคี รูหรือผู้อ่ืน วางแผน มีการ ออกแบบ มีความคดิ ใหค้ าแนะนา ออกแบบ และมี รเิ ริ่ม แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เช่ือมโยงใหเ้ หน็ เป็น มกี ารเช่ือมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมนิ การสืบสอบข้อมลู รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมลู จาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย ข้อมูลจากแหลง่ การ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะคน้ คว้าขอ้ มลู จาก คน้ ควา้ ข้อมลู เช่ือถอื ได้และมกี ารเช่ือมโยงให้ เรียนรู้ทีห่ ลากหลาย เรยี นรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ่ืน แหล่งการเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเปน็ ภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนาบา้ ง อย่างเป็นระบบ เรยี นรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชือ่ มโยงใหเ้ หน็ วธิ ีการท้ังหมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล เกบ็ รวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนท่ีกาหนด โดยคดั เลอื กและ/หรือ โดยไมม่ ีการคดั เลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมูล ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมินขอ้ มูล ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจัด จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมลู กระทาขอ้ มลู อย่างเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ มีการ อยา่ งเปน็ ระบบ อย่างไมเ่ ป็นระบบ และการ มีการเช่อื มโยงให้เหน็ จาแนกข้อมลู ใหเ้ หน็ มกี ารยกตัวอย่าง และนาเสนอไมส่ ื่อ นาเสนอ เปน็ ภาพรวม และนาเสนอดว้ ย ความสมั พนั ธ์ นาเสนอ เพ่ิมเติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบตา่ ง ๆ อย่างชัดเจนถกู ต้อง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ นาเสนอดว้ ยแบบต่าง ๆ ชัดเจน อย่างถูกต้อง แต่ยังไมถ่ ูกต้อง 4. การ สรุปผลได้อยา่ งถูกต้อง สรปุ ผลได้อย่างกระชบั สรุปผลได้กระชับ สรุปผลโดยไม่ใช้ สรปุ ผล กระชบั ชัดเจน และ แต่ยังไม่ชดั เจนและ กะทัดรดั แต่ไม่ชดั เจน ขอ้ มูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตผุ ล ไม่ครอบคลุมขอ้ มูล ถูกต้อง ทอี่ ้างอิงจากการสบื สอบได้ จากการวเิ คราะห์ ท้งั หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขยี นรายงานโดยสื่อ เขยี นรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงค์ถูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายได้โดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมกี ารเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชัดเจนแต่ หรอื ผูอ้ ื่นแนะนา ไม่ถูกต้อง และไม่ เห็นเป็นภาพรวม ขาดการเรยี บเรยี ง ชดั เจน
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลังการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่ือหน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 เรือ่ ง มนุษย์กบั ความยัง่ ยืนของสิ่งแวดล้อม แผนการเรียนรู้ที่ 19 เร่ือง มลพิษทางดนิ และการแกป้ ญั หา รายวชิ าชีววิทยา 6 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6/1 รหสั วิชา ว33206 ครูผู้สอน นางสาวจันจิรา ธนนั ชัย ต้าแหน่ง ครูผู้ชว่ ย เวลาที่ใช้ 2 ชัว่ โมง ************************* ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้อค้นพบระหวา่ ง ปญั หาท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข ที่มีการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เน้ือหา กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมสี ว่ นรว่ มของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ูจ้ ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (นางสาวจนั จริ า ธนนั ชัย) ตาแหนง่ ครูผ้ชู ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง มนุษย์กบั ความยั่งยนื ของสิ่งแวดล้อม แผนจัดการเรียนรู้ที่ 20 เรือ่ ง การอนุรักษ์ป่าไมแ้ ละสัตว์ปา่ รายวชิ า ชีววิทยา รหัสวชิ า ว33206 ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 น้าหนักเวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาท่ใี ช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ช่วั โมง 1. สาระสา้ คัญ / ความคดิ รวบยอด ระบบนิเวศ คือ การศึกษาความสมั พันธข์ องส่งิ มีชีวิต และระหวา่ งสิ่งมีชีวิตกับส่ิงแวดลอ้ มท่ีเป็นแหล่งที่อยู่ อาศยั โดยแบ่งตามระดับกลมุ่ ประชากร กล่มุ สง่ิ มีชีวิต ระบบนิเวศ และโลกของส่งิ มชี ีวติ ซึ่งสิ่งมชี วี ติ มีความสมั พนั ธ์ กันเอง และกับสงิ่ แวดล้อม ทาใหร้ ะบบนเิ วศมีการถ่ายทอดพลังงาน การกระจายของพลังานนีท้ าใหเ้ กิดการ แพรก่ ระจายของส่ิงมีชิวต เน่ืองจากบริเวณใดมีทรพั ยากรเพยี งพอ จะมีประชากรของส่งิ มีชวี ิตอาศยั อยู่อย่างหนาแนน่ แต่ถงึ อยากไรก็ตาม ระบบนเิ วศไม่คงทเ่ี สมอไป เมื่อเกิดการเปล่ยี นแปลงของระบบนเิ วศจะเกิดการหมนุ เวียนสิง่ มชี วี ิต โดยเร่มิ ตน้ จากผ้เู บิกเบิก ไปจนถึงสง่ิ มีชวี ิตขั้นสูงสดุ ในระบบนเิ วศยังมีการหมนุ เวยี นของสารอีกด้วย 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั มาตรฐานการเรียนรู้ 5. เขา้ ใจแนวคิดเกีย่ วกับระบบนิเวศ กระบวนการถา่ ยทอดพลังงานและการหมุนเวยี นสารในระบบนเิ วศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลย่ี นแปลงแทนที่ของส่ิงมชี วี ิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบการเพมิ่ ของ ประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ปัญหาและผลกระทบท่เี กดิ จากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการแก้ไข ปัญหา ผลการเรียนรู้ 12. วิเคราะห์ อภปิ รายและสรปุ ปญั หา ผลกระทบทเ่ี กิดจากการทาลายป่าไมร้ วมทง้ั เสนอแนวทางในการ ป้องกันการทาลายป่าไม้และการอนรุ ักษ์ปา่ ไม้ 13. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปญั หา ผลกระทบทีท่ าให้สัตว์ป่ามีจานวนลดลงและแนวทางในการอนรุ กั ษ์ สตั วป์ ่า 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (K,P,A) 1. บอกปญั หาท่ีทาใหเ้ กิดการทาลายปา่ ไม้ได้ (K) 2. บอกปญั หาทีท่ าใหเ้ กิดการล่าสัตวป์ า่ เพิ่มขึน้ ได้ (K) 3. ยกตัวอยา่ งแนวทางในการปอ้ งกันสตั ว์ป่าและป่าไม้ได้ (K) 4. ออกแบบและนาเสนอแนวทางในการอนุรักษส์ ัตว์ปา่ และปา่ ไมไ้ ด้ (P) 5. สนใจใฝเ่ รยี นรทู้ างการศกึ ษา (A)
4. สมรรถนะสา้ คญั ของนกั เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวชิ า ใหเ้ ลอื กเฉพาะทตี่ รงหรือสอดคล้องกับกิจกรรมการเรยี นในหน่วยนแ้ี ละต้องประเมินได้ 1. ความรบั ผดิ ชอบ 2. กระบวนการกลุ่ม 6. คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. มุ่งมนั่ ในการทางาน 7. สาระการเรียนรู้ - การอนุรกั ษส์ ัตว์ปา่ และ ป่าไม้ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. กระตุ้นนักเรียนด้วยคาถาม - ในปัจจุบันมลพิษในระบบนิเวศมีก่ีอยา่ ง อะไรบ้าง (นา้ อากาศ ดิน และป่าไม้) - มลพษิ ในระบบนิเวศเกดิ จากสาเหตใุ ด (เกดิ จากภยั ธรรมชาติ เกิดจากการกระทาของมนุษย์) - สามารถฟื้นฟรู ะบบนเิ วศได้หรือ (ได้ แตต่ อ้ งได้รบั ความร่วมมือจากหนว่ ยงานตา่ งๆและประชากรที่ อาศัยอยูใ่ นระบบนิเวศนน้ั ๆ) - เมือ่ เกดิ มลพิษในระบบนเิ วศมีผลเสยี อยา่ งไร (สิ่งมชี ีวติ ลม้ ตายมากขึ้น สภาพระบบนเิ วศแยไ่ มเ่ หมาะแก่ การเปน็ แหล่งท่ีอยขู่ องส่งิ มชี ีวิต) - เราสามารถกระจายข่าวการรณรงคไ์ ดต้ ามชอ่ งทางใดบ้าง (ปา้ ยรณรงค์ หรอื ตามสื่อโซเซียลต่างๆ เป็น ตน้ ) ขัน้ ที่ 2 ส้ารวจและคน้ หา (Exploration) 1. ใหน้ ักเรยี นแบ่งกล่มุ กล่มุ ละ 4 – 5 คน ศกึ ษาค้นคว้า เรื่อง การอนุรักษ์ป่าไมแ้ ละสัตว์ป่า 2. ใหน้ ักเรียนแลกเปลี่ยนขอ้ มลู จากการศึกษาและจากการทากิจกรรมกบั เพอ่ื นในหอ้ งเรยี น 3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลการศึกษาคน้ คว้าและการทากิจกรรม เร่อื ง การอนุรักษป์ ่าไมแ้ ละ สตั ว์ป่า สรปุ ผลและร่วมกนั สร้างองค์ความรูใ้ หม่ ข้ันท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) - ทรพั ยากรธรรมชาติ ป่าไม้ สัตวป์ ่า ดิน นา้ มีความสัมพันธเ์ กอ้ื กลู อานวยประโยชนใ์ หแ้ ก่กันและกนั ป่า ไม้ เปน็ แหล่งท่ีอาศยั ของสง่ิ มีชีวติ ทั้งพชื สัตว์ รวมถึงจลุ นิ ทรยี ์ ดนิ ประกอบดว้ ยหิน แรธ่ าตุ อนิ ทรียวัตถุ น้า และอากาศ ท่ีมีความจาเปน็ ต่อการดารงชีพของส่ิงมีชวี ิต และการเจรญิ เตบิ โตของพืช ต้นไม้ หญ้า ท่ีเปน็ อาหารของสตั ว์ปา่ ซงึ่ เป็นองคป์ ระกอบในการถา่ ยทอดพลงั งาน ของระบบนเิ วศน์
อยูใ่ นกลมุ่ ผู้เสพทาการถ่ายทอดอาหาร และพลังงานจากกลุ่มผู้ผลิต คอื พืชสเี ขียวไปสูก่ ลุ่มผยู้ อ่ ยสลาย คอื แบคทเี รีย และจุลินทรีย์ ถ้าขาดสตั ว์ป่า กลไกของระบบนิเวศน์จะเปลย่ี นแปลง สูญเสียความสมดุลย์ นอกจากนีส้ ัตวป์ า่ ยงั มีคุณค่าทางด้านวิทยาศาสตร์ ด้านจติ ใจ ดา้ นเศรษฐกจิ และทางวชิ าการ - การอนุรักษ์สัตวป์ ่า ทาได้โดยการควบคุมป้องกันรักษาสภาพพื้นท่ีป่าไม้ ซ่ึงเปน็ แหลง่ ที่อยู่อาศัย แหล่ง อาหาร แหล่งนา้ และทห่ี ลบภยั ตลอดจนการเพาะเลย้ี งขยายพนั ธุ์สตั วป์ า่ ใหม้ จี านวนเพิม่ มากขน้ึ เพ่อื ปลอ่ ยคนื สู่ธรรมชาติ เป็นการชว่ ยรกั ษา และเสรมิ สรา้ งความสมดุลยใ์ หก้ บั ระบบนเิ วศนข์ องพนื้ ท่แี ลว้ ยังสามารถพัฒนาปรับปรุงใหเ้ ปน็ สถานทีพ่ ักผอ่ นหย่อนใจ เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ สรา้ งจิตสานึก ใหแ้ กน่ กั เรียน นักศึกษา เยาวชน ประชาชน ใหม้ ีความรกั หวงแหน ทรพั ยากรป่าไม้ สตั ว์ป่า สง่ิ แวดลอ้ ม โดยการมสี ว่ นร่วมของชุมชนแล้ว ยังสามารถสรา้ งเป็นรายได้เสรมิ ใหแ้ กป่ ระชาชนอีกทาง หนึ่งด้วย - วตั ถปุ ระสงค์ - เพ่ืออนรุ ักษ์สตั วป์ า่ ไม่ให้สญู พันธุ์ และเพ่ิมมากขนึ้ เพือ่ คืนความสมดุลของระบบนเิ วศนใ์ น พน้ื ท่ีศนู ยฯ์ ภูพาน - เพื่อการศกึ ษาการเพาะเลีย้ งขยายพนั ธุ์สัตวป์ า่ ให้มจี านวนเพม่ิ มากขึ้น เพื่อปล่อยคนื สู่ ธรรมชาติ - เพ่อื เป็นสถานทพ่ี ักผ่อนหย่อนใจ ศกึ ษาธรรมชาติ สตั ว์ป่า สงิ่ แวดล้อม - เปน็ แหลง่ ศึกษาหาความรู้ - กิจกรรมการดแู ลและอนุรักษ์สตั ว์ป่า - ปรบั ปรุงสภาพพ้นื ท่ใี หเ้ หมาะสมต่อการอนุรกั ษส์ ตั วป์ า่ ทาการปรับปรุงแหลง่ นา้ แหลง่ อาหาร ที่หลบภยั กรงสัตว์ คอกสัตวป์ ่า การเพาะเลย้ี งหนอนเลย้ี งนกเพื่อใช้เสรมิ - เพาะเลย้ี งขยายพนั ธสุ์ ัตว์ปา่ ประเภทสตั ว์ปีก จาพวก ไก่ป่า ไก่ฟา้ บางชนิด นกยูง นกบาง ชนดิ ประเภทสตั วเ์ ลีย้ งลูกด้วยนม จาพวกสตั วก์ บี เช่น หมูป่า เนือ้ ทราย ประเภทสตั วเ์ ล้อื ยคลาน จาพวก เตา่ ตะกวด ใหม้ จี านวนเพมิ่ มากข้นึ เพอ่ื ปล่อยสูธ่ รรมชาติ - ทาการตรวจสขุ ภาพสตั วป์ า่ การจัดการสตั วป์ ่า ฝกึ สัตว์ป่าให้พรอ้ มก่อนปลอ่ ยส่ธู รรมชาติ - ปล่อยสัตวป์ า่ สูธ่ รรมชาติ - ศึกษาติดตามผล และประเมินผล ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ใหน้ กั เรียนออกแบบปา้ ยรณรงค์ เรื่อง การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสัตวป์ ่า ขนาดของป้ายคือ กวา้ ง 60 cm x ยาว 120 cm พร้อมทง้ั ข้อความและภาพที่ทาให้เกิดการสานกั ในการอนุรกั ษ์ ขั้นท่ี 5 ประเมิน (Evaluation) 1. นกั เรยี นตรวจสอบหรอื ประเมินข้ันตอนต่าง ๆ ทีเ่ รยี นมาในวนั นมี้ จี ุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบา้ ง มคี วาม สงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเรอื่ งใด 2. นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สกึ หลงั การเรียน ในประเด็นต่อไปนี้ - สง่ิ ทีน่ กั เรียนได้เรียนร้ใู นวนั นี้คอื อะไร - นักเรยี นมีสว่ นรว่ มกจิ กรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด - เพ่ือนนักเรยี นในกลมุ่ มสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นกั เรียนพึงพอใจกับการเรียนในวนั น้หี รือไม่ เพียงใด - นักเรยี นจะนาความรู้ทีไ่ ดน้ ี้ไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทั่วไปได้อย่างไร
จากนน้ั แลกเปล่ียนตรวจสอบขน้ั ตอนการทางานทกุ ขัน้ ตอนวา่ จะเพ่มิ คุณคา่ ไปส่สู ังคม เกิดประโยชนต์ ่อสงั คม ให้มากขน้ึ กวา่ เดิมในขน้ั ตอนใดบ้าง สาหรบั การทางานในคร้ังตอ่ ไป 9. สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ - สอ่ื Power Point เร่อื ง ระบบนเิ วศ - วิดิทัศน์ เร่อื ง ภัยพบิ ัติ - แหล่งเรียนรูใ้ นและนอกห้องเรียน 10. ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยการเรียนร)ู้ - ป้ายรณรงค์ เร่อื ง การอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสัตว์ปา่
11. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิการท้ากจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทา ทากิจกรรมตามวิธกี าร ทากิจกรรมตามวิธีการ ทากจิ กรรมตามวธิ ีการ ทากิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกาหนดไว้ และขั้นตอนท่ีกาหนดไว้ และข้ันตอนที่กาหนดไว้ ถกู ต้องตามวิธกี าร ตามแผนท่ี อย่างถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมีครูหรือผอู้ ื่น และข้ันตอนที่ กาหนด การปรบั ปรงุ แกไ้ ขเปน็ ปรับปรุงแก้ไขบ้าง เปน็ ผแู้ นะนา กาหนดไว้ ไม่มกี าร ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อุปกรณ์และ/ เครอ่ื งมอื ในการทา เคร่ืองมอื ในการทา เครือ่ งมอื ในการทา เครื่องมอื ในการทา หรอื เครือ่ งมือ กิจกรรมไดอ้ ยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไดอ้ ยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมไมถ่ ูกต้อง ตามหลกั การปฏิบตั ิและ ตามหลักการปฏบิ ตั ิ แต่ โดยมีครู หรอื ผ้อู นื่ เป็นผู้ และไมม่ ีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนา คล่องแคล่วในการใช้ 3. การบันทึก บนั ทกึ ผลเป็นระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลไม่ครบ ผลการทา อย่างถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบียบ แต่ไมเ่ ปน็ ระเบียบ ไม่มีการระบุหนว่ ย กจิ กรรม การระบุหนว่ ย มีการ มีการระบุหน่วย มีการ ไมม่ ีการระบุหน่วย และไมเ่ ป็นไปตาม อธบิ ายขอ้ มลู ใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มูลใหเ้ ห็นถึง และไมม่ ีการอธิบายข้อมูล การทากจิ กรรม เชอ่ื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พันธเ์ ปน็ ไป ใหเ้ ห็นถึงความสัมพนั ธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทากิจกรรม ของการทากิจกรรม การทากิจกรรม 4. การจดั จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมูล จดั กระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมูล กระทาข้อมลู อย่างเป็นระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มกี าร อย่างเป็นระบบมีการ อยา่ งไม่เป็นระบบ และการ เชอื่ มโยงให้เห็นเป็น จาแนกข้อมลู ใหเ้ ห็น ยกตัวอยา่ งเพมิ่ เติมให้ และมีการนาเสนอไม่ นาเสนอ ภาพรวม และนาเสนอ ความสัมพนั ธ์ นาเสนอ เข้าใจง่าย และนาเสนอ สื่อความหมายและไม่ ดว้ ยแบบต่าง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ด้วยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชัดเจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรุปผล สรุปผลการทากิจกรรม สรุปผลการทากิจกรรม สรปุ ผลการทากจิ กรรมได้ สรุปผลการทา การทา ได้อยา่ งถกู ต้อง กระชบั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง แตย่ งั โดยมคี รูหรอื ผ้อู นื่ กิจกรรม กจิ กรรม ชัดเจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มูล แนะนาบ้าง จงึ สามารถ ตามความรทู้ ี่พอมีอยู่ ข้อมูลจากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรปุ ได้อยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมูล ท้งั หมด ท้ังหมด จากการทากจิ กรรม 6. การดูแล ดแู ลอปุ กรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ไม่ดูแลอปุ กรณ์และ/ และการเก็บ เครอื่ งมือในการทา เครื่องมอื ในการทา เคร่ืองมอื ในการทา หรือเคร่ืองมือในการ อุปกรณ์และ/ กจิ กรรม และมกี าร กจิ กรรม และมกี าร กจิ กรรม มีการทาความ ทากิจกรรม และไม่ หรอื เครือ่ งมอื ทาความสะอาดและเกบ็ ทาความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เก็บไมถ่ ูกต้อง สนใจทาความ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แตเ่ ก็บ
และแนะนาให้ผอู้ นื่ ดูแลและ ไมถ่ ูกต้อง ตอ้ งให้ครูหรอื ผอู้ นื่ สะอาด รวมท้ังเกบ็ เก็บรักษาได้ถูกตอ้ ง แนะนา ไม่ถูกต้อง แบบประเมินชน้ิ งาน การจัดกระทา้ และนา้ เสนอแผนผงั รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 432 1 การจดั กระทาและ นาเสนอแผนผัง จดั กระทาแลนาเสนอ จัดกระทาและ จดั กระทาและ จัดกระทาและนาเสนอ แผนผงั ได้ แต่ไม่ แผนผงั ได้สมั พนั ธก์ ัน นาเสนอ แผนผงั ได้ นาเสนอแผนผังได้ สอดคลอ้ งกับหัวข้อ เรื่องท่ีกาหนด และถูกต้องตามหัวข้อ สมั พนั ธ์กบั หวั ข้อเร่อื ง ตามหวั ข้อเร่ือง เรื่องที่กาหนด มีการ ที่กาหนด มีการ โดยมีครูหรอื ผอู้ น่ื วางแผน มกี าร ออกแบบ มีความคดิ ใหค้ าแนะนา ออกแบบ และมี รเิ รม่ิ แตไ่ ม่มีการ ความคิดสร้างสรรค์ เช่ือมโยงใหเ้ ห็นเปน็ มกี ารเชื่อมโยงใหเ้ ห็น ภาพรวม เปน็ ภาพรวม
แบบประเมนิ การสืบสอบข้อมลู รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมลู จาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย ข้อมูลจากแหลง่ การ ข้อมลู จากแหล่งการ จะคน้ คว้าขอ้ มลู จาก คน้ ควา้ ข้อมลู เช่ือถอื ได้และมกี ารเช่ือมโยงให้ เรียนรู้ทีห่ ลากหลาย เรยี นรูโ้ ดยมีครูหรอื ผูอ้ ่ืน แหล่งการเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเปน็ ภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนาบา้ ง อย่างเป็นระบบ เรยี นรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชือ่ มโยงใหเ้ หน็ วธิ ีการท้ังหมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล เกบ็ รวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนท่ีกาหนด โดยคดั เลอื กและ/หรือ โดยไมม่ ีการคดั เลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมูล ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมินขอ้ มูล ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจัด จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมูล จัดกระทาข้อมลู กระทาขอ้ มลู อย่างเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ มีการ อยา่ งเปน็ ระบบ อย่างไมเ่ ป็นระบบ และการ มีการเช่อื มโยงให้เหน็ จาแนกข้อมลู ใหเ้ หน็ มกี ารยกตัวอย่าง และนาเสนอไมส่ ื่อ นาเสนอ เปน็ ภาพรวม และนาเสนอดว้ ย ความสมั พนั ธ์ นาเสนอ เพ่ิมเติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบตา่ ง ๆ อย่างชัดเจนถกู ต้อง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ นาเสนอดว้ ยแบบต่าง ๆ ชัดเจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไมถ่ ูกต้อง 4. การ สรุปผลได้อยา่ งถูกต้อง สรปุ ผลได้อย่างกระชบั สรุปผลได้กระชับ สรุปผลโดยไม่ใช้ สรปุ ผล กระชบั ชัดเจน และ แต่ยังไม่ชดั เจนและ กะทัดรดั แต่ไม่ชดั เจน ขอ้ มูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตผุ ล ไม่ครอบคลุมขอ้ มูล ถูกต้อง ทอี่ ้างอิงจากการสบื สอบได้ จากการวเิ คราะห์ ท้งั หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขยี นรายงานโดยสื่อ เขยี นรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงค์ถูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายได้โดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมกี ารเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชัดเจนแต่ หรอื ผูอ้ ื่นแนะนา ไม่ถูกต้อง และไม่ เห็นเป็นภาพรวม ขาดการเรยี บเรยี ง ชดั เจน
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลังการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่ือหน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 เรือ่ ง มนุษย์กบั ความยัง่ ยืนของสิ่งแวดล้อม แผนการเรียนรู้ที่ 19 เร่ือง มลพิษทางดนิ และการแกป้ ญั หา รายวชิ าชีววิทยา 6 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6/1 รหสั วิชา ว33206 ครูผู้สอน นางสาวจันจิรา ธนนั ชัย ต้าแหน่ง ครูผู้ชว่ ย เวลาที่ใช้ 2 ชัว่ โมง ************************* ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้อค้นพบระหวา่ ง ปญั หาท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข ที่มีการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เน้ือหา กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมสี ว่ นรว่ มของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ูจ้ ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (นางสาวจนั จริ า ธนนั ชัย) ตาแหนง่ ครูผ้ชู ว่ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: