แผนการจดั การเรยี นรู้ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมรายวิชาชีววทิ ยา 5 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 รหสั วิชา ว 33203 ครูผู้สอน นางสาวจนั จิรา ธนนั ชยั ตาแหนง่ พนกั งานราชการ
แผนการจัดการเรยี นรู้ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่อื ง การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม แผนการสอนที่ 1 เรือ่ ง กฎการถา่ ยทอดทางพันธุกรรม และกฎของความนา่ จะเป็นรายวิชาชีววิทยา 5 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 รหสั วิชา ว 33203 ครูผ้สู อน นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใี่ ช้ 2 ชัว่ โมง ตวั ช้ีวดั / ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล1. สบื คน้ ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) ( 5 นาที ) 1. หนงั สอื เรยี นข้อมูลและ เกรเกอร์ เมนเดล ไดศ้ กึ ษาค้นคว้า 1. ใบงานที่ 1 เร่ืองการ ผ่านระดับ 1. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน เรือ่ ง พันธุศาสตร์ ชวี วิทยาเล่ม 4 ของอธิบายเก่ยี วกบั 2. นกั เรียนอภปิ รายรว่ มกบั ครโู ดยครู นารูปครอบครัว สถาบันส่งเสริมการการถา่ ยทอด ทดลองการถ่ายทอดลักษณะทาง ผสมพันธ์ุถั่ว ลันเต า คะแนนร้อย ดารานักร้องหรือนักแสดงซ่งึ เป็นทีร่ ้จู กั และมชี ่ือเสยี งจาก สอนวทิ ยาศาสตร์ลักษณะทาง ปกนติ ยสารตา่ ง ๆ มาใหน้ ักเรียนดู พร้อมทัง้ นาเขา้ สู่ และเทคโนโลยีพนั ธกุ รรม ยนี พันธุกรรม จึงเรียกลักษณะทาง พันธ์ุแท้ รุ่น F1 (first ละ 60 ขน้ึ บทเรียนโดยมแี นวคาถามดงั นี้ 2. ใบงานท่ี 1 เรอ่ื งและโครโมโซม – นกั เรยี นรู้จกั ครอบครวั ดารานักร้องนักแสดงนี้หรือไม่ การผสมพันธ์ถุ ว่ั พันธุกรรมนั้นว่า ยีน (gene) จาก filial generation) ที่ มี ไป – นกั เรยี นคดิ ว่าดารานกั ร้องนักแสดงคนนี้มรี ปู ร่างหนา้ ตา ลนั เตาพันธแ์ุ ท้ รุ่น เหมือนใครในครอบครัวมากท่ีสุด F1 (first filial การศึกษาทดลองได้ข้อมูลในการ ลกั ษณะแตกต่างกัน ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) ( 40 นาที ) generation) ทม่ี ี 1. ครอู ธิบาย เรื่องการศึกษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล และ ลักษณะแตกต่างกัน ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม 2. ใบงานที่ 2 เรื่อ ง กฎการถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม 3. ใบงานที่ 2 เรื่อง 2. นักเรียนร่วมกันตอบคาถามดงั ตอ่ ไปน้ี ทดสอบความรู้ เมนเดลจึงได้ชื่อว่าบิดาแห่งพันธุ ทดสอบความรู้ความ 2.1 นักเรียนคดิ ว่าลกั ษณะตน้ สูงและตน้ เตย้ี ของถั่วลันเตา ความเข้าใจเกยี่ วกับ เป็นลักษณะทางพันธุกรรมหรือไม่ ถ้าเป็นลกั ษณะ หน่วยพันธุกรรม ศาสตร์ พันธุกรรมหรือกรรมพันธุ์ เข้าใจเกี่ยวกับหน่วย พนั ธกุ รรม มีอะไรเปน็ ตวั ถา่ ยทอดหรือตวั กาหนดลักษณะ หรอื ยนี ทางพันธกุ รรม(แนวคาตอบ เป็น แต่ควรทดลองหลาย ๆ (heredity) หมายถึง การถ่ายทอด พนั ธกุ รรมหรอื ยนี ครง้ั และหลาย ๆ ร่นุ เพ่ือใหเ้ กดิ ความมั่นใจวา่ เป็นลักษณะ ลักษณะต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตจาก 3. ใบงานท่ี 3 เรื่อ ง รุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหน่ึง หรือจาก ทฤษฎีความนา่ จะเปน็ บรรพบุรุษไปสู่ลูกหลาน แอลลีล (allele) หมายถึง ยีน 2 ยีนซึ่งอยู่ ตาแหน่งเดียวกันบนโครโมโซมคู่ เหมือนกันโดยควบคุมลักษณะ เ ดี ย ว กั น ถ้ า มี ยี น เ ห มื อ น กั น เรียกว่า พันธุ์แท้ (homozygous) ถ้ามียีนไม่เหมือนอยู่ด้ว ย กัน
เรียกว่า พันทาง (heterozygous) พนั ธกุ รรม และในทีน่ ี้ เมนเดลกาหนดตัวควบคมุ ลกั ษณะ 4. ใบงานท่ี 3 เรื่องความน่าจะเป็นหรือการทดลอง เรียกว่า ยีน ) ทฤษฎีความน่าจะสมุ่ ( random experiment ) คือการทดลองที่ไม่สามารถทานาย 2.2 ถว่ั ลนั เตาทม่ี ีลกั ษณะต้นสงู เหมือนกัน (ฟีโนไทป์ เป็นผลลัพธ์ได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างการโยนเหรียญขึ้นไปในอากาศ เหมือนกนั ) จะมีจโี นไทป์เหมือนกัน 5. รปู ครอบครวัถือวา่ เปน็ การทดลองสุ่ม เพราะยังไม่ทราบว่าเหรียญจะหงายหัวหรือ หรอื ไม่อยา่ งไร (แนวคาตอบ อาจไมเ่ หมอื น เพราะตน้ สูง ดารานักร้องหรือก้อย การทอดลูกเต๋า 1 ลูก ถือว่าเป็นการทดลองสุ่ม เพราะยังไม่ บางต้นมจี โี นไทป์แบบฮอมอไซกสั บางตน้ เปน็ เฮเทอโร นักแสดงทราบว่าลูกเตา๋ จะขึ้นแตม้ 1, 2, 3,4, 5 หรือ 6 ไซกัส ซ่งึ มยี ีนผสม) 6. แบบทดสอบ 2.3 จากการผสมลักษณะอ่ืนทไี่ ม่ใช่ความสงู ของต้นถัว่ ก่อนเรยี นเรยี นเร่ือง ลันเตา จะให้ผลการทดลองและสดั ส่วนในรุน่ ลกู และรุน่ พันธศุ าสตร์ หลานแตกต่างกบั ทีท่ ดลองในลกั ษณะต้นสูงและตน้ เตยี้ หรือไม่ อยา่ งไร(แนวคาตอบ สดั สว่ นลักษณะเด่นต่อ ลกั ษณะด้อยใกลเ้ คยี งกัน แต่สรปุ ในภาพรวม คอื 3 : 1) 2.4 ครอบครัวหนงึ่ มีพ่อสูง 180 เซนตเิ มตร แมส่ ูง 160 เซนติเมตร มลี กู 3 คน นกั เรยี น คิดวา่ ลูกทัง้ 3 คน สูง 180 เซนติเมตรเหมือนพ่อ หรอื สูง 160 เซนติเมตรเหมือนแม่ หรอื ไม่ สดั ส่วนความสงู น้ี เหมอื นผลการทดลองของเมน เดลหรอื ไม่ อยา่ งไร(แนวคาตอบ อาจไมเ่ หมือน ทงั้ นี้ข้นึ อยู่ กับปจั จัยหลายประการ) 2.5 จากข้อ 2.4 ถ้าลูกคนหน่ึงแต่งงานกบั ครอบครวั อ่ืน นักเรยี นคดิ วา่ จะมคี วามสงู เป็นอย่างไร และจะให้ผลการ ทดลอง เหมือนผลการทดลองของเมนเดลหรอื ไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ อาจจะไม่เทา่ กนั เชน่ เดยี วกันนักวิทยาศาสตร์ ได้ศึกษาในระยะตอ่ มา ได้ข้อสงั เกตวา่ สงิ่ มชี ีวติ ชนิดเดยี วกนั ยอ่ มมีลักษณะที่คล้ายคลงึ กนั หรอื ไมเ่ หมอื นกนั ทเี ดยี ว)
3. แบ่งนกั เรยี นออกเป็น 5 กลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน โดยใช้วธิ ีการแบง่ กลุม่ แบบความร่วมมอื โดยใช้เทคนิค TGT(Team - Games - Tournament) โดยแทรกการแข่งขันเขา้ มาดว้ ยเพอื่ ใหน้ ักเรยี นเกิดความสนุกในการเรียน โดยจดัให้คละกันท้งั เพศ และความสามารถ ซ่ึงทีมจะต้องช่วยกันและกัน (ครูแบง่ กลุ่มนกั เรยี นไว้ลว่ งหนา้ ) นกั เรียนแต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมารบั ใบงานท่ี 1 เรอื่ งการผสมพันธถ์ุ ัว่ลันเตาพันธแ์ุ ท้ รนุ่ F1 (first filial generation) ทมี่ ีลักษณะแตกตา่ งกัน ใบงานท่ี 2 เรือ่ ง ทดสอบความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกับหนว่ ยพันธุกรรมหรอื ยีน และใบงานที่ 3เรอื่ งทฤษฎคี วามนา่ จะเปน็ พร้อมทงั้ ครูรว่ มสงั เกตพฤติกรรมมงุ่ มั่นในการทางานขนั้ การขยายความรู้ ( Evaboration ) (5 นาที)นกั เรียนคน้ คว้าบทความหรือคาศัพทภ์ าษาอังกฤษเกีย่ วกับเรื่อง กฎการถ่ายทอดทางพันธกุ รรมจากหนังสอื เรยี น หรอือินเทอรเ์ นต็ รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงสมุดขั้นประเมนิ ผล ( Evalution ) ( 10 นาที )1. นักเรยี นทาใบงานท่ี 1 เร่ืองการผสมพันธุถ์ ัว่ ลันเตาพันธุ์แท้ ร่นุ F1 (first filial generation) ที่มีลกั ษณะแตกต่างกนั ใบงานที่ 2 เรอื่ ง ทดสอบความรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกับหนว่ ยพนั ธกุ รรมหรือยีน ใบงานที่ 3 เรอื่ งทฤษฎคี วามนา่ จะเป็น2. นักเรยี นและครู รว่ มเฉลยใบงานท่ี 1 เร่ืองการผสมพนั ธ์ุถวั่ ลันเตาพันธุ์แท้ ร่นุ F1 (first filial generation) ทมี่ ี
ลกั ษณะแตกต่างกนั ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง ทดสอบความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกับหน่วยพันธุกรรมหรือยนี ใบงานท่ี 3 เร่ืองทฤษฎคี วามน่าจะเป็น พร้อมท้งั ครูวดั ผลด้านความรู้ความเข้าใจ
ใบงานที่ 1.1เรื่องการผสมพนั ธ์ุถั่วลนั เตาพนั ธ์ุแท้ รุ่น F1 (first filial generation) ทมี่ ลี กั ษณะแตกต่างกนัคำช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียน ลกั ษณะของถวั่ ลนั เตำจำกลกั ษณะที่ เมนเดลไดศ้ ึกษำ1. รุ่น พอ่ แม่ (P) เมล็ดกลม เมลด็ ขรุขระ RR rrลูกรุ่น F1 โอกำสในกำรถ่ำยทอดถว่ั เมล็ดกลม : เมล็ดขรุขระคือ……………………………………………………………………………2. รุ่น พอ่ แม่ (P) ตนั สูง ตน้ เต้ียลูกรุ่น F1 Hh hh โอกำสในกำรถ่ำยทอดถว่ั ตน้ สูง : ตน้ เต้ียคือ……………………………………………………………………………3. รุ่น พอ่ แม่ (P) เมล็ดสีเหลือง เมลด็ สีเหลือง หมำยเหตุ Y คือ เมล็ดสีเหลือง Yy Yy y คือ เมลด็ สีเขียว ลูกรุ่น F1 โอกำสในกำรถ่ำยทอดถว่ั เมลด็ สีเหลือง: เมลด็ สีเขียวคือ……………………………………………………………………………
ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั หน่วยพนั ธุกรรมหรือยนีคาชี้แจง : จงนำตวั อกั ษรหนำ้ ขอ้ ควำมทำงขวำมือมำเติมลงใน ช่องวำ่ ง หนำ้ ขอ้ ควำมทำงซำ้ ยมือท่ีสมั พนั ธ์กนั……..1 ลกั ษณะพนั ธุกรรมท่ีคูข่ องยนี มีลกั ษณะแตกตำ่ งกนั ก. ยนี เด่น……..2. จีโนไทป์ ลกั ษณะเด่น ข. TT , YY……..3. จีโนไทป์ ลกั ษณะดอ้ ย ค. กำรปฏิสนธิ……..4. ยนี ท่ีมีโอกำสแสดงไดออกไดม้ ำกกวำ่ ง. เมนเดล……..5. ลกั ษณะพนั ธุกรรมที่มียนี ดอ้ ยท้งั คู่ จ. Homozygous dominance……..6. สิ่งที่ควบคุมลกั ษณะทำงพนั ธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ฉ. Homozygous recessive……..7. บิดำแห่งพนั ธุศำสตร์ ช. โครโมโซม……..8. ยนี ท่ีมีโอกำสแสดงไดน้ อ้ ยกวำ่ ซ. Tt , Yy……..9. กระบวนกำรท่ีทำใหย้ นี แยกคูก่ นั ฌ. กำรสร้ำงเซลลส์ ืบพนั ธุ์………10. เซลลท์ ี่มียนี เขำ้ คูก่ นั ญ. พนั ธุ์ทำง ฎ. เซลลส์ ืบพนั ธุ์คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเติมคำลงในตำรำงใหค้ รบถว้ น ฏ. ยนี ดอ้ ยข้อ จีโนไทป์ ลกั ษณะจีโนไทป์ รูปแบบยนี Homozygous dominant A1 AA2 Bb Heterozygous H และ h3 Dd Homozygous resessive n4 Ee5 FF6 Gg7 Hh8 MM9 Nn10 pp
เฉลย ใบงานที่ 1เรื่องการผสมพนั ธ์ุถั่วลันเตาพันธ์ุแท้ รุ่น F1 (first filial generation) ทมี่ ีลกั ษณะแตกต่างกัน1. รุ่น พอ่ แม่ (P) เมล็ดกลม เมลด็ ขรุขระ RR rrเซลลส์ ืบพนั ธุ์ R x rลูกรุ่น F1 Rr โอกำสในกำรถ่ำยทอดถว่ั เมลด็ กลม : เมล็ดขรุขระ คือ 1:02. รุ่น พอ่ แม่ (P) ตนั สูง ตน้ เต้ีย Hh hh เซลลส์ ืบพนั ธุ์ Hh x h ลูกรุ่น F1 Hh, hh โอกำสในกำรถ่ำยทอดถว่ั ตน้ สูง : ตน้ เต้ีย คือ 1:13. รุ่น พอ่ แม่ (P) เมลด็ สีเหลือง เมลด็ สีเหลือง หมำยเหตุ Y คือ เมลด็ สีเหลือง Yy Yy y คือ เมลด็ สีเขียวเซลลส์ ืบพนั ธุ์ Y, y x Y, yลูกรุ่น F1 YY, Yy,Yy, yy โอกำสในกำรถ่ำยทอดถว่ั เมลด็ สีเหลือง: เมลด็ สีเขียว คือ 3:1
ใบงานท่ี 2 เร่ือง ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั หน่วยพนั ธุกรรมหรือยนีคาชี้แจง : จงนำตวั อกั ษรหนำ้ ขอ้ ควำมทำงขวำมือมำเติมลงใน ช่องวำ่ ง หนำ้ ขอ้ ควำมทำงซำ้ ยมือท่ีสัมพนั ธ์กนั ญ 1. ลกั ษณะพนั ธุกรรมที่คู่ของยนี มีลกั ษณะแตกต่ำงกนั ก. ยนี เด่น ข 2. จีโนไทป์ ลกั ษณะเด่น ข. TT , YY ซ 3. จีโนไทป์ ลกั ษณะดอ้ ย ค. กำรปฏิสนธิ ก 4. ยนี ที่มีโอกำสแสดงออกไดม้ ำกกวำ่ ง. เมนเดล ฉ 5. ลกั ษณะพนั ธุกรรมท่ีมียนี ดอ้ ยท้งั คู่ จ. Homozygous dominance ช 6. สิ่งท่ีควบคุมลกั ษณะทำงพนั ธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ฉ. Homozygous recessive ง 7. บิดำแห่งพนั ธุศำสตร์ ช. โครโมโซม ฏ 8. ยนี ท่ีมีโอกำสแสดงไดน้ อ้ ยกวำ่ ซ. Tt , Yy ฌ 9. กระบวนกำรท่ีทำใหย้ นี แยกคู่กนั ฌ. กำรสร้ำงเซลลส์ ืบพนั ธุ์ ค 10. เซลลท์ ่ีมียนี เขำ้ คูก่ นั ญ. พนั ธุ์ทำง ฎ. เซลลส์ ืบพนั ธุ์คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเติมคำลงในตำรำงใหค้ รบถว้ น ฏ. ยนี ดอ้ ยข้อ จีโนไทป์ ลกั ษณะจีโนไทป์ รูปแบบยีน Homozygous dominant A1 AA2 Bb Heterozygous B และ b3 Dd Heterozygous D และ d4 Ee Heterozygous E และ e5 FF Homozygous dominant6 Gg Homozygous resessive F7 Hh Heterozygous G และ g8 MM Homozygous dominant H และ h9 Nn Heterozygous10 pp Homozygous resessive M n p
ใบงานที่ 3 เร่ืองทฤษฎีความนา่ จะเป็นคาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นตอบคาถามดังต่อไปนี้พร้อมท้ังแสดงวธิ ีทาให้ถูกต้อง 1. การผสมไก่พันธ์ุแอนดาลูเซียนบลูที่มขี นสีดาพันธแุ์ ท้กับพันธแ์ุ อนดาลูเซียนบลมู ีขนสขี าวได้ รุ่นลกู (F1) ใหข้ นสีนา้ เงินเทาทง้ั หมด เม่อื นาไกร่ ่นุ ลูกผสมกันจะได้รุ่นหลาน (F2) จะมีลกั ษณะฟีโนไทปแ์ ละจโี นไทป์ โอกาสเป็นอย่างไร โดยให้ลักษณะดังกลา่ วเป็นแบบขม่ ไมส่ มบรู ณ์ ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2.ในขา้ วโพดลกั ษณะด้อย ชาวไรผ่ ู้หนึ่งได้เมบล็ดขา้ วโพดมาจากการผสมระหว่างข้าวโพดท่ีเปน็ เฮเทอโรไซกัส ถา้ เขาปลกู เมล็ดข้าวดพดน้ี 4 เมลด็ ตอ่ หลมุ อยากทราบวา่ ความน่าจะเปน็ เท่าไรท่ีขา้ วโพดในหลุม 2.1 ปกตทิ ้ัง 4 ตน้ ............................................................................................................................................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 2.2 แคระทั้ง 4 ตน้ ............................................................................................................................. ................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... .................................
เฉลยใบงานที่ 3 เร่ืองทฤษฎคี วามน่าจะเป็น 1. การผสมไก่พนั ธุ์แอนดาลเู ซียนบลูทมี่ ขี นสดี าพนั ธุ์แทก้ บั พันธุ์แอนดาลเู ซียนบลมู ีขนสขี าวได้รนุ่ ลูก (F1) ให้ขนสนี า้ เงนิ เทาท้ังหมด เม่ือนาไกร่ ุ่นลกู ผสมกันจะได้รนุ่ หลาน (F2) จะมีลักษณะฟโี นไทปแ์ ละจโี นไทป์ โอกาสเป็นอย่างไร โดยให้ลกั ษณะดังกลา่ วเปน็ แบบขม่ ไม่สมบรู ณ์ แนวคำตอบ กำหนดยีนขนสีดำเปน็ B1 และ ขนสขี ำวเปน็ B2 ร่นุ F1 มสี นี ำเงนิจีโนไทป์เป็น B1B2 เมือ่ ผสม F1 จะมฟี โี นไทป์เป็น ขนสดี ำ : ขนสีนำเงนิ : ขนสขี ำว เท่ำกบั 1 : 2 : 1จีโนไทป์ B1B1 : B1B2 : B2B2 เทำ่ กับ 1 : 2 : 12.ในข้าวโพดลักษณะด้อย ชาวไร่ผู้หน่ึงได้เมบลด็ ข้าวโพดมาจากการผสมระหวา่ งข้าวโพดที่เป็นเฮเทอโรไซกัส ถ้าเขาปลูกเมล็ดข้าวดพดน้ี 4 เมล็ดต่อหลุม อยากทราบว่าความน่าจะเป็นเท่าไรท่ีขา้ วโพดในหลมุแนวคำตอบ สมมติเมลด็ ขำ้ วโพดท่ีเปน็ Heterozygous มจี โี นไทปเ์ ป็น Aa พ่อ แม่ Aa x Aa ได้ 1/4AA, 2/4Aa, 1/4aa ฟีโนไทป์ 3/4ปกต,ิ 1/4แคระดงั นัน โอกำสที่ปกติทงั 4 ตน้ = (3/4)4 = 81/256 โอกำสท่แี คระทงั 4 ตน้ = (1/4)4 = 1/256
แผนการจัดการเรียนรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม แผนการสอนท่ี 2 เรือ่ ง กฎแหง่ การแยกและกฎแห่งการรวมกลุ่มอยา่ งอสิ ระของเมนเดล รายวชิ าชีววิทยา 5 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผู้สอน นางสาวจนั จริ า ธนันชยั ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาที่ใช้ 2 ชั่วโมง ตวั ช้ีวดั / ความรู้ ภาระงาน/ชิน้ งาน การวดั และ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล1. สบื ค้น กฎแห่งการแยก คือ การนารุ่นพ่อ ใบงานท่ี 1 เร่ืองกฎ ผา่ นระดบั ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) ( 20 นาที ) 1. ดอกแพงพวยขอ้ มลู และ แม่ (P) ซ่ึงในการผสมพันธุ์น้ี แห่งการแยกและกฎ คะแนนร้อย 1. ครู นาดอกแพงพวยหลากหลายสมี าให้นักเรียนดู พร้อม 2 . ห นั ง สื อ เ รี ย นอธิบายเกี่ยวกับ จะต้องกาหนด gene ให้อยู่กัน แห่งการรวมกลุ่มอย่าง ละ 60 ข้นึ ท้ังนาเขา้ สู่บทเรียนโดยมแี นวคาถามดังน้ี ชีววิทยาเล่ม 4 ของการถ่ายทอด เป็นคู่ๆ และจากนี้ก็จะเป็นการ อิ ส ร ะ ข อ ง เ ม น เ ด ล ไป - นกั เรยี นคดิ วา่ ทาไมดอกของแพงพวยที่สายพันธเุ์ ดียวกัน สถาบันส่งเสริมการลักษณะทาง แยกตัวออกจากกันอย่างละครึ่ง ทาไมจงึ มีดอกท่ีหลากสสี นั กันออกไป (แนวคาตอบ เพราะ สอนวิทยาศาสตร์พนั ธกุ รรม ยีน เพ่ือที่จะดารงเผ่าพันธ์ุเดียวกัน มกี ารผสมเกสรข้ามต้น ระหว่างยีนเด่นกับยีนด้อยในต้น พ่อ และเทคโนโลยีและโครโมโซม ต่อจากน้ันก็จะเข้าสู่ข้ันต อน แม่ จึงทาให้ได้สที ี่หลากหลาย จากการผสมกันในร่นุ ลกู F1) 3. ใบความรู้ เรื่อง gamete และเม่ือเกิดผสมพันธ์ุจะ 2. นกั เรยี นดู วีดีโอ เรื่อง กฎแหง่ การแยกและกฎแหง่ การ ก ฎ แ ห่ ง ก า ร แยก มี ก า ร ร ว ม ตั ว ข อ ง gene โ ด ย รวมกลุ่มอยา่ งอสิ ระของเมนเดล แ ล ะ ก ฎ แ ห่ ง ก า ร ลักษณะเด่นจะข่มลักษณะด้อย ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration) ( 30 นาที ) รวมกลุ่มอย่างอิสระ กฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ แบง่ นกั เรียนออกเป็น 5 กลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน หา ของเมนเดล ของเมนเดล การถา่ ยทอดลักษณะ ความหมายในหัวข้อกฎแห่งการแยกและกฎแหง่ การ 4. ใบงานท่ี 1 เรื่อง ทางพนั ธุกรรมของถั่วลนั เตาตามที่ รวมกลมุ่ อย่างอิสระของเมนเดล ลงในสมุดของตัวเอง ก ฎ แ ห่ ง ก า ร แยก กล่าวมาแล้ว เป็นการพิจารณา ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป ( Explaination ) ( 80 นาที ) แ ล ะ ก ฎ แ ห่ ง ก า ร ลักษณะใดลักษณะหน่ึง ลักษณะ
ข อ ง ถ่ั ว ลั น เ ต า มี ห ล า ย ลั ก ษ ณ ะ 1. ครูอธิบายความรู้ โดยใช้ Power Point เรือ่ งกฎแหง่ การ รวมกลุ่มอย่างอิสระและมียีนควบคุมเป็นจานวนมากแต่เมนเดลได้เลือกทดลองเพียง 7 แยกและกฎแหง่ การรวมกลุม่ อยา่ งอิสระของเมนเดล ของเมนเดลลักษณะ ซ่ึงการผสมพันธุ์แต่ละคร้ังจะมีการถ่ายทอดลักษณะอื่น 2. แบ่งนกั เรียนออกเปน็ 5 กลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน โดยใช้ 5. Power Pointๆ ไปพร้อม ๆ กัน แต่เมนเดลพิ จ า ร ณ า เ ฉ พ า ะ ลั ก ษ ณ ะ ใ ด วิธีการแบง่ กลุ่มแบบความรว่ มมือโดยใช้เทคนิค TGT เร่ือง เรื่องกฎแห่งลกั ษณะหนึ่งเท่านัน้ การผสมพันธ์ุโ ด ย พิ จ า ร ณ า ลั ก ษ ณ ะ เ พี ย ง (Team - Games – Tournament) โดยแทรกการแขง่ ขัน การแยกและกฎแห่งลักษณะเดียวน้ี เรียกว่า การพิ จ า ร ณ า ลั ก ษ ณ ะ เ ดี ย ว เข้ามาดว้ ยเพื่อใหน้ ักเรียนเกิดความสนกุ ในการเรยี น โดยจดั การรวมกลุ่มอย่าง(Monohybrid Cross) เช่น การผสมพันธุ์ระหว่างถ่ัวฝักเขียวกับ ใหค้ ละกนั ท้ังเพศ และความสามารถ ซ่งึ ทีมจะต้องช่วยกนั อิสระของเมนเดลฝกั เหลอื ง เปน็ การผสมท่ีพิจารณาแต่ลักษณะสีของฝัก ต่อมาเมน และกนั (ครูแบง่ กลุ่มนกั เรียนไวล้ ่วงหน้า) นกั เรยี นแตล่ ะเดล ได้ศึกษาการผสมพันธุ์สองลกั ษณะพรอ้ ม ๆ กนั เชน่ ลักษณะ กลุม่ ส่งตวั แทนออกมารับใบงานที่ 1 เรอื่ งกฎแห่งการแยกรูปร่างของเมล็ดและลักษณะสีของเมล็ด เรียกว่า การพิจารณา และกฎแหง่ การรวมกลมุ่ อย่างอสิ ระของเมนเดลโดยครรู ่วมสองลักษณะ (Dihybrid Cross) สงั เกตพฤตกิ รรมด้านการมุ่งม่ันในการทางาน โดยใช้แบบ สังเกตพฤตกิ รรม ข้นั ขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 20 นาที ) 1. นักเรียนสรุปความรูเ้ รอื่ งกฎแห่งการแยกและกฎแหง่ การ รวมกลมุ่ อย่างอสิ ระของเมนเดลทส่ี ามารถนาไปใชใ้ น ชวี ิตประจาวัน ลงในสมดุ 2. นกั เรียนค้นควา้ บทความหรือคาศัพทภ์ าษาอังกฤษ เกี่ยวกบั เรอื่ งกฎแห่งการแยกและ กฎแหง่ การรวมกลุ่ม อย่างอสิ ระของเมนเดล จากหนังสือเรียนหรืออนิ เทอร์เนต็ รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงในสมุด ขั้นประเมนิ ผล ( Evalution ) ( 30 นาที )
นักเรยี นรว่ มกนั เฉลยใบงานที่ 1 เรอื่ งกฎแหง่ การแยกและกฎแห่งการรวมกลุ่มอยา่ งอสิ ระของเมนเดล พรอ้ มท้ังครวู ดัและประเมนิ ผล ด้านความรู้
งานท่ี 1 เร่อื ง กฎแห่งการแยกและกฎแห่งการรวมกลุม่ อย่างอิสระของเมนเดลคาช้ีแจง : ให้นักเรียนตอบคาถามดงั ต่อไปนใ้ี ห้ถูกต้อง1. กฏการแยกตัวของยนี มเี หมอื นกบั การแบ่งเซลล์แบบใด และอย่ใู นระยะใด ...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................................................................................2. จโี นไทป์ตอ่ ไปน้ี คใู่ ดเปน็ Homozygous Dominance คู่ใดเปน็ Homozygous Recessive และแบบHeterozygous ก. aa ........................................................................ ข. RR ....................................................................... ค. Aa ....................................................................... ง. Rr .......................................................................3. ถ้าแตล่ ะเซลล์มจี ีไทป์ตามข้อ 2 เม่ือสรา้ งเซลลส์ ืบพันธ์ุ ยีนจะแยกจากกนั ตามกฎข้อท่ี 1 ของเมนเดลจะได้ยีนในเซลล์สบื พันธ์ุก่ีแบบ และโอกาสเป็นอยา่ งไร ก. aa ........................................................................ ข. RR ....................................................................... ค. Aa ....................................................................... ง. Rr .......................................................................4. กฏเมนเดลข้อ 2 สอดคลอ้ งกับการแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซิสในระยะใด พร้อมให้เหตผุ ล .........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
5. ถา้ แตล่ ะเซลล์มจี โี นไทปต์ อ่ ไปน้ี จะไดเ้ ซลลส์ บื พันธุ์กีแ่ บบ อะไรบ้าง (แสดงวิธที า) ก. TTtt ตอบ............................................ ข. RrYy ตอบ............................................
ค. AaBbCcDDEeตอบ=ง. RrSsTtตอบ=
จ. AaBbCcDDee ตอบ=6. ในการผสมถว่ั 2 ชนดิ คือ ถว่ั พนั ธสุ์ ูงซง่ึ เปน็ dominant กบั ถ่วั พันธเ์ุ ตี้ยซึง่ เปน็ recessive ลกู รนุ่ F1 มีจีโนไทปแ์ ละฟีโนไทป์เป็นอยา่ งไร.......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................ ...........................................................................
เฉลย ใบงานที่ 1 เร่อื ง กฎแห่งการแยกและกฎแห่งการรวมกลมุ่ อย่างอสิ ระของเมนเดล 1. กฏการแยกตวั ของยีน มเี หมอื นกับการแบ่งเซลล์แบบใด และอยู่ในระยะใด แนวคาตอบ ไมโอซสิ ระยะแอนาเฟส 2. จโี นไทปต์ ่อไปน้ี คู่ใดเป็นฮอมอไซกสั แบบเดน่ คู่ใดเปน็ ฮอมอไซกัสแบบด้อย และแบบเฮเทอโรไซกสั ก. aa แนวคาตอบ ฮอมอไซกสั ลักษณะด้อย ข. RR แนวคาตอบ ฮอมอไซกัสลักษณะเด่น ค. Aa แนวคาตอบ เฮเทอโรไซกสั ง. Rr แนวคาตอบ เฮเทอโรไซกัส 3. ถา้ แตล่ ะเซลล์มจี ีไทปต์ ามข้อ 2 เม่อื สร้างเซลลส์ บื พันธุ์ ยนี จะแยกจากกันตามกฎข้อที่ 1 ของเมนเดลจะได้ยีนในเซลลส์ ืบพันธ์ุกีแ่ บบ และโอกาสเป็นอยา่ งไร แนวคาตอบ ก. 1 แบบ คือ a ข. 1 แบบ คอื R ค. 2 แบบ คือ A และ a ง. 2 แบบ คอื R และ r 4. กฏเมนเดลขอ้ 2 สอดคลอ้ งกับการแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิสในระยะใด พร้อมให้เหตผุ ล แนวคาตอบ เริ่มทเี่ มทาเฟส 1 ซง่ึ ฮอมอโลกัสอาจสลบั อยู่คนละข้างได้ 5. ถ้าแต่ละเซลลม์ ีจีโนไทป์ตอ่ ไปนี้ จะได้เซลล์สืบพนั ธ์กุ แ่ี บบ อะไรบ้าง ก. TTtt แนวคาตอบ 1 แบบ คอื Tt ข. RrYy แนวคาตอบ 4 แบบ คอื RY Ry rY Ry ค. AaBbCcDDEe แนวคาตอบ 16 แบบ คือ ABCDE ABCDe ABcDE ABcDe AbCDE AbCDe AbcDE AbcDe aBCDEaBCDe aBcDE aBcDe abCDE abCDe abcDE abcDe ง. RrSsTt แนวคาตอบ 8 แบบ คือ RST RSt RsT Rst rST rSt rsT rst จ. AaBbCcDDee แนวคาตอบ 8 แบบ คอื ABCDe ABcDe AbCDe AbcDe aBCDe aBcDe abCDe abcDe 6. ตอบ จโี นไทป์ คือ Gg ฟีโนไทป์ คอื ถั่วพันธส์ุ งูวิธคี ดิกาหนด G = ถั่วพนั ธส์ุ ูง g = ถ่วั พันธุ์เตีย้ รุน่ พ่อ แม่ GG x gg G,G g,g F1 Gg , Gg , Gg , Gg
แผนการจัดการเรยี นรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม แผนการสอนท่ี 3 เร่อื ง ลักษณะทางพันธกุ รรม รายวิชาชีววิทยา 5 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 รหัสวิชา ว 33203 ครผู สู้ อน นางสาวจนั จิรา ธนันชัย ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาที่ใช้ 1 ช่ัวโมง ตัวช้ีวัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิน้ งาน การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมินผล1. สบื ค้น ลักษณะทางพันธุกรรมหมายถึง ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) ( 15 นาที ) 1.รปู ครอบครัวขอ้ มูลและ ลกั ษณะของสงิ่ มชี ีวิตท่ีถูกควบคมุ ใบงานท่ี 1 เรื่อง เครือ ผ่านระดบั 1. ครนู ารูปครอบครวั ดารานกั ร้องหรอื นักแสดงซึ่งเป็นท่ี ดารานกั ร้องหรอือธบิ ายเกี่ยวกับ โดยกรดนวิ คลอี กิ ชนิด DNA หรอื รู้จกั มาให้นกั เรียนดู และใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนเ้ี พ่อื นกั แสดงการถา่ ยทอด RNAทีส่ ามารถถา่ ยทอดจากรุ่น ญาตขิ องฉัน คะแนนร้อย เชอ่ื มโยงไปสูก่ ารเรยี นรู้เร่ืองลักษณะทางพนั ธุกรรม 2 . Power Pointลกั ษณะทาง หนงึ่ ไปยังรุ่นต่อ ๆ ไป โดยอาศัย - นักเรยี นรู้จกั ครอบครัวดารานักร้องนักแสดงนห้ี รือไม่ เรื่อง ลักษณะทางพนั ธุกรรม ยนี เซลล์สืบพนั ธุห์ รอื เซลลช์ นดิ อ่ืน ๆ ละ 60 ขึ้น - นกั เรยี นคิดวา่ ดารานักร้องนักแสดงคนนี้มรี ูปรา่ งหน้าตา พันธกุ รรมและโครโมโซม เปน็ สอื่ กลางในการถ่ายทอด เหมือนใครในครอบครัวมากท่ีสุด 3 . ห นั ง สื อ เรียน ประเภทของลักษณะทาง ไป 2. ครูต้ังประเดน็ คาถาม จากน้ันสุ่มนกั เรียน 4-5 คน ให้ ชีววิทยาเล่ม 4ของ พันธุกรรมจาแนกเป็น 2 ประเภท นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี สถาบันส่งเสริมการ คอื 1.ลักษณะที่มีความแปรผนั ไม่ - ครอบครัวของนักเรยี นมที ั้งหมดก่ีคน สอนวิทยาศาสตร์ ต่อเน่ือง (Discontinuous - นักเรยี นคิดวา่ นักเรียนมีหน้าตาเหมอื นใครในครอบครวั และเทคโนโลยี variation) เป็นลักษณะ มากทสี่ ดุ 4. ใบงานท่ี 1 เร่ือง พันธุกรรมท่ี2. ลกั ษณะท่มี ีความ - ถ้าให้เปรยี บเทียบองค์ประกอบของหนา้ เชน่ ตา จมูก สี เครอื ญาติของฉนั แปรผนั ต่อเนือ่ ง (Continuous ผม ฯลฯ นกั เรยี นคดิ วา่ องค์ประกอบแตล่ ะสว่ นของนักเรียน variation) เป็นลักษณะทาง มีลักษณะเหมือนใครในครอบครวั มากท่สี ดุ
พนั ธกุ รรมท่ี 3. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายหาคาตอบเก่ยี วกบั คาถามตาม ความคิดเห็นของแต่ละคน ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration)( 40 นาที ) 1. ให้นักเรียนศกึ ษาลกั ษณะทางพนั ธุกรรมจากหนงั สือเรยี น โดยครชู ่วยอธบิ ายใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่าลกั ษณะที่พบในคน ท่วั ไป เช่น ความสูง-ต่า ดา-ขาว ผมหยกิ -ผมตรง ฯลฯเป็น ลักษณะที่ถ่ายทอดจากพอ่ แม่ไปสู่ลกู หลานได้ 2. แบ่งนักเรยี นออกเป็น 5 กลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน โดยใช้ วิธีการแบง่ กลุ่มแบบแบ่งกลุ่มทางาน (Committee Work Method) โดยครมู อบหมายให้นกั เรยี นทางานร่วมกันเป็น กล่มุ ร่วมมอื กันศึกษาคน้ ควา้ หาวธิ ีการแกป้ ัญหาหรือปฏิบตั ิ กจิ กรรมตามความสามารถ ความถนดั หรือความสนใจ เปน็ การฝึกใหน้ กั เรียนทางานรว่ มกนั ตามวิถแี ห่งประชาธปิ ไตย 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มรบั ใบงานท่ี 1เร่ือง เครือญาติของฉัน โดยใช้ทักษะการสงั เกต แลว้ บันทึกผลโดยระบวุ ่าลักษณะท่ี เหมอื นกนั นัน้ ปรากฏในสมาชิกคนใดของครอบครวั นา ข้อมูลท่ีไดม้ าอภิปรายรว่ มกนั ในชั้นเรยี น ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป ( Explaination ) ( 40 นาท)ี 1. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏิบตั ิ กิจกรรมหน้าชั้นเรียน 2. นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการ ปฏิบตั ิกจิ กรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปนี้
-ลักษณะทางพนั ธกุ รรมลกั ษณะใดบ้างของนักเรยี นที่เหมอื นพอ่ และแม่ (พจิ ารณาจากคาตอบนักเรียน)-นักเรยี นทราบได้อย่างไรวา่ ลกั ษณะใดเปน็ ลักษณะทางพนั ธกุ รรม (ทราบได้จากการสารวจลกั ษณะในแตล่ ะรุ่น ถา้พบว่ามกี ารถ่ายทอดลักษณะจากรนุ่ พ่อแม่ไปยังรุ่นลูกร่นุหลาน หรอื แสดงออกในบางรุ่น ก็จดั วา่ ลกั ษณะดงั กลา่ วเป็นลกั ษณะทางพันธกุ รรม3. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ผลจากการปฏิบัตกิ ิจกรรมโดยไดข้ ้อสรปุ วา่ ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพนั ธุกรรมจะปรากฏในสมาชิกครอบครัวเดียวกนั หรอื คนในเครอื ญาติมากกว่าคนอน่ื ลักษณะบางลักษณะไม่แสดงออกในรนุ่ ลกูแต่อาจแสดงออกในรุ่นหลานหรอื ร่นุ ต่อ ๆ ไปได้4. ครูอธิบายความรเู้ พิ่มเติม โดยใช้ Power Point เร่ืองลักษณะทางพันธุกรรมขน้ั ขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 15 นาท)ีนักเรียนคน้ ควา้ บทความหรือคาศัพท์ภาษาอังกฤษเกย่ี วกบัลักษณะทางพันธกุ รรมจากหนังสอื เรียนภาษาอังกฤษหรืออินเทอรเ์ นต็ รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงสมุดขนั้ ประเมนิ ผล ( Evalution ) ( 10 นาที)ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถามดงั นี้-ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมคอื อะไร
-เหตใุ ดสง่ิ มีชีวติ แต่ละชนิดในรุน่ ลูกจงึ มลี กั ษณะเฉพาะที่คลา้ ยคลึงกับร่นุ พอ่ แม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่ือง การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม แผนการสอนที่ 4 เรอ่ื ง การแปรผนั ทางพันธุกรรม รายวิชาชีววิทยา 5 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 รหสั วิชา ว 33203 ครูผูส้ อน นางสาวจนั จริ า ธนนั ชยั ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาที่ใช้ 2 ช่วั โมง ตวั ชวี้ ดั / ความรู้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล 1. แผนผงั ความคดิ ผ่านระดบั1. สืบค้น การแปรผันทางพนั ธุกรรม คือ เรื่องความแปลผันทาง คะแนนร้อย ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) ( 5 นาที ) 1. ใบความรู้ เรอื่ ง พนั ธกุ รรม ละ 60 ขึ้นข้อมลู และ ลกั ษณะที่แตกต่างกนั ของ 2. ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง ไป 1. ครทู บทวนความรู้เดิมเกย่ี วกับการถ่ายทอดลักษณะทาง ความแปลผนั ทาง ความแปลผันทางอธิบายเกยี่ วกบั ส่ิงมีชีวิต ความแปรผนั ทาง พันธุกรรมของ พนั ธุกรรมในเครอื ญาติ และนารูปลักษณะความแปลผนั พนั ธกุ รรม ครอบครัวของฉันการถ่ายทอด พันธุกรรม แบ่งได้ 2 ประเภท ทางพนั ธกุ รรมใหน้ กั เรียนดู โดยครูตง้ั ประเด็นคาถาม 2. ใบงานท่ี 1 เรื่องลกั ษณะทาง คือความแปรผนั ทางพนั ธุกรรม ตอ่ ไปนี้ ความแปลผันทางพันธกุ รรม ยีน แบบตอ่ เน่ือง (Continuous - นกั เรยี นคดิ วา่ นกั เรยี นมลี ักษณะความแปลผันทาง พนั ธุกรรมของและโครโมโซม variation)เชน่ สีผวิ ปกติ, ความ พนั ธุกรรมตามรูปนี้อยา่ งไรบา้ ง ครอบครวั ของฉัน สงู , นา้ หนัก, โครงรา่ ง, ระดับ - แล้วลักษณะเหลา่ น้ี มีอยู่ในเครือญาติ ของนักเรยี นหรอื ไม่ 3. Power Point สติปัญญา เป็นตน้ และความแปร - ความมีสตปิ ัญญาดี เป็นความแปลผันทางพันธุกรรม เรือ่ งความแปลผนั ผนั แบบไม่ต่อเนื่อง หรือไม่ ทางพันธุกรรม (Discontinuous variation) 2. นักเรยี นร่วมกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น ตัวอยา่ ง เชน่ ความสามารถใน เก่ียวกบั คาตอบของคาถาม เพอื่ เช่ือมโยงไปสู่การเรยี นรู้ การหอ่ ลนิ้ , การถนดั มือซา้ ย มือ เร่ือง การแปรผันทางพันธกุ รรม ขวา, จานวนชนั้ ของหนงั ตา, การ ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) ( 25 นาที ) มีลักย้ิม เป็นตน้
1. นักเรียนศกึ ษานความแปลผันทางพนั ธุกรรม จากใบความรูห้ รือในหนงั สือเรียน2. นักเรียนศกึ ษาลกั ษณะ ความแปลผันตอ่ เน่ือง และความแปลผนั ไม่ต่อเนือ่ งของครอบครวั ตวั เอง จากการทาใบงานที่1 เรื่อง ความแปลผนั ทางพนั ธุกรรมของครอบครวั ของฉนัข้ันอธิบายและลงข้อสรุป ( Explaination ) ( 20 นาที )1. ครอู ธิบายความรู้ โดยใช้ Power Point เรือ่ งความแปลผนั ทางพนั ธกุ รรม2.นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปผลจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมโดยใหไ้ ดข้ ้อสรปุ ว่า การแปรผันทางพันธุกรรม คอื ลักษณะท่ีแตกต่างกนั ของสง่ิ มชี วี ิต ความแปรผันทางพนั ธกุ รรมแบ่งได้ 2 ประเภท คือความแปรผันทางพันธุกรรมแบบต่อเน่ือง (Continuous variation) เช่น สีผวิ ปกติ,ความสงู , น้าหนัก, โครงร่าง, ระดบั สตปิ ญั ญา เปน็ ตน้ และความแปรผนั แบบไม่ต่อเนือ่ ง (Discontinuous variation)ตวั อย่าง เช่น ความสามารถในการห่อลนิ้ , การถนัดมอื ซ้ายมอื ขวา, จานวนชน้ั ของหนังตา, การมีลกั ยม้ิ เป็นต้น พรอ้ มท้งั ครูร่วมสงั เกตพฤติกรรมการมุ่งมนั่ ในการทางาน3. ตัวแทนนกั เรยี น 3 - 4 คน ออกมานาเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมจากใบงาน ท่ี 1 เรอ่ื ง ความแปลผันทางพนั ธกุ รรมของครอบครัวของฉัน พร้อมท้ังครรู ่วมสังเกตทกั ษะกระบวนการกลุ่ม
ขน้ั ขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 5 นาที )1. นักเรียนค้นควา้ บทความหรือคาศัพทภ์ าษาอังกฤษเกี่ยวกับ เรื่องความแปลผนั ทางพันธกุ รรม จากหนงั สือเรียนหรอื อินเทอรเ์ น็ต รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงในสมุด2. นักเรยี นสบื คน้ ข้อมลู เร่ือง ความแปลผันทางพนั ธุกรรมของพชื และสตั ว์ข้นั ประเมินผล ( Evalution ) ( 5 นาที )1. นกั เรยี นร่วมกนั เฉลยใบงานท่ี 1 เร่ืองความแปลผนั ทางพันธกุ รรมของครอบครัวของฉนั2. นักเรยี นสรปุ ผลการเรยี นรู้ในช่วั โมง เปน็ แผนผังความคิดเร่อื งความแปลผันทางพนั ธกุ รรม3. ครตู รวจแผนผังความคดิ และใบงานท่ี 1 เร่ืองความแปลผนั ทางพันธุกรรมของครอบครัวของฉัน พร้อมท้งั วดั ผลและประเมินผล ด้านความรู้
ใบงานที่ 1 เรื่องความแปลผันทางพันธุกรรมของครอบครวั ของฉนัคาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นสงั เกตลกั ษณะความแปรผนั ในครอบครัวนกั เรียน ทง้ั ความแปลผนั ตอ่ เนอ่ื ง และความแปลผันไม่ตอ่ เน่อื งลกั ษณะท่ีสงั เกตเห็น ...............................................................................................................................................................ความแปรผนั แบบ...................................................................................................................................................................(เขียนพงศาวรขี องลกั ษณะทส่ี ังเกตจากครอบครัว)ลักษณะท่ีสงั เกตเห็น ......................................................................................................................................................ความแปรผันแบบ...........................................................................................................................................................(เขยี นพงศาวรขี องลกั ษณะทสี่ ังเกตจากครอบครัว)
แผนการจัดการเรียนรู้ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ ง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม แผนการสอนที่ 5 เรือ่ ง การข่มร่วมกนั และการข่มไมส่ มบรู ณ์รายวิชาชีววิทยา 5 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 รหัสวิชา ว 33203 ครผู ู้สอน นางสาวจนั จิรา ธนนั ชัย ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาที่ใช้ 2 ชว่ั โมง ตวั ช้ีวัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมินผล1. สบื ค้น การขม่ รว่ มกัน (Co-dominant) 1. ใบงานที่ 1 เร่ือง ผา่ นระดบั ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. ดอกกหุ ลาบขอ้ มลู และ การถา่ ยทอดนี้ไมเ่ ปน็ ไปตามกฎ ลกั ษณะการขม่ ร่วมกัน คะแนนร้อย 1. ครู นาดอกกหุ ลาบหลากหลายสีมาให้นกั เรยี นดู พร้อม 2. นา้ สีแดง และนา้อธิบายเกี่ยวกับ ของเมนเดล ยีนทง้ั สองทีค่ วบคุม ของครอบครวั ตนเอง ละ 60 ขนึ้ ทง้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี นโดยมแี นวคาถามดงั นี้ สขี าวการถา่ ยทอด ลกั ษณะจะไม่ข่มซ่งึ กันและกนั แต่ 2. ใบงานท่ี 2 เร่ือง ไป - นักเรยี นคดิ วา่ ทาไมดอกของกุหลาบท่ีสายพนั ธ์ุเดยี วกัน 3. ใบงานท่ี 1 เร่ืองลักษณะทาง สามารถแสดงความเดน่ ได้ ลักษณะการขม่ ไม่ ทาไมจงึ มีดอกทีห่ ลากสสี ันกันออกไป ลักษณะการข่มพนั ธกุ รรม ยนี เทา่ ๆกันจงึ ปรากฏลักษณะออกมา สมบูรณ์ - แลว้ ถา้ ดอกกหุ ลาบต้นเดยี วกัน โอกาสทด่ี อกจะมสี ี รว่ มกนั ของและโครโมโซม ร่วมกนั สว่ นการข่มไม่สมบูรณ์ เดียวกันหรอื ไม่ ครอบครัวตนเอง (Incomplete dominant) คือ 2. ครูนารูปดอกไม้ ที่มหี ลากหลายสใี นต้นเดียวกัน มาให้ 4. ใบงานที่ 2 เร่อื ง การแสดงออกของ gene ที่เป็น นักเรียนดู โดยมีแนวคาถามดังนี้ ลกั ษณะการข่มไม่ gene เดน่ ไมส่ ามารถข่ม gene - นกั เรยี นมคี วามคิดเห็นอย่างไรบา้ งกบั ดอกไม้ทีเ่ ห็นนี้ สมบรู ณ์ ดอ้ ยได้อย่างสมบูรณ์ ทาให้มกี าร - นกั เรียนคดิ ว่า ดอกทม่ี ีหลากหลายสีน้ี มีสาเหตุเกิดจาก แสดงออกของ gene ท้งั สองแบบ อะไร เปน็ ผสมกันหรอื เป็นแบบกลาง ๆ ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) ระหว่างสองลักษณะ นักเรียนศึกษาความหมายการข่มรว่ มกนั และการขม่ ไม่ สมบรู ณ์จากในหนังสือเรียน ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ ( Explaination )
1. ครู อธบิ ายความรู้ โดยใช้ Power Point เรอื่ ง การข่มรว่ มกนั และการขม่ ไมส่ มบูรณ์2. นักเรียนและครรู ่วมอธบิ ายลกั ษณะการข่มร่วมกันและการข่มไม่สมบูรณ์ โดยใชส้ อื่ คือการนา นา้ สีแดง แทนลกั ษณะเดน่ และน้าสขี าว แทนลักษณะด้อย เพ่ือให้ผูเ้ รียนได้เรียนรู้และเห็นภาพได้ชัดเจนขน้ั ขยายความรู้ ( Evaboration )1. นกั เรยี นคน้ ควา้ บทความหรอื คาศัพทภ์ าษาอังกฤษเกีย่ วกับลกั ษณะการข่มร่วมกันและ การขม่ ไมส่ มบรู ณ์จากหนังสือเรียนภาษาอังกฤษหรืออินเทอร์เน็ต รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงในสมุด2. นักเรยี น เขียนสะท้อนความคดิ เรือ่ ง การนาสิง่ ทเี่ รียนรู้เร่อื ง ลกั ษณะการข่มรว่ มกนั และการข่มไม่สมบูรณ์ นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างไรบ้างข้ันประเมนิ ผล ( Evalution )1. นกั เรียนทาใบงานที่ 1 เร่ือง ลักษณะการข่มร่วมกันของครอบครวั ตนเอง และใบงานท่ี 2 เรื่องลักษณะการขม่ ไม่สมบูรณ์ พร้อมท้ังครรู ่วมสังเกตพฤติกรรมการมุ่งม่ันในการทางาน2. นักเรียนส่งตัวแทนออกมานาเสนอใบงานที่ 1 เร่อื งลกั ษณะการขม่ ร่วมกันของครอบครัวตนเองพร้อมท้ังครรู ว่ มสังเกตความสามารถในการสอ่ื สาร
3. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันเฉลยใบงานท่ี 2 เรอ่ื งลักษณะการข่มไมส่ มบรู ณ์ พรอ้ มทั้งครวู ดั ผลประเมนิ ผลด้านความรู้
ใบงานท่ี 1 เรื่อง ลกั ษณะการขม่ ร่วมกันคาชแ้ี จง : ให้นักเรยี น เขียนลักษณะการข่มไมส่ มบูรณต์ ามโจทย์กาหนด พร้อมอธบิ ายลักษณะการขม่ รว่ มกัน1. นายไฝ่มีหมูเ่ ลือด A พนั ธุท์ าง แตง่ งานกบั นางสไปร์ ทม่ี ีหมู่เลือด AB ลกู รนุ่ F1 มจี ีโนไทป์และ ฟีโนไทป์เปน็ อยา่ งไรและใหล้ กู รนุ่ F1ท่ีมีหมู่เลอื ด B แต่งงานกบั นาง ดีดี ซ่งึ มีหมู่เลอื ด A พันธ์ทุ างรุ่น F2 มีจีโนไทปแ์ ละฟโี นไทปเ์ ปน็ อยา่ งไร…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………2. นายณเดช มหี มู่เลือด AB แตง่ งานกบั นางญาญ่า มีหมู่เลือด AB ลูกรุ่น F1 มีจโี นไทป์และฟโี นไทป์เปน็ อย่างไร............................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................ ..............................................................................................................................................................................
4. นายเขมชาติ มีหมู่เลอื ด AB แตง่ งานกับ นางวดี มีหมู่เลือด O ลูกรุ่น F1 มจี โี นไทป์และฟีโนไทปเ์ ป็นอย่างไร โอกาสหมู่เลือดใดทจี่ ะไมป่ รากฎในร่นุ ลูก........................................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .....................................
ใบงานท่ี 2 เรือ่ ง ลักษณะการขม่ ไม่สมบูรณ์ คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียน เขยี นพงศาวรี ลกั ษณะการข่มไมส่ มบรู ณต์ ามโจทยก์ าหนด1. รนุ่ พ่อแม่ (P) ดอกเฟ่ืองฟา้ สแี ดง ดอกเฟอ่ื งฟา้ สีขาว RR rrร่นุ F1รนุ่ F2อัตราส่วนของ จโี นไทป์ คอื ............................................................................................... ฟโี นไทป์ คือ...............................................................................................
2. กุหลาบดอกสแี ดง ผสมกบั กหุ ลาบดอกสีขาว ซ่งึ ยีนทคี่ วบคมุ ลกั ษณะของดอกสแี ดงไมส่ ามารถข่มยีนทคี่ วบคุมลกั ษณะของดอกสขี าวได้อย่างสมบูรณ์ ลกู รุ่น F1 มีจโี นไทป์และฟีโนไทป์เปน็ อยา่ งไร............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................3. ววั ขนสีแดง ผสมกบั ววั ขนสีขาว ปรากฏว่ารนุ่ F1 มีขนสีนา้ ตาล ลกู รุ่น F1 มีจโี นไทปแ์ ละฟโี นไทป์เปน็ อยา่ งไร ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ใบงานที่ 1 เรื่อง ลักษณะการข่มร่วมกนั ของครอบครวั ตนเองคาชี้แจง : ให้นกั เรียน เขียน ลกั ษณะการขม่ ไมส่ มบูรณ์ตามโจทยก์ าหนด พร้อมอธบิ ายลกั ษณะการขม่ ร่วมกนั1. นายไฝ่มีหมู่เลือด A พันธทุ์ าง แตง่ งานกบั นางสไปร์ ท่ีมหี มเู่ ลือด AB ลกู รนุ่ F1 มจี โี นไทปแ์ ละฟีโนไทปเ์ ปน็ อย่างไร และให้ลูกรนุ่ F1ที่มหี มู่เลอื ด B แตง่ งานกับนาง ดีดี ซึ่งมีหมูเ่ ลือด Aพันธ์ุทาง รนุ่ F2 มจี ีโนไทป์ และฟีโนไทปเ์ ป็นอยา่ งไรรนุ่ พอ่ แม่ IAi x IAIBเซลลส์ ืบพันธุ์ IA , i x IA , IBF1 IAIA , IAIB , IAi , IBiได้หมเู่ ลอื ด A, AB, Bเมื่อนาลูกรุ่น F1 มีหมู่เลือด B แตง่ งานกับนาง ดดี ี ซึง่ มหี ม่เู ลอื ด Aได้ IBi x IAiเซลล์สบื พนั ธ์ุ IB , i x IA , i F2 IAIB , IBi , IAi , iiรนุ่ F2 มีฟโี นไทป์ AB, A, B ,O2. นายณเดช มีหมู่เลือด AB แต่งงานกับ นางญาญ่า มีหมเู่ ลือด AB ลูกรนุ่ F1 มีจโี นไทป์และฟโี นไทป์เปน็ อย่างไรได้ IAIB x IAIBเซลลส์ ืบพันธุ์ IA , IB x IA , IBF1 IAIA , IAIB, IAIB, IBIBรุ่น F2 มีฟีโนไทป์ AB, A, B3. นายเขมชาติ มีหมู่เลอื ด AB แต่งงานกับ นางวดี มีหมเู่ ลือด O ลูกร่นุ F1 มจี ีโนไทป์และฟีโนไทป์เป็นอยา่ งไร โอกาสหมูเ่ ลอื ดใดทจ่ี ะไมป่ รากฎในรุ่นลูกได้ IAIB x iiเซลลส์ ืบพันธุ์ IA , IB x iF1 IAi , IBiรนุ่ F1 มีฟีโนไทป์ A, Bโอกาสหมู่เลือดใดท่ีจะไมป่ รากฏ คอื หมู่เลือด AB และ O
เฉลย ใบงานที่ 2 เร่ือง ลักษณะการขม่ ไม่สมบูรณ์คาชี้แจง : ให้นกั เรียน เขียน ลักษณะการข่มไมส่ มบูรณ์ตามโจทย์กาหนด1. รุ่นพ่อแม่ (P) ดอกเฟือ่ งฟา้ สแี ดง ดอกเฟอื่ งฟา้ สีขาว RR rrเซลลส์ ืบพันธุ์ R x r รุ่น F1 Rrนามาผสมในดอกเดียวกนั Rr x Rrเซลล์สืบพนั ธ์ุ R,r x R,r รุ่น F2 RR , Rr , Rr , rrอัตราสว่ นของ จโี นไทป์ คอื RR : 2Rr : rrฟโี นไทป์ คือ 1:2 : 1 ดอกเฟ่ืองฟา้ สแี ดง : ดอกเฟื่องฟ้าสีชมพู : ดอกเฟื่องฟา้ สีขาว2. กุหลาบดอกสีแดง ผสมกับกุหลาบดอกสีขาว ซึ่ง ยีนที่ควบคุมลักษณะของดอกสีแดงไม่สามารถข่มยีนที่ควบคุมลักษณะของดอกสขี าวไดอ้ ย่างสมบูรณ์ ลกู รุ่น F1 มีจโี นไทป์และฟโี นไทป์เปน็ อย่างไร กุหลาบดอกสแี ดง กหุ ลาบดอกสีขาวรุ่นพอ่ แม่ (P) RR x rrเซลล์สบื พันธุ์ RxrF1 Rr , Rr , Rr , Rrอตั ราส่วนของ จโี นไทป์ คอื Rr ฟโี นไทป์ คือ ดอกสีชมพู3. วัวขนสีแดง ผสมกบั วัวขนสีขาว ปรากฏวา่ ร่นุ F1 มีขนสีน้าตาล ลกู รนุ่ F1 มีจโี นไทปแ์ ละฟีโนไทป์เปน็ อย่างไร วัวขนสีแดง ววั ขนสีขาวรุ่นพอ่ แม่ (P) RR x rrเซลลส์ บื พนั ธ์ุ Rx rF1 Rr , Rr , Rr , Rrอตั ราส่วนของ จีโนไทป์ คือ Rr ฟโี นไทป์ คอื วัวขนสีน้าตาล
แผนการจัดการเรียนรู้ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม แผนการสอนท่ี 6 เร่ือง มัลติเปิลแอลลีลและพอลิยนีรายวชิ าชีววิทยา 5 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผู้สอน นางสาวจันจิรา ธนันชยั ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช้ 1 ช่วั โมง ตวั ช้ีวัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวดั และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล ผา่ นระดับ ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) ( 10 นาที ) 1. ใบความรู้ เรื่อง1. สบื ค้น มัลติเปิลแอลลีล (Multiple ใบงานที่ 1 เรอื่ ง คะแนนร้อย 1. ครสู นทนากับนักเรยี นเก่ียวกับหมเู่ ลือด โดยครูต้ัง วิเคราะห์การหาหมู่ ละ 60 ขนึ้ ประเด็นคาถามดังต่อไปนี้ เลอื ดขอ้ มลู และ alleles) ลักษณะทางพนั ธกุ รรม วเิ คราะห์การหาหมู่ ไป - นักเรียนเคยบรจิ าคเลือดหรือไม่ 2. ใบงานที่ 1 เร่ือง - การบริจาคเลอื ดครง้ั แรก พยาบาลหรือ วิเคราะห์การหาหมู่อธบิ ายเก่ยี วกับ ท่ีถูกควบคมุ ดว้ ยยีนมากกว่า 2 เลอื ด เจ้าหน้าทจี่ ะทาการซักประวัติและทาส่ิงใดก่อนที่จะเจาะ เลอื ด เลอื ดของนักเรยี นเสมอ (ตรวจหาหมเู่ ลือด) 3. Power Pointการถา่ ยทอด อัลลลี ส์ ไดแ้ ก่ หมู่เลือด ABO ซ่งึ มี - เคยสงสยั ไหมวา่ หม่เู ลือดของนักเรียนตรงกับหมูเ่ ลือดของ เรื่องมัลติเปิลแอล พอ่ แม่หรือไม่ ลลี และพอลิยีนลักษณะทาง ยนี ควบคุมถึง 3 อัลลลี ส์ ( IA , IB - ถ้านักเรยี นทราบหมู่เลือดของตนวา่ เป็นหมูเ่ ลือดใด นกั เรียนจะสามารถคาดคะเนหมู่เลือดของพ่อแมข่ องพันธุกรรม ยีน และ i ) สว่ นพอลยิ นี หมายถงึ นกั เรยี นได้หรือไมว่ ่าเปน็ หมูเ่ ลือดใด 2. นักเรยี นรว่ มกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นและโครโมโซม กลุม่ ยนี ที่มีมากกวา่ 1 ค่ขู ึ้นไป ใน เกีย่ วกบั คาตอบของคาถาม เพอ่ื เช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้ เรอื่ ง มลั ติเปลิ แอลลีลและพอลยิ นี การควบคมุ ลักษณะใดลกั ษณะ ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) ( 20 นาที ) หนึง่ ของส่ิงมชี ีวิต กลุ่มเหล่านี้ อาจอยูบ่ นโครโมโซม แท่ง เดยี วกนั หรอื คนละแทง่ ก็ได้ เชน่ ความสูงของคน ลักษณะสผี วิ ของ รา่ งกาย นา้ หนกั ของร่างกาย ไอคิวของคน ปริมาณนา้ นมของ ววั นม เป็นต้น
นกั เรยี นศกึ ษาหม่เู ลือดจากใบความร้หู รือในหนงั สือเรียนโดยครูชว่ ยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า หม่เู ลือดเป็นลักษณะของส่งิ มชี วี ิตนกั วทิ ยาศาสตร์พบว่าหมเู่ ลือดของมนุษย์มรี ูปแบบของยีนอยู่ 3 ชนิด คือ แอลลลี A หรือ IA แอลลลี B หรอื IB และแอลลีล O หรือ I ซ่งึ แสดงว่าถกู ควบคุมด้วยยนี ทีม่ ีมากกวา่2 แอลลลีข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ ( Explaination ) ( 40 นาที )1. ครอู ธบิ ายความรู้ โดยใช้ Power Point เร่ืองมลั ติเปลิแอลลลี และพอลิยนี2. นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใช้แนวคาถามตอ่ ไปนี้– หมเู่ ลอื ดระบบ ABO มจี ีโนไทปเ์ ปน็ แบบใดบ้าง (IAIA,IAi, IBIB, IBi, IAIB และ ii)– หมู่เลือดใดที่ถูกควบคมุ โดยแอลลลี เด่น และหมู่เลือดใดถกู ควบคุมโดยแอลลลี ด้อย (หมเู่ ลือดท่ีควบคมุ โดยแอลลีลเด่น คือ หม่เู ลอื ด A, B, AB หมู่เลือดท่ีควบคมุ โดยแอลลีลด้อย คือ หมู่เลือด O) โดยครรู ว่ มสงั เกตพฤติกรรมใฝ่เรยี นรู้3. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใหไ้ ด้ข้อสรุปวา่ เราสามารถจดั กลมุ่ หมเู่ ลือดระบบ ABOตามรูปแบบของยีนท่คี วบคุมได้ 3 ชนดิ คอื แอลลลี A (IA)
แอลลลี B (IB) และแอลลลี O (i) และถ้าเราทราบวา่ หมู่เลือดของเราคือหมู่ใด เรากส็ ามารถวเิ คราะหไ์ ด้วา่ พ่อและแมข่ องเรามีหมู่เลือดใดข้ันขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 10 นาที )1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกย่ี วกบั การถ่ายทอดลักษณะตา่ ง ๆของสงิ่ มีชวี ิต ซง่ึ ลักษณะที่แสดงออกมานนั้ ไม่ไดข้ ้ึนอยู่กับอทิ ธพลของยนี เพยี งอยา่ งเดยี ว แต่ยงั ข้ึนอยู่กบัสงิ่ แวดลอ้ มด้วย2. นักเรียนคน้ คว้าบทความหรอื คาศัพท์ภาษาอังกฤษเกยี่ วกบั เรอ่ื งมัลติเปลิ แอลลลี และ พอลยิ นี จากหนังสือเรียนหรอื อินเทอร์เนต็ รวบรวมคาศัพทแ์ ละคาแปลลงในสมดุขน้ั ประเมินผล ( Evalution ) ( 40 นาที )1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามใบงานท่ี 1 เรื่อง วิเคราะหก์ ารหา หมู่เลอื ด ศึกษาวเิ คราะห์ความเป็นไปไดว้ ่าลูกทเี่ กิดมาจะมีหมเู่ ลือดใดได้บา้ ง แลว้ นาผลการวิเคราะห์ข้อมูลมาอภิปรายรว่ มกนั ในชน้ั เรยี น โดยครูรว่ มสังเกตทักษะกระบวนการกลมุ่2. นกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยใบงานที่ 1 เร่ือง วิเคราะห์การหาหม่เู ลือด พร้อมทั้งครูวัดและประเมนิ ผล ดา้ นความรู้3. ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการให้ตอบคาถาม เช่น
- หมูเ่ ลือดของมนษุ ย์มีรปู แบบของยนี ทีค่ วบคุมก่ีชนิดอะไรบ้าง- ให้นักเรียนแสดงวิธคี ิดหมเู่ ลือดของตนเองจากการผสมกนัระหวา่ งหมเู่ ลือดของพ่อและแม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่ือง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม แผนการสอนท่ี 7 เร่อื ง ยีนบนโครโมโซมเพศและยนี บนโครโมโซมเดยี วกันรายวิชาชีววิทยา 5 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 รหสั วิชา ว 33203 ครผู สู้ อน นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ชั่วโมง ตัวชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมินผล1. สบื คน้ โครโมโซมเพศ (sex 1. ใบงานที่ 1 เร่ือง ยีน ผ่านระดับ ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) ( 5 นาที ) 1. ใบงานท่ี 1 เรื่องขอ้ มลู และ chromosome) มีโครโมโซมมี 2 บนโครโมโซมเพศ คะแนนร้อย 1. ครทู บทวนความร้เู ดิมเกยี่ วกับการถ่ายทอดลักษณะทาง ยี น บ น โ ค ร โ ม โ ซ มอธิบายเก่ียวกบั ชนิดคือ ออโตโซม (autosome) 2. ใบงานท่ี 2 เรอื่ ง ยีน ละ 60 ข้นึ พันธกุ รรมในมนุษย์ โดยครตู ั้งประเดน็ คาถามต่อไปนี้ เพศการถ่ายทอด เป็นโครโมโซมทมี่ ีลกั ษณะ บนโครโมโซมเดียวกัน ไป - เราสามารถศึกษาการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมใน 2. ใบงานที่ 2 เรอ่ื งลกั ษณะทาง เหมือนกนั ทกุ คู่ เช่น คนปกติมี-ออ มนุษย์โดยอาศยั ส่งิ ใด (แนวคาตอบ พงศาวลี) ยนี บนโครโมโซมพันธกุ รรม ยนี โตโซม 44 แทง่ (22 คู)่ ใช้ - พงศาวลที แ่ี สดงลกั ษณะทางพนั ธุกรรมในครอบครวั บอก เดียวกนัและโครโมโซม สัญลกั ษณแ์ ทนด้วย A และ อะไรแกเ่ รา (แนวคาตอบ บอกถงึ ลักษณะผิดปกติท่ี 3. Power Point โครโมโซมเพศเป็นโครโมโซมทที่ า แสดงออกว่าเกิดจากแอลลลี ท่ีควบคมุ ลกั ษณะเดน่ หรอื แอล เร่อื ง ยีนบน หน้าทีใ่ นการกาหนดเพศ ลลี ท่ีควบคมุ ลกั ษณะดอ้ ย) โครโมโซมเพศ ประกอบดว้ ย X กบั Y หรือ Z กับ 2. ครูนารปู พงศาวลีแสดงการถา่ ยทอดลักษณะน้ิวเกนิ ของ W เชน่ เพศหญงิ มโี ครโมโซมเป็น ครอบครวั หนึ่ง มาใหน้ ักเรียนดูจากน้ันครตู ้ังประเด็นคาถาม XX และเพศชายมีโครโมโซมเป็น ดังนี้ XY เป็นตน้ ส่วน - จากพงศาวลี การถ่ายทอดลักษณะนิว้ เกินของครอบครวั นี้ โครโมโซมในแมลงหวีม่ ลี ักษณะ เกิดข้นึ กช่ี ั่วคน แตกต่างกนั แล้วแตเ่ พศ คือ ถ้า - ลกั ษณะนวิ้ เกนิ น้ีนา่ จะเกิดจากแอลลลี ท่ีควบคมุ ลักษณะ เป็นตัวเมยี โครโมโซมเพศกจ็ ะ เด่นหรือแอลลีลที่ควบคุมลกั ษณะด้อย นักเรยี นดจู ากอะไร เหมอื นกัน คอื XX แตใ่ นตวั ผู้จะมี (แนวคาตอบ ลกั ษณะเดน่ ดูจากลกั ษณะท่แี สดงออกมา)
โครโมโซมหนง่ึ เหมือนกบั ของตวั 3. นักเรียนร่วมกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นเมยี คือ โครโมโซม X และอกี เก่ียวกับคาตอบของคาถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การเรยี นรู้อันหน่งึ รูปร่างสนั้ และงอ เรียกว่า เรอ่ื ง ยนี บนโครโมโซมเพศและยนี บนโครโมโซมเดียวกนัโครโมโซม Y ดังนัน้ เพศผ้จู ึงมี ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) ( 20 นาที )โครโมโซมเป็น XY และยีนบน 1. ให้นักเรียนศกึ ษาการถา่ ยทอดลักษณะพันธกุ รรมทางออโครโมโซมเดยี วกนั จะถ่ายทอดไป โตโซมและโครโมโซมเพศจากใบความรูห้ รอื ในหนังสือเรียนดว้ ยกัน เรียกยีนเหลา่ น้ีวา่ ลงิ ค์ 2. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม เรื่องเกจ (linkage) ทาใหล้ ักษณะบาง การวเิ คราะห์ขอ้ มลู การถ่ายทอดลักษณะของโรคทาลัสซีลกั ษณะปรากฏคู่กัน เช่น เมีย โดยการศึกษาข้อมูลเก่ยี วกบั การถ่ายทอดลกั ษณะโรคลกั ษณะปีก และสตี ัวของแมลงหวี่ ทาลสั ซเี มีย รวมท้งั สบื ค้นข้อมูลเกี่ยวกบั โรคทาลัสซีเมียในแต่ลงิ คย์ นี อาจแยกจากกนั และ ประเทศไทยจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ แลว้ นามาอภิปรายเกดิ การรวมกลุ่มของยีนใหม่ รว่ มกนั ภายในกลมุ่(gene recombination) จาก ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ ( Explaination ) ( 25 นาที )การ ครอสซิงโอเวอร์ (Crossing 1. ครอู ธิบายความรู้ โดยใช้ Power Point เรอื่ ง ยนี บนover) ของ ฮอมอโลกสั โครโมโซมเพศ และยีนบนโครโมโซมเดยี วกันโครโมโซมในระยะโพรเฟส 1 ของ 2.นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการไมโอซสิ ทาใหเ้ กดิ การแปรผนั ทาง ปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาถามต่อไปนี้พันธกุ รรม ซง่ึ มีความสาคัญต่อ - เพราะเหตใุ ดโรคทาลัสซีเมยี จงึ เป็นลักษณะพนั ธุกรรมท่ีวิวฒั นาการ เปน็ ลักษณะด้อย (แนวคาตอบ เพราะยีนของโรคถกู ลกั ษณะเด่นข่มไว้ ดูได้จากกจิ กรรมในกรณีที่ 2 จะเห็นว่า ชายและหญิงที่เป็นปกตทิ ั้งคู่ ไม่แสดงอาการของโรคออกมา เมือ่ แต่งงานกันก็มีโอกาสท่ลี กู จะเป็นโรคทาลัสซีเมยี ได้
แสดงว่าถูกลักษณะเดน่ ข่มไวใ้ นร่นุ พอ่ แม่ แตล่ ักษณะผดิ ปกติดงั กลา่ วแสดงออกมาในร่นุ ลกู ตอ่ มาได้)- เราสามารถป้องกนั การเกิดโรคทาลัสซเี มียได้ด้วยวธิ ใี ด(แนวคาตอบ ตรวจสอบประวัตคิ รอบครวั ของค่แู ต่งงานวา่ มีคนเปน็ โรคน้ีหรือไม่ ถ้าพบวา่ มีคนเปน็ โรคในครอบครวั ฝา่ ยหนงึ่ ฝา่ ยใด ย่อมมโี อกาสเสีย่ งทค่ี ู่แตง่ งานจะมีลูกเปน็ โรคได้)3. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรปุ ผลจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมโดยให้ไดข้ ้อสรปุ วา่ พอ่ หรือแม่ทีม่ ยี ีนทาลสั ซเี มยี ท้ังทีเ่ ปน็ โรคและไมเ่ ปน็ โรคแต่เป็นพาหะสามารถถ่ายทอดยนี ทีผ่ ดิ ปกตินไ้ี ปสูล่ กู หลานได้ ซงึ่ โรคนี้จดัวา่ เป็นโรคพนั ธกุ รรมท่ีพบมากในประเทศไทย จึงเปน็ ปัญหาทางสาธารณสขุ ของประเทศข้ันขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 5 นาที )1. นักเรยี นคน้ คว้าบทความหรอื คาศัพท์ภาษาอังกฤษเก่ียวกับ เรือ่ งยีนบนโครโมโซมเพศ และยีนบนโครโมโซมเดียวกันจากหนังสอื เรียนภาษาองั กฤษหรืออินเทอรเ์ นต็รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงในสมดุ2. นกั เรยี นสบื ค้นข้อมูล เรอ่ื ง โรคทางพันธุกรรมในประเทศไทยจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆการประเมนิ ผล ( Evalution ) ( 5 นาที )1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 4-5 คน ปฏบิ ัติกิจกรรมตามใบงานที่ 1 เรือ่ ง ยีนบนโครโมโซมเพศ และใบงานท่ี 2 เร่ือง
ยนี บนโครโมโซมเดยี วกัน พร้อมท้งั ครรู ่วมสงั เกตพฤตกิ รรมการมงุ่ ม่นั ในการทางาน2. นกั เรยี นร่วมกนั เฉลยใบงานที่ 1 เร่ืองยีนบนโครโมโซมเพศ และใบงานที่ 2 เร่อื ง ยนี บนโครโมโซมเดียวกัน พร้อมทัง้ ครูวดั และประเมินผล ดา้ นความรู้ และสังเกตทักษะกระบวนการกลมุ่
แผนการจัดการเรียนรู้ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม แผนการสอนที่ 8 เรอื่ ง ลักษณะที่อยูใ่ ต้อิทธพิ ลของเพศและลักษณะทีป่ รากฎจาเพาะเพศ รายวชิ าชีววิทยา 5 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 รหัสวิชา ว 33203 ครผู ู้สอน นางสาวจันจริ า ธนนั ชยั ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ชั่วโมง ตวั ช้วี ดั / ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล ผา่ นระดบั ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) ( 5 นาที ) 1. ใบงานที่ 1 เรอื่ ง1. สืบค้น ลักษณะท่ีอยใู่ ต้อิทธพิ ลของเพศ ใบงานที่ 1 การ คะแนนร้อย 1. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เก่ยี วกบั การถ่ายทอดลกั ษณะทาง การถ่ายทอด ละ 60 ขึ้น พนั ธุกรรมในมนุษย์ และนารูปผู้ชายทีห่ ัวลา้ นใหน้ ักเรียนดู ลกั ษณะทางขอ้ มูลและ เปน็ ลักษณะบางลักษณะท่ี ถ่ายทอดลักษณะทาง ไป โดยครูต้ังประเดน็ คาถามตอ่ ไปนี้ พนั ธกุ รรมบน - เรียนเคยสังเกตไหมวา่ ทาไมผ้ชู าย เมอ่ื แกต่ วั ลงหัวจะล้าน โครโมโซมเพศอธิบายเกี่ยวกบั แสดงออกในสิ่งมีชวี ิตช้นั สงู ถูก พันธกุ รรมบน ผมจะบาง 2. หนงั สอื เรยี น - สาเหตุเหล่านจ้ี ะสามารถเกิดไดใ้ นเพศหญิงหรือไม่ เพราะ ชวี วิทยาเล่ม 4 ของการถ่ายทอด ควบคมุ ด้วยยีนเด่นในออโทโซม โครโมโซมเพศ เหตใุ ด สถาบนั สง่ เสรมิ การ - จากลักษณะหวั ลา้ นน้ี นักเรียนคดิ วา่ สามารถถา่ ยทอด สอนวทิ ยาศาสตร์ลักษณะทาง แตย่ นี จะแสดงออกในแต่ละเพศ ลกั ษณะทางพันธกุ รรมได้หรอื ไม่ และเทคโนโลยี 2. นักเรยี นรว่ มกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น 3. อินเทอร์เนต็พนั ธุกรรม ยีน ไดไ้ มเ่ ทา่ กันโดยมฮี อรโ์ มนเพศเป็น เกีย่ วกบั คาตอบของคาถาม เพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ เรื่อง ลักษณะที่อยู่ใต้อิทธิพลของเพศและลักษณะท่ปี รากฏและโครโมโซม ตวั ควบคุม ตัวอย่างทพ่ี บในคน จาเพาะเพศ ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) ( 20 นาที ) ได้แก่ ลกั ษณะศีรษะล้าน เม่ือ กาหนดให้ B เปน็ ยนี ควบคุม ลกั ษณะศีรษะล้าน และ b เป็น ยีนควบคมุ ลกั ษณะศรี ษะไมล่ ้าน เพศชายและเพศหญงิ จะมจี ีโน ไทปแ์ ละฟีโนไทป์ เชน่ ฟีโนไทป์ และจีโนไทป์ของลักษณะศรี ษะ ลา้ นในเพศชายและเพศหญิงส่วน ลกั ษณะท่ปี รากฏจาเพาะเพศ
เป็นลกั ษณะพนั ธุกรรมท่ีควบคมุ 1. นักเรยี นศกึ ษาการถา่ ยทอดลกั ษณะพนั ธุกรรมทางออโตด้วยยีนบนออโทโซม บางลักษณะ โซมและโครโมโซมเพศจากใบความรู้หรอื ในหนงั สือเรยี นขึ้นอยกู่ ับส่ิงแวดล้อมภายใน 2. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม 5 กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 - 5 คน โดยใชก้ ลวิธีรา่ งกายของแตล่ ะเพศ เช่น อาจมี การสอนแบบเพ่ือนช่วยเพื่อนประกอบดว้ ย นักเรยี นที่เรยี นฮอรโ์ มนเพศมาเกี่ยวข้อง ได้มีผู้ เกง่ 1 คน นกั เรยี นที่เรยี นปานกลาง 2-3 คน และนักเรยี นศกึ ษาลักษณะขนหางของไก่บาง ท่เี รยี นอ่อน 1 คน ช่วยกันทางานภายในกลุม่ (ครูแบง่ กลุม่พนั ธซ์ุ ่ึงจะแตกตา่ งกนั มาก นักเรียนไว้ลว่ งหน้า)ระหว่างไก่เพศผู้และไกเ่ พศเมีย 3. นักเรยี นภายในกล่มุ ของตนเอง ช่วยกนั หาความหมายตามปกติแล้วไกเ่ พศผู้จะมีขนหาง เก่ียวกับการถา่ ยทอดลักษณะของยีนท่ีอย่ใู ตอ้ ิทธิพลของยาวโค้งสวยงาม ส่วนไกเ่ พศเมยี เพศ และลักษณะที่ปรากฏจาเพาะเพศ พร้อมยกตัวอย่างจะมขี นหางส้ันตรง เม่อื กาหนดให้ ประกอบ ครูร่วมสงั เกตพฤตกิ รรมการมุ่งมนั่ ในการทางานH เป็นยนี ควบคมุ ลักษณะขนหาง ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป ( Explaination ) ( 25 นาที )สัน้ และ h เปน็ ยนี ควบคุม 1.นกั เรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการลักษณะขนหางยาว ซงึ่ แสดงฟโี น ปฏิบตั ิกิจกรรมไทป์และจโี นไทป์ เชน่ ฟโี นไทป์ 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอหนา้ ช้นัและจีโนไทป์ของไก่เพศผู้และเพศ เรียน เร่อื งการถา่ ยทอดลกั ษณะของยนี ทอี่ ยู่ใต้อิทธิพลของเมยี เพศ และลักษณะทีป่ รากฏจาเพาะเพศ พร้อมท้งั ครรู ว่ ม สังเกตทักษะการสอ่ื สาร 3. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะของยนี ที่ อยใู่ ต้อทิ ธิพลของเพศ และลกั ษณะท่ีปรากฏจาเพาะเพศ โดยไดข้ อ้ สรปุ วา่ ลักษณะที่แสดงออกมานั้นถูกควบคุมด้วย ยีนเดน่ ในออโตโซม แต่ยีนจะแสดงออกมาแตล่ ะเพศไม่ เทา่ กันโดยมีฮอรโ์ มนเพศเปน็ ตวั ควบคุม เช่น ลกั ษณะ
หวั ลา้ น และตาบอดสี จะพบในเพศชายมากกวา่ เพศหญิงหรือลักษณะขนหางของไก่ เพศผู้ จะมีขนแบบค๊อก (Cockfeather) ทมี่ ลี ักษณะยาวสสี ันสวยงาน ซ่ึงลกั ษณะแบบน้ีจะไม่พบในไกเ่ พศเมียขั้นขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 5 นาที )นกั เรยี นค้นคว้าบทความหรือคาศัพทภ์ าษาอังกฤษเกี่ยวกบัเร่อื งการถ่ายทอดลักษณะของยีนทีอ่ ยใู่ ต้อทิ ธิพลของเพศและลกั ษณะที่ปรากฏจาเพาะเพศจากหนังสอื เรียนภาษาอังกฤษ หรืออินเทอรเ์ น็ต รวบรวมคาศพั ท์และคาแปลลงในสมุดขั้นประเมนิ ผล ( Evalution ) ( 5 นาที )1. นกั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาว่าจากหัวขอ้ ทเี่ รียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มจี ุดใดบา้ งทย่ี ังไม่เขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ2. ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยการทาใบงานท่ี 1เรือ่ งการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมบนโครโมโซมเพศเพือ่ วัดและประเมนิ ผลทางด้านความรู้ความเข้าใจ3. ครูตรวจใบงานที่ 1 เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมบนโครโมโซมเพศเพอื่ วดั และประเมินผลทางดา้ นความรู้ความเข้าใจ
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: