แผนการจัดการเรยี นรู้ ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง ยีนและโครโมโซมรายวชิ าชวี วทิ ยา 5 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 รหสั วิชา ว 33203 ครูผู้สอน นางสาวจนั จิรา ธนนั ชยั ตาแหน่ง พนักงานราชการ
แผนการจดั การเรียนรู้ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง ยีนและโครโมโซม แผนการสอนที่ 9 เรือ่ ง การถา่ ยทอดโครโมโซมยนี และสารพันธุกรรมรายวชิ าชีววิทยา 5 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผู้สอน นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 2 ชัว่ โมง ตวั ช้วี ดั / ความรู้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวดั และ กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล1. สบื คน้ ข้อมลู ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) 1. โมเดลการแบง่ เซลล์และอธิบาย โครโมโซมเป็นโครงสรา้ งทอ่ี ยู่ใน แผนผังความคดิ เร่ืองการ ผ่านระดับ 1. ครนู าโมเดลการแบ่งเซลล์การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ และแบบไม การแบ่งเซลล์แบบไมเกย่ี วกบั การ โอซสิ มาให้นักเรยี นดู แล้วให้นกั เรยี นร่วมกันตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี โทซิสและแบบไมโอถา่ ยทอดลกั ษณะ นิวเคลียสของเซลล์ ในขณะที่เซลล์ไม่ ถา่ ยทอดโครโมโซมยนี และ คะแนนร้อย - นกั เรียนรจู้ ักการแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ และแบบไมโอซิส หรือไม่ ซิสทางพนั ธุกรรม - แล้วนักเรียนคดิ ว่า การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสและแบบไมโอซิส มี 2. ห นั ง สื อ เ รี ย นยนี และ แบ่งตวั โครโมโซมจะยดื ยาวออก สารพันธกุ รรม ละ 60 ข้ึนไป ความแตกต่างกันอยา่ งไร สว่ นประกอบดังกล่าวมีความสาคญั ตอ่ ชีววิทยาเล่ม 4ของโครโมโซม ส่ิงมชี วี ติ ในลักษณะใด ส ถ า บั น ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร คลา้ ยๆ เส้นใยเลก็ ๆ สานกันอยใู่ น 2. นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายหาคาตอบเกี่ยวกบั คาถามตามความ สอนวิทยาศาสตร์และ คิดเหน็ ของแต่ละคนเพื่อเชือ่ มโยงไปสูก่ ารเรยี นรเู้ ร่ืองการถ่ายทอด เทคโนโลยี นิวเคลียส เม่ือมกี ารแบง่ เซลล์จะมกี าร โครโมโซม ยีน และสารพนั ธุกรรม 3. อินเทอรเ์ นต็ ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration) แบง่ โครโมโซม โดยโครโมโซมจะ 1. นักเรยี นศกึ ษาลกั ษณะการถ่ายทอดโครโมโซม ยีน จากหนังสอื เรยี นชวี วิทยาเลม่ 4 ของสถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และ จาลองตวั เองข้ึนมา เป็นเสน้ คู่ที่ เทคโนโลยี 2. นักเรียนแบง่ กลุม่ 5 กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 - 5 คนโดยใช้กลวธิ กี ารสอน เหมอื นกันทุก การศกึ ษาโครโมโซมจงึ แบบเพอ่ื นชว่ ยเพอื่ นประกอบด้วย นกั เรียนท่เี รยี นเก่ง 1 คน นักเรยี นทีเ่ รยี นปานกลาง 2-3 คน และนักเรยี น ตอ้ งศกึ ษา ในระยะแบง่ เซลล์ ในขณะท่ี เซลล์ไมแ่ บ่งตวั หรอื อยใู่ นระยะอินเตอร์ เฟตเราจะไมเ่ หน็ โครโมโซมเนือ่ งจาก โครโมโซม อยใู่ นลกั ษณะเปน็ เสน้ ใย เลก็ ๆสานกนั อยู่ในนิวเคลยี สเมอ่ื เซลล์ จะแบง่ ตัวโครมาตนิ แตล่ ะเสน้ จะแบ่ง จาก1 เป็น 2 เสน้ แลว้ ขดตวั ส้ันเขา้ และหนาข้นึ จนมองเหน็ เป็นแทง่ ใน ระยะโพรเฟส และ เมทาเฟต โครโมโซมทเ่ี หน็ ไดช้ ดั ใน
ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้ินงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ระยะเมทาเฟต ประกอบด้วย โครมา ท่ีเรยี นอ่อน 1 คน ช่วยกันทางานภายในกล่มุ (ครูแบ่งกล่มุ นกั เรยี นไว้ ทนิ 2 อัน ยดึ ตดิ กนั ตรงเซนโทรเมยี ร์ ลว่ งหนา้ )ศึกษา ตามหวั ขอ้ ดงั นี้ และสารนวิ คลโี อโปรตีน ซง่ึ กค็ อื DNA 2.1 ลักษณะการถ่ายทอดโครโมโซม สายยาวสายเดยี วท่ีพนั รอบโปรตีนท่ชี อ่ื 2.2 ลักษณะการถา่ ยทอดโครโมโซม ยนี ฮีสโทน (histone) เอาไว้ ทาใหร้ ปู ร่าง 2.3 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส โครมาทนิ คล้ายลกู ปัดท่ีเรียงตอ่ ๆ กัน 2.4 การแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซสิ แลว้ มี DNA พนั รอบลูกปดั น้นั ในเซลล์ 2.5 การค้นพบสารพนั ธกุ รรม ท่วั ๆ ไป เม่ือยอ้ มสเี ซลล์ ส่วนของโคร 3. สมาชิกกลมุ่ นาขอ้ มลู ท่ีสบื ค้นไดม้ ารายงานให้เพอื่ น ๆ สมาชกิ ใน มาทนิ จะตดิ สไี ดด้ ีและมองดูคล้ายตา กลมุ่ ฟัง รวมท้งั รว่ มกันอภิปรายซกั ถามจนคาดว่าสมาชิกทกุ คนมี ขา่ งละเอียดๆ จงึ เหน็ นิวเคลียสชัดเจน ความร้คู วามเขา้ ใจทต่ี รงกันโดยครรู ่วมสงั เกตพฤติกรรมใฝ่เรียนรู้ โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมใฝ่เรียนรู้ ขน้ั อธบิ าย ( Explaination ) 1. นักเรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติ กิจกรรม 2. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอหน้าชนั้ เรียน ตาม หวั ข้อท่ีกลมุ่ ของตนเองไดร้ ับโดยครูรว่ มสังเกตพฤติกรรมทักษะ ความสามารถในการคดิ 3. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เร่ืองการถา่ ยทอดโครโมโซม ยีน และสาร พันธุกรรมนาไปสู่ข้อสรปุ ดงั น(ี้ แนวสรุป การคน้ พบสารพนั ธกุ รรม สาร พันธุกรรมคือ สารชีวโมเลกลุ (Biomolecules) ท่ีทาหน้าทเี่ ก็บ ข้อมูลรหสั สาหรับการทางานของของสิง่ มชี ีวติ ตา่ ง ๆ เอาไว้ และเมอื่ สิง่ มชี วี ติ มกี ารสืบพนั ธุ์ เช่น เซลลม์ กี ารแบง่ เซลล์ กจ็ ะมกี ารแบง่ สาร พนั ธุกรรมนไ้ี ปยังเซลล์ที่แบง่ ไปแลว้ ดว้ ย โดยยงั คงมีขอ้ มลู ครบถ้วน สิง่ มชี ีวติ สว่ นใหญแ่ ตล่ ะชนดิ ประกอบข้นึ ด้วยเพศที่
ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล แตกต่างกนั คอื เพศผแู้ ละเพศเมีย ลูกท่ีเกิดขน้ึ จะพฒั นามาจาก เซลลเ์ พศผู้ คือ สเปิรม์ (Sperm) และเซลลเ์ พศเมคี ือ เซลล์ไข่ (Egg) มารวมตัวกัน เป็นไซโกตZygote โดยกระบวนการสบื พนั ธุ์ ดงั น้นั ยีนจากพอ่ และแม่นา่ จะมี การถา่ ยส่ลู ูกด้วยกระบวนการดงั กลา่ ว ตอ่ มาเม่อื มีการคน้ พบสยี อ้ มนวิ เคลียส ในปี พ.ศ. 2423 จงึ พบวา่ ใน นิวเคลยี สมโี ครงสรา้ งท่มี ีลักษณะเปน็ เส้น เรยี กวา่ โครโมโซม สยี ้อม ดงั กล่าวทาใหน้ ักวทิ ยาศาสตรส์ ามารถตดิ ตาม การเปลยี่ นแปลงของ โครโมโซมขณะทม่ี กี ารแบ่งเซลล์ และทาให้รู้จกั การแบง่ เซลล์ใน 2 ลักษณะ คอื การแบง่ เซลลแ์ บบ ไมโทซิส (Mitosis) ซง่ึ พบว่า กระบวนการนเ้ี ซลลล์ กู ทเ่ี กดิ ข้ึนจะมโี ครโมโซมเหมอื นกนั ทัง้ หมด และการแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ (Meiosis) ทีม่ ผี ลทาให้เซลลล์ กู ที่ เกดิ ขึ้นจะมจี านวนโครโมโซมเป็นคร่ึงหนึ่งของเซลล์ เร่มิ ตน้ (haploid cell ) ขั้นขยายความรู้ ( Evaboration ) (10 นาท)ี นักเรยี นศึกษาคน้ ควา้ ความรเู้ พิม่ เติม ในหัวข้อ จโี นมของมนษุ ย์ ข้นั ประเมนิ ผล ( Evalution ) ( 5 นาท)ี 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อท่ีเรียนมาและการ ปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครู ชว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ 2. นักเรยี นสรปุ องค์ความรแู้ ละประเดน็ สาคัญท่ีไดจ้ ากการเรยี นเป็น แผนผังความคิด ลงในสมุดของนักเรียนแต่ละคน(ความเข้าใจ รายบุคคล)
การทดลอง เรอื่ งการแบ่งเซลล์ของปลายรากหอมอปุ กรณ์ 1. แผน่ สไลดแ์ ละกระจกปดิ สไลด์ 2. รากหอม 3. กระดาษชาระ 4. สารละลายแอซโี ตคารม์ นี 5. สารละลายกรดไฮโดรคลอริก 6. กลอ้ งจุลทรรศน์วิธกี ารทดลอง 1. นาปลายรากหอมทเ่ี ตรียมไวว้ างบนแผน่ สไลด์ 2 แผ่น 2. หยดน้ากล่ัน 2 หยดลงบนสไสด์แผน่ ที่ 1 แล้วปิดดว้ ยกระจกปดิ สไลด์ 3. สไลดแ์ ผน่ ที่ 2 ซบั นา้ ให้แห้งแลว้ หยดสารละลายแอซโี ตคาร์มีนลงไป 4–5 หยดนาไปลนไฟโดยเคลื่อนแผน่ สไลด์ไปมาเหนอื เปลวไฟออ่ นๆประมาณ 2–3 คร้ังตัง้ ทงิ้ ไวป้ ระมาณ 5–15 นาทีระวงั อย่าให้สารละลายแหง้ ถ้าเกือบจะแหง้ ใหห้ ยดสารละลายลงไปอีกแลว้ ปิดดว้ ยกระจกปิดสไลด์ 4. พบั กระดาษชาระเป็นแถบกว้างประมาณ 2 เซนตเิ มตรจานวน 2 แผน่ วางทาบไปบนกระจกปิดสไลดท์ ง้ั 2 แผ่น 5.ใช้นวิ้ หัวแม่มือกดลงบนกระดาษชาระท่วี างทาบอยบู่ นแผ่นกระจกปิดสไลด์ตรงบริเวณทมี่ ปี ลายรากหอมอยู่แลว้ ขย้ีใหป้ ลายรากหอมแตกกระจายท้ัง 2 แผน่ 6. ส่องดูเซลล์ปลายรากหอมท่ีอยู่บนสไลด์ท้ัง 2 แผ่นด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยใช้เลนส์ใกล้วัตถุท่ีมีกาลังขยายต่าสุดเลอื กบรเิ วณในสไลดท์ เ่ี ห็นนิวเคลยี สลกั ษณะตา่ งๆกนั แล้วจงึ ใชเ้ ลนส์ใกล้วตั ถทุ ี่มีกาลังขยายสงู จนเห็นภาพชดั เจนสงั เกตความแตกต่างระหวา่ งภาพทม่ี องเห็นจากสไลด์ที่ยอ้ มสกี บั ที่ไมย่ ้อมสี 7. วาดรูปแสดงการเปล่ียนแปลงของนิวเคลียสและโครโมโซมของปลายรากหอมอธิบายประกอบรูปที่เห็นในกล้องจุลทรรศน์ 8. เปรียบเทียบนิวเคลียสในแต่ละเซลล์ที่มองเห็นบนสไลด์กับรูปการเปล่ียนแปลงของโครโมโซมในปลายรากหอมระยะต่างๆซึง่ เปน็ รปู ท่ีนาเอานวิ เคลยี สของเซลล์มาเรียงกันเพ่ือแสดงระยะต่างๆของการแบ่งเซลล์ การเตรยี มอปุ กรณ์ต่างๆ 1. รากหอมเตรียมได้โดยการเพาะหอมแดงที่มีเปลือกสีค่อนข้างแดง (อาจใช้ หอมหัวใหญ่ก็ได้) วางบนปากขวดปากกว้างหรือปากถ้วยพลาสติกหรือถ้วยกระดาษหรือปาก บกี เกอรท์ ม่ี ีน้าอยูป่ ระมาณ 2 ใน 3 โดยวางหอมแดงใหแ้ ตะผวิ น้าเลก็ น้อยดงั รูปตง้ั ท้ิงไว้ 3 - 4 วันให้รากงอกยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตรจากน้ันตัดปลายรากหอมยาวประมาณ 0.5 เซนตเิ มตรแชใ่ นสารละลายกรดไฮโดรคลอริก 1 โมล/ลติ รเปน็ เวลาประมาณ20นาที 2. สารละลายแอซีโตคาร์มีนเตรียมได้โดยนากรดแอซีติกเข้มข้น 45 ลูกบาศก์เซนติเมตรมาผสมกับน้ากล่ัน 55 ลูกบาศก์เซนติเมตรแล้วใส่สีคาร์มีน 2 กรัมลงไปคนให้เข้ากันนาไปอุ่นให้ร้อนแต่อย่าให้เดือดทง้ิ ไว้ให้เย็นแลว้ กรองใส่ขวดไวถ้ า้ สยี งั ไม่เข้มให้ใช้เขม็ หรือเหลก็ ทเ่ี ปน็ สนมิ แกวง่ ในสารละลายแอซีโตคาร์มีน
แผนการจดั การเรียนรู้ ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง เร่อื งพนั ธุศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีทาง DNA แผนการสอนที่ 10 เรื่อง การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยที าง DNAรายวชิ าชีววิทยา 5 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผสู้ อน นางสาวจันจริ า ธนันชยั ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช้ 2 ชั่วโมง ตวั ช้ีวดั / ความรู้ ภาระงาน/ช้ินงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล3. สืบค้นขอ้ มลู ปจั จุบันมีการนาเอาเทคโนโลยีของDNA 1. ใบงานที่ 1 เร่ือง การ ผ่านระดบั ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) 1. รูปฝา้ ยบที ีอภปิ ราย และ มาใช้ในการวนิ ิจฉยั โรคทเี่ กดิ จากการตดิ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทาง คะแนนร้อย 1. ครสู นทนากับนักเรยี นเกีย่ วกบั เทคโนโลยี ชีวภาพ 2. Power Pointเร่ืองอธบิ าย เชื้อต่าง ๆ เชน่ เชอ้ื ไวรัสจากความรู้ DNA ละ 60 ขึน้ ไป โดยครนู าขา่ วเกีย่ วกับพืชหรอื สตั ว์ ที่เกิดจากการใช้ ก า ร ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ววิ ฒั นาการของ ทางพนั ธศุ าสตร์ การคน้ พบ 2. ข่าว การใช้ เทคโนโลยชี ีวภาพมาเลา่ ใหน้ ักเรยี นฟงั จากน้ันครูตั้งประเดน็ คาถาม เทคโนโลยที าง DNAสงิ่ มชี ีวิต พันธุ เครือ่ งหมายทางพนั ธุกรรมเช่ือมโยงกบั เทคโนโลยีชีวภาพในด้าน ดังนี้ 3. ห นั ง สื อ เ รี ย นศาสตรป์ ระชากร แอลลีลทีก่ อ่ โรค และลาดับนิวคลโี อไทล์ ตา่ ง ๆ - นั ก เ รี ย น เ ค ย ไ ด้ ยิ น ห รื อ อ่ า น ข่ า ว ก า ร ใ ช้ ชีววิทยาเล่ม 4 ของและการกาเนดิ สปี จึงสามารถนาไปใช้ในการตรวจ เทคโนโลยีชีวภาพกับพืชหรอื สัตวอ์ ะไรบ้าง ส ถ า บั น ส่ ง เ ส ริ ม ก า รชสี ์ วนิ จิ ฉยั โรคทางพนั ธกุ รรมก่อนจะมี - ยกตัวอย่างพืชหรือสัตว์ที่เกิดจากการใช้ สอนวิทยาศาสตร์และ อาการของโรคหรอื เป็นเพยี งพาหะ ซึง่ เทคโนโลยีชีวภาพที่นักเรียนเคยพบเห็นหรือเคยได้ยินได้ฟัง พร้อม เทคโนโลยี ทาใหส้ ามารถปอ้ งกนั การถา่ ยทอด ท้งั เล่าประสบการณ์ให้เพ่ือน ๆ ในหอ้ งฟัง 4. ใบงานที่ 1 เร่ือง ลกั ษะณะดังกล่าวไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง การ 2. ครูนารูปฝ้ายบีทีท่ีได้รับการตัดแต่งยีนด้วยวิธีพันธุ ก า ร ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ประยุกต์เทคโนโลยเี กยี่ วกบั DNA มาใช้ วิศวกรรมมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ให้ เทคโนโลยที าง DNA ในเชงิ เภสชั กรรม โดยมีการสรา้ ง นักเรียนร่วมกันตอบคาถามต่อไปน้ี ผลติ ภณั ฑ์ทางเภสัชกรรมเปน็ จานวนมาก - นักเรียนร้จู ักฝ้ายตดั แต่งยีนดว้ ยวิธีพันธุวิศวกรรม ตัวอยา่ งแรกที่ท่นี าเทคนคิ ทาง DNA มาใช้ ชนิดน้ีหรือไม่ มีคุณสมบัติอะไรบ้าง (ฝ้ายท่ีทนสภาพแห้งแล้งได้ดี ในการผลติ สารที่ใช้เชงิ เภสชั กรรมเพอื่ และดอกฝา้ ยมพี ิษต่อแมลงศตั รูพซื ) รักษาโรคเบาหวาน การประยกุ ต์ใชใ้ นเชงิ - ขั้นตอนการตัดแต่งยีนเพ่ือให้ได้คุณสมบัติตามท่ี เราต้องการสามารถทาได้โดยวิธีใดมีพืชชนิดใดอีกบ้างที่นิยมนามาตัด แต่งยีนด้วยวิธีพนั ธุวิศวกรรม (มันฝรงั่ มะละกอ มะเขอื เทศ เป็นตน้ )
ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล นติ ิวทิ ยาศาสตรโ์ ดยการใชล้ ายพมิ พ์ DNA 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การจดั การเรียนรู้ เพ่ือพิสจู นค์ วามเกยี่ วพนั ในคดอี าญาท่ี เร่ืองการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยที าง DNA รุนแรง เชน่ ฆาตกรรม ทารา้ ยรา่ งกาย ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (60นาที ) ซึ่งสามารถใชเ้ ปน็ หลักฐานสาคญั อยา่ ง หนึ่งประกอบการพิจารณาคดีศาล หรือ 1. นักเรียนศึกษาเรื่องการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทาง DNA การประยุกต์ใชใ้ นเชิงการเกษตร เพอื่ จากใบความรูห้ รือในหนังสือเรยี น ปรบั ปรงุ พันธ์ุพืช และสัตว์ให้มีลกั ษณะท่ี ดขี ึน้ เปน็ ต้น 2.นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน โดยใช้วิธีการแบ่งกลุ่มแบบความร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT (Team - Games – Tournament) โดยแทรกการแข่งขนั เขา้ มาด้วยเพ่ือให้ นักเรียนเกิดความสนุกในการเรียน โดยจัดให้คละกันท้ังเพศ และ ความสามารถ ซ่ึงทีมจะต้องช่วยกันและกัน (ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนไว้ ล่วงหน้า) ปฏบิ ัติกจิ กรรม สืบคน้ ขอ้ มลู ดงั นี้ 2.1 การประยุกตใ์ ช้ในเชิงการแพทย์ 2.2 การประยุกตใ์ ช้ในเชงิ นติ วิ ิทยาศาสตร์ 2.3 การประยกุ ตใ์ ชใ้ นเชิงการเกษตร 2.4 การใช้พันธุศาสตร์เพอื่ ศึกษาค้นควา้ หายีนและ หนา้ ที่ของยนี 2.5 ประโยชนแ์ ละโทษของการดดั แปรพันธกุ รรม 3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มวางแผนการสืบคน้ ขอ้ มลู โดยแบง่ หัวข้อย่อยให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อที่กลุ่มได้รับโดย การสืบค้นจากใบความรู้ท่ีครูเตรียมมาให้ หรือจากหนังสือ วารสาร วทิ ยาศาสตร์ และอินเทอรเ์ นต็ 4. สมาชิกกลุม่ นาข้อมูลทีส่ บื คน้ ได้มารายงานให้เพ่อื น ๆ สมาชิกในกลุ่มฟงั รวมท้งั
ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ร่วมกันอภิปรายซักถามจนคาดว่าสมาชิกทุกคนมีความรคู้ วามเข้าใจ ท่ีตรงกัน จากน้ันช่วยกันสรุปความรู้ท่ีได้ทั้งหมดเป็นงานนาเสนอ โดยใช้ใช้ Power Point พร้อมทั้งครูร่วมสังเกตทักษะมุ่งม่ันในการ ทางาน ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ ( Explaination ) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผล การปฏิบัติกิจกรรมหน้าช้ันเรียนโดยครรู ่วม วัดผล ประเมินผล ด้าน ความรู้ 2. ค รู อธิบ า ย โ ด ย ใช้ ใช้ Power Point เ รื่ อง การ ประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีทาง DNAโดยครูใช้แนวสรุปตอ่ ไปน้ี แนวสรุป เทคโนโลยีชีวภาพคือการใช้ความรู้ เก่ียวกบั สง่ิ มชี ีวติ ไดแ้ ก่ พชื สัตว์ หรือ จุลินทรีย์ มาทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพ่ือให้ได้ผลผลิตต่าง ๆ ที่ เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ในด้านต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งประโยชน์และ ผลกระทบที่เกดิ จากเทคโนโลยชี วี ภาพด้านพนั ธุวิศวกรรม ทางดา้ น ประโยชน์ คือ 1. ทาใหเ้ กดิ พันธุ์พืชทีม่ คี ณุ สมบัติตามตอ้ งการ 2. ผลผลิตเกบ็ รักษาไดน้ าน 3. ได้พนั ธพ์ุ ชื ต้านทานต่อโรค 4. ไดพ้ ันธุ์พืชท่ใี ห้ผลผลิตจานวนมาก ผลกระทบ คือ 1. ทาให้เกดิ การด้อื ตอ่ สารกาจัดวชั พชื 2. ทาให้พันธด์ุ ัง้ เดิมสญู พันธุไ์ ป ขน้ั ขยายความรู้ ( Evaboration ) ข่าวสารการใช้เทคโนโลยีชีวภาพในด้านตา่ ง ๆ จากหนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ และอินเทอร์เนต็ รวมท้ัง
ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล นาขอ้ มลู ที่คน้ คว้านามาแลกเปล่ียนเรียนรกู้ ันภายในห้องเรียน ขน้ั ประเมินผล ( Evalution ) 1. ครูประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่มและการทา แผนผังความคดิ 2. นกั เรียนทาใบงานที่ 1 เรือ่ ง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ทาง DNA
ใบงานท่ี 1 จงเลอื กคาในช่องสี่เหล่ยี มเตมิ ในชอ่ งว่างจีเอม็ โอ เทคโนโลยชี ีวภาพ จีโนมการโคลนน่ิง พนั ธุกรรม ยนี1......................... ส่วนหนงึ่ ของโครโมโซม (Chromosome segment) หรอื ส่วนหนึ่งของสายดีเอน็ เอ (DNA segment) ที่ สามารถถอดรหสั ได้2........................ คอื ข้อมลู ทางพนั ธุกรรมทงั้ หมดที่จาเปน็ ใชใ้ นการสรา้ งและจาเปน็ ตอ่ การดารงชีวติ อย่างปกตขิ องสงิ่ มีชีวติ ชนิดใดชนดิ หนึ่ง3…………………… เปน็ กระบวนการสร้างส่งิ มีชวี ติ ให้มลี กั ษณะทางกายภาพและพนั ธุกรรมเหมือนกนั แตจ่ ะใชเ้ ซลล์สืบพนั ธ์ุเพศผู้ (อสุจิ) และเพศเมีย (ไข่) มาผสมกันแต่จะใช้เซลลจ์ ากสัตวท์ ่ีเราจะทาการโคลนน่ิงมาใช้เปน็ เซลลต์ ้นแบบแทน ทาใหล้ ูกท่ีไดม้ ลี กั ษณะของเพศและพันธุ์เหมือนกัน4…………………… หมายถึง การถ่ายทอดลกั ษณะตา่ งๆ ของส่ิงมชี วี ิตจากร่นุ หน่งึ ไปส่อู ีกร่นุ หน่งึ5…………………… คือ เทคโนโลยีซึ่งนาเอาความรู้ทางด้านวทิ ยาศาสตรป์ ระยกุ ต์ใช้กับสิ่งมชี วี ิต หรือชิ้นส่วนของสิ่งมชี วี ิต หรอื ผลิตผลของส่งิ มชี ีวิต เพือ่ เปน็ ประโยชน์ต่อมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการผลิตหรือกระบวนการ ของสนิ ค้าหรือบริการ เพ่อื ใช้ประโยชนเ์ ฉพาะอยา่ งตามทเ่ี ราต้องการ6………..………… เปน็ ประโยชนใ์ นแงก่ ารปรับปรุงพันธส์ุ ัตวไ์ ด้เรว็ ขนึ้7………..………… เป็นสง่ิ ท่ีทาใหค้ นเรามีลักษณะตา่ งๆแตกต่างกนั ไป8…………………… ก็จะมหี นา้ ท่ีควบคุมลักษณะทางพนั ธุกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง ยีนและโครโมโซม แผนการสอนท่ี 11 เรือ่ ง โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมขี อง DNAรายวิชาชีววิทยา 5 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 รหสั วิชา ว 33203 ครูผสู้ อน นางสาวจนั จิรา ธนนั ชยั ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช้ 2 ชั่วโมง ตัวชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ช้ินงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล1. สืบคน้ ข้อมูล DNA เป็นสารพันธกุ รรมของสาร 1. งานเป็นงานนาเสนอ ผา่ นระดับ ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. วี ดี โอ เรื่ องก า รและอธิบาย สิง่ มชี ีวิต และบางสว่ นของ DNA ทา โครงสรา้ งและองค์ประ คะแนนร้อยเก่ียวกับการ หนา้ ทเี่ ปน็ ยีน คือสามารถควบคมุ บอบทางเคมีของ DNA ละ 60 ขึน้ ไป 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับโครงสร้าง DNA และ สังเคราะห์ DNA และถ่ายทอดลักษณะ ลักษณะทางพันธกุ รรมของสงิ่ มชี ีวติ ได้ 2. แผนผังความคดิ เร่อื งทางพันธุกรรม DNA เปน็ กรดนวิ คลีอกิ ชนดิ หนึง่ ซงึ่ สมบตั ขิ องสารพันธกุ รรม DNAที่ควบคมุ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ก า ร ส ร้ า ง ร หั สยีน และ เปน็ พอลิเมอร์ (polymer) สายยาวโครโมโซม ประกอบดว้ ยหน่วยย่อยหรอื มอนอ 2. นักเรยี นดรู ปู การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ และการแบ่ง พนั ธุกรรม เมอร์(monomer) ที่เรียกว่านิวคลีโอ ไทดซ์ ึ่งแตล่ ะคลนี วิ โอไทดป์ ระกอบดว้ ย เซลล์แบบไมโอซสิ โดยครูใชค้ าถามกระตุ้นดังน้ี 2. รูปการแบ่งเซลล์ นา้ ตาลเพนโทสซ่ึงมคี าร์บอน 5 อะตอม ไนโตรจนี สั เบส (nitrogenous - นักเรียนคิดว่ารปู การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ และ แบบไมโทซิส และการ base) เปน็ โครงสร้างประกอบด้วยวง แหวนท่มี ีอะตอมของคาร์บอนและ การแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส เกยี่ วข้องอย่างไรตอ่ การเรียนในคร้งั นี้ แบ่งเซลล์แบบไมโอซิส ไนโตรเจนแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื เบสพิวรนี (purine) และ เบสไพรมิ ดิ ีน - นักเรียนคิดว่า การแบ่งเซลล์ของ DNA จะมีการ 3. ห นั ง สื อ เ รี ย น (pyrimidine) และหม่ฟู อสเฟต โครงสรา้ งของเบสและนา้ ตาลที่ แบ่งเซลล์แบบไมโทซิส และการแบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ ชีววิทยาเล่ม 4 ของ 3. นักเรียนร่วมกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น สถาบันส่งเสริมการ เกี่ยวกับคาตอบของคาถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องสมบตั ิ สอนวิทยาศาสตร์และ ของสารพันธกุ รรม เทคโนโลยี 4. อินเตอร์เน็ต ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration) 1. ให้นักเรียนศึกษาสมบัติของสารพันธุกรรมจาก ห้องสมุดหรอื ในหนังสอื เรียน 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คนโดยใช้ กลวธิ กี ารสอนแบบเพ่ือนช่วยเพื่อนประกอบดว้ ย
ตวั ชว้ี ดั / ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ผลการเรยี นรู้ เป็นองค์ประกอบของกรดนิวคลีอิก ประเมนิ ผล นักเรียนท่ีเรียนเก่ง 1 คน นักเรียนที่เรียนปานกลาง 2-3 คน และ นักเรียนท่ีเรียนอ่อน 1 คน ช่วยกันทางานภายในกลุ่ม(ครูแบ่งกลุ่ม นกั เรยี นไว้ลว่ งหนา้ )โดยมีหัวขอ้ งานดงั น้ี 2.1 การสงั เคราะห์ DNA 2.2 DNA กบั การสังเคราะห์โปรตนี 2.3 DNA กับการควบคุมลักษณะทางพนั ธกุ รรม 2.4 การสงั เคราะห์โปรตนี ท่ีไรโบโซม 2.5 รหัสพันธุกรรม 3. นักเรียนร่วมกันทางานกลุ่ม โดยสรุปงานเป็นงาน นาเสนอ(Power Point) พร้อมทัง้ ครรู ่วมสังเกตทักษะความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยี และทักษะกระบวนการกลมุ่ ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป ( Explaination ) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอ หน้า ช้ันเรียนตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองได้รับ พร้อมครูร่วมสังเกต พฤตกิ รรมใฝ่เรยี นรู้ 2. ครูอธิบายเพิ่มเติม โดยใช้ Pawerpointเร่ือง สมบัติ ของสารพันธกุ รรม 3. นักเรียนดู วีดีโอ เรื่อง การสังเคราะห์ DNA และการ สรา้ งรหสั พันธกุ รรม ขนั้ ขยายความรู้ ( Evaboration ) (10 นาท)ี 1. นกั เรยี นคน้ คว้าบทความหรือคาศัพท์ภาษาอังกฤษ เก่ียวกบั เรอื่ งสมบัติของสารพันธุกรรมจาก
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล หนังสอื เรียนหรืออินเทอรเ์ น็ต รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงในสมดุ 2. นักเรียนร่วมกันหาความหมาย คาว่า มิวเทชัน เพ่ือ นาไปสูก่ ารเรยี นครง้ั ตอ่ ไป ข้ันประเมินผล ( Evalution ) (10 นาท)ี 1. นักเรียนสรุปเรื่องที่เรียนมาโดยร่วมกันเขียนเป็น แผนผังความคิดหรือผังมโนทัศน์เรื่องสมบัติของสารพันธุกรรมเพื่อ วัดและประเมินผลทางดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจ 2. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อท่ีเรียน มาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อ สงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ให้นกั เรยี นเข้าใจ
แบบฝึกหัด เรอ่ื ง สมบัตขิ องสารพันธุกรรมช่ือ – สกลุ .....................................................................................................................ชั้น.........เลขที่.........คาสง่ั ใหน้ กั เรยี นเขยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. การที่ DNA จะเปน็ สารพันธกุ รรมได้น้ัน จะต้องมีสมบัติอย่างไรบา้ ง 2. การสงั เคราะห์ DNA มีข้ันตอนอย่างไรบา้ ง 3. ในการสงั เคราะห์ RNA โดยใช้ DNA สายหนง่ึ เป็นแม่พมิ พ์ มีลาดับเบสดงั ตอ่ ไปนี้ 3' T A C G G C A T A T C G A 5' จงเขยี นลาดับเบสของ RNA ท่สี ังเคราะห์ไดโ้ ดยเร่มิ จากปลาย 5' ไปยังปลาย 3' 4. ถา้ รหสั พนั ธุกรรมประกอบดว้ ยนิวคลีโอไทด์ตอ่ ไปนี้ GCC AAU CUU UGG ลาดับกรดอะมิโนเป็นอยา่ งไร 5. พอลิเพปไทดส์ ายหน่ึงมีลาดับกรดอะมิโนดังนี้ Met-Pro-Lys-Val จงบอกลาดับเบสที่อาจเป็นไปได้ของ mRNA ท่ีสร้างพอลิเพปไทด์สายนี้
แผนการจดั การเรยี นรู้ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง ยีนและโครโมโซม แผนการสอนที่ 12 เร่อื ง พนั ธุวิศวกรรม รายวชิ าชีววิทยา 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 รหัสวิชา ว 33203 ครผู ูส้ อน นางสาวจันจริ า ธนันชัย ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ช่ัวโมง ตวั ชว้ี ดั / ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวดั และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมินผล3. สืบค้นข้อมลู เทคโนโลยชี ีวภาพ หมายถงึ พันธุ 1. ใบงานที่ 1 เรือ่ งไข ผา่ นระดบั ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. ใบงานที่ 1 เร่ืองไขอภปิ ราย และ วิศวกรรมหรอื การตัดแต่งยีน คอื การ ความลับ ตดั ตอ่ พันธกุ รรม คะแนนรอ้ ย 1. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง พันธุศาสตร์และ ค ว า ม ลั บ ตั ด ต่ ออธิบาย ใชเ้ ทคนิคต่าง ๆ เพ่ือนายีนจาก 2. ใ บ ง า น ท่ี 2 เ รื่ อ งไ ข ละ 60 ข้ึนไป เทคโนโลยีทาง DNA พนั ธุกรรมววิ ฒั นาการของ สงิ่ มชี ีวิตหนึ่งไปถา่ ยฝากให้กับสง่ิ มชี วี ิต ความลบั กับปลาเรอื งแสง 2. ครูนาข่าว วิทยาศาสตร์และสังคม เร่ือง พันธุศาสตร์และ 2.ใบงานที่ 2 เร่อื งไขส่งิ มีชีวิต พนั ธุ อ่ืน ทาใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงต่างไป เทคโนโลยที าง DNA ความลบั กบั ปลาเรืองศาสตร์ประชากร จากพนั ธุ์ท่ีมีในธรรมชาตโิ ดยมี 3. นกั เรยี นศกึ ษาขา่ วทคี่ รูนาเสนอ แสงและการกาเนิดสปี ประโยชน์ในการเพิ่มผลผลติ โปรตนี ที่ 4. ครูนาเสนอตัวอย่างภาพสิ่งมีชีวิตท่ีตัดต่อพันธุกรรมเช่น ปลาม้า 3. Power Point เรือ่ งชีส์ สาคัญและหายาก เช่น ฮอรโ์ มน ลายเรืองแสงGrapple (การผสมระหว่างระหว่างแอปเปิ้ลและองุ่น) พันธวุ ิศวกรรม อินซูลิน วัคซีนคุ้มกันโรคตับอกั เสบ Lemurat (ส่ิงมีชีวิตที่ผสมลักษณะระหว่างพวกลิงและแมว) Tiny ชนดิ บี วัคซนี คุ้มกนั โรคปากเทา้ เปอื่ ย Piney (สน ขนาดเลก็ โตเตม็ ทส่ี งู เพียง 2 เซนติเมตร) ต่าง ๆ ในการปรับปรงุ พันธุข์ องจุลทิ รยี ์ 5. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การจดั การเรยี นรู้ ท่ใี ช้ในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น เร่อื งพนั ธวุ ศิ วกรรม การผลติ ยาปฏชิ ีวนะ การหมัก การ ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) กาจัดศตั รพู ืชและ การตรวจและแกไ้ ข 1. นักเรียนศึกษาเร่ืองพันธุวิศวกรรมจากใบความรู้หรือในหนังสือ ความบกพร่องทางพันธกุ รรมของ เรยี น มนุษย์ พืช และสัตวด์ ว้ ยวธิ ที ี่แม่นยา 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คนโดยใช้กลวิธีการสอน และรวดเรว็ ย่งิ ขึน้ เช่น โรคเบาหวาน แบบเพอ่ื นช่วยเพ่ือนประกอบดว้ ย นักเรียนท่ีเรียนเกง่ 1 คน นักเรียนที่ โรค เรียนปานกลาง 2-3 คน และนักเรียนท่ีเรยี นอ่อน 1 คน ช่วยกันทางาน ภายในกลุ่ม
ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมินผล โลหติ จาง โรคธาลสั ซีเมีย ปญั ญาออ่ น (ครูแบง่ กลมุ่ นกั เรยี นไว้ลว่ งหนา้ ) ปฏิบัตกิ จิ กรรม สบื ค้นขอ้ มลู ดงั น้ี และยีนเกดิ มะเร็ง 2.1 เทคโนโลยีชวี ภาพ 2.2 เอนไซมต์ ดั จาเพาะ 2.3 การเช่ือมต่อสาย DNA 2.4 การโคลนยีน 2.5 ประโยชนแ์ ละโทษของเทคโนโลยชี ีวภาพ 3. นาข้อมูลที่ได้ในแต่ละกลุ่มมาสรุปและอภิปราย ร่วมกนั ในช้ันเรยี น 4. นักเรียนทา ใบงานท่ี 1 เรื่องไขความลับตัดต่อ พนั ธุกรรม ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป ( Explaination ) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการ ป ฏิ บั ติ กิ จ ก ร ร ม ห น้ า ช้ั น เ รี ย น พ ร้ อ ม ทั้ ง ค รู สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม ก า ร นาเสนอ 2. ครูอธิบาย โดยใช้ ใช้ Power Point เรื่องพันธุ วศิ วกรรมโดยครใู ชแ้ นวสรปุ ตอ่ ไปนี้ (แนวสรุป พันธุวิศวกรรมหรือการตัดแต่งยีน คือ การใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อนายีนจากสิ่งมีชีวิตหน่ึงไปถ่ายฝากให้กับ สิ่งมีชีวิตอ่ืน ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงต่างไปจากพันธ์ุที่มีใน ธรรมชาติ เช่น การเพิ่มผลผลิตโปรตีนท่ีสาคัญและหายาก เช่น ฮอร์โมนอินซูลิน วัคซีนคุ้มกันโรคตับอักเสบชนิดบี วัคซีนคุ้มกันโรค ปากเท้าเปื่อยต่าง ๆ การปรับปรุงพันธุ์ของจุลิทรีย์ท่ีใช้ใน อุตสาหกรรมบาง
ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหล่งเรียนรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล ประเภท เช่น การผลิตยาปฏิชีวนะ การหมัก การตรวจและแก้ไข ความบกพร่องทางพันธุกรรมของมนุษย์ พืช และสัตว์ด้วยวิธีที่ แม่นยาและรวดเรว็ ยง่ิ ขึน้ เช่น โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง โรคธาลสั ซีเมีย ปัญญาอ่อน และยีนเกิดมะเร็ง และการปรับปรุงพันธุของ สัตว์ เช่น การนายีนจากปลาใหญ่มาใส่ในปลาเล็ก แล้วทาให้ปลา เลก็ ตัวโตเร็วขน้ึ มีคุณค่าทางอาหารดีขนึ้ เปน็ ตน้ ) 3. นักเรียนทา ใบงานท่ี 2 เรื่องไขความลับกับปลาเรอื ง แสง ขน้ั ขยายความรู้ ( Evaboration ) (20 นาที) นักเรียนเขียนสะท้อนความคิด นาความรู้เร่ือง เทคโนโลยีชีวภาพไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและ สิ่งแวดล้อม ไดอ้ ยา่ งไร ขน้ั ประเมินผล ( Evalution ) (50 นาที) 1. นกั เรยี นทา ใบงานที่ 3 เร่ืองดาวเรอื งกลนิ่ กุหลาบ 2. นกั เรยี นร่วมตรวจใบงานที่ 1 เรอ่ื งไขความลับ ตดั ตอ่ พนั ธกุ รรมใบงานที่ 2 เรื่องไขความลบั กับปลาเรอื งแสง 4. นักเรียนเชื่อมโยงความรู้เรือ่ งพันธุวิศวกรรมกับ DNA ทีก่ าหนดลักษณะของสิง่ มีชวี ติ ความเหมือนหรอื แตกต่างของการกลายพันธแุ์ ละพันธวุ ศิ วกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ยนี และโครโมโซม แผนการสอนท่ี 13 เร่อื ง การกลาย (Mutation)รายวชิ าชีววิทยา 5 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผู้สอน นางสาวจันจิรา ธนนั ชัย ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใี่ ช้ 1 ชั่วโมง ตัวชว้ี ดั / ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผล1. สืบค้น มิวเทชนั (mutation) หรือ การ 1. Power Point เร่ือง ผ่านระดบั ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) ( 5 นาที ) 1. รูป สัตว์ผิวเผือกขอ้ มูลและ กลายพนั ธห์ุ มายถึงการ การกลาย (Mutation) คะแนนร้อย 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการกลายโดย และ คนผวิ เผือกอธบิ ายเกี่ยวกบั เปลยี่ นแปลงลักษณะพนั ธุกรรม 2. ใบงานที่ 1 เร่ือง ละ 60 ขึ้น 2. ห นั ง สื อ เ รี ย นการถา่ ยทอด และลักษณะทีเ่ ปล่ียนแปลง สามารถ การกลาย (Mutation) ไป ยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่เกิดการกลาย เช่น ช้างเผือกหรือควาย ชีววิทยาเล่ม 4 ของลักษณะทาง จะถา่ ยทอดจากชวั่ อายหุ นงึ่ ได้ แบง่ เผือก จากน้ันครูตง้ั ประเดน็ คาถามดังน้ี สถาบันส่งเสริมการพนั ธกุ รรม ยนี ออกเปน็ 2 ระดับ คอื มวิ เทชนั ระดับ สอนวิทยาศาสตร์และโครโมโซม โครโมโซม (chromosome - นักเรียนเคยเห็นสัตว์ท่ีมีลักษณะดังกล่าวนี้ และเทคโนโลยี mutation) และมวิ เทชนั ระดบั ยนี หรือไม่ 3. ใบงานท่ี 1 เร่ือง (gene mutation หรือ point การกลาย mutation) มวิ เทชันระดบั - นอกจากสตั วเ์ หล่าน้ีแลว้ ยังมีส่งิ มชี ีวติ อ่นื ที่ (Mutation) โครโมโซม (chromosome มลี ักษณะเชน่ นอี้ กี หรือไม่ ยกตัวอยา่ ง 4. อนิ เตอรเ์ นต็ mutation) คือการกลายพนั ธุ์ที่ เกดิ จากการเปลีย่ นแปลง 2. ครูนารูปบุคคลท่ีมีลักษณะผิวเผือก มาให้ โครโมโซม อาจจะเป็นการ นักเรียนดู จากนัน้ ครูต้งั ประเดน็ คาถามดงั นี้ เปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งของ โครโมโซมหรอื การเปลย่ี นแปลง - นักเรียนเคยเห็น หรือมีเพ่ือนท่ีมีลักษณะ จานวน โครโมโซม มวิ เทชนั ดงั รปู นี้หรือไม่ ระดบั ยีน (gene mutation หรือ - ลักษณะดงั กล่าวเกิดจากสาเหตใุ ด 3. นักเรียนร่วมกันตอบคาถามและแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับคาตอบของคาถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรเู้ รือ่ ง การกลาย (Mutation) ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) ( 55 นาที )
point mutation) คือการ 1. ให้นักเรียนศึกษาการกลาย (Mutation) จากเปล่ยี นแปลงจากยีนหนึง่ ไปเป็น ใบความรูห้ รอื ในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธบิ ายให้นักเรียนอีกยีนหนึ่งซ่ึงปน็ ผลจากการ เข้าใจว่า การกลาย คือ การแปรผันของหน่วยพันธุกรรมท่ีเปล่ียนแปลงนวิ คลีโอไทด์ใน ทาใหส้ ่ิงมชี วี ติ รนุ่ ลูกรุ่นหลานมีลักษณะผดิ แผกไปจากพ่อแม่โมเลกลุ ของดีเอน็ เอ ซึง่ มีทัง้ ประโยชน์และโทษต่อสิง่ มชี ีวติ 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คน โดยใช้กลวิธีการสอนแบบเพ่ือนช่วยเพ่ือนประกอบด้วย นักเรียนที่เรียนเก่ง 1 คน นักเรียนท่ีเรียนปานกลาง 2-3 คน และนักเรียนที่เรียนอ่อน 1 คน ช่วยกันทางานภายในกลุ่ม (ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนไว้ล่วงหน้า) ปฏิบัติกิจกรรม สืบค้น ข้อมูลประโยชน์และโทษของการกลาย โดยครูให้แนว คาถาม ดังน้ี 1. ระดบั การเกิดมิวเทชัน 2. มวิ เทชันของโครมโมโซม 3. ปัจจยั การเกิดมวิ เทชนั 4. ประเภทมิวเทชนั 5. กรเพ่ิมขึ้นหรือการขาดหายของนิวคลีโอ ไทป์ 6. กลุ่มอาการที่เกิดจากการเปล่ียนแปลง จานวนโครโมโซม นาข้อมูลที่ได้ในแต่ละกลุ่มมาสรุปและอภิปราย ร่วมกันในชั้นเรียน โดยใช้ รูปแบบงานเป็นงานนาเสนอ (Power Point) พร้อมทั้งครูร่วมสังเกตพฤติกรรม มุ่งม่ันใน การทางาน และรว่ มสงั เกตทักษะในการใช้เทคโนโลยี
ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป ( Explaination ) (100 นาที) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหนา้ ชนั้ เรียนพ ร้ อ ม ท้ั ง ค รู สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม ทั ก ษ ะ ก า ร จั ด ท า แ ล ะ ส่ื อความหมายขอ้ มลู 2. ครูอธิบาย โดยใช้ใช้ Power Point เรื่องการกลาย (Mutation)โดยครใู ชแ้ นวสรุปตอ่ ไปน้ี (แนวสรุป การกลาย (Mutation) คือ การเปลี่ยนแปลงของยีนกลายเป็นยีนใหม่ที่มีสมบัติผิดไปจากเดิม การกลายในสิ่งมีชีวิตเกิดจากสาเหตุ 2 ปัจจัยคือ 1.เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ 2. เกิดข้ึนโดยวิธีการชักนา ซ่ึงผลจากการกลายในพืชสามารถนามาใช้ประโยชน์ในด้านเช่น การนาขา้ วเจ้าพนั ธุ์ขาวดอกมะลิมาอาบรังสีแกมมา ทาให้ได้ข้าวพันธ์ุกข.6 ซ่ึงเป็นข้าวเหนียว เป็นต้น จึงถือว่า ว่าการกลายเป็นกลไกสาคัญที่ทาให้เกิดการแปรผันทางพนั ธุกรรม)ข้ันขยายความรู้ ( Evaboration ) ( 10 นาที ) 1. นักเรียนค้นคว้าบทคว ามหรือ ค า ศั พ ท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ เร่ืองการกลาย (Mutation) จากหนังสือเรียน หรืออินเทอร์เน็ต รวบรวมคาศัพท์และคาแปลลงในสมดุ
2. นักเรียนสืบค้นข้อมูล การเกิดมิวเทชันในประเทศไทย สรุปลงในสมดุ ของตัวเองข้ันประเมินผล ( Evalution ) ( 10 นาที ) 1. นักเรียนทาใบงานที่ 1 เรื่อง การกลาย(Mutation) พร้อมทั้งครูร่วมสังเกตพฤติกรรม มุ่งมั่นในการทางาน 2. นักเรยี นและครูร่วมตรวจใบงานที่ 1 เร่ือง การกลาย (Mutation) พรอ้ มทงั้ ครวู ัดผลประเมนิ ผลด้านความรู้ความเข้าใจ
แผนการจัดการเรยี นรู้ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เร่อื ง เรอื่ งพนั ธุศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีทาง DNA แผนการสอนท่ี 14 เร่อื ง ความปลอดภัยของเทคโนโลยีทาง DNA และจริยธรรมทาง DNA รายวิชาชีววิทยา 5 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 รหัสวิชา ว 33203 ครูผูส้ อน นางสาวจนั จริ า ธนันชยั ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ช่ัวโมง ตัวช้ีวดั / ความรู้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล ผ่านระดับ2. กระบวนการ เนือ่ งจากด้วยเทคโนโลยีของการ ใบงานท่ี 1 เร่อื ง คะแนนร้อย ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) ( 5 นาที ) 1. รูปแกะตัดแต่ง ละ 60 ขนึ้ทางพนั ธุ สร้าง DNA สายผสม และการ จริยธรรมตัดแต่งยนี ไป 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกีย่ วกบั ยีนดว้ ยวธิ ีพันธุวศิ วกรรม และ สร้างส่ิงมีชีวติ ดดั แปลงพนั ธกุ รรม ด้วยวิธีพันธุวศิ วกรรม เทคโนโลยีชวี ภาพ ในชีวติ ประจาวัน จากนน้ั ครูตั้งประเด็น วิศวกรรมเทคโนโลยี เป็นเทคโนโลยที ี่มปี ระสทิ ธิภาพ คาถามดังน้ี 2. Power PointDNA และ และมคี วามก้าวหนา้ อย่างรวดเร็ว - นักเรียนเคยได้ยินข่าวการโคลนนิงมนุษย์ เรอื่ งความปลอดภยัตระหนักถึง เกิดการศึกษาทางชีววิทยาอยา่ ง หรือไม่ ของเทคโนโลยที างประโยชน์และ กว้างขวางพร้อมๆ กับสายพันธุ์ - เ ร า ส า ม า ร ถ ส ร้ า ง สิ่ ง มี ชี วิ ต ดั ด แ ป ร DNA จริยธรรมทางผลกระทบที่ สง่ิ มชี วี ิตใหม่เกดขนึ้ อยา่ งมากมาย พันธุกรรมไดท้ ุกชนดิ หรอื ไม่ DNAเกดิ จากการ บนโลกอย่างทีไ่ ม่เคยมี 2. ครูนารูปการโคลนนงิ แกะมาใหน้ กั เรียนดู แลว้ 3. ห นั ง สื อ เ รี ย นพัฒนา มาก่อน ทาให้สงั คมเรม่ิ ตระหนัก ให้นกั เรยี นรว่ มกันตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ชีววิทยาเล่ม 4 ของเทคโนโลยีทาง และหวัน่ เกรงผลเสยี ท่อี าจ - นักเรียนรู้จักแกะตัดแต่งยีนด้วยวิธีพันธุ สถาบันส่งเสริมการDNA เน่อื งมาจากเทคโนโลยีนี้ เพราะ วศิ วกรรมชนดิ นหี้ รอื ไม่ มีคุณสมบัติอะไรบ้าง สอนวิทยาศาสตร์ จากบทเรียนทมี่ นุษยไ์ ดร้ บั จาก - ขั้นตอนการตัดแต่งยีนเพ่ือให้ได้คุณสมบัติ และเทคโนโลยี เทคโนโลยีตา่ ง ๆ ท่มี นุษย์ ตามท่ีเราต้องการสามารถทาได้โดยวิธีใดมีสัตว์ชนิดใดอีก 4. ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง สร้างสรรคข์ น้ึ มักมผี ลกระทบอ่นื ๆ บ้างท่ีนยิ มนามาตัดแตง่ ยีนดว้ ยวิธีพนั ธวุ ิศวกรรม จริยธรรมตัดแต่งยนี ตามมาภายหลงั ไม่วา่ เปน็ บทเรียน 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบ เพ่ือเช่ือมโยง ดว้ ยวิธพี ันธุ ทไ่ี ด้จากการปฏิวัตอิ ุตสาหกรรม ไปสู่การจัดการเรียนรู้ เร่ืองการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทาง วิศวกรรม มาจนถึงการปฏิวตั ิทาง DNA
เกษตรกรรม ทส่ี ่งเสรมิ ให้มีการ ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที )ปลูกพชื เชงิ เดย่ี วเพราะการปฏิวตั ิ 1. นักเรียนศึกษา เร่ืองความปลอดภัยของดงั กล่าวสง่ ผลการเปลยี่ นแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างมากมาย ใน เทคโนโลยีทาง DNA จริยธรรมทาง DNAจากใบความรู้เวลาต่อมานน้ั ในการทดลองวิจัย หนังสือเรียน ห้องสดุ หรือ อินเทอร์เนต็ในหอ้ งปฏบิ ตั ิการจึงตอ้ งการควบคุม และมีระบบการกาจัด 2. นกั เรยี น สบื คน้ ข้อมูล เรื่องความปลอดภัยของส่งิ มีชวี ติ ดดั แปลงพันธุทุกชนดิ มิ เทคโนโลยีทาง DNA จริยธรรมทาง DNA นามาสรุปลงในให้เลด็ ลอดออกไปจาก สมุดของตนเองหอ้ งปฏบิ ตั ิการวิจยั ซึง่ เป็น ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป ( Explaination ) (40 นาที )จรรยาบรรณของนกั วจิ ัยท่ีพึงปฏบิ ัตแิ ละศูนย์พันธุวศิ วกรรม 1. ครูสุ่มนักเรียน 6 - 7 คน ออกมานาเสนอผลและเทคโนโลยีชีวภาพ หรอื ไบโอ การปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน โดยครูร่วม วัดผลเทค (BIOTEC) ได้ออกระเบียบ ประเมินผล ด้านความรู้ของปฏบิ ัตงิ านวิจยั ทางดา้ นน้ี 2. ครอู ธิบาย โดยใช้ใช้ Power Point เรอ่ื งความ ปลอดภัยของเทคโนโลยีทาง DNA จริยธรรมทาง DNA โดย ครใู ช้แนวสรปุ ตอ่ ไปน้ี (แนวสรปุ เทคโนโลยี DNA เปน็ เทคโนโลยี ใหม่ที่พัฒนาและกา้ วหนา้ อย่างรวดเร็วสร้างประโยชนต์ ่อ โลกอยา่ งมากมาย แต่กม็ ีผลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ เช่นพืช GMO อาจทาใหเ้ กิดลักษณะบางประการที่ ควบคุมไมไ่ ด้ เชน่ ตา้ นทานโรค ต้านทานแมลงและเปน็ พษิ ตอ่ สตั ว์ทอี่ ยู่ในโซ่อาหาร อย่างไรก็ตามการเจริญของ เทคโนโลยี DNA ก็มีความจาเป็นท่จี ะต้องควบคุมดว้ ย กฎหมาย จรยิ ธรรม และต้องคานงึ ถงึ ความปลอดภัยของ โลก รวมไปถึงทุกชวี ติ บนโลกต้องอยู่รว่ มกนั อย่างปกติสุข)
ขัน้ ขยายความรู้ ( Evaboration ) (5 นาที ) นักเรียนค้นคว้าเพ่ิมเติมในเรื่องของ กฎหมายและจริยธรรมของเทคโนโลยี DNA ในการดัดแปลงพันธุกรรมของสิ่งมชี วี ติขั้นประเมินผล ( Evalution ) (30 นาที ) 1. นักเรียนทาใบงานท่ี 1 เรื่อง จริยธรรมตัดแต่งยนี ด้วยวธิ พี ันธวุ ิศวกรรม 2. นักเรียนและครูร่วมตรวจ ใบงานที่ 1 เร่ืองจริยธรรมตดั แต่งยีนด้วยวิธีพันธวุ ศิ วกรรมพร้อมทั้งครูร่วมสังเกตทกั ษะการม่งุ ม่ันในการทางาน 3. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง พันธุศาสตร์และเทคโนโลยที าง DNA
ใบงาน เรื่อง ชีวจริยธรรม 1.สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรวจิ ยั แห่งชำติ ไดก้ ำหนดจรรยำบรรณกำรใชส้ ตั วเ์ พือ่ งำนวจิ ยั งำนสอน งำนทดสอบและงำนผลิตชีววตั ถุไว้ มีก่ีขอ้ และมีอะไรบำ้ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.กำรโคลนหรือกำรโคลนน่ิง หมำยถึงอะไร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.ประโยชนข์ องกำรโคลน………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: