Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore research

research

Published by Jiab Chanchira, 2018-09-16 03:15:51

Description: research

Keywords: วิจัย

Search

Read the Text Version

วจิ ยั ในชัน้ เรียน การเพ่ิมผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เร่ือง การแกโ้ จทย์ปัญหาพนั ธุศาสตร์ของเมนเดล วชิ าชวี วทิ ยา 5 ดว้ ยตารางพันเนตตข์ องนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 รายวชิ า รายวชิ าชีววิทยาเพิ่มเตมิ 5 รหสั วชิ า ว 33203 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ จัดทาโดย นางสาวจนั จริ า ธนนั ชัย ตาแหน่ง พนกั งานราชการ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ตาบลช่างเคิง่ อาเภอแมแ่ จม่ จังหวัดเชียงใหม่ สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สานกั งานการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

วิจัยในชัน้ เรยี นชื่อเรือ่ ง การเพิ่มผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เรื่อง การแก้โจทย์ปญั หาพันธศุ าสตร์ของเมนเดล วิชาชวี วิทยา 5 ด้วยตารางพันเนตต์ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6/1 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31๑.ชื่อผู้วิจยั นางสาวจนั จริ า ธนันชยั๒.โรงเรยี น ราชประชานเุ คราะห์ 31๓. รายวชิ าชวี วิทยา 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์๔.ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ผู้วจิ ัยไดร้ ับมอบหมายจากโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาชวี วิทยา 5สาหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 แผนการเรียนเน้นวทิ ยาศาสตร์ ในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 จากการทดสอบระหว่างเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 จานวน 21 ราย พบว่า นักเรียนไม่สามารถเขียน genotype ของเซลลส์ บื พนั ธไ์ุ ด้จานวน 15 ราย คิดเป็นรอ้ ยละ 71.43 และเขียน genotype ของเซลล์สืบพันธ์ไุ ดบ้ า้ งแต่ไม่ถกู ต้องท้ังหมด 6 ราย คิดเป็น 28.57 การเขียน genotype ของเซลล์สืบพันธ์ุเป็นพ้ืนฐานสาคัญของการแก้โจทย์ปัญหาพันธุศาสตร์ของเมนเดลและพันธุศาสตร์ท่ีนอกเหนือจากพันธุศาสตร์ของเมนเดล เช่น การข่มอย่างไม่สมบูรณ์ การแสดงออกร่วมกันของยนี ตารางพันเนตต์ (Punnett square) เป็นตารางช่วยทานายผลที่ได้จากการทดลองการผสมพันธุ์ ตั้งช่ือตาม Reginald CrundallPunnett ผู้คิดวิธีนี้ นักชีววิทยาใช้ตารางนี้ในการหาโอกาสท่ีรุ่นลูกจะมี genotypeแบบตา่ ง ๆ ได้ ดงั ภาพที่ 1 ภาพท่ี 1 ตารางพันเนตต์ แสดง genotype ของถั่วลันเตาร่นุ ลกู ท่เี กิดจาก ถ่วั ลนั เตาผกั สีเขียว (yy)ผสมกับถั่วลันเตาฝกั สเี หลือง (Yy) ผู้วิจัยมีความสนใจนาตารางพันเนตต์มาทดลองใช้ในการแก้ปัญหานักเรียนเขียน genotype ของเซลล์สืบพันธ์ุในการแก้โจทย์ปัญหาพันธุศาสตร์ของเมนเดล เพ่ือเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาชีววิทยา 5 ของนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 6/1 ทีม่ ีผลการทดสอบไม่ผา่ นเกณฑท์ ัง้ 15 ราย

๕.คำถามการวิจยั ตารางพันเนตต์สามารถใช้ในการแกป้ ัญหานักเรยี นเขยี น genotype ของเซลลส์ ืบพนั ธ์ใุ นการแก้โจทย์ปญั หาพนั ธศุ าสตร์ของเมนเดล เพอื่ เพิ่มผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนรายวิชาชวี วิทยา 5 ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6/1 ที่มีผลการทดสอบไม่ผ่านเกณฑ์ไดห้ รือไม่๖.วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัยเพอ่ื ศึกษาพฒั นาการของนักเรียนในการเขียน genotype ของเซลลส์ บื พันธ์ุ๗.ขอบเขตของการวิจยั ๗.๑ กลุ่มเป้าหมาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6/1 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ที่เรียนวชิ าชีววิทยา 5 ในภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 จานวน 15 ราย ๗.๒ การกาหนดตวั แปร ๗.๒.๑ ตวั แปรต้น(ตัวแปรอิสระ) การใชต้ ารางพนั เนตต์ในการเขียน genotype ของเซลลส์ บื พันธ์ุ ๗.๒.๒ ตัวแปรตาม ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนวิชาชีววทิ ยา เรอื่ ง การแก้โจทย์ปัญหาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล๘.ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ บั 1. นักเรยี นมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นวิชาชีววทิ ยา 5 เร่อื ง การแกโ้ จทยป์ ัญหาพันธุศาสตร์ เพิ่มข้นึ 2. นกั เรียนสามารถนาตารางพนั เนตต์ไปใชใ้ นการแก้โจทยป์ ัญหาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดลและโจทย์ปัญหาพันธศุ าสตรท์ น่ี อกเหนือพันธศุ าสตร์ของเมนเดลได้ 3. นกั เรียนมเี จตคติทดี่ ตี ่อการเรียนวิชาชวี วิทยา๙.แนวคิดและทฤษฎที เ่ี กี่ยวขอ้ ง ตารางพันเนตต์ ตารางพนั เนตต์(Punnett square)เป็นวธิ ีคานวณผลการทดลองของเมนเดล โดย ReginaldrundallPunnett ในปี ค.ศ. 1905 ตารางพันเนตต์ โดยมีวธิ ีการดงั น้ี 1. สรา้ งตารางขึน้ มาแล้วเรยี งเซลล์สืบพันธุท์ สี่ ร้างขน้ึ จากฝา่ ยหนง่ึ ตามแถวแนวตงั้ (columns) 2. เซลลส์ ืบพนั ธอ์ุ ีกฝ่ายหนงึ่ ตามแถวแนวนอน (rows)

3. นาเซลล์สบื พนั ธ์ุแตล่ ะชอ่ งมารวมกัน 4. ผลรวมของเซลล์สืบพนั ธุ์ทงั้ สองฝา่ ยในแต่ละช่องเปน็ genotype ทเี่ กิดจากการปฏิสนธิเช่น ทาการทดลองผสมพันธุ์ถ่ัวลันเตาท่ีมี genotype Gaกับ ggโดย G แทนยีนนาลักษณะฝักสีเขียวซ่ึงเป็นลกั ษณะเดน่ g แทนยนี นาลกั ษณะฝักสีเหลือง แสดงดว้ ยตารางพันเนตต์ได้ดังน้ี(Saylor Foundation, 2012) genotype Gg Gg Genotype gg g Gg gg g Gg ggกรอบแนวคิดในการวจิ ยั นักเรยี นไม่สามารถเขยี น genotype เซลล์สืบพันธไ์ุ ด้ 1. ผลการทดสอบประจาหน่วย 2. ขอ้ คน้ พบจากการตรวจงานนกั เรียนตารางพนั เนตต์ นักเรยี นไมส่ ามารถแก้โจทย์ปัญหาพนั ธุ ศาสตร์ของเมนเดลได้ นักเรยี นสามารถเขยี น genotype เซลล์ สบื พันธุไ์ ด้ นกั เรียนสามารถแกโ้ จทย์ปญั หาพันธุศาสตร์ ของเมนเดลได้ ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นเพิ่มขึ้น

กิ๑๑.วธิ ีดาเนินการวิจยั จ๑๑.๑ ข้ันตอนการวิจยั (ใหร้ ะบขุ ้นั ตอนและการนำนวัตกรรมไปใช้) ก1. นักเรียนทาแบบฝึกดงั นี้ ร ใบงานท่ี 1 การแยกเซลล์สบื พันธุ์ ร ใบงานที่ 2 การแก้โจทย์ปญั หาพนั ธศุ าสตรข์ องเมนเดลม 2. นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน 3. วิเคราะห์ข้อมูลดว้ ยการเปรียบเทยี บคะแนนจากการตรวจใบงาน และแบบทดสอบหลังเรียน กบัเกณฑ์ทีผ่ ู้วิจัยกาหนดคือ ต้องมีคะแนนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม ๑๑.๒ นวตั กรรม/เคร่ืองมือในการวิจยั ๑) นวัตกรรม ได้แก่ การใช้ตารางพันเนตต์ในการเขยี น genotype ของเซลล์สืบพนั ธ์ุ ๒) เครื่องมือ ได้แก่ ใบความรู้ การเขียน genotype ของเซลลส์ ืบพันธุ์ ด้วยตารางพนั เนตต,์ ใบงานท่ี 1 การแยกเซลล์สืบพนั ธ์ุ, ใบงานท่ี 2 การแกโ้ จทยป์ ัญหาพนั ธศุ าสตร์ของเมนเดล, แบบทดสอบหลงั เรียน ๑๒.แผนการดำเนนิ งาน/ปฏิทนิ การดาเนินงาน เวลาท่ีปฏิบตั ิ พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. ๑.บันทกึ หลังสอนสังเกตปญั หาและพฤติกรรมผเู้ รียนพร้อมทงั้ ทบทวน ความรเู้ ร่ืองแนวคิดส่กู ารปฏิบัติการ การวิจัยในชั้นเรยี น ๒.วเิ คราะหป์ ัญหาการเรียนรู้และเลือกปัญหาท่ีควรศึกษา ๓.ศกึ ษาแนวคิดและนวตั กรรมและตัดสินใจเลอื กนวัตกรรม ๔.เขยี นโครงการวิจัย/เขียนโครงรา่ งวจิ ัย ๕.ออกแบบและสรา้ งนวตั กรรม/เครอื่ งมือวจิ ยั ๖. ใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน ๗.เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ๘.วเิ คราะหข์ ้อมูล ๙.เขยี นรายงานการวิจยั

สรปุ ผลการวิจัย นักเรียนทุกคนมีคะแนนเกนิ ร้อยละ 70 มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าชวี วทิ ยา 5 เรอ่ื ง การแกโ้ จทย์ปัญหาพนั ธศุ าสตร์เพ่ิมขน้ึ สามารถนาตารางพันเนตต์ไปใชใ้ นการแก้โจทย์ปัญหาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดลและโจทย์ปัญหาพันธศุ าสตร์ท่นี อกเหนือพันธุศาสตรข์ องเมนเดลได้ แตต่ อ้ งมกี ารฝึกฝนและทาแบบฝึกหดั เพมิ่ เติม เพ่ือสามารถการแก้โจทยป์ ญั หาพันธศุ าสตรท์ ่เี พิ่มขึน้ และนกั เรยี น รอ้ ยละ 100 มเี จตคติทีด่ ตี ่อการเรียนวิชาชีววทิ ยา

ใบความรู้ การเขยี น genotype ของเซลล์สืบพนั ธ์ุ ด้วยตารางพนั เนตต์กฎความน่าจะเปน็ 1. กฎการบวก (Addition Law) – เหตกุ ารณ์ไม่สามารถเกดิ ขึ้นพรอ้ มๆกันได้ – เรยี กเหตุการณน์ วี้ ่า mutually exclusive events – โอกาสทเี่ กิดเหตุการณ์อยา่ งใดอย่างหนง่ึ จะเท่ากบั ผลบวกของโอกาสที่จะเกิดแต่ละเหตุการณ์ P(เหตุการณ์ A หรือ B อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ) = P(A) + P(B) 2. กฎการคูณ (Multiplication Law) – เกี่ยวข้องกับเหตกุ ารณ์ 2 เหตุการณ์หรือมากกวา่ – เหตกุ ารณเ์ กิดขึน้ พร้อมกนั – เรียกเหตุการณน์ ี้ว่า Independent events โอกาสทจ่ี ะเกดิ เหตกุ ารณ์ A และ B พร้อมกนั = P(A) x P(B)การคานวณหาอัตราส่วนทางพันธศุ าสตร์ 1. การหาชนดิ และอัตราสว่ นของเซลลส์ ืบพันธ์ุ จานวนชนิดของเซลลส์ บื พันธ์ุ = 2n n คือ จานวนคู่ของยีนในสภาพ heterozygous 2. การคานวณหาชนดิ และอัตราส่วนของจโี นไทป์และฟโี นไทป์ – การสรา้ งเป็นตาราง (punnet square) – การใชส้ ตู ร ชนดิ ของจโี นไทป์ = 3n ชนดิ ของฟีโนไทป์ = 2n n คอื จานวนคู่ของยีนท่ีอยใู่ นสภาพ heterozygous ตวั อยา่ ง ถ้าผสมถว่ั เมล็ดเรียลสีเหลอื งท่เี ปน็ homozygous dominance กับถ่ัวเมด็ ขรขุ ระสเี ขียวทเี่ ปน็homozygous recessive จะไดล้ ูก F1 ถา้ นา F1 ผสมกันเอง จงหา F2 genotype และ F2 phenotypeวธิ ีทา 1. สรา้ งตาราง Punet square 2. สรา้ งเส้นแบบแตกแขนง ( Branching หรือ Fork-line method ) 3. ใชห้ ลักความนา่ จะเปน็ ( Probability ) โดยผสมทลี ะลกั ษณะ

1. ตารางพันเนต ( Punnet Square ) ของ F2 สตู ร หาชนดิ จโี นไทป์ = 3n ( n = จานวนคู่ของ heterozygous gene ) เช่น จากกรณตี ัวอยา่ งผสมYySs เข้าดว้ ยกนั จะเหน็ วา่ n=2 คอื จานวนคู่ของ heterozygous gene มี 2 คู่ ดังน้ันชนดิ จโี นไทปจ์ ึงมี 9 ชนิด(32 = 9)จากตางรางพันเนตมีฟโี นไทป์ 4 ชนิด คือ สตู ร หาชนิดของฟโี นไทป์ คือ 2n ( n = จานวนคู่ของ heterozygous gene ) จากกรณีตัวอย่างมีheterozygous gene 2 คู่ คอื Ss และ Yy ดงั น้ันจานวนชนดิ ฟโี นไทป์เท่ากนั 22 = 4 ชนิด 2. สรา้ งแบบแตกแขนง ( Branching หรอื Fork-line method ) 2.1 หาชนดิ จโี นไทป์ : ให้แยกค่ยู นี แลว้ ผสมทลี ะลักษณะเป็น monohybrid พร้อมกับนาความนา่ จะเปน็ของแต่ละลักษณะมาคณู กนั ดังน้ี

2.2 หาชนดิ และสัดส่วนฟโี นไทป์ : ให้รวมจีโนไทป์ ที่มีฟโี นไทปเ์ ปน็ แบบเดยี วกัน แลว้ นาไปผสมกนัแตล่ ะลักษณะ โดยนาคา่ ความนา่ จะเป็นมาคณู กัน ดงั น้ี 3. ใชห้ ลักความนา่ จะเป็น ( Probability ) ใหผ้ สมทลี ะลกั ษณะ (Monohybrid cross ) และนาค่าความนา่ จะเปน็ ของแต่ละลักษณะมาคณู เช่นกนักฎของเมนเดล กฎข้อที่ 1 กฎแหง่ การแยก ( Law of Segregation ) สาระสาคัญของกฎ ยีนที่อยู่คู่กัน จะแยกตวั ออกจากกนั ไปอยใู่ นแต่ละเซลล์สบื พนั ธ์ุ ดังน้ันภายในเซลล์สบื พนั ธ์ุจะไมม่ ยี นี ท่ีเป็นคูก่ นั เลยกฎขอ้ น้ี เมลเดลได้ศึกษาการถา่ ยทอดลกั ษณะโดยพจิ ารณายีนค่เู ดยี ว ( Monohybrid cross )

ตวั อย่าง ถา้ นาถ่วั ลนั เตารนุ่ พ่อแม่ ( P ) ลกั ษณะเมล็ดกลมกบั เมลด็ ขรุขระที่ตา่ งเปน็ พนั ธุ์แทม้ าผสมกันจะได้รุน่ ลกู ( F1 ) มีจโี นไทปแ์ ละฟโี นไทป์ชนิดเดียวกนั ทง้ั หมด และปลอ่ ยใหร้ ุ่น F1 ผสมกันเองไดร้ ่นุ หลาน ( F2 ) จะได้จีโนไทป์แตกต่างกนั เป็น 3 ชนิด ในสัดสว่ น 1 : 2 : 1 และได้ฟโี นไทป์แตกต่างกนั เปน็ 2 ชนดิ ในสดั ส่วน 3 : 1ซึง่ พิจารณาไดด้ ังน้ี สดั ส่วนของจีโนไทปแ์ ละฟโี นไทป์จากการผสมโดยพจิ ารณายนี คูเ่ ดียว ( Monohybrid cross )กฎขอ้ ที่ 2 กฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ ( Law of independent assortment ) สาระสาคญั ของกฎ ยนี ท่อี ย่เู ปน็ คกู่ นั เม่ือแยกออกจากกนั แลว้ แต่ละยีนจะไปกับยนี อื่นใดก็ได้อย่างอสิ ระนัน่ คือ เซลลส์ ืบพันธจุ์ ะมีการรวมกล่มุ ของหน่วยพันธุกรรมของลักษณะต่างๆ โดยการรวมกลุม่ ทเ่ี ปน็ ไปอยา่ งอสิ ระจึงทาใหส้ ามารถทานายผลทีเ่ กิดขนึ้ ในรนุ่ ลกู รนุ่ หลานได้ กฎขอ้ น้ี เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอดลกั ษณะโดยพิจารณาจากยีน 2 คู่ ( Dihybrid cross ) ดงั น้ันเราสามารถใช้สูตรหาชนดิ เซลลส์ บื พันธุ์ คือ 2n ( n = จานวนคขู่ อง heterozygous gene )

ตวั อยา่ ง สิ่งมีชวี ติ ชนดิ หนึง่ มีจีโนไทป์ AaBbCc จะสร้างเซลล์สืบพันธุท์ ี่มยี นี ต่างกนั ได้กี่แบบวธิ ีที่ 1 ใชส้ ูตร ชนดิ เซลลส์ บื พนั ธุ์ = 2n = 8 ชนดิวิธีท่ี 2 ใช้กฎแห่งการรวมกลุ่มโดยอสิ ระข้อควรทราบ 1. ยีนทีอ่ ย่ใู นเซลลส์ ืบพนั ธเ์ุ ดียวกนั จะตอ้ งไม่มยี ีนทีเ่ ปน็ คอู่ ัลลลี กนั 2. โครโมโซมทีอ่ ย่ใู นเซลลส์ บื พันธเุ์ ดียวกัน จะต้องไม่มโี ครโมโซมท่เี ป็นคู่กนั หรอื เปน็ โฮโมโลกสั เนือ่ งจากเซลลส์ บื พนั ธมุ์ กั เกดิ การจากแบ่งเซลล์ท่มี ีการแบ่งนิวเคลยี สแบบไมโอซสิ

แบบฝกึ ทักษะการแยกเซลล์สืบพนั ธุ์คาสัง่ ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. จงหาโอกาสทเ่ี ปน็ ไปได้ทั้งหมดทีค่ รอบครวั หนงึ่ จะมีลูกสามคน เปน็ ลกู ชาย 2 คน ลกู หญิง 1 คน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… จากแผนภาพใหน้ ักเรียนตอบคาถามขอ้ 2 2. ร่นุ F1 มีโอกาสสร้างสเปริ ์มหรือเซลล์ไข่กช่ี นดิ อะไรบ้าง……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นักเรียนคิดว่า กฎแห่งการแยกสอดคล้องกบั การแยกออกจากกัน ของโครโมโซมคูเ่ หมือนอย่างไร…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

4. ถว่ั ลนั เตาลกั ษณะเมลด็ สีเหลืองเป็นลักษณะเด่นตอ่ ลักษณะเมล็ดสเี ขยี ว ในการผสมตัวเองของต้น ทม่ี ีลกั ษณะเมลด็ สีเหลอื งท่ีเป็นเฮเทอโรไซกัสทง้ั คู่ จงหาร้อยละของลูกทีใ่ ห้เมลด็ สีเขียว………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………5. ถา้ N แทนยนี ที่ควบคุมลักษณะปีกปกติของแมลงหว่ี และ n แทนยีน ควบคุมลกั ษณะปกี ส้นั ในการผสมพนั ธุ์แมลงหว่ที ี่มปี กี ปกติค่หู นึ่ง ปรากฏว่ารนุ่ ลูกจานวน 123 ตวั มปี ีกปกติ 88 ตวั และมปี กี สัน้ 35 ตวั 5.1 จงเขยี นจีโนไทป์ ของแมลงหว่ีในร่นุ พ่อแม่…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5.2 เมอ่ื นาแมลงหวี่ปีกสัน้ ในรนุ่ ลกู ผสมกับ แมลงหว่ีปกติในรนุ่ พ่อแม่ จะไดล้ ูกมีลักษณะปีกเป็นอยา่ งไร คิดเปน็ อัตราส่วนเทา่ ใด……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

แบบทดสอบ ความนา่ จะเป็นและกฎแห่งการแยกคำชี้แจง ใหน้ กั เรียนทำเครื่องหมำยกำกบำท (X) หนำ้ คำตอบที่ถูกท่ีสุดเพียงขอ้ เดียว1. \"ยนี ท่ีอยเู่ ป็นคู่จะแยกออกจำกกนั ระหวำ่ งสร้ำงเซลลส์ ืบพนั ธุ์โดยเซลลส์ ืบพนั ธุ์แต่ละเซลลจ์ ะไดร้ ับเพยี งแอลลีลใดแอลลีลหน่ึง\" คำกล่ำวน้ีหมำยถึงขอ้ ใดก. กฎแห่งกำรแยก ข. กฎของกำรผำ่ เหล่ำค. กฎแห่งกำรถ่ำยทอดลกั ษณะ ง. กฎแห่งกำรรวมกลุ่มอยำ่ งอิสระ2. กระตำ่ ยคูห่ น่ึงใหก้ ำเนิดลูกหลำยรุ่นรวมท้งั สิ้น 48 ตวั มีสีเทำ 25 ตวั สีขำว 23 ตวั (สีเทำเป็นลกั ษณะเด่น)กระตำ่ ยคูน่ ้ีน่ำจะมีจีโนไทป์ เป็นก. Bb x Bb ข. bb x BBค. Bb x bb ง. bb x bb3. ในกำรผสมหนูคูห่ น่ึง หนูมีขนสีดำเป็นลกั ษณะเด่น หนูขนสีขำวเป็ นลกั ษณะดอ้ ย ไดล้ ูกรุ่น F1 มีท้งั ขนสีขำวและสีดำ ถำ้ ใหล้ ูกขนสีดำผสมกนั เองจะไดล้ ูกในรุ่น F2 เป็นอยำ่ งไรก. สีดำทุกตวั ข. สีดำตอ่ สีขำว = 3:1ค. สีขำวตอ่ สีดำ = 3:1 ง. สีดำต่อสีขำว = 1:14. ในกำรผสมพนั ธุ์ถว่ั ลนั เตำรุ่น F1 ซ่ึงมีฟี โนไทป์ เป็ นฝักสีเขียวและมีจีโนไทป์ เป็ น Gg โอกำสที่ยนี ในรุ่น F2จะเขำ้ คูก่ นั ไดก้ ่ีแบบก. 1 แบบ คือ Gg ข. 1 แบบ คือ ggค. 2 แบบ คือ GG และ gg ง. 3 แบบ คือ GG, Gg และ gg5. จำกขอ้ 4 อตั รำส่วนของฟี โนไทป์ ฝักสีเขียวต่อฝักสีเหลืองเป็นเทำ่ ใดก. 1 : 1 ข. 3 : 1ค. 1 : 2 : 1 ง. 9 : 3 : 3 : 16. กำรผสมพนั ธุ์ในขอ้ ใดท่ีจะใหล้ ูกออกมำ 3/4 เป็นลกั ษณะเด่นก. Tt x TT ข. TT x ttค. Tt x tt ง. Tt x Tt7. ขอ้ ใดเป็นจีโนไทป์ ของสิ่งมีชีวติ ที่มีสภำพเป็นพนั ธุ์แท้1. RR 2. yy 3. Ggก. เฉพำะขอ้ 1 ข. ขอ้ 1 และ 2ค. ขอ้ 2 และ 3 ง. ถูกทุกขอ้

8. จำกกำรศึกษำของเมนเดลโดยพิจำรณำหน่ึงลกั ษณะเหตุใดในรุ่น F1 จึงแสดงออกมำเพียงลกั ษณะเดียวก. เพรำะแมว้ ำ่ ฟี โนไทป์ ในรุ่นพอ่ แม่จะต่ำงกนั แต่มีจีโนไทป์ เหมือนกนัข. เพรำะจีโนไทป์ ในรุ่นพอ่ แม่จะแสดงออกในรุ่น F2 เทำ่ น้นัค. เพรำะยนี เด่นของลกั ษณะท่ีปรำกฏสำมำรถขม่ กำรแสดงออกของยีนดอ้ ยไดอ้ ยำ่ งสมบรู ณ์ง. เพรำะยนี ในรุ่นพอ่ แม่ต่ำงก็มีสภำพเป็น heterozygous จึงมีกำรแสดงออกพยี งลกั ษณะเดียว9. สิ่งมีชีวติ ที่มีจีโนไทป์ AaBb ยนี A และ B อยใู่ นฮอมอโลกสั โครโมโซมต่ำงตู่ตำมกฎของกำรถ่ำยทอดพนั ธุกรรมของเมนเดลขอ้ ที่ 1 จะหมำยถึงกำรแยกตวั ของอะไรก. แอลลีล A, B, a, b แยกออกจำกกนัข. แอลลีลของ Aa แยกออกจำกแอลลีลของ Bbค. แอลลีล A กบั a แยกจำกกนั และ B กบั b แยกจำกกนัง. แอลลีล A กบั B แยกออกจำกกนั และ a กบั b แยกออกจำกกนั10. หนูตะเภำคอกหน่ึงมีขนสีนำ้ ตำลประมำณคร่ึงหน่ึง นอกน้นั สีขำว ถำ้ ขนสีน้ำตำลเป็นลกั ษณะเด่น (B)ขนสีขำวเป็นลกั ษณะดอ้ ย (b) แสดงวำ่ พอ่ แม่ ของหนูคอกน้ีมีจีโนไทป์ อยำ่ งไรก. Bb x bb ข. Bb x Bbค. BB x Bb ง. BB x bb


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook