Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 4 การดำรงชีวิตของพืช

หน่วยที่ 4 การดำรงชีวิตของพืช

Description: หน่วยที่ 4 การดำรงชีวิตของพืช

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 การดารงชีวิตของพชื ม.1 บทท่ี 1 การสืบพนั ธแุ์ ละขยายพนั ธ์ุพืชดอก  การสบื พนั ธ์แุ บบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศของพืชดอก  การขยายพันธ์พุ ืชดอก บทท่ี 2 การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง  ปัจจยั และผลผลติ ของการสงั เคราะห์ด้วยแสง บทที่ 3 การลาเลียงนา ธาตอุ าหาร และอาหารของพืช  ธาตุอาหารของพืช  การลาเลียงในพชื

บทท่ี 1 การสืบพนั ธแุ์ ละขยายพนั ธ์ุพชื ดอก พืชดอกทุกชนิดสามารถสืบพันธ์ุเพิ่มจานวนได้เองตามธรรมชาติ พืชดอกหลายชนิดเพิ่มจานวนได้ มากในเวลาท่ีรวดเร็ว เช่น ผักตบชวา ซึ่งเป็นพืชนาท่ีพบได้ตามแหล่งนาจืดทั่วไป ผักตบชวาสามารถสร้าง เมล็ดจานวนมหาศาล เมล็ดจะงอกและเจริญเติบโตในเวลาไม่ก่ีวัน นอกจากนีผักตบชวายังสามารถเพ่ิม จานวนโดยการแตกต้นใหม่ออกจากลาต้นเดิม และต้นใหม่เหล่านียังแตกเป็นต้นใหม่ได้อีกต่อไป ดังจะเห็นได้ จากแหล่งนาหลายแห่งมีผักตบชวาเจริญเติบโตอยู่อย่างหนาแน่นก่อให้เกิดปัญหากับแหล่งนา และกีดขวาง การสญั จรทางนา มนุษย์เองมีส่วนในการเพิ่มจานวนพืชโดยมีการขยายพันธุ์พืชด้วยเทคโนโลยีทางด้านการเกษตร อยา่ งเหมาะสม ทาให้พชื เพม่ิ จานวนไดอ้ ยา่ งรวดเร็วตามความต้องการ เรื่อง การสบื พันธแุ์ บบอาศยั เพศ และไมอ่ าศยั เพศของพชื ดอก ทีม่ า : https://www.naibann.com/wp-content/uploads/2016/02/meaning- of-worshipping-flowers-cover.jpeg ในการดารงชีวิตของพืช การสืบพันธ์ุเป็นกระบวนการสาคัญที่ทาให้พืชสามารถดารงพันธุ์ไว้ได้ สาหรบั พชื ดอกมดี อกเปน็ อวัยวะสบื พันธุ์แบบอาศัยเพศ ดอกของพืชชนิดต่าง ๆ จะมีลักษณะรูปร่าง สี กลิ่นที่ แตกต่างกัน แต่มีส่วนประกอบโดยทั่วไปเหมือนกัน ซ่ึงมีบางส่วนของดอกเท่านันท่ีเก่ียวข้องโดยตรงกับการ สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ดอกมีส่วนประกอบ 4 ส่วน ได้แก่ กลีบเลียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ทุกส่วนจะติด อยู่บนฐานรองดอกแต่ละส่วนของดอกมีหน้าท่ีแตกต่างกัน ดอกของพืชส่วนใหญ่มีกลีบเลียงสีเขียว กลีบดอก มีสีสนั เกสรเพศผูป้ ระกอบด้วย ก้านชูอบั เรณู และอบั เรณู ภายในอบั เรณมู ีเรณู ซงึ่ มหี นา้ ท่ีสร้างเซลล์สืบพันธุ์ เพศผู้

เกสรเพศเมยี ประกอบดว้ ย ยอดเกสรเพศเมยี ก้านเกสรเพศเมีย รงั ไข่ และมีออวลุ อย่ใู นรงั ไข่ ภายใน ออวุลมีถุงเอ็มบริโอซง่ึ ทาหน้าที่สรา้ งเซลล์สืบพันธ์ุเพศเมียการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอกจะมีการถา่ ย เรณู (pollination) ซึ่งเป็นการเคล่ือนย้ายเรณูจากอับเรณูไปยังยอดเกสรเพศเมีย เพื่อให้เซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ มโี อกาสไปผสมกบั เซลลส์ บื พนั ธุเ์ พศเมีย

การสบื พันธข์ุ องพชื มี 2 แบบ 1. การสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ (Sexual reproduction) 2. การสบื พันธ์ุแบบไมอ่ าศยั เพศ (Asexual reproduction) การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศ (Sexual reproduction) คอื การสืบพนั ธท์ุ ี่มกี ารผสมกันของเซลล์สืบพันธเ์ุ พศผู้ กบั เซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เซลลส์ ืบพันธ์ุเพศผู้ คือ สเปิร์ม (Sperm) เซลล์สืบพันธ์ุเพศเมียคือ เซลล์ไข่ (Egg) การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชเกิดขึนที่ ดอก ทม่ี า : https://kaset.today/wp- https://shopping7541home.files.wordpress.com/2019/03/2 content/uploads/2021/01/unnamed-2.jpg 9216286_1802979703056732_6774753714742755328_n.jpg การปฏสิ นธิ (fertilization) การปฏสิ นธิ (fertilization) การท่ีเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ผสมกบั เซลล์สืบพันธ์ุเพศเมีย ในออวุลเป็นไซ โกต แลว้ เจรญิ เตบิ โตเปน็ เอ็มบรโิ อต่อไป การปฏสิ นธิเร่มิ ตน้ เมื่อเจเนเรทฟี นวิ เคลียสแบ่งตัวให้สเปริ ์มนิวเคลียส 2 ตวั และเกิดการผสมกนั - สเปิร์มนิวเคลียสตวั ท่ี 1 ผสมกับเซลลไ์ ข่ได้ ไซโกต เจรญิ ไปเปน็ เอม็ บรโิ อ - สเปิร์มนิวเคลียสตัวท่ี 2 จะผสมกับโพลาร์นิวเคลียสได้ เอนโดสเปิร์ม ซ่ึงเป็นอาหารสาหรับเลียง เอม็ บรโิ อ

https://lh3.googleusercontent.com/proxy/KwtIP0Z7O_TI3rn_ypcoqWi3k50uhFpWVK0pbgy9lYDQEa b7axdcv2UnmTaVjfDP1mKOUEbMSupBbQhd040hGT4Ar6PdYxH38z2u9PgzPjmLOfm_3z8GeJHt29OD8w หลงั การปฏิสนธิกลีบเลียง กลีบดอก และเกสรเพศผู้ของพืชทั่วไปจะแห้งและร่วงไป ส่วนต่าง ๆ ของ ดอกจะมกี ารเปลี่ยนแปลงไปดังนี - ออวลุ (ovule) เจริญไปเปน็ เมล็ด - รงั ไข่ (ovary) เจรญิ ไปเป็นผล (fruit) - ไข่ (egg) เจริญไปเป็นตน้ ออ่ น (embryo) อยภู่ ายในเมล็ด - ผนังรงั ไข่ (ovary wall) เจรญิ ไปเป็น เปลือกและผนงั ผล (pericarp) https://lh3.googleusercontent.com/proxy/KwtIP0Z7O_TI3rn_ypcoqWi3k50uhFpWVK0pbgy9lYDQEa b7axdcv2UnmTaVjfDP1mKOUEbMSupBbQhd040hGT4Ar6PdYxH38z2u9PgzPjmLOfm_3z8GeJHt29OD8w

การสบื พันธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศ (Asexual reproduction) เป็นการสืบพันธทุ์ ่พี ชื ต้นใหม่ไมไ่ ด้เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างสเปิร์มกบั เซลล์ไข่ แต่เกดิ จากส่วนต่าง ๆ ของพืช เชน่ ราก ลาต้น ใบ มีการเจริญเตบิ โตและพัฒนาขนึ มาเปน็ ตน้ ใหมไ่ ด้ ทม่ี า : https://i.ytimg.com/t.jpg ทมี่ า : https://inwfile.com/s-cu/2q0i88.jpg ทมี่ า : https://static.trueplookpanya.com/.jpg พืชท่ีมีลาต้นใต้ดินเป็นเหง้าหรือหัว เช่น ขิง ข่า กล้วย เผือก แห้ว มันฝร่ัง หอม ลาต้นใต้ดินเหล่านี จะมีตา (bud) ซึง่ เป็นส่วนท่ีสามารถเจริญเติบโตพ้นดินขึนมากลายเป็นหน่อหรือต้นใหม่ได้ (ภาพ 4.11) ส่วน พืชบางชนิดมีไหล (stolon หรือ running) ซ่ึงเป็นส่วนของลาต้นท่ีแตกออกจากลาต้นเดิมทอดยาวไปตาม พืนดินหรือนา เช่น หญ้าบัวบก บัว ผักตบชวา สตรอเบอรี ไหลจะมีตาท่ีเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ต่อไปได้ เช่นกัน (ภาพ 4.12) (ภาพ 4.11) (ภาพ 4.12) ใบของพืชบางชนิด เช่น เศรษฐีเงินล้าน คว่าตายหงายเป็น จะมีต้นใหม่หรือหน่อเจริญออกมาจาก ขอบใบ และเจริญเติบโตต่อไปได้ นอกจากนีรากของพืชบางชนิด เช่น มันเทศ ปีบ สามารถเจริญเติบโตแตก หน่อเป็นตน้ ใหมไ่ ด้เช่นกนั

พืชท่ีเกิดจากการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศจะไม่มีระบบรากแก้ว เน่ืองจากไม่ได้เกิดจากเมล็ด ส่วน ใหญ่มักเจริญเติบโตอยู่ไม่ไกลจากต้นเดิม เพราะเกิดจากส่วนของต้นเดิมที่แตกหรือทอดยาวออกไป พืชต้น ใหม่จะเจริญเติบโตขยายขนาดโตขึนแลว้ จึงแยกออกจากต้นเดิมไดเ้ ป็นตน้ เดี่ยว ทีม่ า : https://inwfile.com/s-cu/2q0i88.jpg ทีม่ า : https://prayod.com/wp-content/uploads/2019/10/.jpg

เรือ่ ง การขยายพนั ธพ์ุ ชื ดอก ที่มา : https://cf.shopee.co.th/file/585c5d5e80a8e932a98fb93833e93d5a พชื มปี ระโยชน์ตอ่ มนษุ ยม์ ากเพราะเปน็ ท่ีมาของปัจจยั สี่ ได้แก่ อาหารอท่ีอยู่อาศัย เคร่ืองนุ่งห่ม และ ยารกั ษาโรคและยงั เปน็ แหล่งพักผอ่ นหย่อนใจ เม่ือประชากรมนุษยเ์ พมิ่ ขึน ความต้องการใช้ประโยชน์จากพืชก็ มีมากขึนด้วย จึงต้องมีการขยายพันธ์ุพืช (plant propagation) เพ่ือให้ได้พืชจานวนมากเพียงพอต่อความ ต้องการ โดยอาจจะขยายพันธ์ุพืชท่ีเป็นพันธ์ุดังเดิม หรือขยายพันธุ์พืชที่ผ่านการปรับปรุงพันธ์ุจนได้พืชท่ีมี ลักษณะดี เช่น ให้ผลผลิตสงู ทงั คณุ ภาพและปรมิ าณมีอายุเก็บเกยี่ วสนั สามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดล้อม ได้ การขยายพันธ์ุพืชเป็นการท่ีมนุษย์นาความรู้เร่ืองการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและแบบไม่อาศัยเพศ ของพชื มาใชเ้ พื่อเพิม่ จานวนพชื การขยายพันธุพ์ ชื มหี ลายวธิ ี แต่ละวิธีมีขันตอน ข้อดีและข้อจากัดแตกต่างกนั พืชแต่ละชนิดสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างน้อย 1 วิธี แต่ก็มีพืชหลายชนิดท่ีสามารถขยายพันธ์ุได้หลายวิธีจึง ควรเลอื กวิธกี ารขยายพันธใุ์ หเ้ หมาะสมกับชนดิ ของพืช และสามารถเพม่ิ จานวนพืชได้ตามความตอ้ งการ 1. การเพาะเมลด็ วิธีการขยายพันธ์ุพืชที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ คือ การเพาะเมล็ด โดยนาเมล็ดมา เพาะในวัสดุต่าง ๆ วิธีนีไม่ยุ่งยาก ต้นทุนต่าและใช้เคร่ืองมือน้อย เหมาะกับพืชที่ต้องการปลูกในปริมาณมาก และเป็นพืชที่เมล็ดสมบูรณ์ งอกได้ง่าย นอกจากนีเมล็ดพืชบางชนิดยังสามารถเก็บไว้ได้นาน ขนส่งได้ง่าย และพบการเปน็ พาหะของเชอื โรคน้อยจึงเหมาะกบั การขยายพันธ์ุ พืชทต่ี ้องการขายเมล็ดพันธ์ุพืชท่ีได้จากการ เพาะเมล็ดจะมีรากแข็งแรง แต่อาจมีลักษณะบางอย่างแตกต่างไปจากต้นเดิม พืชท่ีนิยมขยายพันธ์ุโดยการ เพาะเมล็ด เชน่ พริก มะเขอื ข้าว ข้าวโพด มะละกอ ถัว่ สกั มะพร้าว

ทมี่ า : http://thanadet-kku.appspot.com/t1.jpg ทม่ี า : https://www.technologychaoban.com.jpg พืชบางชนดิ มีข้อจากัดในการขยายพันธ์ุโดยวิธีเพาะเมลด็ เช่น สรา้ งเมล็ดนอ้ ย เมลด็ งอกยาก เมล็ด ไม่สมบูรณ์ หรือต้นท่ีเกิดจากการเพาะเมล็ดเจริญเติบโตช้า มนุษย์จึงใช้ความรู้เก่ียวกับการสืบพันธ์ุแบบไม่ อาศัยเพศในการขยายพันธ์ุพืชเหล่านี โดยขยายพันธุ์จากส่วนอื่น ๆ เช่น ลาต้น ใบ ราก รวมถึงเนือเย่ือของ พืช ซึ่งมีวิธีการขยายพันธ์ุหลายวิธี เช่น การปักชา การตอนก่ิง การทาบกิ่ง การต่อกิ่ง การติดตา การ เพาะเลยี งเนือเยื่อ บางวิธอี าจใช้ตน้ ทนุ และทกั ษะทส่ี ูงกวา่ รวมทังใช้เคร่ืองมือมากกว่าการเพาะเมล็ด แต่พืชต้น ใหม่จะเจรญิ เตบิ โตไดเ้ ร็วกวา่ และได้ต้นพชื ทม่ี ีลักษณะเหมือนต้นเดมิ 2. การปกั ชา การปักชาสามารถทาได้โดยการตัดกง่ิ ใบรากมาปักลงในวัสดุปลูกเป็นวิธีท่ีกระตุ้นให้ส่วนท่ีตัดมาปัก ชาสรา้ งรากเพื่อดดู นาและธาตุอาหารทาให้ส่วนยอดเจรญิ เตบิ โตต่อไปการปักชาต้องคานึงถึงชนิดพืชอายุและ ความสมบูรณ์ของสว่ นที่นามาปักชาถา้ เปน็ การปักชากง่ิ หรอื รากสิง่ สาคญั คอื สว่ นตา่ ง ๆ เหลา่ นตี ้องมีตาท่ีจะ แตกเป็นต้นใหม่ได้สามารถทาได้กับทังกิ่งที่อายุมากเช่นกุหลาบวาสนาและกิ่งที่ยังอ่อนเช่นฝร่ังมะนาวรวมทัง พืชผักสวนครัวและไมด้ อกไมป้ ระดับเชน่ โหระพาสะระแหนเ่ บญจมาศส่วนการใชใ้ บปักชานยิ มทากบั พชื ทอ่ี วบนา เชน่ ลินมงั กร ท่ีมา : https://i0.wp.com/www.plookphak.com/wp- ทีม่ า : content/uploads/2019/11 https://t1.bdtcdn.net/photos/2020/11/5fb3ca2a92 a3f827eb04f45a_800x0xcover_K5Z8Y5Nx.jpg

3. การตอนกงิ่ การตอนกงิ่ กเ็ ป็นอกี วธิ ีทีเ่ ปน็ การกระตุน้ ให้พืชสร้างรากขึนมาใหม่ ทาโดยควนั่ เนอื เย่ือลาเลียงอาหาร ของพืชออกและหุ้มด้วยตุ้มตอนที่มีความขึน ส่วนท่ีอยู่เหนือรอยควั่นซึ่งหุ้มไว้ด้วยตุ้มตอนจะสร้างรากออกมา วิธีนีเหมาะกับการขยายพันธ์ุพืชท่ีมีเนือไม้ค่อนข้างแข็ง เช่น ชะอม ส้มโอ มะนาว จาปี นอกจากนียังสามารถ ตอนกิ่งพืชทีม่ ขี อ้ ชัดเจน เชน่ ไผจ่ ันทนผ์ า โดยห้มุ ขอ้ ดว้ ยตุม้ ตอนโดยไม่ต้องควันเนือเย่ือ บริเวณข้อของพืชจะ สรา้ งรากออกมาได้ ท่ีมา : https://lh3.googleusercontent.com การทาบกิ่ง ต่อกิ่ง และติดตาเป็นวิธีทาให้พืชท่ีต้องการเพิ่มจานวนมีการเจริญเติบโตอยู่บนพืชต้น อื่น โดยการทาให้เนอื เย่ือของพืชประสานติดกัน จนสามารถลาเลียงนา ธาตุอาหาร และอาหารไปท่ัวลาต้นได้ ส่วนใหญ่ทากับพืชท่ีขยายพันธุ์โดยวิธีอ่ืนยาก หรือต้องการทาให้ได้ต้นเตียลง แข็งแรง ทนทานต่อโรคหรือทา ใหม้ ลี ักษณะเดน่ ท่ีแตกตา่ งไปจากเดิม 4. การทาบกงิ่ การทาบก่ิง เป็นการนาต้นตอท่ีมีรากแข็งแรงไปทาบกับกิ่งของต้นพืชที่ต้องการเพ่ิมจานวน ต้นตอ และกึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชจาพวกเดียวกันแต่มีลักษณะเด่นแตกต่างกัน จึงสามารถนาก่ิงมาทาบกันได้ เมื่อ เนือเย่ือตรงรอยทาบประสานกันจะได้ต้นพืชที่มีรากแข็งแรงและส่วนบนเป็นพืชพันธ์ุที่ต้องการ พืชที่นิยมทาบ ก่ิง เชน่ น้อยหนา่ มะมว่ ง มะขาม

5. การตอ่ กง่ิ การต่อก่ิงหรือการเสียบยอด เป็นการนากิ่งของพืชที่ต้องการขยายพันธ์ุมาต่อหรือเสียบบนลาต้น หรือก่งิ พืชตน้ อน่ื พชื ทีน่ ิยมต่อกิ่ง เชน่ ชวนชม ขนนุ เงาะ สาเก เฟอื่ งฟา้ 6. การตดิ ตา การติดตา เป็นการนาตาของต้นท่ีต้องการขยายพันธุ์มาติดบนต้นตอ วิธีการนีทาให้ได้ต้นท่ีมี ลักษณะแตกตา่ งไปจากเดิม เช่น มีดอกหลายสีอยบู่ นต้นเดยี วกนั พชื ที่นยิ มตดิ ตาเช่น เฟื่องฟ้า กหุ ลาบ

7. การเพาะเลียงเนอื เยอ่ื การเพาะเลียงเนือเยื่อพืช (plant tissue culture) เป็นการบูรณาการนาเทคโนโลยีมาใช้ในการ ขยายพันธุ์พืชเป็นวิธีท่ีมีประสิทธิภาพสูง โดยนาส่วนของพืชที่มีเนือเย่ือที่สามารถเจริญเติบโตได้ เช่น ลาต้น ยอดตา ก้านช่อดอก ใบ ก้านใบ อับเรณู เรณู เอ็มบริโอ มาเพาะเลียงบนอาหารสังเคราะห์ที่มีธาตุอาหารท่ี จาเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โตและช่วยให้พืชเพมิ่ จานวนได้ ภายใต้สภาวะที่ควบคุมความสะอาด อุณหภูมิ และแสง เมื่อชินส่วนพืชเจริญเติบโตและพัฒนาเป็นต้นพืชที่สมบูรณ์ มีลาต้น และราก จึงจะนาออกปลูกในสภาพ ธรรมชาติ การเพาะเลยี งเนือเยอ่ื สามารถผลิตต้นพืชไดป้ ริมาณมากในระยะเวลาอันรวดเร็ว มีขนาดสม่าเสมอ ผลผลิตได้มาตรฐาน ได้ต้นพืชท่ีปลอดโรคและมีลักษณะเหมือนกับต้นเดิม จึงนิยมใช้ในการขยายพันธ์ุพืช เศรษฐกิจ เชน่ กล้วย กลว้ ยไม้ ปาล์มนามนั ที่มา:https://www.thairath.co.th/media/mSQWl ที่มา:https://www.nanagarden.com/Picture ZdCq5b6ZLkrg0udx7PIUt5E5fl3.jpg /Product/400/295887.jpg เนื่องจากการเพาะเลียงเนือเย่ือสามารถเพิ่มพืชได้จานวนมากในเวลาที่รวดเร็ว และสามารถนา เนือเย่ือจากแทบทุกส่วนของพืชมาเพาะเลียงได้ ในปัจจุบันมีการนาการเพาะเลียงเนือเย่ือพืชไปประยุกต์ใช้กับ งานด้านอื่น ๆ เช่น การเพาะเลียงเนือเย่ือพืช เพ่ือเพิ่มผลผลิตในงานภาคเกษตรโดยการผลิตพืชที่ทนทานต่อ โรคแมลงและสภาพแวดล้อมแบบต่าง ๆ การเพาะเลียงเนือเย่ือพืชท่ีหายาก เพื่อการอนุรักษ์พันธุ์พืชโดยนามา ปลูกขยายพนั ธหุ์ รอื เก็บรกั ษาไว้ในระบบการเพาะเลียงเนือเย่ือ หรือเพื่อแลกเปลี่ยนพันธ์ุพืชระหว่างประเทศ ซึ่ง การเพาะเลียงเนือเยื่อในบางกรณีไม่จาเป็นต้องกระตุ้นให้พืชเจริญเติบโตเป็นต้นท่ีสมบูรณ์ก็สามารถนามาใช้ ประโยชน์ได้ เช่น การเพาะเลยี งเนือเย่อื สว่ นท่มี กี ารสรา้ งสารต่าง ๆ เพ่ือสกดั สารมาใชท้ างดา้ นเภสชั วิทยา

บทท่ี 2 การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง เร่อื ง ปัจจยั และผลผลติ ของการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 1. แสง 2. คลอโรฟลิ ล์ 3. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ 4. นา การสร้างอาหารของพืช ได้แก่ แสง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแสงจากดวงอาทิตย์ คลอโรฟิลล์ ซ่ึงเป็นสารสี เขียวอยู่ในคลอโรพลาสต์ของเซลล์พืช และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของอากาศถ้าศึกษา เพิ่มเติมจะพบว่าปัจจยั สาหรบั การสรา้ งอาหารของพชื อกี อย่าง คอื นา ซึ่งรากพชื ดูดขึนมาจากดนิ แสงเป็นปัจจัยสาคัญในการสร้างอาหารของพืช จึงเรียกกระบวนการสร้างอาหารของพืชว่า การ สังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวที่นาพลังงานแสงมาเปลี่ยนวัตถุดิบ คือ แก็สคารบ์ อนไดออกไซต์และนาใหเ้ ป็นพลังงานเคมใี นรปู ของสารประกอบอินทรีย์หรือสารประกอบที่มีคาร์บอน เป็นองคป์ ระกอบ คลอโรฟิลล์เป็นสารสีเขียวมีหน้าที่สาคัญในการดูดซับพลังงานแสงมาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ ด้วยแสง ดังนันส่วนที่มีสีเขียวของพืช เช่น ใบ กลีบเลียง ลาต้น หรือผลที่มีเปลือกสีเขียว หรือแม้แต่ราก อากาศของกล้วยไม้ท่ีมีสีเขียวก็สามารถเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ นอกจากคลอโรฟิลล์แล้วในคลอโรพ ลาสต์ยงั มีสารสีอ่ืน ๆ เชน่ แคโรทีนอยด์ ซ่ึงเปน็ สารสีเหลือง สม้ แดง ท่ีสามารถดดู ซบั พลงั งานแสงแล้วสง่ ตอ่ พลังงานแสงนนั ไปยงั คลอโรฟิลล์เพ่อื ใชใ้ นการสังเคราะห์ด้วยแสงต่อไป ท่มี า : ท่มี า : https://cdn.pixabay.com/photo/2015/11/02/14/23/maple- https://www.govivigo.com/content/ideas/5633/56339a3b 1018454_960_720.jpg ec60adb92a8b45b7-2-full-ideas.jpg

ผลผลติ ทไี่ ดจ้ ากกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 1. นาตาล นาตาล เปน็ สารอินทรยี จ์ าพวกคาร์โบไฮเดรต นาตาลท่ีสร้างขึน ได้แก่ นาตาลกลูโคส (C6H12O6) จะถูกเปลีย่ นเป็นแป้งเก็บสะสมไว้บริเวณใบของพืช เราสามารถทดสอบแป้งโดยใช้สารละลายไอโอดีน จะทาให้ มสี ีนาเงินเข้มถงึ ดาเกดิ ขนึ 2. แกส๊ ออกซเิ จน (O2) แก๊สออกซิเจน (O2) เป็นผลผลิตท่ีได้จากการสร้างอาหารของพืช โดยแก๊สออกซิเจนนีได้มาจาก ออกซเิ จน ในโมเลกุลของนา และแก๊สออกซิเจนจะถกู ปลอ่ ยสบู่ รรยากาศทางปากใบของพืชมากทสี่ ุด 3. นา (H2O) นา (H2O) นอกจากจะเป็นวตั ถุดิบทีใ่ ช้ในการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืชแล้ว ยังเป็นผลผลิตท่ีได้จาก การสังเคราะห์ดว้ ยแสง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการท่ีมีความสาคัญต่อการดารงชีวิตของพืชและ ส่ิงมีชีวิตชนิดอื่นรวมทังมีผลต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นกระบวนการเดียวท่ีนาพลังงานแสงมาเปลี่ยนให้เป็น พลังงานเคมีเก็บไวใ้ นรูปของสารประกอบอินทรยี ์ทเ่ี ป็นอาหารสาหรบั ส่งิ มชี วี ิตทกุ ชนิดบนโลก เปน็ กระบวนการ ท่ีช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศซ่ึงเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน และช่วยรักษา สมดุลของปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สออกซิเจนในอากาศ ทาให้สิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ สามารถ ดารงชีวิตอยู่ได้ การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการที่พืชสร้างอาหารขึนสาหรับใช้ในการเจริญเติบโต ของพชื

บทท่ี 3 การลาเลยี งนา ธาตุอาหาร และอาหารของพชื พืชต้องการแสง นา และแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์เพ่ือใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง นอกจากนีพืชยัง ต้องการธาตุอาหารเพ่ือนาไปใช้ในการเจริญเติบโตและดารงชีวิต โดยพืชจะลาเลียงนา ธาตุอาหาร และ อาหารไปทั่วต้นถ้าสังเกตรากพืชอย่างละเอียดจะเห็นว่ามีขนเส้นเล็ก ๆ สีขาว อยู่ถดั ขึนมาจากปลายราก ขน เล็ก ๆ นี มีส่วนสาคัญในการดูดนาและธาตุอาหารจากดินขึนมาใช้ในการเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ติ เรื่องที่ 1 ธาตุอาหารของพชื พืชต้องการธาตุอาหาร (plant nutrients) ในการเจริญเติบโตและการดารงชีวิต เพราะธาตุ อาหารเป็นองค์ประกอบของโครงสร้างต่าง ๆ ของพืช และยังเป็นส่วนประกอบของสารท่ีทาหน้าท่ีใน กระบวนการสาคัญ เช่น การสงั เคราะหด์ ้วยแสง การหายใจ ในดนิ มีธาตุอาหารหลายชนิดท่ีจาเป็นต่อพืช แต่ ดินในแตล่ ะพนื ทอี่ าจมีชนิดและปรมิ าณของธาตอุ าหารแตกต่างกนั ขนึ อย่กู ับชนดิ ของอินทรียวัตถุและอนินทรีย์ วัตถทุ ีเ่ ปน็ สว่ นประกอบของดนิ ธาตอุ าหารทมี่ คี วามจาเปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื พืชต้องการธาตุอาหารเพื่อให้กระบวนการต่าง ๆ ในพืชเป็นไปอย่างปกติ เช่น กระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสงกระบวนการหายใจ ธาตุอาหารของพืชเป็นธาตุที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยตรง ถ้าขาดพืชจะแสดงอาการผิดปกติออกมา ต้องแก้ไขโดยการให้ธาตุที่ขาดโดยไม่สามารถใช้ธาตุอื่น ทดแทนได้ ธาตอุ าหารท่พี ชื ขาดไม่ได้มี 17 ธาตุ ซง่ึ พชื ไดร้ บั จาก อากาศ และ นา 3 ธาตุ ไดแ้ ก่ ออกซเิ จน ( O ) คารบ์ อน (C) และ ไฮโดรเจน (H) ธาตอุ าหารหลกั พืชตอ้ งการในปรมิ าณมาก ไดแ้ ก่ ไนโตรเจน ( N ) ฟอสฟอรสั ( P ) โพแทสเซยี ม ( K ) ธาตอุ าหารรอง ไดแ้ ก่ แคลเซยี ม ( Ca ) แมกนีเซียม ( Mg ) กามะถัน ( S )

ธาตอุ าหารเสรมิ หรือจลุ ธาตุ พืชตอ้ งการในปรมิ าณน้อย ไดแ้ ก่ เหลก็ (Fe) สังกะส(ี Zn) ทองแดง (Cu) คลอรนี (Cl) แมงกานสี (Mn) โมลิบดนี มั (Mo) โบรอน (B) นกิ เกลิ (Ni) ธาตอุ าหารหลกั ในปุย๋ เคมี ไนโตรเจน (N) ทาหนา้ ที่ เสริมสร้างการเจริญเตบิ โตของลาตน้ และใบ ฟอสฟอรสั (P) ทาหนา้ ท่ี เสริมสร้างการออกดอก โพแทสเซียม (K) ทาหน้าท่ี เสรมิ สรา้ งความหวาน คณุ ภาพผลผลติ ของพืช ความสาคญั ของธาตอุ าหารบางชนดิ และอาการผิดปกตขิ องพชื เนอื่ งจากการขาดธาตุอาหาร ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรสั (P)

โพแทสเซยี ม ( K ) แคลเซียม ( Ca ) แมกนเี ซยี ม ( Mg ) กามะถนั ( S )

ทีม่ า:https://i.pinimg.com/originals/94/86/6b/94 866b7393f59eeb4473c6e394fa8a30.png การขาดธาตุอาหารของพชื มหี ลายสาเหตุ เชน่ ดนิ มธี าตุอาหารไม่เพยี งพอ หรือดินมีธาตุอาหาร แต่ ไม่ได้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช หรือสมบัติของดินไม่เหมาะต่อการดูดธาตุอาหารของพืช เช่น ความ หนาแน่นรวมเพ่ิมขึน ความพรุนรวมลดลง อินทรียวัตถุในดินเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการปลูกพืช ชนิดเติมในแหล่งเดิมเป็นเวลานานโดยไม่มีการพักดินหรือปรับปรุงดิน ทาให้ธาตุอาหารท่ีพืชต้องการมาก ลดลงหรือหมดไป และมีธาตุอาหารชนิดอื่นเหลืออยู่มากเกินไป ทาให้ปริมาณของธาตุอาหารแต่ละชนิดในดิน ไม่สมดุล หรือเกิดจากการใส่ปุ๋ยบางชนิดในดินเป็นเวลานานทาให้ดินมีสภาพเป็นกรด-เบส เปลี่ยนแปลงไป จากเดิม หรือทาให้เนือดินจับตัวกันแน่น รากพืชไม่สามารถชอนไชเข้าไปในดินได้ สาเหตุเหล่านีส่งผลต่อการ ดูดธาตุอาหารไปใช้ของพืช เมื่อพืชไม่ได้รับธาตุอาหารท่ีจาเป็นจงึ แสดงอาการผิดปกติ ทังนีความสามารถใน การดูดธาตุอาหารมาใช้ของพชื ยังเกี่ยวข้องกบั ชนดิ และอายขุ องพชื ด้วย การแก้ปัญหาการขาดธาตอุ าหารของพืช การแก้ปัญหาการขาดธาตุอาหารของพืชมีขันตอนหลักๆ คือ สังเกตลักษณะอาการ วิเคราะห์ดิน และวิเคราะหเ์ นือเยอื่ พชื จากนนั หาแนวทางการจัดการปรบั ปรุงดนิ เพือ่ เพม่ิ ธาตอุ าหารแก่พืช การเพิ่มธาตุอาหารพืชในดิน ทาได้โดยการใส่ปุ๋ย (fertilizer) ซ่ึงเป็นวัสดุหรือสารท่ีมีธาตุอาหาร ของพืชเป็นองค์ประกอบ หรือเป็นสิ่งมีชีวิตท่ีช่วยสร้างธาตุอาหารให้แก่พืช การใส่ปุ๋ยนอกจากเป็นการเพิ่ม ปรมิ าณธาตอุ าหารในดนิ แล้วยงั ช่วยในการปรับปรงุ ดนิ ให้พืชสามารถดดู ธาตอุ าหารไปใชไ้ ดด้ ีขนึ สามารถแบง่ ประเภทของป๋ยุ ได้ดงั นี

1. ป๋ยุ เคมี คือ ปุ๋ยท่ีมาจากสารประกอบที่สังเคราะห์ขึน จะมีธาตุอาหารท่ีพืชสามารถดูดนาไปใช้ได้ ทันที ปุ๋ยเคมีมีหลายชนิดแตกต่างกันไปตามลักษณะ สมบัติและการใช้งาน ปุ๋ยเคมีที่มีขายในท้องตลาดส่วน ใหญ่จะมีเลขสูตรปุ๋ยกากับซ่ึงเป็นเลขท่ีระบุปริมาณของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมท่ีมีอยู่ในปุ๋ย นาหนัก 100 กิโลกรัม เช่น สูตร 30-20-10 หมายถึงปุ๋ย 100 กิโลกรัม จะมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียมธาตุละ 30 20 และ 10 กิโลกรัม ตามลาดับ ส่วนอีก 40 กิโลกรัม จะเป็นสารอื่น ๆ ที่ไม่ให้ธาตุ อาหารแก่พืช ทม่ี า : http://4.bp.blogspot.com/-gab_1UYbLyQ/VVQtn_Qj8AI/AAAAAAAAAUM/wo- 7gT6ItW4/s1600/All%2BPui_700.png 2. ปุ๋ยอินทรีย์ คือ ปุ๋ยท่ีได้จากการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ย เหล่านีนอกจากจะมีธาตุอาหารท่ีเหลืออยู่ในซากแล้วยังช่วยปรับสมบัติทางกายภาพของดินให้ดีขึน เช่น ระบายนาไดด้ ี อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก ชว่ ยให้รากดดู ธาตอุ าหารได้ดขี นึ ปุย๋ หมกั ปุ๋ยคอก ทม่ี า ซ https://www.svgroup.co.th/blog/wp- ทม่ี า : https://th-test- content/uploads/2019/09/797x533.jpg 11.slatic.net/p/bdfb06c3f9a95f6447ce8c5afcea33d9.jpg

3. ป๋ยุ ชวี ภาพ คอื ป๋ยุ ทป่ี ระกอบดว้ ยจลุ นิ ทรีย์ซ่ึงยงั มชี วี ติ อยู่ จุลินทรีย์เหลา่ นมี สี มบัตทิ ีส่ ามารถตรึง ไนโตรเจนในอากาศ หรือเปลี่ยนธาตุอาหารที่อยู่ในรูปท่ีพืชยังไม่สามารถนาไปใช้ได้ให้อยู่ในรูปที่พืชสามารถ นาไปใช้ประโยชน์ได้ในปัจจุบันมีการใช้ปุ๋ยชนิดนีเพิ่มขึน เช่น การใช้สาหร่ายสีเขียวแกมนาเงินท่ีอาศัยอยู่ใน โพรงใบแหนแดงมาช่วยในการเพม่ิ ปริมาณไนโตรเจนในนาข้าว การใช้ไมคอร์ไรซา่ ช่วยให้ฟอสฟอรัสที่อยู่ในดิน ละลายออกมาอยู่ในรูปที่พชื นาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ที่มา:https://www.kubotasolutions.com/plugins/image_resize.php?url=https://www.kubot asolutions.com/files/content_photo/20160324124042-3.jpg&type=crop&w=453&h=379 ธาตุอาหารในดินมีความสาคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ถ้าพืชขาดธาตุอาหารพืชก็จะแสดง อาการผดิ ปกติจึงจาเป็นต้องทาใหพ้ ืชได้รับธาตอุ าหารอย่างเพยี งพอ โดยอาจเพมิ่ ธาตุอาหารในดนิ เร่ือง การลาเลียงในพชื การลาเลียงนาและธาตุอาหารของพืชเริ่มจากนาและธาตุอาหารเข้าสู่รากพืชและลาเลียงต่อไปยัง ส่วนต่าง ๆ ของพืช ซึง่ สังเกตได้จากทิศทางการเคลื่อนท่ีของนาสีในต้นเทียนรากเป็นส่วนท่ีสัมผัสกับดินหรือ วัสดุอ่ืน ๆ ท่ีใช้ปลูกพืช การท่ีพืชมีรากจานวนมากและท่ีบริเวณถัดจากปลายรากมีเซลล์ผิวรากบางส่วน เปล่ียนเป็นเซลล์ขนรากเป็นการช่วยเพิ่มพืนที่ผิวของรากในการสัมผัสกับนาและธาตุอาหารในดิน ทาให้ราก สามารถดูดนาและธาตอุ าหารไดม้ ากขนึ

กระบวนการดดู นาและธาตอุ าหาร พืชจะดูดนาและธาตุอาหารทางขนราก โดยจะดูดนาดว้ ยวิธีการออสโมซิส สว่ นการดดู ธาตอุ าหารใชว้ ิธีการแพร่ ระบบเนือเย่ือทอ่ ลาเลียง ประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ทอ่ ลาเลียงนาและธาตุอาหาร (xylem) ทอ่ ลาเลียงอาหาร (phloem) ที่มา : https://jun75229.files.wordpress.com/2014/02/naksdf.jpg

ทมี่ า:https://i0.wp.com/ngthai.com/app/uploads/2021/01/Differences.pn g?resize=640%2C308&ssl=1 พืชจะเจริญเติบโตได้ดีหรือไม่ขึนอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินดิน ต้องมีนา และธาตุอาหารที่ เพียงพอให้พืชนาไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ พืชใช้รากดูดนาและธาตุอาหารจากดินเข้าสู่รากและลาเลียงจาก รากไปยังลาต้นและส่วนอื่น ๆ ของพืชผ่านทางไซเล็ม และเมื่อลาเลียงไปถึงใบ พืชจะใช้นาในกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง ส่วนธาตุอาหารจะเป็นส่วนประกอบของนาตาลและสารอ่ืน ๆ ท่ีพืชสร้างขึน ธาตุอาหาร บางชนิดช่วยให้พืชสังเคราะห์ด้วยแสงได้ดีขึนจากนันนาตาลหรืออาหารที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงจะถูก ลาเลียงจากใบไปยังลาต้นและส่วนอ่ืนของพืชผ่านทางโฟลเอ็ม ทาให้พืชมีอาหารใช้ในการเจริญเติบโตและเก็บ สะสมไว้ตามสว่ นตา่ ง ๆ การศึกษาการดารงชีวิตของพืชทาให้เข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ในการดารงชีวิตของพืช รวมทัง ความสาคัญของพืช ต่อส่ิงมีชีวิตชนิดอ่ืน ๆ และสิ่งแวดล้อม ซ่ึงความรู้ความเข้าใจดังกล่าวสามารถนามา ประยุกตใ์ ชใ้ ห้เกิดประโยชน์มากมายทังการเพาะปลูก ดูแล และขยายพันธ์ุเพื่อให้ทันต่อความต้องการในการใช้ ประโยชนข์ องมนษุ ย์ รวมทังการอนุรักษพ์ ันธพุ์ ืช

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ม.1 การดารงชวี ติ ของพืช


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook