Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3 หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต

หน่วยที่ 3 หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต

Description: หน่วยที่ 3 หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต

Search

Read the Text Version

3หนว่ ยที่ หน่วยพ้นื ฐานของสงิ่ มชี วี ติ หนว่ ยการเรียนรู้นีม้ ีจดุ มุ่งหมายใหน้ ักเรยี นเรยี นรู้เกีย่ วกับการใช้กล้องจลุ ทรรศนใ์ ช้ แสง รปู รา่ งลกั ษณะของเซลล์ โครงสร้างและหน้าทแี่ ตล่ ะโครงสรา้ งของเซลล์ ความสัมพันธ์ระหวา่ งรูปรา่ งลกั ษณะกบั หน้าท่ขี องเซลล์ และการจัดระบบของสิ่งมชี วี ติ รวมทั้งกระบวนการลาเลียงสารผ่านเซลล์โดยการแพรแ่ ละออสโมซิสเพอ่ื ทาความ เขา้ ใจหน่วยพื้นฐานของสิง่ มีชวี ิตและกระบวนการบางอยา่ งท่เี กิดขึน้ ภายในหน่วย พ้นื ฐานของสง่ิ มชี วี ิต

องค์ประกอบของหนว่ ย บทท่ี 1 เซลล์ ▪ เร่อื งที่ 1 การศึกษาเซลล์ด้วยกล้องจลุ ทรรศน์ ▪ เรื่องที่ 2 โครงสร้างและหนา้ ทข่ี องเซลล์ บทที่ 2 การลาเลียงสารเขา้ ออกเซลล์ ▪ เร่อื งท่ี 1 การแพร่ ▪ เรอื่ งที่ 2 ออสโมซิส

บทท่ี 1 เซลล์ สาระสาคญั สงิ่ มชี วี ิตทุกชนดิ มเี ซลล์เปน็ สว่ นประกอบ บางชนดิ ประกอบดว้ ยเซลล์ 1 เซลล์ บางชนดิ ประกอบดว้ ยเซลล์หลายเซลล์ เซลลข์ องสิ่งมีชวี ติ จะมขี นาดเล็กมากจนไม่ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจึงตอ้ งใชก้ ล้องจุลทรรศนใ์ ชแ้ สงเปน็ เครอื่ งมอื ชว่ ยใน การศกึ ษาเซลล์พชื และเซลลส์ ัตวม์ โี ครงสรา้ งพนื้ ฐานเหมือนกนั คอื มเี ยือ่ ห้มุ เซลล์ ไซ โทพลาซึม และนวิ เคลียสซ่งึ โครงสรา้ งพน้ื ฐานนจ้ี ะทาหนา้ ทแี่ ตกต่างกันไป แต่เซลลพ์ ชื มี โครงสรา้ งบางอย่างท่ีไมพ่ บในเซลล์สัตว์ ได้แกผ่ นงั เซลลแ์ ละคลอโรพลาสตเ์ ซลลม์ รี ูปร่าง ลกั ษณะท่ีหลากหลายเพือ่ ให้เหมาะสมกับหน้าทขี่ องเซลลน์ ้ัน ๆ โดยเซลลช์ นดิ เดียวกนั หรือหลายชนิดจะทางานร่วมกนั เปน็ เนอ้ื เย่ือ เนือ้ เย่อื หลายชนิดรวมกนั เป็นอวัยวะ อวยั วะทางานร่วมกนั จัดเป็นระบบอวยั วะ และระบบอวยั วะทุกระบบทางานรว่ มกันจน เป็นสง่ิ มีชวี ติ

เร่อื งที่ 1 การศึกษาเซลลด์ ว้ ยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ จากที่ทราบมาแล้ววา่ ธาตปุ ระกอบดว้ ยหน่วยยอ่ ยท่เี ลก็ ทส่ี ุดทีแ่ สดงสมบัติของธาตุ คือ อะตอม ส่วนสิง่ มีชีวติ ไมว่ า่ จะเป็นพชื สัตว์ หรือแม้แต่รา่ งกายของเรา ลว้ นประกอบด้วยหน่วย พื้นฐานทเ่ี ลก็ ท่สี ุดทแ่ี สดงสมบตั ิของการมีชีวิต คือเซลล์ ซงึ่ เซลล์ต่างชนดิ กนั อาจมีขนาดและ รปู ร่างลกั ษณะแตกต่างกัน แต่สว่ นใหญ่มักมขี นาดเล็กมากจนไมส่ ามารถมองเห็นไดด้ ้วยตาเปล่า นกั วทิ ยาศาสตรจ์ ึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีที่ชว่ ยใหม้ นุษยส์ ามารถมองเหน็ สงิ่ ต่าง ๆ ทม่ี ี ขนาดเล็กเหลา่ นี้ โดยเร่มิ จากการใช้แวน่ ขยายและต่อมาไดม้ ีการประดษิ ฐ์กลอ้ งจลุ ทรรศน์ (microscope) ทีช่ ว่ ยขยายขนาดภาพของวตั ถุขนาดเลก็ ได้หลายเทา่ ในปัจจุบนั กลอ้ งจุลทรรศน์ มหี ลายชนิด แต่สว่ นใหญ่ทใี่ ชใ้ นการศกึ ษาเซลลเ์ บือ้ งต้น จะเป็นกล้องจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง (light microscope) ส่วนประกอบของกล้องจลุ ทรรศน์ใช้แสง

วธิ ีการใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ ❖ ขนั้ ท่ี 1 วางสไลด์ท่ตี ้องการส่องบนแทน่ วางสไลด์ เปิดไฟกล้องจุลทรรศน์ ควรให้จุดวงกลมของแสงอยู่ตรงกลางใกล้เคียงกับ บรเิ วณทต่ี ้องการส่องมากท่ีสดุ ❖ ข้ันที่ 2 ปรับระยะห่างระหวา่ งตา สาหรับกล้องชนดิ 2 ตา ปรับหาระยะห่างระหว่างตา (Interpupillary distance) และปรับ Diopter ท่ตี าข้างใดขา้ งหน่ึง เพือ่ ใหร้ ะยะโฟกสั ท่เี ทา่ กนั ❖ ขนั้ ท่ี 3 ปรับโฟกัส หาระยะโฟกสั ทชี่ ัดท่ีสุด โดยเริ่มจากเลนส์วัตถุที่ขนาดกาลังขยายต่าสุดก่อน จากน้ันค่อยเพิ่ม กาลังขยายให้สูงข้ึน โดยปรบั ปุ่มปรับภาพหยาบ (Coarse adjustment knob) ❖ ขั้นที่ 4 ปรบั ละเอยี ด เม่ือปรับภาพหยาบจนพอมองเห็นภาพให้ทาการปรับดว้ ยปุ่มปรบั ภาพแบบละเอยี ด (Fine adjustment knob) ควบคู่กบั การเลอ่ื นสไลด์

วิธกี ารใช้กล้องจลุ ทรรศน์ (ต่อ) ❖ ข้ันที่ 5 ปรบั ปรมิ าณแสง โดยปรับที่ไดอะแฟรม (Diaphragm) ใต้แท่นวางสไลด์เพื่อควบคุมแสงใน ปรมิ าณทพี่ อเหมาะ การลดความกว้างของไดอะแฟรมลงเมื่อกาลงั ขยายสงู ขน้ึ ❖ ขน้ั ที่ 6 ปรบั กาลงั ขยายใหส้ ูงขึ้น เมื่อไม่ขนาดของวัตถุท่ีส่องมีขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ให้ปรับ กาลังขยายให้สูงขึ้น โดยเลนส์ 100X ควรใช้ Immersion Oil หยดลงบนกระจกปิด สไลดเ์ พื่อเพม่ิ ประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วย โดยให้เลนส์สาผัสกับ Immersion Oil และกระจกปดิ สไลด์ ❖ ขั้นท่ี 7 เก็บทาความสะอาด เมอื่ ใช้งานเสร็จให้เก็บโดยใช้ถุงคลุมหรือเก็บไว้ในที่ท่ีไม่มีฝุ่น และความชื้นต่า โดยเช็ดทาความสะอาดด้วยกระดาษเช็ดเลนสห์ รือน้ายาสาหรับเช็ดเลนส์

กจิ กรรมที่ 3.1 โลกใต้กลอ้ งจุลทรรศนเ์ ปน็ อยา่ งไร ตอนที่ 1 การใชก้ ล้องจุลทรรศนใ์ ชแ้ สง จดุ ประสงค์ 1. สงั เกตและอภปิ ราย เพอื่ ระบสุ ่วนประกอบและบรรยายหนา้ ทแ่ี ต่ละส่วนประกอบของกล้อง จุลทรรศน์ใช้แสง 2. ฝึกปฏบิ ัติการใช้กลอ้ งจลุ ทรรศน์ใชแ้ สงเพอ่ื สังเกตเซลล์ 3. สังเกตเซลลแ์ ละนาเสนอหลักฐานเชงิ ประจักษ์เก่ยี วกับลักษณะของเซลล์ วัสดแุ ละอุปกรณ์ 1. กล้องจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง 1 กลอ้ ง 2. แวน่ ขยาย 1 อัน 3. สไลด์ 1 แผน่ 4. สไลดถ์ าวรของเน้อื เย่ือพืช เชน่ ลาตน้ ใบ 1 แผน่ 5. สไลดถ์ าวรของเนือ้ เยอื่ สัตว์ เชน่ ลาไส้เลก็ กล้ามเนอ้ื 1 แผ่น 6. สไลดถ์ าวรของส่ิงมีชีวติ เซลล์เดียว เชน่ พารามีเซียม 1 แผ่น 7. ปากกา 1 ดา้ ม 8. เทปใส 1 ม้วน 9. กระดาษขาว ขนาด 1 cm x 1 cm 1 - 2 แผน่

กิจกรรมที่ 3.1 โลกใต้กล้องจุลทรรศน์เปน็ อยา่ งไร วิธกี ารดาเนินกจิ กรรม 1. สังเกตส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์ใช้แสงและร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับหน้าท่ีของ สว่ นประกอบตา่ ง ๆ 2. อา่ นวิธีการใช้กล้องจุลทรรศน์ใชแ้ สงจากข้อมูลในหนังสือเรยี น 3. เขียนตัวอักษรขนาดเล็กบนกระดาษท่ีตัดไว้ วางกระดาษบนสไลด์และปิดด้วยเทปใส สงั เกตตวั อกั ษรบนสไลดแ์ ละบนั ทกึ ผลให้มขี นาดใกล้เคียงกับขนาดตัวอักษรบนสไลด์ 4. สังเกตตัวอักษรโดยใชแ้ ว่นขยาย บันทึกผลโดยการวาดภาพและเขียนบรรยายลักษณะ ของภาพ 5. สังเกตตัวอักษรโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงซ่ึงใช้เลนส์ใกล้วัตถุกาลังขยาย 4 เท่า จากน้ันปรับเป็นกาลังขยาย 10 เท่าและ 40 เท่า ตามลาดับ สังเกตและบันทึกผลโดยการวาด ภาพและเขียนบรรยายลกั ษณะของภาพ พร้อมระบกุ าลงั ขยายของกลอ้ งที่ใช้ 6. เปลี่ยนให้เลนส์ใกล้วัตถุกาลังขยาย 4 เท่า อยู่ตรงกับวัตถุแล้วเลื่อนสไลด์ท่ีมีตัวอักษร ไปทางซ้าย ขวา บน และล่างสังเกตการเปลี่ยนตาแหน่งของภาพและบันทึกผลโดยการวาดภาพ และเขียนบรรยาลักษณะของภาพ

กจิ กรรมที่ 3.1 โลกใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์เปน็ อย่างไร ตอนท่ี 2 เซลลข์ องส่งิ มีชวี ติ วิธกี ารดาเนนิ กิจกรรม 1. ใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงสังเกตลักษณะของเซลล์พืชจากสไลด์ถาวรของเน้ือเย่ือพืช โดย ใชเ้ ลนสใ์ กลว้ ตั ถุกาลงั ขยาย 10 เทา่ สงั เกตและบันทึกผลโดยการวาดภาพ 2. ทาซา้ ขอ้ 1 โดยใช้สไลด์ถาวรของเนือ้ เย่ือสตั ว์ และสไลด์ถาวรของสิ่งมีชีวติ เซลล์เดยี ว 3. นาภาพวาดที่บันทึกได้มาจัดแสดงและร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบลักษณะท่ีพบของ เซลลพ์ ชื เซลลส์ ัตว์ และสง่ิ มชี ีวติ เซลลเ์ ดียว ภาพตัวอย่างผลการทากิจกรรมตอนที่ 1 การใช้กล้องจลุ ทรรศน์ใช้แสง 1. ภาพที่สังเกตได้จากแว่นขยายภาพทีส่ ังเกตได้จากแว่นขยายจะมขี นาดใหญ่ขึ้น

กจิ กรรมท่ี 3.1 โลกใต้กล้องจุลทรรศนเ์ ปน็ อย่างไร ตอนที่ 2 เซลลข์ องส่ิงมชี ีวิต 2. ภาพท่ีสังเกตไดห้ ลงั จากใช้เลนสใ์ กล้วัตถุขนาด 4X 10X และ 40X ภาพทสี่ ังเกตไดห้ ลังจาก ใช้กล้องจุลทรรศนใ์ ชแ้ สงกาลังขยายตา่ ง ๆ จะเป็นภาพหวั กลบั และกลับซา้ ยเป็นขวาโดยมขี นาด ใหญ่ขึน้ ตามกาลังขยายทเ่ี พมิ่ มากข้นึ 3. ภาพท่ีสังเกตได้จากการเลื่อนแท่นวางสไลด์ไปทางซ้าย ขวา บน และล่างการเลื่อนแท่นวาง สไลดไ์ ปทางซ้าย ขวา บน และล่าง จะสังเกตเห็นภาพเคลื่อนไปในทิศทางตรงกนั ขา้ ม

เรื่องที่ 2 โครงสร้างและหนา้ ท่ีของเซลล์ สงิ่ มชี วี ิตมีหลายชนิด แต่ละชนดิ มรี ูปร่างและรูปแบบการดารงชีวิตท่ีแตกต่างกัน เช่น พืชสามารถ สร้างอาหารเองได้สว่ นสัตวส์ รา้ งอาหารเองไม่ไดต้ ้องกินส่งิ มชี ีวิตอ่ืนเป็นอาหาร แต่ท้ังพืชและสัตว์น้ันต่างมี เซลลเ์ ปน็ หนว่ ยพ้นื ฐาน นกั เรียนคิดวา่ เซลล์พชื และเซลลส์ ตั วม์ รี ปู ร่างและโครงสร้างเหมือนหรือแตกต่างกัน หรือไม่ รูปร่างและโครงสร้างเหล่านั้นส่งผลต่อการทางานของเซลล์และการดารงชีวิตของพืชและสัตว์ อยา่ งไร กจิ กรรมท่ี 3.2 เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ตั วแ์ ตกตา่ งกันอยา่ งไร จุดประสงค์ สังเกตและรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์เพ่ือบรรยายและเปรียบเทียบรูปร่างลักษณะและ โครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ วสั ดุอปุ กรณ์ 2. หวั หอมแดงหรือหัวหอมใหณ่ 4. สระลายไอโอดนี ความเข็มขน้ 1% 1. สาหร่ายหางกะรอก 6. ปากคบี 3. น้า 8. หลอดหยด 5. นา้ เกลอื 10. ใบมีดโกน 7. ก้านสาลี 9. เขม็ เข่ีย 12. สไลดแ์ ละกระจกปดิ สไลด์ 11. กระดาษเยอื่ 13. กล้องจุลทรรศนใ์ ช้เเสง

กิจกรรมที่ 3.2 เซลล์พชื และเซลลส์ ัตวแ์ ตกต่างกันอยา่ งไร ตอนท่ี 1 เซลล์พืช วิธดี าเนินกจิ กรรม ศกึ ษาเซลลเ์ ยอ่ื หวั หอมแดง 1. หยดน้าลงบนสไลด์ 1-2 หยด 2. ใชป้ ากคบี ลอกเย่ือดา้ นในของหวั หอมแดงออกตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วค่อยๆ วางบนหยด น้าบนสไลดเ์ พอื่ ไมใ่ ห้เกดิ ฟองอากาศระวงั ไม่ใหเ้ น้อื เยื่อพับซอ้ นกัน

กจิ กรรมท่ี 3.2 เซลล์พืชและเซลล์สตั ว์แตกตา่ งกนั อยา่ งไร 3. หยดสารละลายไอโอดนี 1 หยด บนเยอื่ หัวหอมแดง 4. วางกระจกปดิ สไลด์ทามุมประมาณ 45 องศา กบั สไลด์ด้านหน่ึง ใชน้ ้วิ หัวแม่มอื และน้วิ ชี้ของมอื ซ้ายจบั ขอบกระจกแลว้ เลื่อนกระจกปดิ สไลดไ์ ปสัมผสั กับขอบดา้ นนอกของหยดน้า มอื ขวาจบั เข็มเข่ยี รองรับกระจกปิดสไลด์ไว้ แลว้ ค่อยๆลดเขม็ เขีย่ ลงจนกระจกปดิ สไลดป์ ิดลงบนสไลด์สนิท

กิจกรรมท่ี 3.2 เซลล์พชื และเซลลส์ ตั วแ์ ตกต่างกนั อยา่ งไร 5. ระวังอย่าให้มฟี องอากาศ ใช้กระดาษเย่ือแตะข้างๆ กระจกปดิ สไลดเ์ พ่อื ซบั ของเหลวสว่ นเกนิ ออก 6. นาสไลด์ตวั อยา่ งไปสงั เกตด้วยกลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใช้แสงกาลังขยายต่างๆ บนั ทึกผลโดยการวาด ภาพหรอื ถา่ ยภาพ

กิจกรรมท่ี 3.2 เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์แตกต่างกนั อยา่ งไร 7. เปรียบเทียบภาพที่บันทึกได้กับภาพโครงสร้างของเซลล์ เพ่ือระบุโครงสร้างของเซลล์ท่ีพบจากการ สังเกต ตอนที่ 1 สาหร่ายหางกระรอก 1. หยดน้าลงบนสไลด์ 1 หยด

กิจกรรมท่ี 3.2 เซลล์พชื และเซลล์สัตว์แตกตา่ งกันอยา่ งไร 2. ใชป้ ากคบี เด็ดใบสาหร่ายหางกระรอกบรเิ วณใกล้ยอด 1 ใบ 3. วางใบสาหรา่ ยหางกระรอกบนหยดน้าบนสไลด์ ปดิ ด้วยกระจกปิดสไลด์ 4. นาสไลด์ตัวอย่างไปสังเกตด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงกาลังขยายต่างๆ บันทึกผลโดยการวาด ภาพหรือถ่ายภาพ

กิจกรรมท่ี 3.2 เซลล์พืชและเซลลส์ ตั วแ์ ตกต่างกันอยา่ งไร 5. เปรียบเทียบภาพท่ีบันทึกได้กับภาพโครงสร้างของเซลล์ เพื่อระบุโครงสร้างของเซลล์ท่ีพบจาก การสงั เกต ตอนที่ 2 เซลลส์ ตั ว์ วิธีการดาเนินกิจกรรม 1. หยดนา้ เกลอื ความเขม้ ข้น 0.85% 1 หยดบนกระจกสไสด์

กจิ กรรมที่ 3.2 เซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์แตกตา่ งกันอยา่ งไร 2. ใชก้ า้ นส้าลีทส่ี ะอาด ขูดเบาๆ ทด่ี ้านในของกระพุงแก้ม แลว้ นาไปแตะลงบนหยดนา้ เกลือบน กระจกสไลด์ 3. หยดสารละลายไอโอดีน 1 หยดลงบนหยดนาเกลือแล้วปดิ ด้วยกระจกปิดสไลด์ 4. นาสไลดไ์ ปส่องดูด้วยกลอ้ งจุลทรรศนโ์ ดยใชเ้ ลนส์ใกล้วตั ถุก้าลังขยายตา่ และสูงตามลาดบั สงั เกต และวาดภาพหรอื ถา่ ยภาพ

กิจกรรมท่ี 3.2 เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์แตกต่างกันอยา่ งไร 5. เปรียบเทียบภาพที่บนั ทึกได้ กบั ภาพโครงสร้างของเซลล์ เพือ่ ระบโุ ครงสรา้ งของเซลลท์ ี่พบจากการสังเกต

ส่วนประกอบสาคญั ของเซลล์ เย่อื หุม้ เซลล์ พบในเซลลส์ ิง่ มชี ีวิตทุกชนดิ ยกเว้นไวรัส เยือ่ หุม้ เซลล์ทาใหเ้ ซลล์คงรูปอยไู่ ด้ และเป็นเย่อื เลอื กผา่ น คือ มี คุณสมบัตยิ อมให้สารบางชนิดผา่ นเขา้ ออกเท่านัน้ ควบคุมการเข้าออกของสารต่าง ๆ ยอมใหส้ ารบางชนดิ ผ่านได้ เช่น น้า แก๊สออกซเิ จน และไมย่ อมใหส้ ารบางชนดิ ผ่าน เชน่ โปรตนี นา้ ตาลกลูโคส ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) ไซโทพลาซมึ (Cytoplasm) เปน็ สว่ นประกอบท่เี ปน็ ของเหลวอยู่ภายในเซลล์ มสี ารที่ละลายนา้ ได้ เชน่ โปรตีน ไขมนั เกลอื แร่ ฯลฯ นิวเคลยี ส มลี ักษณะคอ่ นขา้ งกลม อยบู่ รเิ วณกลางเซลล์ ประกอบด้วยเย่ือหุ้มนิวเคลียส และนิวคลีโอพลาซึมซ่ึงเป็น ส่วนที่อยู่ภายในเย่ือหุ้มนิวเคลียส นิวเคลียส ทาหน้าที่ควบคุมการทางานต่าง ๆ ภายในเซลล์ แบ่งเซลล์ และบรรจุสารพนั ธุกรรม DNA แวคิวโอล เป็นถงุ บรรจุสารต่างๆ ท่พี บในเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์ เซลลพ์ ืชมีขนาดใหญ่ทาหนา้ ทเ่ี ก็บของเหลว นา้ และสารที่พืชสร้างขน้ึ เชน่ สารสี นา้ ตาลสว่ นในสัตว์มีขนาดเลก็ กว่าและจานวนมากกว่า ทา หน้าทีเ่ กบ็ สะสมน้าและอาหาร ไมโทรคอนเดรีย มขี นาดใหญ่ มีรูปรา่ งยาว กลมรี ภายในมีเย่ือพับซอ้ นกนั ทาหน้าท่สี ลายอาหารเพอื่ ให้พลงั งานซึ่งจะนาไปใชใ้ น กิจกรรมต่างๆ ของเซลล์

ส่วนประกอบสาคัญของเซลล์ คลอโรพลาสต์ พบเฉพาะในเซลล์พืช มีสีเขยี วเพราะมีพลาสติดท่สี ะสมรงควัตถสุ เี ขียวอยู่ภายใน นั่นคอื คลอโรฟีล ทา หนา้ ท่ีชว่ ยในการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช ผนังเซลล์ เปน็ สว่ นท่ีอยชู่ ้นั นอกสดุ ของเซลล์ จะพบในเซลล์พืช แตไ่ ม่พบในเซลล์สตั ว์ เป็นโครงสร้างที่กาหนดขอบเขต และรูปร่างของส่ิงมีชีวิต มีหน้าที่เพ่ิมความแข็งแรง ค้าจุนโครงสร้างของเซลล์ ทาให้เซลล์คงรูป และ ปอ้ งกันการสญู เสียน้าของเซลลพ์ ชื ในผนังเซลลป์ ระกอบดว้ ยเซลลูโลส และเพกติน เปรยี บเทียบความเหมือนและความแตกตา่ งของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ การจัดระบบของเซลล์ไปเปน็ รา่ งกายของสิ่งมีชีวติ

บทท่ี 2 การลาเลียงสารเข้าออกเซลล์ สาระสาคญั เซลล์มีกระบวนการต่าง ๆ ในการสารเข้าออกเซลล์ การนาสารเข้าและออกจาก เซลล์มีหลายวิธี เช่น การแพร่เป็นวิธีการที่สารจะเคลื่อนที่จากบริเวณท่ีมีความเข้มข้นของ สารมากไปสู่บริเวณทีม่ีความเข้มข้นของสารน้อย ส่วนการออสโมซิสเป็นการแพร่ของน้า ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จากด้านที่มีความเข้มข้นของสารละลายต่าไปยังด้านที่มีความเข้มข้นของ สารละลายสูงกวา่

เรือ่ งท่ี 1 การแพร่ วิธีที่เรานิยมใช้ในการถนอมอาหาร คือ การดอง ซ่ึงอาจใช้เกลือหรือน้าตาลเติมใน อาหาร เพ่อื ใหอ้ าหารนัน้ ไม่เน่าเสียเก็บได้นานข้นึ ตวั อย่างเช่น การทาผักกาดดอง โดยใช้เกลือ ในการดองทาให้ผักที่ได้มีรสเค็ม เนื่องจากเกลือเคล่ือนเข้าสู่ภายในเซลล์ของผักกาด รู้หรือไม่ ว่ากระบวนการน้เี กิดข้นึ ได้อยา่ งไร

กิจกรรมที่ 3.3 อนุภาคของสารมกี ารเคลอื่ นที่อยา่ งไร วัสดอุ ุปกรณ์ 1. บีกเกอร์ ขนาด 50 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร 1 ใบ 2. นา้ 30 cm3 3. ชอ้ นตกั สาร 1 อัน 4. เกลด็ ด่างทบั ทิม 2-3 เกลด็ วธิ ดี าเนินกจิ กรรม 1. สังเกตลักษณะ ขนาด และสขี องเกลด็ ค่างทบั ทมิ บนั ทึกผล 2. ใส่เกล็ดต่างทบั ทิม 2:3 เกลด็ ลงในน้า 40 ลกู บาศกเ็ ชนติเมตร 3. สงั เกตและบันทกึ ผลการเปลยี่ นแปลงทีเ่ กิดขึ้นต้ังแต่เริ่มใสเ่ กล็ดด่างทับทิมจนครบเวลา 10 นาที โดยการวาดภาพและเขยี นบรรยาย อนุภาคดา่ งทบั ทิมจะเคลอ่ื นทจ่ี ากบรเิ วณรอบเกล็ดดา่ งทบั ทมิ ซึ่งมสี ีมว่ งเขม้ กระจายทกุ ทศิ ทางรอบเกล็ดด่างทบั ทิมไปยังบริเวณอื่น

สารละลายทีอ่ ยู่นอกเซลลส์ ามารถจาแนกออกเปน็ 3 ประเภท ตามการเปลี่ยนแปลงของขนาดเซลล์ เมอื่ อยภู่ ายในสารละลายนน้ั ๆ 1. สารละลายไฮโพทอนิก (Hypotonic Solution) คือ สภาพของสารละลายภายนอกเซลล์ ซ่งึ มีความเขม้ ขน้ ต่ากวา่ สารละลายภายในเซลล์ ทาใหน้ า้ ทอี่ ยู่ ภายนอกเซลล์เกิดการเคล่ือนทหี่ รอื ออสโมซสิ เข้ามาภายในเซลล์ ส่งผลให้เซลล์เต่งและแตกได้ 2. สารละลายไอโซทอนิก (Isotonic Solution) คอื สภาพของสารละลายภายนอกเซลล์ ซงึ่ มคี วามเข้มข้นเทา่ กับสารละลายภายในเซลล์ ทาให้การออสโมซิส ของน้าระหวา่ งภายในกับภายนอกเซลล์ไม่เกดิ ความแตกต่าง สง่ ผลใหร้ ูปร่างของเซลลไ์ ม่เกิดการเปลย่ี นแปลง ใดๆ

3. สารละลายไฮเพอรท์ อนิก (Hypertonic Solution) คอื สภาพของสารละลายภายนอกเซลล์ ซึง่ มคี วามเขม้ ขน้ สงู กวา่ สารละลายภายในเซลล์ ทาให้น้า ภายในเซลลเ์ กดิ การเคล่ือนทีห่ รอื ออสโมซิสออกจากเซลล์ สง่ ผลให้เซลล์มขี นาดเลก็ ลงหรอื มสี ภาพ เหี่ยวลง เซลล์สัตว์

เซลลพ์ ชื