บันทึกองคค์ วามรู้รายบคุ คล เรื่อง กระบวนการจัดทาข้อเสนอกิจกรรม/โครงการ เพ่ือขอรับการสนับสนุนงบประมาณพัฒนา พื้นที่ จากฐานการประยุกต์ใช้ค่านิยมองค์การ กรมการพฒั นาชมุ ชน เจ้าขององค์ความรู้ : นายปยิ ะ ลาพรหมสุข นกั วิชาการพฒั นาชุมชนชานาญการ กล่มุ งานยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาชมุ ชน สานักงานพัฒนาชมุ ชนจงั หวดั นราธวิ าส เศรษฐกิจฐานรากมัน่ คงและชุมชนพึง่ ตนเองได้ Change for Good ภายในปี ๒๕๖๕
~1~ แบบบนั ทึกองคค์ วามรูร้ ายบุคคล 1. ช่ือองค์ความรู้ : กระบวนการจัดทาข้อเสนอกิจกรรม/โครงการ เพอ่ื ขอรับการสนับสนุนงบประมาณพัฒนา พ้นื ที่ จากฐานการประยุกต์ใช้คา่ นยิ มองค์การ กรมการพฒั นาชุมชน 2. ช่อื เจา้ ของความรู้ : นายปิยะ ลาพรหมสุข นักวชิ าการพัฒนาชุมชนชานาญการ กลมุ่ งานยุทธศาสตร์การพฒั นาชมุ ชน สานกั งานพัฒนาชมุ ชนจังหวัดนราธวิ าส 3. องคค์ วามรู้ที่บ่งช้ี : (เลอื กได้จานวน 1 หมวด) หมวดที่ 1 สรา้ งสรรค์ชุมชนพ่ึงตนเองได้ หมวดท่ี 2 สง่ เสรมิ เศรษฐกจิ ฐานรากใหข้ ยายตวั อย่างสมดลุ หมวดที่ 3 เสรมิ สร้างทุนชมุ ชนให้มีธรรมาภิบาล หมวดที่ 4 เสรมิ สร้างองคก์ รใหม้ ขี ดี สมรรถนะสูง 4. ทีม่ าและความสาคญั ในการจัดทาองคค์ วามรู้ : (อธิบายโดยละเอยี ด) จากหลักปรชั ญาในงานพัฒนาชุมชนทวี่ ่า “คนทกุ คนมศี ักด์ิศรี มีศักยภาพ สามารถพัฒนาได้ หากได้รับ โอกาส” ได้ถูกสร้างสรรค์เป็นค่านิยมองค์การของกรมการพัฒนาชุมชนเพ่ือเป็นกรอบการทางานพัฒนาชุมชน และเป็นบุคลิกภาพของ คน พช. คือ การชื่นชม (Appreciation; A) ความกล้าหาญ (Bravery; B) ความคิด สร้างสรรค์ (Creativity; C) การใฝ่รู้ (Discovery; D) การเข้าใจ (Empathy; E) การเอ้ืออานวย (Facilitation; F) การทาให้ง่าย (Simplify; S) และการนาไปปฏิบัติได้จริง (Practical; P) สามารถนามาปรับประยุกต์ใช้กับ กระบวนการทางานเพื่อตอบสนองต่อภารกิจการบาบัดทุกข์บารุงสุขของพ่ีน้องประชาชนตามบทบาทภารกิจ และหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมายด้วยการยืนหยัดท่ีจะยืนเคียงข้างประชาชน ซ่ึงในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหา ตอบสนองความต้องการ และพัฒนาตามบริบทของพ้ืนท่ีนั้น จาเป็นต้องมีการจัดทาข้อเสนอของกิจกรรม/ โครงการ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในรูปแบบข้อเสนอแผนงาน โครงการ กิจกรรม ผ่านช่องทางการ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพ่ิมเติมในลักษณะของ Area Based เช่น งบประมาณผ่านกรมจังหวัด กลุ่ม จังหวัดภาคใต้ชายแดน แผนพัฒนาภาค รวมทั้งในลักษณะ Agenda Based เช่น งบประมาณศูนย์อานวยการ บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองอานวยการรักษาความมั่นคงภายใน เป็นต้น ซ่ึงกระบวนการออกแบบ กิจกรรมโครงการท่ีมีความเช่ือมโยงสอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และตรงกับ ข้อจากัด ขอ้ กาหนด ระเบยี บของทางราชการของแหลง่ งบประมาณ จึงเป็นองค์ความรทู้ ี่มีความสาคญั ท่ีผ้ปู ฏิบัติ หน้าที่การจัดทายุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ ต้องมีความเข้าใจในภูมิสังคมทั้ง 2 ระดับดังกล่าว ซึ่งจะเป็น ปัจจัยสนับสนุนให้แผนงาน โครงการ กิจกรรมท่ีออกแบบไว้สามารถผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการแต่ละ ระดับและมีโอกาสนาเสนอสู่การพิจารณาของสานักงบประมาณ คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ได้ นาไปสู่การเพ่ิมโอกาสในการได้รับสนับสนุนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหา และเพิ่มศักยภาพของการพัฒนา พน้ื ท่ีตามที่วิเคราะห์ไวต้ ่อไป 5. รปู แบบ กระบวนการ หรือลาดบั ขน้ั ตอน : (อธบิ ายโดยละเอียด) กระบวนการจัดทาข้อเสนอกิจกรรม/โครงการ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณพัฒนาพื้นท่ี จาก ฐานการประยุกต์ใช้ค่านิยมองค์การ กรมการพัฒนาชมุ ชน มีรูปแบบ กระบวนการดาเนนิ งานเป็นลาดับข้ันตอน ซ่ึงแสดงดงั ภาพ ดังน้ี
~2~ 5.1 การลงพืน้ ทเี่ ปา้ หมาย การคัดเลอื กกลุ่มเป้าหมายที่จะลงพื้นที่คัดเลือกจากภารกิจงานท่ี อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการพัฒนาชุมชน และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาของแหล่งเสนอขอรับการ สนับสนุนงบประมาณ เช่น ภารงานด้านการส่งเสริมการท่องเท่ียวชุมชน ตลาดประชารัฐ การพัฒนาสินค้าและ ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน (OTOP) เปน็ ตน้ โดยการลงพน้ื ทเ่ี ปา้ หมายมีวัตถุประสงค์เพื่อการได้สมั ผัสกับสถานการณ์หรือ เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนจริง ต้องมีการพูดคุยกับผู้ท่ีเกี่ยวข้อง ท้ังในระดับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงาน และแกนนา ชุมชน คณะกรรมการ ท่ีรับผิดชอบขับเคลื่อนภารกิจงานนั้นๆ รวมท้ังควรสร้างโอกาสการพูดคุยถึงแผนการ ดาเนินงาน ผลการดาเนนิ งานท่ผี า่ นมา ปัญหาหรอื ขอ้ ขดั ขอ้ งท่เี กิดข้นึ เพอ่ื หาช่องทางในการสนับสนนุ 5.2 ศึกษาหาข้อมูลเพ่มิ เตมิ เม่อื ได้ขอ้ มูลปญั หาความต้องการ รวมทั้งศักยภาพของพ้ืนที่และ บริบทของชุมชนนั้นๆ แล้ว จะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทั้งในด้านวิชาการ และกระบวนการข้ันตอน ระเบียบปฏิบัติ และข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อนามาใช้ประกอบในการวางแผนการแก้ไขปัญหา และการสนับสนุน การดาเนินงานของพนื้ ท่ี 5.3 สรรหาภาคีร่วมดาเนินงาน การแก้ไขปัญหาการพัฒนาในบริบทของจังหวัด อาเภอ ตาบล หมู่บ้าน นัน้ เป็นสภาพปัญหาที่มคี วามซับซ้อนเชื่อมโยงหลากหลายมิติ และซอ้ นทับกับภารกิจหน้าท่ีกับ หลายหน่วย เราสามารถท่ีจะหาแนวร่วมในการขับเคลื่อนการดาเนินงานจากหน่วยงานอื่นๆ ด้วย ซ่ึงจะทาให้ การดาเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายของการจัดสรร งบประมาณจงั หวัด/กลุม่ จงั หวัด ท่ีต้องการใหเ้ ชื่อมโยงหลายหนว่ ยดว้ ย 5.4 วางแผนปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับช่องทางงบประมาณ เมื่อมีข้อมูลและแนว ทางการแก้ไขปัญหาแล้ว ก็นามาสู่ขั้นตอนการวางแผนกระบวนการแก้ไขปัญหาตามแนวทางท่ีได้ศึกษา รวมทั้ง ต้องคานึงถึงข้ันตอนและข้อจากัดของระบบงบประมาณ ห้วงเวลา และช่องทางการเสนอขอรับการสนับสนุน ดว้ ย ซ่งึ จะทาใหข้ อ้ เสนอกจิ กรรม/โครงการที่ดาเนินการมีคุณภาพและได้รับการพิจารณาให้ความสาคญั นาไปสู่ การบรรจุในแผนคาของบประมาณ
~3~ 5.5 จัดทาข้อเสนอเพื่อบรรจุเข้าแผนการพัฒนา เป็นกระบวนการเสนอแนวคิดการแก้ไข ปัญหาผ่านระบบคาของบประมาณในช่องทางงบประมาณต่างๆ ซึ่งต้องคานึงถึงระเบียบ ข้อกาหนด ข้อจากัด ห้วงเวลา และวัตถุประสงค์ของแหล่งงบประมาณนั้นๆ ซ่ึงมักแสดงในรูปแบบของยุทธศาสตร์การพัฒนา และ ประเด็นการพัฒนาของแหล่งงบประมาณนั้นๆ โดยจะเชื่อมโยงกับเป้าประสงค์และบทบาทภารกิจหน้าที่หลัก ของหน่วยงานงบประมาณนั้นๆ ทั้งนี้หากเราสามารถรู้แนวทางหรือช่องทางการเสนอขอรับการสนับสนุน งบประมาณท่ีมีความเหมาะสมแล้ว ก็จะสามารถเป็นคะแนนเพิ่มโอกาสให้ข้อเสนอโครงการได้รับการพิจารณา บรรจุของบประมาณเปน็ กจิ กรรมโครงการในลาดับต้นๆ 5.6 การนาเสนอรายละเอียด ข้อมูล กิจกรรม โครงการ แผนงาน ที่จัดทาผ่านข้อเสนอ เพื่อให้ผา่ นการพิจารณาของคณะกรรมการชดุ ต่างๆ โดยการเข้าร่วมการจดั ทาแผนและการปรบั ปรงุ แผนการ พัฒนาของหน่วยเสนอโครงการรายปี เพื่อร่วมกาหนดกรอบและทิศทางการพัฒนาให้สอดคล้องกับประเด็น ปัญหาและทิศทางการพัฒนาท่ีได้วิเคราะห์ไว้ ในขณะเดียวกันจะเกิดเครือข่ายนักจัดทาแผนในระหว่างหน่วย ซึ่งจะชว่ ยในการสนบั สนุนการจัดทาชุดโครงการเพ่ือการพฒั นาพนื้ ท่ี 5.7 การขับเคลอื่ นกิจกรรมที่ไดร้ ับการสนับสนนุ งบประมาณในระดับพ้นื ท่ี ใชร้ ปู แบบการ แบ่งหน้าที่การดาเนินงานตามภารกิจของหน่วยงานร่วมและหน่วยปฏิบัติในสังกัด โดยการมอบหมายกลุ่มงาน วิชาการเป็นหน่วยรับผิดชอบหลักในการกากับดูแล โดยมีการสรุปผลการดาเนินงานและติดตามระดับการ พัฒนา และสภาพปัญหาใหม่ท่ีเกิดข้ึน โดยการลงพ้ืนที่ติดตามผล เพ่ือเข้าสู่กระบวนการสนับสนุนการ ดาเนนิ งานในรอบถดั ไป 6. เทคนิคในการปฏบิ ตั งิ าน : (อธิบายโดยละเอียด) 6.1 การนาค่านิยมองค์กร กรมการพัฒนาชุมชนมาปรับประยุกต์ใช้ในการดาเนินงานตามข้ันตอน รูปแบบ และกระบวนการ ที่ กระบวนการ/ ขน้ั ตอน คา่ นิยมองค์กร ทน่ี ามาประยุกต์ใช้ 1 การลงพนื้ ที่เปา้ หมาย 1. การช่ืนชม (Appreciation; A) เป็นหัวใจหลักที่ต้องนามาใช้ ไม่ว่าผล การดาเนินงานในระดับพื้นที่จะดีหรือไม่ก็ตาม เพราะผลงานของท่ีหน่ึงอาจ ไม่ได้ดีหรือโดดเด่นเม่ือเทียบกับอีกท่ีหน่ึง ซ่ึงจะสรุปผลว่าไม่สาเร็จหรือไม่มี ความก้าวหน้าไม่ได้ เนื่องจากต้นทุนหรือบริบทของสังคมแต่ละพ้ืนท่ีไม่เท่า เทียมกัน ดังนั้นการช่ืนชมในผลท่ีเกิดข้ึนของคนทางานในระดับพ้ืนที่น้ัน จะ ส่งผลต่อขวัญกาลังใจ และพลังใจในการทางานท่ียากๆ ต่อไปร่วมกันอย่าง เต็มกาลังความสามารถ 2. ความกล้าหาญ (Bravery; B) ในสถานการณ์ความไม่สงบของพื้นที่ ชายแดนภาคใต้ ความกลา้ หาญไม่ใช่เป็นการทางานท่ีท้าทายกับสถานการณ์ ท่ีเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีศรัทธาท่ีแสดงให้ชุมชนเห็นว่าผู้แทน หน่วยงานรัฐนั้น มีความจริงใจและต้ังใจท่ีจะสนับสนุนความสามารถของ ชุมชนใหป้ ระสบความสาเรจ็ ซง่ึ ย่อมมคี วามยากลาบากเป็นเรื่องปกติ หากใช้ ความอดทนเข้าชว่ ยกจ็ ะประสบความสาเรจ็ ได้งา่ ยข้นึ 3. การเข้าใจ (Empathy; E) เป็นหลักการท่ีใช้คู่กันกับการช่ืนชม การรับ ฟังสภาพที่เกิดขึ้น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะช่วยให้เรามีความรู้สึกร่วม
~4~ และเป็นส่วนหน่ึงกับประชาชน และจะอานวยให้เกิดความร่วมมือในการลง มือปฏิบัติงานไดเ้ ป็นอยา่ งดี 2 ศกึ ษาหาข้อมูลเพ่ิมเติม การใฝ่รู้ (Discovery; D) เม่ือเรามีความต้ังใจ มุ่งมั่นในการช่วยเหลือและ เป็นผู้นาการพัฒนาของเป้าหมายแล้ว จาเป็นต้องใฝ่หาองค์ความรู้ต่างๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในประเด็นท่ีเก่ียวข้องกับแนวทางการพัฒนาใน ประเด็นต่างๆ ซ่ึงจะเป็นส่วนท่ีช่วยเหลือให้สามารถประยุกต์องค์ความรู้ เหลา่ นน้ั ไปใช้ในการวางแผนได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 3 สรรหาภาครี ว่ ม 1. ความกล้าหาญ (Bravery; B) จะต้องมีความกล้าหาญที่จะเข้าหาภาคี ดาเนนิ งาน ร่วมต่างๆ เพื่อเชิญชวนหรือใหค้ าปรกึ ษา สนับสนุนการดาเนินงาน ทั้งนี้ต้อง อาศัยการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้มีแนวร่วม ของนกั คิด นักวางแผนในการช่วยเหลือการดาเนนิ งานร่วมกัน 2. การใฝ่รู้ (Discovery; D) เป็นบุคลกิ ภาพท่ีควรมีติดตัวอยู่เสมอเมื่อสร้าง สัมพันธ์ครั้งแรกกับหน่วยงานภาคีการพัฒนาต่างๆ โดยการให้ความสนใจใน ภารกจิ งานหรอื หนา้ ท่ีของภาคีร่วมการพฒั นา การใหเ้ กยี รติระหว่างกนั ล้วน เป็นสิ่งท่ีจะช่วยสนับสนุนการดาเนินงานวางแผนพัฒนาพ้ืนท่ีแต่ละเร่ืองของ เราใหป้ ระสบความสาเร็จ 3. การเอื้ออานวย (Facilitation; F) การประสานงานของหน่วยภาคีร่วม การพัฒนาต่างๆ มักไม่ประสบความสาเร็จในงานเชิงบูรณาการ เพราะขาด การประสานการทางานท่ีดี ทุกส่วนมุ่งแต่การดาเนินงานบนหน้าตักของ ตนเอง ดังนั้นจึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องมีทักษะการเอ้ืออานวย มี ความสะดวกในการดาเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้งานในลักษณะการบูรณาการมี โอกาสประสบความสาเร็จมากขึน้ 4 วางแผนปรบั ประยุกต์ให้ 1. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity; C) ควรนามาเป็นแนวทางในการ สอดคล้องกบั ช่องทาง ออกแบบกิจกรรมต่างๆ เพ่ือให้มีความทันสมัยและเกิดประโยชน์ ไม่ซ้าซาก งบประมาณ กับการดาเนินงานท่ีเป็นมาดั้งเดิม ส่งผลต่อการให้ความร่วมมือของ กลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงความคิดสร้างสรรค์ส่วนหนึ่งต้องเกิดจากกระบวนการ เรียนร้แู ละประสบการณ์จากการทางาน 2. การทาให้ง่าย (Simplify; S) การออกแบบกิจกรรม/โครงการเพ่ือแก้ไข ปัญหาหรือสนบั สนนุ การดาเนนิ งานของพื้นท่ีนั้น กลุ่มเปา้ หมายสว่ นใหญ่เปน็ ประชาชนในพ้ืนที่หมู่บ้านตาบล กระบวนการทางานจึงควรไม่ซับซ้อน ทาได้ ง่าย ส้นั กระชบั 3. การนาไปปฏิบตั ิไดจ้ รงิ (Practical; P) แผนงาน/โครงการ/กิจกรรมท่ี ออกแบบนอกจากจะมีความสรา้ งสรรค์ ทาไดง้ ่ายแล้ว มคี วามจาเปน็ อยา่ งยิง่ ทีจ่ ะต้องนาไปสกู่ ารนาไปปฏบิ ตั ไิ ดจ้ ริง เพราะเปน็ ขั้นตอนทน่ี าไปสกู่ ารลงมือ ทา และย่อมส่งผลให้ปรากฏในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หากรปู แบบของ แผนงานกิจกรรมโครงการทอ่ี อกแบบไว้เป็นอย่างดี แตม่ ีอปุ สรรคจานวนมาก
~5~ จนไมส่ ามารถดาเนินการไดแ้ ละไม่มวี ธิ ีการแก้ไข ย่อมไมใ่ ช่แนวทางการ จดั ทาข้อเสนอโครงการทดี่ ี 5 จดั ทาข้อเสนอเพื่อบรรจุ ความกล้าหาญ (Bravery; B) จะต้องมีความกล้าหาญที่จะนาเสนอแนวคิด เขา้ แผนการพัฒนา การแก้ไขปญั หาผ่านเวทตี ่างๆ เพอื่ นาไปส่กู ารสนบั สนุนการแกไ้ ขปัญหา อาจ ต้องใช้ทักษะการนาเสนอและการพูดโน้มน้าวใจ รวมท้ังการพูดในท่ีประชุม ชนที่มีประสิทธิภาพและการมีภาคีร่วมในการดาเนินงาน จะสามารถทาให้ การเสนอการพัฒนาในครั้งนั้นๆ มีความน่าเชื่อถือ สามารถชักจูง คณะกรรมการและผู้รว่ มการประชุมได้สาเร็จ 6 การนาเสนอรายละเอียด 1. ความกล้าหาญ (Bravery; B) มีความมุ่งม่ันท่ีจะนาเสนอข้อมูล ขอ้ มลู กจิ กรรม ข้อเท็จจริงจากการวิเคราะห์การดาเนินงาน ผลการดาเนินงาน สภาพปัญหา โครงการ แผนงาน ท่ี ความต้องการ และศักยภาพของพื้นท่ีเป้าหมาย รวมทั้งแนวทางการขอรับ จัดทาผา่ นข้อเสนอ การสนับสนุนงบประมาณเพ่ือดาเนินการ ต่อคณะกรรมการพิจารณาในแต่ ละระดับอย่างตรงไปตรงมา ทั้งน้ีการแสดงออกดังกล่าวจะมีส่วนช่วยในการ เพอ่ื ใหผ้ า่ นการพิจารณา สร้างความมั่นใจต่อคณะกรรมการผู้พิจารณาว่ากิจกรรม โครงการ แผนงาน ของคณะกรรมการชุด ที่เสนอ เป็นโครงการที่ดี เป็นความต้องการของประชาชน สามารถแก้ไข ตา่ งๆ ปัญหาหรือสนับสนุนการดาเนินงานตามยุทธศาสตร์ต่างๆ และหนุนเสริม ศกั ยภาพของพ้ืนท่เี ป้าหมายได้ ควรใหก้ ารสนบั สนนุ 2. การใฝ่รู้ (Discovery; D) เพื่อสั่งสมประสบการณ์ในการนาเสนอข้อมูล ผ่านเวทีต่างๆ โดยการเรียนรู้กระบวนการนาเสนอ เทคนิคการพูด การ เรียนรู้รูปแบบข้อเสนอโครงการของหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งสามารถนามาบูรณา การและนามาปรับใช้กับการออกแบบข้อเสนอโครงการของหน่วยงานให้มี ความสมบูรณแ์ ละมปี ระสิทธิภาพมากข้ึน 7 การขับเคล่ือนกจิ กรรมท่ี 1. การชื่นชม (Appreciation; A) เป็นการสร้างขวัญกาลังใจให้แก่หน่วย ได้รับการสนับสนนุ ปฏิบัติและกลุ่มเป้าหมายของโครงการในการดาเนินกิจกรรมตามโครงการ งบประมาณในระดบั ภายใต้ข้อจากัดต่างๆ ในระดับพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลต่อความสมัครสมานสามคั คี พนื้ ท่ี เป็นน้าหนึง่ ใจเดยี วกนั ในการร่วมขบั เคล่ือนกจิ กรรมในการดาเนินการ 2. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity; C) การออกแบบกิจกรรมการ ขับเคลื่อนโดยปรับประยุกต์วิธีการดาเนินงานให้สอดคล้องกับบริบทและ สถานการณ์ของพื้นที่ดาเนินการแต่ละแห่ง เป็นพื้นฐานที่มีความสาคัญที่จะ ช่วยให้กิจกรรม โครงการยังสามารถขับเคลื่อนการดาเนินงานได้ภายใต้ วตั ถุประสงคแ์ ละผลสมั ฤทธ์เิ ช่นเดิม 3. การใฝ่รู้ (Discovery; D) ในองค์ความรู้ต่างๆ และสถานการณ์ที่ ปรับเปล่ียนไปในห้วงระยะเวลานั้นๆ เป็นภูมิความรู้ท่ีสาคัญในการนามาใช้ ในการขบั เคลือ่ นการดาเนนิ งานไปสูค่ วามสาเรจ็ ผูป้ ฏบิ ัติการทกุ ระดบั จงึ ตอ้ ง มีพฤติกรรมการต่ืนรู้ ใฝ่ใจเรียนรู้ และเท่าทันข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลา เพ่ือท่ีจะสามารถเปน็ ผูน้ าในการขบั เคลื่อนกจิ กรรมท่ีจะดาเนินการได้
~6~ 4. การเอ้ืออานวย (Facilitation; F) ในกระบวนการแปลงนโยบายไปสู่ การปฏิบัติกิจกรรม โครงการ ที่มีลักษณะการบูรณาการการทางานจาก หลายหน่วยหรือหลายพื้นท่ี ต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วย โดยใช้ ทักษะการเป็นผู้เอื้ออานวยท่ีดี ส่งเสริมให้เกิดกระบวนการทางานที่มีความ สะดวก รวดเร็ว ด้วยจิตอาสาและจิตบริการ จะส่งผลให้การทางานมีการ ทางานเปน็ ทมี และเกดิ ความร่วมมอื ในการทางานมากข้ึน 6.2 ภูมิสังคมที่แตกต่างกันส่งผลต่อการออกแบบกิจกรรมโครงการ และรูปแบบการขับเคลื่อน กิจกรรม จากการลงพื้นท่ีเพื่อติดตามข้อมูลการดาเนินงาน สภาพปัญหา ความต้องการ ศักยภาพของพื้นท่ี ชุมชนและกลุ่มเป้าหมายแล้ว ตอ้ งเรียนรูธ้ รรมชาติ บริบทชุมชน และภมู ิสังคม ของพนื้ ที่นัน้ ๆ ด้วย เพือ่ นามาใช้ ในการประกอบการออกแบบกิจกรรมโครงการในข้อเสนอโครงการต่างๆ ทั้งน้สี ามารถพจิ ารณาไดจ้ าก 6.2.1 แกนนากลุ่มเป้าหมายมีศักยภาพ ความพร้อม ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้มาก น้อยเพียงใด ซึ่งจะเป็นส่วนสาคัญท่ีจะส่งผลให้การขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ท่ีกาลังจะนาเสนอประสบ ความสาเรจ็ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 6.2.2 ความเข้มแขง็ ของชมุ ชนหรอื กลุ่มเป้าหมายท่จี ะดาเนินงาน จากกระบวนการมสี ่วนร่วม ในการสนับสนุนกิจกรรมโครงการร่วมกันตามข้อเสนอของชุมชน ซ่ึงหากกลุ่มเป้าหมายมีความศรัทธาและเห็น ความสาคัญต่อแนวทางการดาเนินงานที่กาลังเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ย่อมตอ้ งสามารถมสี ว่ นร่วม ในการสนับสนุนกิจกรรมตามโครงการได้ เช่น การร่วมลงเงินในการดาเนินงาน การร่วมออกแรงงานในการ ดาเนนิ งาน เปน็ ต้น 6.2.3 ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี พน้ื ถิน่ ของชุมชนนน้ั ๆ เชน่ การดาเนินกจิ กรรมในช่วงเดือน รอมฎอนหรือเดือนละศีลอดของชาวไทยมุสลิม การจัดกิจกรรมในช่วงวันศุกร์ของหมู่บ้านไทยมุสลิม เป็นต้น ควรนามาเป็นปัจจัยที่ใช้ในการประกอบการพิจารณาออกแบบกิจกรรมโครงการ และการจัดทาข้อเสนอเพ่ือ ขอรับการสนับสนนุ งบประมาณ 6.2.4 การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียรอบด้าน กิจกรรมท่ีจะดาเนินการผ่านการเสนอขอรับการ สนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ ย่อมมีทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางด้านบวกและด้านลบ จาเป็นที่จะต้อง วิเคราะห์ผลกระทบท่ีเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ หรือข้อร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ ภายหลัง โครงการไดร้ ับการสนับสนุนงบประมาณ 6.2.5 การวางสายสืบในชุมชน หรืออาสาพัฒนาชุมชน เป็นเงาพัฒนากรในพื้นท่ี เพ่ือเป็นผู้ สืบหาข้อมูลอ่ืนๆ ในเชิงลึกซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนการดาเนินงานในพ้ืนท่ี นอกจากนี้ยังเป็น ประโยชนใ์ นดา้ นการส่ือสารข้อมูลข่าวสารระหว่างกันได้อย่างถูกต้อง รวดเรว็ และทันต่อสถานการณอ์ ีกดว้ ย 6.3 บรบิ ทของแหล่งท่ีขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการพัฒนาพื้นท่ี ชอ่ งทางการเสนอข้อเสนอ กิจกรรม โครงการต่างๆ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณส่วนใหญจ่ ะเปน็ หนว่ ยงานราชการเป็นหลกั ซ่ึงจะ มเี ป้าหมายในการใหก้ ารสนับสนนุ งบประมาณทีแ่ ตกตา่ งกนั โดยสามารถพจิ ารณาจากปจั จยั ต่างๆ ดงั นี้ 6.3.1 แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของหน่วยงานนั้นๆ ซ่ึงจะสะท้อนภารกิจ เป้าประสงค์ใน ภารกจิ หนา้ ที่ของแหล่งงบประมาณนั้นๆ รวมท้ังตัวอย่างกจิ กรรมโครงการที่เคยให้การสนับสนุนการดาเนินงาน
~7~ ในปีที่ผ่านๆ มา จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เรียกว่า “ตรงช่องทาง ตรงประต”ู 6.3.2 พิจารณาโครงการเดิมๆ ท่ีแหล่งงบประมาณจะต้องอนุมัติเป็นรายการประจาซ้าๆ กัน ทุกปี กิจกรรมโครงการเหล่าน้ีมักเป็นแผนงานประจาของหน่วยสนับสนุนงบประมาณที่จะต้องมีการกันกรอบ วงเงินไว้ในการดาเนินงานเป็นประจาทุกปีอยู่แล้ว โดยมักจะมีกิจกรรมภายใต้โครงการหลกั เหล่าน้ันดาเนนิ การ ไว้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการดาเนินการเป็นการเฉพาะ ดังนั้นหากสามารถกาหนดกลุ่มเป้าห มาย กาหนด วตั ถุประสงคใ์ ห้สอดคล้องกับโครงการหลักๆ ดงั กล่าวได้จะเปน็ ประโยชน์ในการนาเสนอโครงการแล้วผา่ นเข้าสู่ การพจิ ารณาจัดลาดับความสาคัญในลาดับต้นๆ ได้ เรยี กวา่ “มเี พอ่ื นดี ช่วยนาทางสู่ความสาเรจ็ ” 6.3.3 การออกแบบ กิจกรรม โครงการ ให้สอดรับกับตัวชี้วัดหรือการวัดผลของเป้าหมาย ตามประเด็นการพัฒนาของแผนยุทธศาสตร์ของแหล่งสนับสนุนงบประมาณ โดยหากผลผลิตหรือผลลัพธ์ที่ เกิดข้ึนจากการดาเนินงานตามข้อเสนอกิจกรรมโครงการ สามารถเป็นตัววัดผลที่สาคัญท่ีจะส่งผลต่อการ บรรลุผลสาเร็จหรือการผ่านตัวชี้วัดของแผนการพัฒนานั้นๆ ได้ จะส่งผลให้กิจกรรมโครงการท่ีเสนอมี ความสาคญั และไดร้ บั การสนบั สนนุ งบประมาณในการดาเนินงานมากข้นึ เรียกว่า “เธอขาดฉนั ไมไ่ ด้” 6.3.4 การเรียนรู้ปฏิทินการเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณของแหล่งสนับสนุน งบประมาณแต่ละแห่ง จะสามารถทาให้เราสามารถเตรียมข้อมูลประกอบข้อเสนอกิจกรรม โครงการได้อย่าง ทันท่วงที นอกจากน้ีการมีข้อเสนอโครงการท่ีเตรียมการไว้ (Project Bank) จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการ เสนอขอรบั การสนบั สนุนงบประมาณในระบบกะทันหัน จากการมนี โยบายพเิ ศษกลางปีงบประมาณของรัฐบาล การเสนอขอใชเ้ งินเหลอื จา่ ย เปน็ ตน้ เรยี กวา่ “รเู้ ขา รู้เรา” 7. ปญั หาทพ่ี บและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา : (อธิบายโดยละเอียด) 7.1 รูปแบบกิจกรรมในข้อเสนอโครงการมีลักษณะการดาเนินงานแบบเดิมๆ ไม่เปน็ ทนี่ า่ สนใจ จากการดาเนินงานหลายครั้งพบว่าแม้จะมีกระบวนการวิเคราะห์ปัญหา หรือค้นหาศักยภาพ ของชุมชนมาได้เป็นอย่างดีเพียงใด แต่ในข้ันตอนการออกแบบกิจกรรมเพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบ ประมาณมักมีรูปแบบการขับเคล่ือนกิจกรรมแบบเดิมๆ เช่น การฝึกอบรมเพ่ือถ่ายทอดความรู้ หรือการติด ข้อจากัดทางด้านระเบียบกฎหมายต่างๆ ส่งผลให้กิจกรรมโครงการไม่มีความน่าสนใจ ซ่ึงสามารถแก้ไขได้โดย การเรียนรู้เพิ่มเติม ทั้งจากระเบียบการดาเนินงานท่ีเปิดช่องทางหรือแนวทางการดาเนินงานในรูปแบบอื่นๆ รวมทั้งการศึกษาจากกิจกรรมโครงการของหน่วยงานอ่ืนๆ ท่ีเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ซึ่งจะ สามารถนามาใช้ประโยชน์ในการออกแบบกิจกรรม/โครงการให้มีความน่าสนใจและถูกต้องตามระเบียบข้อ กฎหมายดว้ ย 7.2 ห้วงเวลาการขอรับการสนับสนุนงบประมาณของพ้ืนที่เป้าหมายไม่สอดคล้องกับปฏิทินการจัดทา งบประมาณของแหล่งสนับสนนุ งบประมาณ เมื่อชุมชนหรือกลุ่มเป้าหมายมีปัญหา หรือความต้องการได้รับการสนับสนุนงบประมาณ มกั จะเสนอขอรับการสนับสนนุ การแก้ไขปัญหาทนั ที โดยอาจจะไม่สอดคล้องกับห้วงระยะเวลาในการขอรับการ สนับสนุนงบประมาณของแหล่งสนับสนุนงบประมาณ ขณะเดียวกันเมื่อจัดทาคาของบประมาณและได้รับการ สนับสนุนงบประมาณมาแล้วอาจพ้นห้วงความต้องการหรือไม่สอดคล้องกับการดาเนินงานได้จริงแล้ว ซึ่ง แนวทางในการจัดการคือ การกาหนดหว้ งเวลาการลงพ้ืนทขี่ องเจา้ หน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องในการรับฟังข้อคิดเห็นของ
~8~ กลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการสรุปรวมข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการขอรับการสนับสนนุ งบประมาณแบบกะทันหัน ซึ่ง จะเป็นวิธีการที่จะช่วยผลักดันการดาเนินกิจกรรมเหล่าน้ีสู่การปฏิบัติจริง ขณะเดียวกันก็สร้างความเข้าใจใน ข้อจากัดและปฏิทินการเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณให้แก่กลุ่มเปา้ หมายได้รับทราบเพื่อได้วางแผนใน การดาเนินงานร่วมกนั อยา่ งเป็นระบบ 8. ประโยชนข์ ององคค์ วามรู้ : (อธิบายโดยละเอยี ด) กระบวนการจัดทาคาของบประมาณเพ่ือขอรับการสนับสนุนการพัฒนาในพ้ืนที่ต่างๆ ของจังหวัด นราธิวาสนั้น เป็นวงจรการดาเนนิ งานท่ตี ้องดาเนินการเป็นประจาทุกปี การกาหนดกรอบปฏิทนิ การดาเนินงาน ท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับปฏิทินการจัดทาคาของบประมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้กระบวนการจัดทาคาขอ งบประมาณดังกลา่ วมีประสิทธภิ าพ เชื่อมโยงกบั สภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนอยา่ งแท้จริง เรา จะสามารถเป็นผู้แทนภาครัฐที่ยืนเคียงข้างการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างแท้จริง จากกระบวนการคิด และการมีส่วนร่วมของประชาชน ท้ังนี้แนวทางค่านิยมองค์การจะเป็นหลักการในกระบวนการทางานดังกล่าว ซึ่งจะอานวยให้เกิดความสะดวกสาเรจ็ ในกระบวนการทางานได้อยา่ งเป็นรูปธรรม ผลงานที่เกิดขึ้นแสดงถึงการ เป็นองค์กรภาครัฐท่ีพร้อมยืนเคียงข้างกับพี่น้องประชาชนในทุกสถานการณ์ เป็นองค์กรท่ีพ่ึงที่ศรัทธาของ ประชาชนท้งั ในยามทุกข์ และในยามทมี่ ีความสขุ ----------------------------------------------------------
สำนกั งำนพัฒนำชมุ ชนจงั หวัดนรำธวิ ำส ศำลำกลำงจังหวัดนรำธิวำส (ชัน้ ๔) ถนนศูนยร์ ำชกำร ตำบลโคกเคียน อำเภอเมอื งนรำธวิ ำส จงั หวดั นรำธวิ ำส ๙๖๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๗๓-๖๔๒๖๔๗-๘ เศรษฐกจิ ฐานรากมน่ั คงและชุมชนพง่ึ ตนเองได้ Change for Good ภายในปี ๒๕๖๕
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: