Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การอ่านจับใจความ

การอ่านจับใจความ

Published by Theeraphat Wongkamchang, 2021-01-25 03:02:42

Description: การอ่านจับใจความ

Search

Read the Text Version

ใจความสาํ คัญ! ครูศรญั ญา ก้อนกลีบ ครูเกตแุ ก้ว ก่อกิจดํารง

ใจความสาํ คญั คอื ... ใจความทีสาํ คัญ และเดน่ ทีสดุ ในยอ่ หนา้ เปนแก่นของยอ่ หนา้ ที สามารถครอบคลมุ เนอื ความในประโยคอืนๆ ในยอ่ หน้านันหรอื ประโยค ทีสามารถเปนหวั เรอื งของยอ่ หน้านัน ถ้าตัดเนือความของประโยคอืน ออกหมด หรอื สามารถเปนใจความหรอื ประโยคเดียวๆ ได้ โดยไมต่ ้อง มปี ระโยคอืนประกอบ ซงึ ในแต่ละยอ่ หนา้ จะมปี ระโยคในความสาํ คัญเพยี ง ประโยคเดยี ว หรอื อยา่ งมากไมเ่ กิน 2 ประโยค

ใจควา(พมรนอ-งละห-ครอื วพามล)ความ หมายถึง ใจความหรอประโยคทีขยายความประโยคใจความสาํ คญั เปนใจความสนบั สนนุ ใจความสําคัญให้ชดั เจนขึน อาจเปนการ อธิบายให้รายละเอยี ด ใหค้ าํ จํากดั ความ ยกตวั อยา่ ง เปรยบเทียบ หรอแสดงเหตผุ ลอยา่ งถีถ้วน เพือสนบั สนนุ ความคดิ สว่ นทมี ิใช่ ใจความสําคัญ และมิใชใ่ จความรอง แต่ชว่ ยขยายความใหม้ ากขึน คือ รายละเอียด

หลักการจบั ใจความสาํ คัญ ๑. ตังจุดมุ่งหมายในการอ่านใหช้ ัดเจน ๒. อ่านเรอื งราวอย่างครา่ วๆ พอเข้าใจ และเก็บ ใจความสาํ คัญของแต่ละย่อหน้า ๓. เมืออ่านจบใหต้ ังคําถามตนเองว่า เรอื งทีอ่าน มีใคร ทําอะไร ทีไหน เมือไหร่ อย่างไร ๔. นาํ สิงทีสรุปได้มาเรยี บเรยี งใจความสาํ คัญใหม่ ด้วยสาํ นวนของตนเองเพือใหเ้ กิดความสละสลวย

วธิ จี บั ใจความสาํ คญั ๑. พิจารณาทีละยอ่ หนา้ หาประโยคใจความสาํ คญั ของแตล่ ะยอ่ หนา้ ๒. ตดั สว่ นทีเปนรายละเอยี ดออกได้ เช่น ตัวอยา่ ง สํานวนโวหาร อุปมาอปุ ไมย(การเปรยบเทียบ) ตัวเลข สถติ ิ ตลอดจนคําถามหรอ คาํ พดู ของผเู้ ขียนซึงเปนส่วนขยายใจความสาํ คญั ๓. สรุปใจความสาํ คญั ดว้ ยสํานวนภาษาของตนเองการพิจารณา ตาํ แหนง่ ใจความสาํ คญั

ขนั ตอนการอา่ นจบั ใจความ อานผา นๆ อา นซ้าํ ตอนที่ โดยตลอด ไมเ ขา ใจ อา น เรยี บเรียง ใหละเอียด ใจความสําคญั

ตัวอยา่ งตําแหนง่ ใจความสาํ คัญ ใจความสาํ คัญอยู่ตอนต้นย่อหน้า ความสมบูรณ์ของชวี ติ มาจากความเข้าใจชวี ติ เปนพืนฐาน คือ เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจความ เปนมนุษย์ และความสัมพันธ์ทีเกือกูลกัน ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับ ธรรมชาติ มีความรกั ความเมตตาต่อเพือน มนุษย์และธรรมชาติอย่างจรงิ ใจ

ใจความสาํ คัญอยูต่ อนท้าย ยอ่ หนา้ ความเครยี ดทําใหเ้ พิมฮอรโ์ มนอะดรนี าลีนในเลือด ทําใหห้ วั ใจเต้นเรว็ เส้นเลือดบีบตัว กล้ามเนือเขม็งตึง ระบบย่อยอาหารผิดปกติเกิดอาการปวดหวั ปวดท้อง ใจสัน แข้งขาอ่อนแรง ความเครียดจึงเปนตัวการให้ แก่เร็ว

ใจความสาํ คัญอยูต่ อนกลางยอ่ หนา้ โ ด ย ทั ว ไ ป ผั ก ที ข า ย ต า ม ท้ อ ง ต ล า ด ส่ ว น ใ ห ญ่ เกษตรกรมักใช้สารกําจัดศัตรูพืช หากไม่มี ค ว า ม ร อ บ ค อ บ ใ น ก า ร ใ ช้ จ ะ ทํา ใ ห้ เ กิ ด ส า ร ตกค้างทําให้มีปญหาต่อสุขภาพ ฉะนันเมือ ซื อ ผั ก ไ ป รั บ ป ร ะ ท า น จึ ง ค ว ร ล้ า ง ผั ก ด้ ว ย นาํ หลายๆครังเพราะจะช่วยกําจัดสาร ตกค้างไปได้บ้าง บางคนอาจแช่ผักโดยใช้ นาํ ผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตก็ได้ แต่อาจ ทํา ใ ห้ วิ ต า มิ น ล ด ล ง

ใจความสาํ คัญอยูท่ ังตอนต้นและตอนท้าย ยอ่ หนา้ การรกั ษาศลี เพอื บงั คบั ตนเองใหม้ รี ะเบยี บวนิ ยั ในการกระทําทกุ สงิ ทกุ อยา่ ง เชน่ เรามาอยวู่ ดั มานงุ่ ขาวหม่ ขาว ไมใ่ ชถ่ อื แตศ่ ลี แปดขอ้ เทา่ นนั แตเ่ ราตอ้ ง นกึ วา่ ศลี นนั คอื ความมรี ะเบยี บ มวี นิ ยั เราเดนิ อยา่ งมี ระเบยี บมวี นิ ยั นงั อยา่ งมรี ะเบยี บ กนิ อยา่ งมรี ะเบยี บ ทําอะไรกท็ ําอยา่ งมรี ะเบยี บนนั เปนคนทมี ศี ลี ถา้ เรา ไมม่ รี ะเบยี บกไ็ มม่ ศี ลี

ใจความสาํ คัญไมป่ รากฏในสว่ นใด ต้องสรปุ เอง การเดนิ การวา่ ยนาํ การฝกโยคะ การออกกําลงั กายดว้ ยอปุ กรณต์ า่ งๆ ตลอดจนการหายใจลกึ ๆ ลว้ นมสี ว่ นทําใหส้ ขุ ภาพแขง็ แรง ใจความสาํ คญั คอื การทําใหส้ ขุ ภาพแขง็ แรง ทําไดห้ ลายวธิ ี

การอา่ นวเิ คราะห์ ความสาํ คัญ การอ่านวเิ คราะห์เปนทักษะการอ่านในระดับทีสงู ขนึ กวา่ การอ่านทัวๆไป กล่าวคือ มใิ ชเ่ ปนเพยี ง การอ่านเพอื ความรูแ้ ละความเพลิดเพลินเท่านัน แต่ยงั ต้องมกี ารวเิ คราะห์สงิ ทีผู้เขยี นได้เขยี นในด้านต่างๆด้วย ให้นักเรยี นได้ฝกทักษะการอ่านวเิ คราะห์อยา่ ง จรงิ จงั เพอื นําไปสกู่ ารสรา้ งความรู้ ความคิด การตัดสนิ ใจแก้ปญหาและสรา้ งวสิ ยั ทัศน์ในการ ดําเนินชวี ติ

ความหมาย การอ่านเชิงวิเคราะหเ์ ปนการอ่านหนังสือแต่ละเล่มอย่าง ละเอียดใหไ้ ด้ความครบถ้วนแล้วจึงแยกแยะใหไ้ ด้ว่าส่วนต่างๆนันมี ความหมายและความสาํ คัญอย่างไรบ้าง แต่ละด้านสัมพันธ์กับส่วน อืนๆ อย่างไร วิธีอ่านแบบวิเคราะหน์ ี อาจใช้วิเคราะหอ์ งค์ประกอบ ของคําและวลี การใช้คําในประโยควิเคราะหส์ าํ นวนภาษา จุด ประสงค์ของผู้แต่ง ไปจนถึงการวิเคราะหน์ ัย หรอื เบืองหลังการจัด ทําหนังสือหรอื เอกสารนัน

การวเคราะห์เรองทีอ่านทุกชนดิ สิงทีจะละเลยเสียมไิ ดก้ ็คอื การ พจิ ารณาถึงการใช้ถ้อยคําสํานวนภาษาวา่ มีความเหมาะสมกบั ระดบั และ ประเภทของงานเขยี นหรอไม่ เช่น ในบทสนทนากไ็ มค่ วรใชภ้ าษาทีเปน แบบแผน ควรใชส้ าํ นวนให้เหมาะสมกับสภาพจรงหรอเหมาะ แกก่ าลสมัยที เหตกุ ารณ์ในหนงั สอื นันเกิดขึน เปนตน้ ดังนัน การอ่านวเคราะห์จงึ ตอ้ งใช้ เวลาอ่านมาก และยิงมีเวลาอ่านมากกย็ งิ มโี อกาสวเคราะห์ ไดด้ มี ากขนึ การ อา่ นในระดบั นี ต้องรู้จกั ตังคาํ ถามและจดั ระเบียบเรองราวทีอา่ น เพือจะได้ เขา้ ใจเรองและความคิดของผเู้ ขียนตอ้ งการ

การวเคราะห์การอ่าน การวเคราะห์การอ่านประกอบด้วย 1.รูปแบบ 2.กลวธีในการประพันธ์ 3.เนือหาหรอเนือเรอง 4.สาํ นวนภาษา

กระบวนการวเคราะห์ 1.ดูรู ปแบบของงานประพันธ์ว่าใช้รู ปแบบใด อาจเปนนิทาน บทละคร นวนิยาย เรองสัน บทร้อยกรอง หรอบทควมจากหนังสือพิมพ์ 2.แยกเนือเรองออกเปนส่วนๆ ให้เห็นว่าใคร ทาํ อะไร ทีไหน อย่างไร เมือไร

ก ร ะ บ ว น ก า ร ว เ ค ร า ะ ห์ ( ต่ อ ) 3.แยกพิจารณาแต่ละส่วนให้ละเอียดลงไป ว่าประกอบกันอย่างไร หรอประกอบด้วยอะไรบ้าง 4.พิจารณาให้เห็นว่าผู้เขียนให้กลวธีเสนอ เรองอย่างไร

การอ่านเชิงวเคราะห์ในขันต่างๆ 1.การอ่านวเคราะห์คาํ การอ่านวเคราะห์คาํ เปนการอ่านเพือให้ผู้อ่านแยกแยะ ถ้อยคาํ ในวลี ประโยค หรอข้อความต่างๆ โดยสามารถบอกได้ว่า คําใดใช้อย่างไร ใช้อย่างไร ใช้ผิดความหมาย ผิดหน้าทีไม่เหมาะสม ไม่ชัดเจนอย่างไรควรจะต้องหาทางแก้ไข ปรับปรุงอย่างไร เช่น

การอ่านเชิงวเคราะห์ในขันต่างๆ 1.การอ่านวเคราะห์คาํ ตัวอย่าง 1.อย่าเอาไปใช้ทับกระดาษ 2.ทีนีรับอัดพระ 3.เขาท่องเทียวไปทัวพิภพ 4.เจ้าอาวาสวัดนีมรณกรรมเสียแล้ว

2.การอ่านวเคราะหป์ ระโยค การอา่ นวเคราะหป์ ระโยค เปนการอา่ นเพอื แยกแยะ ประโยคต่างๆ วา่ เปนประโยคทีถกู ต้องชดั เจนหรอไม่ ใช้ประโยค ผิดไปจาก แบบแผนของภาษาอยา่ งไร เปนประโยคทีถูกต้อง สมบรู ณเ์ พยี งใดหรอไม่

2.การอ่านวเคราะห์ประโยค(ต่อ) มีหน่วยความคดิ ในประโยคขาดเกินหรอไม่ เรยงลาํ ดบั ความใน ประโยคทีใช้ไดถ้ กู ตอ้ งชดั เจนหรอไม่ ใช้ฟมุ เฟอยโดยไม่ จาํ เปนหรอใช้รูปประโยคทสี ือความหมายไมช่ ัดเจนหรอไม่ เมอื พบข้อบกพร่องต่างๆ แล้วกส็ ามารถแก้ไขให้ถูกตอ้ งได้

การอ่านวเคราะห์ประโยค ตัวอยา่ ง 1) สุขภาพของคนไทยไมด่ สี ่วนใหญ่ 2) การแก้ปญหาจราจรในกรุงเทพฯเกิดการจลาจล 3) ทุกคนย่อมประสบความสาํ เร็จท่ามกลางความขยันหมนั เพยี ร 4) เขามกั จะเปนหวดั ในทุกครังทีฝนเรมตก

3.การอา่ นวเคราะห์ทศั นะของผแู้ ต่ง ผ้อู า่ นตอ้ งพจิ ารณาไตร่ตรองใหร้ อบคอบวา่ ผเู้ ขยี นเสนอทศั นะ มนี าํ หนกั เหตุผลประกอบข้อเทจ็ จรงนา่ เชือถอื เพียงใด เปนคนมอง โลกในแง่ใด เปนต้น

4.การอา่ นวเคราะห์รส การอา่ นวเคราะหร์ ส หมายถึง การอ่านอย่างพิจารณาถงึ ความ ซาบซงึ ประทับใจทไี ดจ้ ากการอ่าน วธกี ารทจี ะทาํ ใหเ้ ขา้ ถงึ รสอย่างลกึ ซงึ คือ การวเคราะหร์ สของเสียงและรสของภาพ 4.1 ดา้ นรสของเสยี ง ผู้อ่านจะรู้สกึ ได้ชดั จากการอ่านออกเสีย งดงั ๆไมว่ า่ จะเปนการอา่ น อยา่ งปกตหิ รอการอ่านทํานองเสนาะ จงึ จะชว่ ยใหร้ ู้สึกถึงความไพเราะของ จงั หวะ และความเคลอื นไหว ซงึ แฝงอยใู่ น เสยี ง ทําให้เกดิ ความรู้สึกไปตามทว่ งทํานองของเสียงสูงตาํ จากเนอื เรองทีอา่ น

4.2 ดา้ นรสของภาพ เมอื ผู้อ่านอา่ นแล้วเกิดความเข้าใจเรอง ใน ขณะเดียวกัน ทาํ ใหเ้ ห็นภาพด้วย เปนการสร้างเสรมใหผ้ อู้ ่านได้ เข้าใจความหมาย การเขียนบรรยายความด้วยถ้อยคาํ ไพเราะ ทงั ร้อยแกว้ และร้อยกรอง ก่อใหเ้ กดิ ภาพขนึ ในใจผูอ้ า่ น ทําใหเ้ กดิ ความเพลิดเพลินและเขา้ ใจความหมายของเรองไดด้ ยี ิงขึน

5.การอา่ นเพอื วเคราะห์ขอบเขตของปญหาและการ ตคี วามเนอื หาของขอ้ ความ การอ่านเชิงวเคราะห์ ยังมสี ิงทตี อ้ งพิจารณา คอื การวเคราะหข์ อบเขตของปญหา และการตีความ เนือหาของหนังสอื ซงึ มีรายละเอยี ดดังนี

5.1การวเคราะหข์ อบเขตของปญหา มีหลกั ปฏิบตั ิดงั นี 5.1.1 จัดประเภทหนงั สือตามชนิดและเนอื หา หนงั สอื แตล่ ะประเภท มวี ธอี ่านต่างกัน ก่อนอ่านต้องวเคราะหร์ ู้วา่ หนังสอื เล่มนนั อยใู่ นประเภทใด การแบง่ ประเภทจะดูแต่ชือเรอง หรอ ลักษณะภายนอกเพยี งอยา่ งเดียวไมไ่ ด้ตอ้ งสาํ รวจเนอื หาด้วย

5.1การวเคราะห์ขอบเขตของปญหา มีหลักปฏิบัตดิ งั นี(ต่อ) 5.1.1 อย่างไรก็ตาม ชอื เรองเปนสงิ แรกทใี ช้เปนแนวทางได้ เพราะผ้เู ขยี นย่อมต้องพยายามตังชือเรองใหต้ รงแนวเขยี นหรอ จดุ มุง่ หมายในการเขยี นของตนให้มากทีสดุ

5.1.2 สรุปใหส้ ันทีสุดวา่ หนังสือนนั กลา่ วถึงอะไร หนังสอื ทดี ีทุกเลม่ ต้องมเี อกภาพ มีการจัดองคป์ ระกอบของส่วนย่อยอยา่ งมีระเบยี บ ผ้อู ่าน ตอ้ งพยายามสรุปภาพดังกล่าวออกมาเพียง 1-2 ประโยคว่า หนงั สือเลม่ นนั มอี ะไรเปนจุดสําคญั หรอเปนแกน่ เรองแล้วจงึ หาความสมั พันธก์ ับส่วนสาํ คญั ต่อไป

5.1.3 กาํ หนดโครงสงั เขปของหนงั สอื เมอื อ่านต้องตังประเดน็ ด้วยวา่ จากเอกภาพของหนงั สอื เลม่ นันมสี ่วนประกอบสําคัญบา้ ง สว่ นทสี ําคัญๆ สัมพันธก์ ันโดยตลอดหรอไม่ และแต่ละสว่ นก็มีหนา้ ทขี องตน สนับสนุนซงึ กัน และกันหรอไม่












Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook