Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและจิตสังคม

การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและจิตสังคม

Published by choo2014ja, 2022-01-25 17:22:58

Description: การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและจิตสังคม

Search

Read the Text Version

HE L L O การเปลี่ยนแปลงด้าน ร่างกายและจิตสังคม ของมารดาหลังคลอด

การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย ระบบอวัยวะสืบพันธุ์ ระบบต่างๆ ของร่างกาย

ระบบอวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก น้ำคาวปลา ฝีเย็บ การมีประจำเดือน เต้านม

มดลูก มดลูกจะลดขนาดลงทันทีที่ทารกและรกคลอดแล้ว คลำไปทางหน้าท้องจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งระดับของ มดลูกจะอยู่ที่ระดับสะดือ หรือสูงกว่าเล็กน้อย วันที่ 2 หลังคลอดระดับยอดมดลูกจะลดลงประมาณ วันละ 0.5 - 1 นิ้ว 2 สัปดาห์หลังคลอด คลำไม่พบมดลูกทางหน้าท้อง 6 สัปดาห์หลังคลอด มดลูกจะมีขนาดใกล้เคียงกับ ระยะก่อนตั้งครรภ์ คำแนะนำ : ไม่ยกของหนัก เคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆ และไม่ควรออกกำลังกายหักโหม

น้ำคาวปลา 2-3 วันแรกหลังคลอด มีลักษณะสีแดงสดปริมาณมากประกอบด้วยเลือด อาจมีเลือดก้อนเล็ก ๆ วันที่ 4-9 หลังคลอดมีลักษณะสีชมพูหรือคล้ำลงเป็นสีน้ำตาลปริมาณลดล ประกอบด้วยเลือดเก่าๆ ระยะนี้ไม่ควรมีก้อนเลือดปน วันที่ 10 จนถึงสัปดาห์ที่ 3-6 หลังคลอดมีสีขาวครีมหรือเหลืองอ่อนปริมาณลดลง คำแนะนำ : ทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้ง หลังการขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระโดยเช็ดจากด้านหน้าไป ด้านหลังทุกครั้ง และเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ หากมีกลิ่มเหม็นหรือ มีสีแดงสดตลอด 15 วันหลังคลอด ควรรีบมาพบแพทย์

ฝีเย็บ ระยะแรกหลังคลอด ผิวหนังบริเวณฝีเย็บจะร้อนแดง จากเลือดมาคั่งและบวมช้ำ การฉีกขาดของฝีเย็บ แผลจะหายภายใน 2 – 3 สัปดาห์ (หายแบบสมบูรณ์ในช่วง 4 - 6 เดือนหลังคลอด **บางรายอาจมีอาการปวดแผลฝีเย็บนานถึง 6 เดือนหลังคลอด คำแนะนำ : ทำความสะอาดโดยใช้น้ำและสบู่ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง และซับให้ แห้งเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดหรืออาบน้ำในอ่าง

การมีประจำเดือน ปกติในรายที่ไม่ได้เลี้ยงบุตรด้วยนมตนเอง ประจำเดือนครั้งแรกหลังคลอดจะมาในช่วง 7-9 สัปดาห์ แต่หากเลี้ยงบุตรด้วยนมตนเอง อาจไม่มีประจำเดือนตลอดระยะที่ให้นมบุตร

เต้านม เต้านมขยายใหญ่ มีสีคล้ำขึ้น เมื่อทารกดูดนมแม่จะกระตุ้นให้มีการหลั่ง ฮอร์โมน เพิ่มมากขึ้นมีเลือดไปเลี้ยงเต้านมมากขึ้นส่งผลให้เต้านมขยายใหญ่ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และมีอาการกดเจ็บและคัดตึงเต้านม คำแนะนำ : ใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดหัวนมและลานนมทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังให้นมบุตร

ระบบต่างๆของร่างกาย ระบบไหลเวียนเลือด ระบบทางเดินอาหาร และการขับถ่าย ระบบทางเดินปัสสาวะ ผิวหนัง น้ำหนักตัว

ระบบไหลเวียนเลือด ชีพจร : ช่วงแรกอัตราการเต้นของชีพจรอาจช้าลงกว่าปกติเล็กน้อยประมาณ 50 – 60 ครั้ง/นาที การหายใจ : อัตราการหายใจเท่ากับคนปกติ คือ 16-24 ครั้ง/นาที อาจช้าลงเล็กน้อย ความดันโลหิต : ภายใน 48 ชม.หลังคลอด อาจสูงขึ้นหรือลดลงได้เล็กน้อยอาจพบ ความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า ทำให้มารดามีอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ หรือเป็นลม เมื่อลุกนั่งหรือยืน ** ความดันโลหิตจะกลับสู่ภาวะปกติภายในวันที่ 4 หลังคลอด ** อุณหภูมิกาย : ภายใน 24 ชม.แรกหลังคลอด อุณหภูมิอาจสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่เกิน 38 °C แต่ถ้าอุณหภูมิสูงมากกว่า 38 °C นานเกิน 24 ชม. แสดงว่าอาจมีภาวะติดเชื้อเกิดขึ้น

ระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย ภายหลังคลอดทันที อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนหลังคลอด จากการ เปลี่ยนแปลงของร่างกาย ความอยากอาหารลดลง จากอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย (อาการจะหายไปภายใน 2-3 ชม.) เมื่อผ่านช่วง 2-3 ชม.หลังคลอด มารดาจะมีอาการหิว กระหายน้ำมาก จากการงดน้ำงดอาหารในระยะรอคลอด และเจ็บแผลฝีเย็บทำให้ไม่กล้าเบ่งถ่าย เกิดภาวะท้องผูก (อาการท้องผูกมักพบในช่วง 2-3 วันหลังคลอด) คำแนะนำ : ดื่มน้ำวันละ1,500-2,000 มิลลิลิตร และรับประทานอาหารที่มีกาก ใยสูง เช่น ผักใบเขียว มะละกอ เป็นต้น

ระบบทางเดินปัสสาวะ ระหว่างการคลอดมักมีการบาดเจ็บของท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะทำให้ท่อปัสสาวะบวม จึงอาจพบ ปัสสาวะลำบากปัสสาวะไม่หมดหรือปัสสาวะไม่ออกได้ และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ง่าย ควรกระตุ้นให้ปัสสาวะทุก 4-6 ชั่วโมง จะกลับสู่สภาวะ ปกติภายใน 5-7 วันหลังคลอด คำแนะนำ : ไม่กลั้นปัสสาวะ และทำความสะอาดอวัยวะ เพศหลังปัสสาวะจากด้านหน้าไปด้านหลังทุกครั้ง

ผิวหนัง ฝ้าบริเวณใบหน้าจะลดลงสีของลานนมเ ข้มขึ้น เส้นกลางหน้าท้องรอยแตกของ ผิวหนังบริเวณหน้าท้องไม่หาย แต่สีจะจางลงร่างกายจะขับน้ำออกทางผิวหนังมาก จึงมีเหงื่อออกมาก น้ำหนักตัว หลังคลอดทันทีน้ำหนักตัวจะลดลงประมาณ 4 – 8 กิโลกรัม ระยะ 3 – 5 วัน หลังคลอด น้ำหนักจะลดลงอีก 2 – 3 กิโลกรัม หลังจากนั้นการลดน้ำหนักตัวจะขึ้นกับ การปฏิบัติตัวของมารดาหลังคลอดในเรื่องการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย

การเปลี่ยนแปลงด้านจิตสังคม แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ระยะพึ่งพา ระยะที่ 2 ระยะกึ่งพึ่งพา ระยะที่ 3 ระยะพึ่งพาตนเอง

ระยะที่ 1 ระยะพึ่งพา 1 – 2 วันแรกหลังคลอด จะมีพฤติกรรมพึ่งพา เนื่องจากร่างกายยังอ่อนเพลีย จากการคลอดและมีความไม่สุขสบาย เช่น ปวดแผลฝีเย็บ จึงไม่ต้องการทำอะไร ด้วยตนเอง คำแนะนำ : ให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารให้เพียงพอต่อความ ต้องการของร่างกาย และสัมผัสบุตรบ่อยๆ ระยะที่ 2 ระยะกึ่งพึ่งพา 3 – 10 วันหลังคลอด จะมีพฤติกรรมช่วยเหลือตนเองได้ ดูแลตนเองและ ทารกมากขึ้น อาจไม่มั่นใจในความสามารถในการเลี้ยงดูบุตร คำแนะนำ : ให้ดูแลบุตรด้วยตนเอง เพื่อให้มีความมั่นใจในการเลี้ยงบุตร

ระยะที่ 2 ระยะพึ่งพาตนเอง ตั้งแต่วันที่ 10 หลังคลอด เป็นต้นไป มารดาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น จัดการกับการดำเนินชีวิตได้ดี ปรับตัวต่อการเป็นบทบาทมารดาและภรรยาได้ คำแนะนำ: ให้มารดาดูแลตนเองและอยู่ใกล้ชิดบุตร และให้สมาชิกในครอบครัว มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูบุตร

เอกสารอ้างอิง มณีภรณ์ โสมานุสรณ์. (2559). การพยาบาลสูติศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่13). นนทบุรี : ยุทธรินทร์ การพิมพ์ จำกัด. ศิรินันท์ ตรีมงคลทิพย์. (ม.ป.ป.). การเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังการคลอด. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2565, จาก https://www.healthcarethai.com/ การเปลี่ยนแปลงหลังคลอด Phattharanit Angninpan. (2561), การเปลี่ยนแปลงทางสรีระของมารดาหลังคลอด. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2565, จาก https://prezi.com/vbq3i3m_9wl/presentation/ สุชยา ลือวรรณ. (2558). การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในสตรีตั้งครรภ์. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2565, จาก https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.

จัดทำโดย : นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook