ชุดกิจกรรมพอเพยี งสร้างรายได้ โดยใชร้ ูปแบบการเรียนรูแ้ บบโครงงานเป็นฐาน ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา (COVID-19) นางสาวนงลกั ษณ์ บุญลอ้ ม ตําแหน่ง ครู คศ.1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ โรงเรยี นเบญจมราชูทศิ จังหวัดจนั ทบุรี สำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาจนั ทบุรี ตราด
ชุดกจิ กรรมพอเพยี งสรา้ งรายได้ โดยใชร้ ูปแบบการเรยี นรแู้ บบโครงงานเป็นฐาน ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา (COVID-19) สาระท่ี 2 การอาชพี มาตรฐาน ง 2.1 เข้าใจ มที ักษะท่จี ําเป็น มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อพัฒนา อาชีพ มีคณุ ธรรม และมเี จตคตทิ ่ีดตี ่ออาชีพ ตวั ช้ีวัด 1. อธิบายการเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพ (ง 2.1 ม. 2/1) 2. ระบุการเตรียมตัวเข้าส่อู าชีพ (ง 2.1 ม. 2/2) 3. มีทกั ษะพื้นฐานทจี่ ําเป็นสําหรับการประกอบอาชีพทส่ี นใจ (ง 2.1 ม. 2/3) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกหรืออธบิ ายความหมายของโครงงานอาชีพได้ 2. บอกหลักการและจดุ ม่งุ หมายในการทําโครงงานอาชีพได้ 3. บอกหรืออธบิ ายคุณคา่ ของการทําโครงงานอาชีพได้ 4. เขา้ ใจและจาํ แนกประเภทของโครงงานอาชีพได้ 5. บอกหรอื อธบิ ายลกั ษณะของโครงงานวกิ ารงานอาชีพแต่ละประเภทได้ สาระการเรยี นรู้ 1. โครงงานอาชีพคืออะไร 2. หลักการของโครงงานอาชีพ 3. จุดมุ่งหมายของโครงงานอาชีพ 4. ลกั ษณะของโครงงานอาชีพ 5. คณุ คา่ ของโครงงานอาชีพ 6. ประเภทของโครงงานอาชพี เวลา 3 ช่ัวโมง
คาํ ชแี้ จง นักเรียนศกึ ษาชุดกจิ กรรมพอเพียงสร้างรายได้โดยใช้รปู แบบการเรียนรู้ แบบโครงงานเปน็ ฐานในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา (COVID-19) - โดยปฏิบัติตามข้ันตอนดงั ตอ่ ไปน้ี 1. นักเรียนสามารถศึกษาชดุ กิจกรรมการเรียนรูโ้ ครงงานอาชพี เปน็ รายบคุ คล หรือรายกลุ่ม ซึง่ ใน การแบง่ กลุม่ ควรมสี มาชกิ กลุ่มละประมาณ 3-5 คน โดยใหแ้ ต่ละกลุม่ ควรมีทัง้ คนเก่ง ปานกลาง และออ่ น 2. อ่านคําชแ้ี จงในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานอาชีพ 3. ทาํ แบบทดสอบก่อนเรียนเป็นรายบุคคล 4. ศึกษาบัตรเนื้อหาเรื่อง โครงงานอาชีพคืออะไร ด้วยความต้ังใจ 5. ศกึ ษาบัตรกจิ กรรม 6. ปฏิบตั ิกิจกรรมและบันทึกผลตามทีร่ ะบุไว้ในบตั รกจิ กรรม 7. ตอบคําถามจากบัตรคําถาม 8. ทําแบบทดสอบหลงั เรยี นเป็นรายบุคคล
กจิ กรรมท่ี 1 ทดสอบกอ่ นเรยี น
บตั รทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง โครงงานอาชีพคืออะไร กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 คะแนนเตม็ 10 คะแนน จํานวน 10 ขอ้ เวลา 10 นาที คําชีแ้ จง ใหเ้ ลือกคําตอบที่ถูกที่สุดเพยี งคําตอบเดียวแล้วทําเครื่องหมายกากบาท (X) ลงใน 1. โครงงานคอื อะไร ก. ส่งิ ทถ่ี ูกบงั คบั กาํ หนดให้ศึกษา ข. การเรียนรโู้ ดยไมม่ ีการวางแผน ค. การเรยี นรโู้ ดยไม่อาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ง. กิจกรรมทีเ่ ปิดโอกาสให้ผู้เรียนศึกษาสิง่ ทสี่ นใจอย่างลกึ 2. การสร้างสรรคส์ งิ่ ใหม่ ๆ ขึ้นมาหลงั จากท่ีได้ศึกษาทางทฤษฎีหรอื พบเห็นผลงานของผู้อื่นแล้ว เกิด ความคิด สรา้ งสรรคท์ ี่จะพฒั นาตอ่ ไป เพื่อให้สามารถใช้ประโยชนไ์ ด้ดยี ่งิ ข้ึน จดั เป็นโครงงานประเภทใด ก. โครงงานประเภททดลอง ข. โครงงานประเภทสํารวจ ค. โครงงานประเภทสิง่ ประดิษฐ์ ง. โครงงานประเภทพฒั นาผลงาน 3. โครงงานตามสาระการเรยี นรู้ มีลักษณะเช่นใด ก. เปน็ การสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ ข. เป็นการให้บรู ณาการร่วมกับการเรยี นรู้ ค. เป็นการนาํ ความร้ดู า้ นต่าง ๆ มาประยกุ ต์ใชด้ ว้ ยกนั ง. เป็นการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ไปด้านทตี่ นเองสนใจ 4. การใชส้ มุนไพรในการปราบศัตรพู ืช จัดอยู่ในโครงงานประเภทใด ก. โครงงานประเภททดลอง ข. โครงงานประเภทสํารวจ ค. โครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์ ง. โครงงานประเภทพฒั นาผลงาน 5. ขอ้ ใดจัดว่าเปน็ โครงงานการทดลอง ก. การสํารวจพชื สมุนไพรในท้องถิ่น ข. การศกึ ษาวสั ดทุ ีใ่ ช้ลอ่ และไลแ่ มลง ค. การศึกษาค้นควา้ ตาํ รายาแผนโบราณ ง. การควบคุมการเจรญิ เตบิ โตของไมป้ ระดับประเภทเถา 6. หลักการสําคญั ของโครงงานคอื อะไร ก. นกั เรยี นแสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง ข. นักเรยี นทาํ ตามคําแนะนําของผู้เช่ยี วชาญ ค. นกั เรยี นส่งผลงานเขา้ ประกวดเพื่อใหไ้ ด้รบั รางวัล ง. ครูที่ปรึกษาโครงงานชีแ้ นะแนวทําในการทาํ โครงงาน
7. คํากลา่ วนีต้ รงกับขอ้ ใด “เปน็ โครงงานการศกึ ษาข้อมูลสําหรับดําเนินงานพฒั นาปรบั ปรงุ เพิ่มเติม ผลงาน และสง่ เสรมิ ผลผลติ ให้มคี ุณภาพดยี ง่ิ ขนึ้ ” ก. โครงงานประเภททดลอง ข. โครงงานประเภทสํารวจ ค. โครงงานประเภทส่งิ ประดิษฐ์ ง. โครงงานประเภทพัฒนาผลงาน 8. โครงงานเปรยี บได้กับงานใด ก. การบา้ น ข. แบบฝึกหดั ค. งานวิจัย ง.รายงาน 9. สมาชิกในการทําโครงงานอาชพี ศวรมีจาํ นวนเทา่ ใด ก. 2-4 คน ข. 3-5 คน ค. 5-7 คน ง. จํานวนเท่าใดกไ็ ด้ 10. คุณคา่ สาํ คญั ของโครงงานคอื อะไร ก. เปน็ โครงงานที่ไดร้ ับรางวัล ข. ผ้ทู าํ ได้แสดงความสามารถพเิ ศษ ค. เกิดความสัมพนั ธ์กับเพ่อื นในกลุม่ โครงงาน ง. นักเรยี นเกดิ จิตสํานกึ และความรับผิดชอบในการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง
กิจกรรมท่ี 2 ศึกษาบัตรเนื้อหา
บัตรเน้อื หาท่ี 1 เรอื่ ง โครงงานอาชีพ ความหมายของโครงงานอาชพี เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าการจัดการเรียนการสอนที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงนั้น คือ การให้ นกั เรียนไดพ้ ัฒนาความรู้ความสามารถ และเสาะแสวงหาความรู้ดว้ ยตวั เอง ดังน้นั การจัดการเรยี นการสอนโดย ยึดนักเรยี นเป็นศนู ยก์ ลาง (Child Center) จึงเปน็ การพัฒนานักเรียนที่แทจ้ ริง คอื หากนักเรยี นรู้ เข้าใจ และมี ทกั ษะ ในการเสาะแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองแลว้ นกั เรยี นก็จะสามารถสืบค้นความรูจ้ ากแหลง่ ความรู้ตา่ ง ๆ ท่ี มีอยู่ มากมายได้ด้วยตนเอง เป็นการเรียนรู้ที่ยั่งยืน วิธีการอย่างหนึ่งที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้นักเรียนมี ความสามารถดังกล่าว คือการจัดทําโครงงาน เพราะนักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าหาคําตอบด้วยตัวเอง โดยมีครู หรอื ผทู้ รงคุณวฒุ เิ ป็นผู้ดูแลและใหค้ ําปรกึ ษา โครงงาน (praject) มีเป็นงานวิจยั (Research) ที่นักเรียนรวมกลุ่มกันทํากจิ กรรม โดยใช้วิธีการ ทักษะ กระบวนการ และเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ในการศึกษาคน้ คว้าหาคําตอบในเร่ืองใดเร่ืองหน่งึ ทเ่ี ป็นปัญหาหรือท่ี ต้องการคาํ ตอบ Research = Re + search การวิจัย การทาํ ซ้ำ ๆ การสืบคน้ จากรากศัพท์ดังกลา่ ว การวิจัยจึงหมายถึง การศกึ ษาหาความรซู้ ้ำ ๆ หรอื ค้นแลว้ คน้ อีกจนกว่าจะเกดิ องค์ ความร้หู รอื ทราบคําตอบของส่ิงท่ีต้องการศึกษาอย่างชัดเจน โครงงานอาชีพเป็นการจัดการเรียนรู้งานอาชีพที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง อย่างครบวงจร ตั้งแต่ การวิเคราะห์ การวางแผน การปฏิบัติงาน การจัดการกับผลผลิต การจําหน่าย การบริการ รวมทั้งรายได้จาก การจําหน่ายผลผลิตหรือบริการ โดยเน้นการผลิต การบริการ การบริหารจัดการ การตลาด และการใช้ เทคโนโลยีในการปฏิบัติงาน ลักษณะของงานอาชีพตามโครงงานที่ปฏิบัติต้องเป็นงานอาชีพสุจริตที่มีอยู่ใน ท้องถิ่น หรืองานอาชีพที่เป็นความต้องการของผู้เรียน เป็นงานอาชีพที่มีลักษณะเป็นงานผลิตและหรืองาน บริการ การปฏิบัติงานอาชีพ ผู้เรียนต้องเป็นผู้ปฏิบัติเองทั้งหมด ตั้งเริ่มต้นจนสิ้นสุดการปฏิบัติงาน โดยมีครู อาจารย์ทําหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและการปฏิบัติโครงงานอาชีพให้ปฏิบัติรวมกันเป็นกลุ่ม 3 - 5 คน โดยใช้บ้าน สถานประกอบการ สถานประกอบอาชีพ รวมทั้งสถานศึกษา เป็นสถานทีป่ ฏบิ ัติงานและในการจัดทําโครงงาน อาชีพของผู้เรยี น ควรมผี ู้ทรงคณุ วุฒิหรือผู้ประสบความสําเร็จในสาขาอาชีพที่มีอยู่ในท้องถิ่น ร่วมวางแผนและ ให้คําปรึกษาในการปฏบิ ัตงิ านอาชพี ของผ้เู รยี นดว้ ย
หลักการของโครงงานอาชพี การทําโครงงานอาชีพน้นั มุ่งหวังให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงที่ดีขึน้ ในตัวนักเรียนใหเ้ ปน็ ผู้มีเจต คติต่อ อาชพี คิดและทําอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ มีทักษะและความชํานาญในการใช้กระบวนการคิด ดาํ เนนิ การอย่างมี ระบบ เป็นระเบยี บ หลักการสาํ คญั ของการทําโครงงาน ได้แก่ 1. เน้นการเสาะแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง โดยนกั เรยี นเป็นผรู้ เิ ริม่ วางแผน และดําเนนิ การศึกษาด้วย ตนเอง ครมู หี น้าที่เพียงเปน็ พเ่ี ล้ยี ง คอยชี้แนะแนวทางและให้คําปรึกษา 2. เนน้ กระบวนการในการเสาะแสวงหาความรู้ เริ่มต้ังแตก่ ารกาํ หนดปัญหา หรือเลือกหัวข้อท่ตี น สนใจต้องการศกึ ษา วางแผนการศึกษาค้นควา้ ดําเนินการทาํ งาน รวบรวมและเรยี บเรียงข้อมลู วเิ คราะห์ ขอ้ มูล และสรปุ ผลการศึกษาคน้ คว้า 3. เนน้ ใหน้ ักเรียนคิดเป็น ทําเป็น แก้ปญั หาเปน็ 4. มุ่งฝึกให้นกั เรียนรแู้ ละมที ักษะในการคิด รจู้ ักวิธกี ารในการศกึ ษาคน้ คว้าและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง มไิ ด้เป็นการส่งเขา้ ประกวดเพ่ือรับรางวัล จุดมุง่ หมายของโครงงานอาชพี 1. เพื่อใหน้ ักเรียนได้ใช้ความรู้และประสบการณ์ เสอื กทาํ โครงงานตามที่ตนสนใจ 2. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมลู จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ด้วยตนเอง 3. เพื่อใหน้ ักเรยี นได้แสดงออกซ่ึงความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ 4. เพือ่ ใหน้ ักเรียนมีเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละเหน็ คุณค่าของการใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ น การแกป้ ัญหา
เรื่อง ลกั ษณะ คณุ คา่ และประเภทของโครงงานอาชีพ ลกั ษณะของโครงงานอาชีพ โครงงานอาชพี จัดวา่ เป็นงานวิจยั ในระดบั ชั้นเรยี น หรอื เป็นงานวจิ ัยของนักเรยี นนั่นเอง มลี ักษณะ ดังตอ่ ไปนี้ 1. เป็นกิจกรรมเกย่ี วกับอาชีพในท้องถ่ินพังงา 2. นักเรยี นเปน็ ผูเ้ รม่ิ และเลือกอาชพี ท่จี ะศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตวั เอง ตามความสนใจ และระดับความรู้ ความสามารถ 3. เป็นกิจกรรมที่ใช้วธิ กี ารสอบถาม เรยี นรู้และฝึกปฏิบัติในการศึกษาค้นควา้ 4. นักเรยี นดาํ เนนิ การด้วยตนเอง โดยมคี รหู รือปราชญช์ าวบา้ นเป็นผ้ใู หค้ ําปรึกษา เพ่ือให้นักเรียนเกดิ ทักษะการเรียนรจู้ ากการดําเนินโครงงาน ตามมาตรฐานการเรียนรทู้ ี่กาํ หนดไว้ และเกิดเจตคติทีด่ ีต่ออาชพี ใน ทอ้ งถิ่นพงั งา คุณคา่ ของโครงงานอาชพี โครงงานอาชพี นอกจากจะมีคุณค่าด้านการฝกึ ใหน้ ักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในงานอาชพี ตา่ ง ๆ และรู้จกั การศึกษาค้นคว้าหาความรตู้ า่ ง ๆ ด้วยตนเองแลว้ ยงั มคี ณุ คา่ ด้านอื่น ๆ อีกมากดังนี้ 1. สรา้ งจติ สาํ นกึ และความรบั ผิดชอบในการศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเอง 2. เปิดโอกาสใหท้ ุกคนไดพ้ ัฒนาและแสดงความสามารถตามศกั ยภาพของตนเอง 3. เปดิ โอกาสใหไ้ ด้ศกึ ษา ค้นควา้ และเรียนรู้เรื่องทส่ี นใจได้อยา่ งลึกซ้ึงกวา่ ปกติ 4. ผทู้ ีม่ คี วามสามารถพิเศษได้มีโอกาสแสดงความสามารถของตนเอง 5. กระตุ้นความสนใจและสร้างเจตคตทิ ี่ดตี ่ออาชีพในท้องถิ่น 6. ได้ใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชนใ์ นทางสร้างสรรค์ 7. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน นักเรียน ครู และปราชญช์ าวบา้ น 8. สรา้ งความสมั พันธ์ระหว่างชุมชนกับโรงเรียน โดยชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งประสบการณแ์ ก่ นักเรยี น ซงึ่ จะกระตุน้ ความสนใจด้านอาชีพในท้องถนิ่ ประเภทของโครงงานอาชพี กิจกรรมโครงงาน คอื การกาํ หนดรายละเอียดของงานท่ตี ้องทําไว้ลว่ งหน้าอย่างเป็นขน้ั ตอน มกี าร คาดการณ์เหตุการณ์ไว้พร้อมเสร็จ โดยมวี นั เริ่มงานและวนั สนิ้ สุดโครงงานไว้ อยา่ งชดั เจนและสามารถลงมือ ดาํ เนินการได้ทนั ที ดงั น้ันเพ่ือใหก้ ารจดั ทาํ กจิ กรรมโครงงาน มีกรอบหรือขอบเขตทช่ี ัดเจน จึงแยกโครงงาน ออกเป็นประเภทต่าง ๆ โดยพิจารณาจากลกั ษณะความเหมือนและความแตกต่างไดเ้ ป็น 4 ประเภท ไดแ้ ก่
1. โครงงานประเภททดลอง 2. โครงงานประเภทสาํ รวจ 3. โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ 4. โครงงานประเภทพัฒนาผลงาน โครงงานประเภททดลอง เปน็ โครงงานท่ีเกิดขึ้นจากการศึกษาหลักการต่าง ๆ ทางวิชาการแลว้ นาํ มา ทดลองคน้ ควา้ เพื่อยนื ยนั ทฤษฎีหรือหลกั การหรือตอ้ งการทราบแนวทางเพ่ิมคุณคา่ และการใชป้ ระโยชน์ ให้ มากย่งิ ขึน้ เชน่ - การศกึ ษาสูตรอาหารไก่ตอน - การทดลองปลูกพชื ในน้ำยาหรอื การปลกู พชื โดยไม่ใช้ดิน - การควบคมุ การเจริญเตบิ โตของไมป้ ระดบั ประเภทเถา - การใช้ฮอรโ์ มนกับก่งิ กหุ ลาบ - การศกึ ษาขนมอบชนิดต่าง ๆ - โครงงานประเภทสาํ รวจ เป็นโครงงานการศึกษาสํารวจข้อมูลสาํ หรับดาํ เนินงานพัฒนา ปรบั ปรุง เพ่ิมเติมผลงาน และส่งเสริมผลผลติ ให้มคี ุณภาพดยี ิ่งขึ้น ข้อมูลดังกล่าวอาจมผี ู้จดั ทาํ ขน้ึ แตม่ กี ารแปร เปลีย่ นไปแลว้ ตอ้ งทําการสาํ รวจจดั ทําข้ึนใหมใ่ ห้ทันสมยั อยู่เสมอ เช่น - การสํารวจราคาผลผลิตเกษตรในทอ้ งถิน่ - การสาํ รวจราคาสนิ คา้ อปุ โภคบริโภคในทอ้ งถ่นิ - การสํารวจแหล่งวชิ าการและสถานประกอบการในท้องถิ่น - การสํารวจงานบริการในท้องถิน่ - การสาํ รวจปริมาณการปลูกขา้ วโพดในท้องถิน่ - การสํารวจปริมาณการเลี้ยงไกเ่ น้ือในท้องถิ่น - การสํารวจปรมิ าณการเล้ียงห่านในทอ้ งถ่ิน - การสํารวจคลองแม่รําพัน สุโขทัย โครงงานประเภทสงิ่ ประดิษฐ์ เปน็ โครงงานสร้างสรรค์ส่ิงประดิษฐใ์ หม่ ๆ ขึ้นมาหลังจากที่ได้ ศกึ ษาทาง ทฤษฎีหรือพบเหน็ ผลงานของผู้อืน่ แล้ว เกิดความคิดสร้างสรรค์ทจ่ี ะพฒั นาต่อไป จงึ ประดิษฐ์คดิ ค้น ใหส้ ามารถ ใชป้ ระโยชนไ์ ดด้ ีย่ิงข้ึน เชน่ - การควบคมุ ระบบการใหน้ ้ำในแปลงเพาะชาํ - การประดษิ ฐ์หัวฉดี พน่ น้ำในแปลงปลูกผกั - การประดิษฐข์ องชาํ ร่วย - การประดษิ ฐ์เครื่องรบั วทิ ยุ - การประดษิ ฐ์เครื่องเสยี ง
- การออกแบบเส้ือผ้าชาย หญิง - โครงงานประเภทพฒั นาผลงาน เปน็ โครงงานที่เกิดจากการศึกษาเนื้อหาทางวิชาการ หรือหลกั ทฤษฎี เกี่ยวกับวิชาการงานและอาชพี หรอื วิชาสามัญต่าง ๆ แล้วนาํ มาปรบั ปรงุ และพัฒนาให้สอดคล้องกบั แนวทาง ทฤษฎดี งั กล่าว สง่ ผลใหม้ ผี ลงานเป็นรปู ธรรมย่งิ ขน้ึ ตวั อย่างเช่น - เม่ือนกั เรียนได้ศึกษาทางทฤษฎเี ก่ยี วกบั พลังงานแสงอาทิตย์ โครงงานสรา้ งเครื่องอบกลว้ ยดว้ ย แสงแดด ตอู้ บเนือ้ สัตว์ตา่ ง ๆ เคร่อื งทาํ น้ำร้อน ฯลฯ - พืชสมนุ ไพร โครงงานการใช้ยาปราบศตั รพู ชื ด้วยพชื สมนุ ไพร กําจดั เพลย้ี หนอนแมลงปีก แข็ง ฯลฯ - การถนอมอาหาร โครงงานการแปรรปู ผลผลติ การทาํ ผกั กาดดองสามรส การทําไส้กรอก การ ตอง พืชผักผลไม้ตา่ ง ๆ ฯลฯ - การเลีย้ งปลา โครงงานการเลยี้ งปลาสวยงาม การเปล่ียนสีปลาออสกา้
กิจกรรมที่ 3 ปฏบิ ัตติ ามบตั รกิจกรรม
บตั รกิจกรรม เรือ่ ง กิจกรรมความรว่ มมอื จดุ ประสงค์ เปรยี บเทียบความสามารถในการทํางานคนเดยี วกับการทํางานเป็นกลมุ่ คําสงั่ ครงั้ ที่ 1 นักเรียน 1 คน ตอ่ แผ่นหมากรุกตัวเลข 1 แผน่ วธิ กี าร ใหน้ กั เรยี นใช้ปากกาหรอื ดินสอ วงกลมล้อมรอบตัวเลขตามลําดบั ต้ังแต่ 1 เป็นต้นไป จบั เวลา 5 นาที นับจํานวนตัวเลขทไ่ี ด้ ครัง้ ท่ี 2 นักเรียน 2 คน ตอ่ แผ่นหมากรุกตวั เลข 1 แผน่ วิธีการ ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ใชป้ ากกาหรือดินสอ วงกลมลอ้ มรอบตวั เลข ตามลาํ ดบั ต้ังแต่ 1 เป็นตน้ ไป จับเวลา 5 นาที แล้วนับจํานวนตวั เลขทไ่ี ต้ เปรียบเทียบกับ ตอนท่ี 1
คาํ ถาม 1. จํานวนตวั เลขท่ีไดค้ รัง้ ท่ี 1 = ………………………………… จำนวน ตวั เลขทไ่ี ด้ครั้งที่ 2 = ...................................... 2. จํานวนตัวเลขท่ีไดใ้ นครง้ั ท่ี 2 เปน็ อย่างไร เมอ่ื เทียบกับครงั้ ท่ี 1............................................................. เหตุใดจึงเป็นเชน่ นนั้ ………………………………………………………………………………………………………………. 3. จากกจิ กรรมน้ี นักเรยี นจะสรุปไดว้ ่าอยา่ งไร…………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….
กิจกรรมที่ 4 ตอบคาํ ถาม
บตั รคําถามท่ี 1 เรื่อง ความเขา้ ใจในโครงงานอาชพี คําสงั่ นกั เรียนใสเ่ ครื่องหมาย Y หน้าขอ้ ทีถ่ ูก และเคร่ืองหมาย X หนา้ ข้อทผ่ี ดิ (10 คะแนน) ……….. 1. โครงงานอาชพี ควรนาํ ไปใช้ประโยชน์ไดใ้ นชวี ิตประจําวนั และการพฒั นาอาชีพ .......... 2. โครงงานอาชพี ช่วยเสรมิ สรา้ งประสบการณ์ให้ผูเ้ รยี นไดล้ งมือปฏบิ ตั จิ รงิ ส่งผลทาํ ใหเ้ กดิ ความริเร่มิ สร้างสรรคใ์ นการทําโครงงานใหม่ ๆ ท่จี ะนําไปสู่โลกของงานอาชพี ………… 3. ความสาํ คัญของโครงงานเนน้ ใหน้ ักเรยี นไดป้ ระโยชน์จากกจิ กรรม ............ 4. วัตถปุ ระสงคข์ องการทาํ โครงงาน ทําใหน้ กั เรยี นมคี วามรพู้ ื้นฐานทจี่ าํ เปน็ เกี่ยวกับ ความเปน็ อยใู่ นชีวติ ประจาํ วนั …………. 5. โครงงานอาชพี มีความสําคัญต่อนักเรียนและคณะครูคือทาํ ให้โรงเรยี นมีชือ่ เสียง ………….. 6. โครงงานอาชพี มีความสําคญั ต่อนักเรยี น คือจะชว่ ยสรา้ งเสรมิ ประสบการณ์จาก การปฏิบตั ิจริง ส่งผลให้เกดิ ความเข้าใจอย่างซาบซง้ึ ในการประกอบอาชพี …………… 7. การเรยี นรู้สามารถเกดิ ในห้องเรียนได้มากกวา่ ท่จี ะเกิดจากการฝึกปฏิบตั จิ ริงในสถานท่ตี า่ ง ๆ ............... 8. โครงงานอาชพี มีความสาํ คัญต่อชมุ ชน คอื จะช่วยลดปญั หาวัยรุน่ ในทอ้ งถ่นิ ที่เก่ียวกับ ความประพฤติ จรรยามารยาท …………… 9. ประโยชน์ของโครงงานอาชพี จะชว่ ยให้นักเรียนรจู้ กั ใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ มคี วาม รับผิดชอบ และนาํ วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์มาใชใ้ นการแก้ปญั หา ............. 10. โครงงานอาชพี มีความสาํ คัญต่อนักเรยี นคอื ชว่ ยใหเ้ กดิ การประสานงานและบูรณาการ ทางวิชาการ
บัตรคําถามที่ 2 เร่อื ง โครงงานอาชพี คอื อะไร คําส่ัง จงเติมคําหรือตอบคาํ ถามในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง (20 คะแนน) 1. การจัดการเรียนรทู้ ย่ี ึดนักเรียนเป็นศูนยก์ ลางมีลกั ษณะสาํ คัญอย่างไร (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. งานวจิ ัย (Research) ตามรากศพั ท์ หมายถึงอะไร (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. ในการทาํ โครงงาน ใครควรเป็นคนเลือกเร่ืองท่จี ะทําโครงงาน (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. ในการทาํ โครงงาน ในกลมุ่ ควรมสี มาชิกทําโครงงานก่ีคน (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 5. หากสมาชกิ ในกลุ่มนอ้ ยเกินไปจะมีผลอยา่ งไร (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 6. หากสมาชกิ ในกลุ่มมากเกนิ ไปจะมผี ลอยา่ งไร (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 7. จดุ มุ่งหมายสาํ คัญของโครงงานคืออะไร (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 8. หลกั การสาํ คัญของโครงงานคืออะไร [1 คะแนน …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 9. โครงงานอาชพี มลี ักษณะสาํ คัญอยา่ งไร (2 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..
10. โครงงานอาชีพมีคุณค่าสําคัญอยา่ งไร (2 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 11. โครงงานประเภททดลอง มีลกั ษณะอย่างไร (2 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. 12. โครงงานประเภทสาํ รวจ มลี ักษณะอย่างไร (2 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 13. โครงงานประเภทสิ่งประดษิ ฐ์ มีลกั ษณะอยา่ งไร (2 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 14. โครงงานประเภทพัฒนาผลงาน มลี ักษณะอย่างไร (2 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..
กจิ กรรมท่ี 5 ทดสอบหลงั เรยี น
บตั รทดสอบหลังเรียน เร่อื ง โครงงานอาชีพคืออะไร กลุม่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 คะแนนเตม็ 10 คะแนน จํานวน 10 ข้อเวลา 10 นาที คําช้ีแจง ให้เลอื กคําตอบที่ถูกที่สดุ เพียงคําตอบเดียวแล้วทาํ เคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงใน 1. ข้อใดกล่าวถกู ต้อง ก. โครงงานเป็นงานทน่ี ักเรียนทุกคนต้องทํา ข. โครงงานเปน็ งานวจิ ัยเลก็ ๆ ของนักเรยี น ค. โครงงานเปน็ งานวจิ ยั เฉพาะเฉพาะวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ง. โครงงานเปน็ งานท่คี รเู ปน็ คนออกคําสัง่ ใหน้ ักเรยี นทาํ 2. โครงงานทเี่ กิดจากการศึกษาเน้อื หาทางวชิ าการ หรอื หลกั ทฤษฎเี กี่ยวกับวิชาการงานและอาชีพหรือวิชา สามัญตา่ ง ๆ แลว้ นํามาปรับปรงุ และพัฒนาใหส้ อดคล้องกบั แนวทางทฤษฎดี ังกล่าว ส่งผลใหม้ ีผลงานเป็น รูปธรรมยิ่งขึ้น จัดเปน็ โครงงานประเภทใด ก. โครงงานประเภททดลอง ข. โครงงานประเภทสํารวจ ค. โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ ง. โครงงานประเภทพัฒนาผลงาน 3. โครงงานอาชพี มลี ักษณะเชน่ ใด ก. เป็นการสร้างความสามัคคีในหม่คู ณะ ข. เป็นการให้บูรณาการรว่ มกับการเรียนรู้ ค. เป็นการนําความรดู้ ้านต่าง ๆ มาประยุกต์ใชด้ ้วยกนั ง. เป็นการพฒั นาศักยภาพของตนเอง ไปดา้ นท่ตี นเองสนใจ 4. การควบคมุ ระบบการให้น้ําในแปลงเพาะชํา จดั อยู่ในโครงงานประเภทใด ก. โครงงานประเภททดลอง ข. โครงงานประเภทสํารวจ ค. โครงงานประเภทสิง่ ประดิษฐ์ ง. โครงงานประเภทพัฒนาผลงาน 5. ขอ้ ใดจัดวา่ เปน็ โครงงานสํารวจ ก. การสํารวจพืชสมนุ ไพรในท้องถน่ิ ข. การศกึ ษาวัสดทุ ่ใี ช้ลอ่ และไล่แมลง ค. การศึกษาคน้ ควา้ ตํารายาแผนโบราณ ง. การควบคุมการเจริญเติบโตของไม้ประดับประเภทเถา 6. การจัดกิจกรรมโครงงานควรเนน้ หลักการตามข้อใดมากท่สี ดุ ก. เน้นกระบวนการกลมุ่ ข. เนน้ การสง่ เขา้ ประกวดเพ่อื รางวลั ค. เนน้ การทาํ กจิ กรรมตามความรคู้ วามสามารถของนกั เรยี น ง. เน้นการแสดงความรดู้ ้วยตนเอง คดิ เป็น ทําเปน็ แก้ปัญหาเป็น
7. คํากลา่ วนี้ตรงกบั ข้อใด “เป็นโครงงานที่เกิดข้นึ จากการศกึ ษาหลักการตา่ ง ๆ ทางวชิ าการแลว้ นํามาทดลอง คน้ คว้าเพ่ือยืนยนั ทฤษฎหี รอื หลกั การหรือต้องการทราบแนวทางเพ่ิมคุณคา่ และการใช้ประโยชน์ใหม้ ากย่ิงขึ้น” ก. โครงงานประเภททดลอง ข. โครงงานประเภทสํารวจ ค. โครงงานประเภทสงิ่ ประดิษฐ์ ง. โครงงานประเภทพัฒนาผลงาน 8. งานใดเปรียบได้กับโครงงาน ก. การบา้ น ข. รายงาน ค. งานวจิ ยั ง. แบบฝึกหดั 9. การทําโครงงานอาชพี ควรมสี มาชกิ จํานวนเท่าใด ก. 2-4 คน ข. 3-5 คน ค. 5-7 คน ง. จาํ นวนเทา่ ใดกไ็ ด้ 10. ขอ้ ใดคุณค่าสําคญั ของโครงงาน ก. เปน็ โครงงานท่ไี ดร้ ับรางวัล ข. ผู้ทาํ ได้แสดงความสามารถพิเศษ ค. เกิดความสมั พนั ธก์ บั เพือ่ นในกลมุ่ โครงงาน ง. นักเรยี นเกดิ จิตสํานึกและความรบั ผิดชอบในการศกึ ษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง
บตั รคาํ ถาม เรอื่ ง โครงงานอาชีพคอื อะไร คําสงั่ จงเตมิ คาํ หรือตอบคาํ ถามในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง (20 คะแนน) 1. การจัดการเรียนรู้ท่ยี ึดนักเรยี นเป็นศนู ยก์ ลางมลี ักษณะสําคญั อย่างไร (1 คะแนน) ไดพ้ ัฒนาความรู้ ความสามารถ และเสาะแสวงหาความรู้ได้ดว้ ยตัวเอง ทําให้มีความสามารถในการนํา ความรู้ ความคดิ วธิ ีการ ตลอดจนทกั ษะในดา้ นตา่ ง ๆ ไปใชใ้ นการแก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือคน้ ควา้ หา ความร้ตู า่ ง ๆ ด้วยตนเองโดยมีครหู รือผทู้ รงคุณวฒุ เิ ป็นผูด้ ูแลและให้คาํ ปรึกษา 2. งานวิจยั (Research) ตามรากศัพท์ หมายถึงอะไร (1 คะแนน) การศึกษาหาความรู้ ๆ หรอื คนแลว้ คน้ อีก จนกวา่ จะเกิดองคค์ วามรู้หรอื ทราบคาํ ตอบของสิ่งที่ ตอ้ งการศึกษาอย่างชดั เจน 3. ในการทําโครงงาน ใครควรเป็นคนเลอื กเร่อื งท่ีจะทําโครงงาน (1 คะแนน) นกั เรยี น 4. ในการทําโครงงาน ในกล่มุ ควรมสี มาชกิ ทาํ โครงงานกี่คน [1 คะแนน) 3-5 คน 5. หากสมาชิกในกลุ่มนอ้ ยเกินไปจะมผี ลอย่างไร (1 คะแนน) มีภาระรบั ผิดชอบมากและเสยี ค่าใชจ้ ่ายตอ่ คนสงู 6. หากสมาชิกในกลุ่มมากเกินไปจะมผี ลอย่างไร (1 คะแนน) อาจเกดิ การเกี่ยงงานและเอาเปรียบกัน ไดล้ งมือปฏิบัตนิ ้อยจนไมเ่ กิดการเรยี นร้ทู ่ีคมุ้ ค่า 7. จดุ มุ่งหมายสาํ คัญของโครงงานคืออะไร (1 คะแนน) นกั เรยี นได้ใช้ความร้แู ละประสบการณ์ เลือกทําโครงงานตามทีต่ นสนใจ ได้ศกึ ษาคน้ ควา้ หาขอ้ มูลจาก แหลง่ ความรู้ตา่ ง ๆ ดว้ ยตนเอง ไดแ้ สดงออกซงึ่ ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ และมีเจตคตทิ ําวทิ ยาศาสตร์ และเห็น คุณคา่ ของการใช้กระบวนการทาํ วิทยาศาสตรใ์ นการแก้ปัญหา 8. หลกั การสาํ คัญของโครงงานคืออะไร (1 คะแนน) ทําใหค้ ดิ เป็น ทําเป็น แก้ปัญหาเปน็ โดยนําเอากระบวนการและวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ในการ แกป้ ัญหา
9. โครงงานอาชีพมลี กั ษณะสําคัญอย่างไร (2 คะแนน) ผู้เรยี นไดล้ งมือปฏบิ ัติจริง อย่างครบวงจร ต้งั แต่การวิเคราะห์ การวางแผน การปฏิบตั ิงาน การ จัดการกับผลผลิต การจําหนา่ ย การบริการ รวมทัง้ รายได้จากการจาํ หน่ายผลผลติ หรอื บรกิ าร โดยเน้นการ ผลิต การบริการ การบรหิ ารจัดการ การตลาด และการใช้เทคโนโลยีในการปฏบิ ตั ิงาน ซ่ึงผ้เู รยี นต้องเป็นผู้ ปฏบิ ัตเิ องทัง้ หมด ตงั้ เริม่ ตน้ จนส้ินสุดการปฏบิ ัติงาน โดยมีครู อาจารย์ทําหนา้ ทีเ่ ปน็ ทปี่ รึกษา 10. โครงงานอาชพี มีคุณคา่ สําคัญอยา่ งไร (2 คะแนน) สรา้ งจติ สํานึกและความรับผดิ ชอบในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ดว้ ยตนเอง เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ ศกึ ษา ค้นคว้า และเรยี นรู้เร่ืองท่สี นใจ ได้พฒั นาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง กระตุ้นความ สนใจและสรา้ งเจตคติที่ดตี ่ออาชพี ในท้องถิน่ ได้ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ในทางสรา้ งสรรค์ สร้าง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเพ่ือน นักเรียน ครู และปราชญ์ชาวบ้าน ระหว่างชมุ ชนกบั โรงเรียน 11. โครงงานประเภททดลอง มลี ักษณะอย่างไร (2 คะแนน) โครงงานประเภททดลองเปน็ โครงงานทีเ่ กดิ ขน้ึ จากการศกึ ษาหลกั การตา่ ง ๆ ทางวชิ าการแล้วนาํ มา ทดลองค้นคว้าเพ่ือยนื ยันทฤษฎหี รอื หลักการหรอื ต้องการทราบแนวทางเพ่ิมคุณคา่ และการใช้ประโยชน์ใหม้ าก ย่ิงข้นึ เชน่ การศกึ ษาสูตรอาหารไกต่ อน การทดลองปลูกพืชในนาํ้ ยาหรือการปลูกพืชโดยไม่ใชด้ ิน การควบคมุ การเจริญเติบโตของไม้ประดับประเภทเถา ฯลฯ 12. โครงงานประเภทสํารวจ มลี ักษณะอยา่ งไร (2 คะแนน) โครงงานประเภทสํารวจ เปน็ โครงงานการศกึ ษาสาํ รวจขอ้ มูลสาํ หรับดาํ เนนิ งานพฒั นาปรับปรุง เพม่ิ เติมผลงาน และส่งเสรมิ ผลผลิตให้มคี ณุ ภาพดยี ่ิงขน้ึ ข้อมลู ดังกลา่ วอาจมผี ู้จัดทาํ ขึ้น แต่มกี ารแปรเปลยี่ นไป แล้ว ตอ้ งทาํ การสาํ รวจจดั ทําขนึ้ ใหม่ให้ทนั สมัยอยเู่ สมอ เช่น การสาํ รวจราคาผลผลิตเกษตรในทอ้ งถิ่น การ สํารวจราคาสินคา้ อุปโภคบรโิ ภคในทอ้ งถนิ่ การสํารวจแหล่งวชิ าการและสถานประกอบการในท้องถ่นิ ฯลฯ 13. โครงงานประเภทสง่ิ ประดษิ ฐ์ มีลักษณะอยา่ งไร (2 คะแนน) โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เปน็ โครงงานสรา้ งสรรคส์ ่ิงประดิษฐ์ใหม่ ๆ ข้ึนมาหลงั จากที่ไดศ้ ึกษาทาง ทฤษฎหี รือพบเห็นผลงานของผ้อู ่ืนแลว้ เกดิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ทีจ่ ะพฒั นาต่อไป จงึ ประดิษฐค์ ดิ คน้ ให้สามารถ ใชป้ ระโยชนไ์ ดด้ ยี ่ิงข้นึ เชน่ การควบคุมระบบการใหน้ ้ำในแปลงเพาะชํา การประดิษฐ์หัวฉีดพน่ น้ำในแปลง ปลูกผกั การประดิษฐ์ของชาํ ร่วย ฯลฯ 14. โครงงานประเภทพัฒนาผลงาน มลี กั ษณะอยา่ งไร (2 คะแนน) โครงงานประเภทพัฒนาผลงาน เป็นโครงงานที่เกิดจากการศกึ ษาเพื่อหาทางวิชาการ หรอื หลกั ทฤษฎี เก่ยี วกบั วชิ าการงานและอาชีพหรอื วิชาสามัญตา่ ง ๆ แลว้ นํามาปรับปรงุ และพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวทาง ทฤษฎดี งั กล่าว สง่ ผลให้มีผลงานเป็นรปู ธรรมยิง่ ขึ้น ตัวอยา่ งเช่น เมือ่ นักเรียนได้ศึกษาทางทฤษฎเี ก่ียวกบั พลังงานแสงอาทิตย์ โครงงานสร้างเครือ่ งอบกล้วยด้วยแสงแดด ตู้อบเน้ือสัตว์ต่าง ๆ เคร่ืองทํานำ้ ร้อน ฯลฯ
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: