Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยในชั้นเรียน ปี4

วิจัยในชั้นเรียน ปี4

Published by bell janjira, 2022-08-31 05:16:44

Description: วิจัยในชั้นเรียน ปี4

Search

Read the Text Version

การพัฒนาทักษะกระบวนการและวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้วิธีการสอนแบบทดลอง ของนกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 โรงเรยี นบ้านบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จงั หวดั อุตรดิตถ์ ชอื่ นางสาวเจนจริ า นามสกลุ จงอยสู่ ุข รหัสประจาตัว 62031050135 Section 14 งานวิจยั ในชั้นเรยี นเปน็ ส่วนหน่ึงของรายวิชา ปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 4 ประจาปีการศึกษา 2565 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

บทที่ 1 บทนา ทีม่ าและความสาคัญของปัญหาการวจิ ัย พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 บัญญัติความตามมาตรา 22 วา่ การจัดการศึกษาต้อง ยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนทุกคนมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพความตาม มาตรา 24 (1) บัญญัติว่า การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเน้อื หาสาระ และกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และความตอนหน่ึง (5) ของมาตราเดียวกันบัญญัติว่า ให้ผู้สอนสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหน่ึงของ กระบวนการเรียนรู้ และความตามมาตรา 30 บัญญัติว่า ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มี ประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละ สถานศกึ ษา จากความตามมาตราดังกล่าวถงึ ตคี วามว่า ภายหลงั ทีผ่ สู้ อนจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ ใด ๆ ด้วยวิธีและเทคนิคการสอนวิธีการใดวิธีการหน่ึงแล้ว เม่ือทาการวัดและประเมินผลพบว่ามีผลอย่างใด อย่างหนงึ่ คอื จานวนผเู้ รยี นท้งั ชั้นเรียน จานวนผเู้ รียนสว่ นมากของชัน้ เรยี นหรือผูเ้ รียนจานวนสว่ นนอ้ ยของช้ัน เรียนมีผลสัมฤทธก์ิ ารเรยี นรู้ต่ากว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ผู้สอนกาหนดขน้ึ ผลการประเมนิ ดังกล่าวไม่สามารถลงข้อ สรปุ ว่า ผลสมั ฤทธกิ์ ารเรียนรขู้ องผ้เู รยี นไม่ผา่ นเกณฑม์ าตรฐานท่ีผู้สอนกาหนดและถูกตัดสินให้ “ตก” ในสาระ การเรียนรู้นั้น แต่ผู้สอนต้องพึงตระหนักเสมอว่าการท่ีผู้เรียนมีผลสัมฤทธ์ิการเรียนรู้ต่ากว่าเกณฑ์มาตรฐานท่ี กาหนดอาจเป็นเพราะว่า วิธีและเทคนิคการสอนตามที่ผู้สอนนามาใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจน้ันไม่ สอดคล้องกับความถนัดและความสนใจของผู้เรียน ดังนั้น ผู้สอนจึงต้องค้นหาวธิ ีและเทคนคิ การสอนวธิ ีใหมท่ ่ี เหมาะสมกับความถนัดและความสนใจของผู้เรียน การทาวิจัยของผู้สอนจะใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่า วิธีและ เทคนิคการสอนวิธีใหม่ท่ีผู้สอนนามาใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้นั้นมีผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของ ผ้เู รยี นหรือไม่อย่างไร เมือ่ เปรยี บเทยี บ เปรยี บเทยี บกับวิธีและเทคนิคการสอนวิธีเดิม ด้วยเหตุดังกล่าวจึงตอบ คาถามวา่ ทาไมผู้สอนจึงต้องทาวจิ ยั ทงั้ วจิ ยั เพ่ือพัฒนาและแกป้ ญั หาผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้กับนักเรียนระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนบ้านบึงท่ายวน พบว่ากระบวนการจัดการเรียนการสอนส่วนใหญ่จะสอนโดยการ แยกระหว่างทักษะทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ออกจากกันทาให้ผู้เรียนไม่สามารถใช้ทักษะ ทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิผล จึงมีแนวคิดท่ีจะทาการออกแบบกิจกรรม การเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้กิจกรรมการ ทดลอง ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้จะประเมนิ 3 ด้านรวมกันคือ ด้านความรู้(K) ด้านทักษะ/กระบวนการ

(P) และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) และกาหนดระดับผลการการเรียนรู้ท่ีประเมินเป็น 4 ระดับตาม เกณฑ์ประเมินของสานักงานการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานคือ ดีมาก มีร้อยละของค่าคะแนนเฉล่ยี 80 – 100 ดี รอ้ ยละ 65 – 79 กาลงั พฒั นา(ผ่าน) ร้อยละ 50 – 64 และตอ้ งปรับปรงุ (ไม่ผา่ น) ต่ากวา่ รอ้ ยละ 50 สาหรบั เกณฑก์ าร ประเมินผ่านเฉพาะรายบุคคลน้ัน นักเรียนแต่ละคนต้องมีผลการเรยี นรู้ตั้งแตร่ ะดับ ดี ส่วนเกณฑ์การประเมนิ ผ่านทั้งช้นั เรียนน้ัน ตอ้ งมนี ักเรียนอย่างน้อยรอ้ ยละ 70 ของจานวนทั้งหมดมผี ลการเรียนรู้ตัง้ แตร่ ะดับดขี นึ้ ไป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ให้กับนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียน บ้านบึงท่ายวน พบว่ากระบวนการจัดการเรียนการสอนส่วนใหญ่จะสอนโดยการแยกระหว่างทักษะทาง วิทยาศาสตร์และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ออกจากกันทาให้ผู้เรียนไม่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษะทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้ และนักเรียนจะไม่สามารถใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ และวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิผล จงึ มีแนวคดิ ทจี่ ะทาการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณา การทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิข์ องการบูรณา การทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์มคี ุณภาพระดับดีข้ึนไป และมรี ะดับความ พงึ พอใจกจิ กรรมการเรยี นรรู้ ะดับดีขน้ึ ไป จากการวัดและประเมินผลรวมทั้งชั้นเรียน ตามเกณฑ์การประเมินผ่านพบว่า นักเรียนมีระดับ พอใช้ จากสาเหตุท่ีทาให้นักเรียนไม่สามารถเช่ือมโยงความสัมพันธ์ระหว่างทักษะทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ เพราะว่าครูขาดทักษะการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีจะบูรณาการระหว่างทักษะทาง วิทยาศาสตรแ์ ละวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ที่จะนามาสู่การเชอ่ื มโยงความสมั พนั ธร์ ะหว่างทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ และวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ได้ และนักเรียนจะสามารถใช้ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ได้อย่างมีประสทิ ธผิ ล ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หมายถงึ ทักษะและความสามารถต่าง ๆ ท่ีจาเปน็ ตอ่ การแสวงหา ความรู้ หรือการแกไ้ ขปญั หาทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเปน็ ทกั ษะการสังเกต ทกั ษะการคานวณ หรือทักษะการ จาแนกประเภท เปน็ ตน้ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรม์ คี วามแตกต่างจากกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตรงท่ี กระบวนการทางวิทยาศาสตร์น้ันเป็นวิธีการทางาน และหลักการค้นหาคาตอบหรือข้อสรุปของ สมมติฐาน ส่วนทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จะเป็นทักษะท่ชี ่วยใหก้ ารดาเนนิ งาน หรือการทดลองทาง วิทยาศาสตร์เป็นไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพมากข้ึน ประกอบด้วยทักษะท้ังหมด 14 ทักษะแบ่งเป็น ทักษะพื้นฐาน 8 ทักษะและทักษะขั้นสูงอีก 6 ทักษะ (Laksana Kachaban : 2564) วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ เป็นวิธีการท่ีนักวิทยาศาสตร์ใช้ในการแสวงหาความรู้ หรือหาความจริง หรือใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ดังน้ัน การแสวงหาความรู้ ความเข้าใจท่ีถูกต้องและน่าเช่ือถือในทุก ๆ ศาสตร์ จะต้องอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อตอบคาถาม และเพื่อแก้ปัญหาปัจจุบันมีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้จาแนกวิธีการทางวิทยาศาสตร์ไว้ แตกตา่ งกนั ในท่ีน้ขี อนาเสนอวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ 5 ข้ันตอน (ไมป่ รากฏ : 2562)

การจดั การเรียนรู้ด้วยการทดลองคอื ลาพอง บุญช่วย ได้กล่าวว่า วิธกี ารสอนแบบทดลองเปน็ วธิ ีสอนที่นิยมใช้ ในการสอน เพอื่ ให้นักเรยี นคน้ ควา้ หาความจรงิ ดว้ ยตนเอง ในการสอนโดยการทดลองนัน้ ครจู ะยกปญั หาขน้ึ มา กระตุ้นให้นักเรียนเกดิ ความสงสยั ใครห่ าคาตอบ ครูจะไม่อธิบายหลักการหรือทฤษฎีความรู้เก่ียวกบั เนื้อหา แต่ ครูจะให้นักเรียนนักเรียนได้ลงมือปฏบิ ัติทดลองด้วยตนเอง จากการที่นักเรยี นได้ลงมือปฏบิ ัติด้วยตนเองน้ี จะ ทาให้ทราบคาตอบของปัญหา โดยดูจากผลที่ได้จากการทดลอง การสอนโดยวิธีทดลองนี้เป็นการเรียนที่ นกั เรียนมีส่วนรว่ มในการกระทา เป็นการเรยี นท่ีเรยี กวา่ Active Learning ผ้เู รียนจะไมเ่ กิดความเบือ่ หน่าย อกี ท้ัง ทิศนา แขมมณี ได้กล่าวว่าการสอนโดยใช้การทดลองไว้อย่างชัดเจนว่า การสอนโดยใช้การทดลอง คือ กระบวนการท่ีผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรตู้ ามวัตถุประสงค์ที่กาหนด โดยการที่ผู้สอน/ผู้เรยี น กาหนดปัญหาและสมมุติฐานในการทดลอง ผู้สอนให้คาแนะนาแก่ผู้เรียนและให้ผู้เรียนลงมือทดลองปฏิบัติ ตามข้ันตอนที่กาหนด ใช้วัสดุอุปกรณ์ท่ีจาเป็น เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สรุปอภิปรายผลการ ทดลองและสรุปการเรียนรู้ที่ได้จากการทดลอง ตัวอย่างงานวิจัยของ ธนภรณ์ ก้องเสียง (2558) ทาการวิจัย เร่ืองการพัฒนาผลสัมฤทธิ์พ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้กิจกรรมการทดลองวิทยาศาสตร์เสริมการเรียนรู้ ผลการวิจัยพบว่า ผลการวัดความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมการทดลองทาง วิทยาศาสตร์เสริมการเรียนรู้ มีความรู้พ้ืนฐานหลังร่วมกิจกรรมมีคะแนนเฉล่ีย 18.21 และเมื่อเปรียบเทียบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสงู มคี วามแตกตา่ งกันอย่างมนี ัยสาคัญทางสถติ ิที่ระดับ .05 และผูร้ ่วม กิจกรรมมรี ะดับความพึงพอใจในกจิ กรรมเรือ่ งอปุ กรณ์การทดลองและวิทยากรมากทีส่ ดุ ด้วยบทบาทหน้าท่ีของผู้สอน ตามพ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 มาตรา ท่ี 22 มาตรา ท่ี 24 วงเล็บ 5 มาตราที่ 30 และจากสภาพของปัญหา และความสาคัญของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้สอนจึงมี แนวคิดท่ีจะทาวิจัยพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการ ทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลองผลการวิจัยจะทาให้นักเรียน ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 โรงเรียนบ้านบึงท่ายวน อาเภอพชิ ัย จังหวัดอตุ รดิตถ์ มีผลการเรียนรู้ท่ีเพมิ่ ขึน้ คาถามการวจิ ัย 1. การพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้วิธีการสอนแบบทดลองของ นักเรียนระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ทาอย่างไร 2. ผลการศึกษาการทดลองใช้วิธีการสอนแบบทดลองเพ่ือพฒั นาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ของนกั เรยี นระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 เปน็ อยา่ งไร 3. ผลการศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ที่มีต่อการทดลองใช้ วิธีการสอนแบบทดลองเพือ่ พัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละวิธีการทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างไร

วตั ถุประสงคก์ ารวจิ ัย 1. เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้วิธีการสอนแบบทดลองของ นกั เรยี นระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 2. เพ่ือทดลองและศกึ ษาผลการทดลองการพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์โดย ใชว้ ิธกี ารสอนแบบทดลองของนกั เรยี นระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 3. เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ท่ีมีต่อการทดลองใช้การ พฒั นาทกั ษะกระบวนการและวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชว้ ิธกี ารสอนแบบทดลอง ผลและประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั 1. เพ่ือพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้วิธีการสอนแบบทดลองของ นักเรยี นระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 2. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทาง วิทยาศาสตรม์ คี ณุ ภาพระดับดขี ึน้ ไป 3. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีความพึงพอใจในวิธีการสอนแบบทดลองเพื่อพัฒนาทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ระดับดีขนึ้ ไป ขอบเขตการวิจัย 1. ขอบเขตดา้ นแหล่งข้อมลู ประชากรคือ นกั เรยี นระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนบ้านบงึ ท่ายวน อาเภอพชิ ยั จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ ซึ่งเทยี บเคยี งประชากรท่ีมจี านวนไมจ่ ากดั (Infinite Population) 2. ขอบเขตด้านตวั แปร 2.1 ตวั แปรอสิ ระ 1. เกณฑ์ประเมินผ่านของระดับผลการเรียนรู้ของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภายหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการและวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์ดงั กล่าว อา้ งอิงตามเกณฑร์ ะดับผลการเรียนรูข้ องสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน (2550) 2. การพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้วธิ ีการสอนแบบ ทดลองของนักเรียนระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 2.2 ตัวแปรตาม 1. ระดับผลการเรียนรู้ทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ กับนักเรียน ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 2. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ท่ีมีต่อการพัฒนา ทักษะกระบวนการและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ โดยใชว้ ิธกี ารสอนแบบทดลอง

3. ขอบเขตด้านเนอื้ หาการพฒั นาทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ วธิ ีการสอนแบบทดลอง จานวน 2 กจิ กรรม ได้แก่ น้าสเี คลอ่ื นท่อี ย่างไร และจรวดกระดาษของใครบินไดน้ านท่ีสดุ 4. ขอบเขตด้านระยะเวลาและสถานท่ี ดาเนินการวิจัยระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ถึง 30 กนั ยายน 2565 ณ โรงเรยี นบ้านบึงทา่ ยวน อาเภอพิชยั จงั หวัดอุตรดติ ถ์ นยิ ามคาศัพท์เฉพาะ 1. นักเรยี นระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 หมายถึง นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียน บ้านบงึ ทา่ ยวน อาเภอพิชัย จังหวดั อตุ รดติ ถ์ 2. นวตั กรรม หมายถงึ การพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ โดยใชว้ ิธีการสอน แบบทดลองของนักเรยี นระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 หมายถงึ นวตั กรรมท่ีสร้างขึน้ ประกอบด้วย 2.1 แผนการจดั การเรียนรู้ จานวน 2 แผน 2.2 การทดลองเพ่ือวัดและประเมินผลการทดลองใช้นวัตกรรม ได้แก่ การทดลองน้าสี เคลื่อนทีอ่ ย่างไร และการทดลองจรวดกระดาษของใครบินได้นานทส่ี ดุ 2.2.1 แบบประเมินพฤติกรรม 2.2.1.1 แบบประเมินพฤติกรรมทกั ษะและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ 2.2.1.2 แบบประเมินสมรรถนะผ้เู รยี น 2.2.1.3 แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2.3 แบบวดั ความพงึ พอใจของนกั เรียนท่ีมตี อ่ การทดลองใชน้ วัตกรรม 3. ผลการเรียนรู้ 3.1 ผลการเรียนรู้ หมายถึง 1) ทักษะกระบวนและวิธีการทางวิทยาศาสตร์จากการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้วิธีสอนแบบทดลอง ประกอบดว้ ยดา้ นความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 2) ความพึงพอใจ ที่มี ตอ่ การพฒั นาทักษะกระบวนการและวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ โดยใชว้ ธิ กี ารสอนแบบทดลอง 3.2 เกณฑ์ประเมนิ ผ่านระดับผลการเรียนรู้ท่ีต้องการพัฒนาของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภายหลังการพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้วิธีการสอนแบบทดลอง จานวน 2 กจิ กรรม เกณฑด์ งั กลา่ วอ้างอิงตามเกณฑร์ ะดับผลการเรียนรขู้ องสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน (2550) 3.3 ค่าคะแนนเฉลี่ยรวมผลการเรียนรู้จริงของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภายหลัง การพฒั นาทักษะกระบวนการและวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใชว้ ธิ ีการสอนแบบทดลอง 4. ระดับผลการเรียนรู้ หมายถึง ระดับผลการเรียนรู้ที่กาหนดตามเกณฑ์วัดและประเมินผลของ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน (2550) ดงั นี้

ดีเยยี่ ม มีคา่ รอ้ ยละของคา่ คะแนนเฉลย่ี 80-100 ดี มคี ่าร้อยละของคา่ คะแนนเฉล่ยี 65-79 พอใช้ (ผ่าน) มคี ่ารอ้ ยละของคา่ คะแนนเฉล่ยี 50-64 ตอ้ งปรับปรงุ (ต่ากวา่ เกณฑ์) มีคา่ รอ้ ยละของค่าคะแนนเฉลี่ยต่ากวา่ 50 5. การพัฒนาผลการเรียนรู้ หมายถึง ผลการเปรียบเทียบระดับผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ระหว่างการพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้วิธีการ สอนแบบทดลองผลการเรียนรู้ระดับดีข้ึนไป มีร้อยละของค่าคะแนนเฉลี่ยระหว่าง 65 - 100 เมื่อวิเคราะห์ เปรยี บเทยี บด้วย One – Sample t Test ทีร่ ะดบั นัยสาคญั ทางสถติ ิ 0.05 (α 0.05) 6. ความพงึ พอใจ หมายถงึ ความพงึ พอใจของนักเรียนระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนบา้ นบึงท่า ยวน อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ท่ีมีต่อการพัฒนาทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ วิธีการสอนแบบทดลองประกอบด้วยด้านเน้ือหา ด้านกิจกรรม ด้านส่ือการเรียนรู้ ด้านผู้สอน และด้าน บรรยากาศ 7. ระดบั ความพงึ พอใจ หมายถึง ระดบั ความพึงพอใจแบบประมาณค่า (Likert Scale) โดยเรยี งลาดับ จากระดับมากท่ีสุดถึงน้อยท่ีสุด 5 ระดับคือ มีความพึงพอใจมากท่ีสุด มีความพึงพอใจมาก มีความพึงพอใจ ปานกลาง มคี วามพงึ พอใจคอ่ นขา้ งนอ้ ย และมีความพงึ พอใจน้อยทีส่ ุด แตล่ ะระดับดังกล่าว กาหนดโดยเกณฑ์ ชว่ งค่าเฉล่ยี ของบญุ ชม ศรสี ะอาด ดังน้ี ระดบั ความพึงพอใจ ระดบั คา่ เฉลีย่ คะแนนเฉลย่ี 4.51 – 5.00 มีความเหมาะสมมากที่สุด คะแนนเฉลยี่ 3.51 – 4.50 มคี วามเหมาะสมมาก คะแนนเฉลยี่ 2.51 – 3.50 มีความเหมาะสมปานกลาง คะแนนเฉลย่ี 1.51 – 2.50 มคี วามเหมาะสมน้อย คะแนนเฉลี่ย 1.00 – 1.50 มคี วามเหมาะสมน้อยท่สี ุด

บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจัยทีเ่ กีย่ วขอ้ ง งานวิจัยเร่อื ง การพัฒนาทกั ษะกระบวนการและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์โดยใช้วิธกี ารสอนแบบทดลอง มีวัตถุประสงค์เพอื่ พฒั นาทักษะกระบวนทางวทิ ยาศาสตร์ และเพ่ือศึกษาระดับความพงึ พอใจของนกั เรยี นชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี บูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลอง โดยมีเอกสารและ งานวิจยั ท่ีเกีย่ วข้อง ดังตอ่ ไปน้ี 1. แนวคิดทฤษฎเี ก่ยี วกับวิธกี ารสอนแบบทดลอง 1.1 ความหมายวิธีการสอนแบบทดลอง 1.2 องค์ประกอบของการสอนโดยการทดลอง 1.3 ขนั้ ตอนการจัดการเรยี นรูแ้ บบปฏบิ ัติการหรอื แบบทดลอง 2. แนวคิดทฤษฎเี กย่ี วกบั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1 ความหมายทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.2 ประเภทของทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ 3. แนวคิดทฤษฎีเก่ียวกบั วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ 3.1 ความหมายวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ 3.2 ประเภทของวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ 4. งานวจิ ยั ที่เกีย่ วขอ้ ง 1. แนวคิดทฤษฎเี ก่ยี วกบั การจัดการเรียนรู้แบบทดลอง 1.1 ความหมายวธิ กี ารสอนแบบทดลอง ลาพอง บญุ ช่วย (2530 : 148) ไดก้ ลา่ ววา่ วิธีการสอนแบบทดลองเปน็ วิธสี อนท่ีนยิ มใช้ในการ สอน เพื่อให้นักเรียนค้นคว้าหาความจริงด้วยตนเอง ในการสอนโดยการทดลองนั้น ครูจะยกปัญหาขึ้นมา กระต้นุ ใหน้ กั เรียนเกิดความสงสยั ใคร่หาคาตอบ ครูจะไม่อธิบายหลกั การหรือทฤษฎีความรู้เก่ียวกับเน้อื หา แต่ ครูจะให้นักเรียนนักเรยี นได้ลงมือปฏบิ ัติทดลองด้วยตนเอง จากการที่นักเรยี นได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองนี้ จะ ทาให้ทราบคาตอบของปัญหา โดยดูจากผลท่ีได้จากการทดลอง การสอนโดยวิธีทดลองนี้เป็นการเรียนที่ นักเรียนมสี ่วนร่วมในการกระทา เปน็ การเรยี นท่เี รียกว่า Active Learning ผเู้ รียนจะไมเ่ กดิ ความเบื่อหนา่ ย

ชาญชัย ยมดิษฐ์ (2548 : 222) ได้กล่าวว่าการสอนแบบทดลองส่วนมากใช้กับวิชา วทิ ยาศาสตรท์ ใ่ี ช้การทดลองเปน็ วิธกี ารสอน แตป่ จั จบุ นั สามารถนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เอาไป ใชก้ บั เน้อื หาวิชาอน่ื ๆ ได้ นอกจากน้ีการสอนแบบนย้ี ังสามารถพัฒนาทักษะอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ทักษะการ คดิ การวิเคราะห์ กระบวนการกล่มุ การคดิ รวบยอด ฯลฯ ทศิ นา แขมมณี (2550 : 333) ได้กลา่ วว่าความหมายของการสอนโดยใช้การทดลองไว้อย่าง ชัดเจนว่า การสอนโดยใช้การทดลอง คือ กระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาม วัตถุประสงค์ทก่ี าหนด โดยการที่ผสู้ อน/ผู้เรยี นกาหนดปญั หาและสมมุติฐานในการทดลอง ผสู้ อนใหค้ าแนะนา แกผ่ ู้เรยี นและให้ผ้เู รียนลงมือทดลองปฏิบัติตามข้ันตอนที่กาหนด ใช้วสั ดอุ ุปกรณ์ท่ีจาเป็น เก็บรวบรวมข้อมูล วเิ คราะหข์ อ้ มูล สรุปอภปิ รายผลการทดลองและสรปุ การเรยี นร้ทู ไี่ ดจ้ ากการทดลอง กัญญาพชั ร ยอดกลาง (2563) ได้กลา่ วว่าวิธีสอนแบบปฏบิ ัตกิ ารหรือการทดลอง เป็นวิธสี อน ที่ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนลงมือปฏิบตั ิหรือทาการทดลองค้นหาความรู้ดว้ ยตนเอง ทาใหเ้ กดิ ประสบการณ์ตรง วิธีสอนแบบปฏิบัติหรอื การทดลองแตกต่างจากวิธสี อนแบบสาธติ คือ วิธีสอนแบบปฏิบัติการหรือการทดลอง ผู้เรียนเป็นผู้กระทาเพื่อพิสูจน์หรือค้นหาความรู้ด้วยตนเอง ส่วนวิธีสอนแบบสาธิตน้ันครูหรือนักเรียนเป็นผู้ สาธติ กระบวนการและผลท่ไี ดร้ ับจากการสาธติ เม่อื จบการสาธิตแล้วผู้เรียนตอ้ งทาตามกระบวนการและวิธีการ สาธติ นั้น Chanida Yafoo (2561) ได้กล่าวว่าการจัดการเรียนรู้แบบปฏิบัติการหรือแบบทดลองเป็น การสอนท่ีมุ่งให้ผู้เรียนพบประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติจริงและช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาม วัตถุประสงค์ท่ีกาหนด โดยการให้ผู้เรียนเป็นผู้กาหนดปัญหาและสมมติฐาน ในการทดลอง และลงมือทดลอง ปฏิบัติตามข้ันตอนท่ีกาหนดโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่จาเป็น เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลสรุปอภิปรายผล การทดลองและสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับจากการทดลอง เม่ือนักเรียนได้ทดลองเองแล้วจะทาให้เกิดความรู้จริง แลว้ นาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ 1.2 องค์ประกอบของการสอนโดยการทดลอง ทิศนา แขมมณี (2550 : 333) ได้กล่าวว่า ในการสอนโดยใช้การสอนทดลองมีองค์ประกอบ ที่สาคัญ (ที่ขาดไมไ่ ด้) ของวิธีสอนดงั น้ี 1. มีผู้สอนและผูเ้ รียน 2. มปี ญั หาและสมมตฐิ านในการทดลอง 3. มีวัสดุอุปกรณส์ าหรบั การทดลอง 4. มกี ารทดลอง 5. มีผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นที่เกดิ จากการทดลอง

การสอนโดยใชก้ ารทดลองเป็นการสอนที่ทง้ั ผู้สอนและผูเ้ รียนได้ดาเนินกจิ กรรมการเรียนการ สอนร่วมกัน สมาชิกทุกคนในชั้นจะได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติ ได้คิดวิเคราะห์ ฝึกฝนแก้ปัญหา ดังน้ันในการ ทดลองก็ต้องมีปัญหาและสมมติฐานในการทดลอง เม่ือต้องการทดสอบสมมติฐานก็วางแผนการทดลองและ จดั เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์สาหรับการทดลอง และลงมอื ปฏบิ ัตกิ ารทดลอง และท่สี าคญั ยิง่ ก็คือต้องมีผลการเรียนรู้ ของผ้เู รียนท่ีเกดิ จากการทดลอง 1.3 ข้ันตอนการจัดการเรียนร้แู บบปฏิบัติการหรอื แบบทดลอง ทิศนา แขมมณี (2550 : 333) ได้กล่าวถึงขั้นตอนสาคัญของการสอนโดยการทดลอง มี ขนั้ ตอนดังน้ี 1. ผูส้ อน/ผู้เรียนกาหนดปัญหาและสมมตฐิ านในการทดลอง 2. ผู้สอนใหค้ วามรูท้ จี่ าเปน็ ตอ่ การทดลอง ใหข้ น้ั ตอนและรายละเอียดในการทดลอง แก่ผู้เรียน โดยใชว้ ิธกี ารต่าง ๆ ตามความเหมาะสม 3. ผู้เรียนลงมือทดลองโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่จาเป็นตามขั้นตอนท่ีกาหนดและบันทึก ขอ้ มลู การทดลอง 4. ผูเ้ รียนวิเคราะห์และสรุปผลการทดลอง 5. ผู้สอนและผูเ้ รยี นอภิปรายผลการทดลอง และสรุปการเรียนรู้ 6. ผู้สอนประเมินผลการเรยี นรูข้ องผเู้ รียน การเตรียมการสอนโดยใช้การทดลองน้นั ผสู้ อนจะต้องกาหนดจุดม่งุ หมาย กาหนดตวั ปัญหา ทจี่ ะใช้ในการทดลอง และกระบวนการหรอื ขัน้ ตอนในการดาเนนิ การทดลองให้ชัดเจน รวมทงั้ จัดเตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ที่จะใช้ในการทดลองให้พร้อม และลองซ้อมทาการทดลองด้วยตนเอง เพื่อจะให้เรียนรู้และแก้ไข ประเด็นปัญหาข้อขัดข้อง นอกจากนี้ผู้สอนอาจจาเป็นต้องทาเอกสารคู่มือการทดลองให้ผู้เรียน และอาจ จัดทาประเด็นคาถามท่ีจะให้ผู้เรียนหาคาตอบหรือแนวทางท่ีจะให้ผู้เรียนสังเกตการทดลอง นอกจากน้ันใน บางกรณีท่ีการทดลองต้องอาศัยพ้ืนฐานความรู้ท่ีจาเป็น ซึ่งหากผู้เรียนขาดความรู้ดังกล่าวไม่สามารถทาการ ทดลองได้ จึงควรมกี ารตรวจสอบความรผู้ เู้ รยี นกอ่ นให้ทาการทดลอง และผู้สอนจะต้องตรวจสอบความปลอดภัย รวมท้งั การเตรียมการทงั้ ทางดา้ นป้องกันและแกไ้ ขปญั หาทีอ่ าจเกดิ ข้นึ ด้วย สิริวรรณ ศรีพหล และ พันทิพา อุทัยสุข (2540 : 140) กล่าวว่า การสอนโดยการทดลองมี ลาดบั ขน้ั ของการสอนอยู่ 4 ข้นั ตอนคือ 1. ขน้ั เตรียมการ 2. ขั้นดาเนินการ 3. ขั้นเสนอผล

4. ข้ันอภิปรายสรุปผล อาภรณ์ ใจเที่ยง (2550 : 157) ได้อธิบายข้ันตอนการสอนโดยการทดลองมี 5 ขั้นตอน ด้วยกัน คือ 1. ขน้ั เตรยี มการทดลอง 2. ขัน้ ทดลอง 3. ขน้ั เสนอผลการทดลอง 4. ข้ันอภปิ รายสรุปผล 5. ขัน้ ประเมินผล การเตรียมการสอนโดยใช้การทดลองไว้ดังนี้ ดังนี้ 1. กาหนดจุดประสงค์ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตร คู่มือครู หรือแผนการสอนแลว้ ตง้ั จุดประสงคก์ ารสอนให้ชัดเจนว่าตอ้ งการใหผ้ ู้เรียนเกดิ พฤติกรรมแตล่ ะด้านอยา่ งไรบ้างจาก การเรียนด้วย การลงมอื ทดลองปฏิบัติ 2. วางแผนการทดลอง เป็นข้ันท่ีผู้สอนต้องลาดับขั้นตอนการสอนและเตรียม กาหนดกจิ กรรมไว้ลว่ งหน้าวา่ จะนาเข้าสู่บทเรียนอย่างไรให้ผูเ้ รียนได้ทดลองตามลาดับข้ันอย่างไรบา้ ง สรุปผล การทดลองและเสนอผลตอนใด อยา่ งไร หรือโดยวธิ ีใด เป็นตน้ 3. จัดเตรียมวัสดุและเคร่ืองมือ ตลอดจนแบบบันทึกผลการทดลองและแบบ ประเมินผล ผู้สอนต้องเตรียมไว้ให้พร้อม ให้มีจานวนมากเพียงพอกบั จานวนนกั เรียน และอยู่ในสภาพท่ีใช้ การได้ 4. ตรวจสอบความถูกต้องและประสิทธิภาพของเครื่องมอื วสั ดทุ ใ่ี ช้ ผูส้ อนควรได้ ทดลองใช้เครื่องมือก่อนสอน เพื่อให้เห็นปัญหาท่ีอาจจะเกิดข้ึนได้ล่วงหน้า และเพื่อประโยชน์ในการแนะนา ตักเตือน ผ้เู รียนในขณะทดลอง 5. เตรียมแบ่งกลุ่มผู้เรียน ผู้สอนต้องกาหนดกลุ่มผู้เรียนให้เหมาะสม ไม่ควรเป็น กลุ่มใหญ่มาก เพ่ือให้ผู้เรียนทุกคนได้เรียนรู้วิธีทดลองอย่างท่ัวถึง การแบ่งกลุ่มผู้เรียนน้ีต้องสอดคล้องกับ จานวนวสั ดุ เคร่อื งมือ อุปกรณท์ ม่ี ีอยู่ ไสว ฟักขาว (2544 : 104) ได้เสนอข้นั ตอนการสอนโดยใชท้ ดลองออกเปน็ 4 ข้ันตอน ดงั น้ี 1. ขน้ั นา 2. ขนั้ ทดลอง 3. ข้ันเสนอผลการทดลอง 4. ขั้นสรปุ ผล

Narong Kanchana (2560) ได้กล่าวว่าข้ันตอนการสอนโดยใช้การทดลองเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1.ขั้นเตรียมการสอน 2.ข้ันสอนโดยใช้การทดลอง และ 3. ข้ันวิเคราะห์ สรุปและประเมินผล โดยมี รายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ข้ันเตรียมการสอน ข้ันตอนการเตรียมการสอนโดยใช้การทดลองเป็นการ เตรยี มการสอนที่คณุ ครูตอ้ งใชเ้ วลาและการเตรียมการพอสมควร เพราะต้องมีการเตรยี มวัสดุอุปกรณ์ รวมท้งั เอกสารความรู้ วิธกี ารทดลองและอ่ืน ๆ ดงั นน้ั ครตู ้องเตรียมสิง่ ต่าง ๆ ดังกล่าวไว้ให้ 2. ขั้นการสอนโดยใช้การทดลองและวิเคราะห์เป็นข้ันที่ผู้สอนได้ทดลอง หรือให้ ผเู้ รยี นทาการทดลองด้วยตวั เอง ซง่ึ เป็นข้นั ทมี่ ีความสาคัญมาก 3. ข้ันวิเคราะห์ สรุปและประเมินผล หลังการทดลองแล้ว ผู้สอนต้องติดตามการ วิเคราะห์และสรปุ ผลการทดลองของผู้เรียน พรอ้ มทงั้ ใหค้ าแนะนาตอบขอ้ สงสัย ให้ความคิดเห็นเพม่ิ เติมและ ยา้ ประเด็นสาคญั และในตอนสุดทา้ ยผู้สอนและผู้เรยี นควรรว่ มกันอภปิ รายและสรปุ หลักการความคิดรวบยอด ท่ีได้จากการทดลอง และผู้สอนควรได้ประเมินผู้เรียนในทักษะของการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การ สังเกต การฝึกปฏิบตั ิ การค้นควา้ หาข้อมลู เปน็ ตน้ Chanida Yafoo (2561) ได้กล่าวว่าข้ันตอนการสอนแบบปฏิบัติการหรือแบบทดลอง มี 5 ขนั้ ดงั น้ี 1. ขน้ั เตรียมการทดลอง 1.1 กาหนดจุดประสงค์ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตร คู่มือครู หรือแผนการสอน แล้ว ต้ังจุดประสงค์การสอนให้ชัดเจนว่าต้องการให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมแต่ละด้านอย่างไรบ้าง จากการเรียนด้วย การลงมอื ทดลองปฏิบตั ิ 1.2 วางแผนการทดลอง เป็นขั้นท่ีผู้สอนต้องลาดับขั้นตอนการสอนและเตรียม กาหนดกจิ กรรมไวล้ ่วงหน้าว่าจะนาเข้าส่บู ทเรียนอย่างไร ใหผ้ เู้ รียนได้ทดลองตามลาดับขั้น สรุปผลการทดลอง และเสนอผลอย่างไรบ้าง หรือโดยวธิ ีใดเปน็ ตน้ 1.3 จัดเตรียมวัสดุและเคร่ืองมือตลอดจนแบบบันทึกผลการทดลอง และแบบ ประเมนิ ผล ผสู้ อนต้องเตรียม ใหเ้ พียงพอกับจานวนนักเรยี น 1.4 ตรวจสอบความถูกต้องและประสิทธิภาพของเคร่ืองมือวัสดุที่ใช้ ผู้สอนควรได้ ทดลองใช้เครื่องมือก่อนสอน เพ่ือให้เห็นปัญหาท่ีอาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า และเพื่อประโยชน์ในการแนะนา ตักเตอื นผู้เรียนในขณะทดลอง

1.5 เตรียมแบ่งกลุ่มผู้เรียน ผู้สอนกาหนดกลุ่มผู้เรียนให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนทกุ คนไดเ้ รยี นร้วู ธิ กี ารทดลองอย่างทั่วถึง การแบง่ กล่มุ ผ้เู รียนต้องสอดคลอ้ งกับจานวนวัสดุ เครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ท่ีมี อยู่ 2. ข้ันทดลอง 2.1 ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน เป็นขั้นเร้าความสนใจ ผู้สอนควรแจ้งจุดประสงค์การ ทดลองข้ันตอนวิธีการทดลอง แนะนาการใช้เคร่ืองมือ วัสดุอุปกรณ์ให้ผู้เรียนได้ทราบบทบาทของตน และให้ ศกึ ษาคู่มือปฏบิ ัติการกอ่ นการลงมอื ทดลอง 2.2 ข้นั ทดลอง ผู้เรียนเป็นผู้ดาเนินการทดลองโดยมีผู้สอนคอยดแู ลแนะนาช่วยเหลือ ถา้ เปน็ การทดลองทอ่ี าจก่อให้เกิดอนั ตรายได้ ผสู้ อนต้องควบคุมดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ 3. ข้ันเสนอผลการทดลอง ผู้เรียนนาเสนอผลการทดลอง และรายละเอียดประกอบ เช่น โครงการทดลองการเตรยี มการ วิธีการทดลองและผลที่ได้รบั จากการทดลอง 4. ขั้นอภิปรายสรุปผล ในขั้นนี้ผู้เรียนจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ตนได้รับ เช่นบางกลุ่ม อาจไดผ้ ลการทดลอง ทค่ี ลาดเคลอ่ื น จะได้ช่วยกันวิเคราะหห์ าสาเหตุว่า ผดิ พลาด ที่ขั้นตอนใด และมแี นวทาง ในการแก้ปัญหาอย่างไรผู้สอนจะมีบทบาทในการให้ความคิดเห็นเพ่มิ เติม ย้าประเด็นสาคัญและสรุปหลกั การ ความคดิ รวบยอดทไี่ ดจ้ ากการทดลอง 5. ข้ันประเมินผล เมื่อการอภิปรายสรุปผลเสร็จ ผู้สอนควรประเมินผลผู้เรียนในด้านต่าง ๆ และแจ้งให้ผู้เรียนทราบเพ่ือการปรับปรุงแก้ไขในการทดลองในครั้งต่อไป เช่น ประเมินด้านการใช้เครื่องมือ ด้านความละเอียดรอบคอบในการทดลอง ด้านการจดบันทึกผลการทดลอง ด้านการรายงานผล ด้านการให้ ความรว่ มมอื กบั กลุม่ เป็นตน้ 2. แนวคิดทฤษฎเี กย่ี วกบั ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2.1 ความหมายทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ พิมพนั ธ์ เดชะคุปต์ (2540 หนา้ 10) ได้กลา่ วว่าทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คอื ความชานาญและความสามารถในการใชก้ ระบวนการคดิ ซ่งึ เป็นทกั ษะทางปัญญาเพอ่ื คน้ หาความรูท้ างการ แก้ปัญหาประหยัด จันทรช์ มพู และประสพสันต์ อักษรมัต (2540, หน้า 48) ได้กล่าววา่ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หมายถึง ความคล่องแคล่วชานิชานาญในการเรียนวิทยาศาสตร์ซ่ึงครตู อ้ งเสนอให้เกดิ ทักษะ 2 ประการคือ ทักษะในการ ใชเ้ คร่อื งมอื วทิ ยาศาสตร์และทกั ษะในการแกป้ ัญหาต่าง ๆ

ประภาศรี มัคคสมนั (2541, หนา้ 19) ได้กลา่ ววา่ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นพฤติกรรมท่ีเกิดจาการปฏิบัติ และฝึกฝนความนึกคิดอย่างเป็นระบบ และเป็นกระบวนการทางปัญญาท่ี ต้องอาศยั ความคดิ ในระดบั ตา่ ง ๆ มาทาการแกป้ ญั หา เป็นองคป์ ระกอบทีส่ าคัญประการหน่ึงของการแสวงหา ความรู้ใหม่ หรือค้นคว้าส่ิงท่ียังไม่รู้และใช้ในการค้นคว้าทดลองเพื่อหาข้อเท็จจริง หลักการ กฎหรือใช้ในการ แกป้ ัญหา อเนก ประดิษฐ์พงษ์ (2545, หน้า 34) ได้กล่าวว่าทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการทางสติปัญญาท่ีเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ และฝึกฝนอย่างเป็นระบบจนเกิดความ คล่องแคล่วสามารถใชใ้ นการสืบสาะหาความรู้และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ 2.2 ประเภทของทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ฐาปนี ฤทธิ์เกิด (2564) ได้กล่าวว่าทักษะทางวิทยาศาสตร์ขั้นพ้ืนฐาน เป็นทักษะ ขั้นตน้ ที่จะทาใหผ้ ู้เรยี นสามารถเรยี นรู้ หรือตอ่ ยอดไปสทู่ ักษะขนั้ สงู ไดใ้ นอนาคต ประกอบดว้ ย 8 ทักษะ ไดแ้ ก่ 1. การสังเกต คือการใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ เพื่อสังเกตความเป็นไป สังเกตรายละเอียดของสิ่งตา่ ง ๆ รอบตัวโดยไมใ่ ส่ความเห็นส่วนตัวลงไป เช่น สังเกตว่าอาหารท่ีทิ้งไวน้ านจะมี ราข้ึน หรือสังเกตว่าในวันเสาร์อาทิตย์จะมีผู้มาใช้บริการสวนสาธารณะมากกว่าวันธรรมดา การสังเกต รายละเอียดเหลา่ นี้จะทาใหผ้ เู้ รยี นสามารถตง้ั คาถามและหาขอ้ มูลจากสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั ไดด้ ียง่ิ ข้นึ 2. การวัด คือการเลือกใช้เคร่ืองมือในการวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่าง เหมาะสม รวมถึงการวัดปริมาณของสิ่งต่าง ๆ จากเครื่องมือท่ีเลือกใช้ออกมาเป็นตัวเลข และระบุหน่วยของ การวัดได้อย่างถูกต้อง เพราะในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ต้องมีการวัดค่าต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูลเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น การวัดความสูงของต้นไม้ท่ีเพ่ิมขึ้นระหว่างการทดลอง การวัดปริมาตรสารที่ต้องใช้ในการ ทดลอง 3. การจาแนกประเภท คอื ความสามารถในการแบง่ กลมุ่ ส่ิงต่าง ๆ ออกเป็น หมวดหมูโ่ ดยใช้เกณฑ์หรือคุณสมบัติบางอย่างที่เหมาะสม ยกตวั อย่างเช่น การแบ่งกลุ่มพชื ในสวนเป็น 2 กลุ่ม คือพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และพืชใบเลี้ยงคู่ การจาแนกประเภทและการแบ่งกลุ่มส่ิงต่าง ๆ จะทาให้การศึกษาและ การวางแผนการทดลองเปน็ ระบบ และมีประสทิ ธภิ าพมากย่ิงข้นึ 4. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ* และสเปซกับเวลา คือการ เปรียบเทียบหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติของวัตถุต่าง ๆ หรือเช่ือมโยงมิติของวัตถุน้ัน ๆ เข้ากับช่วงเวลา ยกตัวอยา่ งการหาความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปซกบั สเปซ เช่น เมอื่ ขบั รถไปต่างจังหวัดโดยใช้แผนท่ี เราสามารถรู้ ได้ว่ารถของเราอย่ตู รงจุดไหนเม่ือเทียบกับแผนที่ ส่วนตัวอย่างของการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับเวลา เชน่ การหาความสมั พันธ์ของตาแหนง่ รถทเี่ ปล่ยี นไปเมอ่ื รถแล่นไปบนถนนเปน็ ระยะเวลา 1 ช่ัวโมงเปน็ ต้น

*สเปซ (Space) หมายถงึ พ้ืนท่ที วี่ ัตถุนนั้ ๆ ตง้ั อยู่หรือดารงอยู่ ซึง่ จะมีรูปรา่ งและลักษณะเหมือนกับวัตถนุ ้ัน ๆ อาจมี 1 - 3 มิติ ประกอบด้วยความยาว ความกว้าง และความสูงของวตั ถุ ยกตัวอย่างเชน่ สเปซของ 5. แผ่นกระดาษ A4 ที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 มิติ (กว้าง x ยาว) ขนาดเท่ากระดาษ A4 เป็นตน้ การใช้จานวน คือการนาตวั เลขที่ไดจ้ ากการสงั เกต การวดั หรือจากผลการ ทดลองมาจัดทาผ่านกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการบวก ลบ คูณ หาร หรือการใช้สูตรคานวณ ต่าง ๆ เพ่ือให้เกิดค่าใหม่ ยกตัวอย่างเช่น การคานวณอัตราเร็วของรถยนต์จากระยะทางและเวลา โดยใช้สูตร 6. การจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล คือการนาข้อมูลท่ีได้จากการ สังเกต การวดั หรอื การทดลองมาจดั กระทาผา่ นวิธีการต่าง ๆ เพ่ือให้ไดช้ ดุ ข้อมูลใหม่ แล้วจึงนาเสนอข้อมูลนั้น ๆ เช่น การนาเสนอขอ้ มลู ผ่านกราฟ แผนภมู ิ รปู ภาพ หรือ Infographic ต่าง ๆ 7. การลงความเห็นจากข้อมูล คือการนาข้อมูลที่ไดจ้ ากการสังเกตหรือการ ทดลอง ไปเช่ือมโยงกับความรู้หรือประสบการณ์ที่มีอยู่ เพ่ือให้ได้ข้อสรุปหรือคาอธิบายสาหรับส่ิงต่าง ๆ เช่น สังเกตว่าต้นไม้ที่ไม่ได้รับแสงแดดนาน ๆ จะมีใบสีเหลือง เม่ือเช่ือมโยงกับความรู้ที่มีอยู่ว่าพืชต้องใช้แสงใน กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง กท็ าใหไ้ ดข้ อ้ สรุปว่าแสงเปน็ ปัจจัยท่ีจาเปน็ ต่อการดารงชีวิตของพืชนน่ั เอง 8. การพยากรณ์ คือการคาดคะเนสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยอาศัยความรู้และ ประสบการณ์ การสงั เกต การทาซา้ ผา่ นกระบวนการและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เชน่ จากประสบการณ์ท่ีผ่าน มาเรารู้วา่ เมื่ออากาศรอ้ นอบอ้าวและทอ้ งฟ้าเตม็ ไปดว้ ยเมฆฝนคิวมูโลนมิ บัส เราก็สามารถรูล้ ว่ งหน้าไดท้ ันทีว่า อีกไม่นานฝนจะตก ทกั ษะขั้นสูง 6 ทักษะ (Integrated science process skills) 1. ทักษะทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง เป็นทักษะที่ต้องอาศัยประสบการณ์และ องค์ความรู้ท่ซี บั ซอ้ นมากข้ึน สงั เกตว่าทกั ษะทางวิทยาศาสตรข์ ้ันสงู หลายข้อ มีความคลา้ ยคลึงกบั กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์อยมู่ าก ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ขั้นสงู ประกอบด้วย 6 ทักษะ ดงั น้ี 2. การต้ังสมมติฐาน คือการคิดคาตอบล่วงหน้าเพ่ืออธิบายความสัมพันธ์ ของตัวแปร การกาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ คือการกาหนดความหมายและขอบเขตของคาที่จะใช้ในการ ทดลอง เพื่อใหเ้ กิดความเข้าใจทตี่ รงกัน และสามารถสังเกตหรอื วัดได้ 3. การกาหนดและควบคุมตัวแปร คือการบ่งชี้และกาหนดลักษณะของตัว แปรในการทดลองตัวแปรต้น คือตัวแปรที่กาหนดขึ้นเพ่ือทดสอบสมมติฐานตวั แปรตาม คอื ตัวแปรที่เปลี่ยนไป ตามตัวแปรต้น เป็นตัวแปรท่ีเราสังเกต เก็บค่า จดบันทึกผลตัวแปรควบคุม คือตัวแปรท่ีต้องควบคุมให้คงทใี่ น ทุกชุดการทดลอง เพราะสามารถส่งผลทาให้ผล

4. การทดลองคลาดเคลอื่ นได้การทดลอง คอื กระบวนการปฏิบัติและทาซ้า ในขน้ั ตอน เพอ่ื หาคาตอบจากสมมติฐาน แบ่งเป็น 3 ขนั้ ตอนหลกั ไดแ้ ก่การออกแบบการทดลอง การปฏิบัตกิ าร ทดลอง และการบันทึกผลการทดลอง 5. การตีความหมายและลงขอ้ สรุป คือการแปลความหมายและการอธิบาย ผลข้อมลู ท่ีเราเกบ็ ได้จากการทดลอง ในบางครั้งอาจตอ้ งใชท้ กั ษะอ่นื เช่น การสงั เกตและการคานวณรว่ มด้วย 6. การสร้างแบบจาลอง คอื การสร้างและใช้สิ่งท่ีสร้างข้ึนมา เพื่อเลยี นแบบ จาลองสถานการณ์และอธิบายปรากฏการณ์ท่ีเราศึกษาหรือสนใจ เพื่อนาเสนอและรวบยอดความคิดให้ผู้อื่น เขา้ ใจไดง้ า่ ย เช่น การสร้างกราฟแผนภาพ ภาพเคลื่อนไหว เปน็ ตน้ 3.1 ความหมายวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ Laksana Kachaban (2564) ได้กล่าวว่ามนุษย์เรารู้จักการตั้งคาถามต่อส่ิงต่าง ๆ รอบตวั ท้งั ปรากฎการณใ์ นธรรมชาติ กลไกต่าง ๆ ของร่างกาย สิ่งมชี วี ิต และอน่ื ๆ อกี มากมาย เมอ่ื ต้ังคาถาม แล้วเราจึงเริ่มศึกษาเพื่อหาคาตอบ และอธิบายปรากฎการณ์รอบ ๆ ตัวเพ่ือเอาชีวิตรอดและพัฒนาชีวิตให้ดี ยิ่งข้ึนการตั้งคาถามและการหาคาตอบนี้เป็นจุดเร่ิมต้นการศึกษาวิทยาศาสตร์ นาไปสู่ ‘กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ (Scientific Method)’ ซ่ึงหมายถึงการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ท่ีมีระเบียบ และเป็น ข้นั ตอนทส่ี ามารถปฏิบัติตามได้ 3.2 ประเภทของวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ ธวลั รตั น์ จันทรศ์ ริ ิ (2564) ได้กลา่ ววา่ กระบวนการทางวิทยาศาสตรป์ ระกอบดว้ ย 5 ข้นั ตอน ได้แก่ 1. การต้ังปัญหา (Problem) หรือข้ันกาหนดปัญหา โดยปัญหาต่าง ๆ ที่ นักวิทยาศาสตร์ยกมาศึกษามัก ‘เริ่มจากการสังเกต’ ส่ิงต่าง ๆ รอบตัว จากนั้นจึงกาหนดปัญหาที่ต้องการ ศึกษา โดยปัญหาที่ดีต้องสัมพันธ์กับข้อมูลที่มีอยู่ มีความชัดเจน และไม่มีขอบเขตการศึกษาที่กว้างจนเกนิ ไป ยกตวั อย่างการต้งั ปัญหา เชน่ “แสงจากหลอดไฟช่วยใหพ้ ชื สังเคราะห์ดว้ ยแสงไดห้ รือไม่” 2. การต้ังสมติฐาน (Hypothesis) สมมติฐานคือ ‘คาตอบที่เราคิดว่าจะ เปน็ ไปได้’ ของปัญหาท่ีเรากาลังจะศึกษา แม้ว่าผลการทดลองทเ่ี กิดขึ้นอาจไมเ่ ป็นไปตามสมมติฐานของเราก็ได้ สมมติฐานท่ีดคี วรเป็นสมมติฐานท่ีสมั พนั ธก์ ับปัญหา เขา้ ใจง่าย ๆสามารถหาแนวทางการทดลองเพือ่ ตรวจสอบ สมมติฐานนั้นได้ และมักอยู่ในรปู “ถ้า... ดังนั้น...” ยกตัวอย่างสมมติฐาน เช่น ถ้าแสงจากหลอดไฟช่วยให้พชื สงั เคราะหด์ ้วยแสงได้ ดังน้นั พืชจะสะสมแปง้ และน้าตาลในใบเพ่ิมข้นึ 3. การตรวจสอบสมมติฐาน (Test with experiment) ขั้นตอนการ ตรวจสอบสมมติฐานเป็นขั้นตอนที่ช่วยทดสอบ และยืนยันว่าสมมติฐานท่ีเราตั้งไว้จะเป็นจริงหรือไม่ เรา

สามารถตรวจสอบสมมติฐานได้ด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงต่าง ๆ การเฝ้าสังเกต และทาการทดลอง โดยใน การทดลองทางวิทยาศาสตร์จะประกอบด้วยตัวแปร (Variable) ซึ่งเป็นลักษณะหรือคุณสมบัติท่ีเก่ียวข้องกับ การทดลองของเรา ค่าของตัวแปรอาจเปล่ียนแปลงไปตามการทดลอง หรือเป็นไปตามที่เรากาหนดตามชนิด ของตัวแปร ได้แก่ตัวแปรต้น หรือตัวแปรอิสระ (Independent variable) คือส่ิงท่ีถูก ‘จัดให้แตกต่างกนั ’ ใน การทดลอง เพื่อทาการทดลองและตรวจสอบสมมติฐานของเราตัวแปรตาม (Dependent variable) คือสิ่งที่ บ่งบอก ‘ผลที่เกิดข้ึนจากการทดลอง’ตัวแปรควบคุม (Controlled variable) คือสิ่งท่ีผู้ทดลอง ‘ต้องควบคุม ใหเ้ หมอื นกันทงั้ หมด’ ไม่อยา่ งนั้นอาจกระทบตอ่ ผลการทดลองได้ 4. การบันทึกผลและวิเคราะห์ข้อมูล (Data analyze) บันทึกผลที่เกิดขึ้น เพ่ือน ๆ อาจคอยสังเกตความเปล่ียนแปลงท่ีมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรืออาจเก็บตัวอย่างมาวัดค่าท่ีต้องการ เม่อื ครบระยะเวลาศกึ ษาท่ีกาหนดไว้ จากน้ันจึงวเิ คราะห์ข้อมูลที่ไดเ้ พื่อหาขอ้ สรุป 5. การสรุปผล (Conclusion) เมอ่ื เราทาการทดลอง วัดคา่ ตา่ ง ๆ ทีเ่ กิดขึ้น และวเิ คราะห์ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ข้ันตอนสุดทา้ ยก็คอื การสรุปผลวา่ ผลการทดลองทไี่ ด้ตรงกับสมมตฐิ านของ เราหรอื ไม่ จากนั้นจึงนาเสนอในรปู แบบรายงาน หรอื ตพี มิ พผ์ ลงานวจิ ัยในวารสารวิชาการต่าง ๆ ต่อไปเพ่ือใหผ้ ู้ ท่สี นใจได้นาองคค์ วามรขู้ องเราไปศึกษาต่อ 4. งานวจิ ยั ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เรื่อง หินและการเปล่ียนแปลงของ โลก โดยใช้แบบฝกึ ทักษะ สาหรับนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรยี นบ้านห้วยโรงนอก (2562) ผลการวจิ ัย พบว่า ความสามารถด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ของนักเรียนหลังใช้แบบฝึกทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ สูงกว่าก่อนใช้แบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานท่ีตั้งไว้ เนื่องจากในการฝึกทักษะมีการฝึกให้ผู้เรียนได้คิด วิเคราะห์หาคาตอบด้วยตนเอง มีการพัฒนาผู้เรียนโดยให้ ผเู้ รยี นลงมือปฏิบัติ เพอ่ื เปน็ การฝกึ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การใช้ทักษะจนเกิดความชานาญ การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และความสามารถในการทาโครงงาน ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน (2562) ผลการวิจัยพบว่า1) ผลการ ประเมนิ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวทิ ยาศาสตร์เร่ืองแรงและการเคลอื่ นท่ี ของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 หลงั การจดั การเรียนรู้แบบโครงงานสูงกวา่ กอ่ นการจดั การเรยี นรู้อย่างมี นัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 2) ผลการประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังการจัดการเรียนรู้ แบบโครงงานของนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 พบว่านกั เรียนมีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยภาพ รวมอยู่ในระดับมาก 3) ผลการพัฒนาความสามารถในการทาโครงงานระหว่างการจัดการเรียนรู้ของนกั เรียน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 พบว่านักเรียนมีความสามารถในการทาโครงงาน อยู่ในระดับมาก และ 4) ผลการ

ประเมินความคิดเหน็ ของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 ทม่ี ตี ่อการจดั การเรียนรู้แบบโครงงานหลงั การจัดการ เรยี นร้พู บวา่ นักเรียนมีความคิดเหน็ โดยภาพรวม อย่ใู นระดบั เหน็ ด้วยมากทีส่ ุด การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนกั เรยี นชันประถมศึกษาปีท่ี 4 โดยใช้การทดลองทางวิทยาศาสตร์ (2560) ผลการวิจยัพบว่า 1) ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์เรืองแรงและพลังงาน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 นักเรียนมีทักษะกระบวนการเรียน วิทยาศาสตรอ์ ยู่่ในระดับดีจานวน 40 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 90.90 และดมี าก จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 9.09 2) นักเรียนมีคะแนนพฤติกรรมการเรียนรอู้ ยู่ในระดับดีจานวน 8 คนคิดเป็นรอ้ ยละ 40.90 และดีมาก จานวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 59.09 3) นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อยา่ งมนี ยั สาคัญ ที่ระดบั .05 (t = 35.06, sig =0.000) 4) ความพงึ พอใจตอ่ การพัฒนาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรโ์ ดยใชก้ ารทดลองทางวิทยาศาสตรภ์ าพโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x = 4.66, S.D. = 0.47)

บทที่ 3 วิธีการดาเนินการวิจัย การวิจยั นมี้ ีวตั ถุประสงค์เพอื่ ทักษะกระบวนและวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ และเพอ่ื ศกึ ษาระดบั ความพงึ พอใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนบ้านบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ดาเนินการวิจัย ตามลาดับข้นั ตอนดังน้ี ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ งทีใ่ ช้ในการวจิ ยั 1. ประชากรทใี่ ช้ในการวจิ ยั คือ นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 2. กลมุ่ ตวั อย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนบ้านบงึ ท่ายวน อาเภอ พิชยั จังหวัดอุตรดิตถ์ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 จานวน 13 คน วิธีดาเนินการวิจัย การวจิ ัยในช้ันเรียนเร่อื งการพฒั นาทกั ษะกระบวนการและวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใชว้ ธิ กี ารสอน แบบทดลอง ของนักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ผู้วิจยั ดาเนนิ การวิจยั ตามกรอบของหัวข้อตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1.ระเบยี บวธิ วี ิจัย ดาเนินการวิจัยโดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experiment Research) วิเคราะห์ ข้อมลู จากข้อมลู เชิงปรมิ าณ (Qualitative Data) เปน็ หลักร่วมกบั ข้อมลู เชิงคณุ ภาพ (Quantitative Data) 2. เครอ่ื งมอื การวจิ ยั 2.1เคร่ืองมอื ทเ่ี ป็นนวตั กรรม นวตั กรรมทส่ี ร้างเพอ่ื พฒั นาผลสัมฤทธ์ิจากการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลองของนกั เรียน ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลอง ซึ่งการดาเนินการสร้างและหาประสิทธิภาพท้ังเชิง เหตุผล (Rational Approach) และเชิงประจักษ์ (Empirical Approach) ตามแนวคิดของ เผชิญ กิจระการ (2544) 1. ทาการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎี หลักการ วิธีการท่ีเก่ียวข้องกับการสรา้ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซ่ึงการวิจัยน้ีจะสร้างหรือพัฒนาจะอ้างอิงตามแนวคิด ทฤษฎี หลักการ วิธีการ การ จัดการเรียนการสอนแบบทดลอง ตามแนวคดิ ของลาพอง บุญชว่ ย

2. สรา้ งฉบบั รา่ งจากการจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ บี่ ูรณาการทกั ษะกระบวนการและวิธกี ารทาง วิทยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลองของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบ ทดลอง โดยอา้ งอิงจากผลการศกึ ษาเอกสารและงานวิจัยทเ่ี ก่ยี วขอ้ งดงั กลา่ วขอ้ 1 ก่อนหน้า 3. สร้างแบบประเมินความเหมาะสมของจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะ กระบวนการและวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนรแู้ บบทดลองของนกั เรยี นระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลอง เพ่ือให้ผู้เชียวชาญประเมินประสิทธิภาพเชิงเหตุผลของนวัตกรรมที่สร้างหรือ พัฒนาดังกล่าว 4. นาการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ที่บูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบทดลองของนักเรียนระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลองที่สร้างเป็น ฉบบั ร่างแลว้ ไปใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญด้านเทคโนโลยีการศกึ ษา ดา้ นภาษา และดา้ นการวิจัยหรอื การวัดประเมนิ ผลด้าน ละ 1 คน รวมทั้งส้ินจานวน 3 คน ทาการประเมินความเหมาะสมด้วยแบบประเมิน แต่ละข้อคาถาม (Item)ของแต่ละประเด็นท่ีประเมินต้องมคี ่าเฉล่ียอย่างนอ้ ย 3.50 จึงจะตัดสินว่า ข้อคาถามท่ีประเมินมีความ เหมาะสม 5. นากิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ของ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลองผ่านการประเมินดังกล่าวข้อ 4 มาแก้ไข ปรับปรุงตามคาแนะนาของผู้เชีย่ วชาญ การหาคุณภาพจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลองของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบ ทดลอง ดังกล่าวข้อ 1 – 5 จัดเป็นการหาคุณภาพเชิงเหตุผล สาหรับการหาประสิทธิภาพเชิงประจักษ์จะ ดาเนินการตามลาดับขนั้ ตงั้ แตข่ ัน้ ที่ 6 ดังน้ี 6. จัดทารูปเล่มกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรยี นระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 โดยใช้การเรียนรแู้ บบทดลอง 7. นากจิ กรรมการเรยี นรู้ทบี่ รู ณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทีจ่ ัดทา เปน็ รปู เล่มแล้วมาทดลองใช้เพอื่ หาประสิทธภิ าพเชงิ ประจักษก์ ับนกั เรยี นระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี น บ้านชาสอง อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มเป้าหมายการวิจัย การหาประสิทธภิ าพจะ ใชว้ ิธกี ารเทียบกับเกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพ E1/E2 = 70/70 เมื่อ E1 หมายถึง รอ้ ยละของคะแนนรวมท้งั หมดจากการทากิจกรรม และการแบบบนั ทกึ กิจกรรมและการปฏิบัติกิจกรรมระหว่างการทดลองใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะ

กระบวนการและวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนรูแ้ บบทดลองของนกั เรยี นระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การเรียนรแู้ บบทดลอง ซึ่งเกณฑป์ ระเมินผ่านคอื ร้อยละ 70 E2 หมายถงึ รอ้ ยละของคะแนนรวมทง้ั หมดจากการทาแบบบนั ทกึ กิจกรรมภายหลัง สน้ิ สดุ การทดลองใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะกระบวนการและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ โดย ใช้การเรียนรู้แบบทดลองของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลอง ซึ่งเกณฑ์ ประเมนิ ผ่านคือ รอ้ ยละ 70 การตัดสินประสิทธิภาพจากการทดลองใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีบูรณาการ ทั กษะ กระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้การเรยี นรู้แบบทดลองของนกั เรยี นระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลอง เมื่อเทียบกับเกณฑ์ประสิทธิภาพท่ีกาหนดขึ้นว่า ถ้าค่าร้อยละของคะแนนท่ี คานวณของ E1= 70 ± 2.55 แสดงวา่ ประสิทธภิ าพของ E1 เป็นไปตามเกณฑ์ร้อยละ 70 แต่ถ้ามากกวา่ หรอื น้อยกว่า 70 ± 2.5 แสดงว่า ประสิทธิภาพของ E1 สูงกว่า หรือ น้อยกว่าเกณฑ์ท่ีต้ัง ต้องปรับนวัตกรรมให้ เท่ากับเกณฑ์ท่ีต้ังคือ 70 ส่วนการตัดสินประสิทธภิ าพของ E2 ทาเช่นเดียวกับ E1 และถ้าร้อยละของคะแนน ระหว่าง E1และ E2 ต่างกันมากกวา่ ร้อยละ 5 แสดงว่าประสทิ ธิภาพของการจดั กิจกรรมการเรยี นรทู้ บ่ี ูรณาการ ทกั ษะกระบวนการและวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้การเรยี นร้แู บบทดลองของนกั เรยี นระดับชน้ั มัธยมศึกษา ปีที่ 1 โดยใชก้ ารเรยี นรู้แบบทดลอง มีประสิทธิภาพไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ตอ้ งทาการปรับปรุงใหม่ 8. จัดทารูปเล่มการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลองของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบ ทดลอง โรงเรียนบา้ นบงึ ท่ายวน อาเภอพิชยั จังหวดั อุตรดติ ถ์ ซึ่งเป็นกลมุ่ ที่เป้าหมายการวจิ ยั 2.1 เครือ่ งมือรวบรวมขอ้ มูล เครือ่ งมือทใ่ี ช้รวบรวมขอ้ มลู ประกอบดว้ ยแบบสอบถามวดั ระดับ ความพึงพอใจ เครื่องมือแต่ละชนิดดังกล่าว ดาเนินการสร้างและหาประสิทธิภาพท้ังเชิงเหตุผลและเชิง ประจกั ษ์ตามลาดบั ข้นั ดงั นี้ 1. ทาการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎี หลักการ วิธีการที่เก่ียวข้องกับการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ แบบบันทึกกิจกรรมและกิจกรรมสาหรับพัฒนา ผลสัมฤทธ์ิจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ การเรียนรู้แบบทดลอง สร้างตามแนวคิด ทฤษฎี หลักการ เคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิดจะสร้างตาม แนวคดิ ทฤษฎี หลกั การ วิธีการต่าง ๆ ดงั น้ี 2. สร้างแบบประเมินค่าดรรชนีความสอดคล้อง (Index of Item –Objective Congruence: IOC) เพื่อให้ผู้เชียวชาญทาการประเมินค่าความเท่ียงตรงเชิงเนอื้ หา (Content Validity) ของ เคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลแตล่ ะชนดิ

3. สร้างแบบประเมินค่าดรรชนีความสอดคล้อง (Index of Item –Objective Congruence: IOC) เพื่อให้ผู้เชียวชาญทาการประเมินค่าความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ของ เครอ่ื งมือรวบรวมขอ้ มลู แต่ละชนิด 4. นาเคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิดที่สร้างเป็นฉบับร่างไปให้ผู้เช่ียวชาญด้าน ภาษา ด้านเทคโนโลยีการศึกษา และด้านการวิจัยหรือการวดั ประเมินผลด้านละ 3 คน ทาการประเมินความ เท่ียงตรงเชิงเนอื้ หาด้วยแบบประเมิน IOC แต่ละข้อคาถาม(Item) ของแต่ละประเด็นที่ประเมนิ ต้องมีค่าเฉลี่ย อยา่ งน้อย 0.5 จงึ จะตดั สนิ วา่ ข้อคาถามน้นั มคี วามเทีย่ งตรง 5. นาเครื่องมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิดที่ผ่านการประเมินดังกล่าวข้อ 4 มาแก้ไข ปรับปรุงตามคาแนะนาของผู้เชี่ยวชาญการหาคุณภาพเคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลดังกล่าวข้อ 1 – 5 จัดเป็นการ หาคณุ ภาพเชิงเหตผุ ล สาหรบั การหาประสทิ ธิภาพเชงิ ประจักษ์จะดาเนนิ การตามลาดับขั้นนบั แตข่ ้นั ท่ี 6 ดังนี้ 6. จดั ทารูปเล่มเคร่อื งมอื รวบรวมขอ้ มลู แต่ละชนดิ ทท่ี าการแกไ้ ขแลว้ 7. นาเครอื่ งมือรวบรวมข้อมลู แต่ละชนดิ ที่จดั ทาเปน็ รปู เล่มแลว้ มาหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ซึ่งเป็นการหาประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ โดยทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนบา้ นบึงท่ายวน อาเภอพิชยั จังหวัดอตุ รดิตถ์ ซงึ่ เป็นคนละกล่มุ กบั กลมุ่ ทีเ่ ปน็ เป้าหมายการวิจยั การหา ค่าความเช่ือมั่นใช้วิธีการหาค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficienty) โดยมี เกณฑป์ ระเมินผ่านทัง้ ฉบับท่ี 0.7 ถ้านอ้ ยกว่าตอ้ งทาการปรบั ปรงุ เคร่อื งมอื ใหม่ 8. ปรบั ปรุงเครอ่ื งมือรวบรวมขอ้ มูลแตล่ ะชนดิ หากพบว่า คา่ สัมประสทิ ธแ์ิ อลฟาต่ากว่า 0.7 9. ยกเว้นแบบทดสอบ จัดทารูปเล่มเคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิด พร้อม สาหรับการนาไปทดลองใชก้ ับนักเรยี นระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนบา้ นบงึ ท่ายวน อาเภอพชิ ัย จังหวัด อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายการวิจัยสาหรับแบบทดสอบนั้น เม่ือทาการประเมินความเท่ียงตรงและความ เชื่อมั่นแล้ว ก่อนนาไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป้าหมายการวิจัย ต้องดาเนนิ การต่อจากขอ้ 8 เพื่อหาค่าความยากงา่ ย และค่า อานาจ การจาแนกตอ่ ดังนี้ 10. นาแบทดสอบแต่ละข้อมาวิเคราะห์ความยากงา่ ยด้วยโปรแกรมสาเร็จรปู SPSS ข้อคาถามที่ดีของแบบทดสอบประเภท 4 ตัวเลือกจะมีค่าความยากงา่ ยระหว่าง 0.20 – 0.80 (สุมาลี จันทร์ ชะลอ. 2542) ถา้ เป็นประเภทแบบถูก-ผิด จะมีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.60 – 0.95 (Nunnally.1967; อา้ ง ถึงใน เยาวดี รางชัยกลุ วิบูลย์ศรี. 2552) 11. นาแบบทดสอบแต่ละข้อมาวิเคราะห์ค่าอานาจการจาแนกโดยใช้โปรแกรม สาเรจ็ รูป SPSSแบบทดสอบทมี่ ีค่าอานาจการจาแนกตง้ั 0.2 เป็นแบบทดสอบท่ีสามารถใชไ้ ด้

12. จัดทารูปเล่มของแบบทดสอบ พร้อมสาหรับการนาไปทดลองใช้กับนักเรียน ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนบา้ นบงึ ท่ายวน อาเภอพชิ ยั จงั หวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นกลมุ่ เป้าหมายการวจิ ัย 3. การดาเนนิ การรวบรวมข้อมลู 1. ทาหนังสือถึงคณบดีคณะบดีคณะครุศาสตร์เพ่ือร้องขอให้คณะครุศาสตร์ออก หนังสือราชการถึงผู้อานวยการโรงเรียนบ้านบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เพ่ือขออนุญาตท่ีจะ ทดลองใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทาง วิทยาศาสตร์กับนกั เรียนระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 2. ประชมุ ช้แี จง และสร้างข้อตกลงกบั นกั เรียนระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 โรงเรยี น บ้านบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เก่ียวการทดลองใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการทกั ษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์กบั นกั เรียนระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 3. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ของ นกั เรียนระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบทดลอง โรงเรียนบา้ นบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จงั หวัด อตุ รดติ ถ์ 4. ทาการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ของนกั เรยี นระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 โดย ใช้การเรียนรู้แบบทดลอง โรงเรียนบา้ นบงึ ทา่ ยวน อาเภอพชิ ยั จงั หวดั อุตรดิตถ์ ภายหลงั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทบี่ ูรณาการทกั ษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรยี นระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การ เรยี นรแู้ บบทดลอง 5. ให้นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ตอบแบบสอบถามวัดระดับความพึงพอใจจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่บูรณาการทั กษะ กระบวนการและวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้การเรียนร้แู บบทดลอง 4. การวิเคราะหข์ ้อมูล 4.1 การวิเคราะหข์ ้อมลู เพอื่ หาคุณภาพและประสิทธิภาพของเครอ่ื งมอื การวจิ ยั 1. ความเหมาะสมของนวัตกรรมที่สร้างหรือพัฒนาต่อยอด วิเคราะห์ด้วยค่าเฉลี่ย และ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน วธิ ีการวิเคราะหใ์ ชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอรส์ าเร็จรปู 2. ประสิทธิภาพเชงิ ประจักษ์ของนวัตกรรมที่สรา้ งหรอื พฒั นาต่อยอด วเิ คราะห์ด้วย เกณฑป์ ระสิทธภิ าพ E /E วธิ ีการวิเคราะหใ์ ชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ าเรจ็ รูป 12 3. ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของเครื่องมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิด วิเคราะห์ด้วยค่า ดรรชนีความสอดคล้องหรอื IOC วิธกี ารวเิ คราะหใ์ ชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์สาเร็จรูป 4. ความเช่ือม่ันของเคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิด วิเคราะห์ด้วยค่าสัมประสิทธ์ิ แอลฟาของครอนบาค วธิ ีการวเิ คราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป 5. ความยากง่ายของแบบทดสอบแต่ละข้อ วิธีการวิเคราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สาเร็จรปู

6.ค่าอานาจการจาแนกของแบบทดสอบแต่ละข้อวิธีการวิเคราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สาเร็จรูป 4.2 การวเิ คราะหข์ อ้ มูลการวิจัย 1. ผลการเรยี นรู้ของนกั เรียน วิเคราะห์ดว้ ยค่าคะแนนเฉลยี่ และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2. ระดับผลการเรียนรขู้ องนกั เรียน วิเคราะห์โดยการเปรียบเทียบกับระดับผลการเรียนรู้ ตามเกณฑข์ อง สพฐ. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีบูรณาการทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ของ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใชก้ ารเรยี นรแู้ บบทดลอง โรงเรียนบ้านบึงทา่ ยวน อาเภอพิชัย จงั หวัด อตุ รดติ ถ์ 3. ผลการทดลองใช้จัดกิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่บูรณาการทักษะกระบวนการและวิธกี ารทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบทดลอง โรงเรียนบ้านบึงท่ายวน อาเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ วิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติโดยใช้ One -Sample t Test ที่ระดับนัยสาคัญทาง สถิติที่ α 0.05 หรือที่ระดับความเช่ือม่ัน 90% วิธีการวิเคราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป ที่ระดับ นยั สาคญั ทางสถติ ทิ ่ี α 0.05 หรือที่ระดับความเชอ่ื มัน่ 90% วิธีการวเิ คราะหใ์ ช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์สาเรจ็ รปู 4. ระดับความพึงพอใจ วิเคราะห์ดว้ ยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิธีการวเิ คราะห์ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอรส์ าเรจ็ รูป 5. เกณฑ์ประเมินระดับความพึงพอใจของนักเรียน วเิ คราะห์ด้วยช่วงระดับค่าเฉลย่ี การนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป และนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตาราง พร้อมเขยี นบรรยายดว้ ยความเรยี งประกอบ

บรรณานุกรม Narong Kanchana. (2560). วิธีสอนโดยใช้การทดลอง (Experimental Method). จาก http://skruteachingmethods.blogspot.com/p/blog-page_21.html <28 พฤษภาคม 2565> กญั ญาพัชร ยอดกลาง. (2563). รปู แบบการเรียนการสอน ปฏิบตั ิการหรือการทดลอง (Laboratory Method). จาก https://www.gotoknow.org/posts/677639 <28 พฤษภาคม 2565> Chanida Yafoo. (2561). การจัดการเรียนรู้แบบปฏิบัติการหรือแบบทดลอง (Loboratory Method). จาก http://075chanidayafoo.blogspot.com/2018/08/ chanida075-loboratory- method.html <28 พฤษภาคม 2565> ฐาปนี ฤทธ์ิเกิด. (2564). ทักษะทางวิทยาศาสตร์ 14 ทักษะ. จาก https://sonduongpaper. vn/update%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0 %B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0 %B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C-14-%E0%B8%97/ <15 กรกฎาคม 2565> Laksana Kachaban. (2564). กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 วิชา วิทยาศาสตร์. จาก https://blog.startdee.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0% B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B 8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8 % A8 % E0 % B8 % B2 % E0 % B8 % AA% E0 % B8 % 9 5 % E0 % B8 % A3 % E0 % B9 % 8 C- %E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2 %E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A11 <15 กรกฎาคม 2565> ธวลั รัตน์ จันทรศ์ ิริ. (2564). กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 วิชาวทิ ยาศาสตร์. จ า ก https: / / blog. startdee. com/ % E0 % B8 % 8 1 % E0 % B8 % A3 % E0 % B8 % B0 % E0 % B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B 8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8 % A8 % E0 % B8 % B2 % E0 % B8 % AA% E0 % B8 % 9 5 % E0 % B8 % A3 % E0 % B9 % 8 C- %E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2 %E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A11 <15 กรกฎาคม 2565> นางสาวชวีพร คชสินธ์. (2562). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เร่ือง หินและการ เปล่ียนแปลงของโลก โดยใช้แบบฝึกทักษะ สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านห้วยโรง นอก. จาก http://www.ska2.go.th/reis/data/research/25640629_135624_9780.pdf <17 กรกฎาคม 2565> นางสาวนิภา ตรีแจ่มจันทร์. (2562). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ความสามารถในการทาโครงงานของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน.

จาก http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/2735/1/59253405.pdf <17 กรกฎาคม 2565> พรรณนิภา ทับทิมเมือง,อัญชลี ทองเอม. (2560). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ข อ ง นั ก เ รี ย น ชั น ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ปี ที 4 โ ด ย ใ ช้ ก า ร ท ด ล อ ง ท า ง วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ . จ า ก https://grad.dpu.ac.th/upload/content/files/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8 %B5%E0%B9%88%206%20%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97 %E0%B8%B5%E0%B9%88%203/6-29.pdf <17 กรกฎาคม 2565>


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook