1หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ระบบร่างกายมนุษย์ ตวั ช้วี ัด • ระบอุ วัยวะและบรรยายหน้าทีข่ องอวยั วะในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุมการทํางานต่าง ๆ ของร่างกาย • ตระหนกั ถงึ ความสําคญั ของระบบประสาท โดยการบอกแนวทางในการดแู ลรกั ษา รวมถึงการป้องกนั การกระทบกระเทือนและอนั ตรายตอ่ สมองและไขสนั หลงั • ระบอุ วยั วะและบรรยายหนา้ ทขี่ องอวยั วะในระบบสืบพันธุข์ องเพศชายและเพศหญงิ โดยใช้แบบจาํ ลอง • อธบิ ายผลของฮอรโ์ มนเพศชายและเพศหญิงทคี่ วบคุมการเปล่ียนแปลงของรา่ งกาย เม่ือเขา้ สู่วัยหนมุ่ สาว • ตระหนักถงึ การเปลยี่ นแปลงของรา่ งกายเม่ือเขา้ สู่วัยหนมุ่ สาว โดยการดแู ลรักษาร่างกายและจติ ใจของตนเองในชว่ งที่มกี ารเปลย่ี นแปลง • อธิบายการตกไข่ การมีประจาํ เดือน การปฏิสนธิ และการพัฒนาของไซโกตจนคลอดเปน็ ทารก • เลือกวธิ กี ารคุมกาํ เนดิ ทเี่ หมาะสมกบั สถานการณท์ ่ีกําหนด • ตระหนกั ถึงผลกระทบของการตง้ั ครรภก์ อ่ นวัยอนั ควร โดยการประพฤติตนใหเ้ หมาะสม
ระบบหายใจ ระบบแลกเปล่ยี นแก๊สของร่างกายกบั สิ่งแวดล้อม หายใจเข้า หายใจออก แกส๊ ออกซเิ จน (O2) แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
อวัยวะในระบบหายใจ อวยั วะทีเ่ ก่ียวข้องกบั ระบบหายใจ จมกู กระดกู ซโ่ี ครง • ทางผา่ นเข้า – ออกของอากาศ • ทํางานร่วมกับกล้ามเนื้อยึดกระดูกซ่ีโครง • มขี นทาํ หน้าทีก่ รองเช้อื โรคและสิ่งแปลกปลอม ในการเปลีย่ นแปลงปริมาตรช่องอกระหว่าง • โพรงจมูกช่วยควบคุมอุญหภูมิและความชื้น หายใจเขา้ และออก ของอากาศก่อนเขา้ สูท่ อ่ ลมและปอด กะบงั ลม ท่อลม • ช่วยรั้งปอดลงขณะหายใจเข้า และดันปอดขนึ้ ขณะหายใจออก • ทอ่ กลวงที่ประกอบดว้ ยกระดูกออ่ นรูปเกือกมา้ ชว่ ยป้องกนั การยบุ ตวั ขณะหายใจเข้าและออก ถุงลมมีผนังบาง มีหลอดเลือดฝอย มาห่อหุม้ ทําหนา้ ทีแ่ ลกเปลย่ี นแก๊ส ปอด • มี 2 ขา้ ง • ประกอบด้วยถงุ ลมจํานวนมาก
กลไกการหายใจ การหายใจมี 2 รปู แบบ การหายใจเข้า อากาศเขา้ การหายใจออก อากาศออก • กล้ามเนอ้ื ยึดกระดูกซ่โี ครงหดตวั ทําใหก้ ระดูกซีโ่ ครงเล่ือนสูงข้นึ • กลา้ มเนื้อยดึ กระดูกซี่โครงคลายตัว ทําใหก้ ระดูกซ่ีโครงเลือ่ นตาํ่ ลง • กล้ามเนอ้ื กะบังลมหดตวั ทาํ ให้กะบงั ลมเล่ือนตํ่าลง • กลา้ มเนอื้ กะบังลมคลายตวั ทาํ ใหก้ ะบังลมเลื่อนสงู ข้นึ • ปริมาตรช่องอกเพ่มิ ข้นึ ความดันอากาศในชอ่ งอกลดลง • ปริมาตรช่องอกลดลง ความดนั อากาศในชอ่ งอกเพมิ่ ขึน้
กลไกการหายใจ
การแลกเปล่ยี นแก๊ส ปอด CO2 - แก๊สออกซิเจนแพร่จากถุงลมเข้า O2 สหู่ ลอดเลอื ดฝอย เซลล์ - แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์แพรจ่ าก หลอดเลือดฝอยเขา้ สู่ถงุ ลม - แกส๊ ออกซิเจนแพรจ่ าก หลอดเลือดฝอยเข้าสู่เซลล์ O2CO2 OC2 O2 - แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แพร่จาก เซลล์เขา้ สหู่ ลอดเลอื ดฝอย
การดแู ลรกั ษาอวยั วะ ในระบบหายใจ
ระบบขับถา่ ย ระบบกาจัดของเสียออกจากรา่ งกาย การขบั ถา่ ยของเสียของมนุษย์ CO2 แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ เหง่อื และ ปสั สาวะ จากการหายใจออก อจุ จาระ
อวยั วะในระบบขับถา่ ยปสั สาวะ • มี 2 ขา้ ง รูปรา่ งคล้ายเมลด็ ถั่ว • ภายในมีหน่วยไตทําหน้าท่ีกรองของเสียและสารต่าง ๆ ออก ไต ท่อไต จากเลอื ด • ทอ่ ขนาดเลก็ และยาวทตี่ ่อมาจากไตทัง้ 2 ขา้ ง ไปเชื่อมต่อกับ กระเพาะปัสสาวะ • ลําเลียงปัสสาวะจากไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปสั สาวะ • อวัยวะทสี่ ามารถยืดหยนุ่ ได้ • ทาํ หน้าที่เก็บปสั สาวะที่มาจากไต ทอ่ ปัสสาวะ • นาํ ปัสสาวะจากกระเพาะปสั สาวะออกส่ภู ายนอกร่างกาย
การกาจดั ของเสียของไต ภายในไต ประกอบด้วยหนว่ ยไตจาํ นวนมาก ทาํ หนา้ ท่ีกรองของเสยี และสารต่างๆออกจากเลอื ดและดูดสารที่มีประโยชนก์ ลับ สว่ นทีท่ าหน้าทกี่ รองของเสีย สารท่ผี า่ นการกรองเป็นสารท่มี ีขนาดเล็ก เชน่ นาํ้ กลูโคส ยูเรยี สว่ นสารท่ีมีขนาดใหญ่ เชน่ โปรตนี เซลล์เมด็ เลอื ด จะไมผ่ า่ นการกรอง หลอดเลอื ดฝอย บรเิ วณดดู กลบั สาร หลอดเลอื ดอารเ์ ตอรี สารทม่ี ปี ระโยชน์ เช่น นาํ้ กลโู คส จะถูก หลอดเลอื ดเวน ดูดกลับเข้าส่หู ลอดเลอื ดฝอย ของเสียและสารอ่นื ๆ ทไ่ี มถ่ กู ดูดกลบั กลายเป็น “ปสั สาวะ”
การกาจดั ของเสยี ของหน่วยไต
การดแู ลรกั ษาอวัยวะ ในระบบขบั ถา่ ย
ระบบหมุนเวยี นเลอื ด ระบบขนส่งสารตา่ ง ๆ เชน่ สารอาหาร แกส๊ ออกซิเจน ไปยังเซลล์ท่ัวร่างกาย และนําของเสียที่เกดิ จากกิจกรรมของเซลล์ เชน่ ยูเรีย แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มากาํ จดั ออกจากร่างกาย อวยั วะในระบบหมนุ เวียนเลือด หวั ใจ หลอดเลือด เลอื ด
หวั ใจ หัวใจห้องบนซา้ ย ซรา้ับยเลอื ดท่ีมีแกส๊ ออกซเิ จนสงู หวั ใจหอ้ งบนขวา จากปอดทั้ง 2 ข้าง รบั เลือดที่มแี กส๊ ออกซเิ จนตา่ํ จากอวัยวะตา่ งๆของรา่ งกาย หวั ใจหอ้ งล่างซ้าย ซส้าง่ ยเลือดท่ีมแี กส๊ ออกซิเจนสูงไป หัวใจห้องลา่ งขวา ยังอวัยวะตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย สง่ เลอื ดทม่ี แี ก๊สออกซิเจนตาํ่ ไปยังปอดทัง้ 2 ขา้ ง ลิ้นหวั ใจ เพอ่ื แลกเปลยี่ นแก๊ส กัน้ หัวใจห้องบนและห้องลา่ ง ป้องกนั การไหลย้อนกลับของเลอื ด
หลอดเลอื ด หลอดเลือดอารเ์ ตอรี (artery) - นําเลือดทีม่ ี O2 สูงไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย (ยกเว้นหลอดเลอื ดอารเ์ ตอรี ไปยงั ปอด) - ผนังหนาและยดื หยนุ่ ดี มีแรงดนั เลอื ดสูงและคงที่ หลอดเลือดเวน (vein) - นําเลือดท่มี ี O2 ต่าํ กลับเขา้ สู่หวั ใจ (ยกเวน้ หลอดเลอื ดเวนจากปอด) - ผนงั บาง ความดนั ต่ํากว่าหลอดเลือดอารเ์ ตอรี มลี ิน้ กัน้ ภายใน หลอดเลอื ดฝอย (capillary) - แลกเปลย่ี นแก๊สและสารต่าง ๆ ระหว่างเซลลก์ ับเลอื ด - มีผนงั บางมาก ประกอบด้วยเซลล์เพยี งช้นั เดยี ว
เลือด สว่ นทเ่ี ป็นของเหลว นา้ เลือดหรอื พลาสมา • ประกอบดว้ ยน้ํา สารอาหาร เอนไซม์ ฮอรโ์ มน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ และของเสยี ต่าง ๆ • ทําหน้าทีล่ ําเลียงสารไปยงั สว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย สว่ นที่เปน็ เซลล์เม็ดเลอื ด เซลล์เม็ดเลือดแดง (erythrocyte) • รูปรา่ งกลมแบน ตรงกลางบุ่ม ไมม่ ีนิวเคลียส • มีเฮโมโกลบินเป็นองค์ประกอบ • ทาํ หนา้ ทีล่ าํ เลยี งแกส๊ ออกซเิ จนไปยังเซลลท์ ่วั รา่ งกาย เซลล์เมด็ เลอื ดขาว (leucocyte) • มขี นาดใหญ่กวา่ เซลลเ์ ม็ดเลือดแดง และมีนิวเคลยี สอยู่ภายในเซลล์ • ทาํ หน้าท่ีทําลายเช้ือโรคและสิง่ แปลกปลอม โดยการสรา้ งแอนตบิ อดี หรอื การกลืนกนิ ของเซลล์ เกลด็ เลอื ด (plateles) • มีรปู รา่ งไม่แน่นอน ไม่มนี วิ เคลียส • ชว่ ยการแข็งตวั ของเลือดเม่ือเกดิ บาดแผล
การหมนุ เวยี นเลอื ด
การดแู ลรกั ษาอวยั วะ ในระบบหมุนเวยี นเลือด
ระบบประสาท ระบบควบคมุ และประสานการทาํ งานของระบบอวยั วะตา่ ง ๆ เพื่อรกั ษาสมดลุ ของร่างกาย รวมถงึ ควบคุมการแสดงพฤตกิ รรมตา่ งๆของมนุษย์ อวัยวะในระบบประสาท สมอง ไขสนั หลงั เส้นประสาท
สมอง เซรเี บลลมั ควบคุมการเคลอ่ื นไหว เซรีบรัม และการทรงตวั ของรา่ งกาย ควบคุบความคิด ความจํา สติปัญญา และเป็นศูนย์ควบคุมการทํางาน เช่น พอนส์ การสัมผัส การมองเห็น การได้ยิน ควบคมุ การหารใจ การเคย้ี ว การรับรส การดมกล่ิน การทํางาน การหลง่ั นาํ้ ลาย การเคลอ่ื นไหว ของกลา้ มเนือ้ ของใบหนา้ ไฮโพทาลามสั เมดลั ลา ออบลองกาตา ควบคุมอุณหภมู ขิ องร่างกาย การเตน้ ควบคมุ การเต้นของหัวใจ ของหวั ใจ ความดัน และความตอ้ งการ การหายใจ ความดันเลอื ด พ้ืนฐาน เชน่ นํ้า อาหาร การจาม การอาเจยี น การกลืน ทาลามสั ศนู ยร์ วบรวมกระแสประสาทเขา้ และ ออกจากสมองสว่ นตา่ งๆ
ไขสันหลงั และเสน้ ประสาท ไขสนั หลงั สว่ นทตี่ ่อจากสมอง อยภู่ ายในกระดกู สันหลังข้อแรกถึงกระดกู บ้นั เอว มหี นา้ ทห่ี ลัก • สง่ ผ่านกระแสประสาทจากหน่วยรบั ความรสู้ กึ ไปสสู่ มอง • ส่งผา่ นกระแสประสาทจากสมองไปสู่หน่วยปฏบิ ตั งิ านต่าง ๆของรา่ งกาย • เปน็ ศนู ย์รีเฟลก็ ซค์ วบคมุ การทํางานภายนอกอาํ นาจจิตใจ ใยประสาท เส้นประสาท ใยประสาทหลายอันมารวมกันเป็นมัด ทําหน้าท่ีส่งกระแสประสาท จากสมองและไขสันหลังไปยังอวัยวะต่าง ๆ หรือรับกระแสประสาท จากอวยั วะตา่ งๆมายงั ไขสนั หลังและสมอง
เซลล์ประสาท เดนไดรต์ แอกซอน ตัวเซลล์ • ประกอบด้วยนิวเคลียสและไซโทพลาซึมท่ีมีออร์แกเนลล์ต่าง ๆ อยภู่ ายใน • ทําหน้าท่ีสังเคราะห์สารท่ีจําเป็นต่อเซลล์ประสาทและส่งสารไป ยังเซลลป์ ระสาทอื่นๆ ใยประสาท • แขนงทีแ่ ยกออกมาจากตัวเซลล์ • ประกอบด้วยเดนไดรต์ทําหน้าทนี่ าํ กระแสประสาทเขา้ สตู่ ัวเซลล์ และแอกซอนทาํ หน้าท่นี ํากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์
การทางานของระบบประสาท การทํางานประสานกันของสมอง ไขสนั หลัง และเสน้ ประสาท เมอ่ื มีส่งิ เรา้ มากระตุ้นอวัยวะความรสู้ กึ ตา่ ง ๆของร่างกาย 1 เม่ือถูกหนามทิ่ม หน่วยรับความรู้สึกใต้ผิวหนัง บรเิ วณปลายนิ้วจะไดร้ ับการกระต้นุ 1 5 2 2 กระแสประสาทถูกส่งผ่านเซลล์ประสาทจาก 3 ปลายนวิ้ ไปยังไขสันหลงั 4 3 กระแสประสาทถูกสง่ จากไขสนั หลงั ต่อไปยงั สมอง ทําใหร้ ้สู ึกเจบ็ ปวดทบ่ี ริเวณปลายน้ิว ศนู ย์ประสาทสัง่ การในสมองจะสั่งการลงมายัง 4 ไขสันหลัง แล้วสั่งการต่อไปยังหน่วยปฏิบัติงาน คือ กลา้ มเน้ือทโ่ี คนแขน 5 กลา้ มเน้ือท่โี คนแขนจะหดตวั ทาํ ใหแ้ ขนพบั งอและ ยกปลายน้วิ ออกจากหนาม
การดูแลรักษาอวัยวะ ในระบบประสาท
ระบบสืบพนั ธุ์ มนุษย์มกี ารสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ เกิดจากการปฏสิ นธขิ องเซลลส์ ืบพนั ธ์ุเพศชาย คือ เซลล์อสุจิ กบั เซลล์สบื พนั ธ์ุเพศหญงิ คือ เซลล์ไข่ เมือ่ เซลล์สืบพนั ธท์ุ ั้ง 2 เพศ ปฏิสนธกิ ันจะได้ไซโกต แบง่ เซลลเ์ ปน็ เอ็มบรโิ อ และเจรญิ เติบโตเปน็ ทารก เซลลอ์ สุจิ เซลลไ์ ข่ ปฏสิ นธิ
ระบบสบื พนั ธุ์เพศชาย ต่อมสร้างน้าเลีย้ งอสจุ ิ มสี ภาพเปน็ เบสอ่อน ๆประกอบดว้ ยน้ํา อัณฑะ สารเมือก กรดอะมิโน และน้าํ ตาล มี 1 คู่ อย่ภู ายในถุงอัณฑะ ทาํ หน้าทผี่ ลิต โมเลกุลเดยี่ ว (ฟรักโทส) ท่ีเป็นอาหาร ฮอร์โมนเพศชายและสรา้ งเซลลอ์ สจุ ิ ของเซลลอ์ สจุ ิ ถงุ อัณฑะ ตอ่ มลูกหมาก ห่อห้มุ อัณฑะและปรบั อุณหภมู ิของอณั ฑะ หลง่ั สารที่มีสมบัตเิ ป็นเบสเพ่ือลดความ ให้ต่ํากว่าอณุ หภูมิปกตขิ องร่างกาย เปน็ กรดในชอ่ งคลอดของเพศหญงิ ประมาณ 3 องศาเซลเซยี ส ต่อมคาวเปอร์ หลอดเก็บอสจุ ิ สรา้ งสารหลอ่ ล่นื ช่วยใหเ้ ซลล์อสจุ ิ อยู่ดา้ นบนของอัณฑะ ทําหน้าท่ี เคลอื่ นทไ่ี ด้เรว็ ขึ้น เกบ็ อสุจทิ สี่ รา้ งมาจากอณั ฑะ องคชาต หลอดนาอสจุ ิ เป็นอวยั วะสบื พนั ธ์ภุ ายนอกรา่ งกาย เป็นทางผา่ นของเซลลอ์ สุจิทสี่ รา้ งจาก ซงึ่ เปน็ ทางผ่านของอสุจอิ อกจากรา่ งกาย อณั ฑะ
การสรา้ งเซลลอ์ สุจิ • เซลลอ์ สจุ ถิ กู สรา้ งจากอัณฑะและเคลอ่ื นทมี่ ายังหลอดเกบ็ อสุจซิ ง่ึ เป็นแหล่งพฒั นาเซลลอ์ สุจิ • เมอ่ื มีการหลัง่ อสจุ ิ เซลล์อสจุ ิถูกลาํ เลียงตามหลอดนําอสุจิไปยังท่อปัสสาวะ ซ่งึ มีการหลัง่ ของเหลวจากตอ่ มตา่ งๆ มารวม เรยี กวา่ นา้ อสจุ ิ • เพศชายเร่ิมสรา้ งเซลลอ์ สุจิเมือ่ อายุ 12-13 ปี และสร้างตลอดชวี ติ สว่ นหวั มนี วิ เคลียสท่บี รรจสุ ารพันธุกรรม ซ่ึงถูกห่อหุ้มด้วยถุงอะโครโซมที่ ประกอบด้วยเอนไซมส์ ําหรบั เจาะเย่ือหุ้มเซลล์ไข่ ส่วนลาตัว มีไมโทคอนเดรียทําหนา้ ที่สร้างพลงั งานสําหรบั การเคลือ่ นที่ สว่ นหาง ประกอบด้วยแฟลเจลลัมชว่ ยในการเคลื่อนที่
ระบบสืบพนั ธ์เุ พศหญงิ รังไข่ • มี 2 อัน อยู่ด้านขา้ งมดลูก • ทําหนา้ ที่ผลติ เซลล์ไข่และฮอร์โมนเพศหญงิ ท่อนาไข่ หรอื ปกี มดลูก • ทางเชอื่ มระหว่างรงั ไข่กับมดลกู • เป็นบริเวณที่เกดิ การปฏิสนธขิ องเซลลอ์ สุจิกับเซลล์ไข่ มดลูก • อยบู่ ริเวณอุ้งเชงิ กรานระหว่างกระเพาะปสั สาวะกบั ทวารหนัก • เปน็ บริเวณฝงั ตวั ของเอม็ บริโอและเจรญิ เติบโตของทารก ช่องคลอด • อย่ตู อ่ จากมดลกู ประกอบดว้ ยกล้ามเนอ้ื เรยี บ จงึ ยืดหย่นุ ได้ • เป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิเข้าสู่มดลูกและเป็นทางออกของ ทารกเมอ่ื ครบกาํ หนดคลอด
การสรา้ งเซลลไ์ ข่ เซลล์ไข่ท่ีเจริญเติบโตเต็มท่ีและพร้อมทจ่ี ะไดร้ ับการผสม เรยี กวา่ ไข่สกุ ซ่ึงจะเคลือ่ นที่จากรังไข่เข้าส่ปู กี มดลูก เรียกกระบวนการนว้ี ่า การตกไข่ 1 เซลลไ์ ข่เจรญิ และพฒั นาอยูใ่ นรงั ไข่ 1 2 3 4 2 เมอ่ื เซลล์ไขส่ กุ จะตกจากรงั ไขเ่ ข้าสทู่ ่อนําไข่ 3 เซลล์ไข่เคล่ือนไปยังผนังมดลูกที่หนาตัว เพอ่ื เตรียมพร้อมรับการฝังตวั 4 หากเซลล์ไข่ไม่ถูกปฏิสนธิจะสลายตัว ผนังมดลูกและหลอดเลือดหลุดกลายเป็น ประจาเดอื น
ฮอรโ์ มนเพศ สารเคมที ร่ี ่างกายสร้างขึ้น ทําหน้าที่ควบคุมการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ รวมทั้ง ควบคุมการเปลีย่ นแปลงลกั ษณะทางร่างกายเม่อื เจริญเขา้ สู่วยั หนมุ่ สาว ฮอร์โมนเพศชาย : เทสโทสเทอโรน ฮอร์โมนเพศหญิง : โพรเจสเทอโรนและอีสโทรเจน • สรา้ งจากอัณฑะ • สรา้ งจากรงั ไข่ • ควบคุมการสรา้ งเซลลอ์ สุจแิ ละการเกิดลกั ษณะขัน้ ที่ 2 • ฮอรโ์ มนท้ัง 2 ชนดิ ทาํ หนา้ ท่ีรว่ มกันกระตุน้ การเจรญิ ของ ของเพศชาย เช่น มีหนวดเครา ขนบริเวณรกั แร้ หน้าแขง้ ผนังมดลกู เพื่อรองรบั การฝังตัวของเอม็ บริโอ และอสี โทรเจน และอวัยวะเพศ หัวนมแข็ง เสียงแหบและหา้ ว มีมดั กลา้ มเน้ือ ยงั ควบคุมการเกดิ ลักษณะข้ึนที่ 2 ของเพศหญงิ เชน่ สะโพกแคบและไหลกว้าง อวยั วะเพศโต หลั่งนา้ํ อสุจขิ ณะหลบั เสียงเล็กแหลม สะโพกผาย หน้าอกและอวยั วะเพศใหญ่ ขนข้นึ บรเิ วณรักแร้และอวยั วะเพศ
ฮอ ์รโมนจาก ัรงไ ่ขการเปล่ยี นแปลงของฮอรโ์ มนเพศหญงิ โพรเจสเทอโรน อีสโทรเจน ัวฏ ัจกรของมด ูลก ประจาเดอื น ระยะก่อนตกไข่ ระยะหลังตกไข่ ประจาเดอื น
การปฏสิ นธแิ ละการตง้ั ครรภ์
การคมุ กาเนดิ การปอ้ งกนั การต้ังครรภ์ โดยการปอ้ งกนั การปฏิสนธิหรอื ปอ้ งกนั การฝ่ังตัวของเอ็มบรโิ อทีผ่ นงั มดลูก 1. วิธธี รรมชาติ การนบั วันมีเพศสมั พนั ธ์ คอื กอ่ นมีประจาํ เดือน 7 วัน และหลงั จากมีประจําเดอื นวนั แรก 7 วัน ข้อดี : สามารถคํานวณระยะเวลาในการมีเพศสมั พนั ธ์ไดด้ ้วยตนเอง ข้อเสยี : ไมส่ ามารถป้องกนั การติดเชื้อจากโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ 2. การคมุ กาเนดิ โดยใชอ้ ุปกรณ์ การใช้ถุงยางอนามยั ในเพศชาย การใชห้ ่วงคมุ กําเนิดในเพศหญิง ข้อดี : สามารถป้องกนั การตดิ เช้ือจากโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ได้ ข้อเสีย : ไม่สามารถปอ้ งกนั การต้ังครรภไ์ ดอ้ ย่างแนน่ อน
การคมุ กาเนิด 3. การคมุ กาเนิดโดยใชส้ ารเคมี การใช้ยาคมุ กําเนดิ ขอ้ ดี : สามารถใช้ในกรณฉี ุกเฉินได้ เช่น ถูกขม่ ขนื ขอ้ เสยี : อาจสง่ ผลขา้ งเคยี งต่อรา่ งกายได้ 4. การทาหมนั การปอ้ งกันทีม่ ปี ระสิทธสิ ูงทส่ี ดุ ได้แก่ การตดั ทอ่ นาํ อสุจใิ นเพศชาย การตัดทอ่ นําไขใ่ นเพศหญงิ ข้อดี : สามารถปอ้ งกันการต้งั ครรภไ์ ด้อยา่ งถาวร ขอ้ เสยี : ไม่สามารถมบี ุตรเพมิ่ ในอนาคตอีก
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: