Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore PPT-ลักษณะสิ่งมีชีวิต

PPT-ลักษณะสิ่งมีชีวิต

Published by phaphong63, 2020-06-22 04:52:17

Description: PPT-ลักษณะสิ่งมีชีวิต

Search

Read the Text Version

1 ตัวชีว้ ัด • อธบิ ายและสรุปสมบตั ทิ ่สี าคัญของส่งิ มชี ีวติ • ความสัมพนั ธ์ของการจดั ระบบในส่งิ มชี ีวิตท่ที าให้ส่ิงมชี ีวิตดารงชีวติ อยู่ได้ • อธิบายและบอกความสาคญั ของการระบุปัญหา ความสัมพนั ธ์ระหว่างปัญหา สมมตฐิ าน และวธิ ีการตรวจสอบ สมมตฐิ าน รวมทงั้ ออกแบบการทดลองเพ่อื ตรวจสอบสมมตฐิ าน 1

ส่ิงมชี ีวิต คอื อะไร ธรรมชาติและลกั ษณะของสง่ิ มีชีวติ ส่งิ มีชีวติ (Organism) หมายถึง 2 สง่ิ ที่มีตวั ตน สามารถเคล่อื นท่ีได้ ต้องการ อาหาร ต้องการที่อยู่ และสามารถท่ีจะ สืบพนั ธ์ุได้ ต้องใช้พลงั งานในการดารงชีวติ สงิ่ มีชีวติ และพลงั งานที่ใช้นนั้ ต้องเกิดจาก ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์หรือร่างกายของ สิ่งมีชีวิตชนิดนนั้ ๆ

ลกั ษณะเฉพาะของสง่ิ มีชีวิต ธรรมชาติและลกั ษณะของสงิ่ มีชีวิต • สง่ิ มีชีวติ มีการสบื พนั ธ์ุ • สง่ิ มีชีวติ มีการรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย • สงิ่ มีชีวิตมีการปรับตวั ทางววิ ฒั นาการ • สง่ิ มชี ีวติ ต้องการสารอาหารและพลงั งาน • สิ่งมีชีวติ มีการจดั ระบบ • สง่ิ มีชีวติ มีการเจริญเตบิ โต มีอายขุ ยั และ ขนาดจากดั • สง่ิ มีชีวิตมีการตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้า 3

ธรรมชาตแิ ละลกั ษณะของสงิ่ มีชีวิต ส่งิ มีชีวิตต้องการสารอาหารและพลงั งาน 4 สิง่ มีชีวิตประกอบด้วยกระบวนการ เมแทบอลซิ มึ (metabolism) เป็นกระบวนการทางเคมีที่ เกิดขนึ ้ ในเซลล์ หรือร่างกาย มีเอนไซม์และพลงั งานตา่ ง ๆ แคแทบอลิซมึ (catabolism) สลายโมเลกลุ ใหญ่ เลก็ คายพลงั งานความร้อน เช่น การ ยอ่ ยสลาย หายใจ แอแนบอลซิ มึ (anabolism) สร้างโมเลกลุ เลก็ ใหญ่ดดู พลงั งานไปสะสม เชน่ สงั เคราะห์ด้วยแสง สงั เคราะห์โปรตนี และกรดอะมโิ น ทาให้มีโพรโทพลาซมึ เพมิ่ รวมถงึ มกี ารเจริญเตบิ โต

ธรรมชาติและลกั ษณะของสง่ิ มีชีวติ สิ่งมีชีวติ ต้องการสารอาหารและพลงั งาน แคแทบอลิซมึ (catabolism) แอแนบอลิซมึ (anabolism) สลายโมเลกลุ ใหญ่ เลก็ คายพลงั งานความร้อน เชน่ สร้างโมเลกลุ เลก็ ใหญ่ดดู พลงั งานไปสะสม เชน่ สงั เคราะห์ด้วยแสง การย่อยสลาย หายใจ สงั เคราะห์โปรตนี และกรดอะมิโน ทาให้มีโพรโทพลาซมึ เพ่ิมรวมถึงมีการเจริญเตบิ 5โต

ธรรมชาติและลกั ษณะของสง่ิ มีชีวติ ส่ิงมีชีวติ มีการสืบพนั ธ์ุ การเพม่ิ จานวนลกู หลานที่มีลกั ษณะเหมือนเดิมของสงิ่ มีชีวติ โดยที่สงิ่ มีชีวิตรุ่นใหมท่ ่ีเกิดขนึ ้ นีจ้ ะ ทดแทนสง่ิ มีชีวติ รุ่นเกา่ ที่ล้มหายตายจากไป ทาให้สงิ่ มีชีวิตเหลือรอดอยใู่ นโลกได้โดยไมส่ ญู พนั ธ์ุไป การสบื พนั ธ์แุ บบไม่อาศยั เพศ (Asexual reproduction) การสบื พนั ธ์แุ บบอาศยั เพศ (Sexual reproduction) เป็นการเพิ่มจานวนลกู หลานที่ไมต่ ้องอาศยั เพศเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการสบื พนั ธ์ุท่ีต้องอาศยั เพศโดยที่มีการสร้างเซลลส์ บื พนั ธ์เุ พศผู้และเซลล์สบื พนั ธ์ุ และไมม่ ีการผสมกนั ของเซลล์สบื พนั ธ์ุ เชน่ การแตกหน่อของไฮดรา เพศเมียแล้วผสมกนั เกดิ เป็นสงิ่ มชี ีวิตหน่วยใหมซ่ ง่ึ มีลกั ษณะเหมือนพ่อและแม่ 6

สิง่ มชี ีวติ มีการสืบพนั ธ์ุ ธรรมชาตแิ ละลกั ษณะของสง่ิ มีชีวติ ก • การเปลี่ยนแปลงของสง่ิ มีชีวติ ใน ข ภาพก. ข.และค.มีลกั ษณะท่ีเหมอื น ค หรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร • การงอกใหมข่ องสตั ว์ภาพใดถือว่า เป็นการสบื พนั ธ์ุเพราะเหตใุ ด

ธรรมชาตแิ ละลกั ษณะของสง่ิ มีชีวติ สง่ิ มชี ีวติ มีการเจริญเติบโต มีอายขุ ยั และขนาดจากดั (Growth) มี 4 กระบวนการ คอื 1.การเพ่มิ จานวนเซลล์ (cell multiplication) – เมื่อมีการสบื พนั ธ์ุแบง่ เซลล์ทาให้มีจานวนเซลล์เพิม่ มากขนึ ้ สง่ิ มชี ีวิตหลายเซลล์ – เม่ือปฏสิ นธิแล้วเซลล์ท่ีได้ “ไซโกต” จะมีการแบง่ เซลล์ แบบไมโทซสิ เพ่ือเพม่ิ จานวนเซลล์ 2.การเจริญเตบิ โต (growth) – การขยายขนาดให้ใหญ่โตขนึ ้ 8

ธรรมชาตแิ ละลักษณะของส่งิ มีชีวติ ส่ิงมีชีวิตมีการเจริญเติบโต มีอายขุ ยั และขนาดจากดั 3. การเปล่ียนแปลงของเซลล์เพ่อื ไปทาหน้าท่ตี ่าง ๆ (cell differentiation) เช่น – ไข+่ อสจุ ิ = ไซโกต ได้เซลล์เดยี ว หลงั จากแบง่ ได้หลายเซลล์ ก็จะเปล่ียนสภาพ ตวั เองให้ทางานในด้านตา่ ง เชน่ เซลล์กล้ามเนือ้ เซลล์เม็ดเลือด เป็นต้น 4. การเกิดรูปร่างท่แี น่นอน (morphogenesis) เม่ือมีการเจริญเตบิ โตเตม็ ท่ีเราจะพบลกั ษณะที่แท้จริงของส่งิ มีชีวิต ส่วนรูปร่างหน้าตา นนั้ จะถกู ควบคมุ โดยลกั ษณะทางพนั ธุกรรม อายุขัย (life span) ระยะเวลาเม่อื เจริญเตบิ โต จนถงึ กระท่งั ตาย 9

ธรรมชาตแิ ละลักษณะของส่งิ มีชีวติ ส่ิงมชี ีวิตมีการตอบสนองตอ่ ส่งิ เร้า (Respond to stimuli) การตอบสนองของสงิ่ มีชีวติ ตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพและทางเคมีท่ีเกิดขนึ ้ ส่ิงเร้า (stimulus) อยา่ งเดยี วกนั อาจจะตอบสนอง (respon) ไมเ่ หมอื นกนั ก็ได้ แบง่ เป็น 2 ชนดิ 1.ส่งิ เร้าภายนอก (External stimulus) เชน่ อณุ หภมู ิ แสง เสียง สารเคมี ความชืน้ กลิ่น และแรงดงึ ดดู ของโลก 2.ส่งิ เร้าภายใน (Internal stimulus) เชน่ การเปลีย่ นแปลงสรีระท่ีเกิดขนึ ้ ในร่างกาย เชน่ ระดบั ออกซเิ จนในเลือด ฮอร์โมน เอนไซม์ ความหิว ความ โกรธ และความเหน่ือย 10

สง่ิ มชี ีวติ มีการรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย (Homeostasis) ธรรมชาตแิ ละลักษณะของส่งิ มีชีวติ สิ่งมีชีวติ ต้องมีการควบคมุ สมดลุ หรือการ 11 รักษาดลุ ยภาพ ของร่างกายเพ่ือให้ระบบตา่ ง ๆ ทางานได้เป็นปกติ จากการนาสง่ิ มีชีวิตเซลล์เดียว เช่น -พารามีเซยี ม โครงสร้างภายในที่เรียกวา่ คอน แทร็กไทล์แวควิ โอล (Contractile vacuole) ควบคุมสมดลุ นา้ ภายในเซลล์ -มนษุ ย์ สมองสว่ นไฮโพทาลามัส ควบคุม อุณหภมู ิร่างกาย

ธรรมชาตแิ ละลักษณะของส่งิ มีชีวติ การรักษาดลุ ยภาพของปลา ปลานา้ จืด ปลานา้ เคม็ อาศยั อยใู่ นสภาพแวดล้อมท่ีมีความเข้มข้นของแร่ธาตุ อาศยั อย่ใู นสภาพแวดล้อมที่มีความเข้มข้นของแร่ธาตุ ต่าง ๆ น้อยกว่าภายในร่างกาย ต่าง ๆ มากกว่าภายในร่างกาย เกล็ดป้องกันนา้ ออสโมซสิ เกลด็ ป้องกันนา้ ออสโมซสิ เข้ าส่ ูร่ างกาย ออกจากร่ างกาย เซลล์พเิ ศษบริเวณเหงือก ปัสสาวะเจอื จาง เซลล์พเิ ศษบริเวณเหงอื ก ดดู ซึมแร่ธาตุเข้าสู่ร่างกาย ขับแร่ ธาตุออกจากร่ างกาย ปัสสาวะเข้มข้น 12

ธรรมชาตแิ ละลักษณะของส่งิ มีชีวติ สง่ิ มชี ีวติ มีการรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย (Homeostasis) พืชมีการคายนา้ ผา่ นทางรูปากใบ ซงึ่ การคายนา้ ของพืชจะสมั พนั ธ์กบั การดดู นา้ ของพืชผ่านทางราก นา้ มาก นา้ น้อย 13

ธรรมชาตแิ ละลักษณะของส่งิ มีชีวติ สง่ิ มีชีวิตมีการรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย (Homeostasis) อณุ หภมู ิกบั การรักษาดลุ ยภาพของปลา 15ºc 25ºc 40ºc • อตั ราการขยบั แผน่ ปิดเหงือก ก่อนและหลงั การเปลีย่ นแปลงอณุ หภมู ิของนา้ แตกตา่ งกนั หรือไมเ่ พราะเหตใุ ด • การขยบั แผน่ ปิดเหงือกของปลาเก่ียวข้องกบั การรักษาดลุ ยภาพของปลาอยา่ งไร 14

ส่งิ มีชีวติ มีการจดั ระบบ (Organization) ธรรมชาตแิ ละลักษณะของส่งิ มีชีวติ ส่ิงมีชีวิตท่มี ีหลายเซลล์มีการจดั ระบบภายในร่างกาย 15 เริ่มจาก 1.Cell : เซลล์ คือ หนว่ ยพืน้ ฐานของสงิ่ มีชีวิตทกุ ชนิด 2.Tissue : เนือ้ เยื่อ เกิดจากการรวมตวั กนั ของเซลล์ โดยแตล่ ะเซลล์จะมี การทางานอยา่ งสมั พนั ธ์กนั 3.Organ : อวยั วะ คือ โครงสร้างท่ีเกิดจากการทาหน้าท่ีร่วมกนั ของ เนือ้ เย่ือหนงึ่ ชนิดขนึ ้ ไป 4.Organ system : ระบบ คือ กลมุ่ ของอวยั วะทม่ี ีการทางานอยา่ ง สมั พนั ธ์กนั 5.Organism หรือ Species : คือ สิ่งมีชีวิตหนงึ่ ตวั ซงึ่ เกิดจากการรวมตวั กนั ของระบบตา่ ง ๆ มากกวา่ หนง่ึ ระบบ เพื่อให้ร่างกายของสง่ิ มีชีวติ ดารงชีวิตอยไู่ ด้

ธรรมชาตแิ ละลักษณะของส่งิ มีชีวติ สิ่งมชี ีวิตมีการปรับตวั ทางววิ ฒั นาการ (Evolutionary abaptation) ชาร์ลส์ ดาร์วนิ (Charles Darwin วิวฒั นาการของส่งิ มีชีวิตเกิดขนึ ้ โดยการคดั เลอื กตามธรรมชาติ (natural selection) กลา่ วคอื สิง่ มีชีวติ ท่ีปรับตวั ได้ดีจะมีชีวิตอยู่ รอดได้มากกวา่ สงิ่ มีชีวติ ท่ีไมส่ ามารถปรับตวั ได้ และถ่ายทอดลกั ษณะที่ปรับเปลี่ยนไปยงั ชว่ั รุ่นถดั ไป เม่ือเวลาผา่ นไปลกั ษณะที่ ปรับเปล่ียนซงึ่ เหมาะสมตอ่ สภาพแวดล้อมจงึ เพ่ิมมากขนึ ้ ในแตล่ ะชว่ั รุ่น ขณะท่ีลกั ษณะท่ีไมเ่ หมาะสมลดน้อยหรืออาจหมดไป จนในท่สี ดุ เกิดเป็นส่งิ มีชีวติ ที่แตกตา่ งจากเดมิ กลายเป็นสงิ่ มีชีวติ สปีชีส์ใหม่ 16

ชีววทิ ยา ชีววทิ ยา คือ อะไร bios (ภาษากรีก) ชีวะ แปลวา่ ชีวิต) Biology logos (ภาษากรีก ) วิทยา แปลวา่ ความคิดและเหตผุ ล ชีววทิ ยา (biology) เป็นวชิ าที่ศกึ ษาเก่ียวกบั ส่งิ มีชีวติ ซง่ึ ประกอบด้วยสว่ นท่ีเป็นความรู้ และสว่ นท่ีเป็นกระบวนการค้นหาความรู้ 17

นิเวศวิทยา (ecology) แขนงวิชาย่อย กายวิภาคศาสตร์ (anatomy) ของ ศกึ ษาเกย่ี วกบั ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง ศกึ ษาเกย่ี วกบั โครงสรา้ งรา่ งกายสงิ่ มชี วี ติ สง่ิ มชี วี ติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม ชีววิทยา สรีรวิทยา (physiology) พนั ธศุ าสตร์ (genetics) ศกึ ษาเกย่ี วกบั การทางานและหน้าทข่ี อง ศกึ ษาเกย่ี วกบั ลกั ษณะตา่ งๆ ทางพนั ธกุ รรม อวยั วะตา่ งๆ ในรา่ งกาย และการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ของสง่ิ มชี วี ติ วิทยาเซลล์ (cell biology) พฤกษศาสตร์ (botany) ศกึ ษาเกย่ี วกบั โครงสรา้ งเซลลส์ งิ่ มชี วี ติ กระบวนการเจรญิ เตบิ โตและการตอบสนอง ศกึ ษาเกย่ี วกบั โครงสรา้ ง ลกั ษณะ ของเซลลต์ อ่ สง่ิ ตา่ งๆ และสว่ นประกอบของพชื คพั ภวิทยา (embryology) จลุ ชีววิทยา (microbiology) ศกึ ษาเกย่ี วกบั พฒั นาการและการเปลย่ี นแปลง ศกึ ษาเกย่ี วกบั จลุ นิ ทรยี ์ ในชว่ งตา่ งๆ ของตวั อ่อนสง่ิ มชี วี ติ อนุกรมวิธาน (taxonomy) 18 ศกึ ษาเกย่ี วกบั การจดั หมวดหมู่ สงิ่ มชี วี ติ

ชีววทิ ยา ให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ -คน ศกึ ษาสาขาของชีววิทยากลมุ่ -คนละ 1สาขา(ไมซ่ า้ กนั )และสรุปเป็นแผนผงั ความคดิ และนาเสนอหน้าชนั้ เรียน 19

▪ Acarology ศกึ ษาเกี่ยวกบั เหบ็ ไร ชีววทิ ยา ▪ Apiculture ศกึ ษาเก่ียวกบั เลยี ้ งผงึ ้ ▪ Carcinology ศกึ ษาเก่ียวกบั ก้งุ ปู กงั้ ตกั๊ แตน สาขาทางชีววิทยา ▪ Entomology ศกึ ษาเกี่ยวกบั แมลง ▪ Ichthyology ศกึ ษาเก่ียวกบั ปลา สัตววทิ ยา (Zoology) ▪ Malacology ศกึ ษาเกี่ยวกบั หอย ▪ Mammalogy ศกึ ษาเก่ียวกบั สตั ว์เลยี ้ งลกู ด้วยนม เก่ียวข้องกบั สมาชิกในอาณาจกั รสตั ว์ ▪ Ornithology ศกึ ษาเก่ียวกบั นก ▪ Protozoology ศกึ ษาเก่ียวกบั โพรโทซวั 20

1 ชีวจริยธรรม ผใู้ ช้สตั วต์ ้องตระหนักถึงคณุ ค่า 2 ของชีวิตสตั ว์ ผใู้ ช้สตั วต์ ้องตระหนักถึงความแม่นยา 5 ของผลงาน ผใู้ ช้สตั วต์ ้องบนั ทึกข้อมลู การปฏิบตั ิต่อ โดยใช้สตั วจ์ านวนน้อยที่สดุ สตั ว์ จรรยาบรรณ ไว้เป็นหลกั ฐานอย่างครบถ้วน การใช้สตั ว์ เพ่อื งานทางวิทยาศาสตร์ 3 การใช้สตั วป์ ่ าต้องไมข่ ดั ต่อ กฎหมาย และนโยบายการอนุรกั ษ์สตั วป์ ่ า 4 ผใู้ ช้สตั วต์ ้องตระหนักว่า 21 สตั ว์ เป็นส่ิงมีชีวิตเช่นเดียวกบั มนุษย์

ชีวจริยธรรม 22

ชีวจริยธรรม Hormone & Antibiotic Injection in animals 23

ชีวจริยธรรม อาวธุ ชีวภาพ 24

ลกั ษณะของนกั วทิ ยาศาสตร์ มี การศกึ ษาชีววทิ ยา ความคิด อยากรู้ ริเริ่ม อยากเห็น มีความ ชา่ งสงั เกต อดทน ความ พยายาม มีเหตผุ ล 25

วธิ กี ารวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) 2 1? การตงั้ สมมติฐาน การกาหนดปัญหา การคาดคะเนสง่ิ ทค่ี ดิ วา่ จะเป็นคาตอบทอ่ี าจเป็นจรงิ ซง่ึ ตอ้ งไดร้ บั การพสิ จู น์หรอื ตรวจสอบหลาย ๆ ครงั้ เป็นขนั้ ตอนทต่ี อ้ งใชท้ กั ษะการสงั เกต ซง่ึ เป็นพน้ื ฐานสาคญั ตอ่ การศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์ 5 4 3 การสรปุ ผล การเกบ็ รวบรวมข้อมลู และวิเคราะห์ การตรวจสอบสมมติฐาน ข้อมลู เป็นขนั้ ตอนแปลความหมายของขอ้ มลู ทไ่ี ด้ สามารถทาได้ 2 วธิ ี จากการทดลองหรอื การศกึ ษา การนาขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกต คน้ ควา้ ทดลอง 1.ใชก้ ารสงั เกตและการรวบรวมขอ้ เทจ็ จรงิ ตา่ งๆ หรอื รวบรวมขอ้ มลู และขอ้ เทจ็ จรงิ มาวเิ คราะหผ์ ล แลว้ ลงขอ้ สรุปวา่ สมมตฐิ านขอ้ ใดถกู ตอ้ ง 2.ใชก้ ารทดลอง อธบิ ายความหมายของขอ้ เทจ็ จรงิ และนาไปเปรยี บเทยี บกบั สมมตฐิ านทต่ี งั้ ไว้ 26

การศกึ ษาชีววทิ ยา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การสังเกต ปัญหาเกิดขนึ ้ จากการเป็นคนชา่ งสงั เกต ชา่ งคิด มีความ ถ้าราเพนิซเิ ลียมสามารถสร้างสารยบั ยงั้ การ อยากรู้อยากเหน็ และใจกว้าง เช่น เจริญเติบโตของแบคทีเรีย ดงั นนั้ บริเวณท่ีมีรา Alexander fleming สงั เกตวา่ ในจานเพาะเชือ้ แบคทีเรีย บริเวณท่ี เพนิซิเลยี มอยู้ แบคทเี รียนจะไมเ่ จริญเตบิ โต มีราเพนิซลิ เลยี ม เจริญ แบคทีเรียจะหยดุ เจริญเติบโตแล้ว 27

การศกึ ษาชีววทิ ยา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การสังเกต แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5-6 คน ให้นกั เรียนแตล่ ะคนในกลมุ่ สงั เกตลกั ษณะตา่ ง ๆ ของสิ่งมีชีวิตรอบตกึ ท่ีเรียน บนั ทกึ ลกั ษณะของสงิ่ ตา่ ง ๆ ที่สงั เกต และตงั้ คาถามเกี่ยวกบั สงิ่ มีชีวติ นัน้ 2-3 คาถามลงในสมดุ 28

การศกึ ษาชีววิทยา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การตงั้ คาถาม “นา้ สบั ปะรดท่ีนกั เรียนสองคนบรรจไุ ว้ในขวดคนละใบ ใบท่หี นง่ึ มีฟองอากาศเกิด มากกวา่ อีกใบหนงึ่ และมีกลนิ่ แอลกอฮอล์มากกวา่ ด้วย เนื่องจากในนา้ สบั ปะรดมี ยสี ต์ชว่ ยสลายนา้ ตาลในนา้ สบั ปะรด ทาให้เกิดแก๊ส CO2 และแอลกอฮอล์” • จากสถานการณ์ที่เป็นปัญหานีน้ กั เรียนคดิ วา่ คาถามท่ีอาจเป็นไปได้มีอะไรบ้าง

การศกึ ษาชีววทิ ยา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การตงั้ คาถาม ถ้ามีการเก็บข้อมลู เพิม่ เตมิ และพบวา่ ขวดนา้ สบั ปะรดทงั้ 2 ขวด ตงั้ อยใู่ นสภาพท่ีมี อณุ หภมู ิเทา่ กนั ขนาดของขวด และรูปร่างของขวดเหมอื นกนั ทกุ ประการ • จากสถานการณ์ที่เป็นปัญหานีน้ กั เรียนคดิ วา่ คาถามที่อาจเป็นไปได้มีอะไรบ้าง

การศกึ ษาชีววทิ ยา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การตงั้ สมมตฐิ าน ถ้า.........ดงั นนั้ ..... “ต้นไม้ท่ปี ลกู ในร่มจะเจริญเตบิ โตได้น้อยกว่า ต้นไม้ท่ปี ลกู บริเวณกลางแจ้งท่มี ีแสงแดด และต้นไม้ท่ไี ด้รับการรกนา้ จะเจริญเตบิ โตได้ ดีกว่าต้นไม้ท่ไี ม่ได้รับการรดนา้ ” นกั เรียนคิดว่าปัญหาคอื อะไร และควรตงั้ สมมติฐานอย่างไร 31

ตวั แปรในกระบวนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ตวั แปรต้นหรอื ตวั แปร ตวั แปรทผ่ี ทู้ ดลองกาหนดขน้ึ เพอ่ื ทดสอบผลทเ่ี กดิ ขน้ึ อิสระ จากตวั แปรน้ี (independent variable) ตวั แปรทเ่ี ป็นผลมาจากตวั แปรตน้ หรอื ตวั แปร อสิ ระ ตวั แปรตาม (dependent variable) ตวั แปรควบคมุ สง่ิ ตา่ งๆ นอกเหนือจากตวั แปรตน้ ทอ่ี าจทาใหผ้ ลการทดลอง เกดิ ความคลาดเคลอ่ื น ผทู้ ดลองจะตอ้ งควบคุมใหส้ งิ่ ต่างๆ (controlled variable) เหลา่ นนั้ คงทต่ี ลอดการทดลอง 32

การศกึ ษาชีววทิ ยา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การตรวจสอบสมตฐิ าน สามารถทาได้ 2 วิธี Thinking Experiment Repeat 1.ใช้การสังเกตและการรวบรวมข้อเทจ็ จริง ต่าง ๆ การใช้การสงั เกตและรวบรวมข้อเท็จจริงตา่ ง ๆ นามาแปรความหมายอภิปราย และสรุป 2.ใช้การทดลอง เป็นวิธีท่นี ิยมใช้มากท่สี ุดในการศกึ ษาทาง วทิ ยาศาสตร์ ซงึ่ ต้องการการวางแผนการทดลอง 34

กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การศกึ ษาชีววิทยา การเกบ็ รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล 35 เป็นการนาข้อมลู ที่ได้จากการสงั เกต ค้นคว้า ทดลอง หรือการรวบรวมข้อมลู และข้อเท็จจริง มาวิเคราะห์ผล อธิบายความหมายของ ข้อเท็จจริง แล้วนาไปเปรียบเทียบกบั สมมตฐิ าน ท่ีตงั้ ไว้วา่ สอดคล้องกบั สมมตฐิ านใด ซง่ึ การ วเิ คราะห์ข้อมลู ท่ีดจี ะนาไปสกู่ ารสรุปผลท่ีถกู ต้อง

กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การศกึ ษาชีววทิ ยา การสรุปผล กฎ ทฤษฎี เป็นการแปลความหมายของข้อมลู ที่ได้จากการ ทดลองหรือศกึ ษา และลงข้อสรุปในขอบเขตของ 36 ผลการทดลองหรือผลการศกึ ษาที่เป็นจริงว่า สมมตฐิ านข้อใดถกู ต้อง ซงึ่ หากสมมตฐิ านท่ีตงั้ ไว้ สมมตฐิ านนนั้ อาจนาไปตงั้ เป็นกฎหรือทฤษฎี ที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการอธิบาย ปรากฎการณ์อื่น ๆ ที่มีลกั ษณะคล้ายคลงึ กนั ได้

การศกึ ษาชีววทิ ยา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การตงั้ สมตฐิ าน การตรวจสอบสมตฐิ านวเิ คราะห์ และสรุป “นกั เรียนกลมุ่ หนงึ่ ศกึ ษาการเจริญเตบิ โตของต้นไม้ภายใต้แสงสีท่ีแตกต่างกนั โดย วางแผนการทดลองวา่ จะใช้พืชชนิดเดียวกนั มีขนาดใกล้เคียงกนั มีอายเุ ทา่ กนั มาปลกู ในดนิ ชนิดเดียวกนั และกระถางเดียวกนั จานวน 5 กระถาง แล้วนาแตล่ ะกระถางไปไว้ใน ห้องทีม่ ีขนาดเทา่ กนั แตใ่ ห้แสงสวา่ งมีสีท่ีแตกต่างกนั คือ แสงสีแดง แสงสีเหลือง แสงสี นา้ เงิน แสงสขี าว และแสงสีเขียว โดยให้แสงสว่างวนั ละ 8 ชว่ั โมง ให้นา้ ปริมาณเทา่ ๆ กนั ผา่ นไปทกุ ๆ 7 วนั จงึ วดั ขนาดและความสงู ของลาต้นจนครบ 35 วนั ” 37

กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific method) การศกึ ษาชีววทิ ยา การตงั้ สมตฐิ าน การตรวจสอบสมตฐิ าน สรุปและวิเคราะห์ 35วนั การทดลอง ขนาดลลาต้น/ส่วนสูง (เซนตเิ มตร) 1.0/3.7 0.3/2.3 กระถางท่ี 1 ได้รับแสงสีแดง 7 วนั 14วนั 21วนั 28วนั 0.8/2.7 กระถางท่ี 1 ได้รับแสงสีเหลือง 0.2/1.1 0.6/2.5 กระถางท่ี 1 ได้รับแสงสีนา้ เงนิ 0.1/0.5 0.3/1.3 0.5/1.8 0.8/2.9 0.5/2.4 กระถางท่ี 1 ได้รับแสงสีขาว 0.2/1.0 กระถางท่ี 1 ได้รับแสงสีเขียว 0.2/0/9 0.12/0.8 0.2/1.2 0.22/1.7 38 0.1/0.6 0.28/1.2 0.4/1.5 0.6/2.5 0.26/1.1 0.34/1.4 0.45/1.9 0.13/0.9 0.22/1.3 0.3/1.8


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook