Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กลุ่ม 15 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร

กลุ่ม 15 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร

Published by Reading Room, 2022-01-13 07:44:24

Description: กลุ่ม 15 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร

Search

Read the Text Version

40 ขอ้ มูลทัว่ ไป จำนวน (คน) ร้อยละ 47.30 6,000 บาท/เดือน ข้ึนไป 52 95.5 3. ท่านมีโรคประจำตัวหรือไม่ 4.5 ไม่มี 105 42.7 มี (ระบุโรค เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิต, 57.3 โรคอ้วน ฯลฯ) 5 4. ครอบครวั ของทา่ นมีประวัตเิ ปน็ โรคทสี่ ามารถถา่ ยทอด ทางพนั ธกุ รรมหรอื ไม่ ไม่มี 47 มี (ระบุโรค เชน่ โรคเบาหวาน, โรคความดนั โลหิต, 63 โรคอว้ น ฯลฯ ) จากตาราง 1 พบว่า กลมุ่ ตวั อย่างทัง้ หมด 110 คน จำแนกตามข้อมลู ทว่ั ไปของกลมุ่ ตวั อยา่ ง พบวา่ กลุ่มตวั อย่างมดี ชั นมี วลกายส่วนใหญ่ คอื ปกติ จำนวน 64 คน (รอ้ ยละ 58.18) รองลงมา คอื นำ้ หนกั น้อย/ ผอม จำนวน 20 คน (ร้อยละ 18.18) โรคอ้วนระดับ 2 จำนวน 12 คน (ร้อยละ10.91) โรคอ้วนระดับ 1 จำนวน 11 คน (รอ้ ยละ 10.00) และโรคอว้ นระดับ 3 จำนวน 3 คน (ร้อยละ 2.73) สำหรบั รายได้ต่อเดือนของ กล่มุ ตัวอย่างส่วนใหญ่ คือ 6,000 บาท/เดือน ขึน้ ไป จำนวน 52 คน (รอ้ ยละ 47.30) รองลงมา คอื 5,000 – 6,000 บาท/เดือน จำนวน 33 คน (ร้อยละ 30.00) 3,000 – 4,000 บาท/เดือน จำนวน 21 คน (รอ้ ยละ 19.10) น้อยกวา่ 3,000 บาท/เดือน จำนวน 4 คน (ร้อยละ 3.60) สำหรบั โรคประจำตัวของกลุ่มตัวอย่างพบว่า สว่ นใหญ่ไมม่ ีโรคประจำตัว จำนวน 105 คน (รอ้ ยละ 95.5) มีโรคประจำตัว จำนวน 5 คน (ร้อยละ 4.5) และ โรคทส่ี ามารถถ่ายทอดทางพันธกุ รรม พบว่า กลุม่ ตัวอย่างส่วนใหญ่มีโรคทส่ี ามารถถา่ ยทอดทางพันธกุ รรม จำนวน 63 คน (รอ้ ยละ 57.3) ไมม่ ีโรคทสี่ ามารถถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม จำนวน 47 คน (ร้อยละ 42.7) ตอนท่ี 2 ผลการศึกษาเกี่ยวกบั การรับร้ดู ้านสุขภาพ การแปลผลด้านการรับรปู้ ระโยชน์ของการออกกำลังกาย ดา้ นการรบั รู้อปุ สรรคของการออกกำลังกาย ด้านการรับรโู้ อกาสเส่ียงของการไม่ออกกำลังกาย และดา้ นการรับรู้ความรุนแรงของการไม่ออกกำลังกาย ของ นสิ ติ คณะพยาบาลศาสตรช์ ้นั ปีที่ 3 มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ผู้วจิ ยั ได้แปลผลขอ้ มลู เปน็ ภาพรวม และเป็นรายด้าน ดงั แสดงในตาราง ตารางที่ 2 จำนวนร้อยละและระดบั ดา้ นการรับรูป้ ระโยชนข์ องการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาด ของเช้ือโควดิ -19 การรบั รูป้ ระโยชนข์ องการออกกำลังกาย จำนวน (คน) ร้อยละ (%) (n=110)

41 มาก 104 94.55 ปานกลาง 6 5.45 นอ้ ย 0 0 X̄ = 45.32, S. D. = 4.42, Max = 50, Min = 34 จากตารางท่ี 2 พบวา่ กลมุ่ ตัวอยา่ งส่วนใหญม่ ีการรับรู้ประโยชนข์ องการออกกำลังกายในชว่ งการแพร่ ระบาดของเช้ือโควดิ -19 ในระดบั มาก (X̄ = 45.32, S.D. = 4.42) จำนวน 104 คน รอ้ ยละ 94.55 รองลงมาอยู่ ในระดับปานกลาง จำนวน 6 คน รอ้ ยละ 5.45 ตารางท่ี 3 แสดงค่าเฉลยี่ และค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ของดา้ นการรบั รปู้ ระโยชนข์ องการออกกำลัง กายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 ของนสิ ิตคณะพยาบาลศาสตร์ชน้ั ปที ่ี 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นรายขอ้ (n=110) ระดับความคิดเห็น ค่าเฉลย่ี สว่ น แปลผล เบยี่ งเบน ขอ้ ความ เหน็ ด้วย เหน็ เห็นดว้ ย ไม่เห็น ไม่เหน็ ���̄��� มาตรฐาน อยา่ งยิ่ง ดว้ ย ปาน ด้วย ดว้ ยอยา่ งย่งิ 4 กลาง 2 ������. ������. 5 1 3 1. การออกกำลังกายชว่ ย 85 18 3 0 0 4.75 0.5 มาก (0.0) (0.0) ป้องกันการเกดิ โรคอว้ น (77.3) (20.0) (2.7) 0 0 4.85 0.36 มาก โรคเบาหวาน โรคความดัน (0.0) (0.0) 0 0 4.75 0.46 มาก โลหิตสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น (0.0) (0.0) 0 0 4.65 0.55 มาก 2. การออกกำลงั กายช่วยให้ 93 17 0 (0.0) (0.0) 2 0 4.20 0.79 มาก รา่ งกายแข็งแรง (84.5) (15.5) (0.0) (1.8) (0.0) 3. การออกกำลงั กายชว่ ยใหม้ ี 83 26 1 3 0 4.22 0.82 มาก (2.7) (0.0) ภูมิตา้ นทานโรคดขี ้ึน (75.5) (23.6) (0.9) 4. การออกกำลังกายชว่ ยให้ 76 30 4 รูส้ กึ สดชน่ื แจ่มใส (69.1) (27.3) (3.6) 5. การออกกำลังกายช่วยให้ 45 44 19 ผอ่ นคลายความเครียดในช่วง (40.9) (40.0) (17.3) การแพรร่ ะบาดของเชื้อโควดิ - 19 6. การออกกำลงั กายชว่ ยให้ 49 40 18 นอนหลบั ไดด้ ีในช่วงการแพร่ (44.5) (36.4) (16.4) ระบาดของเชอ้ื โควิด-19

42 ระดบั ความคิดเหน็ คา่ เฉล่ยี ส่วน แปลผล เบย่ี งเบน ขอ้ ความ เหน็ ดว้ ย เห็น เหน็ ดว้ ย ไม่เหน็ ไม่เห็น ���̄��� มาตรฐาน อย่างยงิ่ ด้วย ปาน ดว้ ย ด้วยอย่างย่งิ 4 กลาง 2 ������. ������. 5 1 3 7. การออกกำลงั กายช่วยให้ 56 41 11 2 0 4.37 0.74 มาก สมองปลอดโปร่ง จดจำสง่ิ ตา่ ง (50.9) (37.3) (10.0) (1.8) (0.0) ๆ ไดด้ ี 8. การออกกำลังกายทำใหเ้ ลอื ด 80 27 3 0 0 4.70 0.52 มาก (0.0) (0.0) ในร่างกายไหลเวยี นไดด้ ี (72.7) (24.5) (2.7) 9. การออกกำลังกายชว่ ยให้ 77 28 5 0 0 4.65 0.56 มาก กระดกู และกล้ามเนอื้ แข็งแรง (70.0) (25.5) (4.5) (0.0) (0.0) 10. การออกกำลงั กายชว่ ยให้มี 44 43 22 1 0 4.18 0.78 มาก อายุยนื (40.0) (39.1) (20.0) (0.9) (0.0) จากตารางท่ี 3 พบวา่ การรับรู้ประโยชน์ของการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเช้อื โควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชนั้ ปที ี่ 3 มหาวทิ ยาลัยนเรศวรตอบว่าเหน็ ด้วยมากกับการออกกำลังกายช่วยให้ รา่ งกายแขง็ แรง (X̄ = 4.85, S.D. = 0.36) รองลงมาคือ การออกกำลงั กายชว่ ยใหม้ ีภมู ติ า้ นทานโรคดขี ึ้น (X̄ = 4.75, S.D. = 0.46) และการออกกำลังกายช่วยป้องกนั การเกดิ โรคอว้ น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต สูง และโรคหวั ใจ เปน็ ตน้ (X̄ = 4.75, S.D. = 0.5) สำหรบั ขอ้ คำถามที่เหน็ ดว้ ยนอ้ ยทส่ี ุด คือ การออกกำลงั กาย ชว่ ยใหน้ อนหลบั ไดด้ ใี นช่วงการแพร่ระบาดของเช้ือโควิด-19 (X̄ = 4.22, S.D. = 0.82) รองลงมาคือ การออก กำลงั กายชว่ ยใหผ้ อ่ นคลายความเครยี ดในช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 (X̄ = 4.20, S.D. = 0.79) และ การออกกำลังกายช่วยใหม้ ีอายุยนื (X̄ = 4.18, S.D. = 0.78) ตามลำดบั ตารางที่ 4 จำนวนร้อยละ และระดบั ดา้ นการรบั รู้อุปสรรคของการออกกำลังกายในช่วงการแพรร่ ะบาด ของเช้ือโควิด-19 (n = 110) ด้านการรับรอู้ ปุ สรรคของการออกกำลังกาย จำนวน (คน) ร้อยละ (%) (n=110) มาก 6 5.5 ปานกลาง 76 69.0

43 นอ้ ย 28 25.5 X̄ = 23.57, S. D. = 5.42, Max = 37, Min = 11 จากตารางที่ 4 พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรบั รูด้ ้านการรับรู้อุปสรรคของการออกกำลังกายอยู่ ในระดบั ปานกลาง (X̄ = 23.57, S.D. = 5.42) จำนวน 76 คน ร้อยละ 69.0 รองลงมาอย่ใู นระดับน้อย จำนวน 28 คน ร้อยละ 25.5 และระดับมาก จำนวน 6 คน รอ้ ยละ 5.5 ตารางที่ 5 แสดงค่าเฉลย่ี และค่าส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน ของดา้ นการรับรอู้ ุปสรรคของการออกกำลงั กาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเช้อื โควิด-19 ของนสิ ิตคณะพยาบาลศาสตรช์ ้นั ปที ี่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวรเปน็ รายข้อ (n=110) ระดับความคิดเห็น คา่ เฉลีย่ ส่วน แปลผล เบี่ยงเบน ข้อความ เห็นดว้ ย เหน็ เหน็ ดว้ ย ไม่เห็น ไมเ่ หน็ ���̄��� มาตรฐาน อย่างยิ่ง ด้วย ปาน ดว้ ย ดว้ ยอย่างย่ิง 4 กลาง 2 ������. ������. 5 1 3 1. ท่านไม่มีแรงจงู ใจในการออก 26 40 24 15 5 3.61 1.13 มาก กำลังกายในชว่ งการแพรร่ ะบาด (23.6) (36.4) (21.8) (13.6) (4.5) ของเชื้อโควดิ -19 2. ท่านรู้สึกเหนื่อยจากการเรียนทำ 62 27 18 3 0 4.35 0.85 มาก ใหไ้ ม่อยากออกกำลงั กาย (56.4) (24.5) (16.4) (2.7) (0.0) 3. การออกกำลงั กายทำใหเ้ สยี เวลา 18 25 43 18 6 3.28 1.09 ปาน ในการอ่านหนังสือ (16.4) (22.7) (39.1) (16.4) (5.5) กลาง 4. สขุ ภาพของทา่ นไมแ่ ข็งแรง 1 6 14 47 42 1.88 0.90 ปาน พอที่จะออกกำลังกายได้ (0.9) (5.5) (12.7) (42.7) (38.2) กลาง 5. ทา่ นไมอ่ อกกำลังกาย เพราะไม่ 1 7 24 40 38 2.03 0.95 ปาน ทราบวิธีการออกกำลงั กายทถ่ี ูกตอ้ ง (0.9) (6.4) (21.8) (36.4) (34.5) กลาง 6. ทา่ นไมอ่ อกกำลงั กายเน่อื งจาก 47 32 11 14 6 3.91 1.24 มาก ความเกียจครา้ น (42.7) (29.1) (10.0) (12.7) (5.5) 7. การออกกำลังกายทำใหท้ า่ น 0 7 15 44 44 1.86 0.88 ปาน สิ้นเปลืองคา่ ใช้จา่ ย (0.0) (6.4) (13.6) (40.0) (40.0) กลาง 8. สถานทอ่ี อกกำลังกายอยูห่ า่ งไกล 13 15 26 33 23 2.65 1.28 ปาน สำหรับทา่ นในชว่ งการแพรร่ ะบาด (11.8) (13.6) (23.6) (30.0) (20.9) กลาง ของเชอ้ื โควดิ -19

44 จากตารางท่ี 5 พบว่า ปัจจัยด้านกลุม่ ตัวอยา่ งส่วนใหญ่เห็นด้วยมากกับ ทา่ นรสู้ กึ เหน่ือยจากการเรียน ทำให้ไม่อยากออกกำลังกาย (X̄ = 4.35, S.D. = 0.85) รองลงมา คือ ไม่ออกกำลังกายเนื่องจากความเกียจ คร้าน (X̄ = 3.91, S.D. = 1.24) และท่านไม่มีแรงจูงใจในการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโค วิด-19 (X̄ = 3.61, S.D. = 1.13) ตามลำดับ สำหรบั ข้อคำถามท่ีเห็นดว้ ยน้อยที่สุด คือ การออกกำลังกายทำให้ ท่านสิ้นเปลืองค่าใชจ้ า่ ย (X̄ = 1.86, S.D. = 0.88) รองลงมา คือ สุขภาพของทา่ นไม่แข็งแรงพอที่จะออกกำลัง กายได้ (X̄ = 1.88, S.D. = 0.90) และท่านไม่ออกกำลังกายเพราะไม่ทราบวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง (X̄ = 2.03, S.D. = 0.95) ตามลำดับ ตารางท่ี 6 จำนวนร้อยละและระดบั ดา้ นการรบั รูโ้ อกาสเส่ียงของการไม่ออกกำลังกายในช่วงการแพร่ ระบาดของเชือ้ โควิด-19 (n = 110) ดา้ นการรับรู้โอกาสเส่ยี งของการไม่ออกกำลงั กาย จำนวน (คน) รอ้ ยละ (%) (n=110) มาก 48 43.6 ปานกลาง 58 52.8 นอ้ ย 4 3.6 X̄ = 30.35, S. D. = 6.61, Max = 40, Min = 9 จากตารางที่ 6 พบวา่ กลุม่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญม่ ีการรบั รโู้ อกาสเสยี่ งของการไม่ออกกำลังกายอยู่ในระดับ ปานกลาง (x̄ = 30.35, S.D. = 6.61) จำนวน 58 คน ร้อยละ 52.8 รองลงมาอยู่ในระดับมาก จำนวน 48 คน รอ้ ยละ 43.6 และระดบั นอ้ ย จำนวน 4 คน ร้อยละ 3.6 ตารางท่ี 7 แสดงคา่ เฉลี่ย และคา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของดา้ นการรับรโู้ อกาสเสยี่ งของการไม่ออก กำลงั กายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ช้ันปีท่ี 3 มหาวิทยาลัย นเรศวรเปน็ รายขอ้ (n=110) ระดับความคดิ เห็น คา่ เฉลย่ี ส่วน แปลผล เบีย่ งเบน ขอ้ ความ เหน็ ดว้ ย เห็น เห็นดว้ ย ไม่เห็น ไม่เห็น ���̄��� มาตรฐาน อยา่ งยิ่ง ดว้ ย ปาน ด้วย ด้วยอย่างยงิ่ 4 กลาง 2 ������. ������. 5 1 3 1. ท่านคิดว่าการไมอ่ อกกำลัง 43 36 19 9 3 3.97 1.07 มาก (8.2) (2.7) กายเส่ียงต่อการเกดิ โรค (39.1) (32.7) (17.3) 5 3 3.98 1.05 มาก 2. การไม่ออกกำลงั กายอยา่ ง 45 29 28 (4.5) (2.7) สมำ่ เสมอจะทำใหท้ ่านเสย่ี งตอ่ (40.9) (26.4) (25.5) การเกดิ โรคอ้วน

45 ระดบั ความคดิ เห็น ค่าเฉลย่ี ส่วน แปลผล เบยี่ งเบน ข้อความ เหน็ ด้วย เหน็ เห็นดว้ ย ไมเ่ ห็น ไมเ่ หน็ ���̄��� มาตรฐาน อย่างยิ่ง ดว้ ย ปาน ด้วย ดว้ ยอยา่ งยงิ่ 4 กลาง 2 ������. ������. 5 1 3 3. การไมอ่ อกกำลงั กายอยา่ ง 27 37 35 9 2 3.71 0.99 มาก สมำ่ เสมอจะทำให้ทา่ นเสย่ี งตอ่ (24.5) (33.6) (31.8) (8.2) (1.8) การเกิดโรคกระดกู พรุนไดง้ า่ ย 4. การไม่ออกกำลังกายอยา่ ง 30 31 43 2 4 3.74 1.00 มาก สม่ำเสมอจะทำให้ทา่ นเสยี่ งต่อ (27.3) (28.2) (39.1) (1.8) (3.6) การเกิดโรคหวั ใจไดง้ า่ ย 5. การไม่ออกกำลังกายอยา่ ง 31 39 30 7 3 3.80 1.01 มาก สม่ำเสมอจะทำให้ทา่ นเสยี่ งต่อ (28.2) (35.5) (27.3) (6.4) (2.7) การเกดิ โรคความดนั โลหติ สงู ได้ 6. การไม่ออกกำลงั กายอยา่ ง 33 34 32 7 4 3.77 1.06 มาก สมำ่ เสมอจะทำให้ท่านเสยี่ งตอ่ (30.0) (30.9) (29.1) (6.4) (3.6) การเกิดโรคเบาหวานได้ 7. การไม่ออกกำลังกายอยา่ ง 29 41 31 5 4 3.78 1.01 มาก สม่ำเสมอจะทำให้ท่านเสยี่ งตอ่ (26.4) (37.3) (28.2) (4.5) (3.6) การเกิดโรคหลอดเลอื ดสมอง ตีบ และไขมนั ในเลอื ดสูงได้ 8. การไมอ่ อกกำลังกายอยา่ ง 23 36 35 15 1 3.59 1.00 มาก สมำ่ เสมอจะทำใหท้ ่านเสย่ี งต่อ (20.9) (32.7) (31.8) (13.6) (0.9) การเกดิ ความเครยี ดไดง้ ่าย จากตารางท่ี 7 พบว่า กลุ่มตวั อย่างสว่ นใหญเ่ หน็ ดว้ ยมากกับการไม่ออกกำลังกายอยา่ งสม่ำเสมอจะทำ ให้ท่านเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน (X̄ = 3.98, S.D. = 1.05) รองลงมา ท่านคิดว่าการไม่ออกกำลังกายเสี่ยงต่อ การเกิดโรค (X̄ = 3.97, S.D. = 1.07 ) และการไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ท่านเสี่ยงต่อการเกิด โรคความดันโลหิตสูงได้ (X̄ = 3.80, S.D. = 1.01) ตามลำดับ สำหรับข้อคำถามทีเ่ ห็นด้วยน้อยทีส่ ดุ คือ การไม่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ท่านเสี่ยงต่อการเกิดความเครียดได้ง่าย (X̄ = 3.59, S.D. = 1.00) รองลงมา คือ การไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ท่านเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ง่าย (X̄ = 3.71, S.D. = 0.99) และ การไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ท่านเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ ง่าย (X̄ = 3.74, S.D. = 1.00) ตามลำดับ

46 ตารางที่ 8 จำนวนรอ้ ยละและระดับดา้ นการรับรู้ความรุนแรงของการไม่ออกกำลงั กายในช่วงการแพร่ ระบาดของเชอื้ โควดิ -19 (n = 110) ดา้ นการรับร้คู วามรนุ แรงของการไม่ออกกำลังกาย จำนวน (คน) รอ้ ยละ (%) (n=110) มาก 12 10.91 ปานกลาง 96 87.27 นอ้ ย 2 1.82 X̄ = 45.24, S. D. = 8.35, Max = 65, Min = 24 จากตารางท่ี 8 พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญม่ ีการรับรดู้ า้ นการรับรูค้ วามรุนแรงของการไม่ออกกำลัง กายอย่ใู นระดับปานกลาง (X̄ = 45, S.D. = 8.34) จำนวน 96 คน รอ้ ยละ 87.27 รองลงมาอยใู่ นระดบั มาก จำนวน 12 คน รอ้ ยละ 10.91 และระดบั น้อย จำนวน 2 คน ร้อยละ 1.82 ตารางท่ี 9 แสดงคา่ เฉลี่ย และคา่ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ของด้านการรับรู้ความรนุ แรงของการไม่ออก กำลงั กายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชื้อโควดิ -19ของนิสติ คณะพยาบาลศาสตรช์ ั้นปีท่ี 3 มหาวิทยาลัย นเรศวรเป็นรายข้อ (n=110) ระดับความคิดเห็น ค่าเฉล่ยี ส่วน แปลผล เบีย่ งเบน ข้อความ เห็น เห็น เหน็ ดว้ ย ไมเ่ หน็ ไมเ่ หน็ ���̄��� มาตรฐาน ด้วย ด้วย ดว้ ย ปาน ดว้ ย อย่างยง่ิ ������. ������. 1 อยา่ ง 4 กลาง 2 ยิ่ง 3 5 1. หากไมอ่ อกกำลังกายจะทำให้เปน็ 19 31 37 14 9 3.34 1.15 ปาน (8.2) กลาง โรคหัวใจขาดเลอื ดและเสยี ชวี ิตได้ (17.3) (28.2) (33.6) (12.7) 3 3.45 1.00 มาก (2.7) 2. ในผู้ป่วยโรคเบาหวานหากไมอ่ อก 17 37 38 15 กำลังกายจะทำใหร้ ะดับนำ้ ตาลในเลือด (15.5) (33.6) (34.5) (13.6) สงู อาจสง่ ผลให้เกิดความพิการถงึ ขน้ั ตา บอดได้ 3. การไมอ่ อกกำลงั กายอาจทำให้ 29 45 26 7 3 3.82 0.99 มาก (2.7) กล้ามเน้อื ไมแ่ ข็งแรง เช่น แขน ขา (26.4) (40.9) (23.6) (6.4) 0 3.59 0.90 มาก (0.0) 4. ในผู้ป่วยโรคความดนั โลหติ สูงหากไม่ 20 36 43 11 ออกกำลังกายสม่ำเสมอมีโอกาสเสีย่ งตอ่ (18.2) (32.7) (39.1) (10.0) เสน้ เลือดในสมองแตกได้

47 ระดับความคดิ เหน็ ค่าเฉล่ยี ส่วน แปลผล ขอ้ ความ เหน็ เห็น เห็นด้วย ไม่เหน็ ไม่เห็น ���̄��� เบยี่ งเบน ดว้ ย ดว้ ย ปาน ดว้ ย ดว้ ย มาตรฐาน ������. ������. อย่าง 4 กลาง 2 อย่างยงิ่ ยง่ิ 3 1 5 5. ผูท้ ี่ปว่ ยเป็นโรคหัวใจถ้าไมไ่ ด้ออก 11 36 42 17 4 3.30 0.97 ปาน กำลังกายจะทำใหอ้ าการของโรคทรดุ ลง (10.0) (32.7) (38.2) (15.5) (3.6) กลาง 6. การไมอ่ อกกำลังกายทำใหร้ ะบบ 36 44 25 5 0 4.01 0.86 มาก ขบั ถา่ ยทำงานไมม่ ีประสิทธภิ าพ (32.7) (40.0) (22.7) (4.5) (0.0) 7. การไมอ่ อกกำลังกายเปน็ ประจำถ้า 45 35 26 3 1 4.09 0.91 มาก ทำงานออกแรงจะรสู้ ึกเหนือ่ ยงา่ ย (40.9) (31.8) (23.6) (2.7) (0.9) 8. การไมอ่ อกกำลงั กายทำใหเ้ จ็บป่วยได้ 33 47 20 7 3 3.91 0.99 มาก งา่ ย (30.0) (42.7) (18.2) (6.4) (2.7) 9. การไมอ่ อกกำลงั กายทำใหร้ ่างกาย 14 17 11 26 42 2.41 1.45 ปาน แข็งแรง (12.7) (15.5) (10.0) (23.6) (38.2) กลาง 10. การไม่ออกกำลงั กายอาจทำใหเ้ กิด 41 41 22 2 4 4.03 0.99 มาก โรคแทรกซ้อนได้ เชน่ อว้ น เบาหวาน (37.3) (37.3) (20.0) (1.8) (3.6) ไขมนั ในเลอื ดสงู 11. การไม่ออกกำลังกายอย่างสมำ่ เสมอ 26 46 33 5 0 3.85 0.84 มาก อาจทำให้ป่วยเปน็ ไข้หวดั ไดง้ ่าย (23.6) (41.8) (30.0) (4.5) (0.0) 12. การไม่ออกกำลังกายอาจทำให้ 7 18 22 32 31 2.44 1.24 ปาน ประสิทธภิ าพในการเรียนลดลง (6.4) (16.4) (20.0) (29.1) (28.2) กลาง 13. การไม่ออกกำลังกายอยา่ งสมำ่ เสมอ 11 29 33 24 13 3.01 1.17 ปาน อาจทำใหเ้ กดิ ปัญหาสขุ ภาพจติ เชน่ (10.0) (26.4) (30.0) (21.8) (11.8) กลาง เครยี ด ซมึ เศรา้ จากตารางที่ 9 พบวา่ ด้านการรับรูค้ วามรนุ แรงของการไม่ออกกำลังกายในชว่ งการแพรร่ ะบาดของเชื้อ โควิด-19 กลุ่มตัวอย่างที่เห็นด้วยมากที่สุด คือ การไม่ออกกำลังกายเป็นประจำถ้าทำงานออกแรงจะรู้สึก เหนื่อยง่าย (X̄ = 4.09, S.D. = 0.91) รองลงมา คือ การไม่ออกกำลังกายอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น อ้วน เบาหวาน ไขมนั ในเลอื ดสงู (X̄ = 4.03 , S.D. = 0.99) และการไม่ออกกำลังกายทำใหร้ ะบบขบั ถา่ ยทำงาน ไม่มีประสิทธิภาพ (X̄ = 4.01, S.D. = 0.86) ตามลำดับ สำหรับข้อคำถามที่เห็นด้วยน้อยที่สุด คือ การไม่ออก กำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรง (X̄ = 2.41, S.D. = 1.45) รองลงมา คือ การไม่ออกกำลังกายอาจทำให้ ประสิทธิภาพในการเรียนลดลง (X̄ = 2.44, S.D. = 1.24) และการไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออาจทำให้ เ ก ิ ด ป ั ญ ห า ส ุ ข ภ า พ จ ิ ต เ ช ่ น เ ค ร ี ย ด ซ ึ ม เ ศ ร ้ า ( X̄ = 3 . 0 1 , S. D. = 1 . 1 7 ) ต า ม ล ำ ดั บ

48 ตอนที่ 3 ผลการศึกษาพฤติกรรมการออกกำลังกายของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัย นเรศวร ในช่วงการแพร่ระบาดของเชอ้ื โควดิ -19 ตารางท่ี 10 จำนวนร้อยละ และระดับพฤติกรรมการออกกำลังกายในชว่ งการแพรร่ ะบาดของเชื้อโควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปที ี่ 3 มหาวทิ ยาลัยนเรศวร (n=110) ระดับพฤติกรรมการออกกำลังกาย จำนวน (คน) ร้อยละ (%) (n=110) มาก 4 3.63 ปานกลาง 76 69.1 นอ้ ย 30 27.27 X̄ = 29.62, S. D. = 5.13, Max = 41, Min = 16 จากตารางที่ 10 พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับปานกลาง (X̄ = 29.62, S.D.= 5.13) จำนวน 76 คน ร้อยละ 69.1 ตารางท่ี 11 แสดงคา่ เฉลยี่ และคา่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ของพฤติกรรมการออกกำลังกายในชว่ งการ แพร่ระบาดของเชือ้ โควดิ -19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชนั้ ปีท่ี 3 มหาวิทยาลยั นเรศวรเปน็ รายขอ้ (n=110) ขอ้ ความ การปฏบิ ตั ิ คา่ เฉลี่ย สว่ น แปลผล ประจำ บางครง้ั ไมป่ ฏิบตั ิ เบ่ยี งเบน ���̄��� มาตรฐาน 1. ทา่ นออกกาํ ลงั กายกีค่ รงั้ ต่อสปั ดาห์ ������. ������. 3 80 27 1.78 0.48 ปาน (2.7) (72.7) (24.5) กลาง 2. ท่านออกกาํ ลงั กายแต่ละครง้ั ใช้เวลาไมต่ ่ำกวา่ 30 15 71 24 1.92 0.59 ปาน นาที (13.6) (64.5) (21.8) กลาง 3. ท่านอบอุ่นรา่ งกายก่อนออกกำลังกายทกุ ครั้ง 16 62 32 1.86 0.65 ปาน (13.6) (56.4) (29.1) กลาง 4. ท่านผอ่ นคลายหลังการออกกําลงั กาย หรือเลน่ กฬี า 20 68 22 1.98 0.62 ปาน ทกุ ครั้ง (18.2) (61.8) (20.0) กลาง 5. ท่านออกกาํ ลงั กายแบบแอโรบกิ เช่น การวงิ่ เหยาะ ๆ 14 73 23 1.92 0.58 ปาน ว่ายนำ้ แบดมนิ ตนั ฟตุ บอล เต้นแอโรบกิ เปน็ ต้น (12.7) (66.4) (20.9) กลาง 6. ท่านเลือกกจิ กรรมทง่ี ่าย ถนดั ชอบเพอื่ สร้างแรงจูงใจ 45 76 8 2.34 0.61 ปาน ในการออกกำลังกายใหต้ นเอง (40.9) (69.1) (8.2) กลาง 7. ท่านออกกำลังกายจนรสู้ กึ วา่ เหน่ือยและมเี หงอ่ื ออก 25 76 9 2.15 0.54 ปาน (8.2) กลาง (22.7) (69.2)

49 8. ท่านหยดุ ออกกำลังกายทันทเี มอ่ื รสู้ กึ เกิดความ 52 46 12 2.36 0.67 ปาน ผิดปกติของรา่ งกาย (47.3) (41.8) (10.9) คา่ เฉลย่ี กลาง การปฏิบัติ ขอ้ ความ ประจำ ���̄��� สว่ น แปลผล บางคร้ัง ไมป่ ฏบิ ตั ิ เบยี่ งเบน 9. ทา่ นออกกำลังกายท่ีบ้านโดยเลอื กกิจกรรมท่ี 40 2.21 มาตรฐาน เหมาะสมตอ่ อุปกรณแ์ ละสถานทใี่ นช่วงการแพร่ระบาด (36.4) 53 17 ของเช้ือโควิด-19 เชน่ การเดินรอบ ๆ บา้ น กระโดด (48.2) (15.5) 2.18 ������. ������. เชือก โยคะ เป็นต้น 39 10. ท่านนำวธิ ีการออกกำลงั กายจากทางโทรทัศน์ ส่ือ (35.5) 43 19 1.96 0.69 ปาน วิดีโอ หรอื อนิ เทอร์เนต็ ไปออกกำลงั กาย เช่น โยคะ (47.3) (17.3) 1.45 กลาง 11. วิธกี ารออกกำลงั กายของท่านในชว่ งการแพร่ 26 1.43 ระบาดของเช้ือโควิด-19 (เลือกไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ ) (23.6) 54 30 1.26 0.70 ปาน 11.1 การเดนิ รอบ ๆ บา้ น 11 (49.1) (27.3) กลาง (10.0) 65.5 72 11.2 กระโดดเชือก (24.5) (65.5) 0.72 ปาน 9 29 72 กลาง 11.3 เต้นแอโรบิก (8.2) (26.4) (65.5) 3 23 84 0.67 นอ้ ย 11.4 โยคะ (2.7) (20.9) (76.4) 0.64 นอ้ ย 0.50 นอ้ ย 11.5 การยกนำ้ หนกั 4 18 88 1.24 0.51 นอ้ ย 11.6 วิ่งเหยาะๆ (3.6) (16.4) (80.0) 1.59 0.67 นอ้ ย 11 43 56 (10.0) (39.1) (50.9) จากตารางที่ 11 พบว่าระดบั พฤติกรรมการออกกำลงั กายในช่วงการแพร่ระบาดของเช้ือโควิด-19 ของ นิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีท่ี 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยรวมมีพฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับ ปานกลาง (X̄ = 29.62, S.D.= 5.13) จำนวน 76 คน ร้อยละ 69.1 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่านิสิตมี พฤติกรรมการออกกำลังกาย เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ท่านหยุดออกกำลังกายทันทีเมื่อรู้สึกเกิด ความผิดปกติของร่างกาย (X̄ = 2.36, S.D. = 0.67) รองลงมาคือท่านเลือกกิจกรรมทีง่ ่าย ถนัด ชอบเพื่อสร้าง แรงจูงใจในการออกกำลังกายให้ตนเอง (X̄ = 2.34, S.D. = 0.61) และท่านออกกำลังกายที่บ้านโดยเลือก กิจกรรมที่เหมาะสมต่ออุปกรณ์และสถานที่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่น การเดินรอบ ๆ บ้าน กระโดดเชือก โยคะ เป็นต้น (X̄ = 2.21, S.D. = 0.69) สำหรับข้อคำถามที่ตอบว่าปฏิบัติด้วยน้อยที่สุด คือ

50 ท่านออกกําลังกายแต่ละครั้งใชเ้ วลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที (X̄ = 1.92, S.D. =0.59) รองลงมาท่านอบอุ่นร่างกาย ก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง (X̄ =1.86, S.D. = 0.65) และท่านออกกําลังกายกี่ครั้งต่อสัปดาห์ (X̄ = 1.78, S.D.= 0.48) และพบวา่ นิสติ มวี ิธีการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เรียงลำดับจากมาก ไปหานอ้ ย ได้แก่ การเดนิ รอบ ๆบ้าน (X̄ = 1.96, S.D. =0.72) รองลงมา วิ่งเหยาะ ๆ (X̄ = 1.59, S.D. = 0.67) และ กระโดดเชอื ก (X̄ = 1.45, S.D. = 0.67) ตารางท่ี 12 สรปุ คา่ เฉลีย่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน คะแนนสงู สุด และคะแนนต่ำสุดของปจั จัยที่มี ความสมั พนั ธข์ องพฤตกิ รรมการออกกำลังกาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของนสิ ิตคณะ พยาบาลศาสตร์ชัน้ ปที ่ี 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร (n=110) ตัวแปร คา่ เฉลี่ย ส่วนเบย่ี งเบน คะแนน คะแนน คะแนน ระดบั ดชั นีมวลกาย มาตรฐาน เต็ม สูงสุด ต่ำสุด 21.36 3.58 - 36.14 15.24 ปกติ ด้านการรบั รูป้ ระโยชน์ของการออกกำลงั กาย 45.32 4.42 50 50 34 มาก ด้านการรบั รูอ้ ุปสรรคของการออกกำลังกาย 23.57 5.42 40 37 11 ปานกลาง ด้านการรบั ร้โู อกาสเสย่ี งของการไม่ออกกำลงั กาย 30.35 6.61 40 40 9 ปานกลาง ดา้ นการรบั รูค้ วามรุนแรงของการไม่ออกกำลงั กาย 45 8.34 65 65 24 ปานกลาง ด้านพฤตกิ รรมการออกกำลังกาย 29.8 5.18 48 41 16 ปานกลาง การทดสอบการแจกแจงปกตขิ องข้อมูล (normal distribution) เพ่ือนำไปใชท้ ดสอบหาความสัมพันธ์ โดยใช้สถติ หิ าค่าสมั ประสิทธ์ิสหสมั พนั ธข์ องเพียรส์ ัน ตารางท่ี 13 การทดสอบการแจกแจงปกติของข้อมูล (normal distribution) พบว่าค่าดชั นีมวลกาย จากการทดสอบ Kolmogorov-Smirnov test แปลผลว่าขอ้ มูลไมม่ กี ารแจกแจงปกติอยา่ งมีนยั สำคญั ที่ α เท่ากับ 0.05 (sig > .05) แต่จากการทดสอบ Histogram พบวา่ การกระจายของข้อมลู เปน็ โค้งปกติ (normal distribution) One-Sample Kolmogorov-Smirnov Normal Test Summary Total N Absolute 110 Most Extreme Differences Positive .122 .122

51 Negative -.079 .122 Test Statistic .000 Asymptotic Sig.(2-sided test)a a. Lilliefors Corrected ตารางที่ 14 การทดสอบการแจกแจงปกติของข้อมูล (normal distribution) พบว่าพฤติกรรมการออก กำลังกาย จากการทดสอบ Kolmogorov-Smirnov test แปลผลวา่ ข้อมลู มีการแจกแจงปกติอยา่ งมี นยั สำคัญที่ α เทา่ กับ 0.05 (sig > .05) และจากการทดสอบ Histogram พบวา่ การกระจายของข้อมูล เป็นโคง้ ปกติ (normal distribution) One-Sample Kolmogorov-Smirnov Normal Test Summary Total N 110 Most Extreme Differences Absolute .081 .062 Positive -.081 Negative .081 Test Statistic .073 Asymptotic Sig.(2-sided test)a a. Lilliefors Corrected

52 ตารางที่ 15 การทดสอบการแจกแจงปกติของข้อมูล (normal distribution) พบวา่ ดา้ นการรับรู้ ประโยชนข์ องการออกกำลังกาย จากการทดสอบ Kolmogorov-Smirnov test แปลผลว่าข้อมูลไมม่ ีการ แจกแจงปกตอิ ยา่ งมีนัยสำคัญท่ี α เท่ากับ 0.05 (sig > .05) และจากการทดสอบ Histogram พบวา่ การ กระจายของข้อมูลเป็นโคง้ เบ้ซ้าย (Skewness to the left) One-Sample Kolmogorov-Smirnov Normal Test Summary Total N 110 Most Extreme Differences Absolute .166 .145 Positive -.166 Negative .166 Test Statistic .000 Asymptotic Sig.(2-sided test)a a. Lilliefors Corrected

53 ตารางท่ี 16 การทดสอบการแจกแจงปกติของข้อมูล (normal distribution)พบว่าด้านการรับรูอ้ ุปสรรค ของการออกกำลังกาย จากการทดสอบ Kolmogorov-Smirnov test แปลผลวา่ ข้อมลู ไม่มีการแจกแจง ปกตอิ ย่างมีนยั สำคัญที่ α เท่ากับ 0.05 (sig > .05) และจากการทดสอบ Histogram พบว่าการกระจาย ของขอ้ มูลเป็นโคง้ ปกติ (normal distribution) One-Sample Kolmogorov-Smirnov Normal Test Summary Total N 110 Most Extreme Differences Absolute .100 .063 Positive -.100 Negative .100 Test Statistic .009 Asymptotic Sig.(2-sided test)a a. Lilliefors Corrected

54 ตารางท่ี 17 การทดสอบการแจกแจงปกตขิ องข้อมลู (normal distribution) พบว่าด้านการรับรโู้ อกาส เส่ียงของการไม่ออกกำลังกาย จากการทดสอบ Kolmogorov-Smirnov test แปลผลว่าขอ้ มูลไม่มีการ แจกแจงปกติอย่างมีนยั สำคญั ท่ี α เทา่ กับ 0.05 (sig > .05) และจากการทดสอบ Histogram พบว่าการ กระจายของข้อมูลเป็นโคง้ ปกติ (normal distribution) One-Sample Kolmogorov-Smirnov Normal Test Summary Total N 110 Most Extreme Differences Absolute .095 .072 Positive -.095 Negative .095 Test Statistic .017 Asymptotic Sig.(2-sided test)a a. Lilliefors Corrected

55 ตารางที่ 18 การทดสอบการแจกแจงปกติของข้อมลู (normal distribution) พบว่าด้านการรับรคู้ วาม รุนแรงของการไม่ออกกำลังกาย จากการทดสอบ Kolmogorov-Smirnov test แปลผลว่าข้อมลู มีการ แจกแจงปกตอิ ย่างมนี ยั สำคญั ที่ α เท่ากับ 0.05 (sig > .05) และจากการทดสอบ Histogram พบว่าการ กระจายของข้อมูลเป็นโค้งปกติ (normal distribution) One-Sample Kolmogorov-Smirnov Normal Test Summary Total N 110 Most Extreme Differences Absolute .071 .071 Positive -.052 Negative .071 Test Statistic .200b Asymptotic Sig.(2-sided test)a a. Lilliefors Corrected b. This is a lower bound of the true significance.

56 ตารางท่ี 19 ความสัมพันธ์ระหว่างรายไดก้ ับพฤตกิ รรมการออกกำลังกายของนสิ ิตคณะพยาบาลศาสตร์ ชน้ั ปที ี่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (n=110) variable r1 2 1. พฤตกิ รรมการออกกำลงั กาย 0.184 - 0.027* 2. รายได้ 1.000 0.027* - * p < 0.05 จากตารางที่ 19 พบวา่ รายได้มีความสมั พนั ธต์ อ่ พฤติกรรมการออกกำลังกายในชว่ งการแพร่ระบาด ของเชื้อโควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตรช์ ้ันปีท่ี 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร อยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถิติท่ี ระดบั 0.05 (r = 0.184, p = 0.027) ตารางท่ี 20 แสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ ดัชนีมวลกาย และการรบั ร้เู กย่ี วกบั การ ออกกำลังกาย ได้แก่ การรบั รู้ประโยชนข์ องการออกกำลังกาย การรบั รู้อุปสรรคของการออกกำลังกาย การ รบั รู้ความเสย่ี งของการไม่ออกกำลงั กาย และการรับร้คู วามรนุ แรงของการไม่ออกกำลังกาย กับพฤติกรรม การออกกำลังกาย ตัวแปร x̄ S.D. 1 2 3 4 5 6 - 1. ดัชนีมวลกาย 21.36 3.58 - 2. พฤตกิ รรมการออกกำลงั กาย 29.62 5.13 .211* - 3. การรบั ร้ปู ระโยชน์ของการออกกำลังกาย 45.32 4.42 .110 .220* - 4. การรบั รู้อุปสรรคของการออกกำลังกาย 23.57 5.42 .167 -.228* -.161 - 5. การรบั รู้โอกาสเสยี่ งของการไม่ออกกำลงั กาย 30.35 6.61 .112 .076 .326** .058 - 6. การรับรู้ความรุนแรงของการไมอ่ อกกำลัง 45.24 8.35 .007 .088 .351** .042 .753** กาย * p < 0.05 ** p < 0.01 จากตารางที่ 20 พบว่าดัชนีมวลกาย มีความสัมพนั ธ์เชงิ บวกในระดับตำ่ กบั พฤติกรรมการออกกำลัง กายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชอื้ โควดิ -19 ของนิสติ คณะพยาบาลศาสตรช์ ัน้ ปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร

57 อย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ทิ ่ีระดบั 0.05 (r = 0.211, p = 0.013) และการรับรู้ประโยชน์ของการออกกำลงั กาย มคี วามสมั พันธต์ อ่ พฤติกรรมการออกกำลงั กายในชว่ งการแพร่ระบาดของเช้ือโควดิ -19 ของนิสติ คณะพยาบาล ศาสตร์ช้นั ปีท่ี 3 มหาวทิ ยาลยั นเรศวร อย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั 0.05 ในทศิ ทางบวก (r = 0.220, p = 0.011), การรับรู้อปุ สรรคของการออกกำลังกาย มีความสัมพันธ์ต่อพฤตกิ รรมการออกกำลังกายในชว่ ง การแพร่ระบาดของเช้อื โควดิ -19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชัน้ ปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร อย่างมี นัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ 0.05 ในทิศทางลบ (r = -0.228, p = 0.008) และการรบั รู้โอกาสเส่ียงของการไม่ ออกกำลังกาย การรับรู้ความรุนแรงของการไม่ออกกำลังกาย ไม่มีความสัมพนั ธต์ ่อพฤติกรรมการออกกำลังกาย ในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชื้อโควดิ -19 ของนสิ ติ คณะพยาบาลศาสตรช์ ้ันปีที่ 3 มหาวิทยาลยั นเรศวร อยา่ งมี นยั สำคัญทางสถิติที่ 0.05 (r = 0.088, p = 0.181)

58 บทท่ี 5 สรปุ ผลการวิจัยและอภิปรายผล งานวิจัยครั้งนีเ้ ป็นการวิจัยเชงิ ปริมาณ (Quantitative Research) แบบพรรณนา ณ ช่วงเวลาใดเวลา หนึ่ง (Cross-Sectional Descriptive Study) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรม การออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลยั นเรศวร กลุ่มตวั อย่างท่ีศึกษาเปน็ นิสติ พยาบาลศาสตร์ ชั้นปที ี่ 3 หลักสตู รพยาบาลศาสตร์บัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 110 คน โดยผู้วิจัยได้จำนวนกลุ่มตัวอย่างจากสูตรของ ยามาเน่ (Yamane) ใชเ้ ทคนิคการสมุ่ กลมุ่ ตวั อย่างแบบอยา่ งงา่ ย (Simple Random Sampling) โดยใช้วธิ กี าร จับสลากโดยการสุ่มเลือกแบบไม่มีการใส่คืน (Sampling without replacement) เครื่องมือที่ใช้ในการ รวบรวมข้อมูลครั้งนี้เป็นแบบสอบถามประกอบด้วย แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐาน แบบสอบถาม เกี่ยวกับการรับรู้ด้านสุขภาพ และแบบสอบถามพฤติกรรมการออกกำลังกาย ซ่ึงการตรวจสอบความตรงของ เนื้อหา (Content Validity) ผู้วิจัยนำแบบสอบถามปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของข้อ คำถาม ความครอบคลุมของเนื้อหา การใช้ภาษา พร้อมท้ังปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษา และตรวจสอบความตรงของแบบสอบถามปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการ แพรร่ ะบาดของเช้อื โควิด-19 โดยผู้ทรงคณุ วฒุ จิ ำนวน 3 ท่าน พจิ ารณา ประเมนิ ตรวจสอบ ตามมาตรประเมิน ความสอดคล้อง ได้ค่า CVI ของเนื้อหาในแต่ละด้าน ดังนี้ แบบสอบถามด้านการรับรู้ประโยชน์ในช่วงการแพร่ ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ 1.0 ด้านการรับรู้อุปสรรคของการออกกำลังกายในชว่ งการแพร่ระบาดของเช้ือโค วิด-19 ได้ .88 แบบสอบถามดา้ นการรบั รู้โอกาสเสีย่ งของการไม่ออกกำลงั กายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโค วิด-19 ได้ .89 แบบสอบถามด้านการรับรู้ความรุนแรงของการไม่ออกกำลงั กายในช่วงการแพร่ระบาดของเช้อื โควิด-19 ได้ .85 และแบบสอบถามด้านพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของ เชอ้ื โควิด-19 ได้ .81 ซ่งึ เปน็ คา่ ดัชนคี วามตรงของเน้ือหาทย่ี อมรับไดท้ ้ังหมด การตรวจสอบความเขื่อมั่นของเครื่องมือ (Reliability) ผู้วิจัยนำแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบ จากผู้ทรงคุณวุฒิมาปรับปรุงและนำไปใช้ทดสอบความเชื่อมั่นโดยนำไปใช้ทดสอบความเชื่อมั่นโดยนำไป ทดลองใชก้ ับนิสติ คณะพยาบาลศาสตรช์ น้ั ปีท่ี 2 และช้นั ปีที่ 4 จำนวน 30 คน แล้วนำผลท่ไี ด้จากแบบสอบถาม มาวเิ คราะหห์ าคา่ ความเทยี่ ง (Reliability) ของแบบสอบถามโดยใชส้ ูตรแบบสัมประสิทธ์แิ อลฟาของครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) โดยรวมเทา่ กับ 0.901 ซึง่ ไดค้ ่าความเชอ่ื ม่ันของแบบสอบถามในแต่ละด้าน ดงั นี้ แบบสอบถามด้านการรับร้ปู ระโยชน์ในช่วงการแพร่ระบาดของเชือ้ โควดิ -19 ได้ 0.900 แบบสอบถามด้าน การรับรู้อุปสรรคของการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ 0.800 แบบสอบถามด้าน การรับรู้โอกาสเส่ียงของการไม่ออกกำลงั กายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ 0.883 แบบสอบถาม ด้านการรับรู้ความรุนแรงของการไม่ออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ 0.881 และ แบบสอบถามด้านพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ 0.828 ซึ่งถือได้ว่า แบบประเมนิ น้มี ีความนา่ เช่อื ถือ และมีคณุ ภาพสามารถนำมาใชไ้ ดก้ ับกลมุ่ ตวั อยา่ ง

59 สรุปผลการวจิ ัย ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของ นสิ ิตคณะพยาบาลศาสตรช์ ั้นปีท่ี 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร ดงั นี้ 1. ปัจจัยสว่ นบุคคลของกลมุ่ ตวั อย่าง พบวา่ กลมุ่ ตัวอยา่ งจำนวน 110 คน มีดัชนีมวลกายส่วนใหญ่อยู่ ในระดับปกติ จำนวน 64 คน (ร้อยละ 58.18) รายได้ต่อเดือนสว่ นใหญ่ที่ 6,000 บาท/เดือนขึ้นไป จำนวน 52 คน (ร้อยละ 47.30) โรคประจำตัวของกลุ่มตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจำตัว จำนวน 105 คน (ร้อยละ 95.5) และกลุ่มตัวอยา่ งส่วนใหญ่มีครอบครัวที่มโี รคทส่ี ามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม จำนวน 63 คน (รอ้ ยละ 57.3) 2. ปัจจัยการรบั รู้ด้านสุขภาพ พบว่า กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่มีการรับรู้ประโยชน์ของการออกกำลังกาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมี X̄ = 45.32, S.D.= 4.42 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก ร้อยละ 94.55 รองลงมา คือ ด้านการรับรู้อุปสรรคของการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (X̄ = 23.57, S.D. = 5.42) ซึ่งส่วนใหญอ่ ยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 71.43 ซึ่งปัจจัยดงั กล่าว มีความสัมพันธ์ ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชือ้ โควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีท่ี 3 มหาวทิ ยาลยั นเรศวร อย่างมีนยั สำคญั ทางสถติ ิที่ 0.05 ในทิศทางบวกและลบ ตามลำดบั ยกเว้นดา้ นการรับรู้ ความรุนแรงของการไม่ออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (X̄ = 45.24, S.D. = 8.35) ซึ่ง สว่ นใหญอ่ ยูใ่ นระดบั ปานกลาง รอ้ ยละ 87.27 และดา้ นการรับรู้โอกาสเสย่ี งของการไม่ออกกำลงั กายในช่วงการ แพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 (X̄ = 30.35, S.D.= 6.61) ซ่ึงสว่ นใหญ่อยใู่ นระดับปานกลาง ร้อยละ 51.65 ซ่ึงไม่ มีความสมั พันธก์ ับพฤติกรรมการออกกำลังกายในชว่ งการแพร่ระบาดของเช้ือโควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาล ศาสตรช์ น้ั ปีท่ี 3 มหาวิทยาลยั นเรศวร 3. พฤตกิ รรมการออกกำลังกายในชว่ งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของนิสติ คณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร พบว่า โดยรวมมีพฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับปานกลาง (X̄ = 29.62, S.D.= 5.13) จำนวน 76 คน ร้อยละ 69.1 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่านิสิตมีพฤติกรรมการ ออกกำลังกาย เรียงลำดบั จากมากไปหาน้อย ไดแ้ ก่ ทา่ นหยดุ ออกกำลงั กายทันทเี มื่อรู้สึกเกดิ ความผิดปกติของ ร่างกาย (X̄ = 2.36, S.D. = 0.67) รองลงมาคือท่านเลือกกิจกรรมที่ง่าย ถนัด ชอบเพื่อสร้างแรงจูงใจในการ ออกกำลังกายให้ตนเอง (X̄ = 2.34, S.D. = 0.61) และท่านออกกำลังกายที่บ้านโดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม ต่ออุปกรณ์และสถานที่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่น การเดินรอบ ๆ บ้าน กระโดดเชือก โยคะ เปน็ ตน้ (X̄ = 2.21, S.D. = 0.69) สำหรับข้อคำถามทีต่ อบว่าปฏบิ ตั ดิ ว้ ยนอ้ ยทสี่ ุด คอื ทา่ นออกกาํ ลงั กายแต่ละ ครั้งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที (X̄ = 1.92, S.D. =0.59) รองลงมาคือท่านอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายทุก ครั้ง (X̄ =1.86, S.D. = 0.65) และท่านออกกําลังกายกี่ครั้งต่อสัปดาห์ (X̄ = 1.78, S.D.= 0.48) และพบว่า นิสิตมีวิธีการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ การ เดินรอบ ๆบา้ น (X̄ =1.96, S.D. =0.72) รองลงมาคือ ว่งิ เหยาะ ๆ (X̄ = 1.59, S.D. = 0.67) และ กระโดดเชือก (X̄ =1.45, S.D. = 0.67)

60 อภิปรายผลการวิจัย 1. การศึกษาหาความสมั พันธร์ ะหว่างปจั จยั สว่ นบุคคล ไดแ้ ก่ ดชั นมี วลกาย และรายได้ มีความสัมพันธ์ ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ ชนั้ ปีท่ี 3 มหาวทิ ยาลยั นเรศวร อภปิ รายได้ ดังน้ี 1.1 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างดชั นมี วลกายกับพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเช้ือ โควิด-19 จากการทำวิจัยในครั้งนี้ พบว่า ดัชนีมวลกายมีความสัมพันธ์ในทิศทางบวกกับพฤติกรรมการออก กำลังกายของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีท่ี 3 อยู่ในระดับต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ .05 (r = 0.211 , p < 0.05) นั้นหมายถึงถ้านิสิตมีพฤติกรรมการออกกำลังกายมากก็จะทำให้ค่าดัชนีมวลกายลดลง เนื่องจาก นสิ ติ พยาบาลสว่ นใหญม่ ีดัชนมี วลกาย คือ ปกติ รองลงมา คือ ผอม และโรคอ้วนระดับ 2 สนบั สนุนโดยแนวคดิ ของวุฒิพงษ์ ปรมัตถากร (2537) กล่าวว่าการออกกำลังกายที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายมีการใช้ พลังงานที่ได้รับจากสารอาหารต่าง ๆ โดยไม่มีการสะสมไว้เกินความจำเป็นแต่ถ้าขาดการออกกำลังกายจะทำ ให้สารอาหารที่มีอยู่ในร่างกายถูกสะสมจะเปลี่ยนเป็นไขมันแทรกซึมอยู่ตามเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย ซึ่งสอดคล้อง กับงานวิจัยของ เยาวภา ติอัชสุวรรณ (2563) ที่ศึกษาพฤติกรรมการออกกำลังกายของนิสิตมหาวิทยาลัยราช พฤกษ์และปัจจัยท่ีสมั พันธ์กนั ซ่งึ กล่าวไวว้ า่ ปจั จยั ขนาดรา่ งกาย (ดัชนีมวลกาย) มคี วามสัมพันธ์กับจำนวนครั้ง ของการออกกำลงั กายแบบหนักของนิสติ เพศหญงิ อย่างมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ี่ .05 (r = 0.166, 0.019) 1.2 ความสัมพันธร์ ะหว่างรายได้กับพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชือ้ โควดิ - 19 จากการทำวิจัยในครั้งนี้ พบว่า รายได้มีความสัมพันธ์ในทิศทางบวกกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของ นสิ ิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีท่ี 3 อยใู่ นระดับต่ำ อยา่ งมนี ยั สำคัญทางสถิติที่ .05 (r = 0.184, p < 0.05) นั้น หมายถงึ ถา้ นิสิตพยาบาลมรี ายได้มากกจ็ ะทำให้มีพฤติกรรมการออกกำลังกายที่มากตามไปด้วย เนื่องจากนิสิต ส่วนใหญม่ ีรายได้ 6,000 บาท/เดือนขน้ึ ไป รองลงมา 5,000-6,000 บาท/เดือน และ 3,000-4,000 บาท/เดือน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ ปวริศา ยอดมาลัย (2555) พบว่า รายได้เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เป็น ตัวกำหนดพฤติกรรมพื้นฐานในการประกอบกิจกรรมของบุคคล บุคคลที่มีรายได้ต่อเดือนสูงย่อมไม่ค่อยเป็น ห่วงหรือวิตกกังวลกับการใช้จ่าย ส่วนผู้มีรายได้ต่อเดือนน้อยย่อมต้องดิ้นรนหาโอกาสประกอบกิจกรรมที่เป็น การหารายได้เสริมเพื่อความมั่นคงของตนเองและครอบครัวส่งผลทำให้บุคคลขาดการออกกำลังกาย และ สอดคล้องกับงานวิจัยของ พงษ์เอก สุขใส (2556) ที่ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการออกกำลังกาย ของนิสติ มหาวิทยาลยั นเรศวร พบวา่ รายได้เฉลี่ยต่อเดือนมีความสัมพันธ์กับระดบั พฤติกรรมการออกกำลังกาย ของนสิ ิตมหาวิทยาลยั นเรศวรอยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.05 2. การศึกษาหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปจั จัยการรับรู้ดา้ นสขุ ภาพ ไดแ้ ก่ การรบั รูป้ ระโยชนข์ องการออก กำลังกาย การรับรู้อุปสรรคของการออกกำลังกาย การรับรู้โอกาสเสีย่ งของการไม่ออกกำลังกาย และการรับรู้ ความรุนแรงของการไม่ออกกำลงกาย มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาด ของเชอ้ื โควิด-19 ของนสิ ิตคณะพยาบาลศาสตร์ ชนั้ ปที ่ี 3 มหาวิทยาลยั นเรศวร อภปิ รายได้ ดังนี้ 2.1 ความสัมพันธ์ระหว่างด้านการรับรู้ประโยชน์ของการออกกำลังกายกับพฤติกรรมการออกกำลัง กายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จากการทำวิจัยในครั้งนี้ พบว่า การรับรู้ประโยชน์ของการออก

61 กำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีความสัมพันธ์ในทิศทางบวกกับพฤติกรรมการออกกำลัง กายของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 อยู่ในระดับต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 (r=0.220, p<0.05) นั้นหมายถึงถ้านิสิตมีการรับรู้ประโยชน์ในการออกกำลังกายที่สูงก็จะส่งผลให้มีพฤติกรรมการออก กำลังกายที่สูงมากตามไปด้วยเนื่องจากเนื่องจากนิสิตพยาบาลเห็นด้วยมากกับว่าการออกกำลังกายช่วยให้ ร่างกายแขง็ แรง ( X̄ = 4.85, S.D. = 0.36) รองลงมาคือ การออกกำลังกายช่วยใหม้ ภี ูมติ ้านทานโรคดีขึ้น (X̄ = 4.75, S.D. = 0.46) และการออกกำลังกายช่วยป้องกันการเกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น (X̄ = 4.75, S.D. = 0.50) จึงทำให้นิสิตมีพฤติกรรมการออกกำลังกายที่มากขึ้น สอดคล้องกับทฤษฎีของ Becker (1974) อธิบายไว้ว่า การตัดสินใจที่จะปฏิบัติพฤติกรรมใด ๆ ขึ้นอยู่กับการ เปรียบเทียบถึงข้อดีและข้อเสียของพฤติกรรมนั้นโดยเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ก่อให้เกิดผลดี นั่นคือการรับรู้ถึง ประโยชน์ของการออกกำลังกายนั่นเอง ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ พงษ์เอก สุขใส (2557) ได้ทำการศึกษา ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของนิสิต พบว่า การรับรู้ประโยชน์ของการออกกำลัง กายมคี วามสัมพนั ธ์กับพฤติกรรมการออกกำลงั กายของนักศึกษาระดบั มหาวิทยาลยั 2.2 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งด้านการรบั รู้อุปสรรคของการออกกำลงั กายกบั พฤติกรรมการออกกำลังกาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชือ้ โควิด-19 จากการทำวจิ ัยในครั้งนี้ พบวา่ การรับร้อู ุปสรรคของการออกกำลังกาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของนิสติ คณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีท่ี 3 อยู่ในระดับต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 (r = -0.228 p < 0.05) น้ัน หมายถึง ถ้านิสิตมีการรับรู้อุปสรรคของการออกกำลังกายที่ต่ำ จะส่งผลให้มีพฤติกรรมการออกกำลังกายท่ี สูงขึ้น เนื่องจากนิสิตพยาบาลเห็นด้วยมากกับรู้สึกเหนื่อยจากการเรียนทำให้ไม่อยากออกกำลังกาย ไม่ออก กำลงั กายเนอื่ งจากความเกยี จคร้าน และนสิ ิตพยาบาลไม่มแี รงจงู ใจในการออกกำลังกายในชว่ งการแพร่ระบาด ของเชื้อโควิด-19 สนับสนุนโดยทฤษฎีของ Becker (1974) อธิบายไว้ว่า การรับรู้ต่ออุปสรรคของการปฏิบัติ หมายถึง การคาดการณ์ล่วงหน้าของบุคคลต่อการปฏิบัติพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยของบุคคล ในทางลบซึ่งอาจ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายหรือผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติกิจกรรมบางอย่าง ดังนั้น การรับรู้อุปสรรค เป็นปัจจัยสำคัญต่อพฤติกรรมการป้องกันโรค ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของวนิดา เสนะสุทธิพันธ์ และอาภา วรรณ หนูคง (2558) ที่ศึกษาปัจจัยทำนายพฤติกรรมการออกกำลังกาย และการทำกิจกรรมของวัยรุ่น ซ่ึง กล่าวไว้ว่า การรับรู้อุปสรรคมีความสัมพันธ์ทางลบกับพฤติกรรมออกกำลังกายและการทำกิจกรรมอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ (r = - 0.37, p < .01) นักเรียนที่รับรู้ว่ามีอุปสรรคน้อยในการออกกำลังกาย และการทำ กิจกรรม กจ็ ะมีพฤตกิ รรมการออกกำลังกายและการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ทเ่ี หมาะสมมาก 2.3 ความสัมพันธ์ระหว่างด้านการรับรู้โอกาสเสี่ยงของการไม่ออกกำลังกายกับพฤติกรรมการออก กำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควดิ -19 จากการทำวิจัยในครั้งน้ี พบว่า การรับรู้โอกาสเสี่ยงของการ ไม่ออกกำลงั กายในชว่ งการแพร่ระบาดของเชือ้ โควดิ -19 ไม่มคี วามสมั พันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของ นิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = 0.076, p > 0.05) นั้นหมายถึง ถ้านิสิต มีการรับรู้โอกาสเสี่ยงของการไม่ออกกำลังกายปานกลาง ไม่ส่งผลต่อพฤติกรรมการออกกำลังกาย เนื่องจาก นิสิตพยาบาลเห็นด้วยมากกับการไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน คิดว่าการ

62 ไม่ออกกำลังกายเสี่ยงต่อการเกิดโรค และการไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรค ความดันโลหติ สูงได้ แตก่ ไ็ ม่ส่งผลต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของนิสิตพยาบาล ซง่ึ แตกต่างจากทฤษฎีของ Becker (1974) อธิบายไว้ว่า การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรค หมายถึง ความเชื่อของบุคคลที่มีผลโดยตรง ต่อการปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำด้านสุขภาพ ทงั้ ในภาวะปกติ และภาวะเจบ็ ป่วยแตล่ ะบคุ คลจะมีความเชอื่ ในระดับ ท่ีไม่เท่ากัน ดงั นน้ั บุคคลเหล่านีจ้ ึงหลกี เล่ียงต่อการเปน็ โรคดว้ ยการปฏิบัติตามเพ่ือป้องกัน และรักษาสุขภาพท่ี แตกต่างกัน จึงเปน็ ความเชือ่ ของบคุ คลต่อความถูกตอ้ งของการเกิดโรค การคาดคะเนถงึ โอกาสของการเกิดโรค ซ้ำหรือจะทำให้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย และความเชื่อต่อโอกาสเสี่ยงของการเป็นโรคว่ามีความสัมพันธ์ใน ทางบวกกับพฤตกิ รรมการปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำของเจ้าหนา้ ท่ี เช่น เม่ือบุคคลป่วยเปน็ โรคใดโรคหน่ึง ความรูส้ กึ ของบุคคลที่ว่าตนเองจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนั้น ๆ อีกจะมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการปฏิบัติพฤติกรรมเพื่อ ป้องกันโรคไม่ให้เกิดกับตนเองอีก ทั้งนี้อาจเพราะนิสติ พยาบาลรับรู้โอกาสเสี่ยงของการไม่ออกกำลังกายทำให้ เกิดโรค แต่ไม่ส่งผลต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของนิสิตพยาบาล เนื่องจากนิสิตพยาบาลเรยี นภาคปฏิบัติ และเรยี นทฤษฎีแบบออนไลน์ ร่วมกบั อย่ใู นช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 ทำใหก้ ารรับรู้โอกาสเส่ียงของ การไม่ออกกำลังกายไม่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกาย อยู่ในระดับต่ำ และแตกต่างจาก งานวจิ ัยของมยุรี ยีปาโละ๊ (2556) ท่ศี กึ ษาความสมั พนั ธ์ระหว่างความเช่ือกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของ วัยรนุ่ หญงิ มสุ ลิมในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในภาคใต้ ซ่ึงกลา่ วไว้ว่า การรับรโู้ อกาสเส่ยี งของการเกิดโรคจาก การไม่ออกกำลังกาย มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r= 0.39, p < 0.05) ทั้งนี้เนื่องจากวัยรุ่นหญิงมุสลิมในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนามีการรับรู้โอกาสเสี่ยงของ การเกิดโรคจากการไม่ออกกำลังกายอยู่ในระดับสูง และมีพฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับปานกลาง สง่ ผลใหค้ วามสมั พนั ธด์ ้านการรับรโู้ อกาสเสย่ี งของการเกิดโรคจากการไม่ออกกำลังกายมีความสัมพันธ์ทางบวก อยรู่ ะดบั ปานกลางกบั พฤติกรรมการออกกำลังกาย 2.4 ความสัมพันธ์ระหว่างด้านการรับรู้ความรุนแรงของการไม่ออกกำลังกายกับพฤติกรรมการออก กำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จากการทำวจิ ยั ในคร้ังน้ี พบว่า การรับรคู้ วามรุนแรงของการ ไมอ่ อกกำลังกายในชว่ งการแพร่ระบาดของเชอื้ โควิด-19 ไม่มคี วามสัมพนั ธก์ ับพฤติกรรมการออกกำลังกายของ นิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = 0.088, p > 0.05) นั่นหมายถึงถ้านิสิต พยาบาลมกี ารรับร้คู วามรนุ แรงของการออกกำลงั กายทีต่ ่ำ ก็ไม่ส่งผลตอ่ พฤตกิ รรมการออกกำลังกาย เน่ืองจาก นิสิตพยาบาลเห็นด้วยมากกับการไม่ออกกำลังกายเป็นประจำถ้าทำงานออกแรงจะรู้สึกเหนื่อยง่าย รองลงมา คือ การไม่ออกกำลังกายอาจทำให้เกิดโรคแทรกซอ้ นได้ เช่น อ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสงู และการไม่ออก กำลังกายทำให้ระบบขับถ่ายทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้อาจเกิดจากนิสิตพยาบาลส่วนใหญ่จะต้องเรียนทง้ั ภาคทฤษฎีและภาคปฏบิ ัติทำใหร้ ้สู กึ ออ่ นล้า และเม่ือมเี วลาวา่ งมักจะใช้เวลาสว่ นใหญใ่ นการพูดคูยกนั หรอื เล่น อินเตอร์เน็ต หรือทำกิจกรรมอื่น จึงทำให้มีพฤติกรรมการออกกําลังกายอยู่ในระดับปานกลางไม่มีเวลาในการ ออกกำลังกาย ร่วมกับอยู่ในช่วงสถานการณ์โควดิ ทำให้มีการปรับการเรียนการสอนให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์ และมกี ารจำกัดสถานทีใ่ นการออกกำลงั กาย จงึ ทำใหน้ สิ ิตพยาบาลมีการรบั รคู้ วามรนุ แรงของการไม่ออกกำลัง กายอยใู่ นระดบั ปานกลาง ซึง่ แตกตา่ งจากทฤษฎีของ Becker (1974) ท่อี ธิบายไว้ว่า การรับรู้ความรุนแรงของ

63 โรค (Perceived Severity) เป็นการประเมินการรับรู้ความรุนแรงของโรคปัญหาสุขภาพหรือผลกระทบจาก การเกิดโรคซ่ึงก่อให้เกดิ ความพกิ ารหรือเสียชวี ติ การประเมินความรุนแรงนน้ั อาศัยระดบั ตา่ ง ๆ ของการกระตุ้น เร้าของบุคคลเก่ียวกับการเจ็บปว่ ยน้ันซ่ึงอาจจะมองความรุนแรงของการเจ็บป่วยน้ันทำให้เกิดความพิการหรือ ตายได้หรือไม่ หรืออาจมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานเมื่อบุคคลเกิดการรับรู้ความรุนแรงของโรคหรือการ เจ็บป่วยแล้วจะมีผลทำให้บุคคลปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อการป้องกันโรค และแตกต่างจากงานวิจัยของมยุรี ยีปาโละ๊ (2556) ไดท้ ำการศกึ ษาความสัมพนั ธ์ระหว่างความเช่ือกบั พฤติกรรมการออกกำลังกายของวัยรุ่นหญิง มุสลิมในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในภาคใต้ ซึ่งกล่าวไว้ว่า การรับรู้ความรุนแรงของโรคจากการไม่ ออกกำลังกาย มีความสัมพันธ์ทางบวกระดับต่ำกับพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = 0.29, P <.05) ทั้งนี้เนื่องจากวัยรุ่นหญิงมุสลิมในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนามีการรับรู้ความรุนแรงของ โรคจากการไมอ่ อกกำลงั กายอยู่ในระดับสงู และมีพฤตกิ รรมการออกกำลงั กายอยใู่ นระดับปานกลาง จึงสง่ ผลให้ ความสัมพันธท์ างบวกอย่รู ะดับต่ำ 3. การศึกษาพฤติกรรมการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของนิสิตคณะ พยาบาลศาสตร์ ชนั้ ปีท่ี 3 มหาวิทยาลยั นเรศวร อยูใ่ นระดับปานกลาง พฤตกิ รรมการออกกำลังกายในช่วงการ แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร อยู่ในระดับปาน กลาง สามารถอธิบายได้วา่ กลมุ่ ตัวอย่างสว่ นใหญ่อย่ใู นระดบั ปรญิ ญาตรี ซึง่ ต้องคร่ำเครง่ กบั การศึกษาเล่าเรียน ซึ่งจะต้องมีการใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา ประกอบกับอุปสรรคที่มากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่นการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีคำสั่งห้ามเข้าสถานที่ออกกำลัง กาย และการห้ามทำกจิ กรรมหรืออยูร่ วมกันเป็นกลุ่ม จึงมีพฤติกรรมการออกกำลงั กายลดลง ซึ่งสอดคล้องกับ การศึกษาของภิษณี วิจันทึก (2560) พบว่า ความรู้และพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาภาคปกติ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสมี า สว่ นใหญม่ พี ฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับ ปานกลาง โดยนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ปีที่ 3 ส่วนใหญ่เลือกประเภทของการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับ ภาวะสขุ ภาพและวัยการเลือกกิจกรรมออกกำลังกายทง่ี ่าย ถนดั และชอบ เพอ่ื สร้างเสริมสุขภาพ การเร่ิมออก กำลังกายโดยเริ่มต้นที่เบาแล้วค่อยเพิ่มความหนักของการออกกำลังกาย และออกกำลังกายที่บ้านโดย ปรับเปลี่ยนประเภทของการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสถานที่และเวลาวา่ งในช่วงการแพร่ระบาดของเช้ือ โควิด-19 เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องตามแนวคิดของวารี สายันหะ (2546) อธิบาย ไว้ว่าในการออกกำลังกายแต่ละ ครั้งถ้าต้องการให้ได้ประโยชน์สูงสุด ผู้ออกกำลังกายควรมีหลักปฏิบัติเพื่อความพอเหมาะพอดี คือ (1) ผู้ออก กำลังกายมีความจำเป็นต้องทราบว่าควรออกกำลงั กายเท่าใด จึงจะไมเ่ ป็นอันตรายต่อรา่ งกายและได้ผลดีที่สุด โดยปกติเราใช้อตั ราการเตน้ ของหัวใจเปน็ ตัววดั ความหนักของงาน ถ้าเป็นการออกกำลงั กายเพ่ือสุขภาพ อัตรา การเต้นของหัวใจของผู้ออกกำลังกายควรอยู่ในอัตราร้อยละ 70 - 80 ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (2) ความนานของการออกกำลังกาย ในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแต่ละครั้ง โดยทั่วไปควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 -30 นาที โดยให้อัตราการเต้นของหัวใจคงที่ (ตามการคำนวณได้ในข้อ 1) ไปตลอดเวลานั้น และควรออก กำลังกายเป็นเวลาเดียวกันทุกครั้ง และ (3) ความบ่อยของการออกกำลังกายความเหมาะสมในการออกกำลัง กายแบบแอโรบิกในหนึ่งสัปดาห์นั้น ควรออกกำลังกายไม่น้อยกว่า 3 วัน และไม่เกิน 6 วัน และควรมีวัน

64 พกั ผอ่ นสปั ดาหล์ ะไม่น้อยกวา่ 1 วัน ปญั หาอุปสรรค เน่อื งจากผลงานการวจิ ยั เก่ียวกับการออกกำลังกายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควดิ -19 มจี ำนวนนอ้ ย และ เปน็ การศึกษาเรื่องท่ีใหม่ จึงเปน็ อปุ สรรคในการทบทวนวรรณกรรม ข้อจำกัดของการทำวจิ ยั กลุ่มตวั อยา่ งจำนวนน้อยและไมม่ คี วามหลากหลาย ขอ้ เสนอแนะ 1. การนำไปปฏบิ ตั ิใชท้ างการพยาบาล สง่ เสรมิ ให้นิสติ มแี รงจงู ใจในการออกกำลงั กาย เชน่ จัดทำโปรแกรมสำหรบั การรับรเู้ กยี่ วกบั การออกกำลังกาย ไดแ้ ก่ โปรแกรมเพ่ิมการรับรูป้ ระโยชนข์ องการออกกำลงั กาย โปรแกรมลดการรับรู้อปุ สรรค ของการออกกำลังกายกับพฤติกรรมการออกกำลงั กายในชว่ งการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 จัดกิจกรรมสง่ เสรมิ ความรเู้ ก่ยี วกบั พฤติกรรมการออกกำลังกายในชว่ งการแพรร่ ะบาดของ เช้ือโควดิ -19 นำผลการวจิ ัยท่ไี ด้ในด้านการรับรเู้ กี่ยวกับการออกกำลังกายต่อพฤตกิ รรมการออกกำลงั กาย ในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชื้อโควิด-19 ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการออกนโยบายหรือมาตราการส่งเสริมการออกกำลัง กาย 2. การนำไปปฏบิ ัตใิ ชท้ างการวิจยั ควรเพ่มิ จำนวนกลุ่มตวั อยา่ งและความหลากหลายของกลุ่มตวั อย่าง เชน่ เพม่ิ ระดับชน้ั ปขี อง กลุม่ ตัวอยา่ ง หรือเพ่ิมกลุ่มตัวอย่างที่หลากหลายคณะนอกจากคณะพยาบาลศาสตร์ ควรเพิ่มการศึกษาในเร่ืองปัจจัยอ่นื ท่เี กี่ยวกบั พฤตกิ รรมการออกกำลงั กายในช่วงการแพร่ ระบาดของเช้อื โควิด-19 นอกจากปัจจยั ส่วนบุคคล ไดแ้ ก่ ดัชนมี วลกาย รายได้ และปัจจัยการรบั รู้เกย่ี วกับการ ออกกำลังกาย ได้แก่ การรับรู้ประโยชนข์ องการออกกำลงั กาย และการรบั รู้อปุ สรรคของการออกกำลังกาย การรบั ร้โู อกาสเสี่ยงของการไม่ออกกำลงั กาย การรับรู้ความรุนแรงของการไม่ออกกำลงั กาย

65 บรรณานุกรม กรมควบคุมโรค. (2563). กรมควบคมุ โรค แนะประชาชนเพิม่ ระยะหา่ งทางสังคม “Social Distancing” กบั 8 วิธี ปอ้ งกันโรคโควิด-19. สืบค้นเมอ่ื 13 พฤษภาคม 2563, จาก https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=12278&deptcode=brc กรมควบคุมโรค. (2563). กรมควบคุมโรค ย้ำ “การกักตัวเอง” เป็นแนวทางสำคัญท่ีชว่ ยควบคุมสถานการณ์ การแพร่กระจายของโรคโควดิ -19. สืบคน้ เมอื่ 13 พฤษภาคม 2563, จาก https://ddc.moph. go.th/brc/news.php?news=12276&deptcode=brc กรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ . (2550). คู่มือการสง่ เสรมิ การออกกำลงั กายเพื่อสุขภาพ. กรุงเทพฯ: ภาควชิ าสขุ ศึกษา คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . กรมอนามัย. (2563). กรมอนามยั แนะอยูบ่ า้ นเลือกออกกำลังกายแบบไม่เสี่ยงโควดิ -19. สืบค้นเมอ่ื 15 พฤษภาคม 2563, จาก https://multimedia.anamai.moph.go.th/news/020463-01/ กรรณิกา เจิมเทียนชยั . (2558). ปจั จัยทมี่ ผี ลตอ่ สุขภาพและวิถีชวี ติ เพอื่ สขุ ภาพ. เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า NUR224 การประเมินภาวะสุขภาพและสรา้ งเสรมิ สุขภาพ, กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั ราชภัฏ สวนสุนันทา. กระทรวงสาธารณสุข. (2563). สายสุขภาพชอบออกกำลงั กายควรรู้ โควดิ -19 แพรเ่ ชอ้ื ในขณะออกกำลงั กาย 20 เมตร. สืบคน้ เม่ือ 10 พฤษภาคม 2563, จาก https://www.thaigov.go.th/ infographic /contents/details/3031 กองกิจกรรมทางกาย เพื่อสุขภาพ. (2561). กิจกรรมทางกาย. สืบค้นเมอื่ 17 พฤษภาคม 2563, จาก http://dental2.anamai.moph.go.th กรุงเทพสิริโรจน.์ (2563). ความดนั โลหิตสงู (Hypertension). สบื คน้ เม่อื 23 มิถนุ ายน 2563, จาก https://www.phuketinternationalhospital.com/hypertension/ กญั ญาณัฏฐ์ สาธกธรณธ์ นั ย์. (2563). เคร่ืองมือวจิ ัย. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา 501378 วจิ ยั เบ้ืองตน้ ทางการพยาบาล, พษิ ณโุ ลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร. ขอ้ กำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบรหิ ารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบบั ท่ี 5). (1 พฤษภาคม 2563). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ 137 คณะกรรมการพัฒนารา่ งแผนยทุ ธศาสตร์การส่งเสริมกจิ กรรมทางกายแหง่ ชาติ. 2560. แผนยุทธศาสตรก์ าร ส่งเสรมิ กจิ กรรมทางกายแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 1. กรุงเทพฯ: กองกิจกรรมทางกายเพ่ือสขุ ภาพ. คมปทติ สกลุ หวง. (2561). อนามัยโลกเตอื น ประชากรโลกออกกำลังกายน้อยไป เสย่ี งเกิดปญั หาสุขภาพ.

66 สืบค้นเม่อื 15 พฤษภาคม 2563, จาก https://thestandard.co/who-warning-over-global - lack-of-exercise/ งานทะเบยี นนสิ ิตและประมวลผล กองบริการการศึกษา. (2555). รายงานสถิตจิ ำนวนนิสิตมหาวิทยาลัย นเรศวร ประจำปีการศกึ ษา 2555. จิตติมา เจรญิ ลิม้ ประเสรฐิ . (2555). คมู่ ือการออกกำลังกาย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เจรญิ ทัศน์ จินตนเสรี. (2553). “สรรี วทิ ยาการออกกำลงั กาย”. คูม่ อื ส่งเสรมิ การออกกำลังกายเพื่อ สขุ ภาพ. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผา่ นศึก, ม.ป.ป. โรงพยาบาลเพชรเวช. (2563). โรคอว้ นกับพุงท่ีไม่ไดร้ บั เชิญ. สืบคน้ เมื่อ 23 มิถุนายน 2563, จาก https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/Obesity ชลลดา บตุ รวชิ า. (2561). ปัจจัยทมี่ คี วามสัมพันธ์กบั พฤติกรรมการออกกำลงั กายของผู้สงู อายุในชมรม เสรมิ สร้างสขุ ภาพและสงิ่ แวดลอ้ มเขตสายไหม กรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสขุ ศาสตร์มหาบัณฑิต คณะศิลปศาสตร์). กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั เกริก. ฐิตกิ ร โตโพธไ์ิ ทย, ชมพูนทุ โตโพธ์ิไทย, สุพล ลิมวัฒนานนท์, กัญจนา ติษยาธิคม, วิโรจน์ ตัง้ เจริญเสถยี รและ คณะ. (2560). คนไทยใช้พลังงานในกิจกรรมทางกายและพฤติกรรมเนือยนง่ิ เทา่ ไร. วารสารวิจัยระบบ สาธารณสุข, 11, 15-16. บญั ชา มณีคำ. (2538). ความเช่ือดา้ นสขุ ภาพและพฤติกรรมการขับขร่ี ถจกั รยานยนต์ในจงั หวัดเชยี งใหม่ (วิทยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑิต สาขาการสง่ เสริมสขุ ภาพ คณะศกึ ษาศาสตร์). เชยี งใหม:่ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ บญุ ใจ ศรสี ถิตยน์ รากูร. (2553). ระเบียบวธิ กี ารวจิ ัยทางพยาบาลศาสตร์. กรุงเทพฯ: ยู แอนด์ไออนิ เตอร์มีเดีย จำกดั . บุศรินทร์ ชลานุภาพ. (2552). การศึกษาความสัมพันธร์ ะหวา่ งทศั นคติในการดูแลสขุ ภาพกบั พฤติกรรมการ ออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงานในเขตกรงุ เทพมหานคร. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพ. ปวริศา ยอดมาลยั . (2555). ปัจจยั สว่ นบคุ คลกับแรงจูงใจในการออกกำลังกายและพฤติกรรมการออกกำลงั กายของประชาชนในเขตอำเภอเมอื ง จงั หวัดชลบรุ ี. ชลบุรี. มหาวิทยาลัยบรู พา. พงษส์ ันต์ ล้สี มั พนั ธ์. (2563). โรคเบาหวาน. สบื ค้นเมอื่ 27 มถิ นุ ายน 2563, จาก https://vibhavadi.com/health236 ธัญญาลักษณ์ ไชยรินทร์. (2544). ความเช่ือด้านสุขภาพ และพฤตกิ รรมความเจบ็ ป่วยขอผู้ป่วยโรคปอดอุดกนั้

67 เรอ้ื รังในโรงพยาบาลสารภี จงั หวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธม์ หาบัณฑิตคณะพยาบาลศาสตร์ บณั ฑิต วทิ ยาลัย. เชยี งใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม.่ นราภรณ์ ขันธบตุ รผศ. (2561). การออกกำลังกายเพ่อื สุขภาพ. เชยี งใหม:่ สำนักพิมพม์ หาวิทยาลยั แมโ่ จ.้ พระถวารนาวริ ิยาคุณ. (2554). สุขภาพท่ดี ีคุณทำไดง้ า่ ย ๆ สบาย ๆ. ปทมุ ธาน:ี ศิลปก์ ารพิมพ์ (1977). ภาณุพงศ์ คาวชริ พิทกั ษ.์ (2557). หยุด!ความชราท่ีไลล่ า่ คุณ. พมิ พ์คร้งั ที่ 2 กรงุ เทพฯ: สำนกั พมิ พ์ Feel good. มยรุ ี ยปี าโละ๊ . (2556). ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความเชอ่ื กบั พฤติกรรมการออกกำลงั กายของวัยรนุ่ หญงิ มุสลิม ในโรงเรยี นเอกชนสอนศาสนาในภาคใต้ (วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขา วชิ าพยาบาลศาสตร์). สงขลา: มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์. เยาวภา ติอชั สุวรรณ. (2563). พฤติกรรมการออกกำลงั กายของนสิ ิตมหาวทิ ยาลยั ราชพฤกษแ์ ละปจั จยั ท่ี สมั พันธ์กัน. วารสารปลอดภยั และสุขภาพ, 13(2), 205-222. วนิดา เสนะสุทธพิ นั ธุ์, และอาภาวรรณ หนูคง. (2558). ปัจจยั ทำนายพฤติกรรมการออกกำลงั กายและการทำ กิจกรรมของวยั ร่นุ . วารสารสภาการพยาบาล, 30(2), 46-59. วารี สายันหะ. (2546). พฤติกรรมการสร้างเสรมิ สุขภาพด้านการออกกำลังกายของประชากรวยั ผู้ใหญ่ ตอนกลาง ก่ิงอำเภอบ้านคา จงั หวัดราชบุรี (วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต). กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัยศิลปากร. วฒุ ิพงษ์ ปรมัตถากร. (2537). ประโยชน์ของการออกกำลังกาย. กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร์. ศูนย์บริหารสถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย. (2563). สรุปสถานการณ์ COVID- 19 วนั ที่ 15 พฤษภาคม 2563. สบื คน้ เม่ือ 15 พฤษภาคม 2563, จาก http://www.moicovid.com/ สนธยา สลี ะมาด. (2557). กิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาวะ. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.ด สมนกึ แกว้ วิไล. (2552). ปัจจัยท่มี ผี ลตอ่ พฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาระดบั ปริญญาตรี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระ นคร. สายสมร พลดงนอก, สรวิเชษฐ์ รตั นชัยวงศ์, จนั จริ าภรณ์ วชิ ัย และธัญญลักษณ์ ทอนราช. (2558). โรคอว้ นลงพงุ . ขอนแก่น: โรงพมิ พ์คลังนานาวิทยา. สำนกั งานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ. (2555). สาเหตจุ ากโรคอ้วน. สบื ค้นเม่ือ 26 มถิ ุนายน 2563, จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/

68 อโนทยั ผลิตนนทเ์ กียรติ, ปิยวรรณ สบื วเิ ศษ, อรพรรณ กันนงั , กนกพรรณ ศรสี ร้อย, รอฮายา หมาดดา, วไิ ล พรรณ บุญรอด, และคณะ. (2561). ปัจจัยทม่ี คี วามสัมพนั ธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกาย ของนักศึกษากายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยหวั เฉียวเฉลมิ พระเกียรติ. วารสาร มฉก.วชิ าการ, 21, 61. อมร ลีลารัศม.ี (2563). เรอื่ งนา่ ร้เู ก่ยี วกับ COVID-19 จากโรคติดเชอ้ื ไวรัส SARS-CoV-2. สบื คน้ เมอ่ื 31 พฤษภาคม 2563 จาก https://tmc.or.th/pdf/Covid-19-MD-AmornUpdate.pdf. อรชร. (2553). โทษของการขาดการออกกำลังกาย. สบื คน้ เมอื่ 14 พฤษภาคม 2563, จาก https://palungjit.org/threads อรพนิ ท์ สขี าว, อภริ มยฤ์ ดี สมสวย, ศริ ิญญา ธนะขวา้ ง, ปรางคท์ อง คณุ เท่ียง, นนั ทชั พร ต๊อดแกว้ , ฐติ าภา บุญมปี ระเสริฐ, ... ณชิ าภัทร บรุ เี ลิศ. (2561). พฤตกิ รรมการสรา้ งเสริมสุขภาพของนักศึกษา, วารสารมหาวทิ ยาลยั หวั เฉียวเฉลมิ พระเกยี รติวิชาการ, 22(43-44), 3. อญั นกิ า งามเจริญ. (2548). ปัจจัยทม่ี ผี ลตอ่ พฤติกรรมการออกกำลงั กายของสมาชิกชมรมสร้างสุขภาพ จงั หวดั ราชบรุ ี (สารนพิ นธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาวทิ ยาการสังคมและการ จัดการระบบสุขภาพ). กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยศลิ ปากร. อสั มาอ์ วาลีวาโด. (2557). โทษของการไม่ออกกาลังกาย. สบื ค้นเมือ่ วันท่ี 3 ตลุ าคม 2560, จาก https://sites.google.com/site/asmatr5720114133/5-thos-khxng-kar- mi-xxk-kalang-kay ฤทธไิ กร ไชยงาม. (2562). มาตราวันเจตคติแบบลิเคริ ์ท (Likert rating scales). สบื ค้นเม่อื 27 มิถนุ ายน 2563, จาก https://www.gotoknow.org/posts/659229#0 Greedisgoods. (2561). Linkert scale คอื อะไร (มาตรวัดของลิเคิร์ท). สบื ค้นเม่ือ 23 มถิ นุ ายน2563, จาก https://greedisgoods.com/likert-scale-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad/ Hfocus เจาะลกึ ระบบสุขภาพ. (2020). เป็นไปได้ ‘โควิด-19’ แพร่กระจายในอากาศที่มีละอองน้ำ แตไ่ ม่ใชต่ ดิ ต่อทางอากาศโดยตรง. สืบค้นเมื่อ 17 พฤษภาคม 2563, จาก https://www.hfocus.org /content/2020/02/18545 Janz, N. K., & Becker, M. H. (1984). The health belief model: a decade later. Health Education Quarterly, 11(1), 1-47. National Institutes of Health. (2563). COVID- 19 is an emerging, rapidly evolving situation. สบื คน้ เมอ่ื 15 พฤษภาคม 2563, จาก https://www.nih.gov/health -information/coronavirus

69 Pender, N. J. (1996). Health promotion in nursing practice (3rd ed.). Stamford, Conn: Appleton and Lange. Polit, D.F., & Beck, C.T. (2004). Nursing research: Principles and methods. (7th ed.). Philadelphia: Lippincott, Williams & Wilkins. South China Morning Post. (2563). China accuses US of double standards over Hong Kong protests. สบื คน้ เมื่อ 16 พฤษภาคม 2563, จาก https://www.scmp.com/news/china /diplomacy/article/3087026/china-accuses-us-double-standards-over-hong-kong- protests World Health Organization. (2563). Coronavirus disease (COVID-19) questions and answers . สืบค้นเมอ่ื 13 พฤษภาคม 2563, จาก https://www.who.int/thailand/emergencies/ novel-coronavirus-2019/q-a-on-covid-19 Worldometer. (2563). COVID-19 CORONAVIRUS PANDEMIC. สืบคน้ เมื่อ 9 พฤษภาคม 2563, จาก https://www.worldometers.info/coronavirus/

70 ภาคผนวก

71 แบบสอบถามการวจิ ัย เรื่อง “ปจั จัยท่ีมีความสัมพนั ธ์ตอ่ พฤติกรรมการออกกำลังกายในชว่ งการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควิด-19 ของ นิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีท่ี 3 มหาวทิ ยาลยั นเรศวร” ตอนท่ี 1 แบบสอบถามข้อมูลพ้นื ฐานของผตู้ อบแบบสอบถาม คำชี้แจง แบบสอบถามนต้ี ้องการทราบข้อมลู พ้ืนฐานของท่าน โปรดทำเครื่องหมาย / ลงใน ( ) หน้าข้อความท่ีเป็นคำตอบหรอื เตมิ คำลงในช่องวา่ งใหส้ มบูรณต์ ามความเปน็ จริงในช่วงการแพรร่ ะบาด ของเชือ้ โควิด-19 ระหว่างเดือนมีนาคม - มถิ นุ ายน พ.ศ. 2563 1. ดชั นมี วลกาย นำ้ หนกั .............. กิโลกรมั สว่ นสูง................ เซนติเมตร ดชั นีมวลกาย = นำ้ หนัก / (สว่ นสูง / 100)2 = ………………. kg/m2 2. รายไดต้ อ่ เดือน ( ) นอ้ ยกว่า 3,000 บาท/เดือน ( ) 3,000 – 4,000 บาท/เดือน ( ) 5,000 – 6,000 บาท/เดือน ( ) 6,000 บาท/เดือน ขึน้ ไป ( ) อื่น ๆ (ระบุ)....................... 3. ท่านมโี รคประจำตัวหรอื ไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี (ระบโุ รค เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหติ , โรคอ้วน ฯลฯ )....................... 4. ครอบครัวของท่านมีประวัตเิ ป็นโรคทสี่ ามารถถา่ ยทอดทางพนั ธกุ รรมหรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี (ระบโุ รค เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหติ , โรคอว้ น ฯลฯ ).......................

72 ตอนท่ี 2 แบบสอบถามปัจจัยการรับร้ดู ้านสขุ ภาพของนิสติ คณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีท่ี 3 มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ในช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 คำชแี้ จง แบบสอบถามนตี้ ้องการทราบปัจจัยการรบั ร้ดู า้ นสุขภาพของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ แบง่ ออกเป็น 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ ด้านการรับรูป้ ระโยชนข์ องการออกกำลงั กายในชว่ งการแพร่ระบาดของเชอ้ื โควดิ - 19 ด้านการรับรอู้ ุปสรรคของการออกกำลังกายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้อื โควิด-19 ดา้ นการรบั รู้ โอกาสเส่ยี งของการไม่ออกกำลังกายในชว่ งการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 และด้านการรบั รูค้ วาม รนุ แรงของโรคจากการไมอ่ อกกำลงั กายในช่วงการแพร่ระบาดของเชอ้ื โควิด-19 ระหวา่ งเดอื นมีนาคม - มถิ ุนายน พ.ศ. 2563 โปรดทำเครื่องหมาย / ลงในช่องทเี่ ปน็ คำตอบในช่องว่างให้สมบูรณต์ ามความเปน็ จริง 5 คะแนน เห็นดว้ ยอย่างยิง่ หมายถงึ ข้อความนั้นตรงกบั ความรสู้ ึกหรอื ความคิดเหน็ ของท่านอย่างย่ิง 4 คะแนน เห็นด้วย หมายถงึ ข้อความนนั้ ตรงกับความร้สู ึกหรือความคดิ เห็นของทา่ น 3 คะแนน เห็นดว้ ยปานกลาง หมายถึง ข้อความน้ันตรงกับความรสู้ ึกหรอื ความคดิ เห็นของท่านปานกลาง 2 คะแนน ไมเ่ หน็ ดว้ ย หมายถึง ข้อความนน้ั ไมต่ รงกับความรูส้ กึ หรอื ความคดิ เห็นของท่านเป็น บางคร้ัง 1 คะแนน ไม่เหน็ ดว้ ยอย่างย่ิง หมายถึง ข้อความน้ันไม่ตรงกับความร้สู กึ หรือความคิดเห็นของท่านเลย ด้านการรบั รปู้ ระโยชนข์ องการออกกำลงั กายในช่วงการแพร่ระบาดของเชอื้ โควิด-19 เห็นด้วย เห็นดว้ ย เห็นด้วย ไมเ่ หน็ ไมเ่ ห็น ขอ้ ความ อยา่ งยิง่ ปานกลาง ดว้ ย ด้วยอยา่ ง ย่งิ 5 4 321 1. การออกกำลังกายช่วยป้องกนั การเกิดโรค อ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหวั ใจ เปน็ ตน้ 2. การออกกำลงั กายช่วยใหร้ ่างกายแขง็ แรง 3. การออกกำลังกายชว่ ยใหม้ ีภูมิตา้ นทาน โรคดีขน้ึ 4. การออกกำลงั กายช่วยให้รู้สกึ สดชืน่ แจ่มใส 5. การออกกำลังกายชว่ ยให้ผอ่ นคลาย ความเครียดในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชื้อ โควดิ -19

73 6. การออกกำลังกายช่วยใหน้ อนหลบั ได้ดี ในชว่ งการแพร่ระบาดของเช้ือโควิด-19 7. การออกกำลังกายชว่ ยใหส้ มองปลอด โปรง่ จดจำสิง่ ต่าง ๆ ได้ดี เหน็ ด้วย เห็นดว้ ย เห็นดว้ ย ไมเ่ ห็น ไมเ่ ห็น ขอ้ ความ อยา่ งย่ิง ปานกลาง ด้วย ดว้ ยอยา่ ง 8. การออกกำลงั กายทำให้เลือดในรา่ งกาย ย่ิง ไหลเวียนไดด้ ี 9. การออกกำลังกายช่วยให้กระดกู และ 5 4 321 กลา้ มเน้ือแขง็ แรง 10. การออกกำลงั กายชว่ ยให้มอี ายุยนื

74 ดา้ นการรับร้อู ปุ สรรคของการออกกำลังกายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชื้อโควดิ -19 ขอ้ ความ เหน็ ด้วย เห็นด้วย เหน็ ด้วย ไมเ่ ห็น ไม่เหน็ อยา่ งย่ิง ปานกลาง ด้วย ดว้ ยอยา่ งย่งิ 1. ท่านไม่มีแรงจงู ใจในการออกกำลงั กาย ในช่วงการแพรร่ ะบาดของเชื้อโควิด-19 5 432 1 2. ท่านร้สู กึ เหน่ือยจากการเรียนทำให้ไม่ อยากออกกำลงั กาย 3. การออกกำลังกายทำใหเ้ สียเวลาใน การอา่ นหนงั สือ 4. สขุ ภาพของท่านไมแ่ ข็งแรงพอทีจ่ ะ ออกกำลังกายได้ 5. ท่านไม่ออกกำลังกาย เพราะไม่ทราบ วิธีการออกกำลังกายที่ถกู ต้อง 6. ท่านไม่ออกกำลังกายเนื่องจากความ เกียจคร้าน 7. การออกกำลังกายทำให้ทา่ นสิ้นเปลือง ค่าใช้จ่าย 8. สถานทีอ่ อกกำลงั กายอยหู่ ่างไกล สำหรบั ทา่ นในช่วงการแพร่ระบาดของ เช้อื โควิด-19

75 ดา้ นการรับร้โู อกาสเสย่ี งของการไม่ออกกำลังกายในช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 ข้อความ เหน็ ดว้ ย เหน็ ดว้ ย เหน็ ดว้ ย ไมเ่ ห็น ไม่เหน็ อยา่ งยิ่ง ปานกลาง ดว้ ย ดว้ ยอย่างย่งิ 1. ทา่ นคิดวา่ การไม่ออกกำลังกาย เส่ยี งตอ่ การเกิดโรค 5 43 21 2. การไม่ออกกำลงั กายอยา่ ง สม่ำเสมอจะทำให้ทา่ นเสี่ยงต่อการ เกดิ โรคอ้วน 3. การไม่ออกกำลงั กายอย่าง สม่ำเสมอจะทำให้ทา่ นเสีย่ งต่อการ เกิดโรคกระดูกพรนุ ได้ง่าย 4. การไม่ออกกำลงั กายอย่าง สมำ่ เสมอจะทำให้ท่านเสีย่ งต่อการ เกดิ โรคหวั ใจไดง้ ่าย 5. การไม่ออกกำลังกายอยา่ ง สม่ำเสมอจะทำให้ท่านเสี่ยงต่อการ เกดิ โรคความดันโลหิตสงู ได้ 6. การไม่ออกกำลังกายอยา่ ง สมำ่ เสมอจะทำให้ท่านเสย่ี งต่อการ เกิดโรคเบาหวานได้ 7. การไม่ออกกำลังกายอย่าง สมำ่ เสมอจะทำให้ท่านเสี่ยงต่อการ เกดิ โรคหลอดเลือดสมองตีบ และ ไขมันในเลอื ดสูงได้ 8. การไม่ออกกำลงั กายอย่าง สม่ำเสมอจะทำให้ท่านเส่ยี งต่อการ เกิดความเครยี ดได้ง่าย

76 ด้านการรับร้คู วามรุนแรงของการไมอ่ อกกำลงั กายในชว่ งการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควิด-19 เห็นดว้ ย เห็นดว้ ย เห็นดว้ ย ไมเ่ หน็ ไมเ่ ห็น ข้อความ อยา่ งย่ิง ปานกลาง ด้วย ดว้ ย อยา่ งยง่ิ 5 4 321 1. หากไม่ออกกำลังกายจะทำใหเ้ ป็นโรคหวั ใจ ขาดเลือดและเสียชีวติ ได้ 2. ในผปู้ ่วยโรคเบาหวานหากไมอ่ อกกำลงั กายจะ ทำให้ระดบั น้ำตาลในเลือดสงู อาจสง่ ผลใหเ้ กดิ ความพิการถึงข้ันตาบอดได้ 3. การไม่ออกกำลังกายอาจทำใหก้ ล้ามเน้ือไม่ แขง็ แรง เช่น แขน ขา 4. ในผู้ปว่ ยโรคความดนั โลหติ สูงหากไม่ออกกำลงั กายสมำ่ เสมอมโี อกาสเสี่ยงต่อเสน้ เลอื ดในสมอง แตกได้ 5. ผูท้ ่ปี ว่ ยเปน็ โรคหวั ใจถ้าไม่ได้ออกกำลังกายจะ ทำให้อาการของโรคทรุดลง 6. การไม่ออกกำลงั กายทำให้ระบบขบั ถ่ายทำงาน ไม่มปี ระสิทธิภาพ 7. การไม่ออกกำลงั กายเป็นประจำถ้าทำงานออก แรงจะรสู้ กึ เหน่ือยงา่ ย 8. การไม่ออกกำลงั กายทำใหเ้ จ็บป่วยได้ง่าย 9. การไม่ออกกำลงั กายทำให้รา่ งกายแขง็ แรง 10. การไม่ออกกำลงั กายอาจทำให้เกดิ โรคแทรก ซอ้ นได้ เช่น อว้ น เบาหวาน ไขมนั ในเลอื ดสูง 11. การไม่ออกกำลงั กายอยา่ งสม่ำเสมออาจทำให้ ป่วยเปน็ ไขห้ วัดไดง้ ่าย 12. การไม่ออกกำลงั กายอาจทำให้ประสทิ ธิภาพ ในการเรียนลดลง 13. การไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออาจทำให้ เกดิ ปญั หาสขุ ภาพจิต เชน่ เครยี ด ซมึ เศรา้

77 ตอนท่ี 3 แบบสอบถามพฤติกรรมการออกกำลงั กายของนิสติ คณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีท่ี 3 มหาวิทยาลัย นเรศวร ในช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19 คำชีแ้ จง ให้ทำเครื่องหมาย / ลงในชอ่ งทต่ี รงกับการปฏิบัตขิ องท่านในชว่ งการแพรร่ ะบาดของเชื้อโควดิ - 19 ระหวา่ งเดือนมนี าคม - มิถุนายน พ.ศ. 2563 ประจำ หมายถึง ปฏิบตั เิ ปน็ ประจำ (มากกวา่ 3 ครั้ง/สปั ดาห์) บางครงั้ หมายถึง ปฏบิ ัติบางครง้ั (1-3 คร้งั /สปั ดาห์) ไม่เคยปฏิบัติ หมายถึง ไม่ปฏบิ ัตเิ ลย ด้านพฤติกรรมการออกกำลงั กายในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขอ้ ความ ประจำ การปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏิบตั ิ บางครัง้ 1. ท่านออกกําลงั กายกีค่ ร้ังต่อสปั ดาห์ 2. ทา่ นออกกําลงั กายแตล่ ะครง้ั ใช้เวลาไมต่ ำ่ กว่า 30 นาที 3. ท่านอบอนุ่ รา่ งกายก่อนออกกำลงั กายทุกครงั้ 4. ทา่ นผ่อนคลายหลงั การออกกําลงั กาย หรอื เล่นกีฬาทุกคร้ัง 5. ท่านออกกําลงั กายแบบแอโรบิก เช่น การว่ิงเหยาะ ๆ ว่ายน้ำ แบดมินตัน ฟุตบอล เต้นแอโรบิก เปน็ ตน้ 6. ทา่ นเลอื กกจิ กรรมท่ีง่าย ถนดั ชอบเพื่อสร้างแรงจงู ใจในการออก กำลังกายให้ตนเอง 7. ทา่ นออกกำลังกายจนรู้สึกว่าเหน่อื ยและมีเหง่อื ออก 8. ทา่ นหยดุ ออกกำลังกายทันทีเม่ือรสู้ ึกเกดิ ความผิดปกติของรา่ งกาย 9. ทา่ นออกกำลงั กายท่ีบ้านโดยเลือกกจิ กรรมทีเ่ หมาะสมต่ออุปกรณ์ และสถานที่ในชว่ งการแพรร่ ะบาดของเชอื้ โควดิ -19 เช่น การเดนิ รอบ ๆ บ้าน กระโดดเชือก โยคะ เปน็ ตน้ 10. ทา่ นนำวิธีการออกกำลงั กายจากทางโทรทศั น์ ส่อื วิดีโอ หรอื อนิ เทอรเ์ นต็ ไปออกกำลงั กาย เชน่ โยคะ 11. วิธีการออกกำลังกายของทา่ นในช่วงการแพรร่ ะบาดของเช้ือโควิด-19 (เลอื กไดม้ ากกว่า 1 ข้อ) 11.1 การเดินรอบ ๆ บ้าน 11.2 กระโดดเชอื ก 11.3 เต้นแอโรบิก

78 11.4 โยคะ 11.5 การยกน้ำหนัก 11.6 วิ่งเหยาะ ๆ 11.7 อ่ืน ๆ ระบุ

79 ประวัติผู้วิจยั ช่ือ นางสาวนลพรรณ คำเครือ่ ง วนั เกดิ 20 กรกฎาคม 2542 ทอ่ี ยู่ 14 ม.5 ต.บุญนาคพฒั นา อ.เมอื งลำปาง จ.ลำปาง 52000 เบอร์โทรศัพท์ 091-635-7748 ประวตั กิ ารศึกษา 2561 - ปัจจบุ นั กำลังศกึ ษาระดับปรญิ ญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ (ชั้นปีท่ี 3) ชื่อ นายจิรกฤต โสภา วนั เกดิ 30 สงิ หาคม 2541 ท่อี ยู่ 1 ม.7 ต.นาเชิงครี ี อ.ครี ีมาศ จ.สโุ ขทยั 64160 เบอรโ์ ทรศัพท์ 063-640-8968 ประวัตกิ ารศึกษา 2561 - ปัจจบุ นั กาํ ลงั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ (ชัน้ ปีท่ี 3) ชื่อ นางสาวนรีรัตน์ มีเดช วันเกิด 29 มกราคม 2543 ท่อี ยู่ 276/3 ม.7 ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทยั 64000 เบอร์โทรศัพท์ 062-953-1246 ประวัตกิ ารศึกษา 2561 - ปัจจุบนั กำลังศึกษาระดับปรญิ ญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ (ช้นั ปีท่ี 3) ช่อื นายนนทวฒั น์ ลมิ วนั เกดิ 15 กนั ยายน 2543 ทอ่ี ยู่ 83 ม.6 ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง 52110 เบอรโ์ ทรศัพท์ 099-027-8429 ประวัตกิ ารศึกษา 2561 - ปจั จุบัน กำลังศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ (ชั้นปที ่ี 3) ช่อื นางสาวณฐั ชนนั ต์ ขัติพนั ธุ์ วนั เกดิ 3 พฤษภาคม 2542 ที่อยู่ 145 ม.11 ต.สากเหล็ก อ.สากเหล็ก จ.พจิ ิตร 66160 เบอรโ์ ทรศัพท์ 095-237-8197 ประวัติการศึกษา 2560 - ปัจจุบนั กำลงั ศึกษาระดับปริญญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ (ชั้นปีท่ี 3) ชื่อ นางสาวเชษฐ์สดุ า วงศ์คำลือ วนั เกิด 3 มนี าคม 2543

80 ทีอ่ ยู่ 11/1 ม.5 ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง 52210 เบอร์โทรศัพท์ 062-924-4718 ประวัตกิ ารศึกษา 2561 - ปจั จุบัน กำลงั ศกึ ษาระดบั ปริญญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ (ชั้นปีที่3) ชื่อ นางสาวศริ ิวมิ ล จินคำ วนั เกดิ 4 กนั ยาคม 2542 ทอ่ี ยู่ 10 หมู่ 9 ต.บ้านแก่ง อ.ศรสี ัชนาลัย จ.สุโขทยั 64130 เบอร์โทรศัพท์ 063-863-3565 ประวัติการศึกษา 2561- ปจั จุบนั กำลังศึกษาระดบั ปริญญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ (ชน้ั ปที ่ี 3)