การศกึ ษาเปรียบเทยี บความพึงพอใจเก่ียวกบั วธิ ีการจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารยค์ ณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ทีม่ ีอายกุ ารทางานแตกตา่ งกนั A Comparison of satisfaction about E-learning among Nursing Educators at the Faculty of Nursing, Naresuan University, having different length of work experience. นางสาวจิตราภรณ์ อนิ ทะจักร์ รหัสนสิ ิต 61560152 นางสาวมนญั ชญา บญุ มี รหสั นิสติ 61560879 นางสาวกมลขนก หลอ่ พิสทุ ธกิ ลุ รหัสนิสติ 61560039 นางสาวศริ ินันท์ ม่ังมี รหัสนสิ ิต 61561074 นางสาวอาริศรา ปนิ ใจ รหสั นิสิต 61561432 นางสาวดาราวรรณ จนั ทรเ์ ดช รหัสนสิ ิต 61560411 นางสาวปรีญานุช จันพนัส รหสั นิสิต 61560688 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ. 2564
การศกึ ษาเปรียบเทยี บความพึงพอใจเก่ียวกบั วธิ ีการจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารยค์ ณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ทีม่ ีอายกุ ารทางานแตกตา่ งกนั A Comparison of satisfaction about E-learning among Nursing Educators at the Faculty of Nursing, Naresuan University, having different length of work experience. นางสาวจิตราภรณ์ อนิ ทะจักร์ รหัสนสิ ิต 61560152 นางสาวมนญั ชญา บญุ มี รหสั นิสติ 61560879 นางสาวกมลขนก หลอ่ พิสทุ ธกิ ลุ รหัสนิสติ 61560039 นางสาวศริ ินันท์ ม่ังมี รหัสนสิ ิต 61561074 นางสาวอาริศรา ปนิ ใจ รหสั นิสิต 61561432 นางสาวดาราวรรณ จนั ทรเ์ ดช รหัสนสิ ิต 61560411 นางสาวปรีญานุช จันพนัส รหัสนิสิต 61560688 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ. 2564
ชอ่ื โครงการวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บความพงึ พอใจเก่ียวกบั วิธกี ารจดั การเรียน การสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทมี่ อี ายกุ ารทางานแตกตา่ งกัน (The relationship between perceived violence Situational Influences and Protective Behavior of Borax in Diet of Nursing Students. Faculty of Nursing Naresuan University) ช่ือคณะผู้วิจยั นางสาวจติ ราภรณ์ อนิ ทะจกั ร์ รหัสนสิ ติ 61560152 ทีป่ รึกษาโครงการวิจยั นางสาวมนญั ชญา บญุ มี รหัสนสิ ติ 61560879 นางสาวกมลขนก หลอ่ พิสทุ ธิกลุ รหสั นสิ ิต 61560039 นางสาวศิรนิ ันท์ มัง่ มี รหสั นิสิต 61561074 นางสาวอารศิ รา ปินใจ รหัสนิสติ 61561432 นางสาวดาราวรรณ จนั ทร์เดช รหัสนสิ ติ 61560411 นางสาวปรีญานชุ จันพนัส รหัสนิสติ 61560688 ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ปิยะคง โครงการวจิ ยั น้ีเป็นสว่ นหนึ่งของรายวิชา 501378 วิจัยเบอ้ื งตน้ ทางการพยาบาล ภาคเรียนที่ 3 ปีการศกึ ษา 2562 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ก ประกาศคณุ ปการ คณะผู้วิจัยกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงในความกรุณา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ปิยะคง อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการวิจยั ท่ีได้สละเวลาอันมีค่ามาเป็นที่ปรึกษา พร้อมทั้งให้คาแนะนาตลอดระยะเวลาใน การทาโครงการวจิ ยั คร้งั นี้ ขอกราบขอบพระคุณกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ดร.ปวงกมล กฤษณบุตร ดร.สุรีภรณ์ สุวรรณโอสถ และ ดร.อัมราภรณ์ ภู่ระยา้ ที่ได้กรุณาตรวจสอบความตรงเชงิ เนอื้ หาของเครอ่ื งมือวิจัย ขอขอบพระคุณคณะกรรมการวิจัยจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่กรุณารับรอง โครงการวจิ ยั ขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.ชมนาด วรรณพรศริ ิ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย นเรศวร และผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ อู่ดี เปน็ อย่างสงู ทกี่ รณุ าอนญุ าตใหค้ ณะผู้วจิ ัยเข้าเก็บข้อมูลจาก กลุ่มตวั อย่างในคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร และคณะสหเวชศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ขอขอบพระคุณกลุ่มตัวอย่างอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ และอาจารย์คณะสหเวชศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ทุกทา่ นทีส่ ละเวลาใหข้ อ้ มูลการวจิ ัยอันเปน็ ประโยชน์อยา่ งยง่ิ ในครั้งน้ี ขอกราบขอบพระคุณบิดา มารดาของผ้วู จิ ัยทุกคนทใี่ ห้กาลงั ใจและให้การสนบั สนุนในทุก ๆ ดา้ นอยา่ ง ดีทสี่ ุดเสมอมา คณุ ค่าและคุณประโยชน์อันเกิดขน้ึ จากการวิจยั ฉบับน้คี ณะผ้วู ิจัยขอมอบและอุทิศแด่ผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่าน คณะผู้วิจัยหวังเป็นอย่างย่ิงว่างานวิจัยฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อนิสิตพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร เพื่อเปน็ แนวทางในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพของนสิ ติ และผูส้ นใจทั่วไป คณะผ้วู ิจัย
ข ชอื่ โครงการวจิ ัย การศึกษาเปรียบเทียบความพงึ พอใจเกย่ี วกับวธิ กี ารจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ทีม่ ีอายุ ผวู้ จิ ยั การทางานแตกตา่ งกัน ทปี่ รกึ ษาโครงการวจิ ยั ( The relationship between perceived violence Situational Influences คาสาคญั and Protective Behavior of Borax in Diet of Nursing Students. Faculty of Nursing Naresuan University) นางสาวจิตราภรณ์ อินทะจักร์, นางสาวมนัญชญา บุญมี, นางสาวกมลขนก หล่อพิสุทธิกุล, นางสาวศิรินันท์ มั่งมี, นางสาวอาริศรา ปินใจ, นางสาวดาราวรรณ จันทร์เดช และนางสาวปรีญานุช จนั พนัส ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ปิยะคง อาจารย์, ความพึงพอใจ, การเรียนการสอนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) และ อายุการทางาน บทคดั ย่อ จากปัญหาวิกฤตจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ COVID - 19 ทาให้คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปรับเปล่ียนการจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ภาคเรียนฤดูร้อนปีการศึกษา 2562 จากการ สอนภาคทฤษฎีให้เป็นการสื่อสารทางไกล (Electronic learning : E-learning) เพื่อให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ท่ีมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID - 19 ) ดังนั้น อาจารย์ทุกคนจึงปรับวิถีการสอนให้มี ความสอดคลอ้ งกบั วธิ กี ารเรยี นการสอน E-learning การวิจัยในครั้งน้ีเป็นการวิจัยเชิงบรรยาย (descriptive research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึง พอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และเพ่ือเปรียบเทียบความพึงพอใจในวธิ กี ารจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาล ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทมี่ ีอายุการทางานแตกตา่ งกัน มีกล่มุ ตวั อย่างท้ังสิ้น 51 คน เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการ เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) จานวน 1 ชุด ผู้วิจัยพัฒนาข้ึนจากการทบทวนจาก เอกสารตาราท่ีเกี่ยวขอ้ ง ผลการวิจัยพบว่า ระดับความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning โดยรวมอยู่ใน ระดับมาก โดยมีค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.62 และ 0.65 ตามลาดับ เมื่อนาข้อมูลมา เปรียบเทียบความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุการทางาน 1 – 10 ปี กับกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุการทางาน มากกว่า 10 ปี พบว่า ความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ท่ีมีอายุการทางานแตกต่างกัน มีความความพึงพอใจแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสาคัญทาง สถิติ (p=.691) และเนื่องจากผลการเก็บรวบรวมในการศึกษาครั้งนี้ พบว่ามีจานวนผู้ตอบแบบสอบถามเพียง ร้อยละ 62.75 ซึ่งเป็นจานวนท่ีค่อนข้างน้อย จึงอาจไม่สามารถนามาอธิบายได้ชัดเจน จึงควรทาการศึกษาใน
ค กลุ่มที่ใหญ่กว่าน้ี เพ่ือให้ได้ข้อมูลที่เพียงพอที่จะนามาวิเคราะห์และยืนยันผลการศึกษา นอกจากน้ีควรศึกษา ปัจจัยอ่ืนๆ มีผลต่อความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาล ศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร เช่น อายุ ระดบั การศึกษา เป็นต้น เพอื่ ให้ทราบถึงปัจจัยอืน่ ๆ นอกเหนอื จากอายุ การทางาน ทม่ี ผี ลตอ่ ระดบั ความพึงพอใจ ABSTRACT Due to the crisis of Coronavirus or COVID-19 pandemic, the Faculty of Nursing Naresuan University has adjusted teaching and learning methods since the summer semester of the academic year 2019 from classroom teaching to be online teaching (Electronic learning: E-learning). To comply with the situation in which the coronavirus (COVID-19) is spreading, all the lecturers have adapted teaching methods to be consistent with the E-learning teaching methods. This descriptive research has objectives to study on the satisfaction of E-learning teaching methods and to compare the satisfaction of E-learning teaching methods between nursing lecturers of Faculty of nursing at Naresuan University having different working ages. The sample consisted of 51 persons with used one set of questionnaire individually as a tool for gathering the data. The researchers developed the questionnaire from related literature review. The research results found out that the overall level of satisfaction on the E-learning method was at a high level with the mean of 3.62 and the standard deviation of 0.65. When comparing all the data between the satisfaction of E-learning teaching methods among the lecturers of Faculty of nursing at Naresuan University between the group of working ages at 1- 10 years and the group of working ages more than 10 years, the result showed that there was no different satisfaction (p=.691). However, number of participants was only 62.75 percent which was a small siz. This cannot be clearly explained the results. Therefore, the further study should be conducted by using a larger group in order to have sufficient data to analyze and verify the results of the study. Apart from that, other factors might affect the satisfaction of the teaching and learning method of E-learning by the lecturers of Faculty of nursing at Naresuan University, such as age, and education level, should be studied in order to know the other factors that affect on the level of satisfaction apart from the working ages.
สารบัญ หนา้ ก เรอ่ื ง ข ค ประกาศคุณปการ บทคดั ย่อภาษาไทย 1-5 บทคัดย่อภาษาองั กฤษ 5 บทท่ี 1 บทนา 5 5 ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหาการวจิ ยั 5 5-6 วตั ถปุ ระสงค์การวจิ ยั ประโยชนก์ ารวจิ ัย 7-13 ขอบเขตของการวจิ ัย 13-15 คาถามการวจิ ัย 15-16 นิยามศพั ท์เฉพาะ บทท่ี 2 ทบทวนวรรณกรรมและวจิ ยั ท่เี กี่ยวข้อง 16 วิธกี ารเรยี นการสอนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 17-18 แนวคดิ , ปัจจยั และทฤษฎเี กยี่ วกับความพึงพอใจ 18-20 งานวิจยั ทเ่ี กยี่ วข้อง 20-21 กรอบแนวคิดการวิจยั 21 บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนินการวจิ ยั ประชากรและการสุ่มตัวอย่างท่ีศกึ ษา 22-23 23-24 เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 25 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมลู 26-27 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 27-28 ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของกลุ่มตัวอย่าง ตอนที่ 2 การวเิ คราะห์ความพึงพอใจของลุ่มตัวอย่าง 28 ตอบที่ 3 เปรียบเทียบความพึงพอใจของลมุ่ ตวั อย่าง 30 บทที่ 5 สรุปผลการวจิ ยั อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ สรปุ ผลการวจิ ัย อภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม
สารบัญตาราง หนา้ เรื่อง 22-23 23-24 ตารางที่ 1 ข้อมลู พน้ื ฐานของอาจารยค์ ณะพยาบาลสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร (n=32) 25 ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และระดับ ความพงึ พอใจในวิธกี ารจดั การเรยี นการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ตารางท่ี 3 ผลวิเคราะหเ์ ปรยี บเทยี บความพึงพอใจใน วธิ ีการจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์ คณะพยาบาลศาสตรม์ หาวทิ ยาลัยนเรศวร
1 บทท่ี 1 บทนา ทีม่ าและความสาคญั ของปัญหา จากสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้คนทั่วโลกได้ประสบปัญหาภาวะวิกฤตจากการแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโค โรนาหรือ COVID-19 ที่ได้ส่งผลกระทบด้านลบหลายประการต่อประชาชนทุกระดับ ไม่เฉพาะแต่เร่ืองการ เจ็บปว่ ยและเสยี ชีวิตของผู้คนเท่าน้ัน ยังส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมอื ง รวมไปถงึ วิถีชวี ิตของ ผู้คนท่ีต้องมีการปรับเปล่ียนการดารงชีวิตประจาวัน สาหรับประเทศไทยรัฐบาลเห็นความสาคัญของการ ป้องกันการแพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรสั โคโรนาหรอื COVID-19 จึงยกระดบั มาตรการการควบคมุ การติดเช้ือหลาย มาตรการ เช่น การประกาศลดการเดนิ ทางไปต่างประเทศ งดการประชุมและชมุ นมุ สงั สรรค์ ปิดสถานที่ทางาน และสถานบันเทิงหลายแห่ง รวมถึงปิดสถานศึกษาทุกแห่งและเน้นการนามาตรการสร้างระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing มาใช้อย่างจริงจัง ในทุกพ้ืนที่ของประเทศ รวมถึงได้มีการรณรงค์ \"อยู่บ้าน หยุดเช้ือ เพ่ือชาติ\" (กระทรวงสาธารณสุข, 2563) สาหรับสถานศึกษาในประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศ ณ วันท่ี 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 ให้สถานศึกษาทุกแห่งของรัฐและเอกชนทั้งในระบบและนอกระบบปิดเรียน ด้วยเหตุพิเศษต้ังแต่วันพุธท่ี 18 มีนาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป (กระทรวงศึกษาธิการ, 2563) และต่อมา กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ประกาศ ณ วนั ท่ี 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 ให้ สถานบนั อุดมศกึ ษาจดั ให้มกี ารเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์ทั้งหมดภายในวันท่ี 1 เมษายน พ.ศ. 2563 โดย ปรับรูปแบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนาหรอื COVID-19 (กระทรวงการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, 2563) มหาวทิ ยาลัย นเรศวร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาท่ีอยู่ภายใต้กากับของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม (อว.) จึงมีนโยบายใหค้ ณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยดาเนนิ การจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ภาคเรยี นฤดู ร้อนปีการศึกษา 2562 ท่ีมีการจัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีให้เป็นแบบการสื่อสารทางไกล (Electronic learning: E-learning) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤตในปัจจุบัน ในการป้องกันการติดเช้ือไวรัสโคโร- นาและช่วยให้การเรียนการสอนของนิสิตคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยนเรศวรดาเนินต่อไปได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ การจัดการเรียนการสอนแบบทางไกลหรือ E-learning ซ่ึงย่อมาจาก Electronic learning หมายถึง วิธีการเรียนการสอนวิธีหน่ึงที่ผู้สอนจัดให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้ผ่านการสอนที่ใช้ภาพน่ิงผสมผสานกับ ภาพเคลื่อนไหว วีดิทัศน์และเสียง โดยอาศัยเทคโนโลยีในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงการจัดบทเรียนที่มี ลักษณะเป็นเนื้อหา ซ่ึงมีส่วนให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นหรือโต้ตอบระหว่างผู้เรียนและผู้สอนทั้ง 2 ทาง (ถนอมพร เลาจรหสั แสง, 2547) ซง่ึ วิธีการจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning สามารถทาใหผ้ ู้เรียนเกิดการ เรียนรไู้ ด้เพ่มิ เติมจากสื่อข้อความเพยี งอยา่ งเดยี วหรือจากการสอนภายในห้องเรียน นอกจากน้ยี ังชว่ ยใหผ้ ู้เรียน สามารถเข้าถึงและเลือกเรียนเน้ือหาตามความสะดวกของแตล่ ะบุคคลหรือสามารถเลือกเรยี นเฉพาะบางส่วนที่ ต้องการทบทวนได้ โดยไม่ต้องเรียนเน้ือหาท้ังหมดหรือผู้สอนสามารถมอบหมายให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าด้วย
2 ตนเอง รวมทั้งสามารถจัดเวลาเรียนได้ โดยไม่ต้องอยู่ในห้องเรียน ซึ่งสามารถเข้าถึงบทเรียนได้ทุกเวลา ทุก สถานที่ที่สามารถเช่ือมตอ่ เข้าสเู่ ครือข่ายได้และเกิดความรู้สึกอยากเรยี นรู้ในบทเรียนน้ันๆ โดยไม่มีข้อจากัดใน ด้านเวลาทีต่ ้องการศกึ ษา (สิรินธร วชั รพชื ผล และจงกล จนั ทร์เรอื ง, 2558) วิธีการเรียนการสอนแบบ E-learning จึงเป็นวิธีการเรียนรู้ทางไกลท่ีผู้เรียนและผู้สอนไม่ได้พบกัน โดยตรงในช้ันเรียน แต่พบกันผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งนามาปรับใช้ในการเรียนการสอน รูปแบบออนไลน์ โดยมีการถ่ายทอดเน้ือหาผ่านส่ือการสอนแทนการสอนในชั้นเรียน ดังนั้นผู้สอนต้องคานึงถึง การเลือกใช้ระบบนาส่งสารสนเทศและการส่ือสารท่ีเหมาะสมกับลักษณะของผเู้ รียนและมีความเสถียร เพ่ือให้ เกิดคุณภาพในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning นอกจากนี้วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ยังต้องคานึงถึงแหล่งสนับสนุนด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมถึงความ พรอ้ มของผู้สอนและผู้เรียน เจตคติ (ทัศนคต)ิ ความรู้ ความเขา้ ใจในบริบทการเรียนและการปฏบิ ัตติ ัวท่ีถูกต้อง เก่ียวกับวิธีการเรียนแบบ E-learning เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี (ฐาปนีย์ ธรรมเมธา, 2557) การจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีแบบ E-learning มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการแพร่ ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรนั้น มีเปา้ หมายเพ่ือใหผ้ ู้เรียนเกดิ ความสะดวกและสามารถเข้าถึงเนื้อหาบทเรียนในรายวชิ าตา่ งๆ ทีเ่ ปิดสอนในภาค การศึกษาน้ันๆ ได้ถึงแม้จะอยู่ท่ีบ้านหรือสถานที่ใดๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องมาเรียนในคณะ พยาบาลศาสตร์ ซ่ึงเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ไม่จากัดสถานที่และเวลาและผู้เรียนสามารถกากับการเรยี นด้วย ตนเองตามอัตราความเร็ว-ช้า ความสนใจของตนเองและสามารถย้อนกลับมาเรียนในเน้ือหาเดิมซ้าได้ ช่วยลด โอกาสการสัมผัสเชื้อไวรัสโคโรนาได้ นอกจากน้ี วิธีการเรียนการสอนแบบ E-learning ยังช่วยให้การ ตดิ ตอ่ สือ่ สารผ่านชอ่ งทางอนิ เทอรเ์ น็ตระหว่างผูส้ อนและผู้เรยี นสะดวกขน้ึ อย่างไรก็ตามวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning อาจส่งผลกระทบด้านลบได้หลายประการ เช่น ในบางพื้นที่มกี ารเข้าถึงด้านโครงสรา้ งพ้นื ฐานด้านเทคโนโลยีหรือการเช่ือมต่ออินเทอรเ์ น็ตยังมีความล่าช้า ไม่สมบูรณ์ ทาให้ผู้เรียนเกิดปัญหาในการเรียนได้ นอกจากน้ี วิธีการเรียนการสอนแบบ E-learning ทาให้ ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและเพ่ือนร่วมชน้ั น้อยลง ทาให้ขาดแรงจูงใจในการเรียน ส่งผลกระทบต่อผลลพั ธ์ ดา้ นการเรยี นได้ รวมท้งั วิธีการเรยี นการสอนแบบ E-learning นผ้ี ู้เรียนต้องมีทักษะการใชค้ อมพวิ เตอร์และการ จดั การซอฟตแ์ วร์ของการเรียนแบบ E-learning เป็นสาคญั (ฐาปนีย์ ธรรมเมธา, 2557) ถ้าผ้เู รยี นมปี ัญหาด้าน ต่างๆ ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเรียนและความพึงพอใจของผู้เรียนต่อวิธีการเรียนการ สอนแบบ E-learning ได้ นอกจากนี้ยังพบวา่ วิธีการเรียนการสอนแบบ E-learning นั้น ผู้สอนตอ้ งมีทกั ษะการ ใช้ระบบสารสนเทศและการส่ือสารให้มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน ถ้าผู้สอนมีข้อจากัดด้านการใช้คอมพิวเตอร์ และโปรแกรมการเรียนการสอนแบบ E-learning เช่น สัญญาณอินเตอร์เน็ตอาจไม่เสถียรหรือสัญญาณขาด หาย อุปกรณ์ท่ใี ช้ในการสอนมีความล้าสมยั และผู้สอนไมถ่ นดั ในการใช้ส่ืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ในการจัดการเรียนการ สอน อาจมีผลต่อการถ่ายทอดความรู้และผู้สอนอาจไม่ชอบวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning
3 (ฐาปนีย์ ธรรมเมธา, 2557) ดังนั้นจากข้อจากัดดังกล่าว อาจทาให้เกิดความพึงพอใจในระดับต่าต่อการจัด วิธกี ารเรียนการสอนแบบ E-learning ได้ ซ่งึ ความพึงพอใจ หมายถงึ ความรู้สึกของบุคคลท่ีมตี ่อสงิ่ ใดส่ิงหน่งึ อาจจะเปน็ ความรสู้ กึ ทางบวก ทาง เป็นกลางหรือทางลบ ซงึ่ เกิดมาจากการกระทาส่ิงใดสิ่งหน่ึง เช่น การปฏิบัตงิ านแล้วรู้สึกดีต่องานท่ีทา แสดงว่า บุคคลนั้นมีความพึงพอใจในงาน (จรสั โพธจิ์ ันทร์, 2553) ซ่งึ สิ่งเหล่านจ้ี ะสง่ ผลต่อประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล ของการทางานได้ กล่าวคือ ถ้าบุคคลมีความพึงพอใจในการทางานก็จะสามารถทางานออกมาได้สาเร็จ (จรัส โพธิ์จันทร์, 2553) สอดคล้องกับทฤษฎีแรงจูงใจของ Herzberg (Motivation Maintenance Theory) ที่ กล่าวว่าการที่บุคคลจะเกิดความพึงพอใจได้น้ัน ต้องเกิดจากแรงจูงใจ โดย Herzberg แบ่งปัจจัยเกี่ยวกับ แรงจูงใจในการทางานออกเป็น 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านแรงจูงใจ (Motivation factor) และปัจจัยค้าจุน (Maintenance factor) ซึ่งปัจจัยด้านแรงจูงใจเป็นส่ิงท่ีทาให้บุคคลเกิดความพึงพอใจในการทาส่ิงที่ต้องการ เช่น บคุ คลเกดิ ความพึงพอใจในการทางาน ซึ่งจะประกอบด้วยความสาเร็จในการทางาน การไดร้ ับการยอมรับ นับถือ ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ ความรับผิดชอบและความก้าวหน้าในการทางาน ส่วนปัจจัยค้าจุน (Maintenance Factor) เป็นปัจจัยท่ีจูงใจให้บุคลากรเกิดความชอบในการทางานและสามารถทางานให้เกิด ประสิทธิภาพมากข้ึน เช่น เงินเดือน โอกาสการได้รับความก้าวหน้าในอนาคต ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา สถานะของอาชีพ เปน็ ตน้ ซึ่งมนษุ ยจ์ ะมีแรงจูงใจบางประการในตวั บุคคลที่เกิดจากความพยายามของตนเองท่ี จะบรรลถุ ึงเปา้ หมายบางอยา่ ง ถือเป็นการตอบสนองความต้องการของตัวบุคคล เมื่อบุคคลประสบความสาเร็จ ตามเปา้ หมายที่คาดหวังไว้ก็จะเกดิ ความพึงพอใจต่อผลลัพธ์น้นั หากไมป่ ระสบความสาเรจ็ ตามท่คี าดหวงั ไว้ จะ ส่งผลทาให้ไม่เกิดความพึงพอใจต่อผลลัพธ์น้ัน (Mullins, 1985, อ้างถึงใน ปัณณวัชร์ พัชราวลัย, 2558, หน้า 8) สอดคล้องกับการศึกษา ความพึงพอใจจากการใช้ชุดการเรียนรู้ออนไลน์ของ ครู นักศึกษาวิชาชีพครูและ นักการศึกษาอื่นๆ ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ผลการศึกษาพบว่าค่าเฉล่ีย ของความพึงพอใจโดยรวมมีค่าเท่ากบั 4.04 จาก 5 คะแนนและการเรียนรู้ออนไลน์มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจ ในการสอนของครูที่สอนในระดับช้ันประถม/มัธยม/วิทยาลัย/มหาวิทยาลัย อย่างมีนัยสาคัญที่ระดับ 0.05 (ชัชชัย เผ่าพงษ์, 2551) นอกจากน้ีความพึงพอใจยังเป็นการแสดงออกของทัศนคติต่อสิ่งใดส่ิงหน่ึงในแต่ละ บุคคล อันมีผลมาจากความรู้และประสบการณ์เดิมที่แต่ละบุคคลได้รบั เมื่อส่ิงนั้นตอบสนองตามความตอ้ งการ ก็จะทาให้เกิดความรู้สึกทางบวกหรือความพึงพอใจ แต่ในทางตรงกันข้ามหากส่ิงนั้นไม่ตอบสนองต่อความ ตอ้ งการก็จะทาให้เกดิ ความรู้สกึ ทางลบหรือเป็นความรสู้ กึ ท่ีไม่พงึ พอใจได้ (กชกร เปา้ สุวรรณ และคณะ, 2550) สอดคล้องกับการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบออนไลน์ พบว่าอายุงานท่ีแตกต่างกัน จะมีความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบออนไลน์แตกต่างกัน (กนกวรรณ มณีฉาย และแสงดาว ประสิทธิสุข, 2560) ดังน้นั ผูส้ อนทม่ี ีอายกุ ารทางานที่แตกตา่ งกนั สามารถส่งผลให้บคุ คลมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียน การสอนดว้ ยวธิ แี บบ E-learning แตกตา่ งกนั ได้ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร ซ่ึงเป็นสถาบนั ทีจ่ ดั การเรยี นการสอนด้านการพยาบาล ซึ่ง ก่อนการเกิดสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ได้จัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีในช้ันเรียนของ
4 คณะพยาบาลศาสตร์ ด้วยวิธีการต่างๆ ในช้ันเรียนที่คณะพยาบาลศาสตร์ ทาให้ผู้สอนและผู้เรียนทาให้เกิด ปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างผสู้ อนกับผูเ้ รียนและผูเ้ รียนกบั ผ้เู รยี นในช้นั เรียน ในรูปแบบตา่ งๆ ตามกจิ กรรมประกอบการ เรียนการสอนในแต่ละรายวิชา ผู้สอนสามารถสาธิตใหผ้ ู้เรียนได้ศึกษา สงั เกต ทาความเข้าใจได้งา่ ยและผู้เรียน สามารถซักถามระหว่างเรียนได้หากมีข้อสงสัย แต่เม่ือเกิดสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 และ มหาวทิ ยาลัยนเรศวรมีประกาศให้ปรับเปล่ียนวิธีการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์ ทางคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ร ะบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) จึงมีการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคติดต่อของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยนาวิธีการเรียนการ สอนแบบ E-learning มาปรับใช้แทนวิธีการเรียนการสอนในห้องเรียนให้กับนิสิตทุกชั้นปีตั้งแต่ภาคเรียนฤดู ร้อนปีการศึกษา 2562 จนถึงปัจจุบัน เพื่อลดความเส่ียงและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ดังนั้น อาจารย์ทุกคนจึงปรับวิธีการเรียนการสอนให้มีความสอดคล้องกับวิธีการเรียนการสอนแบบ E-learning อาจารย์จึงต้องศึกษาวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning เช่น การบันทึกวิดีโอการสอน ของตนเอง โดยการใช้สื่อสนับสนุนการเตรียมการสอนออนไลน์ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น LOOM Video Recording การสร้างส่ือการสอนในรูปแบบ Video Clip เพ่ือนาไปเป็นส่ือการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน เป็น ต้น เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงสื่อวิธีการสอนออนไลน์แบบ E-learning ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและสามารถ กลับมาเรียนทบทวนซ้าได้ นอกจากน้ีอาจารย์บางท่านได้มีการจัดวิธีการเรียนการสอนสดผ่านออนไลน์ผ่าน เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Microsoft Teams, Google Meet และ ZOOM ซึ่งเป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนท่ี สามารถส่ือสารและโต้ตอบกันได้ทันทีระหว่างอาจารย์ผู้สอนกับผู้เรียน ซ่ึงวิธีการเรียนแบบ E-learning น้ี ผ้สู อนต้องมีการเตรียมเน้ือหาเอกสารการสอน เพื่อให้นสิ ติ ใชป้ ระกอบการเรียนและจัดทาแบบทดสอบท้ายบท เพื่อเป็นแบบวัดประเมินความรู้จากสง่ิ ทีผ่ เู้ รยี นไดเ้ รยี นเช่นเดยี วกนั กบั วธิ กี ารสอนแบบปกติ อย่างไรก็ตาม การนาวิธีการสอนแบบ E-learning มาใช้ในการเรียนการสอนน้ัน นับว่าเป็นวิธีการ จัดการเรียนการสอนครั้งแรกของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรทุกคนทาให้อาจารย์ต้อง ปรับตัว ซ่ึงอาจารย์ผู้สอนท่ีมีอายุการทางานน้อย อาจพบปัญหาหรืออุปสรรคในการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning เนื่องจากนอกจากจะต้องเตรียมเน้ือหา เตรียมกิจกรรมสาหรับสอนแล้ว ต้องเรียนรู้วิธีการสอน แบบ E-learning เช่น การใช้โปรแกรม Microsoft team, Zoom, หรือ Google Meet และการใช้โปรแกรม E-learning เป็นต้น (สุวรรณา พลอยศรี, 2549) มากกว่าผู้สอนที่มีอายกุ ารทางานมากกว่า อาจส่งผลให้ผ้สู อน เกิดความไม่พึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ได้ ดังน้ันคณะผู้วิจัยจึงสนใจศึกษา เปรียบเทียบระดับความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ระหว่างกลุ่มอาจารย์คณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรท่ีมีอายุการทางานแตกต่างกัน เพื่อเปรียบเทียบว่าเม่ือมีวิธีการจัดการ เรยี นการสอนแบบ E-learning ตามมาตรการการควบคมุ การตดิ เช้ือไวรัสโคโรนาหรือ COVID -19 อาจารยท์ ่ีมี อายุการทางานต่างกันจะมีความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning แตกต่างกันหรือไม่
5 ผลการศึกษาในครั้งน้ีจะเป็นข้อมูลพื้นฐานท่ีสาคัญประกอบการเป็นแนวทางในการพัฒนาวิธีการจัดการเรียน การสอนแบบ E-learning ของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ให้มีประสิทธภิ าพตอ่ ไป วตั ถปุ ระสงคข์ องงานวิจัย 1. เพือ่ ศึกษาความพึงพอใจในวธิ ีการจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร 2. เพอื่ เปรียบเทยี บความพึงพอใจในวธิ ีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรท่ีมีอายุการทางานแตกตา่ งกัน ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รับ ทาให้ทราบระดับความพึงพอใจและทราบผลการเปรียบเทียบความพึงพอใจเกี่ยวกับวิธีการจัดการ เรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มีอายุการทางานท่ี แตกต่างกัน เพ่ือเป็นข้อมูลพ้ืนฐานที่สาคัญในการกาหนดแนวทางการพัฒนาวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ให้มปี ระสิทธิภาพและเหมาะสมต่อไป ขอบเขตของการวิจยั 1. ขอบเขตประชากรการวิจัยครั้งน้ี คืออาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร อาเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ท่ีมีประสบการณ์ในวิธีการสอนแบบ E-learning ในภาคฤดูร้อนปี การศกึ ษา 2562 และภาคเรียนตน้ ปีการศึกษา 2563 อาจารย์มีจานวน 51 คน 2. ขอบเขตเน้อื หา เปน็ การศกึ ษาการเปรยี บเทยี บความพงึ พอใจเกี่ยวกบั วิธกี ารจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning ของอาจารยค์ ณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มีอายุการทางานแตกต่างกัน 3. ขอบเขตพ้ืนที่ พื้นที่ท่ีใช้ในการดาเนินวิจัยครัง้ นี้ คือคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ตาบล ท่าโพธ์ิ อาเภอเมอื ง จงั หวัดพษิ ณโุ ลก 4. ขอบเขตระยะเวลา ระยะเวลาท่ใี ช้ในการทาวจิ ัยต้ังแต่เดอื นเมษายน 2563 ถึงเดือนมถิ ุนายน 2564 คาถามการวิจยั 1. ความพึงพอใจในวธิ กี ารจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรเปน็ อย่างไร 2. อาจารยท์ ีม่ ีอายุการทางานท่แี ตกต่างกันจะมีความพึงพอใจเก่ยี วกบั วธิ กี ารจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning แตกต่างกันหรือไม่ อยา่ งไร นยิ ามศพั ท์เฉพาะ อาจารย์ หมายถึงอาจารย์ประจาที่ปฏิบัติงาน ณ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรที่มีอายุ การทางานตง้ั แต่เริ่มปฏิบัตกิ ารสอนนิสติ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรจนถึงปัจจบุ นั ความพึงพอใจ หมายถึงระดับความรู้สึกของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มี ต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ในภาคเรียนฤดูร้อนปีการศึกษา 2562 หรือภาคต้นปี การศกึ ษา 2563 ประเมินความพงึ พอใจด้วยแบบประเมินความพงึ พอใจทผ่ี ู้วจิ ยั พฒั นาขึน้
6 การเรยี นการสอนแบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-learning) หมายถึงวธิ ีการจัดการเรยี นการสอนภาคทฤษฎี ที่อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรใช้สอนให้ความรู้แก่นิสิตพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในภาคเรียนฤดูร้อนปีการศึกษา 2562 และภาคต้นปีการศึกษา 2563 โดยผู้สอนใช้ วิธกี ารสอนผา่ นสอ่ื มลั ตมิ ีเดยี เชน่ ขอ้ ความอิเล็กทรอนกิ ส์ ภาพน่งิ เสยี ง ภาพกราฟิก วิดโี อหรือภาพเคลอื่ นไหว ฯลฯ ในรายวชิ าทีต่ นเองสอน อายกุ ารทางาน หมายถงึ ระยะเวลาการปฏิบัติงานในการสอนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบตั ิของอาจารย์ พยาบาลคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยนับระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงาน ณ คณะพยาบาล ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จนถึงปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มท่ี 1 อาจารย์ที่มีอายุการทางานอยู่ ระหว่าง 1-10 ปี กลุ่มท่ี 2 อาจารยท์ ่ีมีอายุการทางานมากกวา่ 10 ปี
7 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวข้อง การวิจัยในคร้ังนี้ เป็นการศึกษาเปรียบเทียบความพึงพอใจเกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ท่ีมีอายุการทางานแตกต่างกัน ผู้วิจัยได้ ศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ท่เี กี่ยวขอ้ งตามหวั ข้อต่อไปนี้ 1. วิธีการเรียนการสอนแบบอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-learning) ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 2. แนวคดิ , ปัจจยั และทฤษฎเี กี่ยวกับความพึงพอใจ 3. งานวจิ ยั ท่ีเก่ยี วข้อง 4. กรอบแนวคิดการวจิ ยั 1. วธิ ีการจัดการเรียนการสอนแบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-learning) ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร 1.1 ความหมายของ E-learning ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2551) ให้ความหมายของคาว่า E-learning ว่าหมายถึงวิธีการเรียนใน ลักษณะใดก็ได้ ซึ่งใช้การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครือข่าย อินเทอร์เนต็ สญั ญาณโทรทศั น์หรือสัญญาณดาวเทียม (Satellite) ก็ได้ ซึง่ เน้ือหาสารสนเทศอาจอยู่ในรูปแบบ ใดก็ได้ เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer-Assisted Instruction) การสอนบนเว็บ (Web-Based Instruction) การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียมหรือจากวีดีทัศน์ตาม อัธยาศัย (Video On-Demand) ฐาปนีย์ ธรรมเมธา (2557) กล่าวว่าวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning หมายถึงการใช้ อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางการส่ือสารการเรียนการสอน โดยมีการกาหนดกิจกรรมการเรียนและการสอนที่ ออกแบบด้วยวิธีสอนหลากหลายรูปแบบ มีการนาเสนอเน้ือหาส่ือแบบดิจิตอล การสื่อสาร การมีปฏิสัมพันธ์ และการวัดประเมินผลผ่านระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ดังนั้น อาจสรุปได้ว่าวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning หมายถึงวิธีการเรียนการสอน ทางไกลผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถจัดการเรียนการสอนได้หลากหลาย วิธี โดยมีการนาเสนอเนื้อหา จัดการเรียนการสอน มีปฏิสัมพันธ์และวัดประเมินผลผ่านระบบเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ 1.2 ระดับการใช้ E-learning วธิ กี ารจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning สามารถทาได้ 3 ระดบั (ถนอมพร เลาหจรัสแสง, 2551) ดังนี้
8 1. ใช้เป็นสือ่ เสรมิ (Supplementary) หมายถึงการนา E-learning ไปใชใ้ นลักษณะส่ือเสริม กล่าวคือ นอกจากเน้ือหาที่ปรากฏใน E-learning แล้ว ผู้เรียนยังสามารถศึกษาเนื้อหาเดียวกันนี้ในลักษณะอื่นๆ เพื่อ เป็นสอ่ื เสรมิ การเรยี นรู้ เชน่ จากเอกสารประกอบการสอน, วีดิทศั น์ (videotape) ฯลฯ โดยการใช้ E-learning ในลักษณะน้ีผู้สอนเพียงต้องการจัดหาทางเลือกใหม่อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นส่ือเสริมสาหรับผู้เรียนในการเข้าถึง เน้อื หาและเพ่ือเสรมิ ประสบการณ์เพ่ิมเติมแกผ่ ู้เรยี น 2. ใช้เป็นสื่อเติม (Complementary) หมายถึงการนา E-learning ไปใช้ในลักษณะเพ่ิมเติม จาก วิธีการสอนในลักษณะอ่ืนๆ เช่น ผู้สอนออกแบบเน้ือหาให้ผู้เรียนเข้าไปศึกษาเน้ือหาเพ่ิมเติมจาก E-learning นอกจากการบรรยายในหอ้ งเรยี น 3. ใช้เป็นส่ือหลัก (Comprehensive Replacement) หมายถึงการนา E-learning ไปใช้เป็นสื่อหลัก ในวิธกี ารจดั การเรยี นการสอนแทนการเรียนการสอนบรรยายในห้องเรยี น ผูเ้ รียนจะตอ้ งศกึ ษาและเรียนเน้ือหา ทั้งหมดผ่านทางออนไลน์ ซึ่งวิธีการนาเสนอแบบ E-learning สามารถช่วยในการถ่ายทอดเนื้อหาได้ใกล้เคียง กบั การสอนจรงิ ของครผู สู้ อนโดยสมบรู ณ์ได้ 1.3 องคป์ ระกอบวธิ กี ารจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning วิธีการเรียนการสอนแบบ E-learning เป็นการเรียนทางไกลที่ผู้สอนและผู้เรียนไม่ได้อยู่ในชั้นเรียน และเวลาขณะเดียวกัน แต่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเข้ามาทดแทน โดยมีองค์ประกอบวิธกี าร เรยี นการสอนแบบ E-learning 6 องคป์ ระกอบ ได้แก่ (ฐาปนยี ์ ธรรมเมธา, 2557) 1.3.1 เนื้อหาและสื่อการเรียน เน้ือหา (content) และสื่อการเรียน (instructional media) เป็นหัวใจสาคัญของวิธีการเรียนแบบ E-learning ซง่ึ คณุ ภาพของวธิ กี ารเรียนแบบ E-learning เกดิ จากเน้อื หาท่ีผ้สู อนไดจ้ ัดรวบรวมไว้ เพื่อให้ผเู้ รยี น สามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาและค้นคว้าได้ด้วยตนเอง ด้วยการคิดเชิงวิเคราะห์อย่างมีหลักการและเหตุผล ตามเน้ือหาท่ีจัดเตรียมไว้ให้ โดยเนื้อหาจะถูกถ่ายทอดเป็นส่ือการเรียน (ฐาปนีย์ ธรรมเมธา, 2557) ในวิธีการ เรียนแบบ E-learning ต้องใช้เน้ือหาและสื่อการเรียนเป็นแหล่งความรู้หลักแทนวิธีการเรียนจากผู้สอนในช้ัน เรียน ดังนั้นวิธีการออกแบบ E-learning ต้องให้ความสาคัญกับเนื้อหาและส่ือการเรียนในลักษณะสื่อดิจิตอล โดยมีการออกแบบเนอ้ื หาและสอ่ื การเรยี นท่ียดึ หลักสาคัญอยา่ งน้อย 3 ประการ คือ 1) เนอ้ื หาและสือ่ การเรยี นตอ้ งชัดเจนสมบรู ณ์ ไม่จาเปน็ ต้องพ่งึ พาผสู้ อนให้มาอธบิ ายอีก 2) เน้ือหาสื่อการเรียนต้องออกแบบให้ผู้เรียนสามารถวัดความรู้ ความเข้าใจของตนเองได้เป็นระยะ และประเมินความเข้าใจของตวั เองในภาพรวมได้ 3) เนื้อหาและส่ือการเรียนต้องออกแบบให้เหมาะสมกับผู้เรียนและทางานได้ดีในระบบนาส่ง สารสนเทศ 1.3.2 ระบบการนาส่งสารสนเทศและการสอื่ สาร ระบบนาส่งสารสนเทศและการส่ือสารในวิธีการเรียนแบบ E-learning มีหลายรูปแบบท้ังแบบท่ีใช้ เทคโนโลยีจานวนน้อยจนถึงระบบที่ใช้เทคโนโลยีจานวนมาก ถ้าผู้สอนเลือกใช้ระบบการนาส่งสารสนเทศและ
9 การสือ่ สารที่เหมาะสมกบั ลกั ษณะผู้เรียนและมีความเสถียร จะช่วยสง่ เสริมใหเ้ กดิ คณุ ภาพในวิธีการจัดการเรียน แบบ E-learning ได้อย่างดี ระบบนาส่งสารสนเทศในท่ีน้ี ได้แก่ ระบบบริหารจัดการวิธีการเรียนการสอน (Learning Management System), เคร่อื งมือนาส่งสารในอินเทอร์เนต็ , อปุ กรณ์และเคร่ืองมือในวธิ ีการเรียน แบบ E-learning เปน็ ตน้ 1.3.3 ระบบการส่ือสารและปฏิสัมพันธ์ทางการเรียน การส่ือสารและปฏิสัมพันธ์ทางการเรียน เป็นหัวใจสาคัญของการศึกษาทุกประเภท การส่ือสารและ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอนจะช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้สอนก็จะได้ทราบถึง ความก้าวหน้าของผูเ้ รียน รวมท้ังสามารถวนิ จิ ฉัยความคลาดเคล่ือนในการรับความรู้ของผู้เรยี นและใหค้ วามรู้ที่ ถูกต้องได้ การส่ือสารและการสร้างปฏสิ มั พันธใ์ นวธิ ีการเรียนแบบ E-learning นั้น ต้องใช้เทคโนโลยีการนาส่ง สารสนเทศและการสื่อสาร ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สามารถเชื่อมผู้เรียนและผู้สอนท่ีอยู่ไกลกันให้ สามารถสอื่ สารและปฏสิ ัมพนั ธ์กันเสมือนอยู่ในสถานที่เดยี วกันได้เข้ามาเพ่ิมคุณภาพการศึกษาทางไกลได้อย่าง ดี ระบบการสอื่ สารและปฏสิ มั พนั ธท์ างวธิ ีการเรียนแบบ E-learning มี 2 รูปแบบ คือ 1.3.3.1 ปฏิสมั พนั ธแ์ บบประสานเวลาหรอื ทันทที นั ใด (Synchronize) เปน็ การเรยี นการสอน ท่ีมีผู้ส่งและผู้รับอยู่ในเวลาเดียวกัน โดยใช้การรับ – ส่งข่าวสารข้อมูลภายในเวลาเดียวกันหรือพร้อมกัน เกิด การปฏิสัมพันธ์แบบทันทีทันใด เช่น ห้องสนทนา ( Chat Room) การประชุมผ่านวีดิทัศน์ (Video Conference) เป็นต้น 1.3.3.2 ปฏิสัมพันธ์แบบไม่ประสานเวลาหรือไม่ทันทีทันใด (Asynchronize) เป็นการเรียน การสอนท่ีสรา้ งเวบ็ ไซตข์ ้นึ มา เพื่อใหผ้ ู้เรียนเข้าเรยี นรู้เนอื้ หาเวลาใดหรอื ท่ีใดกไ็ ด้ โดยท่ีผูเ้ รียนและผู้สอนไม่ต้อง รอเพ่ือโต้ตอบกันภายในเวลาเดียวกัน ซ่ึงสามารถใช้เคร่ืองมือส่ือสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น จดหมาย, อิเล็กทรอนกิ ส์ (E-mail), และกระดานขา่ ว (Web-board) เปน็ ตน้ 1.3.4 ระบบการวดั และการประเมินผล การวัดและการประเมินผลในวิธีการเรียนแบบ E-learning ท่ตี อ้ งใชห้ ลกั การประเมนิ ตามแนวทางการ จัดการศึกษาแบบ “เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ” โดยมีการประเมินระหว่างการเรียน (formative evaluation) นั้น ผ้เู รียนจะเป็นผู้ประเมินตวั เองเป็นหลักและผ้สู อนจะเป็นผู้ให้คาแนะนาชว่ ยเหลือ รวมถงึ การประเมินหลังเรียน (summative evaluation) ซึ่งเป็นการประเมินผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ซึง่ สว่ นใหญป่ ระเมินโดยผ้สู อน 1.3.5 ระบบสนับสนนุ การเรียน ระบบสนับสนนุ วิธีการเรียนแบบ E-learning แบ่งเปน็ 3 ระบบ คอื 1. ระบบสนับสนุนการเรียนด้านเทคนคิ (Technical support) เนื่องจากวิธีการเรียนแบบ E-learning ต้องใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายเป็นสาคัญ หากเทคโนโลยีหยุดชะงักหรือสัญญาณเครือข่าย ไม่ดี ส่งผลใหก้ ารเรยี นการสอนมปี ญั หาทนั ที 2. ระบบสนบั สนุนการเรยี นด้านวิชาการ (Academic support) เป็นการสนบั สนุนทางการศกึ ษาด้าน วิชาการและเทคโนโลยีด้าน E-learning เพ่ือให้นักศึกษามีทักษะด้านปัญญา ความรู้ ตามหลักสูตร มีการนา
10 เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการออกแบบและนาส่งบริการสนับสนุนการศึกษา โดยเฉพาะในรูปเว็บไซต์ โดยมีการจัดทาเครื่องมือและคู่มือในการแนะนาบริการ เช่น การจัดทาคู่มือแนะนาบริการสนับสนุนนักศึกษา ออนไลน์ เพอ่ื ให้ความช่วยเหลือและให้คาแนะนาด้านการเรียนการสอน ตามหลกั สูตร (ถนอมพร เลาจรัสแสง, 2552) 3. ระบบสนับสนุนด้านสังคม (Social support) คือ สิ่งท่ีผู้รับได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมในด้าน ความช่วยเหลือทางดา้ นข้อมูลข่าวสาร วัตถุ ส่ิงของหรือการสนับสนุนทางด้านจติ ใจ จากผู้ให้การสนับสนุน ซ่ึง อาจเป็นบุคคลหรือกลุ่มคนเป็นผลให้ผู้รับได้ปฏิบัติหรือแสดงออกทางพฤติกรรมไปในทางที่ผู้รับต้องการ เนื่องจากวิธีการเรยี นการสอนแบบ E-learning ต้องใช้เว็บไซต์ต่างๆ ในการค้นหาข้อมูล ข่าวสารหรือเนื้อหาท่ี จะมาใช้ในการเรียนการสอน ต้องได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมเพ่ือทดแทนสังคมในการเรียนแบบปกติ (Tradition) ที่ขาดหายไปของผู้เรียน รวมท้ังช่วยให้กาลังใจเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความมั่นใจและเกิดความมุ่งม่ันท่ี จะเรียนต่อจนจบรายวิชาหรอื จบตามหลักสูตร (สรงค์กฏณ์ ดวงคาสวัสดิ์, 2555) 1.3.6 ผู้สอนและผเู้ รียน ผู้สอนและผู้เรียนมีความสาคัญกับวิธีการเรียนการสอนแบบ E-learning ซ่ึงเป็นระบบการศึกษา ทางไกล ความพร้อมของผู้สอนและผู้เรียน เจตคติ (ทัศนคติ) ความรู้ ความเข้าใจในบริบทการเรียนการสอน ทางไกลของผู้เรียนและผู้สอนแบบ E-learning และการปฏิบัติตัวท่ีถูกต้องจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสัมฤทธิ์ผล ทางการเรยี นการสอนได้เป็นอย่างดี 1.4 ขอ้ ดีของวธิ กี ารจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning วธิ ีการเรียนการสอนแบบ E-learning มีขอ้ ดี ดังน้ี (ฐาปนีย์ ธรรมเมธา, 2557) 1. ความยืดหยุ่น ความสะดวกสบายและการเข้าถึงข้อมูลของผู้เรียน ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเน้ือหา บทเรยี นตามความต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยไมจ่ ากัดสถานที่และเวลา ผ้เู รียน สามารถเข้าถึงข้อมูลท่ีหลากหลายทางอินเทอร์เน็ตและสามารถกากับการเรียนตามความสนใจของตนเอง ดังนน้ั วิธีเรยี นแบบ E-learning จะชว่ ยเพิม่ ความพึงพอใจและลดความเครยี ดของผู้เรียนได้อกี ทางหน่ึง สาหรบั ผ้ทู ต่ี อ้ งการเรียนรทู้ ี่บา้ นหรอื ที่ใดๆ ทไ่ี มใ่ ช่สถานศึกษา 2. ระยะเวลาการเรียน E-learning ช่วยประหยัดเวลาและช่วยลดเวลาในการเดินทางของผ้เู รยี น โดย ไม่ต้องเดินทางมาเรียนท่ีโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย นอกจากน้ียังสามารถกาหนดเวลาการเรียนและกิจกรรม การเรียนรู้ของตนเองได้อีกดว้ ย 3. การเงินและค่าใช้จ่าย วิธีการเรียนแบบ E-learning ช่วยให้ผู้เรียนประหยัดค่าใช้จ่ายของการ เดินทาง ค่าท่ีพักและอาหาร ตลอดจนค่าวัสดุอุปกรณ์และคู่มือการเรียนการสอน ส่วนสถาบันการศึกษา สามารถลดคา่ ใชจ้ ่ายดา้ นอาคารสถานท่ี เงนิ เดอื นของผู้สอน รวมถึงเจ้าหนา้ ทีใ่ นสถาบันได้ 4. การส่ือสารและปฏิสัมพันธ์ทางการเรียน วิธีการเรียนแบบ E-learning ทาให้การติดต่อสื่อสารผา่ น ช่องทางอินเทอร์เน็ตระหว่างผู้สอนและผู้เรียนสะดวกขึ้น ท้ังน้ีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียนมีความ
11 รวดเร็วกว่าการเรียนในห้องบรรยายใหญ่ ซ่ึงปฏิสัมพันธ์ในวิธีการเรียนแบบ E-learning ช่วยให้ผู้สอนและ ผ้เู รียนใกล้ชดิ กันผา่ นเทคโนโลยี 5. ผู้สอนสามารถเสนอเน้ือหา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแก้ไขเน้ือหาและสื่อการสอนได้ง่าย และสะดวกผา่ น E-learning จงึ ทาใหผ้ ้สู อนสามารถนาเสนอขอ้ มูลทีท่ ันสมัยอย่เู สมอ 6. วิธีการเรียนแบบ E-learning สามารถให้ผลย้อนกลับต่อการเรียนได้รวดเร็ว โดยสามารถแสดงผล จากการวดั และการประเมนิ ผลไดท้ นั ที 1.5 ขอ้ จากัดวิธกี ารจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning ข้อจากดั ของวธิ ีการเรยี นการสอนแบบ E-learning ท่ีสาคัญ มดี งั นี้ (ฐาปนยี ์ ธรรมเมธา, 2557) 1. เทคโนโลยีเครอื ข่ายการสอ่ื สาร ซ่ึงอาจจะไม่สามารถใช้ได้ในบางพ้ืนท่ีของประเทศหรือการเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตช้า ส่งผลกระทบต่อกระบวนการเรียนรู้เพราะจะทาให้ผลการรับสารผ่านสื่อประเภทกราฟิก มัลตมิ เี ดียเป็นไปไม่ไดห้ รือมีความล่าชา้ 2. การขาดการติดต่อหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและเพ่ือนร่วมชั้น ส่งผลให้ผู้เรียนบางคนอาจเกิด ความรู้สึกเหงา เกิดความล้มเหลวในการเรียนเนื่องจากพฤติกรรมการเรียนไม่ดีหรือมีแรงจูงใจในการเรียนมี น้อย 3. เม่ือผู้เรียนต้องการความช่วย อาจารย์ผู้สอนอาจไม่สามารถให้การช่วยเหลือและสร้างปฏิสัมพันธ์ กับผู้เรยี นได้โดยตรง 4. วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning มีความซับซ้อน ในด้านทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และการจัดการซอฟแวร์ ทาใหผ้ เู้ รยี นท่ีขาดทกั ษะในดา้ นดังกล่าว ไดร้ บั ผลกระทบทางด้านการเรยี นรไู้ ด้ ดังนั้นวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning จะเกิดผลดีหากผู้ใช้งานมีทักษะในการใช้งานดา้ น เทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้เรียนสามารถย้อนกลับไปศึกษาเนื้อหาบทเรียนได้ไม่จากัดจานวนครั้ง และชว่ ยประหยัดค่าใชจ้ ่ายของการเดนิ ทางคา่ ท่ีพักและอาหาร ตลอดจนค่าวสั ดุ อปุ กรณแ์ ละคูม่ ือการเรียนการ สอนได้ แต่ถ้าผู้ใช้งานไม่มีทักษะในการใช้งานด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเทคโนโลยี เครือข่ายการสื่อสารในพื้นที่น้ัน จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการเรียนรู้ได้ เมื่อผู้เรียนขาดปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด กับอาจารย์ผู้สอนและเพื่อนร่วมช้ัน ทาให้เกิดความรู้สึกเหงาและโดดเด่ียว ส่งผลกระทบต่อความสนใจในการ เรียนได้ 1.6 วิธกี ารใช้ E-learning ในคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้พัฒนาวิธีการจัดการเรียนการสอนที่ทันสมัยและทันตอ่ เหตุการณ์ ซ่ึงนาวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็น รูปธรรมมากขึ้น ตั้งแต่มีการประกาศให้จัดวิธีการเรียนการสอนแบบ E-learning จากสถานการณ์การระบาด ของโรค COVID-19 ผู้สอนและผู้เรียนใช้คอมพิวเตอร์และใช้บทเรียน รวมถึงส่ือการสอนท่ีทางคณะผู้บริหาร และคณะอาจารย์ได้พัฒนาบทเรียนออนไลน์ข้ึน เพื่อใช้ประกอบการจัดการเรียนการสอนในวกิ ฤตสถานการณ์ ทีไ่ มส่ ามารถจัดวิธีการเรยี นการสอนแบบเดมิ ได้น้ี โดยผูส้ อนจะจัดทาเน้ือหาบทเรียนในแตล่ ะวิชาตามหลักสูตร
12 แบบ E-learning ของทางมหาวิทยาลัย เพ่ือใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้ในสถานการณ์นี้ ผู้เรียนจะได้ ศึกษาเน้ือหาของบทเรียนผ่านคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีเครือข่ายการส่ือสาร ใน การเรียน ดังนั้นวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย นเรศวร จึงทาให้เกิดการเรียนรู้ในรูปแบบการเรียนทางไกลที่ผู้สอนและผู้เรียนไม่ได้อยู่ในช้ันเรียนและเวลา ขณะเดยี วกัน แต่จะใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารเข้ามาทดแทน โดยในภาคฤดูร้อนปีการศึกษา 2562 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดวิธีการเรียน การสอนภาคทฤษฎีให้กับนิสิตหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตชั้นปีที่ 2 ช้ันปีที่ 3 และช้ันปีท่ี 4 จานวน 18 รายวิชา ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. จติ สาธารณะเพอ่ื การบริการ 2. มโนมติ ทฤษฎแี ละวชิ าชีพการพยาบาล 3. การสร้างเสรมิ สุขภาพและการป้องกนั ความเจบ็ ปว่ ย 4. การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพ 5. กฎหมายและจรยิ ศาสตรส์ าหรับพยาบาล 6. วจิ ยั เบ้อื งต้นทางการพยาบาล 7. การพยาบาลสขุ ภาพจติ 8. การพยาบาลจิตเวช 9. การพยาบาลอนามยั ชุมชน 1 10. การพยาบาลอนามัยชุมชน 2 11. การพยาบาลมารดา ทารก และผดุงครรภ์ 1 12. การพยาบาลมารดา ทารก และผดุงครรภ์ 2 13. การพยาบาลเด็ก 14. การพยาบาลผู้ใหญแ่ ละผ้สู ูงอายุ 2 15. การพยาบาลผใู้ หญแ่ ละผูส้ ูงอายุ 3 16. การรักษาพยาบาลเบอ้ื งต้น 17. สัมมนาประเด็นและแนวโนม้ ของวชิ าชพี 18. การจดั การทางการพยาบาล นอกจากน้ียังได้มกี ารจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning ต่อเน่ืองถึงภาคเรียนต้นปกี ารศกึ ษา 2563 กับนิสิตทุกหลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการ พยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาบริหารการพยาบาลและหลักสูตร พยาบาลศาสตรมหาบัณฑติ สาขาเวชปฏิบัตชิ มุ ชน 9 รายวิชา ดังนี้ 1. ระบบสุขภาพและการจัดการทางการพยาบาล 2. ทฤษฏีทางการพยาบาล
13 3. ระเบียบวธิ วี ิจยั และสถติ ิดา้ นวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพ 4. การเสรมิ สร้างสุขภาพครอบครวั และการให้คาปรกึ ษา 5. หลักสตู รและการสอนทางการพยาบาล 6. การบรหิ ารจัดการคุณภาพการบรกิ าร 7. การพยาบาลในคลินกิ เฉพาะสาขาวชิ า 8. การพยาบาลเวชปฏิบัติชมุ ชน 1 9. วิทยานพิ นธ์ 2 2. แนวคดิ และทฤษฎเี กี่ยวกับความพึงพอใจ 2.1 ความหมายของความพึงพอใจ จรสั โพธ์จิ นั ทร์ (2553) ความพึงพอใจ หมายถึงความรู้สึกของบุคคลที่มีต่อสิง่ ใดสง่ิ หนึ่งหรือความรู้สึก ทมี่ คี วามสุขของบุคคล อาจจะเป็นความรสู้ ึกทางบวก ทางเปน็ กลางหรือทางลบ ซึง่ เกดิ มาจากการกระทาสิ่งใด ส่ิงหน่ึง เช่น การปฏิบัติงานและได้ผลในทางบวก ทาให้บุคคลมีขวัญกาลังใจ มีความมุ่งม่ันที่จะทาให้สิ่งน้ันเกดิ ความสาเร็จและก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวของบุคคลเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของการทางานได้ กล่าวคือถ้าบุคคลมีความพึงพอใจในการทางานก็จะสามารถทางานออกมาได้ สาเรจ็ กชกร เป้าสุวรรณ และคณะ (2550) ได้กล่าวถึงความหมายของความพึงพอใจว่าเป็นการแสดงออก ของทัศนคติต่อส่ิงใดสิ่งหนึ่งในแต่ละบุคคล อันมีผลมาจากประสบการณ์ท่ีแต่ละบุคคลได้รับ เมื่อสิ่งน้ัน ตอบสนองตามความต้องการก็จะทาให้เกิดความรู้สึกทางบวกหรือความพึงพอใจ แต่ในทางตรงกันข้ามหากสิ่ง นัน้ ไม่ตอบสนองตอ่ ความต้องการก็จะทาใหเ้ กิดความรสู้ ึกทางลบหรอื เป็นความรูส้ กึ ที่ไม่พงึ พอใจได้ สุภัทรา ม่ิงปรีชา (2550, หน้า 11) สรุปได้ว่าความพึงพอใจ หมายถึงความรู้สึกหรือทัศนคติทางด้าน บวกของบคุ คลที่มตี ่อส่ิงใดสงิ่ หน่ึง ซึ่งจะเกิดขนึ้ ก็ต่อเมือ่ สิง่ น้ันสามารถตอบสนอง ความตอ้ งการให้แก่บุคคลนั้น ได้ทง้ั นีค้ วามพึงพอใจของแตล่ ะบคุ คลย่อมมคี วามแตกตา่ งกนั ไป คมสัน อินทเสน และคณะ (2560, หน้า 8) สรุปได้ว่าความพึงพอใจ หมายถึงความรู้สึกของบุคคลท่ี ได้รับการตอบสนองจากการปฏิบัติงานและได้รับผลตอบแทนจนทาให้เกิดความสุขทาให้บุคคลเกิดความรู้สึก กระตือรอื รน้ มคี วามมงุ่ มน่ั ทจี่ ะทางานเกดิ ขวัญและกาลังใจสง่ ผลใหง้ านมีประสิทธภิ าพและประสบผลสาเร็จ ดิเรก กฤษ์หร่าย (2558) ให้ความหมายวา่ ความพึงพอใจ หมายถึง ทัศนคติทางบวกของบุคคลที่มีต่อ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นความรู้สึกหรือทัศนคติที่ดีต่องานท่ีทาของบุคคลที่มีต่องานในทางบวก ทาให้บุคคลมีความ กระตอื รือร้น มคี วามสขุ ในการทีจ่ ะทางาน จะสง่ ผลต่อประสทิ ธิภาพในการทางานของบคุ คลน้นั ด้วย สรุปวา่ ความพึงพอใจ หมายถึง พฤติกรรมของมนุษย์ซ่ึงเป็นนามธรรมที่ไม่สามารถมองเหน็ หรืออีกนัย หน่ึง คือทัศนคติทางบวกของมนุษย์ที่มีต่อสง่ิ ใดส่ิงหน่ึง และความพึงพอใจนั้นอาจจะเกิดข้ึนเมื่อได้รบั ผลสาเรจ็ ตามความมุ่งหมาย ตามประสบการณข์ องแต่ละบคุ คล รวมทั้งเปน็ ความร้สู กึ ขน้ั สดุ ทา้ ยทไี่ ดร้ บั ตามวตั ถุประสงค์
14 ดังนั้น ความพึงพอใจของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร หมายถึง การแสดงออกถึง ทศั นคติทางบวกของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ทีม่ ตี ่อการวิธกี ารจัดการเรยี นการสอน แบบ E-learning 2.2 ปจั จยั ทีส่ มั พันธ์กบั ความพงึ พอใจ ปัจจัยทีม่ ีความสมั พันธท์ กี่ ่อให้เกิดความพงึ พอใจนั้น ในด้านของปจั จัยสว่ นบุคคล ท่ีมอี งคป์ ระกอบ คือ อายุ แม้จะมีผลต่อการทางานไม่เด่นชัด แต่อายุก็เกี่ยวข้องกับระยะเวลาและอายุการทางาน ผู้ท่ีมีอายุมาก มักจะมีอายุการทางานนาน แต่ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและสถานการณ์ในการทางานด้วย ระดับการศึกษาก็ อาจมีผลกับความพึงพอใจในการปฏบิ ัติงานได้ ทั้งน้ีต้องข้ึนอยู่กับสถานการณ์และลักษณะงานท่ีทา ซ่ึงปัจจัยท่ี มีผลต่อความพึงพอใจในการทางานและเตม็ ใจที่จะปฏิบัติงานให้สาเร็จตามจุดมุ่งหมายที่สาคัญนั่นคือ อายุการ ทางาน ซึง่ ผูท้ ีม่ อี ายุการทางานนาน นนั่ หมายถึงมีประสบการณ์ในการทางาน มคี วามรู้ความชานาญในงานมาก ข้ึน ทาให้เกิดความพึงพอใจในการปฏิบัติงานได้ นอกจากน้ียังมีปัจจัยด้านอื่นๆ ท่ีอาจมีความสัมพันธ์กับความ พงึ พอใจในการปฏบิ ัติงาน เชน่ อานาจตามตาแหน่งหนา้ ท่ี สภาพการทางาน ความรับผิดชอบ ระดับเงนิ เดือน เป็นต้น (ปรยี าพร วงศ์อนุตรโรจน.์ 2544 อ้างอิงใน สนั ติ โกเศยโยธนิ . 2554 : 6-8) ดังน้ัน หากมีการรับรู้ในปัจจัยต่างๆที่มีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจ โดยเฉพาะอายุการทางาน ทาให้ สามารถนาไปเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการทางานให้มีประสิทธิภาพต่อไปได้ ทางคณะผู้วิจัยจึงได้ สนใจท่ีจะศึกษาในกลุ่มอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ท่ีมีอายุการทางานท่ีแตกต่างกัน เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning และสามารถนาไปเป็นข้อมูลใน การพฒั นารูปแบบการจดั การเรียนการสอนตอ่ ไปได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพยิง่ ข้นึ 2.3 ทฤษฎที ีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ความพึงพอใจ Herzberg (1959,pp. 45-49) ซงึ่ เปน็ ผู้พัฒนาทฤษฏีแรงจูงใจ (Motivation Maintenance Theory) ได้กล่าวว่า การที่บุคคลจะเกิดความพึงพอใจได้น้ัน ต้องเกิดจากแรงจูงใจ โดย Herzberg แบ่งปัจจัยเกี่ยวกับ แรงจูงใจในการทางานออกเป็น 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านแรงจูงใจ (Motivation factor) และปัจจัยค้าจุน (Maintenance factor) ซึ่งปัจจัยด้านแรงจูงใจเป็นสิ่งท่ีทาให้บุคคลในองค์กรเกิดความพึงพอใจในการทาสิ่งที่ ต้องการ เช่น บุคคลเกิดความพึงพอใจในการทางาน ซึ่งจะประกอบด้วยความสาเร็จในการทางาน การได้รับ การยอมรับนบั ถือ ลกั ษณะของงานท่ีปฏิบตั ิ ความรบั ผิดชอบและความก้าวหน้าในการทางาน สว่ นปจั จยั คา้ จุน (Maintenance Factor) เป็นปัจจัยท่ีจูงใจให้บุคลากรเกิดความชอบในการทางานและสามารถทางานให้เกิด ประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เงินเดือน โอกาสการได้รับ ความก้าวหน้าในอนาคต ความสัมพันธ์กับผูบ้ ังคับบญั ชา สถานะของอาชีพ เป็นต้น นอกจากน้ี Herzberg (1959,pp. 45-49) ยังกล่าวว่า ปัจจัยท่ีส่งผลให้เกิดความพึง พอใจต่อส่ิงใดสงิ่ หน่ึงนั้น ไดแ้ ก่ การทีบ่ คุ คลสามารถบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ได้ตามเป้าหมาย การมีสภาพแวดล้อมท่ี ดีและการมีความสัมพันธ์ที่ดีระหวา่ งบุคคลโดยไม่มีอคตเิ ข้ามาเกี่ยวข้อง ดังน้ันถ้าอาจารยค์ ณะพยาบาลศาสตร์ มีแรงจูงใจที่ดีในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ซึ่งอาจเกิดจากวิธีการจัดการเรียนการสอนท่ี
15 ประสบความสาเร็จหรือไม่พบอุปสรรคในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning อาจส่งผลให้อาจารย์ คณะพยาบาลศาสตรม์ คี วามพงึ พอใจตอ่ วธิ ีการจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning ในระดบั มาก 3. งานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง กนกวรรณ มณีฉาย และแสงดาว ประสิทธิสุข (2560) ได้ศึกษาปัจจัยท่ีมีผลต่อความพึงพอใจในการ เรียนรู้แบบออนไลน์ของพนักงานธนาคารออมสิน เขตสุราษฎร์ธานี การศึกษาวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ เพ่ือ ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบออนไลน์ ศึกษาระดับความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบ ออนไลน์และศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบออนไลน์ของพนักงาน ธนาคารออมสิน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจยั คร้ังนี้ประกอบด้วย พนักงานธนาคารออมสิน ทั้งพนักงานประจา และลูกจ้างในเขตพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งหมด 27 สาขา จานวนทั้งส้ิน 263 คน ผลการวิจัยพบว่า พนกั งานธนาคารออมสนิ เขตสุราษฎรธ์ านี มีความพงึ พอใจในการเรียนรู้แบบออนไลน์อยู่ในระดบั มากและด้าน ท่ีมีค่าเฉลี่ยมากท่ีสุด คือสถานที่ท่ีใช้ในการบริการการเรียนรู้แบบออนไลน์มีความเหมาะสม รองลงมาคือ ปริมาณของเครื่องคอมพิวเตอร์ในการพัฒนาการเรียนรู้แบบออนไลน์มีปริมาณท่ีเพียงพอ ส่วนด้านที่มีคะแนน เฉล่ียน้อยสุด คือการเรียนรู้แบบออนไลน์ มีรูปแบบการจัดกิจกรรมท่ีหลากหลายเหมาะสมกับการเรียนรู้ สาหรับการเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลกับความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบออนไลน์ของพนักงานธนาคาร ออมสิน เขตสุราษฎร์ธานี พบว่าเพศ ระดับ การศึกษาและแผนกท่ีปฏิบัติงานปัจจุบันท่ีแตกต่างกันของผู้ตอบ แบบสอบถาม มีความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบออนไลน์ไม่แตกต่างกัน ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ งานและตาแหน่งหน้าท่ีปัจจุบันท่ีแตกต่างกัน มีความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบออนไลน์แตกต่างกัน อย่างมี นยั สาคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ 0.05 กรธนวัฒน์ วุฒิญาณ (2560) ได้ศึกษาความพึงพอใจการเรียนภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ผ่านทาง โปรแกรม Skype ของนักเรยี นในสถาบันสอนภาษา ECC การศกึ ษาการวจิ ยั ครง้ั นมี้ จี ุดประสงค์เพอื่ ศึกษาความ พึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ผ่านทางโปรแกรม Skype เพ่ือ จาแนกความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการเรียนภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ผ่านทางโปรแกรม Skype กลุ่ม ตัวอย่างทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัยครั้งนี้ คือนกั เรียนท่เี ข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ในทุกระดบั ของสถาบันกวด วชิ า ECC จานวน 200 คน ผลการวิจัยพบว่าความพึงพอใจของนักเรียนตอ่ การเรยี นภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ ผ่านทางโปรแกรม Skype อยู่ในระดับมาก ท่ีเหลือเป็นไปในระดับปานกลาง คือด้านครูผู้สอน โดยท่ีนักเรียน ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการเรียนภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ผ่านทางโปรแกรม Skype ด้านรูปแบบและ เนื้อหามากท่ีสุด ซึ่งปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านเพศที่ต่างกัน มีผลต่อความพึงพอใจท่ีมีต่อการเรียน ภาษาอังกฤษผ่านการใช้โปรแกรม Skype แตกต่างกัน โดยกลุ่มผู้ใช้บริการเพศหญิงจะมีความพึงพอใจท่ีมีต่อ การเรยี นภาษาองั กฤษผ่านการใช้โปรแกรม Skype สงู กวา่ กลมุ่ ผูใ้ ช้บริการเพศชาย ลกั ษณะส่วนบุคคลดา้ นอายุ ที่ต่างกัน มีผลต่อความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนภาษาอังกฤษผ่านการใช้โปรแกรม Skype ไม่แตกต่างกันและ ลกั ษณะสว่ นบุคคลดา้ นระดับการศึกษาทต่ี า่ งกัน มีผลตอ่ ความพึงพอใจทม่ี ีต่อการเรยี นภาษาองั กฤษผ่านการใช้
16 โปรแกรม Skype แตกตา่ งกัน อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถติ ิท่ี .05 โดยกลุ่มนักเรียนระดับการศกึ ษามัธยมปลายจะ มีความพึงพอใจต่อการเรียนภาษาอังกฤษผ่านการใช้โปรแกรม Skype ในภาพรวมต่ากว่านักเรียนระดับ การศึกษาปริญญาตรี 4. กรอบแนวคดิ การวจิ ยั ตัวแปรอิสระ ตวั แปรตาม อายกุ ารทางานของอาจารย์ ความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรยี นการสอน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร แบบ E-learning ของอาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
17 บทที่ 3 วิธีดาเนินการวจิ ยั การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive study) เพ่ือศึกษาเปรียบเทียบความพึง พอใจเกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย นเรศวร ที่มีอายุการทางานแตกต่างกัน โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้ ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง ประชากร ประชากรท่ใี ช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คอื อาจารยค์ ณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร จากการ สารวจพบว่ามี จานวนอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร ทงั้ สิ้นมจี านวน 58 ราย ประชากรเป้าหมาย คือ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ท่ีมีประสบการณ์การ จัดการเรียนการสอนด้วยวิธี E-learning ในภาคเรียนฤดูร้อนปี 2562 และภาคต้นปี 2563 จากการสารวจ พบว่ามีจานวน 51 ราย ดังน้ันประชากรของการศกึ ษาครง้ั นีม้ เี ทา่ กบั 51 ราย กลุ่มตวั อย่าง เน่ืองจากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีมีจานวนประชากรแน่ชัด จึงคานวณกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ สูตรทาโร ยามาเน่ (Taro Yamane) (Yamane, 1973 อ้างใน บญุ ใจ ศรีสถิตย์นรากรู , 2553) ������ = 1 N + Ne2 ทร่ี ะดับความเชื่อมน่ั 95% เมอ่ื N = ขนาดประชากร e = ความคลาดเคล่อื นของการสมุ่ ตัวอย่าง n = ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง คานวณกล่มุ ตัวอย่างจากสตู รได้ดังนี้ n = 51 1+51 (0.05)2 n = 45.23 = 45 และเพ่ือป้องกันการสูญหายของตัวอย่าง เมื่อเพ่ิมจานวนกลุ่มตัวอย่างอีกร้อยละ 10 (Pilot & Beck, 2004) คดิ เปน็ จานวน 4.5 = 5 คน รวมไดต้ ัวอย่างจานวน 50 คน
18 นอกจากนี้ถ้าพิจารณาหลักเกณฑ์การกาหนดขนาดตัวอย่างโดยพิจารณาจากจานวนตัวแปร ซ่ึงจานวน ตวั อย่างต่อหน่งึ ตวั แปรควรมอี ยา่ งน้อย 10 ราย (Roscoe. 1975: 184 อ้างองิ ใน กัญญส์ ริ ิ จันทร์เจริญ. ม.ป.ป.) งานวิจัยน้ีมีจานวน 2 ตัวแปร จึงควรมีจานวนตัวอย่างอย่างน้อย 20 รายต่อกลุ่ม น่ันหมายถึงจะใช้จานวน ตัวอย่าง 40 รายเป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจานวนประชากรในการศึกษาวจิ ัยครั้งน้ี มีจานวนน้อย คือ 51 ราย ผู้วิจัยจึงเลือกประชากรทุกรายเป็นกลุ่มตัวอย่าง ดังน้ันกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจยั คร้ังนีม้ ีจานวน 51 ราย เกณฑ์การคดั เข้า (inclusion criteria) 1. ปฏิบัติงานจริงท่ีคณะพยาบาลศาสตร์ในภาคเรยี นฤดูร้อนปกี ารศึกษา 2562 และภาคเรียนต้นปี การศกึ ษา 2563 2. มีประสบการณ์การสอนในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ในภาคเรียนฤดูร้อนปี การศกึ ษา 2562 หรือภาคเรยี นตน้ ปีการศึกษา 2563 อยา่ งนอ้ ย 1 รายวิชา 3. มีความยนิ ดที ่จี ะเข้าร่วมงานวจิ ัยในครั้งน้ี เกณฑก์ ารคัดออก (exclusion criteria) 1. ต้องการยกเลกิ การเข้ารว่ มวจิ ยั ระหว่างการดาเนินการ 2. มภี าวะเจ็บปว่ ยกะทันหันไมส่ ามารถใหข้ ้อมูลในงานวจิ ัยครง้ั น้ีได้ เครือ่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นการวิจยั เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยนี้ เป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยพัฒนาข้ึนจากการ ทบทวนจากเอกสารตาราท่ีเกี่ยวข้องเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) จานวน 1 ชุด แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังน้ี สว่ นที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม เป็นแบบสอบถามเก่ียวกับข้อมูลท่ัวไป ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา และอายุการทางานท่ีคณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ส่วนที่ 2 เป็นแบบสอบถามความพงึ พอใจตอ่ วิธีการจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning แบบสอบถามนี้ พัฒนาขึ้นโดยผู้วิจัยที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม ซ่ึงเป็นแบบสอบถามความพึง พอใจตอ่ วธิ ีการจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning จานวนคาถามของแบบสอบถามความพงึ พอใจต่อวิธีการ จดั การเรียนการสอนแบบ E-learning ทงั้ สนิ้ 9 ข้อ โดยแบง่ ระดบั ความพงึ พอใจเปน็ 5 ระดับ ดงั น้ี 5 หมายถึง มีความพงึ พอใจอยูใ่ นระดับมากทส่ี ดุ 4 หมายถึง มีความพงึ พอใจอยใู่ นระดับมาก 3 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยูใ่ นระดับปานกลาง 2 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย 1 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยใู่ นระดับน้อยทีส่ ุด
19 การแปลผลคะแนนระดับความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม ผู้วิจัยใช้เกณฑ์เฉล่ีย ในการแปลผลซ่ึงสามารถคานวณจากสูตรดังต่อไปน้ี ความกวา้ งของอันตรภาคชัน้ = คะแนนสูงสดุ −คะแนนต่าสดุ ชว่ งคะแนน = 5−1 จานวนช้ัน 5 เกณฑ์การจัดลาดับค่าเฉล่ียในการวัดระดับพึงพอใจของผู้ตอบแบบส อบถามในการศึกษาคร้ังนี้ ได้ กาหนดใหม้ อี นั ตรภาคช้ันเท่ากัน คือ 0.8 ดงั น้ี ระดับคะแนนเฉลยี่ ระดบั ความพึงพอใจ 4.21 - 5.00 มีความพงึ พอใจอยใู่ นระดับมากทสี่ ดุ 3.41 - 4.20 มีความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มาก 2.61 - 3.40 มีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั ปานกลาง 1.81 - 2.60 มคี วามพงึ พอใจอย่ใู นระดับนอ้ ย 1.00 - 1.80 มีความพึงพอใจอย่ใู นระดบั น้อยทส่ี ดุ การทดสอบเครอ่ื งมอื จะนาแบบสอบถามท่ีสร้างข้ึนมาตรวจสอบหาความเที่ยงตรง ( Validity) และความเชื่อม่ัน (Reliability) ดังน้ี 1. การหาความเทย่ี งตรง (Validity) โดยการหาความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) ที่นาแบบสอบถามใหผ้ ูเ้ ชย่ี วชาญดา้ นวิธีการ จัดการเรียนการสอนแบบ E-learning จานวน 3 ท่าน พิจารณาความสอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับเน้ือหา สาระที่กาหนด รวบรวมความคิดเหน็ ของผ้เู ชี่ยวชาญมาแจกแจงระดับความคิดเหน็ จากน้ันรวบรวมจานวนขอ้ คาถามที่ผู้เช่ียวชาญทุกคนให้ความคิดเห็นหาค่าดัชนีความเที่ยงตรงของเนื้อหา (Content Validity Index : CVI) (ประสพชัย พสุนนท์, 2558) จากสูตร CVI = ∑ ������3,4 N เม่ือ ∑ ������3,4 = จานวนคาถามทผี่ เู้ ชีย่ วชาญทกุ คนให้ความคิดเหน็ ในระดับ 3 และ 4 N = จานวนคาถามทั้งหมด
20 เกณฑข์ องดัชนคี วามเทยี่ งตรงของเนอื้ หาจาแนกได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้ (ประสพชยั พสุนนท์, 2558) 1 หมายถงึ คาถามไม่มีความสอดคลอ้ ง (not revision) 2 หมายถงึ คาถามตอ้ งปรับปรุง จงึ จะมีความสอดคลอ้ ง (item need some revision) 3 หมายถึง คาถามมีความสอดคลอ้ ง หากมีการปรบั ปรงุ เล็กน้อย (relevant but need minor revision) 4 หมายถงึ คาถามมคี วามสอดคล้องมาก (vary relevant) โดยกาหนดเกณฑ์การพิจารณาระดับค่าดัชนีความตรงตามเน้ือหาของเคร่ืองมือที่ยอมรับได้ คือ .70 ขึ้น ไปจงึ ยอมรบั ไดแ้ ละนาแบบสอบถามไปปรบั ปรุงตามคาแนะนาของผ้เู ชีย่ วชาญ 2. การทดสอบความเชอื่ มน่ั (Reliability) หลังจากท่ีได้ปรับปรุงแบบสอบถามแล้ว จากนั้นนาแบบสอบถามความพึงพอใจต่อวธิ ีการจดั การเรียน การสอนแบบ E-learning ที่ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงตามเนื้อหาไปทดลองใช้ (Try Out) กับกลุ่มท่ีมี ลักษณะใกล้เคียงกับตัวอย่างจานวน 30 คน คือ อาจารย์คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และนา ข้อมูลท่ีได้มาวิเคราะห์หาค่าความสอดคล้องภายใน โดยการหาค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟาครอนบัค (Cronbach’s Alpha Coefficient : ∂) จากสตู ร ดังนี้ (ประสพชัย พสนุ นท์, 2558) ∂สูตร = ������ 1− ∑ ������������2 ������−1 ������������2 กาหนด ∂ หมายถึง สมั ประสิทธคิ์ วามเชือ่ มนั่ ของเครอ่ื งมอื K หมายถงึ จานวนข้อคาถามที่ใช้วดั Si2 หมายถึง ค่าความแปรปรวนรายข้อของคะแนน St2 หมายถึง ค่าความแปรปรวนของคะแนนทุกข้อ โดยกาหนดเกณฑ์การพจิ ารณาระดบั ค่าความเที่ยงเคร่ืองมือทย่ี อมรบั ได้ คือ .70 ขึ้นไป การเกบ็ รวมรวมข้อมูล หลังจากได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ในการทาวิจัย ผู้วิจัยจะดาเนินการ เก็บรวบรวมข้อมูลดว้ ยตนเอง โดยดาเนินการตามขั้นตอนดงั น้ี 1. ผู้วิจัยจัดทาหนังสือถึงคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพ่ือขอความอนุเคราะห์ ในการเกบ็ ข้อมูล 2. ส่งอีเมลไปนัดหมายกลุ่มตัวอย่างทางออนไลน์ เพื่อแนะนาตัวและอธิบายวัตถุประสงค์ ข้ันตอน การดาเนินงาน วิธีการเก็บข้อมูลและประโยชน์ในการจัดโครงการวิจัย พร้อมกับให้ลงลายมือช่ือ ในหนังสอื แสดงความยินยอมการเขา้ รว่ มโครงการวิจยั แบบออนไลน์
21 3. เม่ือกลุ่มตัวอย่างยินยอม ดาเนินการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์และให้ผู้เข้าร่วมวิจัย ทาแบบสอบถามโดยไม่กาหนดเวลา และให้สง่ กลับมาทางออนไลน์ภายใน 3 วนั นับต้ังแต่วันที่เริ่ม แจกแบบสอบถามออนไลน์ หากผู้เข้าร่วมการวิจัยต้องการท่ีจะยุติการให้ข้อมูลขณะทา แบบสอบถาม ใหผ้ ู้เขา้ ร่วมการวจิ ัยนน้ั ถอนตวั ออกไดโ้ ดยไมบ่ งั คบั หรือข่มขู่ 4. เมื่อผู้วิจัยรวบรวมแบบสอบถามได้ครบถ้วนแล้ว ผู้วิจัยจะตรวจสอบความสมบูรณ์ของ แบบสอบถามเพ่อื ดาเนนิ การขัน้ การวิเคราะห์ขอ้ มูล การวิเคราะห์ข้อมลู ผู้วิจัยนาแบบสอบถามที่มีความสมบูรณ์มาบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรมสาเรจ็ รูป ทางคอมพวิ เตอร์ (SPSS version 17) โดยใชส้ ถติ ิดงั นี้ 1. วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมวิจัย ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษาและอายุการทางานของ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจกแจง ความถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 2. วิเคราะห์ระดับความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ด้วยสถิติค่าเฉล่ีย (mean) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (SD) 3. เพ่ือเปรียบเทียบความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ระหว่างอาจารย์คณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ท่ีมีอายุการทางานที่แตกต่างกัน ด้วยสถิติ Independent t-test
22 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาระดับความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และเปรียบเทียบความพึงพอใจในวิธีการ จัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มีอายุการ ทางานแตกต่างกัน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษาคือ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จานวน 51 ราย ผู้วิจัยได้นาข้อมูลในการตอบแบบสอบถามถึงอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ จานวน 51 ฉบับ และได้แบบสอบถามกลับคืนมา จานวน 32 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 62.75 ของแบบสอบถามทั้งหมด ผู้วิจัยนา ขอ้ มูลทีไ่ ด้มาวิเคราะห์และเสนอผลการวิเคราะห์ แบง่ เป็น 3 ตอน ดงั น้ี ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของกลุ่มตวั อยา่ ง ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจของกลุ่มตัวอย่าง ตอนท่ี 3 เปรยี บเทยี บความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง ตอนที่ 1 ข้อมลู ท่วั ไปของกลุ่มตวั อยา่ ง ผลการศึกษาพบว่า กลุม่ ตวั อย่างส่วนใหญ่มอี ายุอยรู่ ะหว่าง 41 - 50 ปี (56.3%) ระดับการศึกษา ปรญิ ญาเอก (87.5%) และมีอายุการทางานสว่ นใหญ่มากกว่า 10 ปี (65.6%) โดยมีอายุการทางานเฉลย่ี 13.13 และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน 5.77 ดงั ตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 ข้อมลู พ้ืนฐานของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร (n=32) ขอ้ มูลพน้ื ฐาน จานวน ร้อยละ อายุ น้อยกวา่ หรือเทา่ กับ 30 ปี 0 0 31 - 40 ปี 5 15.6 41 - 50 ปี 18 56.3 51 - 60 ปี 9 28.1 มากกวา่ 60 ปี 00 ระดบั การศึกษา ปรญิ ญาโท 4 12.5 ปรญิ ญาเอก 28 87.5 อายกุ ารทางาน (คา่ เฉลยี่ : 13.13 ,สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน : 5.77) 1 – 10 ปี 11 34.4
23 ขอ้ มูลพื้นฐาน จานวน ร้อยละ มากกวา่ 10 ปี 21 65.6 ตอนท่ี 2 การวิเคราะห์ความพึงพอใจของกลุม่ ตัวอย่าง ตารางท่ี 2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความพงึ พอใจในวิธกี ารจดั การเรยี นการสอนแบบ E-learning ของอาจารยค์ ณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร ข้อคาถามความพึงพอใจ สถติ ิ ส่วน ระดบั ในวธิ กี ารจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning เบยี่ งเบน ความพงึ ค่าเฉลย่ี มาตรฐาน พอใจ (S.D.) ���̅��� 1. ท่านมคี วามพงึ พอใจต่อวิธีการจัดการเรยี นการสอน 4.03 0.73 มาก แบบ E-learning เพราะผเู้ รียนสามารถเข้าถงึ เนื้อหา บทเรียนได้สะดวกและรวดเร็วตามความต้องการ 2. ทา่ นมคี วามพึงพอใจต่อวธิ ีการจดั การเรียนการสอน 3.87 0.90 มาก แบบ E-learning เพราะทา่ นสามารถออกแบบ บทเรียนให้ผู้เรยี นไดเ้ ลือกเน้ือหาตามความต้องการ 3. ท่านมคี วามพงึ พอใจต่อความเสถียรของระบบ 2.81 0.93 ปานกลาง อินเตอรเ์ น็ตของมหาวิทยาลยั ท่ที ่านใชใ้ นการนามาใช้ จัดการเรียนการสอนแบบ E-learning 4. ทา่ นมีความพึงพอใจต่อวธิ กี ารจดั การเรียนการสอน 4.25 0.84 มากท่สี ุด แบบ E-learning เพราะท่านสามารถเข้าถึงเน้ือหา บทเรียนไดส้ ะดวกทุกเวลาและทกุ สถานท่ี 5. ท่านมคี วามพงึ พอใจต่อการจัดการเรียนการสอน 4.25 0.91 มากทีส่ ุด แบบ E-learning เพราะระบบสามารถประมวลผล คะแนน และแสดงคะแนนของผู้เรียนได้อยา่ งรวดเร็ว 6. ทา่ นมีความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการสอน 3.65 0.93 มาก แบบ E-learning เพราะช่วยให้การตดิ ต่อสื่อสารหรือ ให้ข้อเสนอแนะผา่ นช่องทางอินเทอร์เนต็ ผูเ้ รยี นสะดวก รวดเร็วขน้ึ 7. ท่านมคี วามพงึ พอใจต่อวิธกี ารจดั การเรยี นการสอน 3.15 1.13 ปานกลาง แบบ E-learning เพราะสามารถประเมนิ ความเข้าใจ ของผเู้ รยี นไดเ้ ป็นระยะและประเมนิ ความเขา้ ใจของ ผูเ้ รยี นในภาพรวมได้
24 ขอ้ คาถามความพึงพอใจ สถติ ิ ส่วน ระดบั ในวธิ ีการจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning เบีย่ งเบน ความพงึ คา่ เฉลี่ย มาตรฐาน พอใจ (S.D.) ปานกลาง ���̅��� 1.10 ปานกลาง 8. ทา่ นมคี วามพงึ พอใจต่อวิธกี ารจดั การเรียนการสอน 3.00 แบบ E-learning เพราะสามารถใหค้ วามช่วยเหลอื 0.93 มาก ผู้เรียนเมื่อเกดิ ปญั หาทางการเรยี นการสอนได้อย่าง 3.03 ทันทว่ งที 4.09 0.89 มาก 9. ท่านมีความพงึ พอใจต่อวิธีการจดั การเรียนการสอน 3.62 แบบ E-learning เพราะทาให้ผู้เรยี นเกดิ ผลสมั ฤทธิ์ 0.65 ทางการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี 10. ท่านมคี วามพึงพอใจต่อวิธกี ารจดั การเรยี นการ สอนแบบ E-learning เพราะได้พัฒนาสมรรถนะของ ตนเองตามยคุ สมัยและการเปลย่ี นแปลง รวม จากตารางท่ี 2 พบว่า คะแนนความพงึ พอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของกลุ่ม ตัวอย่างโดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.62 และ0.65 ตามลาดับ และเมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า กลุ่มตัวอย่างไม่มีคะแนนความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ตัวอย่างมีระดับความพึงพอใจมากที่สุดเรื่อง ความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning เพราะสามารถเข้าถึงเน้ือหาบทเรียนได้สะดวกทุกเวลาและทุกสถานที่ (mean=4.25, S.D.=0.84) และความ พึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning เพราะระบบสามารถประมวลผลคะแนนและแสดง คะแนนของผู้เรียนได้อย่างรวดเร็ว (mean=4.25, S.D.=0.91) นอกจากนี้ยังรายข้อท่ีมีคะแนนความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก มีจานวน 4 ข้อ ได้แก่ ความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning เพราะ ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาบทเรียนได้สะดวกและรวดเร็วตามความต้องการ (mean=4.03, S.D.=0.73), ความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning เพราะท่านสามารถออกแบบบทเรียนให้ผ้เู รยี น ได้เลือกเน้ือหาตามความต้องการ (mean=3.87, S.D.=0.90), ความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการสอน แบบ E-learning เพราะช่วยให้การติดต่อสื่อสารหรือให้ข้อเสนอแนะผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตผู้เรียนสะดวก รวดเร็วข้ึน (mean=3.65, S.D.=0.93), ความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning เพราะ ไดพ้ ฒั นาสมรรถนะของตนเองตามยุคสมยั และการเปลีย่ นแปลง (mean=4.09, S.D.=0.89) สว่ นรายข้อที่เหลือ พบวา่ มคี ะแนนความพงึ พอใจอยรู่ ะดบั ปานกลาง
25 ตอนท่ี 3 เปรยี บเทยี บความพึงพอใจของกล่มุ ตัวอยา่ ง ตารางที่ 3 ผลวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบความพงึ พอใจในวธิ ีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของ อาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ทีม่ ีอายกุ ารทางานแตกตา่ งกัน อายุการทางานของกลุ่มตัวอย่าง xˉ S.D. z-test p-value 1 – 10 ปี (n=11) 3.56 0.47 .398 0.691 มากกวา่ 10 ปี (n=21) 3.64 0.74 จากตารางท่ี 3 แสดงให้เห็นว่า คะแนนเฉล่ียความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของกลุ่มตัวอย่างทม่ี ีอายกุ ารทางาน 1 – 10 ปี มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.56 (S.D. = 0.47) ส่วนกลุ่มที่มี อายุการทางานมากกวา่ 10 ปี มคี ่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.64 (S.D. = 0.74) เมอ่ื ทาการเปรยี บเทยี บคะแนนเฉล่ียความ พึงพอใจในวธิ ีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ระหวา่ งกล่มุ ที่มอี ายุการทางาน 1- 10 ปี และกลุ่มท่ีมี อายุการทางานมากกว่า 10 ปี โดยวิเคราะห์การกระจายของข้อมูล พบว่า ข้อมูลมีการแจกแจงไม่เป็นโคง้ ปกติ จึงวิเคราะห์ด้วยสถิติ Mann Whitney U Test พบว่า คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการ สอนแบบ E-learning ระหว่างกลุ่มท่ีมีอายุการทางาน 1 – 10 ปีกับกลุ่มท่ีมีอายุการทางานมากกว่า 10 ปี แตกต่างกนั อย่างไม่มนี ยั สาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 (p=0.691)
26 บทที่ 5 สรุปผลการวิจยั อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การศึกษาวิจัยครั้งน้ีเป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive study) เรื่อง การศึกษาเปรียบเทียบ ความพึงพอใจในวธิ ีการจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย นเรศวร ที่มีอายุการทางานแตกต่างกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความพึงพอใจเกี่ยวกับ วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรที่มีอายุ การทางานแตกตา่ งกัน ประชากรเปา้ หมายทใ่ี ชใ้ นการศึกษาครงั้ น้ี ไดแ้ ก่ อาจารยค์ ณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรท่ี มีประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนด้วยวิธี E-learning ในภาคเรียนฤดูร้อนปี 2562 และภาคต้นปี 2563 จากการสารวจพบว่ามีจานวน 51 ราย ดังน้ันประชากรของการศึกษาคร้ังน้ีมีเท่ากับ 51 ราย จากน้ันนาไปหา ขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรทาโร ยามาเน่ (Taro Yamane) (Yamane, 1973 อ้างใน บุญใจ ศรีสถิตย์นรา กูร, 2553) ได้กลุม่ ตวั อยา่ งจานวน 45 คน และเพ่ือปอ้ งกนั การสญู หายของตวั อยา่ ง จึงเพิ่มจานวนกลมุ่ ตัวอย่าง อีกร้อยละ 10 (Pilot & Beck, 2004) คิดเป็นจานวน 4.5 = 5 คน รวมได้ตัวอย่างจานวน 50 คน ดังน้ันกลุ่ม ตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ีมีจานวน 51 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยนี้ เป็นแบบสอบถาม จานวน 1 ชุด ผู้วิจัยพัฒนาข้ึนจากการทบทวนวรรณกรรมจากเอกสารตาราท่ีเก่ียวข้อง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม และส่วนที่ 2 เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการ สอนแบบ E-learning แบบสอบถามน้ี ได้นาไปตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหา (Validity) โดย ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์จานวน 3 ท่าน ได้ค่า CVI เท่ากับ 0.93 จากนั้นนาไปทดลอง ใช้ และนามาหาความเช่ือม่ันของเคร่ืองมือ โดยการใช้ค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟาครอนบัค (Cronbach’s Alpha Coefficient) ได้ค่าความเช่ือม่ัน (Reliability) 0.75 ซ่ึงมีค่าอยู่ในระดับค่าความเช่ือมั่นของเครื่องมือที่ยอมรับ ได้ สรุปผลการวจิ ยั จากการศึกษางานวิจัยเรื่อง การศึกษาเปรียบเทียบความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ท่ีมีอายุการทางานแตกตา่ งกัน ผลการวิจัย ดงั นี้ ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทวั่ ไปของกลุ่มตวั อย่าง พบว่า กลุม่ ตัวอยา่ งสว่ นใหญม่ อี ายุอยรู่ ะหว่าง 41 - 50 ปี (56.3%) ระดบั การศกึ ษาปริญญาเอก (87.5%) และมีอายุการทางานมากกว่า 10 ปี (65.6%) โดยมอี ายุการ ทางานเฉลย่ี 13.13 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 5.77 ตอนท่ี 2 ระดบั ความพงึ พอใจในวธิ กี ารจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมคี า่ เฉลยี่ และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 3.62 และ0.65 ตามลาดับ
27 ตอนที่ 3 เปรียบเทียบความพึงพอใจของผูต้ อบแบบสอบถาม พบวา่ ความพงึ พอใจในวธิ ีการจัดการ เรียนการสอนของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทม่ี ีอายุการทางานแตกตา่ งกนั มคี วาม ความพึงพอใจแตกต่างกันอยา่ งไมม่ ีนัยสาคัญทางสถติ ิ (p=.691) อภปิ รายผล จากการศึกษาความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ท่ีมีอายุการทางานแตกตา่ งกัน ผลการวิเคราะห์พบว่า ความพึงพอใจใน วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐานเท่ากับ 3.62 และ 0.65 ตามลาดับ ท้ังนี้เนื่องจากอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์อาจมีแรงจูงใจที่ดีใน วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ซึ่งอาจเกิดจากวิธีการจัดการเรียนการสอนท่ีประสบความสาเร็จ หรือไม่พบอุปสรรคในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning และอาจมีปัจจัยท่ีจูงใจให้อาจารย์คณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เกิดความชอบในการทางานและสามารถทางานให้เกิดประสิทธิภาพมาก ขึ้น จึงส่งผลให้อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์มีความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ในระดับมาก ตามทฤษฎีแรงจูงใจ (Motivation Maintenance Theory) ของ Herzberg ท่ีได้กล่าวไว้ว่า การ ท่ีบุคคลจะเกิดความพึงพอใจได้น้ัน ต้องเกิดจากแรงจูงใจ โดย Herzberg แบ่งปัจจัยเก่ียวกับแรงจูงใจในการ ทางานออกเป็น 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านแรงจูงใจ (Motivation factor) และปัจจัยค้าจุน (Maintenance factor) ซ่ึงปัจจัยด้านแรงจูงใจเป็นส่ิงท่ีทาให้บุคคลในองค์กรเกิดความพึงพอใจในการทาส่ิงท่ีต้องการ เช่น บุคคลเกิดความพึงพอใจในการทางาน ซึ่งจะประกอบด้วยความสาเร็จในการทางาน การได้รับการยอมรับนับ ถือ ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ ความรับผิดชอบและความก้าวหน้าในการทางาน และส่วนปัจ จัยค้าจุน (Maintenance Factor) เป็นปัจจัยที่จูงใจให้บุคลากรเกิดความชอบในการทางานและสามารถทางานให้เกิด ประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เงินเดือน โอกาสการได้รับ ความก้าวหน้าในอนาคต สถานะของอาชีพ เป็นต้น นอกจากนี้ Herzberg ยังกล่าวว่า ปัจจัยท่ีส่งผลให้เกิดความพึงพอใจต่อส่ิงใดสิ่งหนึ่งนั้น ได้แก่ การท่ีบุคคล สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามเปา้ หมาย การมีสภาพแวดล้อมที่ดีและการมีความสัมพันธ์ท่ีดีระหวา่ งบุคคล โดยไม่มีอคติเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นต้น ซ่ึงผลการวิเคราะห์มีสอดคล้องกับการศึกษาของ อนันศักด์ิ พวงอก (2560) ได้ศึกษาเรื่อง การศึกษาความพึงพอใจของอาจารย์และนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษต่อการเรียนการสอนผ่านระบบ E-learning ท่ีพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความพึง พอใจต่อการสอนผ่านระบบ E-learning อยู่ในระดับปานกลาง แต่การศึกษาความพึงพอใจในวิธีการจัดการ เรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มีระดับความพึงพอใจ ท่ีมากกว่าคือ ความพึงพอใจในวธิ ีการจดั การเรียนการสอนแบบ E-learning โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก เม่ือเปรียบเทียบความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของอาจารย์คณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุการทางาน 1 – 10 ปี กับกลุ่มตัวอย่างที่มี อายุการทางานมากกว่า 10 ปี พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสาคัญทางสถิติ (p
28 > 0.05) ทั้งนี้เน่ืองจากความพึงพอใจเป็นการแสดงออกของทัศนคติต่อสิ่งใดส่ิงหน่ึงในแต่ละบุคคล อันมีผลมา จากประสบการณ์ท่ีแต่ละบุคคลได้รับ เมื่อสิ่งน้ันตอบสนองตามความต้องการก็จะทาให้เกิดความพึงพอใจ (กชกร เปา้ สวุ รรณ และคณะ, 2550) ซ่ึงวิธีการจัดการเรยี นการสอนแบบ E-learning เป็นการจดั การเรียนการ สอนในรูปแบบใหม่สาหรับอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรทุกคน ซึ่งอาจารย์พยาบาลทุก คนไม่เคยมีประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning มาก่อนไม่ว่าอาจารย์จะมีอายุการทางาน ณ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรก่ีปีมาแล้วก็ตาม จึงไม่มีประสบการณ์ในวิธีการจัดการเรียนการ สอนแบบ E-learning จงึ สง่ ผลอาจารย์พยาบาลที่มีอายุการทางานระหว่าง 1 – 10 ปี กบั มากกว่า 10 ปขี ้ึนไป มีระดับความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ไมแ่ ตกต่างกัน (p>.05) ซงึ่ ไมส่ อดคล้องกับ การศึกษาของ กนกวรรณ มณีฉาย และแสงดาว ประสิทธิสุข (2560) พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุการทางานที่ แตกต่างกัน มคี วามพงึ พอใจในการเรยี นร้แู บบออนไลน์แตกตา่ งกันอยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ิท่รี ะดบั 0.05 ข้อเสนอแนะ 1. เนื่องจากผลการเก็บรวบรวมในการศึกษาครั้งนี้ พบว่ามีจานวนผู้ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 62.75 ซึ่งเป็นจานวนที่ค่อนข้างน้อย จึงอาจไม่สามารถนามาอธิบายไดช้ ัดเจน จึงควรทาการศึกษาใน กล่มุ ทใ่ี หญก่ ว่านี้ เพอ่ื ให้ได้ขอ้ มลู ทเ่ี พียงพอท่ีจะนามาวิเคราะหแ์ ละยนื ยันผลการศึกษา 2. ควรศึกษาปัจจัยอ่ืนๆ มีผลต่อความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ของ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เช่น อายุ ระดับการศึกษา เป็นต้น เพื่อให้ทราบ ถงึ ปจั จัยอืน่ ๆ นอกเหนอื จากอายุการทางาน ท่ีมผี ลต่อระดบั ความพงึ พอใจ 3. เน่ืองจากการศึกษาในคร้ังนี้ได้มีการศึกษาเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการ สอนแบบ E-learning ระหว่างอาจารย์ท่ีมีอายุการทางานต่างกัน ในการศึกษาคร้ังต่อไปควรศึกษา เปรียบเทียบความพึงพอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ระหว่างอาจารย์และนิสิต พยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อให้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างความพึง พอใจในวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ E-learning ระหว่างอาจารย์และนิสิตพยาบาล นาไปสู่การ พัฒนาระบบ E-learning ใหม้ ีความเหมาะสมทง้ั กบั ผเู้ รยี นและผสู้ อนตอ่ ไป
29 บรรณานกุ รม กนกวรรณ มณีฉาย และแสงดาว ประสทิ ธสิ ุข. (ม.ป.ป). ปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ ความพงึ พอใจในการเรียนรแู้ บบ ออนไลน์ (e-learning) ของพนักงานธนาคารออมสนิ เขตสรุ าษฎร์ธานี. สรุ าษฎร์ธานี : มหาวทิ ยาลัย หอการค้าไทย. กรธนวัฒน์ วุฒิญาณ. (2560). ความพงึ พอใจการเรยี นภาษาองั กฤษแบบออนไลน์ผ่านทางโปรแกรม Skype ของนกั เรียนในสถาบนั สอนภาษา ECC. วารสารบัณฑิตคณะศึกษาศาสตร์, 339-358. กรมควบคุมโรค. (2563). โรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19). สืบคน้ เม่ือ 28 กนั ยายน 2563, จาก https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/faq_more.php. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม. (2563). มาตรการและการเฝา้ ระวังการระบาดของ โรคไวรัสโคโรนาสายพันธุใ์ หม่ 2019 (COVID-19) (ฉบับท่ี 3). การปฏิบัตกิ ารของสถาบันอดุ มศึกษาเพ่ือ ป้องกนั การแพร่ระบาดของโรคโควดิ -19. สบื ค้นเม่อื 28 กันยายน 2563, จาก https://www.ops.go.th/main/images/2563/muaAdmin/corona/COVID_3.pdf. จรัส โพธจ์ิ ันทร์. (2553). ความพึงพอใจในการทางานของอาจารย์วิทยาลัยพยาบาลในภาคเหนอื (วทิ ยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑติ ). กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒประสานมิตร ฐาปนยี ์ ธรรมเมธา. (2557). อเี ลิร์นนงิ :จากทฤษฎีสู่การปฎิบัติ e-Learning: from theory to practice โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอรไ์ ทย. กรุงเทพฯ: บรษิ ัท สหมติ รพรงิ้ ต้งิ แอนด์พับลสิ ชงิ่ จากัด. ดิเรก ฤกษ์สาหร่าย. (2528). ผลสาเร็จในการดาเนนิ งานของโครงการพัฒนาชนบทระดับหมบู่ า้ น: ศึกษา เฉพาะกรณี ในจังหวัดลาปาง และสกลนครเพ่ือเปน็ แนวทางในการวิเคราะหร์ ูปแบบทเ่ี หมาะสมในการ พฒั นาชนบทแบบผสมผสาน: รายงานการประชุมทางวิชาการ ครง้ั ท่ี 23 (สงั คมศาสตร์). กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ถนอมพร เลาหจรัสแสง. (2551). ความหมายของ e-Learning. สืบคน้ เมื่อวนั ที่ 15 เดือนมถิ ุนายน 2563, จากเว็บไซต์: https://www.kroobannok.com/1586.
30 บุญใจ ศรสี ถติ ย์นรากูร. (2553). ระเบยี บวิธกี ารวิจัยทางพยาบาลศาสตร์ (คร้ังที่ 5). กรุงเทพฯ : ยูแอนด์ไอ อนิ เตอร์ มีเดยี จากัด. ประสพชยั พสนุ นท์. (2558). ความเทีย่ งตรงของแบบสอบถามสาหรับงานวจิ ยั ทางสังคมศาสตร์. วารสาร สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 18(1), 375-393 พัชรา คงเหมาะ. (2560). แนวทางการพฒั นาห้องเรยี นออนไลน์สาหรับอาจารย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าช มงคลธัญบุรี. ปทุมธาณี : สานกึ วิทยบรกิ าร และเทคโนโลยสี ารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าช มงคลธญั บุรี. รัตนาภรณ์ ศรหี าพล และธนภัทร นาคนิ . (2558). ความพร้อมของผู้สอนต่อการจดั การเรยี นรู้ในระบบ อเี ลริ น์ นิ่ง มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา. ยะลา : มหาวทิ ยาลัยราชภัฏยะลา. สริ ินธร วชั รพชื ผล และจงกล จนั ทร์เรือง. (2558). การพัฒนาบทเรยี นออนไลนเ์ รื่องการใชง้ านอินเทอรเ์ น็ต โดยเทคนคิ การเรียนร้แู บบปรบั เหมาะกับความสามารถของนักเรียน.การประชุมเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสีารสนเทศแห่งชาตคิ ร้ังที่ 11. สุภัทรา ม่งิ ปรีชา. (2550). ความคาดหวังและความพงึ พอใจของูผ้ใชบ้ รกิ ารแผนกูผป้ ว่ ยนอกต่อคุณภาพ บริการของโรงพยาบาลแพร่ (วทิ ยานิพนธร์ ฐั ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต). อุตรดิตถ์: มหาวิทยาลยั ราชภฏั อตุ รดิตถ์. สุวรรณา พลอยศรี. (2549). ความคิดเห็นของอาจารย์ และนกั ศึกษามหาวทิ ยาลัยพายัพตอ่ การเรียนการสอน ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-learning). เชียงใหม:่ มหาวิทยาลัยพายพั . อนันศักดิ์ พวงอก. (2560). การศกึ ษาความพึงพอใจของอาจารยแ์ ละนกั ศกึ ษาคณะมนุษยศาสตร์ และ สังคมศาสตร์มหาวิทยาลยั ราชภฏั ศรสี ะเกษต่อการเรียนการสอนผ่านระบบอีเลริ ์นนงิ่ . วารสารวิชาการ มนุษย์และสังคม คณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ศรสี ะเกษ, 1(1), 42-60. อดุ ม ยอดจนั ทร.์ (2558). ความพึงพอใจ (Satisfaction) คอื อะไร วัดผลอยา่ งไร. สบื ค้นเม่อื วนั ท่ี 20 เดอื นมิถุนายน 2563, จากเว็บไซต:์ http://km.narathiwat1.go.th. Mullins, L. T. (1985). Management and organisational behaviour. London: Pitman.
31 Oskamp, S. (1977). Attitudes and Opinions. New Jersey: Prentice hall Inc.
Search
Read the Text Version
- 1 - 39
Pages: