ข ชอื่ เรอื่ ง รายงานการประเมินโครงการสง่ เสรมิ การอา่ นและการเรยี นรู้ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่ สำนกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ผศู้ ึกษา ปีทพ่ี ิมพ์ วเิ ศษ ฟองตา 2563 บทคัดยอ่ การศึกษาครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ โดยประเมิน 4 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านสภาวะแวดล้อม 2) ด้านปัจจัยเบื้องต้น 3) ด้านกระบวนการ 4) ด้านผลผลิต 2. เพ่ือศึกษานิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ สำนัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ โดยกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการประเมินทั้งส้ิน จำนวน 1,109 คน โดยแบ่ง ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุม่ ที่ 1 เป็นผตู้ อบแบบสอบถามฉบบั ท่ี 1–4 จำนวนทัง้ หมด 846 คน ประกอบดว้ ย ฝา่ ยบริหาร จำนวน 10 คน คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 13 คน ครูผู้สอน จำนวน 98 คน และ ผูป้ กครองนักเรียน จำนวน 725 คน ได้มาจากการใช้จำนวนประชากรท้ังหมดเป็นกลุ่มตัวอย่าง และ กลุ่มท่ี 2 เป็นผู้ตอบแบบประเมินฉบับที่ 5 จำนวนทั้งหมด 263 คน ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนราช ประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 – ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ซ่ึงได้ จำนวนกลุ่มตัวอย่างมาจากตารางของ Krejcie and Morgan และใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวน 5 ฉบับ แบ่งเป็น แบบสอบถาม จำนวน 4 ฉบับ ใช้สอบถามการประเมินโครงการใน 4 ด้าน คือ ด้านสภาวะแวดล้อม ด้านปัจจยั เบื้องต้น ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต และแบบประเมิน จำนวน 1 ฉบับ ใช้ประเมิน นิสยั รักการอ่านของนักเรยี น จากนั้นนำข้อมลู ที่เกบ็ รวบรวมมาวิเคราะห์โดยใชส้ ถิติพน้ื ฐาน ไดแ้ ก่ รอ้ ย ละ ค่าเฉลยี่ และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และแปลผลตามเกฑณก์ ารประเมินต่อไป ผลการประเมินสรุปไดด้ ังนี้ 1. การดำเนินงานโครงการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ พบว่า ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.58, =0.57) เม่ือพิจารณารายละเอียดของระดับความคิดเห็นเป็นรายด้าน ปรากฎว่าด้านที่มี ค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านกระบวนการ รองลงมา คือ ดา้ นผลผลติ (Product) ( =4.58, =0.57) ด้าน ปจั จัยเบื้องต้น (Input) ( =4.55, =0.59) ตามลำดับ และด้านทีม่ ีค่าเฉล่ียต่ำท่ีสุด คือ ด้านสภาวะ แวดล้อม (Context) ( =4.53, =0.58) 2. นิสัยรักการอ่านของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X =4.60, S.D.=0.56) เมอ่ื แยกพิจารณาในแต่ละประเด็นปรากฎวา่ นกั เรียนชอบแสดงความคิดเห็นจากเรอื่ งตา่ ง ๆ ที่ได้อ่าน รว่ มกับผูอ้ ่ืนมีคา่ เฉลี่ยสงู ทส่ี ุด ( X =4.86, S.D.=0.32) รองลงมา 3 อันดับแรก คือ นักเรียนชอบติดตาม ข่าวสารและเหตุการณ์ต่าง ๆ จากการอ่านมากกว่าดูโทรทัศน์หรือฟังวิทยุ ( X =4.84, S.D.=0.30) นักเรียนมีความเพลิดเพลินเมื่อได้อ่านหนังสือ ( X =4.78, S.D.=0.45) นักเรียนชอบอ่านป้ายนิเทศ หรอื บอรด์ ความรู้ที่จดั แสดงไว้ ( X =4.78, S.D.=0.44) ตามลำดับ และประเด็นทม่ี ีคา่ เฉล่ียตำ่ ทส่ี ุด คือ นกั เรียนชอบแนะนำหนังสือท่ีได้อ่านมาแลว้ ให้ผู้อ่นื อ่านดว้ ย ( X =4.27, S.D.=0.70)
Search
Read the Text Version
- 1 - 1
Pages: