กาพย์เห่ชม เครื่องคาวหวาน
ประวัติผู้แต่ง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานเป็นพระราช- นิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) โดยพระองค์ทรงงพระราชนิพนธ์ กาพย์นี้ขึ้นตั้งแต่ครั้งยังดำรงพระอิสสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศร- สุนทร
จุดประสงค์ในการแต่ง เพื่อใช้เป็นบทเห่สำหรับการเสด็จประพาส ทางชลมารคแต่สิ่งที่ทำให้กาพย์เห่ชมเครื่อง คาวหวานพิเศษยิ่งขึ้นก็คือการทำหน้าที่เป็น \"จดหมายรัก\" พรรณนาความรักความคิดถึง ที่เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรมีต่อเจ้าฟ้าหญิง บุญรอดไปในตัว
ฉันทลักษณ์ ลักษณะคำประพันธ์ของกาพย์เห่ชม เครื่องคาวหวาน ด้วยโคลงสี่สุภาพ ๑ บท จากนั้นต่อด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ไปเรื่อยๆ จนจบเนื้อหา เมื่อเริ่มเนื้อหาใหม่ก็เริ่ม โคลงใหม่อีกครั้ง
กาพย์เห่ชมเครื่องคาว ๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้ อ นพคุณ พี่เอย หอมยี่หร่ารศฉุน เฉี ยบร้อน ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาส หวังนา แรงอยากยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ๚ แกงมัสมั่น ๏ มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารศร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
ยำใหญ่ ๏ยําใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รศดีด้วยนํ้ าปลา ยี่ปุ่นลํ้ายํ้ายวนใจ ตับเหล็ก ๏ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือนํ้ าส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง หมูแนม ๏หมูแนมแหลมเลิศรศ พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
ก้อยกุ้ง ๏ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รศทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจักเปรียบเทียบทันขวัญ ๏เทโพพื้นเนื้ อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน แกงเทโพ ของสวรรค์เสวยรมย์ แกงขม ๏ความรักยักเปลี่ยนท่า ทํานํ้ายาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคลับคล้ายเห็น
๏ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐทํา ข้าวหุง ๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้ มใส่ ระกํา แกงคั่วส้ม รอยแจ้งแห่งความขํา ชํ้าทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ๏ ช้าช้าพล่าเนื้ อสด พล่าเนื้อ ฟุ้งปรากฎรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิ ทเนื้ อเจือเสาวคนธ์
ล่าเตียง ๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้ อง นอนเตียงทองทําเมืองบน ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิ ทรคิดแนบนอน หรุ่ม ๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลใจอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง รังนก ๏ รังนกนึ่ งน่ าซด โอชารศกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
แกงไตปลา ๏ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ผักโฉม ๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เปนโฉมน้ องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚
กาพย์เห่ชมผลไม้ ๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้ เอมใจ หอมชื่นกลืนหวานใน อกชู้ รื่นรื่นรสรมย์ใด ฤๅดุจ นี้ แม หวานเลิศเลือรู้รู้ แต่เนื้ อนงพาล ๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ หอมตรลบล้ำเหลือหวาน รสไหนไม่เปรียบปาน หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
ลูกตาล ๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ คิดความยามพิศมัย หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น ลูกจาก ๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว บอกความแล้วจากจำเป็น จากช้ำน้ำตากระเด็น เป็นทุกข์ท่าหน้ านวลแตง มะปราง ๏ หมากปรางนางปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง ยามชื่นรื่นโรยแสง ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
กาพย์เห่เครื่องหวาน ๏ สังขยาหน้ าไข่คุ้น เคมี แกมกับข้าวเหนี ยวสี โศกย้อม เป็นนั ยนำวาที สมรแม่ มาแม่ แถลงว่าโศกเสมอพร้อม เพียบแอ้อกอรฯ ๏ สังขยาหน้ าตั้งไข่ ข้าวเหนี ยวใส่สีโศกแสดง เป็นนั ยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
ซ่าหริ่ม ๏ ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย ลำเจียก ๏ ลำเจียกชื่อขนม นึ กโฉมฉมหอมชวยโชย ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หาบุหงางาม มัศกอด ๏ มัศกอดกอดอย่างไร น่ าสงสัยใคร่ขอถาม กอดเคล้นจะเห็นความ ขนมนามนี้ ยังแคลง
คุณค่าด้านเนื้อหา
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
คุณค่าด้านสังคม
ผู้เเต่ง ฉันทลักษณ์ อาหารคาว
ชมผลไม้ อาหารหวาน คุณค่าด้านต่างๆ แบบฝึกท้ายบท
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: