โครงงานจกั รยาน
นสบู นา้ ารไี ซเคลิ
ชอ่ื ผู้ท้าโครงงาน • ด.ช.พศิน บญุ รอด ม2/3 24
ครทู ่ปี รกึ าโครงงาน • อาจารย์ ภาสวชิ ญ์ หลาวมา
คา้ น โครงงานดา้ นพลงั งาน เรื่อง จักรยานสบู นา้ รไี ซเคลิ ส้าห โครงงานที่ผทู้ ้าโครงงานสนใจทีจ่ ะท้าขึนมาเพือ่ สูบนา้ รไี ผู้จดั ท้าหวงั เปน็ อย่างย่ิงวา่ โครง การเสริมให้เยาวชน ไทยและผู้สนใจทั่วไปไดร้ ้จู กั การปร ต่างๆได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
นา้ หรับประดิษฐ์เครื่องสบู น้าโดยใชจ้ ักรยานป่นั เปน็ ไซเคลิ งงานนี จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผทู้ สี่ นใจศึกษา อีกทั งเปน็ ระยกุ ต์จากวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐเ์ ปน็ สง่ิ ของเคร่อื งใช้
สาร • เร่ือง • บทคดั ยอ่ • บทท่ี ๑ บทน้า ๑.๑ หลกั การและเหตผุ ล ๑.๒ วัตถุประสงค์ ๑.๓ ขอบเขตการศกึ ษา ๑.๖ ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะได้รบั
รบญั หน้า ก ๑ ๒ ๒ ๓
บทค • ก บทคดั ยอ่ การทา้ โครงงานด้านพลงั งานนี ครั งนี เป สูบนา้ รีไซเคิล โดยใช้จักรยานป่ันโดยมีวตั ถุประสงค์ ค สูงสดุ โดยท้าเป็นเครือ่ งสูบน้า โดยใชจ้ กั รยานปัน่ เปน็ ก แบบชกั ทดแทนการใชพ้ ลังงานไฟฟ้าซึง่ มกี าร นา้ หลกั โดยใชป้ ัม๊ นา้ แบบชกั
คัดยอ่ ปน็ โครงงานประเภทการอนรุ ักษพ์ ลังงาน เรือ่ ง จกั รยาน คือ เพอ่ื นา้ วสั ดเุ หลอื ใช้มาประยกุ ตใ์ หเ้ กิดประโยชน์ การใช้พลังงานคนในถีบรถจักรยานสูบน้าผ่านปมั๊ น้า กการความรทู้ างฟิสิกสม์ าประยุกตใ์ ช้ถงึ หลักการสบู นา้
บทที่ ๑ บทนา้ • ๑.๑ หลักการและเหตผุ ล ในปจั จุบนั มกี ารสรา้ งส่งิ ของเคร่ืองใช้ผลติ ภณั ฑต์ ่า ทรพั ยากรธรรมชาติมาใชใ้ นการผลติ เมอื่ ผบู้ รโิ ภคสินคา้ ได้ใชผ้ ลิตภัณฑ์นั นแ แกลละ่อทงนี่ไมมส่ การมะาปรอ๋ถงนนา้ ้ากอลัดับลมมาใเปชไ้น็ ดต้ เ้นราปจรงึ ะเกลอ็งบเหกน็ ับวป่าัจขจยบุ ะันทปสี่ ราะมเาทรศถไนท้ายกไลดบั้มมี วาัสใ ส่งิ ประดษิ ฐ์ใหม่ๆ ท่ี สามารถใช้ได้ในชีวติ ประจ้าวัน เช่น จกั รยานท่ีไม่ใช้แลว้ • ๑.๒ วตั ถุประสงค์ ๑.๒.๑ เพือ่ น้าวสั ดุเหลอื ใช้มาประยุกตใ์ ห้เกดิ ประโยชน์สูง ดมัดนแุษปยลใ์ นงโกดายรกปานั่ รจนกั ้ารสยาายนพทาีต่ นอ่ มเขาตา้ กอ่ ับลปอ้ จม๊ั ักนรา้ ยแาทนนลท้อกี่ หาลรังใตช้พอ่ เลขงั า้ งากนบั ไตฟวั ฟห้ามุน๑ข.๓อง เคร่ืองสูบนา้ ทา้ งานและโดยมี การน้าซากวัสดุตา่ ง ๆ ทเ่ี หลือใชม้ ารีไซเคิลปร ล้อ ๒๔ นิ ว • ๑.๓.๒ . สายพาน ขนาดความยาว ๙๖ • ๑.๓.๓. ปมั๊ น้าแบบชกั • ๑.๓.๔. ฐานเหล็ก กวา้ ง ๐.๘๑ เมตร ยาว ๑.๒ เมตร ส้าหรับเปน็ โครงยกล้อ • ๑.๓.๕. ท่อ PVC ขนาด ๖ หนุ ยาว ๑๒ เมตร • ๑.๓.๖. ขวดนมทีไ่ มใ่ ช้แลว้ ส้าหรบั ท้าท่นุ ใหท้ ่อนา้ ลอยน้าเพื่อสะดวกในการส
างๆ ออกมาจา้ นวนมาก ผลิตภณั ฑท์ ผี่ ลติ ออกมานั นลว้ นเกิด จากการน้า แล้วกท็ ิ ง จงึ ท้าใหก้ ลายเป็นขยะ จ้านวนมาก เช่น ขวดน้าพลาสตกิ ขวดนม สใดชุเ้ใหหลมือ่ไใดช้ยม้ งั าสกามมาายรถซน่งึ ้ากม็จาะปมรีกะายรกุแตยป์กขรบัยเะปทลีส่ ยี่ านมแาลรถะพน้าฒั กนลาับใมหาเ้ กใชิด้ใหมไ่ ด้ วน้ามาดดั แปลงเปน็ อปุ กรณส์ า้ หรบั รดนา้ ตน้ ไมใ้ นสวนที่บา้ นได้ งสดุ โดยทา้ เป็นเคร่อื งสูบนา้ โดยใชจ้ กั รยานป่นั ๑.๒.๒ เพ่อื ใช้แรงกา้ ลัง งขปอ๊ัมบชเขักตใหก้เาขรา้ ศกึกับษเคารกอ่ื างรสปบู รนะดา้ แิษลฐะ์จอกั ารศเคยั รแื่อรงงสมบูนนุษา้ ยแใ์ ลนะกนา้ารถจักีบรจยัการนยมานาเพอ่ื ให้ ระกอบท้าเป็นจกั รยานป่ันนา้ ซง่ึ มีรายละเอยี ดดงั นี ๑.๓.๑. จกั รยาน ขนาด อหลงั ของจกั รยานให้ไมต่ ิดพื น สบู น้า
ทมี่ าและความสา้ คัญของโครงงาน • เนื่องจากในคลองมนี่ ้าท่เี น่าเหม็นและไมม่ อี อกชิเจนด ในบา้ นหรอื สามารถหาใช้ได้โดยสามารถประหยดั เงนิ
ดว้ ยเหต้นุ ีผ้ทู า้ โครงงานจงึ อยากจะแก้ไขดว้ ยอปุ กรณ์ท่มี ี นมากกวา่ การซือตวั บ้าบดั น้า
ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะไดร้ บั • น้าในคลองหรอื ทต่ี ่างๆมีความสะอาดมากขนึ ขยะลดน
นอ้ ยลงประหยดั งบประมาณในการท้าอยา่ งมาก
กติ ตกิ รรมประกาศ • โครงงานนอี าจจะส้าเรจ็ ไดย้ ากหากไมม่ อี าจารย์ภาสว ตลอดจนโครงงานส้าเรจ็ สมบรู ณ์
วิชญ์ หลาวมา ใหค้ ้าแนะน้าหรอื ส่งิ ที่ตอ้ งแก้ไขมา
ลักษณะภมู อิ ากาศ ปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพลตอภมู อิ ากาศตอทวีปอเมร 1.ท่ตี ัง้ อเมริกาเหนือเป็นทวปี มอี าณาเขตตัง้ แตใกลข วั้ โลกถึงใกลเสนศนู ยส ูตร ทําใ ใหญอ ยูในเขตอบอนุ (ซ่งึ อยูระหวา งเสนทรอปิกออฟแคนเซอ 2. ลักษณะภมู ปิ ระเทศ เทอื กเขาสว นใหญต งั้ อยใู นแนวเหนือ-ใต โดยเฉพาะทางตะวนั ตก เป็นกาํ แ พ้ืนท่ภี ายในทวปี เป็นเขตแหงแลงแบบทะเลทรายและก่ึงทะเลทราย สว นทางตะวันออกมีเทอื กเขาไม ใต ไมข วางกัน้ ทศิ ทางลมที่นําความช้นื จากมหาสมุทรแอตแลนติก และมอี ิทธพิ 3. กระแสน้ํา ชายฝั่งตะวันออกดา นมหาสมทุ รแอตแลนตกิ ของสหรฐั อเมริกา มีกระแสน้ําอุน กัลฟ-สตร อยูใ นละติจดู สงู สว นชายฝั่งตะวนั ออกดา นมหาสมุทรแอตแลนติกของแคนาดา มีกระแสน้ําเย็นแลบร กลั ฟสตรีมกบั กระแสน้ําเย็นแลบราดอร ไหลมาบรรจบกัน ทําใหเป็นแหลงทีม่ ปี ลาชกุ ชุมมากแหง หน่ึง มีกระแสน้ําอุนอะแลสกาเหนือไหลผา น ทาํ ใหม ลรัฐวอชิงตันของสหรัฐอเมริกาและรัฐบรติ ชิ โคลัมเบ กระแสน้ําเยน็ แคลิฟอรเ นียไหลเลียบชายฝั่ง ทาํ ใหช ายฝั่งดา นนี้มอี ากาศไมร ภูมอิ ากาศในอเมริกาเหนือ แบง ออกเป็น 12 1. ภมู อิ ากาศแบบปาดิบช้นื (Tropical Rainforest Climate) เป็นภูมอิ ากาศทีม่ ีฝนตกชกุ และอณุ หภ ตะวันออกของอเมริกากลาง บางสวนของหมูเ กาะ 2. ภูมอิ ากาศแบบทงุ หญาเมืองรอน (Tropical Grassland Climate) เป็นภูมิอากาศท่มี ีอณุ หภูมิในฤด ฤดรู อนและมีฤดูแลงสลบั ปีละหลายเดอื น พืชพรรณธรรมชาติ เป็นปาโปรง สลบั ทงุ หญา เรียกวา ทุง ห หมเู กาะอนิ ดีสตะวันตก ชายฝั่งตะวนั ตกของอ 3. ภูมอิ ากาศแบบทะเลทราย (Desert Climate) เป็นภมู อิ ากาศรอ นแหงแลง ปริมาณน้ําฝนเฉล่ียไมเก ประเภทมหี นาม พบบริเวณ ภาคตะวันตกเฉียงใตของสหรฐั อเม 4. ภูมอิ ากาศแบบทงุ หญา ก่ึงทะเลทราย (Steppe Climate) เป็นภูมิอากาศรอนแหง แลง ฤดูหนาวอา เป็นทุง หญา สัน้ ๆ เรยี กวา ทุง หญาสเตปป (Steppe) พบบรเิ วณ ชายขอบของทะเลทรายทางตะวันต เมก็ ซิโก 5. ภมู อิ ากาศแบบเมดเิ ตอรเ รเนียน (Mediterranean Climate) เป็นภมู ิอากาศรอนจดั และแหงแลงใน หญาสลับปาไมพ มุ เตีย้ ๆ หรอื เรยี กวา ปาแคระ (Chaparral) พบบริเวณ ชายฝั่งมหาสมทุ รแป
ริกาเหนือ ใหมีอากาศทัง้ ในเขตหนาว อบอุน และรอ น แตสว น อรกับเสน อารกตกิ เซอรเคลิ ) แพงขวางกัน้ ทศิ ทางลมทพี่ ดั นําความช้นื จากมหาสมทุ รแปซฟิ ิก ทําให มส ูงมากนัก ซ่ึงวางตวั อยใู นแนวตะวนั ออกเฉียงเหนือ-ตะวนั ตกเฉียง พลตอ ภูมิอากาศสวนใหญข องทวีปอเมรกิ าเหนือ รีมไหลผาน ทําใหชายฝั่งดา นนี้มอี ากาศไมห นาวเย็นมากนัก แมจ ะตงั้ ราดอรไหลผา น ทําใหม อี ากาศหนาวเยน็ มาก บริเวณท่กี ระแสน้ําอนุ งของโลก เรยี กวา แกรนด แบงก ทางชายฝั่งดา นมหาสมุทรแปซฟิ ิก บยี มีอากาศอบอุนไมหนาวเย็น แมจ ะอยใู นละตจิ ูดสูง สว นทางใตมี รอ นจดั ในฤดรู อ น แมจะตงั้ อยใู นละติจดู ต่าํ 2 เขต ดังนี้ ภูมสิ งู ตลอดปี พชื พรรณธรรมชาติ เป็นปาดิบช้ืนพบบรเิ วณ ชายฝั่ง ะอนิ ดีสตะวนั ตก ดูรอ นกบั ฤดหู นาวแตกตา งกันมาก มฝี นตกปานกลางสว นใหญตกใน หญาสะวันนา (Savanna) พบบรเิ วณ พ้ืนทสี่ วนใหญข องเมก็ ซโิ กและ อเมริกากลาง กนิ 10 นิ้ว/ปี พืชพรรณธรรมชาติ เป็นพืชจําพวกตะบอกเพชรและไม มริกาและภาคเหนือของเมก็ ซโิ ก ากาศหนาวจัด ปริมาณน้ําฝนเฉลย่ี 10-15 นิ้ว/ปี พืชพรรณธรรมชาติ ตกและตะวันตกเฉียงใตของสหรฐั อเมริกา บางสวนของแคนาดาและ นฤดรู อน มอี ากาศอบอุน มีฝนตกในฤดูหนาว พชื พรรณชาติ เป็นทงุ ปซิฟิกทางตอนกลางของมลรัฐแคลฟิ อรเนียของสหรัฐอเมริกา
6. ภมู ิอากาศแบบภาคพนื สมุทรชายฝังตะวนั ตก (Marine Westcoast Climate) มอี ากาศในฤดูรอน อบอุน ถึงคอนขา งเยน็ ฤดหู นาวอาก ปาสนพบบริเวณ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซ 7. ภมู อิ ากาศแบบอบอนุ ช้ืน (Humid Subtropical Climate) มลี กั ษณะอากาศอบอุน อุณหภูมปิ านกลาง ฝนตกตลอดปีไมมฤี ดูแลง พชื พ ดินแดนที่อยภู ายในทวปี มฝี นตกน อย พืชพรรณเป็นทุงหญ 8. ภูมิอากาศแบบอบอนุ ช้นื ภาคพ้ืนทวปี (Humid Continental Climate) ฤดูรอนมอี ุณหภูมปิ านกลางถึงสงู มาก และมีฝนตก ฤดหู นาวม บริเวณทางตอนใตข องแคนาดาและ . ภูมิอากาศแบบไทกา (Taiga Climate) หรือ ภมู ิอากาศก่งึ ขัว้ โลก มีฤดรู อ นมีอากาศคอ นขางเยน็ มรี ะยะเวลาสัน้ มฝี นตกน อย ฤดูหนา และพ้ืนทสี่ ว นใหญท างภา 10. ภมู อิ ากาศแบบทนุ ดรา (Tundra Climate) หรอื ภมู ิอากาศแบบขวั้ โลก เป็นภูมิอากาศท่ีมอี ากาศหนาวจัดตลอดปี ในฤดูรอนไมเดือน ของมลรัฐอะแลสก 11. ภมู ิอากาศแบบทุง น้ําแข็ง (Ice-cap Climate) พบบริเวณ ตอนกลาง 12. ภูมอิ ากาศแบบทสี่ งู (Highland Climate) ภมู ิอากาศที่อากาศเปลี่ยนแปลงไปตา
กาศไมหนาวจัด มีฝนตกสมาํ เสมอตลอดปี เพราะไดร ับอทิ ธิพลจากลมประจาํ ตะวันตก พชื พรรณธรรมชาติ เป็นปาไมผลดั ใบผสมกับ ซิฟิกของสหรัฐอเมรกิ าและแคนาดา พรรณธรรมชาติ เป็นปาไมใบกวา งผลัดใบ พบบรเิ วณ ภาคตะวันออกเฉียงใตข องสหรัฐอเมรกิ า ที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ญายาวในเขตอบอุน เรยี กวา ทุงหญา แพรร ี (Prairie) มอี ากาศหนาว พืชพรรณธรรมชาติ เป็น ปาสนผสมปาไมผ ลัดใบ พบบริเวณ พ้นื ทท่ี างตะวันออกและตะวนั ตกของทะเลสาบทัง้ 5 ( ะตอนเหนือของสหรฐั อเมริกา) าวมอี ากาศหนาวจัด มีหิมะตก พชื พรรณธรรมชาติ ปาสน เป็นแหลงไมเน้ือออนทีส่ ําคัญของอเมริกาเหนือ พบบรเิ วณมลรฐั อะแลสกา าคเหนือของแคนาดา นใดท่ีมอี ุณหภูมิสงู กวา 10 องศาเซลเซยี ส พืชพรรณธรรมชาติ เป็นพวกตะไครน้ํา มอสส พบบริเวณชายฝั่งของมหาสมุทรอารก ติก กาและแคนาดา งของเกาะกรีนแลนด มีอากาศหนาวจัดและมนี ้ําแขง็ ปกคลุมตลอดปี ามความสงู ของพ้นื ทท่ี ุก ๆ ความสูง 180 เมตร อุณหภูมิลดลง 1 องศาเซลเซยี ส
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: