Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารการสอนMED3506

เอกสารการสอนMED3506

Published by mareeya4344, 2021-03-25 08:03:28

Description: เอกสารการสอนMED3506

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งส่อื การเรียนรูค้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 51 หลักการออกแบบ หลกั การออกแบบของ ADDIE model ADDIE Model เป็นกระบวนการพฒั นารปู แบบการสอนทน่ี ักออกแบบการเรยี นการสอนและ นักพฒั นาการฝกึ อบรมนิยมใช้กัน ซง่ึ ADDIE Model มีลาดับการพฒั นาเปน็ 5 ขน้ั ซึ่งประกอบด้วย การวิเคราะห์ (Analysis) การออกแบบ (Design) การพฒั นา(Development) การนาไปใช้ (Implementation)และการประเมนิ ผล (Evaluation) ซงึ่ แต่ละขัน้ ตอนเปน็ แนวทางท่ีมีลกั ษณะที่ยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถนาไปสร้างเป็นเครอ่ื งมอื ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ รูปท่ี 17 แสดงองค์ประกอบหลักของการพฒั นา การเรียนการสอนในรปู แบบของเอ็ดดี้โมเดล ADDIE Model เปน็ ระบบการออกแบบการสอน การออกแบบรปู แบบการสอนสว่ นมาก ในปจั จุบันเป็นลกั ษณะที่เปลี่ยนแปลงมาจาก ADDIE Model รปู แบบอ่นื ไมว่ า่ จะเป็น Dick & Carey, Kemp ISD Model สง่ิ หน่ึงที่เป็นทย่ี อมรบั กันทวั่ ไปในการปรบั ปรุงรปู แบบคอื การใชห้ รอื เริ่มจาก

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสร้างสือ่ การเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหัสวิชา MED3506 52 รูปแบบดังเดมิ ซง่ึ นีเ้ ปน็ แนวคิดทยี่ อมรับกันมาอย่างตอ่ เน่ืองหรอื เป็นขอ้ มลู สะท้อนท่ีไดร้ บั เพื่อ การพฒั นารปู แบบในขณะที่วัสดุการสอนถกู สรา้ งขน้ึ รูปแบบนพ้ี ยายามทาให้ประหยดั เวลาและ คา่ ใช้จ่ายโดยการเขา้ ใจปัญหาทีต่ อ้ งการแกไ้ ข ทฤษฎกี ารเรยี นการสอนเป็นสิง่ ทม่ี ีบทบาทสาคัญในการออกแบบวสั ดุ หรือส่ือการเรยี น การสอน ตัวอย่างเชน่ ทฤษฎี Behaviorism, Constructivism, social learning และ Cognitivism ทฤษฎีเหลา่ นีช้ ว่ ยในการสร้างรูปแบบและกาหนดสือ่ การสอน ใน ADDIE model แต่ละข้ันตอนจะมี ผลลพั ทท์ ี่จะนาไปส่ขู นั้ ตอนต่อไป ซ่ึงมีรายละเอียดดังนี้ ขนั้ ท่ี 1 ขั้นวเิ คราะห์ (Analysis Phase) ในขัน้ น้ีเป็นการทาความเข้าใจปัญหาการเรยี นการสอน เป้าหมายของรปู แบบการสอน และวัตถปุ ระสงค์ทีจ่ ะสรา้ งข้นึ ตลอดจนสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ และความรู้พน้ื ฐานและทกั ษะ ของผเู้ รยี นท่ีจาเปน็ ต้องมี โดยพจิ ารณาจากคาถามเพื่อการวิเคราะหด์ ังนี้ - ใครคือกลุม่ เป้าหมายและเขาต้องมีคุณลกั ษณะอยา่ งไร - ระบุพฤตกิ รรมใหมท่ ่ีคาดหวังวา่ จะเกดิ ขึน้ กับผูเ้ รยี น - มีขอ้ จากัดในการเรียนรู้ที่มีอยู่อะไรบา้ ง - อะไรที่เป็นทางเลอื กสาหรบั การเรียนรูท้ ีม่ อี ยบู่ า้ ง - หลักการสอนทีพ่ ิจารณาเป็นแบบไหน อยา่ งไร - มชี ่วงเวลาการพัฒนาเปน็ อยา่ งไร ขนั้ ที่ 2 การออกแบบ (Design) ขั้นตอนการออกแบบประกอบด้วย การสรา้ งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ กาหนดเคร่อื งมือ วดั ประเมินผล แบบฝกึ หดั เน้ือหา วางแผนการสอน และเลือกสื่อการสอนขน้ั ตอนการ ออกแบบควรจะทาอยา่ งเป็นระบบและมเี ฉพาะเจาะจง โดยความเปน็ ระบบน้หี มายถึงตรรกะ มีระเบียบแบบแผนของการจาแนก การพัฒนา และการประเมนิ แผนยทุ ธวธิ ที วี่ างไว้เพ่อื ให้ บรรลเุ ปา้ หมาย สาหรบั ความเฉพาะเจาะจงหมายถึงแต่ละองคป์ ระกอบของการออกแบบรปู

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสร้างสือ่ การเรียนรู้คณติ ศาสตรร์ ะดับมัธยม รหสั วชิ า MED3506 53 แบบการสอนจะต้องเอาใจใส่ทกุ รายละเอยี ด ซ่งึ มีขัน้ ตอนดังน้ี - จาแนกเอกสารของการออกแบบการสอนให้เปน็ หมวดหมู่ทัง้ ดา้ นเทคนิคยุทธวิธใี นการ ออกแบบการสอนและส่อื - กาหนดยุทธศาสตร์การเรยี นการสอนใหส้ อดคล้องกบั พฤติกรรมท่ีคาดหวังในแต่ ละกลมุ่ (cognitive, affective, psychomotor) - สร้างสตอรบี อร์ด - ออกแบบ User interface และ User Experiment - สร้างสื่อต้นแบบ ข้นั ท่ี 3 ขนั้ การพฒั นา (Development) ข้นั ตอนการพฒั นาคือขั้นที่ผู้ออกแบบสรา้ งส่วนต่างๆ ทีไ่ ด้ออกแบบไว้ในข้นั ของ การออกแบบซึ่งครอบคลุมการ สรา้ งเครือ่ งมือวดั ประเมินผล สร้างแบบฝึกหัด สร้างเน้อื หา และการพฒั นาโปรแกรมสาหรับส่ือการสอน เมอ่ื เรยี บร้อยทาการทดสอบเพอื่ หาขอ้ ผดิ พลาด เพ่อื นาผลไปปรับปรงุ แกไ้ ข ข้นั ที่ 4 ขน้ั การนาดาเนนิ การ (Implementation) ในขน้ั ตอนการดาเนินการนี้ หมายถึงข้ันของการสอนโดยอาจจะเปน็ รูปแบบช้ันเรยี น การฝึกอบรมหรือห้องทดลองหรอื รูปแบบการเรียนการสอนท่ีใชค้ อมพิวเตอรโ์ ดยจดุ มงุ่ หมายของ ข้ันตอนนี้คอื การสอนอย่างมีประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลจะตอ้ งใหก้ ารสง่ เสริมความเข้าใจของฃ ผู้เรียนสนบั สนนุ การเรียนรอบรู้ของผู้เรยี นตามวัตถุประสงค์ตา่ งๆทีต่ ั้งไว้ ขน้ั ที่ 5 ขน้ั การประเมินผล (Evaluation) ขั้นการประเมินผลประกอบดว้ ยสองสว่ นคือการประเมนิ ผลรูปแบบ (Formative) และการประ ภาพรวม (Summative) การประเมนิ ผลรปู แบบคือการนาเสนอในแตล่ ะขั้นของ ADDIE Process ซึ่งเป็นการประเมินผลเพื่อพัฒนาและการประเมินผลในภาพรวมจะทาเมื่อการสอนเสร็จสิน้ เพ่ือ ประเมินผลประสิทธิผลการสอนท้งั หมดข้อมูลจากการประเมินผลรวมโดยปกติมกั จะถูกใช้เพ่ือ

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งสอื่ การเรียนรู้คณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหสั วชิ า MED3506 54 การตัดสนิ ใจเกีย่ วกบั รูปแบบการสอน ลกั ษณะการออกแบบสอื่ ทด่ี ี 1.ควรเปน็ การออกแบบทีเ่ หมาะสมกบั ความมงุ่ หมายของการนาไปใช้ 2.ควรเป็นการออกแบบทมี่ ีลักษณะง่ายต่อการทาความเข้าใจการนาไปใช้งานและ กระบวนการผลิต 3.ควรมสี ดั สว่ นที่ดีและเหมาะสมตามสภาพการใชง้ านของส่ือ 4.ควรมคี วามกลมกลืนของสว่ นประกอบ ตลอดจนสอดคลอ้ งกบั สภาพแวดล้อมของการใช้ และการผลติ สื่อชนิดน้นั ปจั จยั พน้ื ฐานของการออกแบบส่ือการสอน 1.เปา้ หมายของการเรียนการสอน เป็นสง่ิ ท่กี าหนดพฤติกรรมข้นั สดุ ท้ายของผ้เู รยี นว่าจะมีลักษณะเชน่ ไร โดยท่ัวไปนยิ ม กาหนดพฤตกิ รรมที่เป็นเปา้ หมายของการเรยี นการสอนไว้เปน็ 3ลกั ษณะคือ 1.1 พฤติกรรมดา้ นพุทธิพิสยั (Cognitive Domain)เป็นพฤติกรรมทแ่ี สดงวา่ ได้เกดิ ปญั ญาความรูใ้ นเนื้อหาวิชาน้ัน ๆ แล้ว สามารถที่จะบอก อธิบาย วิเคราะห์ สงั เคราะห์ หรอื แกป้ ญั หาเกย่ี วกับเนื้อหาความรนู้ นั้ ได้ 1.2 พฤติกรรมด้านทกั ษะพิสยั (Pyschomotor Domain) เปน็ พฤตกิ รรมดา้ นทักษะ ของร่างกายในการเคลื่อนไหวลงมอื ทางานหรอื ความว่องไวในการแก้ปัญหา 1.3 พฤติกรรมดา้ นเจตพสิ ยั (Affective Domain) เปน็ พฤติกรรมทแ่ี สดงถึงความรู้สึก ดา้ นอารมณ์ทมี่ ีตอ่ สง่ิ ท่ีเรยี นรู้และสภาพแวดล้อม ในการเรียนการสอนครง้ั หน่ึงๆย่อมประกอบดว้ ยพฤติกรรมทีเ่ ปน็ เป้าหมายหลาย ประการดว้ ยกนั สื่อการสอนท่ีจะนามาใช้ หากจะต้องสนองต่อทุกพฤติกรรมแล้ว ยอ่ มมลี ักษณะ สบั สนหรือซับซอ้ นในการออกแบบสอื่ การสอน จงึ ตอ้ งพจิ ารณาเลือกเฉพาะพฤติกรรมท่ีเป็น จุดเด่นของการเรียนการสอนนน้ั มาเปน็ พนื้ ฐานของการพิจารณาสื่อ 2. ลักษณะของผู้เรยี น เนื้อหาและรายละเอียดของสื่อชนิดหนึ่ง ๆ ยอ่ มแปรตามอายุ และความรู้พนื้ ฐานของผ้เู รียน แต่โดยสภาพความเป็นจริงแลว้ ผเู้ รียน แตล่ ะคนย่อมมคี วามแตกต่างกัน หากจะนามาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาสอ่ื ย่อมทาไม่ได้ ในทาง

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งสื่อการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ระดบั มัธยม รหัสวิชา MED3506 55 ปฏบิ ัตจิ งึ ใช้ลกั ษณะของผู้เรียนในกลมุ่ หลกั เป็นพ้ืนฐานของการพจิ ารณาสื่อก่อน หากจาเป็นจงึ คอ่ ยพิจารณาสื่อเฉพาะสาหรับผู้เรียนในกลมุ่ พเิ ศษต่อไป 3.ลกั ษณะแวดล้อมของการผลิตส่อื ได้แก่ ก.ลกั ษณะกจิ กรรมการเรียนซึ่งครูอาจจัดได้หลายรปู แบบเช่น -การสอนกลมุ่ ใหญ่ ในลักษณะของการบรรยาย การสาธติ -การสอนกล่มุ เล็ก -การสอนเปน็ รายบุคคล กจิ กรรมการเรยี นการสอนแตล่ ะลักษณะย่อมตอ้ งการส่ือต่างประเภท ตา่ งขนาด เช่น ส่อื ประเภทสไลด์ ภาพยนตร์มคี วามเหมาะสมกับการเรียนในลักษณะกลมุ่ ใหญ่ วดี ีโอ ภาพขนาด กลาง เหมาะกับการสอนกลุ่มเล็ก สว่ นสอ่ื สาหรบั รายบุคคลจะต้องในลกั ษณะเฉพาะตวั ที่จะเปดิ โอกาสใหเ้ ด็กได้เรียนรู้ และวดั ผลดว้ ยตนเอง ข. สง่ิ อานวยความสะดวกในการใช้ส่อื ได้แก่ไฟฟา้ เป็นองค์ประกอบสาคญั การออกแบบ ส่ือสาหรับโรงเรียน หรือทอ้ งถ่ินทไ่ี ม่มีไฟฟ้าใช้ ย่อมต้องหลีกเล่ียงส่อื วัสดฉุ าย ค. วัสดพุ ้นื บา้ น หรอื วสั ดุท้องถนิ่ นากจากจะหาใช้ไดง้ า่ ยแล้วยงั จะช่วยให้ผู้เรียนได้ มองเห็นความสมั พันธ์ของสงิ่ ทีเ่ รียนรู้กบั สภาพจริงในชีวติ ประจาวันได้ดีกวา่ อีกด้วย ดงั ร้นั สือ่ เพื่อ การสอนบรรลเุ ปา้ หมายเดยี วกนั อาจจะมลี กั ษณะแตกตา่ งกนั ตามสภาพของวัสดุพ้ืนบา้ น 4. ลกั ษณะของสอ่ื ในการออกแบบและผลิตสื่อ จาเป็นอยา่ งยง่ิ ท่ีผผู้ ลิตต้องมคี วามรเู้ กี่ยวกับส่อื ในเรื่อง ตอ่ ไปนี้ ก. ลักษณะเฉพาะตัวของส่ือ ส่ือบางชนิดมีความเหมาะสมกบั ผู้เรยี นบางระดับ หรอื เหมาะกบั จานวนผู้เรียนทีแ่ ตกตา่ งกนั เชน่ แผนภาพจะใช้กับผเู้ รียนท่มี ีพน้ื ฐานหรือประสบการณ์ ในเรอื่ งน้นั ๆ มาก่อน ภาพการ์ตนู เหมาะสมกับเด็กประถมศกึ ษา ภาพยนตร์เหมาะกบั ผ้เู รียนที่ เปน็ กลุ่มใหญ่ วทิ ยเุ หมาะกบั การสอนมวลชน ฯลฯ ข. ขนาดมาตรฐานของส่ือ แมว้ ่ายงั ไมม่ ีการกาหนดเป็นตวั เลขท่แี น่นอน แต่ก็ถอื เอา ขนาดข้ันต่าทีส่ ามารถจะมองเห็นไดช้ ัดเจน และทว่ั ถึงเป็นเกณฑ์ในการผลิตส่ือ สว่ นสือ่ วสั ดฉุ ายจะต้องได้รับการเตรียมตน้ ฉบับให้พอดที ่ีจะไมเ่ กิดปัญหาในขณะถ่ายทา หรอื มองเห็นรายละเอียดภายในชดั เจน เม่ือถ่ายทาขึน้ เป็นส่ือแล้ว การกาหนดขนาดของต้นฉบบั ให้ถือหลกั 3 ประการ ต่อไปนี้ คือ -การวาดภาพและการเขียนตัวหนงั สือได้สะดวก -การเก็บรกั ษาตน้ ฉบับทาได้สะดวก -สดั ส่วนของความกว้างยาวเปน็ ไปตามชนิดของวสั ดุ

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสร้างส่ือการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ระดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 56 องคป์ ระกอบของการออกแบบสือ่ การสอน 1. จุด ( Dots ) 2. เส้น ( Line ) 3. รูปร่าง รปู ทรง ( Shape- Form ) 4. ปริมาตร ( Volume ) 5. ลกั ษณะพืน้ ผวิ ( Texture ) 6.บรเิ วณวา่ ง ( Space ) 7. สี ( Color ) 8. น้าหนักส่อื ( Value )

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งสื่อการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ระดับมธั ยม รหสั วิชา MED3506 57 บรรณานกุ รม กดิ านันท์ มลิทอง. (2540). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม.กรุงเทพฯ : สานกั พิมพแ์ ห่ง จุฬาภรณม์ หาวทิ ยาลัย. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. สื่อการสอนสาหรับครธู รุ กจิ . (n.d.). การผลติ สอ่ื แตล่ ะประเภท, 28 มกราคม 2559. http://cyberlab.lh1.ku.ac.th/elearn/ faculty/educate/edu51/les369.htm นางสาวกุลิสรา เบ้าสุข. (n.d.). การผลติ ส่ือให้มีประสิทธภิ าพ, 28 มกราคม 2559. https://www.gotoknow.org/posts/295572 นวลฉวี เทียบสี. (n.d.). หลักการผลติ สือ่ , 28 มกราคม 2559. https://www.classstart.org /classes/421 บทที่ 4 การออกแบบส่ือการเรียนการสอน. (2530), 28 มกราคม 2559. http://sayan204. blogspot.com/2008/09/4.html?m=1 พฤติพงษเ์ สกศิรริ ัตน.์ (มปป). การออกแบบส่ือการสอน.กรงุ เทพฯ:สานกั พมิ พ์โอเดยี นสโตร์. วรรณา เจียมทะวงษ.์ (2532). ทกั ษะพื้นฐานของการผลิตส่อื การสอน.คร้ังที่3.ภาควิชา เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมทางการศกึ ษา. วทิ ยาลัยครพู ระนคร. วารนิ ทร์ รศั มพี รหม. (2531). สือ่ การสอนเทคโนโลยที างการศกึ ษาและการสอนร่วมสมัย. กรงุ เทพฯ:โรงพมิ พ์ชวนพิมพ์. ส่อื การสอนสาหรบั ครธู รุ กจิ . (n.d.). ประเภทของสอื่ การสอนทางธรุ กจิ , 3 มกราคม 2559. http://cyberlab.lh1.ku.ac.th/elearn/faculty/educate/edu51/les369.htm สมฤทัย เดชสกลุ .(2556). สอื่ มลั ติมิเดยี เรอ่ื งเซต (set), มกราคม 2559 https://www.youtube.com/watch?v=v38BM0CfQZ4 สุนันท์ สงั ขอ์ ่อง.สอื่ การสอนและนวตั กรรมทางการศกึ ษา.กรงุ เทพฯ:O.S. PRINTING HOUSE CO,LTD,2526. สพุ รรณิการ์ อินตะ๊ คามา. (2544). การออกแบบสื่อ, 30มกราคม 2559. http://sps.lpru.ac.th/script/show_article.pl?mag_id=6&group_id=25&article _id=281 อภิชิต ศิรวิ งษ์. (2550). หน่วยท่ี 4 การออกแบบสอื่ การเรยี นการสอน, 28 มกราคม 2559. http://aphichit-siriwong.blogspot.com/2007/09/4.html GotoKnow โดย nattaya. (n.d.). หลกั การออกแบบสื่อ, 29 มกราคม 2559. https://www.gotoknow.org/posts/276935 4.1การผลิตสอื่ การสอน

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งส่อื การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหัสวิชา MED3506 58 1. สารวจความตอ้ งการ การผลติ สอื่ เพ่ือการใช้ประโยชน์อย่างแท้จรงิ จะต้องสารวจ ความตอ้ งการของผ้ใู ช้ ความต้องการของผูใ้ ช้อาจจะได้มาจากการแสดงความต้องการของผใู้ ช้ โดยตรง หรือจากการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากแบบสารวจ 2. กาหนดเปา้ หมายการผลิต เมื่อทราบความต้องการของผู้ใชแ้ ลว้ ก็จะนาเอาความ ต้องการมาประเมิน จดั ลาดบั ความสาคัญ แลว้ กาหนดเป้าหมายการผลติ 3. วเิ คราะหก์ ลุ่มเปา้ หมาย กลุม่ เป้าหมายย่อมมีความแตกต่างกนั ในด้านคณุ ลักษณะ บางประการ ผผู้ ลติ จะตอ้ งศกึ ษาแนวโนม้ ความแตกต่างของกลุ่มในดา้ นต่าง ๆ 4. กาหนดจุดม่งุ หมายเชิงพฤตกิ รรม การกาหนดจดุ มุ่งหมายการผลิตสอื่ ควรกาหนด เป็นจุดม่งุ หมายเชิงพฤติกรรมเพอื่ ใหส้ ามารถตรวจสอบผลได้ 5. วิเคราะหแ์ ละจดั ทาเน้อื หา โดยนาเน้อื หาท่จี ะผลิตสือ่ มาวิเคราะห์หาความเหมาะสม ในการจัดรปู แบบการนาเสนอและจดั ลาดบั เรื่องราว 6. เลือกประเภทสื่อท่ีจะผลติ เนื้อหาหน่ึง ๆ อาจผลติ ส่ือได้หลายประเภท ในการ ตัดสินใจว่าจะผลติ เปน็ ส่อื ประเภทใดนน้ั จะต้องนามาพจิ ารณาหาความเหมาะสมอย่างรอบคอบ โดยพจิ ารณาองค์ประกอบเก่ยี วกบั จุดมงุ่ หมายของการผลิต ลกั ษณะของเนื้อหา ขีดความสามารถ ในการผลิตของหน่วยงานผลิตหรอื ผู้ผลติ เป็นตน้ 7. ผลติ สือ่ กระบวนการผลติ สื่อจะต้องแตกต่างกนั ไปตามประเภทของสอ่ื เช่น ส่อื ประเภทเร่อื งราวตอ่ เน่ือง ก็จะตอ้ งจัดทาบตั รเร่ือง เขียนบท ถา่ ยทา บนั ทึกเสียง ถา้ เปน็ สื่อ ประเภทวัสดสุ ามติ ิ กต็ ้องเขยี นโครงร่างการออกแบบ ทาพิมพเ์ ขยี วก่อน เป็นต้น 8. ทดลองเบื้องตน้ เป็นการทดลองเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่องเบ้ืองต้น เช่น ภาษา ขนาด สัดส่วน และคณุ ภาพทางเทคนคิ อ่นื ๆ เป็นต้น อาจทาเปน็ ขนั้ ตอนย่อย ๆ เปน็ ต้นว่า ทดลอง 1 คน 3 คน 6 คน 9. ทดลองภาคสนาม เปน็ การนาสือ่ ไปทดลองกบั กลมุ่ ผู้เรียนจริง แลว้ เกบ็ รวบรวม ขอ้ มูล ประสิทธภิ าพของส่ือนั้น ๆ เพอื่ แก้ไขปรับปรงุ ใหด้ ี ก่อนการนาออกไปใช้จรงิ 10. การนาไปใชแ้ ละปรับปรงุ การนาสอ่ื ทผี่ ่านการทดลองภาคสนามแลว้ ไปใช้อาจจะยังมี ข้อบกพร่องอยู่บา้ ง เม่ือนาไปใชใ้ นสถานการณ์ที่แตกต่างกัน จงึ ควรแก้ไขปรบั ปรงุ เป็นระยะ 4.2 ระบบการใชส้ อ่ื การสอน

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าการสร้างสอ่ื การเรยี นร้คู ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหัสวชิ า MED3506 59 การใชส้ ื่อการสอนนนั้ ผูส้ อนควรจะไดม้ ีการวางแผนอย่างเป็นระบบในการใชเ้ พ่ือให้ บรรลถุ ึงวัตถปุ ระสงคก์ ารเรียนร้ตู ามจุดประสงคท์ ีว่ างไว้ ข้นั ตอนดงั น้ี 4.3 การวเิ คราะหผ์ เู้ รยี น เป็นการวิเคราะหล์ ักษณะผเู้ รียนเพอื่ ที่ผู้สอนจะได้ทราบวา่ ผเู้ รยี นมคี วามพร้อมในการ เรียนมากน้อยเพียงใดท้ังน้ีเพราะการทจ่ี ะใช้ส่ือใหไ้ ดผ้ ลดี ย่อมจะต้องเลือกสื่อใหม้ ีความสัมพันธ์ กบั ลกั ษณะผู้เรยี น ดงั นน้ั ผูส้ อนจะตอ้ งคานึงถึงลกั ษณะทวั่ ไปและลกั ษณะเฉพาะของผเู้ รียน เชน่ การกาหนดลักษณะทวั่ ไป ซ่งึ ไดแ้ ก่ อายุ ระดับความรู้ สังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของผเู้ รียน แตล่ ะคน ถึงแมว้ ่าลักษณะท่ัวไปของผู้เรยี นจะไม่มีความเกย่ี วข้องกับเน้ือหาบทเรียนกต็ ามแต่ก็ เป็น สิ่งทช่ี ่วยใหผ้ ูส้ อนสามารถตดั สนิ ระดบั ของบทเรียนและเพื่อเลอื กตัวอยา่ งของเนอ้ื หาให้ เหมาะสมกับผูเ้ รียนได้ สว่ นลกั ษณะเฉพาะของผู้เรียนแตล่ ะคนนัน้ นบั ว่ามสี ่วนสาคญั โดยตรงกบั เนือ้ หาบทเรยี นตลอดจนส่ือการสอนและวิธกี ารที่จะนามาใช้ในการสอน ส่ิงท่ีต้องนามาใช้ในการ วิเคราะห์ ประกอบดว้ ย 1. ทกั ษะที่มมี าก่อน (prerequisite skill) เพ่ือใหท้ ราบว่าผู้เรยี นมคี วามร้พู ้นื ฐาน หรือ ทกั ษะทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับบทเรยี นน้นั ว่ามอี ะไรบ้าง กอ่ นท่จี ะเรียน 2. ทักษะเป้าหมาย (target skill) ผูเ้ รยี นมีความชานาญในทกั ษะที่จะสอนนัน้ มาก่อน หรอื ไม่ เพอื่ จะไดส้ อนใหต้ รงกับที่วางจดุ ม่งุ หมายไว้ 3. ทักษะในการเรยี น (study skill) ผู้เรยี นมีความสามารถข้ันตน้ ทางดา้ นภาษา การ อ่านเขียน การคานวณ ฯลฯ ซง่ึ เปน็ สงิ่ จาเปน็ ที่จะช่วยในการเรยี นร้นู ั้นในระดบั มากน้อยเพียงไร 4. เจตคติ (attitudes) ผ้เู รียนมเี จตคติอยา่ งไรตอ่ วชิ าท่จี ะเรียนนั้น การวเิ คราะห์ ลกั ษณะผู้เรียนนัน้ ถงึ แม้วา่ จะเปน็ การกระทาเพียงผิวเผินกต็ าม แต่กส็ ามารถนาไปใชใ้ นการเลอื ก สอ่ื ทเ่ี หมาะสมได้ เช่น หากผูเ้ รียนมที ักษะในการอา่ นตา่ กว่าเกณฑก์ ส็ ามารถชว่ ยได้ด้วยการใชส้ ่อื ประเภทที่มิใช่สอ่ื สิง่ พิมพ์ หรือถา้ หากผูเ้ รียนในกลุ่มนน้ั มคี วามแตกต่างกันมาก กส็ ามารถให้เรียน ด้วยชดุ การเรียนรายบคุ คลได้ การวเิ คราะหล์ ักษณะผูเ้ รยี นอาจจะทาใด้ยากเป็นบางคร้ัง ทั้งนเ้ี พราะผู้สอนอาจมเี วลานอ้ ยที่จะ สังเกต หรือผู้เรียน อาจเป็นผู้มาจากที่อนื่ ท่เี ข้ามาเรียนหรือรบั การอบรม แต่ก็สามารถกระทาได้ ด้วยการสนทนากับผเู้ รยี นหรือผรู้ ่วมช้นั อ่ืนๆ หรืออาจมีการทดสอบก่อนเรยี นเพื่อดูพนื้ ฐานของ ผเู้ รียนก็ได้ 4.4 การกาหนดจดุ ประสงค์ วตั ถุประสงค์เปน็ สงิ่ ทต่ี ง้ั ขนึ้ เพ่ือคาดหวงั ว่าผู้เรียนจะสามารถบรรลุในสิ่งตา่ งๆ ท่ตี ั้งหรือ กาหนดไว้ การตั้งหรอื กาหนดวัตถุประสงค์ในการเรยี นการสอนนั้นก็เพื่อ 1. ผู้สอนจะได้ทราบว่าการเรียนการสอนนั้นมีวัตถปุ ระสงค์อะไร เพื่อสะดวกในการ เลอื กสอ่ื และวธิ กี ารให้ถกู ต้อง วัตถุประสงค์นจี้ ะช่วยในการจัดลาดับกิจกรรมการเรียนและสร้าง สิง่ แวดลอ้ ม หรือประสบการณก์ ารเรียนรเู้ พอ่ื ให้บรรลตุ ามวัตถปุ ระสงคน์ ้ัน 2. ชว่ ยในการประเมนิ ผเู้ รยี นได้อยา่ งถูกต้อง เพราะผูส้ อนจะไม่ทราบเลยว่าผู้เรียน

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการสรา้ งส่อื การเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ระดับมัธยม รหสั วิชา MED3506 60 ได้บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ท่ีตัง้ ไวห้ รือไม่ถ้าไมม่ ีการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ไว้ก่อนล่วงหน้า 3. ชว่ ยให้ผเู้ รยี นทราบวา่ เม่อื เรยี นบทเรยี นนัน้ แลว้ จะสามารถเรียนรหู้ รอื กระทา อะไรไดบ้ ้าง 4.5 การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ ควรประกอบดว้ ย 1. การกระทา (performance) เปน็ สิง่ ที่คาดหวังวา่ ผเู้ รยี นจะสามารถกระทาอะไรได้ บ้างภายหลังจากการเรยี นแล้ว ซ่ึงการกระทานนั้ ต้องเป็นสิ่งทีส่ ังเกตเห็นได้ 2. เง่อื นไข (Conditions) เปน็ ขอ้ จากดั หรอื เงื่อนไขทตี่ ้ังขึ้นโดยรวมอยู่ภายใต้การ กระทานน้ั 3. เกณฑ์ (Criteria) เพ่ือเป็นการตัดสินการกระทานัน้ ว่าเป็นไปตามท่กี าหนดไว้หรอื ไม่ เมอื่ กาหนดวตั ถุประสงคแ์ ล้ว ควรมีการแบ่งประเภท หรอื ระดบั ของขอบเขตการเรยี นรู้ ทงั้ นี้เพ่ือ เป็นประโยชน์หรือแนวทางในการตดั สนิ ว่า การเรยี นรนู้ นั้ จะครอบคลมุ แนวของทกั ษะหรือ พฤติกรรมอะไรบ้าง จึงตอ้ งมีการกาหนดเปน็ \"วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม\" ซงึ่ ควรจะประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบต่างๆ ดงั นี้ - พุทธพิ สิ ยั เป็นวัตถปุ ระสงค์ทต่ี งั้ ไว้เพอ่ื วดั การเรียนรขู้ องผูเ้ รียนเกี่ยวกับความรู้ ความ เข้าใจ สติปญั ญาและการพฒั นา เปน็ ตน้ - จติ ตพิสัย เปน็ วัตถุประสงค์ทางด้านความคิด ทศั นคติ ความรูส้ ึก ค่านยิ ม และการ เสริมสรา้ งทางปญั ญา - ทกั ษะพิสัย เปน็ วตั ถปุ ระสงคเ์ ก่ียวกับการกระทา การแสดงออก หรือการปฏบิ ตั ิ 4.6 การเลอื ก ดดั แปลง หรอื ออกแบบส่อื การท่จี ะมีส่ือวัสดทุ เ่ี หมาะสมในการเรยี นการสอน สามารถทาได้ 3 วธิ ี คือ 1. เลือกจากส่ือท่มี ีอยแู่ ล้ว ส่วนใหญใ่ นสถาบันการศึกษามักจะมที รัพยากรท่ี สามารถใชเ้ ป็นสอื่ ได้อยู่แลว้ ดงั น้ัน สิง่ ท่ผี ูส้ อนต้องกระทาคือ ตรวจสอบดวู ่ามีสิง่ ใดท่ีจะใชเ้ ปน็ ส่อื ไดบ้ ้าง โดยเลือกใหต้ รงกบั ลกั ษณะผู้เรียนและวตั ถปุ ระสงค์ของการเรยี น เช่น สอ่ื ท่ีมีอยู่มีเนอื้ หา ขอ้ มลู และกจิ กรรมท่ีตรงกับวัตถปุ ระสงคท์ ี่ต้งั ไว้หรือไม่ และการเลือกสือ่ นั้นยอ่ มข้ึนอยู่กับวิธีการ สอนในบทเรยี นและข้อจากดั ของสถานการณ์การเรียนการสอนดว้ ย 2. ดัดแปลงส่ือทมี่ ีอยแู่ ลว้ ให้ใช้ได้ดีและเหมาะสมมากย่ิงข้นึ ทัง้ นย้ี ่อมขึ้นกับเวลา และงบประมาณในการดัดแปลงสือ่ นน้ั ดว้ ย เชน่ มีภาพยนตรเ์ สียงในฟลิ ม์ เปน็ ภาษาอังกฤษ ถา้ มี การแปลเปน็ ภาษาไทยแลว้ บันทึกเสยี งลงใหม่ เพื่อใหผ้ เู้ รยี นชมและฟังเขา้ ใจงา่ ยขน้ึ จะคุ้มกับ เวลาและการลงทุนหรือไม่ เหล่านเ้ี ป็นต้น 3. การออกแบบส่ือใหม่ กรณีทไี่ ม่มสี ื่อเดิมอยู่ หรอื ส่ือทม่ี ีอยู่แล้วไมส่ ามารถนามา ดดั แปลงให้ใชไ้ ด้ตามท่ีต้องการผสู้ อนย่อมต้องมีการออกแบบและจัดทาสื่อใหม่ ซง่ึ ต้องคานงึ ถงึ องค์ประกอบต่าง ๆ หลายอย่าง เช่น ต้องให้ตรงกับวตั ถุประสงคข์ องการเรยี นและลักษณะของ ผูเ้ รียน มงี บประมาณในการจัดทาเพียงพอหรือไม่ มเี คร่ืองมือและผชู้ านาญในการจดั ทาส่ือหรือไม่ เหล่านเ้ี ปน็ ตน้

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งสือ่ การเรียนรูค้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหัสวิชา MED3506 61 การใชส้ อื่ เป็นข้นั ของการกระทาจริง ซงึ่ ผู้สอนจะต้องดาเนินการดงั นี้ 1. ดูหรืออ่านเน้ือหาในสอื่ เหล่านั้นก่อนเปน็ การเตรยี มตัวล่วงหน้า เช่น ดูสไลด์ หรือวดี ิทศั นเ์ พือ่ ศึกษาเนื้อหาให้แม่นยาก่อนนาไปสอน หรอื อา่ นบทวจิ ารณ์เกยี่ วกบั เร่ืองน้ันรว่ ม ดว้ ย 2. จัดเตรยี มสถานท่ี ท่ีน่งั เรียน อปุ กรณเ์ คร่อื งมอื และส่งิ ต่างๆ เพื่อความ สะดวกเรยี บรอ้ ยกอ่ นการสอนและควรตอ้ งทดลองอุปกรณ์ที่จะใช้ก่อนว่าใช้ได้ดหี รือไม่ 3. เตรียมตัวผู้เรียน โดยการใช้ส่อื นาเขา้ สบู่ ทเรียน ถา้ มีการฉายวดี ทิ ัศน์หรอื ภาพยนตใ์ หช้ ม ก็ควรจะตอ้ งสรปุ เน้อื หาเรือ่ งท่จี ะชมน้นั ให้ผเู้ รยี นทราบเสียกอ่ นวา่ เกยี่ วข้องกบั ทบเรียนอย่างไรบ้าง เป็นการแนะนาก่อนล่วงหน้าและเพ่ือสรา้ งแรงจงู ใจแก่ผ้เู รียน 4. ควบคุมช้ันเรยี น เพ่ือให้ผูเ้ รยี นมีความสนใจในสื่อทนี่ าเสนอนั้น 4.7 การกาหนดการตอบสนองของผเู้ รยี น การให้ผเู้ รียนมีสว่ นร่วมในการเรยี น และเปดิ โอกาสใหม้ กี ารตอบสนองน้ันเปน็ ส่งิ สาคัญ ยิ่ง ซึ่งผเู้ รยี นจะมีการตอบสนองหรือไม่และมากนอ้ ยเพียงใดกข็ ้นึ อยู่กบั ส่ือทีน่ ามาใช้ สอ่ื บางชนดิ เมือ่ ใช้แล้วจะเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนมสี ่วนร่วมมากกว่าสื่อชนิดอนื่ ๆ เช่น การให้อ่านข้อความใน หนงั สอื หรอื ดูภาพ จะทาใหผ้ ู้เรียนมกี ารอภปิ รายจากสง่ิ ท่ีอ่านหรอื เห็น ผเู้ รยี นยอ่ มมีการ ตอบสนองเกดิ ขึ้นได้ทันทแี ละง่ายกว่าการใหด้ ูภาพยนตร์ ทง้ั น้เี พราะการดูภาพยนตรถ์ ้าจะใหด้ รู ู้ เร่ืองจริงๆ แล้วควรจะต้องดูให้จบเรื่องเสยี ก่อนแลว้ จงึ อภิปรายกนั ซง่ึ จะดีกว่าหยุดดูทีละตอน แล้วอภปิ ราย เพราะจะทาให้มกี ารขัดจังหวะเกดิ ความไม่ต่อเนื่องในการดู อาจทาใหไ้ ม่เขา้ ใจหรอื จบั ความสาคญั ของเรื่องไม่ได้ นอกจากนผ้ี ูเ้ รียนสามารถมกี าร ตอบสนองโดยเปดิ เผย (overt respone) โดยการพดู ออกมา หรอื เขียน และ การตอบสนองภายในตัวผเู้ รยี น (convert response) โดยการท่องจาหรือคดิ ในใจ เม่อื ผเู้ รียนมกี ารตอบสนองแล้วผู้สอนควรให้การ เสริมแรงทนั ทีเพื่อให้ผเู้ รยี นทราบว่าตนมีความเข้าใจและเกิดการเรยี นรู้ท่ีถูกต้องหรือไม่ การเรียน การ สอนโดยการให้ทาแบบฝึกหดั การตอบคาถาม การอภปิ ราย หรือการใชบ้ ทเรียนแบบโปรแกรม จะเป็นการเปิด โอกาสใหผ้ เู้ รียนมีการตอบสนองและไดร้ บั การเสริมแรงระหวา่ งการเรียน การประเมนิ ผล การ ประเมนิ สามารกระทาได้ 3 ลกั ษณะ คือ 1. การประเมินกระบวนการสอน เพ่ือเป็นการประเมนิ วา่ สามารถบรรลุได้ตาม วตั ถปุ ระสงค์ทีต่ ง้ั ไว้หรือไม่ทง้ั ในด้านผสู้ อน สือ่ การสอน และวธิ ีการสอน โดยในการประเมนิ สามารถทาไดท้ ัง้ ในระยะก่อน ระหวา่ ง และหลังการสอน 2. การประเมินความสาเรจ็ ของผู้เรยี น ข้นึ อยู่กบั วตั ถุประสงค์ทตี่ ง้ั ไว้วา่ มเี กณฑ์ เทา่ ใด การวดั ผลอาจทาได้ดว้ ยการทดสอบ การสอบปากเปลา่ หรอื ดจู ากผลงานของผู้เรียน ส่งิ สาคัญท่สี ดุ ทจี่ ะทราบว่าผเู้ รยี นสมั ฤทธผิ ลทางการเรยี นมากนอ้ ยเท่าใด คอื สังเกตจากการปฏบิ ตั ิ และการแสดงออกของผ้เู รยี นน้นั ๆ 3. การประเมนิ สื่อและวิธกี ารสอน โดยการให้ผู้เรยี นมีการอภิปรายและวจิ ารณ์การ ใชส้ อื่ และเทคนิควิธกี ารสอนว่าเหมาะสมมากน้อยเพียงใด

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าการสรา้ งส่ือการเรียนรคู้ ณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยม รหสั วิชา MED3506 62 4 การประเมนิ การใชส้ อื่ การสอน 1.การประเมนิ การวางแผนการใชส้ ือ่ เพอ่ื ดวู ่าสงิ่ ต่าง ๆ ท่วี างไว้สามารถดาเนินไปตาม แผนหรอื ไม่ หรือเป็นไปเพียงตามหลกั ทฤษฎแี ต่ไม่สามารถปฏบิ ัติจรงิ ได้ จึงตอ้ งเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ไว้เพอ่ื แก้ไขปรบั ปรงุ ในการวางแผนในการวางแผนคร้งั ตอ่ ไป 2. ประเมินกระบวนการการใช้สอื่ เพ่ือดูว่าการใชส้ อื่ ในแตล่ ะข้ันตอนประสบปัญหา หรืออุปสรรคอย่างไรบ้าง มีสาเหตุมาจากอะไร และมีการเตรยี มการป้องกนั ไวห้ รือไม่ 3. ประเมนิ ผลที่ไดจ้ ากการใชส้ ่อื เป็นผลทเ่ี กดิ ขึ้นกบั ผเู้ รยี นโดยตรงวา่ เมือ่ เรียนแล้ว ผเู้ รยี นสามารถบรรลตุ ามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมทต่ี ัง้ ไว้หรือไม่ และผลทไ่ี ด้นนั้ เปน็ ไปตาม เกณฑ์หรือตา่ กวา่ เกณฑ์

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาการสรา้ งส่ือการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ระดบั มัธยม รหัสวชิ า MED3506 63 บรรณานุกรม กดิ านันท์ มลทิ อง. (2540). เทคโนโลยกี ารศึกษาและนวัตกรรม.กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ประเภทของสอื่ . 27 มกราคม 2560. http://2wilaiporn052.blogspot.com/ 2011/07/blog-post_7308.html?m=1 ประเภทของสอื่ การเรยี นการสอน. 3 มกราคม 2560. http://www.st.ac.th/av/media_kind.htm ประเภทของสื่อ. 3 มกราคม 2560. https://sites.google.com/site/thekhnoloyilaeasuxkarsuksa/ home/kar-phathna-sux-kar-suksa


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook