Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน

แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน

Published by tach125689, 2022-05-12 06:08:22

Description: งานวิจัย ของ ร.ต.ต.ธัชพงศ์ เรียนสุด.docx

Keywords: แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน

Search

Read the Text Version

51 6. ความน่าเช่ือถือ เกิดจากความซื่อสัตย์ ความจริงใจ ความสนใจอย่างแท้จริงของผู้ ให้บริการที่มีต่อผู้รบั บรกิ ารซึ่งเป็นส่ิงสำคัญท่ีสุด โดยเฉพาะทางการแพทย์ และจะทำให้มีผู้รับบริการ ซ่ึงเป็นส่ิงสำคัญท่ีสุด โดยเฉพาะทางการแพทย์ และจะทำให้บริการน้ันอาจเกิดจากปัจจัยอื่นเสริมอีก เชน่ ช่ือเสยี งของโรงพยาบาลและบุคลากรตา่ ง ๆ 7. การสอ่ื สาร ผู้ใหบ้ ริการควรมีการให้ข้อมูลด้านต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้องที่ผมู้ ารับบรกิ ารพึงทราบ และประสงค์จะทราบ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่ผู้ป่วยจะได้รบั ข้อมูลเร่ืองค่าใช้จ่ายและ ทางเลือกในการรักษา ฯลฯ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ในด้านอน่ื ๆ อกี เช่น ระดับการศกึ ษา ฯลฯ 8. ความมั่นคงปลอดภัย เป็นความรู้สึกที่ม่ันใจในความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน รวมทั้ง ชื่อเสียง ปราศจากความรู้สึกเส่ยี งอนั ตรายและขอ้ สงสัยตา่ ง ๆ เชน่ การรกั ษา ความลับผ้ปู ่วย เป็นต้น 9. ความเป็นรูปธรรมของการบริการ ซึง่ จะทำให้ผมู้ ารับบริการรับรู้ถงึ การบริการน้ันได้อย่าง ชัดเจนและง่ายขึ้น เช่น การท่ีโรงพยาบาลมีสถานที่ใหญ่ หรูหรา สะอาด มีเคร่อื งมือเครื่องใช้ทันสมัย การบริการมีความเหมาะสม ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีส่ิงอ่ืนที่ช่วยสร้างรูปธรรมของการบริการได้อีก เช่น การใชร้ อยยม้ิ เป็นสือ่ ที่แสดงอัธยาศัยไมตรีของผูใ้ ห้บรกิ าร 10. ความเข้าใจและรู้จักผู้มารับบริการ ผู้ให้บริการควรจะมีความเข้าใจ และรู้จักผู้มารับ บริการของตนเอง เช่นการท่ีแพทย์หรือพยาบาลสามารถจำชื่อผู้ป่วยได้ ผู้ให้บริการสามารถจำลูกค้า ของตนเองได้ ฯลฯ กล่าวโดยสรุป ทฤษฎีความพึงพอใจ เป็นเรื่องเก่ียวกับ ความรู้สึกต่างๆของมนุษย์ที่มีผลใน ทางบวกมากกว่าทางลบ เมือ่ เขา้ ถงึ การใช้บรกิ าร แนวคิดการสรา้ งความพึงพอใจ นิคม เอี่ยมสะอาด (2539,น.27) กล่าวไวว้ ่า การสร้างความสมั พันธ์ทีด่ รี ะหวา่ งลูกค้ากับผูข้ ายนั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย แต่ผู้ให้บริการจะต้องได้รับการอบรมและชี้แจงให้ทราบถึง นโยบายและแนวทางในการปฏิบัติให้เกิดความสัมพันธ์ท่ีดี โดยมีแนวทางการพัฒนาลูกค้าสัมพันธ์ 11 ประการ ดงั นี้ 1. รกั ษาคำมัน่ สัญญาทใ่ี ห้ไวก้ ับลูกค้า การประกอบธุรกิจใด ๆ ก็ตามมักจะตอ้ งมกี ารนัดหมาย ในการให้บริการต่าง ๆ เช่น บริการหลังการขายหรือบางคร้ังถ้าสินค้าเป็นเร่ืองของการบริการท่ีไม่ สามารถจับต้องได้ ถ้าลูกคา้ มปี ัญหาใดก็ตามองคก์ รหรือผู้บรกิ ารจะต้องให้ความสนใจในการให้บรกิ าร เม่ือมีการนัดหมายจะให้บริการเมื่อใดก็ตามหรืออย่างไรก็ตาม องค์กรน้ันจะต้องทำตามการนัดหมาย หรือข้อตกลงน้ัน ๆ โดยไม่บิดพล้ิวและควรให้บริการอย่างรวดเร็ว อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างมี มิตรภาพด้วยสีหน้าย้ิมแย้มแจ่มใส มีความนอบน้อมโดยไม่มีการบน่ ถึงความเหนื่อยยากหรือสิน้ เปลือง ต่าง ๆ การกระทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นกฎข้อแรกที่ผู้ให้บริการจะต้องถือเป็นกฎเกณฑ์ในการให้บริการ ลูกค้า 2. ตอบรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาอย่างรวดเร็วภายในไม่เกิน 5 นาที การรับโทรศัพท์ช้าถือว่า เป็นการทำลายภาพลกั ษณ์และความนา่ เชอ่ื ถอื ของบริษัท 3. การตอบรับในเร่ืองได้รับเอกสารหรือหลักฐานต่าง ๆ ภายใน 2 วัน เอกสารบางอย่างท่ีส่ง มายังบริษัทอาจจะไม่จำเป็นต้องตอบ แต่เอกสารท่ีเกี่ยวกับการขอให้บริการหรอื สอบถามบริการหรือ

52 ขอ้ แนะนำต่าง ๆ ท่ีมีต่อบริษัทควรจะได้รับการตอบรบั ทันทภี ายใน 2 วัน อาจจะมีเอกสารบางอย่างที่ ไม่สามารถตอบได้ภายใน 2 วัน น้ัน ผู้บริการจะต้องมีการตั้งเป้าหมายท่ีแน่ชัดว่าจะเสร็จเมื่อใด เจ้าของหรือบุคคลอ้างถึงในจดหมายหรือเอกสารน้ัน ควรจะเป็นผู้ตอบหรือมลี ายเซ็นที่แสดงว่าได้ตอบ แล้วมใิ ช่ผู้อืน่ ตอบ 4. ไม่ควรให้ลูกคา้ รอคอยนานเกิน 5 นาที การใหล้ ูกคา้ รอนานเป็นการสร้างความรู้สกึ ทไ่ี มด่ ี ต่อลกู ค้า เป็นการสูญเสยี ทางเศรษฐกิจของลกู ค้า ทง้ั นเ้ี พราะลูกค้าจะรู้สกึ วา่ บริการนัน้ มีราคาแพง ท้ัง ท่ีไม่มีตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการท่ีผู้ให้บริการสามารถให้บริการอย่างรวดเร็วจึงเป็นปัจจัยหน่ึง ในการสร้างความพงึ พอใจ 5. ผู้ให้บรกิ ารทุกคนตอ้ งมีทัศนคติท่ีดีต่อลูกค้า การติดต่อหรือทำธรุ กิจกันทุกคร้ังผู้ให้บริการ จะต้องให้เกียรติแก่ลูกค้า แสดงกิริยามารยาท่ีดีกับลูกค้า และต้องแสดงความอ่อนหวานราบรื่นหู ตลอดจนคำขอบคุณทีใ่ หล้ กู คา้ ซ่งึ พบวา่ มมี นต์ขลงั ในการดึงดดู ลูกค้าใหก้ ลับมาใช้บริการอกี 6. เม่ือมีสิ่งบกพร่องเกิดข้ึน จะต้องไปหาลูกค้าก่อนที่ลูกค้าจะมาหาความผิดพลาดหรือ ข้อบกพร่องบางประการเป็นสิ่งท่ีเกิดข้ึนได้เสมอ เช่น บริษัทได้ให้สัญญาแก่ลูกค้าว่าจะส่งมอบของ ภายในระยะเวลาหนึ่ง หรือการสัญญาว่าจะซ่อมสินค้าที่ซื้อไปให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่ไม่ สามารถทำได้เนอื่ งจากเหตุสุดวิสัยต่าง ๆ ในสถานการณ์นี้จำเปน็ อย่างยง่ิ ท่ีผู้ให้บริการจะตอ้ งรีบติดต่อ และแจ้งให้ลกู ค้าทราบกอ่ นทีล่ ูกค้าจะพบหรือทราบวา่ ผ้ใู หบ้ รกิ ารไมส่ ามารถทำตามท่ลี ูกค้าคาดหวงั ได้ การกระทำเชน่ นจ้ี ะสามารถลดความร้สู กึ ท่ีไม่ดีของลูกคา้ ได้ 7. ระบบการทำงานจะต้องมีความน่าเชื่อถือ ซ่ึงหมายถึง ระบบการให้บริการต่าง ๆจะต้อง อยู่ในสภาพดี ทำงานได้ตลอดเวลา เช่นเครื่องรับโทรศัพท์ เครื่องทำน้ำอุ่น หรือลิฟท์ของโรงแรม จะต้องอยู่ในสถานภาพที่ทำงานได้ตลอดเวลา มีการตรวจสอบตลอดเวลาหากมีปัญหาต้องได้รับการ แก้ไขทันที ถ้าสภาวะทางด้านลบเหล่าน้ีเกิดขึ้น อันเนื่องจากความไม่น่าเช่ือถือของระบบย่อมจะมี ภาพลักษณ์ท่ีไมด่ ตี อ่ องคก์ ร และยังสรา้ งความไมพ่ ึงพอใจใหแ้ กล่ ูกคา้ หรือผู้รบั บริการ 8. การแก้ไขปัญหาหรือข้อผิดพลาดทุกด้านอย่างรวดเร็ว หมายถึง การที่ไม่ควรให้ความ ผิดพลาดในเร่ืองเดียวกันเป็นครั้งที่สอง โดยเฉพาะอย่างย่ิงกับลูกค้ารายเดียวกัน เช่น ลูกค้าแจ้งว่า ยอดเงินฝากผิดพลาดหรือสะกดช่ือ หรือนามสกุลผิดพลาด ธนาคารก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ันได้ ทนั ที ยงั คงมคี วามผิดพลาดนัน้ ๆ เกดิ ข้นึ เหมอื นเดิม 9. พนักงานทุกคนจะตอ้ งเปน็ ผู้รู้ คือ รู้ข้อมลู ทจี่ ำเป็นและสำคัญเก่ยี วกับงานสนิ ค้า 10. พนักงานที่ต้องติดต่อทำงาน หรือให้บริการลูกค้าจะต้องเป็นผู้สามารถตัดสินใจเพ่ือการ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยมีอิสระจากการตำหนิของผู้บริหารนอกจากน้ีผู้ให้บริการ จะต้องมกี ารเอาใจใสใสว่ า่ ลกู คา้ มีความพงึ พอใจเพยี งใด 11. ในส่ิงเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือบริการพิเศษเล็ก ๆ หลักการข้อน้ีสามารถสร้างได้ท้ังความพึง พอใจและความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การแจกหรือแถมเมื่อซื้อสินค้าภายในวงเงินหนึ่งสรุปความพึง พอใจหมายถงึ กล่าวโดยสรุป แนวคิดการสร้างความพึงพอใจ เป็นเร่ืองเกี่ยวกับ คำม่ันสัญญา ความรวดเร็ว ทศั นคตทิ ีด่ ี การแก้ไขปัญหาขอ้ ผิดพลาด ความรู้ ในการให้บรกิ ารกับผ้ทู ใี่ ชบ้ ริการ

53 4. แนวคดิ และทฤษฎีท่เี กี่ยวกบั การมสี ่วนร่วม ผู้วิจัยได้ค้นคว้าและศึกษาความหมายของการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยการศึกษ าเอกสาร และผลงานของนักวิชาการทม่ี ีชือ่ เสียง สรุปได้ดังนี้ 1.1 ความหมายและแนวคิดการมีส่วนรว่ ม มีนกั วชิ าการไดใ้ หค้ วามหมายไว้แตกต่างกัน มากมาย ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพ่ือให้เกิดความหมายและความเข้าใจท่ีตรงกัน จึงควรศึกษา ความหมายนิยามความหมายของการมีส่วนรว่ ม ดงั ต่อไปนี้ สำนกั งานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชมุ ชนเมอื งแหง่ ชาติ, สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ และทบวงมหาวิทยาลัย (2546,น.114) ได้ระบุว่า การมีส่วนร่วม คือ การท่ีประชาชนหรือชุมชน สามารถเข้าไปมีส่วนในการตัดสินใจ ในการกำหนด นโยบายพัฒนาท้องถ่ิน และมีส่วนร่วมในการรับ ประโยชน์จากบริการ รวมท้ังมีส่วนในการควบคุมประเมินผลโครงการต่าง ๆ ของท้องถิ่น นอกจากน้ี ยงั ได้ใหค้ วามหมายของ การมสี ่วนร่วมวา่ มี 2 ลักษณะ คอื 1. การมสี ่วนรว่ มในลักษณะทเ่ี ปน็ กระบวนการของการพฒั นา โดยใหป้ ระชาชน มีสว่ นร่วมใน การพัฒนาตั้งแต่เร่ิมต้นจนสิ้นสุดโครงการ ได้แก่ การร่วมกันค้นหาปัญหา การวางแผน การตัดสินใจ การระดมทรัพยากรและเทคโนโลยีท้องถ่ิน การบริหารจัดการ การติดตามประเมินผลประโยชน์ท่ี เกดิ ขึน้ จากโครงการ 2. การมสี ่วนรว่ มทางการเมือง แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ การส่งเสริมสทิ ธแิ ละพลังอำนาจ ของพลเมืองโดยประชาชน หรือ ชุมชนพัฒนาขีดความสามรถของตนในการจัดการเพ่ือรักษ า ผลประโยชน์ของกลุ่ม ควบคุมการใช้และการกระจายทรัพยากรของชุมชนอันจะก่อให้เกิ ด กระบวนการ และ โครงสร้างท่ีประชาชนในชนบทสามารถแสดงออกซึ่งความสามารถของตนและ ได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาการเปล่ียนแปลงกลไกการพัฒนาโดยรัฐ มาเป็นการพัฒนาท่ี ประชาชน มีบทบาทหลักโดยการกระจายอำนาจในการวางแผน จากส่วนกลางมาเป็นส่วนภูมิภาค เปน็ การคนื อำนาจในการพฒั นาให้แก่ประชาชนให้มีส่วนรว่ มในการกำหนดอนาคตของตนเอง นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ (2527,น.183) ได้สรุปความหมายของการมีส่วนร่วมว่า การมีส่วนร่วม หมายถึง การเกี่ยวข้องทางด้านจิตใจและอารมณ์ของ บุคคลหน่ึงในสถานการณ์กลุ่ม ซ่ึงผลของการ เก่ียวข้องดังกล่าวเป็นเหตุเร้าใจให้กระทำการให้บรรลุ จุดมุ่งหมายของกลุ่มน้ัน กับทั้งทำให้เกิดความ สว่ นรว่ มรบั ผิดชอบกับกลุ่มดังกลา่ วด้วย นรินทร์ชัย พัฒน์พงศา (2546,น.4) ได้สรุปความหมายของการมีส่วนร่วมว่า การมีส่วนร่วม คือ การท่ีฝา่ ยหนง่ึ ฝา่ ยใดท่ีไมเ่ คยได้เขา้ รว่ มในกิจกรรมต่าง ๆ หรือเขา้ รว่ มการตัดสินใจหรือเคยมาเขา้ ร่วม ด้วยเล็กน้อยได้เข้าร่วมด้วยมากขึ้น เป็นไปอย่างมี อิสรภาพ เสมอภาค มิใช่มีส่วนร่วมอย่างผิวเผินแต่ เข้าร่วมดว้ ยอย่างแท้จรงิ ยงิ่ ขึ้น และการเข้ารว่ มน้ันต้องเรม่ิ ตั้งแตข่ น้ั แรกจนถึงขั้นสดุ ทา้ ยของโครงการ ชิต นิลพานิช และกุลธน ธนาพงศธร (2532,น.350) ไดร้ ะบวุ ่า การมีส่วนร่วม ของประชาชนใน การพัฒนาชนบท หมายถึง การท่ีประชาชนท้ังในเมืองและชนบทได้เข้ามีส่วนร่วมหรือเข้ามีส่วน

54 เก่ียวข้องในการดำเนินงานพัฒนาชนบทข้ันตอนใด้ข้ันตอนหน่ึงหรือทุกขั้นตอนแล้วแต่เหตุการณ์จะ เอื้ออำนวย วันรกั ษ์ มิง่ มณนี าคิน (2531,น.10) ได้สรปุ ว่า การมีส่วนร่วมของประชาชน หมายถึง การเข้า ร่วมอย่างแขง็ ขันและอย่างเต็มท่ีของกล่มุ บุคคลผู้มีสว่ นได้เสยี ในทกุ ข้ันตอนของโครงการหรอื งาน พฒั นาชนบท โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การมี ส่วนรว่ มในอำนาจ การตัดสนิ ใจและหน้าที่ความรับผิดชอบ การมีส่วนเขา้ รว่ มจะเปน็ เครื่องประกันวา่ สงิ่ ท่ี ผ้มู สี ่วนได้เสยี ต้องการทีส่ ุดนั้น จกั ไดร้ ับการตอบสนอง และทำให้มีความเปน็ ไปไดม้ าก ขึน้ วา่ ส่ิงท่ที ำไปนนั้ จะตรงกับความตอ้ งการที่แทจ้ รงิ และมน่ั ใจมากขึ้น วา่ ผ้เู ข้ารว่ ม ทุกคนจะได้รบั ประโยชน์เสมอหน้ากนั ธรี ะพงษ์ แก้วหาวงษ์ (2543,น.11) ได้จำแนกขน้ั ตอนการมีสว่ นร่วมไว้ 5 ขน้ั ตอน ไดแ้ ก่ 1. การมีส่วนร่วมในขั้นริเร่ิมโครงการเป็นขั้นตอนที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการค้นหา ปัญหา สาเหตุของปัญหาในชุมชน และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ กำหนดความต้องการของ ชุมชน และจดั ลำดบั ความสำคญั ของความตอ้ งการนน้ั ๆ 2. การมีส่วนร่วมในข้ันการวางแผนการพัฒนา เป็นขั้นที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมใน การ กำหนดนโยบาย วัตถุประสงค์ของโครงการ กำหนดวิธีการ แนวทางในการดำเนินงาน กำหนด ทรัพยากรและแหล่งของทรัพยากรทใี่ ช้ 3. การมีส่วนร่วมในข้ันดำเนินโครงการ เป็นขั้นที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำ ประโยชน์ให้แก่โครงการ โดยการรว่ มช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ วสั ดุอุปกรณ์ และแรงงานหรือโดย การ บริหารงานและประสานงาน ตลอดจนการดำเนินการขอความชว่ ยเหลอื จากภายนอก 4. การมีส่วนร่วมในขั้นรับผลประโยชน์ท่ีเกิดจากโครงการพัฒนา เป็นข้ันที่ประชาชนเข้ามามี ส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ท่ีพึงได้รับจากโครงการ หรือมีส่วนในการรับผลเสียท่ีอาจเกิด จาก โครงการ ซ่ึงผลประโยชน์หรือผลเสียน้ีอาจเป็นด้านกายภาพ หรือด้านจิตใจท่ีมีผลต่อสังคมหรือบุคคล ได้ 5. การมีส่วนร่วมในขั้นประเมินผลโครงการพัฒนา เป็นข้ันที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ใน การประเมนิ ว่าโครงการพฒั นาท่ีดำเนนิ การนั้นบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ที่กำหนดไวห้ รือไม่ การประเมินผลนี้ อาจเปน็ การประเมินผลย่อย ซ่ึงเป็นการประเมินผลสรุปรวบยอดของโครงการทั้งหมด เมตตา สินยบุตร (2548,น.7) ให้ความหมายการมสี ่วนร่วม หมายถึง กระบวนการพฒั นา แบบมี ส่วนร่วมจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ กำหนดความต้องการของ ตนเอง ตัดสินใจใช้ทรัพยากร กล่าวคือ การมีส่วนร่วมของประชาชนก่อให้เกิดกระบวนการ และ โครงสร้างท่ีประชาชนในชนบทสามารถที่จะแสดงออก ซึ่งความต้องการของตน การจัดอันดับ ความสำคัญ การเข้าร่วมในการพัฒนาและได้รับประโยชน์จากการพัฒนานั้น โดยเน้นการให้อำนาจ การตัดสินใจแก่ประชาชนในชนบท อาจกล่าวได้ว่า การให้โอกาสประชาชนเป็นฝ่ายตัดสินใจ กำหนด ความต้องการของตนเองเป็นการเสริมพลังอำนาจให้ประชาชนระดมขีดความสามารถ ในการจัดการ ทรพั ยากร การตัดสินใจและควบคมุ กิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าทจ่ี ะเปน็ ฝา่ ยต้ังรับ มาลี เบ็ญจะมโน (2546,น.27) สรุปความหมายของการมีส่วนร่วม หมายถึง กระบวนการท่ี ประชาชนได้เข้าไปเก่ียวขอ้ งกับกิจกรรมในองค์การ โดยร่วมแสดงความคิดเห็นและกระทำในสิ่งที่เห็น

55 พอ้ งตอ้ งกันตลอดจนร่วมพิจารณากำหนดปัญหา ความตอ้ งการของประชาชนในท้องถิ่นของตน โดยมี วัตถุประสงค์เพ่ือแก้ไขปญั หาดงั กล่าวใหล้ ุลว่ งไป ยุพาพร รูปงาม (2545,น.5) การมีส่วนร่วม (Participation) คือ เป็นผลมาจากการเห็นพ้องกัน ในเรื่องของความต้องการและทิศทางของการเปล่ียนแปลง และความเห็นพ้องตอ้ งกันจะต้องมีมากจน เกิดความคิดริเริ่มโครงการเพื่อการปฏิบัติ เหตุผลเบื้องแรกของการท่ีมีคนมารวมกันได้ควรจะต้องมี การตระหนักว่า ปฏิบัติการท้ังหมดหรือการกระทำทั้งหมด ที่ทำโดยกลุ่มหรือในนามกลุ่มน้ัน กระทำ ผ่านองคก์ าร (Organization) ดงั น้ันองคก์ ารจะต้องเปน็ เสมือนตวั นำใหบ้ รรลถุ ึงความเปลี่ยนแปลงได้ วันรักษ์ มิงมณีนาคิน (2531,น.10) สรุปว่า การมีส่วนร่วมของประชาชน หมายถึง การเข้าร่วม อย่างแข็งขัน และอย่างเต็มที่ของกลุ่มบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในทุกขั้นตอนของโครงการหรืองานพัฒนา ชนบท โดยเฉพาะอย่างย่ิงการมีส่วนร่วมในอำนาจการตัดสินใจและหน้าที่ความรบั ผิดชอบ การมีส่วน เข้าร่วมจะเป็นเคร่ืองประกันว่า สิ่งทผี่ ู้มีส่วนได้เสียต้องการที่สุดนั้น จักไดร้ ับการตอบสนอง และทำให้ มีความเป็นไปได้มากขึ้น ส่ิงที่ทำไปน้ันจะตรงกับความต้องการท่ีแท้จริง และมั่นใจมากข้ึน ผู้เข้าร่วม ทกุ คนจะไดร้ บั ประโยชนเ์ สมอหน้ากัน กล่าวโดยสรุป การมีส่วนร่วมของประชาชน หมายถึง การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามี สว่ นร่วมในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ โครงการตา่ ง ๆ เพ่ือให้ประชาชนสามารถท่ีจะยอมรับ ร่วมแรง ร่วมใจ เพื่อให้กิจกรรมน้ัน โครงการน้ัน ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ ได้ร่วม ประเมินผลและติดตามผล ตลอดถึงการได้รับผลประโยชน์จากการมสี ว่ นร่วม 1.2 องคป์ ระกอบของการมีสว่ นร่วม ขัน้ ตอนการมีส่วนร่วมของประชาชน ทวีทอง หงสว์ วิ ัฒน์ (2527,น.6-7 ) ได้กลา่ วถงึ การมสี ว่ นรว่ มในการพัฒนาว่า ต้องมีข้นั ตอนดังตอ่ ไปน้ี 1. ขั้นร่วมทำการศึกษา เพ่ือค้นคว้าถึงปัญหาและสาเหตุของปัญหาที่เกิดขนึ้ รวมตลอด ถึงความต้องการของประชาชน 2.ข้ันร่วมค้นหาและสร้างรูปแบบวิธีการร่วมมือ เพื่อแก้ไขและลดปัญหาของประชาชน หรือเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ท่ีสนองความต้องการของประชาชนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่เข้า มาชว่ ยเหลอื งานตำรวจ 3. ขั้นวางนโยบาย แผน แผนงาน โครงการ เพ่ือขจัดและแก้ปัญหาตลอดจน สนอง ความต้องการของประชาชน 4. ข้ันร่วมตัดสินใจในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจํากัด เพื่อนำมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ สูงสดุ ต่อสว่ นรวม 5. ข้ันร่วมจัดหรือปรับปรุงระบบการบริหารงาน เพ่ือให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สำเร็จตามวัตถุประสงคท์ ่ีวางไว้ 6. ร่วมลงทุนตามขีดความสามารถ 7. ร่วมปฏบิ ัตติ ามกิจกรรมท่ีกำหนดไว้ 8. ร่วมควบคมุ ติดตาม ประเมนิ ผล ตามทตี่ ้ังวตั ถปุ ระสงค์ไวอ้ ย่างค้มุ คา่ Cohen and Uphoff (1977, pp. 59-76 อ้างถึงใน พระกิตติชัยปญุญูาธโร(สินคง) (2557,น. 27-28) ไดเ้ สนอข้ันตอนของการมสี ว่ นรว่ ม 4 ขนั้ ตอน คอื

56 1. การมีส่วนรว่ มตดั สนิ ใจเป็นการมสี ว่ นร่วมทเ่ี ปน็ การแสดงออกดานความคิดเกีย่ วกับการ จัดระบบ หรือกำหนดระบบของโครงการเป็นการประเมินปัญหา หรือทางเลือกท่ีสามารถเป็นไปได้ที่ จะนำไปปฏบิ ตั ิเพอ่ื พฒั นาโดยการประเมนิ สภาพท่เี ป็นอยู่และสาเหตุของปัญหาซึ่งขัน้ ตอนน้แี บ่งเปน็ 3 ส่วน ไดแ้ ก่ 1.1 การมีส่วนร่วมในข้ันต้น หมายถึง การคน้ ควา้ ความต้องการที่แทจ้ ริงของวิธกี ารที่จะเข้า ไปมสี ่วนร่วมของโครงการ 1.2 การมีส่วนร่วมข้ันเตรียมการ หมายถึง การหาโอกาสหรือช่องทางในการ แก้ปัญหา รวมท้งั ลำดับความสำคัญของโครงการที่จะตอ้ งจะดำเนินการ 1.3 การมีส่วนร่วมในข้ันตัดสินใจปฏิบัติการ หมายถึง การหาบุคลากรเข้ามา ปฏิบัติการ ไดแ้ ก่อาสาสมัครผู้ประสานงานเพ่ือท่ีจะมีส่วนรว่ มในกิจกรรม โดยการเป็นสมาชิก ร่วมดำเนินการการ คัดเลอื กผนู้ ำและการสร้างพลังอำนาจให้แก่องค์กร 2. การมีส่วนร่วมในการปฏิบัตกิ ารเปน็ การดำเนินงานตามโครงการและแผนงาน และเป็นการ ก่อให้เกิดความรู้สกึ มีส่วนรว่ มในการเปน็ เจา้ ของกจิ การและผลท่ีปรากฏ ซง่ึ แบ่งเป็น 3 สว่ น ได้แก่ 2.1 การมีส่วนร่วมในการสละทรัพยากร หมายถึงการมีส่วนร่วมสละแรงกาย การสละเงิน การใหว้ สั ดอุ ุปกรณ์และการให้คำแนะนำซงึ่ ทรัพยากรเหลา่ นจี้ ะใหด้ ว้ ยความเต็มใจ 2.2 การมีส่วนร่วมในการบริหารและการประสานงาน หมายถึง การมีส่วนร่วมโดยวิธีการ จ้างบุคลากรเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการการฝึกอบรมผู้ที่จะเข้าปฏิบัติในโครงการ หรือการให้ คำปรึกษาในการตดั สินใจเกยี่ วกบั โครงการและเปน็ ผู้ประสานงานในโครงการด้วย 2.3 การมีส่วนร่วมในการเข้าเป็นผู้ปฏบิ ัติในโครงการ หมายถึง การเข้ามีส่วนร่วม โดยการ เข้าเปน็ ผู้ปฏิบัติในโครงการ พบว่าลักษณะเป็นการบังคับให้เข้าปฏิบัติในโครงการมากทสี่ ุด การมีส่วน ร่วมโดยการบังคับให้ปฏิบัติจะต่างจากการให้ความร่วมมือ เพราะการบังคับให้ทำนั้นผลประโยชน์จะ ไม่ใช่เป็นส่ิงสำคัญ แต่ถ้าเป็นการมีส่วนร่วมด้วยความเต็มใจจะมีการคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ หลังจากมีส่วนรว่ มด้วย 3. การมสี ว่ นร่วมในผลประโยชน์ แบ่งเปน็ 3 ส่วน ได้แก่ 3.1 การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์ในดำเดินการหมายถึงการมีส่วนร่วมการเพ่ิม ผลผลิต รายได้ หรือทรพั ย์สิน 3.2 การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์ในการดำเนินงานทางสังคม หมายถึง ผลประโยชน์ท่ี เกดิ ข้ึนแก่สังคม เช่น โรงเรยี น สถานที่ สาธารณะ หรอื ส่วนกลางของชุมชน เช่น การเพ่ิมคุณภาพชีวิต การเกดิ ระบบนำ้ ประปา 3.3 การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์ในด้านบุคคล หมายถึง ความนับถือตนเอง (Self- esteem) พลงั อำนาจการเมอื ง (Political power) และความค้มุ ค่าของผลประโยชน์ 4. การมีส่วนร่วมในการประเมินผล หมายถึง การมีส่วนร่วมในการวัดผลและวิเคราะห์ ผล ของการดำเนินงาน รวมทั้งเป็นการหาข้อดีและข้อบกพร่อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขการทำงานให้มี ประสิทธิภาพต่อไป และเป็นการประเมนิ ผลความสำเร็จหรอื ความลม้ เหลวเป็นระยะ ๆ

57 หลักการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน หมายถึง การเปิดโอกาสให้ประชาชน และผู้ที่ เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนของสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐ ซ่ึงสามารถจะแบ่งระดับของการ สร้าง การมีส่วนรว่ มของประชาชนออกเป็น 5 ระดบั ดงั น้ี (การบริหารราชการแบบมสี ว่ นรว่ ม, 2553) 1. การให้ข้อมูลข่าวสาร (Inform) ถือเป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนในระดับต่ำท่ีสุด แต่ เป็นระดับที่สำคัญท่ีสุด เพราะเป็นก้าวแรกของการที่ภาครัฐจะเปิดโอกาสให้ประชาชน เข้าสู่ กระบวนการ มีส่วนร่วมในเร่ืองต่าง ๆ วิธีการให้ข้อมูล สามารถใช้ช่องทางต่าง ๆ เช่น เอกสาร สิ่งพิมพ์ การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อต่าง ๆ การจัดนิทรรศการ จดหมายข่าว การจัดงาน แถลงขา่ ว การตดิ ประกาศ และการให้ข้อมลู ผ่านเว็บไซต์ 2. การรับฟังความคิดเห็น (Consult) เป็นกระบวนการท่ีเปิดให้ประชาชน มีส่วนร่วมในการ ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และความคิดเห็นเพ่ือประกอบการตัดสินใจของหน่วยงานภาครัฐด้วย วิธีต่าง ๆ เช่น การรับฟังความคิดเห็น การสำรวจความคิดเห็น การจัดเวทีสาธารณะ การแสดง ความคิดเห็น ผา่ นเว็บไซต์ 3. การเก่ียวข้อง (Involve) เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานหรือ ร่วมเสนอแนะทางท่ีนำไปสู่การตัดสินใจ เพ่ือสร้างความม่ันใจให้ประชาชนว่าข้อมูล ความคิดเห็นและ ความต้องการของประชาชนจะถูกนำไปพิจารณาเปน็ ทางเลือกในการบริหารงาน ของภาครฐั เช่น การ ประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือพิจารณาประเด็นนโยบายสาธารณะ ประชาพิจารณ์ การจัดตั้งคณะทำงาน เพอ่ื เสนอแนะประเดน็ นโยบาย 4. ความร่วมมือ (Collaboration) เป็นการให้กลุ่มประชาชน ผู้แทนภาคสาธารณะ มีส่วน รว่ ม โดยเป็นหนุ้ ส่วนกับภาครัฐในทกุ ขั้นตอนของการตัดสินใจ และมีการดำเนินกิจกรรม ร่วมกันอย่าง ตอ่ เนือ่ ง เช่น คณะกรรมการที่มฝี า่ ยประชาชนร่วมเปน็ กรรมการ 5. การเสริมอำนาจแก่ประชาชน (Empower) เป็นขน้ั ท่ใี หบ้ ทบาทประชาชนในระดบั สงู ที่สุด โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ เช่น การลงประชามติในประเด็นสาธารณะต่าง ๆ โครงการ กองทุน หมู่บ้านท่ีมอบอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจท้ังหมด สรุปได้ว่า การสร้างการมีส่วนร่วมของ ประชาชน อาจทำไดห้ ลายระดับ และหลายวิธี ซ่ึงบางวิธสี ามารถทำไดอ้ ย่างง่าย ๆ แต่บางวิธกี ็ต้องใช้ เวลา ขึ้นอยู่กับความต้องการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชน ค่าใช้จ่ายและความจำเป็นในการเปิด โอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นเร่ืองละเอียดอ่อนจึงต้องมีการ พัฒนาความรู้ความเข้าใจในการให้ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน การรับฟังความคิดเห็น การ เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม รวมทั้งพัฒนาทักษะและศักยภาพของข้าราชการทุกระดับ ควบคู่กันไปด้วย จากหลักการและความจำเป็นดังกล่าวทำให้การพัฒนาระบบราชการที่ผ่านมาได้รับ การพัฒนากระบวนการบริหาร ราชการ ที่สนับสนุนการปรับกระบวนการทำงานของส่วนราชการ ท่ี เปดิ โอกาสให้ประชาชนเขา้ มา มสี ่วนรว่ มมากขึ้น หรอื ทเี่ รยี กวา่ “การบรหิ ารราชการแบบมีสว่ นรว่ ม” รูปแบบของการมสี ่วนร่วม การที่ประชาชนภายในพ้ืนที่มีการรวมกลุ่มในรูปของประชาคมหรือชุมชน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ สนับสนุน ความเข้มแข็งของชุมชนและสังคม โดยเน้นการมีส่วนรว่ มของประชาชน ให้ร่วมคิด รว่ มทำ ร่วมแก้ไขปัญหา ซ่ึงการแก้ไขปัญหาน้ัน จำเป็นต้องมีความร่วมมือทำพร้อมๆ กันในทุกระดับ ต้อง ระดมทุกองค์ประกอบในสังคม โดยเฉพาะชุมชน เพ่ือเสริมสร้างความเป็นชุมชนให้มีความเข้มแข็ง

58 สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง รูปแบบของการมีส่วนร่วมท่ดี ำเนนิ อยู่โดยทว่ั ไป สามารถสรุป ไดเ้ ปน็ 4 รปู แบบ คอื 1. การรับรู้ข่าวสาร (Public Information) ประชาชนและหน่วยงานที่เก่ียวข้องจะต้อง ไดร้ ับการแจ้งให้ทราบถงึ รายละเอียดของโครงการที่จะดำเนนิ การรวมทั้งผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ท้งั นกี้ ารได้รับ แจ้งข่าวสารดังกลา่ วจะตอ้ งเปน็ การแจ้งกอ่ นท่ีจะมีการตัดสินใจดำเนินโครงการ 2. การปรึกษาหารือ (Public Consultation) เป็นรูปแบบการมีส่วนร่วมที่มีการจัดการ หารือ ระหว่างผู้ดำเนินการโครงการกับประชาชนท่ีเกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบ เพื่อรับฟังความ คดิ เห็นและ ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเตมิ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเข้าใจในโครงการและกิจกรรมมากขน้ึ 3. การประชุมรับฟังความคิดเห็น (Public Meeting) มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ประชาชนและ ฝา่ ยท่ีเกยี่ วขอ้ งกับโครงการหรือกิจกรรม และผู้มอี ำนาจตัดสินใจในการทำโครงการหรือกิจกรรมนั้นได้ ใช้เวทีสาธารณะในการทำความเข้าใจ และค้นหาเหตุผลในการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมในพื้นท่ี น้ัน ซึ่งมหี ลายรปู แบบ ไดแ้ ก่ 3.1 การประชุมในระดับชุมชน (Community Meeting) โดยจัดขั้นในชุมชนที่ได้รับ ผลกระทบจากโครงการ โดยเจ้าของโครงการหรือกิจกรรมจะต้องส่งตัวแทนเข้าร่วม เพ่ืออธิบายให้ท่ี ประชุมทราบถงึ ลกั ษณะโครงการและผลกระทบ ที่คาดว่าจะเกิดขนึ้ และตอบขอ้ ซักถาม 3.2 การประชุมรับฟังความคิดเห็นในเชิงวิชาการ (Technical Hearing) สำหรับ โครงการท่ีมีข้อ โต้แย้งในเชิงวิชาการ จําเป็นจะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาจากภายนอกมาช่วย อธิบายและให้ความเหน็ ตอ่ โครงการ ซง่ึ ผูเ้ ข้ารว่ มประชุมตอ้ งไดร้ ับทราบผลดงั กล่าวด้วย 3.3 การประชาพิจารณ์ (Public Hearing) เป็นเวทีในการเสนอข้อมูลอย่างเปิดเผยไม่มี การปิดบัง ทั้งฝ่ายเจ้าของโครงการและฝ่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการ ซึ่งจะต้องมีองค์ประกอบ ของผู้เข้าร่วมท่ีเป็นที่ยอมรับ มีหลักเกณฑ์และประเด็นในการพิจารณาท่ีชัดเจน และแจ้งให้ทุกฝ่าย ทราบทว่ั กัน 4. การร่วมในการตดั สนิ ใจ (Decision Making) เป็นเป้าหมายสงู สดุ ของการมีส่วนรว่ มของ ประชาชน ซ่ึงประชาชนจะมีบทบาทในการตัดสินใจได้เพียงใดนั้นข้ึนอยู่กับองค์ประกอบของ คณะกรรมการทเี่ ป็นผู้แทนประชาชนในพ้นื ที่ ลักษณะท่ีสำคัญของการมีส่วนร่วมว่าเป็นเรื่องของกระบวนการ ซึ่งได้สรปุ ถึงขั้นตอนของการ มสี ว่ น รว่ มได้ 4 ขนั้ ตอนหลักๆ ดงั น้ี 1. มีส่วนร่วมในการคิด ศึกษา และค้นคว้า หาปัญหาและสาเหตุของปัญหาตลอดจนความ ตอ้ งการของชมุ ชน 2. มีส่วนร่วมในการวางนโยบาย หรือแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรม เพื่อลดและแก้ไข ปญั หา 3. มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการจัดหรือปรับปรุงระบบการบริหารทรัพยากรอย่างมี ประสิทธภิ าพ และปฏบิ ตั ิงานให้บรรลุตามเปา้ หมาย 4. มสี ่วนรว่ มในการควบคุม ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการทำงาน การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจำเป็นต้องใช้วิธีการส่ือสารในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมใน การนําพาข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐบาลหรือเอกชน ไปสู่ประชาชนผู้เป็นเป้าหมาย ส่ิงสำคัญใน

59 การกระตุ้นและสร้างแรงจงู ใจให้ประชาชนหรือชุมชนได้รับความร้คู วามเข้าใจเก่ียวกับข้อมูลที่ตอ้ งการ ส่ือสารน้ัน ต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะถือว่าเป็นส่วนช่วยให้กระบวนการ ติดต่อส่ือสารสัมพันธ์หรือ แลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างสมาชิกในสังคมเป็นไปได้โดยสะดวกข้ึน กล่าวคือ ประชาชนมีส่วนร่วมใน กระบวนการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมพัฒนาชุมชน ให้มีความเข้มแข็ง เพอื่ เป็นพลังขบั เคล่ือนสกู่ ารแก้ไขปัญหาของ สงั คมและประเทศชาตไิ ด้ กล่าวโดยสรุป การประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ หน่วยงานภาครัฐ ประชาชนในท้องถ่ิน และหน่วยงานภาคเอกชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เข้ามามีส่วน ร่วมในโครงการเพื่อการพัฒนา ตั้งแต่เริ่มดําเนินงานโครงการอย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้ได้มีโอกาสร่วม รบั ทราบข้อมูลและแสดงความคดิ เหน็ อนั จะทำให้โครงการนัน้ ๆ เกิดประโยชน์สูงสุดและสง่ ผลกระทบ ทางสังคมให้น้อยท่ีสุด นอกจากน้ีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนน้ันไม่ว่าจะเป็นระดับ ครอบครัว ระดับชุมชน หรือระดับประเทศน้ัน ถือเป็นกระบวนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา ประเทศในปัจจุบัน เพราะจะช่วยให้ผู้ที่เก่ียวข้องมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง ของการพัฒนา วางแผนโครงการพัฒนาต่าง ๆ ซ่ึงจะก่อให้เกิดความรู้สึกความเป็นเจ้าของและยินยอม ปฏิบัติตามได้ อย่างสมัครใจ และเป็นส่วนสำคัญท่ีจะทำให้การพัฒนาเป็นไปในแนวทางที่สนองต่อความต้องการ ของประชาชนอยา่ งแทจ้ รงิ 1.3 แนวคิดและทฤษฎีการมสี ่วนร่วม แนวคิดและทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วม Arnstein (1969) ได้แบ่งการมีส่วนร่วม ของประชาชนมีลักษณะเป็นขั้นบนั ได (Participation leader) 8 ขน้ั ในขน้ั ตอนของบันได คือ ขั้นถูกจดั กระทำและขั้นที่สอง คือ ข้ันบำบัดรักษานั้น เรียกว่าการ มีส่วนร่วมเทียมหรือไม่มีส่วนร่วมเป็นข้ันท่ีประชาชนเข้าไม่ถึง การมีส่วนร่วมท่ีแท้จริงในการตัดสินใจ ในกรณีน้ี จะมีกลมุ่ บุคคลจำนวนน้อยที่อยใู่ นอำนาจเท่านั้นทำหน้าที่ตัดสนิ ใจโดยไม่มกี ารพูดถงึ เน้ือหา วิธีการของการตัดสินใจหรือตำแหน่ง และอำนาจ หน้าท่ี ของผู้ที่อยู่ในอำนาจหน้าท่ีน้ัน ข้ันท่ีสองนี้ สร้างขนึ้ มาเพอื่ ทจ่ี ะทดแทนการมีสว่ นร่วมท่ีแท้จริง วตั ถุประสงค์ที่แทจ้ ริงของสองขั้นน้ี ไม่ใชก่ ารทำให้ ประชาชนเข้าถึงการมีส่วนร่วมในการวางแผน หรือการควบคุมโครงการ แต่จะช่วยให้ผู้กุมอำนาจอยู่ ดำเนนิ การใหก้ ารศึกษา หรือทำงานรกั ษาผู้ท่ีเข้ามามีสว่ นร่วม บนั ไดระดับที่สามถึงห้า กา้ วหน้าถงึ ระดับท่ีเรยี กวา่ การมีส่วนร่วมแบบพิธีกรรมหรือ การมี ส่วนร่วมบางส่วน โดยข้ันที่สาม ข้ันรับฟังข่าวสารและข้ันที่ส่ี ข้ันปรึกษานั้น ความเห็นหรือข้อคิดของ ประชาชนไดร้ บั การรับฟงั จากผู้กมุ อำนาจอยมู่ ากขึ้น แต่ภายใต้เงือ่ นไขเหลา่ นี้ พวกเขาไม่มอี ำนาจทจี่ ะ รับประกันได้ว่าความคดิ เห็นของพวกเขาจะได้รับการเอาใจใส่จากผู้มีอำนาจเต็ม เมอ่ื การมีส่วนร่วมถูก จำกัดอยู่ในระดับเหล่าน้ี จึงไม่มีทางท่ีจะทำการเปลย่ี นแปลงสภาพได้ ส่วนขน้ั ที่ห้า ขั้นปลอบใจเป็นข้ัน สูงของการมสี ่วนรว่ ม บางสว่ นท่ียอมให้คนจนให้คำแนะนำได้ แตก่ ็ยงั คงไว้ซึง่ สทิ ธิในการตดั สินใจของผู้ มอี ำนาจตอ่ ไป บันไดระดับสูงข้ึนไปเป็นระดับที่เรียกว่า อำนาจเป็นของประชาชนซ่ึงเพ่ิมระดับของ การมี ส่วนร่วมในการตัดสินใจมากข้ึน ประชาชนสามารถเข้าสู่ข้ันที่หก ขั้นเป็นหุ้นส่วนซ่ึงจะทำให้ สามารถ เขา้ ร่วมในการเจรจาเพื่อผลได้ผลเสีย (Trade-offs) กับผู้มีอำนาจดังเดิม ส่วนในขั้นที่เจด็ ขนั้ ใช้อำนาจ

60 ผ่านตัวแทน และขั้นท่ีแปด ข้ันควบคุมโดยประชาชนเป็นผู้ใช้อำนาจในการตัดสินใจ ของประชาชน โดยผา่ นตวั แทนหรอื ประชาชนเปน็ ผใู้ ชอ้ ำนาจนั้นเอง แนวคิดการมีส่วนร่วมของ Arnstein (1969) นี้มองความเข้มของการมีส่วนร่วมในแง่ของ การมีอำนาจในการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งมีพิสัยของความเข้มดังกล่าว แต่การไม่มีอำนาจในการ ตัดสินใจเลยไปจนถึงการมีอำนาจในการตัดสินใจอย่างเต็มที่การวัดความมีส่วนร่วมของ Arnstein ที่ แบ่งออกเป็น 8 ขน้ั การแบ่งเช่นนี้ ทำให้สามารถวดั ได้อย่างละเอยี ดครอบคลุม แต่ก็ทำได้ยาก ในทาง ปฏิบัติเน่ืองจากการมีส่วนร่วมในแต่ระดับมีความคาบเก่ียวกัน อย่างไรก็ตาม Arnstein แบ่ง ระดับ การมีส่วนร่วมทั้ง 8 ข้ันของตนให้เป็น 3 ข้ันใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นการทำคู่ขนานไว้ในขั้นบันได 8 ข้ันของ Arnstein ดังท่เี สนอไว้แล้วโดยเน้ือหาการแบง่ เปน็ 3 ขน้ั ใหญ่ ๆ พอสรุปได้ ดังนี้ ระดับท่ี 1 ระดับการมีสว่ นรว่ มเทยี ม (Pseudo participation) หรือการมีส่วนรว่ มแบบ ถูกกระทำ (Passive participation) การมีส่วนร่วมในระดับน้ี ผู้เข้าร่วมไม่มีอำนาจใด ๆ ในการ ตัดสินใจ แตเ่ ปน็ ฝา่ ยกระทำตามการตัดสินใจของบุคคลอ่ืนเท่าน้ัน ระดับท่ี 2 ระดับการมีส่วนร่วมบางส่วน (Partialparticipation) การมีส่วนร่วมในระดับ น้ี ผู้เขา้ มสี ว่ นร่วมในการเสนอความคดิ เห็นแตอ่ ำนาจในการตัดสินใจจะอยทู่ ีบ่ ุคคลอน่ื ระดับที่ 3 ระดับการมีส่วนร่วมท่ีแท้จริง (Genuine participation) การมีส่วนร่วมใน ระดับน้ี ความคิดเห็นของบุคคลท่ีเข้าร่วมได้รับฟัง และการยอมรับเป็นส่วนใหญ่ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อำนาจการตดั สนิ ใจอย่ทู ่ผี ูเ้ ขา้ รว่ มนั่นเอง สรุปได้วา่ การมสี ่วนร่วมตามแนวคดิ ของ Arnstein การมสี ว่ นร่วมทม่ี ีคุณภาพน้ันผูเ้ ขา้ ไป รว่ มจะตอ้ งมีอำนาจและการควบคมุ อยา่ งแท้จริง ในอนั ทจ่ี ะกระทำการอย่างใดอยา่ งหนง่ึ ให้บังเกดิ ผล ขึน้ มามใิ ชเ่ พยี งแต่เข้าไปมสี ่วนรว่ มเฉย ๆ Delbecq and Andrew (1971) ได้กลา่ วถึงรูปแบบของกระบวนการมีสว่ นรว่ มของ ประชาชนในการวางแผน 5 รูปแบบ ดังนี้ 1. การรวบรวมขอ้ มูลรายละเอียดของโครงการตา่ ง ๆ 2. การวเิ คราะหห์ รอื สรุปปัญหา 3. การจดั ลำดับความสำคญั ของปัญหา 4. ดำเนนิ การแกไ้ ขปญั หา 5. ติดตามและประเมินผลความสำเร็จของโครงการเพ่ือนำไปสกู่ ารพฒั นา และปรบั ปรงุ การ ดำเนินงานใหม้ ีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน สรุปได้ว่า ตามแนวคิดของ Delbecq and Andrew (1971) การมีส่วนร่วมคือการรวบรวม ข้อมูล การวิเคราะห์ การจัดลำดับความสำคัญ ดำเนินการ และติดตามประเมินผลความสำเร็จของ โครงการเพื่อนำไปสู่การพัฒนาและปรบั ปรงุ ให้โครงการมปี ระสทิ ธภิ าพและสำเร็จตาม วัตถปุ ระสงค์ เงื่อนไขการมีส่วนร่วม นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ (2550,น.203) กล่าวถึง เงื่อนไขการมีส่วนร่วมไว้ อย่างน้อย 3 ประการ คือ 1. ประชาชนตอ้ งมอี สิ รภาพที่จะมีสว่ นรว่ ม 2. ประชาชนตอ้ งสามารถท่ีจะมีส่วนรว่ ม 3. ประชาชนต้องเตม็ ใจทีจ่ ะมีส่วนรว่ ม

61 1.4 ปัจจัยท่สี ่งผลต่อการมีส่วนร่วม การสง่ เสริมการมีสว่ นร่วมของประชาชน หลกั การสำคัญของการส่งเสริมการมีส่วนรว่ มของประชาชนมี ดงั น้ี ชิต นลิ พานิช และกุลธน ธนา พงศธร (2532,น.362) 1. หลักการสร้างความสมั พันธท์ ด่ี ตี ่อกันระหวา่ งทางราชการกบั ประชาชน โดย ยดึ ถือความ ศรัทธาของประชาชนทมี่ ีตอ่ หนว่ ยงานหรอื ต่อบุคคล 2. หลักการขจัดความขดั แรง ความขัดแยง้ ในเร่ืองผลประโยชน์และความคดิ จะมีอิทธพิ ล ต่อการดำเนนิ งานพัฒนาเป็นอยา่ งมากเพราะจะทำใหง้ านหยดุ ชะงักและล้มเหลว 3. หลกั การสร้างอุดมการณ์และค่านยิ มในด้านความขยนั ความอดทน การรว่ มมือ การ ซ่ือสตั ย์ และการพ่ึงตนเอง เพราะอดุ มการณเ์ ปน็ เรือ่ งทจี่ ะจงู ใจประชาชนให้ ร่วมสนบั สนนุ นโยบาย และเป้าหมายการดำเนินงาน และอาจก่อใหเ้ กิดขวัญและกำลงั ใจ ในการปฏบิ ตั ิงาน 4. การให้การศึกษาอบรมอยา่ งต่อเนื่องเปน็ การส่งเสริมให้คนมคี วามรู้ความคิดของตนเอง ชว่ ยให้ประชาชนมั่นใจในตนเองมากขึน้ การให้การศกึ ษาอบรมโดยให้ประชาชนมโี อกาสทดลองคิด ปฏิบัติ จะช่วยใหป้ ระชาชนสามารถคุ้มครองตนเองได้ ร้จู ักวเิ คราะห์เหน็ คุณค่าของงาน และนา่ ไปสู่ การเข้ารว่ มในการพฒั นา 5. หลักการทำงานเปน็ ทมี สามารถนำมาใชใ้ นการแสวงหาความร่วมมอื ในการพฒั นาได้ดี 6. หลักการสรา้ งพลงั ชุมชน การรวมกลุ่มกนั ทำงานจะทำให้เกดิ พลงั ในการทำงานและทำ ใหง้ านเกิดประสทิ ธภิ าพ อน่ึง สำนกั มาตรฐานการศึกษา, สำนักงานสภาสถาบันราชภฎั , กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักมาตรฐานอุดมศึกษา และทบวงมหาวิทยาลยั (2545,น.118) ได้ กล่าวถึงยุทธศาสตรใ์ นการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนไว้ 2 ประการคอื 1. การจัดกระบวนการเรียนรู้ สามารถทำไดห้ ลายวธิ ี ดงั นี้ 1.1 จัดเวทีวเิ คราะห์สถานการณ์ของหมู่บ้านเพอ่ื ทำความเขา้ ใจและเรียนรู้ร่วมกันใน ประเด็นตา่ ง ๆ 1.2 จัดเวทแี ลกเปลี่ยนประสบการณ์หรือจัดทัศนศกึ ษาระหว่างกลุ่มองค์กร ตา่ ง ๆ ภายในชมุ ชนและระหวา่ งชุมชน 1.3 จดั อบรมเพอื่ พฒั นาทักษะเฉพาะดา้ นต่าง ๆ 1.4 ลงมือปฏบิ ตั จิ ริง 1.5 ถา่ ยทอดประสบการณ์และสรุปบทเรยี นท่จี ะนำไปสกู่ ารปรบั ปรงุ กระบวนการ ทำงานท่เี หมาะสม 2. การพฒั นาผู้นำเครือข่าย เพื่อใหผ้ นู้ ำเกดิ ความม่นั ใจในความและความสามารถทม่ี ี จะ ชว่ ยใหส้ ามารถรเิ รม่ิ กจิ กรรมการแก้ไขปัญหา หรอื กจิ กรรมการ พัฒนาได้ ซง่ึ สามารถทำไค้หลายวิธี ดงั น้ี 2.1 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างผูน้ ำทั้งภายในและภายนอกชมุ ชน 2.2 สนับสนนุ การจัดเวทแี ลกเปล่ยี นเรียนรู้อย่างตอ่ เนื่อง และสนบั สนนุ ข้อมูลขา่ วสาร ทีจ่ ำเปน็ อยา่ งตอ่ เน่ือง

62 2.3 แลกเปลย่ี นเรียนรู้และดำเนินงานรว่ มกันของเครือขา่ ยอย่างตอ่ เนอื่ งจะทำ ให้เกดิ กระบวนการจดั การและจดั องค์กรร่วมกัน 1.5 ประโยชนข์ องการมีส่วนรว่ ม ประโยชน์ของการมีสว่ นร่วม คู่มือ คู่คิด การมีส่วนร่วมของประชาชน. (2552.น.26-28) การ มีส่วนร่วมของประชาชนไม่ว่าในหน่วยงานใดก็ตามเป็นที่พึงปรารถนา เพราะการมีส่วนร่วมมี คุณประโยชน์หลากหลายประการ อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ท่ีจะได้จากการมีส่วนร่วมของประชาชน ขนึ้ อยกู่ ับความจรงิ ใจและความจริงจงั ในการดำเนนิ การด้วย ประโยชนโ์ ดยทั่วไป คือ 1) เพิ่มคุณภาพการตัดสินใจ การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการให้ข้อมูลข่าวสาร และความคิดเห็นต่างๆ จะช่วยให้ได้ข้อมูล ประกอบการตัดสินใจท่ีครบถ้วนรอบคอบมากข้ึน นอกจากนั้น ยังช่วยให้เกิดทางเลือกใหม่ทำให้การตัดสินใจรอบคอบและได้รับการยอมรับมากขี้น โดยเฉพาะการตดั สินใจที่กระทบกบั ประชาชนโดยตรง 2) ลดค่าใช้จ่ายและการสูญเสียเวลา เมื่อการตัดสินใจนั้นได้รับการยอมรับ ประชาชนเข้า มามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น รับทราบข้อมูล คำอธิบายต่างๆ เห็นประโยชน์ส่วนรวมท่ีจะได้รับ จะช่วยลด ความขดั แย้งระหว่างการนำไปปฏิบัติแน่นอนว่า กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนมีค่าใช้จา่ ยและ ใช้ระยะเวลา แต่เมอื่ ประชาชนยอมรับการนำโครงการไปสู่การปฏิบัตจิ ะรวดเร็วขนึ้ ในประเด็นนี้จะเห็น ว่าโครงการของภาครัฐท่ีเร่งการตัดสินใจ หรือปกปิด เมื่อประชาชนทราบภายหลัง และต่อต้านบาง โครงการนำไปสู่การปฏิบัติไม่ได้ล่าช้าเป็นปีๆ บางโครงการ สามารถก่อสร้างได้เสร็จและประชาชนไม่ ยอมให้เขา้ ไปดำเนินการกลายเป็นอนุสาวรีย์รา้ ง ซ่ึงเป็นเรื่องท่ีนา่ เสียดายงบประมาณดังกล่าวสามารถ นำไปสรา้ งคณุ ประโยชน์ได้มากมาย 3) การสร้างฉันทามติ สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันการสร้างฉันทามติอาจเป็นเร่ืองยาก สังคมเรากลายร่างเป็นพหลุ ักษณ์และต้องยอมรับความหลากหลายแตกต่างทางความคิด กลไก ท่ีช่วย ให้ความแตกตา่ งนั้นได้มีการแลกเปล่ียนคือ กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน ในทางหลักการ เราเช่ือ ว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนอาจช่วยป้องกันความขัดแย้งได้แต่ในสังคมไทย ท่ีผ่านมาภาครัฐมัก ดำเนินการตัดสินใจไปก่อน เม่ือประชาชนต่อต้านจึงจัดกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน ซ่ึง ช้าไปแล้วหากเกิดเป็นความขัดแย้งข้ึน จำเป็นต้องใช้หลักการจัดการความขัดแย้งเข้ามาแทน ดังนั้น การมีส่วนร่วมของประชาชนจึงสามารถช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองและเกิดความชอบธรรมใน การตดั สนิ ใจของรฐั 4) ร่วมมอื ในการนำไปปฏิบัติ การมีส่วนร่วมของประชาชนเมื่อ ประสบความสำเร็จ จะทำ ใหป้ ระชาชนเกดิ ความรู้สึกเปน็ เจ้าของ และมคี วามกระตอื รือร้นในการช่วยใหเ้ กดิ ผลในทางปฏบิ ตั ิ 5) ชว่ ยทำให้ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถิน่ มคี วามใกล้ชิดกับประชาชน การมสี ่วนร่วมของประชาชนช่วย ให้ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดความใกล้ชิด สร้างความสัมพันธ์ท่ีดี สร้างความรู้สึกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นของประชาชนไม่ใช่เป็นของนักการเมืองเท่าน้ัน นอกจากน้ัน ด้วยความใกล้ชิดผู้บริหารท้องถิ่นจะไวต่อความรู้สึกห่วงกังวลของประชาชน และเกิด ความตระหนกั ในการตอบสนองต่อความกังวลของประชาชน

63 6) ช่วยพัฒนาความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ของสาธารณชน การมีส่วนร่วมของ ประชาชนเป็นการให้การศึกษา แก่ประชาชนเพื่อเรียนรู้กระบวนการตัดสินใจและเป็นเวทีฝึกผู้นำ ชมุ ชน 7) ช่วยทำให้ประชาชนสนใจประเด็นสาธารณะมากขึ้น การมีส่วนร่วมเป็นการเพ่ิมทุนทาง สังคม และช่วยเสริมสร้างให้ประชาชน เป็นพลเมืองที่กระตือรือร้นสอดคล้องกับการปกครองตามหลัก ประชาธปิ ไตยแบบมีสว่ นร่วม กล่าวโดยสรุป แนวคิดและทฤษฎีการมีส่วนร่วมของประชาชนหมายถึง การร่วมมือ ร่วมใจ ของประชาชน ในทุกๆข้ันตอน โดยเกิดมาจากความสมัครใจ และเข้าร่วมปฏิบัติงาน โดยแบ่งการมี ส่วนรว่ มออกเปน็ หลายขน้ั ตอน ดงั นี้ 1. ระดบั การมีสว่ นร่วมนอ้ ย 2. ระดับการมีสว่ นรว่ มปานกลาง 3. ระดับการมสี ว่ นร่วมมาก 5.บรบิ ทของพนื้ ทท่ี ศี่ กึ ษา พื้นที่ท่ีศึกษา เป็นพื้นท่ีตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่ืองการกำหนดหน่วยงานและ เขตอำนาจรับผิดชอบ หรือเขตพื้นท่ีการปกครองของส่วนราชการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนคร บาลและตำรวจภูธร ภาค 1 ถึง ภาค 9 รายช่ือสถานีตำรวจภูธรและเขตอำนาจความรับผิดชอบหรือ เขตพ้ืนท่ีการปกครองในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ตำรวจภูธรภาค 8 เขตอำนาจของสถานี ตำรวจภูธรสวี จังหวัดชุมพร อยู่ในพ้ืนที่จังหวัดชุมพร การบังคับบัญชาขึ้นอยู่กับตำรวจภูธรจังหวัด ชมุ พร ตำรวจภูธรภาค 8 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามลำดับ ในส่วนท่ีทำการต้ังในเขตเทศบาล สวี อาคารที่ 326 หมู่ท่ี 5 ตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร มีพ้ืนที่รบั ผิดชอบทั้งสิ้น 8 ตำบล 75 หม่บู า้ น รวมเน้ือที่ 612 ตารางกิโลเมตร เขตอำนาจสอบสวน ทศิ เหนอื ตดิ ตอ่ สภ.บ้านวสิ ยั เหนือ จว.ชุมพร ทศิ ใต้ ตดิ ตอ่ สภ.ทงุ่ ตะโก จว.ชมุ พร ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ตอ่ ฝัง่ ทะเลอ่าวไทย ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ตอ่ สภ.นาสัก และ สภ.ละอุ่น จว.ระนอง จำนวนประชากร ในเขตพ้ืนทร่ี ับผิดชอบของ สภ.สวี มที ง้ั หมด จำนวน 43,837 คน แยกเปน็ - ชาย 21,726 คน - หญิง 22,096 คน เขตปกครอง แบ่งออกเปน็ 8 ตำบล ดงั นี้ มเี ขตพื้นทร่ี บั ผิดชอบในการป้องกันปราบปราม จำนวน 8 ตำบล 74 หมบู่ ้าน ได้แก่ 1. ตำบลสวี 2. ตำบลดา่ นสวี 3. ตำบลทุ่งระยะ 4. ตำบลครน 5.ตำบลทา่ หิน 6. ตำบลวิสัยใต้ 7. ตำบลปากแพรก 8. ตำบลนาโพธ์ิ แบ่งเป็น

64 1. เทศบาล 2 แห่ง คือ 1.เทศบาลตำบลนาโพธ์ิ ตัง้ อย่ทู ี่ ม.5 ต.นาโพธ์ิ อ.สวจี ว.ชมุ พร 2. เทศบาลนาโพธิพ์ ัฒนา ตัง้ อยู่ท่ี ม.7 ต.นาโพธิ์ อ.สวจี ว.ชุมพร 2. องคก์ ารบริหารส่วนตำบลทงั้ หมด 6 แหง่ ดงั นี้ 1. ตำบลสวี - ปากแพรก 2. ตำบลดา่ นสวี 3. ตำบลทงุ่ ระยะ 4. ตำบลครน 5. ตำบลทา่ หนิ 6. ตำบลวสิ ัยใต้ สถานทส่ี ำคญั มีดังน้ี 1. ประเภทสถานศึกษา 1.1 โรงเรยี นมัธยมศึกษา 6 แห่ง 1.2 โรงเรยี นประถมศกึ ษา 26 แห่ง 1.3 โรงเรยี นตำรวจตระเวนชายแดน 1 แหง่ 1.4 โรงเรียนอนบุ าล( เอกชน ) 1 แหง่ 2. สถานทที่ ว่ั ไป 2.1 โรงพยาบาล 1 แหง่ 2.2 โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพประจำตำบล 10 แหง่ 2.3 คลนิ ิก 2 แห่ง 2.4 ธนาคาร 5 แห่ง 2.5 วัด 24 แห่ง 2.6 รา้ นทอง 2 แห่ง 2.7 หอ้ งสมดุ ประชาชน 1 แห่ง 2.9 คาราโอเกะ - แหง่ 2.10 โรงแรม 13 แหง่ 2.11 สมาคมจดั ให้มสี นุกเกอร์ 1 แหง่ 2.12 ตบู้ รกิ ารเงินด่วน 6 แหง่ 2.13 โรงฆ่าสัตว์ 1 แหง่ 2.14 มสั ยดิ 1 แห่ง 3. สถานท่ีเสย่ี งต่อการเกดิ อาชญากรรม 3.1 โรงแรม 13 แห่ง 3.2 สถานบี ริการน้ำมนั 13 แห่ง

65 3.3 สมาคมจดั ใหม้ สี นุกเกอร์ 1 แห่ง 3.4 อูซ่ ่อมรถยนต์ 11 แห่ง 3.5 อู่ซอ่ มรถจักรยานยนต์ 28 แห่ง 3.6 ร้านรบั ซอื้ ของเกา่ 1 แหง่ 3.7 บ่อนการพนันชนไก่ 2 แหง่ 4. โรงงานอุตสาหกรรม 3.1 โรงงานผลติ กาแฟ 2 แห่ง 1) โรงงานกาแฟเนสเล่ ตั้งอยู่ ม.2 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จว.ชมุ พร 2)โรงงานกาแฟ เอส ทชี มุ พร ต้ังอยู่ ม.7 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จว.ชุมพร 3.2 โรงงานกลัน่ น้ำมันปาลม์ 2 แหง่ 1) โรงงานสวนี ำ้ มันปาลม์ ตง้ั อยู่ ม.4 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จว.ชมุ พร 2) โรงงานนำ้ มันปาล์มธรรมชาติ ต้งั อยู่ ม.12 ต.ครน อ.สวี จว.ชุมพร 3.3 โรงงานผลติ เสน้ ใยมะพรา้ ว 2 แหง่ 1) บ.ไทยกวางรงุ้ ต้ังอยู่ ม.6 ต.ท่าหนิ อ.สวี จว.ชมุ พร 2) บ.โอเช่ยี น โคโคนัท ไฟเบอร์ จำกดั ม. 2 ต.สวี อ.สวี จว.ชมุ พร 5. สถานทที่ ่องเที่ยวมีจำนวน 6 แห่ง 4.1 วดั ถำ้ ขวัญเมือง ต้งั อยู่ ม.4 ต.นาโพธ์ิ อ.สวี จว.ชุมพร 4.2 วัดพระธาตุสวี ตั้งอยู่ ม.1 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จว.ชุมพร 4.3 ศูนยอ์ นรุ กั ษป์ ่าชายเลนบ้านในไร่ ตัง้ อยู่ ม.6 ต.ดา่ นสวี อ.สวี จว.ชุมพร 4.4 ชายหาดทรายรี ตั้งอยู่ ม.8 ต.ท่าหนิ อ.สวี จว.ชุมพร 4.5 นำ้ ตกโพธสิ์ าลี ต้ังอยู่ ม.2 ต.วิสยั ใต้ อ.สวี จว.ชุมพร 4.6 บา้ นอ่าวคราม ตง้ั อยู่ ม.11 ต.ดา่ นสวี อ.สวี จว.ชุมพร บทบาทหน้าที่ของสถานีตำรวจภูธรสวี จังหวัดชุมพร เมื่อกล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของสถานี ตำรวจภูธรสวี จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับพ้ืนท่ีขององค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่การ บังคับบัญชาขึ้นกับตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร และตำรวจภูธรภาค 8 ตามลำดับ ซึ่งจะต้องกล่าวถึง อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทั่ว ๆ ไป คือ รักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศป้องกัน ปราบปรามการประทำผิดท่ีมีโทษทางอาญา และปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย และต้อง ขับเคล่ือนงานในแต่ละด้าน ภายใต้ระบบการบังคับบัญชา ซ่ึงแต่ละหน่วยงานมีโครงสร้างที่แตกต่าง การ ในส่วนของสถานีตำรวจภูธรสวี จังหวัดชุมพร มีโครงสร้างเป็นสถานีตำรวจท่ี มีผู้กำกับการเป็น หัวหนา้ แบง่ งานตามโครงสร้างของตำแหน่ง ออกเปน็ 3 ด้าน คอื 1. ดา้ นปอ้ งกันปราบปราม 2. ด้านงานสืบสวน 3. ดา้ นงานสอบสวน

66 ในสว่ นของการปฏิบัติงานของเจ้าหนา้ ท่ีตำรวจทั้ง 3 ดา้ น ดงั กล่าวซึ่งปรากฏตำแหนง่ ผู้มหี นา้ ท่ี ในแต่ละด้านไว้อย่างชัดเจนแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังแบ่งงานออกเป็นส่วนงานเพ่ือกำหนด หน้าท่ีความรับผิดชอบในการขับเคลื่อนให้งานในภารกิจไปสู้เป้าหมาย ภายใต้การควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแล โดยการกำหนดตัวชี้วัดในการปฏิบัติงาน และรูปแบบของงานให้สอดคล้องกับตำแหน่ง ภารกิจหน้าที่โดยแบ่งหน้าที่การงานท้ัง 3 ด้าน ให้มีการปฏิบัติในภาพรวมของสถานีตำรวจ ให้ สามารถตรวจสอบได้ มีการแบ่งงานออกเป็นกลุ่มงาน จัดหมวดหมู่ในสอดคล้องกับภารกิจ เพื่อ กำหนดเปา้ หมายให้มีความชดั เจน โดยได้แบ่งลกั ษณะงานออกเปน็ 5 งาน ด้วยกนั คอื 1. งานการบริการท่ัวไป กำหนดภารกิจเพ่ืออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้มาติดต่อ ราชการ ใหม้ กี ารต้อนรบั การบริการอย่างมคี ณุ ภาพ สะดวก รวดเรว็ ประทบั ใจ 2. งานอำนวยความยุติธรรม กำหนดภารกิจเพื่อใหก้ ารสอบสวนเปน็ ไปตามกฎหมาย รวดเร็ว เปน็ ธรรม สามารถตรวจสอบได้ 3. งานรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน กำหนดภารกิจเพื่อป้องกันและรักษาความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สถานที่สำคัญ และสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา โดยในภาค ประชาชนสามรถเขา้ มาชว่ ยเหลืองานของตำรวจได้ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ประชาชนที่มีจิต อาสาเข้าอบรมตามรูปแบบของตำรวจ เมื่อเสร็จจากอบรมประชาชนเหล่าน้ันมีความรู้จากการอบรม มาช่วยเหลือในช่วงเทศกาลต่างๆ เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกำลังพลไมเ่ พียงพอ ประชาชน เหล่านจี้ งึ มปี ระโยชน์อยา่ งมากในการช่วยเหลอื งานตำรวจ 4. งานการควบคมุ และจัดการจราจร กำหนดภารกิจเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ อำนวยการ และจัดการจราจร 5. งานการบริหารและพัฒนาบุคลากร กำหนดภารกิจให้หัวหน้าหน่วยมีภาวะผู้นำในการ บริหารงาน ข้าราชการตำรวจมีความพร้อมในการปฏบิ ตั ิราชการ และภาคประชาชนในกิจการตำรวจ นอกเหนือจากหน้าท่ีท้ัง 5 ด้านแล้ว ในส่วนของภาคประชาชน สำนักงานตำรวจ แห่งชาติได้กำหนดให้ แต่ละสถานีตำรวจมีคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 14 วรรคสอง ข้อ 27 และข้อ 30 ของระเบียบ ก.ต.ช.ว่ าด้วย คณะกรรมการตรวจสอบและตดิ ตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ.2549 ในส่วนของสถานตี ำรวจภูธรสวี ได้มีคำสั่งล่าสุดท่ี 0634/2562 ลงวันท่ี 19 กุมภาพันธ์ 2562 ลงนามโดย นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้แต่งตั้งให้ผู้ที่มีรายช่ือต่อไปน้ีเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตาม การบริหารงานตำรวจ 1. นายบำรงุ อุชุภาพ ประธานกรรมการ 2. พ.ต.อ.อดุ ร แกว้ สขุ ศรี รองประธานกรรมการ 3. นางจฑุ ารัตน์ บุญสทิ ธิ์ กรรมการ 4. นายพษิ ณุ ปัญจางคกุล กรรมการ 5. นายสมชาย สังขด์ ี กรรมการ

67 6. นายสง่า ศรีภา กรรมการ 7. นายพัชรพล ทรพั ยห์ นุน กรรมการ 8. นายสุรชยั แดงละอุ่น กรรมการ 9. นายณฐั พล ใจสะอาด กรรมการ 10. นายพเิ ชษฐ สงวน กรรมการ 11. นางพรพิมล อาจกลับ กรรมการ 12. นางนวพร ทองคำ กรรมการ 13. พ.ต.ท.สายนั ต์ จนั ทรมาศ กรรมการ 14. พ.ต.ท.ถริ เดช แขง็ แรง กรรมการ 15. ด.ต.สนธยา ใจเยน็ กรรมการ 16. พ.ต.ท.อำพร รกั ผะกา เลขานุการ 17. พ.ต.ท.อำนวย เส้งสยุ ผชู้ ่วยเลขานกุ าร 18. ร้อยตำรวจเอก หญิง อจั ฉรา ศรมี าลา ผ้ชู ่วยเลขานกุ าร คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ ซึ่งมาจากประชาชน นายกองค์การบริหาร ส่วนท้องถิ่น และข้าราชการอื่น จะประชุมอย่างน้อย 2 เดือนต่อ 1 คร้ัง เพื่อติดตามการทำงานของ ขา้ ราชการตำรวจเกีย่ วกับหลายๆเร่ือง เช่น คดที ีเ่ กิดแตล่ ะเดอื น การจดั ทำโครงการเพื่อเป็นประโยชน์ กบั ประชาชนและข้าราชการตำรวจ สภาพอาชญากรรมในช่วงปี 2563-2564 ตารางเปรียบเทยี บคดกี ลุ่มที่ 1-4 ปงี บประมาณ 2563 กับปีงบประมาณ 2564 (ต.ค.62-ม.ี ค.64 เปรียบเทียบกบั ต.ค.63-31 มี.ค.2564) คดีกลุ่มท่ี งบประมาณปี 2563 งบประมาณปี 2564 1 (ต.ค.62-ม.ี ค.63) (ต.ค.63-31 ม.ี ค.64) 2 3 เกิด จับ เกดิ จับ 4 10 9 10 10 17 16 12 10 35 33 11 8 จับ 251 ราย 256 คน จับ 215 ราย 216 คน

ประเภทคดี กลุ่มที่ 4 (คดีสำคญั ) 68 ยาเสพติด ปี 2563 ปี2564 อาวุธปนื (ต.ค.62-มี.ค.63) (ต.ค.63-31ม.ี ค.64) จับ คน จับ คน 148 146 143 144 71 69 62 60 กล่าวโดยสรปุ จากบรบิ ทของพน้ื ทีท่ ่ีศึกษาของสถานีตำรวจภธู รสวี จังหวัดชุมพร สรปุ ไดว้ า่ ในพน้ื ท่ีรบั ผดิ ชอบประกอบไปด้วย เน้ือที่ 612 ตารางกิโลเมตร แบง่ เขตการปกครอง ออกเปน็ 8 ตำบล 15 หมูบ่ ้าน ประชากร จำนวน 41,720 คน ส่วนใหญ่นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ ส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เชน่ ทำสวนมะพรา้ ว สวนปาล์มน้ำมนั สวนผลไมท้ ำสวนกาแฟ สวน ยางพารา และ ประชาชนที่อยอู่ าศัยแถบชายฝ่งั ทะเลมอี าชพี ทำการประมง และ การเพาะเลีย้ งกงุ้ ใน เขตตำบลทา่ หนิ ตำบลด่านสวี ตำบลปากแพรก และตำบลวิสัยใต้ มีเส้นทางหลกั คือถนนเพชรเกษม มีระยะทางท้ังสนิ้ 13 กโิ ลเมตร สภาพแวดลอ้ มดินฟ้าอากาศภูมปิ ระเทศสว่ นใหญ่เป็นแมน่ ำ้ ชายฝงั่ ทะเลอ่าวไทยและพ้นื ดนิ มลี ักษณะเปน็ เนินเขาเล็กๆ มฝี นตกชดุ ตลอดท้ังปี สถานภาพกำลังพลมี ทัง้ หมด 85 นาย ซ่งึ มกี ำลงั พลไม่เพียงพอท่จี ะดูแลงานทางด้านการป้องกันปราบปรามและงานด้าน บริการประชาชน ทจ่ี ะสง่ ผลถงึ การแก้ไขปัญหาของประชาชน แมใ้ นการปฏิบัตงิ านด้านตา่ งๆนั้น มี ระบบการตรวจสอบประเมนิ การปฏบิ ตั เิ พ่ือใหเ้ ป็นไปตามกรอบของสำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ เพอื่ นำไปสนู่ โยบายของรฐั บาลอย่างเป็นขนั้ ตอน โดยมีรูปแบบเป็นมาตรฐานเดียวกนั ทว่ั ประเทศ ทกุ สถานี ตำรวจมีการกำกบั ดแู ลตรวจสอบงานในด้านนี้ และมกี ารประเมินผลของหน่วยตรวจเปน็ ส่วนหนึง่ ของ การกำกบั ดแู ลให้การปฏบิ ัติงานดา้ นงานปอ้ งกนั ปราบปรามและงานด้านบริการประชาชนการเป็นไป ตามเป้าหมายของสำนกั งานตำรวจแห่งชาติ แต่สถานีตำรวจภธู รสวี ก็ยังมคี วามจำเปน็ ทจ่ี ะให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลืองานตำรวจเพื่อใหง้ านของตำรวจประสบความสำเรจ็ และสามารถ ท่จี ะช่วยเหลือประชาชนใหไ้ ด้มากย่ิงขน้ึ งานวจิ ยั ท่เี กี่ยวข้อง กอ้ งปิติ อ่อนมาก (2563,น.428)การปฏบิ ัตงิ านดา้ นการป้องกันอาชญากรรมตำรวจภูธรจังหวัด นครปฐม ผลการศึกษาด้านกำลังพล พบว่า กำลังพลของข้าราชการตำรวจมีอัตรากำลังพลท่ีขาด แคลน ดังน้ันจึงควรจัดหากำลังพลมาปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะกำลังพลชั้นประทวนเป็นหลักควรใช้ หลักการบริหารจัดการกำลังพลเท่าท่ีมีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการสับเปลี่ยนหมุนเวีย น ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สายงานอื่นมาช่วยเสริมในงานด้านการป้องกันอาชญากรรมมีการ วิเคราะห์สภาพอาชญากรรมและสภาพพื้นที่เพอ่ื ปรับกำลังพลใหส้ อดคลอ้ งกัน วิเคราะหอ์ ตั รากำลงั พล

69 เพ่ือให้สอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน และหน่วยต่าง ๆ เพื่อใหเ้ ขา้ มามสี ว่ นร่วมในการปอ้ งกันอาชญากรรม ชนณรงค์ วันชา (2560,น.222-223) รปู แบบการพัฒนาประสทิ ธภิ าพตูย้ ามตำรวจชมุ ชน(โคบัง) ในการปองกันอาชญากรรมของตำรวจภูธรภาค4 ผลการศึกษาพบวา่ การให้ประชาชนมีส่วนรว่ ม เป็น องคป์ ระกอบที่สำคญั อย่างมากเน่อื งจากการพฒั นาประสิทธิภาพต้ยู ามตำรวจชุมชน (โคบัง) น้ันเปน็ การใหบ้ รกิ ารประชาชน ซงึ่ การให้บริการกบั ประชาชนเปน็ ท่พี อใจ ถูกใจประชาชน ผลแห่งความพึง พอใจของประชาชนจงึ ปรากฏในเชงิ บวก ตรงกนั ข้ามหากตำรวจใชอ้ ำนาจ กดขี่ข่มเหงราษฎร เอา เปรียบหรอื สรา้ งพฤตกิ รรมที่ไม่เหมาะสมให้ปรากฏต่อสายตาของประชาชน ผลที่ปรากฏออมาในเชงิ ลบ คอื ประชาชนไมช่ อบ ไม่พอใจ การปฏิบัติงานของตำรวจ ฉะน้ัน หากจะใหป้ ระชาชนพึงพอใจใน การปฏิบตั งิ าน ตำรวจจะต้องมกี ารพฒั นาและปรับเปล่ียนพฤติกรรมในการมสี ว่ นทีจ่ ะเข้าร่วมมือรว่ ม ใจปฏิบัตงิ านทด่ี รี ่วมกับตำรวจทุกคน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงจะเปน็ ที่พึง่ ของประชาชนได้ ประชาชนมคี วามเชื่อถอื ศรทั ธา และเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการตำรวจดังนน้ั การมีส่วนร่วม การสรา้ ง แรงจูงใจ พัฒนาบุคลกิ ภาพ และสร้างมนษุ ยส์ ัมพนั ธ์ ให้กับเจา้ หนา้ ท่ีตำรวจแล้ว มอี ทิ ธิพลต่อผลการ พฒั นาประสิทธิภาพต้ยู ามตำรวจชมุ ชน (โคบงั ) ในการป้องกนั อาชญากรรม ของตำรวจภธู รภาค 4 หากแต่ตำรวจสามารถปฏิบัตงิ านได้อย่างมืออาชพี ก็จะนำไปสูผ่ ลการป้องกนั และปราบปราอาชญา กรรม จะเกิดผลตอ่ ความสงบสขุ ของประชาชนและมเี จตคติ เกดิ ความเชอื่ ม่ันให้ความไวว้ างใจกบั ตำรวจ มรุตพงศ์ วิเชียรศรี และ ศศิภัทรา ศิริวาโท (2563, น.939-940) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การใช้ กล้องวงจรปิด CCTV.เพ่ือลดปัญหาอาชญากรรม:กรณีศึกษาพื้นท่ีนนบุรี ผลการศึกษาพบว่า ใน บริเวณพื้นทีจ่ ังหวัดนนทบุรีสภาพสงั คมโดยรวมของพ้ืนท่ีข้างเคียงมีลักษณะเป็นสังคมเมืองที่คล้ายกัน รอยต่อระหว่างพื้นที่มีสภาพแวดล้อมท่ีเหมือนกันเศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรมของพื้นที่ใกล้เคียงมี ลักษณะคล้ายกันส่วนใหญ่เป็นหมบู่ ้านจัดสรรและเปน็ บ้านพักของกลุ่มคนท่ีทำงานในตัวเมืองออกจาก บ้านเรือนในตอนเช้าและกลับมาในช่วงเย็นหรือค่ำ ตามสภาพการจราจร ช่วงกลางวันเป็นช่วงที่ บ้านพักมีคนอาศัยอยู่น้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานออกไปทำงานวันช่วงเวลากลางวันรวมไป ถึงในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ท่ีไม่ค่อยมีคนพักอาศัยอยู่ในบ้านพักส่งผลให้เกิดความเส่ียงที่จะเกดิ เหตุ อาชญากรรมได้ง่ายเมื่อสถานการณ์และรูปแบบวิถิีชีวิตของคนในสังคมเร่ิมเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ เกดิ อาชญากรรมได้งา่ ยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกระทำความผิดเกี่ยวกบั ทรัพย์ในพื้นทีจ่ งั หวัดนนทบุรีมี จำนวนมาก ดังนั้นสถานการณ์การเกิดอาชญากรรมในพื้นท่ีจังหวัดนนทบุรีส่งผลให้การติดตั้งกล้อง วงจรปิดกลายเป็นที่นิยมในปัจจุบันทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน เพ่ือเป็นการป้องกันและลดเหตุ อาชญากรรมอันอาจจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน และการติดตั้งกล้องวงจรปิดยัง ส่งผลใหก้ ารตัดสินใจก่อเหตุอาชญากรรมของผู้กระทำความผิดเกดิ ความยับยังช่ังใจอันเป็นเหตุให้การ ก่อเหตอุ าชญากรรมลดลง

70 วิกรานต์ เผือกมงคล (2559, น.38) ได้ทำการวิจัยเรื่อง แนวทางการลดความเส่ียงภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ผลการศึกษาพบว่าบุคคลมีระดับการป้องกันในการตรวจตรา การ ตรวจสอบ การจัดสภาพแวดล้อมบริเวณ ภายในและภายนอกบ้านเพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการป้องกัน ความเสี่ยงภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และ การติดต้ังอุปกรณ์เพ่ือการป้องกันความเส่ียงภัยในชีวิตและ ทรัพย์สิน อยู่ในระดับมาก เป็นเหตุมาจาก บุคคลโดยส่วนใหญ่ย่อมมีความระมัดระวัง และสนใจ เก่ียวกับการป้องกันอาชญากรรม เพราะเป็นภัยที่ใกล้ตัวมากท่ีสุด ยิ่งบุคคลที่อาศัยอยู่ในบริเวณท่ีมี ประชาชนอาศัยอยู่มาก และเป็นประชาชน ท่ีมาจากต่างท้องถ่ินกัน ไม่มีรากฐานของความสัมพันธ์ ระหวา่ งกนั ในชุมชน ย่ิงทำใหบ้ ุคคลย่ิงมีความระมดั ระวงั ดา้ นความปลอดภัยมากขน้ึ พิชญะ เขียวเปลื้อง (2558,น.49) ศึกษาเก่ียวกับทัศนะของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหนา้ ท่ี ของ เจ้าหน้าท่ีตำรวจจราจรสถานีตำรวจนครบาลมนี บุรี ผลการศึกษาพบวา่ การศึกษาทัศนะต่อ การ ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ีตำรวจจราจรทั้ง 3 ด้าน อยู่ในระดับมาก โดยทัศนะต่อการปฏิบัติหน้าท่ี ของเจ้าหน้าท่ี ตำรวจจราจรด้านการปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกมีระดับมากท่ีสุด รองลงมาใน ระดับมาก ได้แก่ ด้านการบังคับใช้กฎหมาย และด้านการจัดการและควบคุมระบบการจราจร ตามลำดับ ประพัทธ์ แกลงกระโทก (2559,น.226) ได้ศึกษาเรื่อง ปัจจัยท่ีมีผลต่อการปฏิบัติงานด้านการ ปราบปรามยาเสพตดิ ของ เจ้าหน้าทีต่ ำรวจในสงั กัดตำรวจภธู รจังหวัดสงขลา ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัจจัยภายในมีผลต่อการปฏิบัติงาน ด้านการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ปัจจัยด้าน ผู้บังคับบัญชาในภาพรวมกับการ ปฏิบัติงานด้านการปราบปราม ยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา มี ความสัมพนั ธ์กัน ส่วนปจั จัยผู้บงั คับบญั ชาในด้านบคุ ลากร ด้านงบประมาณดา้ นวัสดอุ ปุ กรณ์ และดา้ น การจัดการกับ การปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ ในสังกัดตำรวจภูธร จังหวัดสงขลา มีความสัมพันธ์กันเพียง 3 ด้าน คือ ด้านบุคลากร ด้านวัสดุอุปกรณ์ และด้านการ จัดการ และปัจจยั ดา้ นกฎหมายกบั การปฏบิ ัติงานดา้ นการปราบปราม ยาเสพตดิ ของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ ในสงั กดั ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา มีความสัมพันธ์กัน 2) ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญในการสร้างขวัญ กำลังใจ แรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปราม ยาเสพติดในสังกัด ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และสนับสนุน งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ท่ีจำเป็นในการปฏิบัติงาน จัดให้ เจ้าหน้าที่ ตำรวจได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเพื่อให้ทัน ต่อสถานการณ์ แต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับผิดชอบงานหลายด้าน ทำใหก้ ารปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดไม่ดี เท่าท่ีควร สถานท่ีเป็นอีกปัจจัยหน่ึงท่ีมีผลต่อการปฏิบัติงานด้านการ ปราบปรามยาเสพติดของ เจ้าหน้าท่ีเน่ืองจากในบางพ้ืนที่เป็นท่ี สถานท่ีปิด เส้นทางเข้าซับซ้อนทำให้ยากต่อการเข้าตรวจสอบ หรือเป็นท่ีโล่งแจ้ง มองเห็นได้ในระยะไกล ทำให้ผู้กระทำความผดิ สามารถหลบหนีได้ทันก่อนท่จี ะถูก จับกุม อีกทั้งในปัจจุบันการค้า ยาเสพติดในพ้ืนท่ีจังหวัดสงขลามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทำให้ ยาก ต่อการจบั กุมและรวบรวมพยานหลักฐานเพ่อื นนำตวั ผู้กระทำ ความผิดมาลงโทษ

71 นิษฐนัญญ์ เทพสุข (2562,น.175-176) ได้ทำการวิจัยเร่ือง ความเชื่อม่ันในกระบวนการ ยุติธรรมทางอาญาของกลุ่มคนเปราะบางทางสังคมในกรุงเทพมหานคร ผลการวิจัย พบว่า ความ เชื่อม่ันในการปฏิบัติหน้าท่ีของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา พบว่า กลุ่มคนเปราะบาง ทางสังคมในกรุงเทพมหานครที่ไม่เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของบุคลากรในภาพรวม รอ้ ยละ 30.4 ของ กลุ่มตัวอย่างท้ังหมด สำหรับผู้ที่เช่ือมั่นจะมีความเช่ือมั่นในระดับปานกลาง เม่ือพิจารณารายละเอียด ความเช่ือม่ันในการปฏิบัติหน้าท่ีของบุคลากรแต่ละประเภท พบว่า ตำรวจหรือพนักงานสืบสวน สอบสวนกลุ่มคนเปราะบางทางสังคมท่ีไม่เชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ พนักงาน สืบสวน สอบสวนมากท่ีสุด ร้อยละ 16.9 โดยส่วนใหญ่จะไม่เช่ือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงาน สืบสวน สอบสวนจะแจง้ เตือนภยั อาชญากรรมและป้องกันภัยอาชญากรรมให้ประชาชนและไม่เช่ือว่า จะปฏิบัติตามกรอบอำนาจหน้าที่ และกฎหมายในการจับกุม ตรวจค้น ยึดและการขังอย่างเคร่งครัด ส่วนผู้ทเี่ ชื่อมนั่ จะเช่อื มน่ั ในระดบั นอ้ ย วิษณุ หยกจินดา (2557,น.82) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมของประชาชน ในการ พฒั นาชมุ ชน หมบู่ ้านทุ่งกร่าง ตำบลทับไทร อำเภอโป่งนำ้ ร้อน จงั หวัดจันทบุรี ผลการวิจัยพบว่า การ มีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชน หมู่บ้านทุ่งกร่าง ตำบลทับไทร อำเภอโป่งร้อน จังหวัด จนั ทบุรี โดยการร่วมมืออยู่ในระดับมาก เปน็ อันดับแรก รองลงมาด้านการมสี ่วนรว่ มตัดสินใจในระดับ มาก ด้านการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานมีส่วนร่วมในระดับมาก และสุดท้ายด้านการมีส่วนร่วมใน การประเมนิ ผลการมีสว่ นรว่ มอยู่ในระดับนอ้ ย ผลการทดสอบสมมตุ ิฐานพบว่า ประชาชนท่ีมเี พศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพต่างกันมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน หมู่บ้านทุ่งกร่าง ตำบลทับไทร อำเภอโงนำ้ รอ้ น จังหวดั จันทบุรี มคี วามรว่ มมือระดบั ปานกลาง อรทัย หนูสงค์ (2560,น.5) ได้ทำการวิจัยเร่ือง การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการเขต อนุรักษ์สัตว์น้ำ กรณีศึกษา หมู่ท่ี 1 ตำบลป่าขาด อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ผลการวิจัยพบว่า การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจดั การเขตอนุรักษ์โดยรวมอยู่ในระดับมาก สมาชิกในชุมชนมีส่วนร่วม ท้งั 5 ขั้นตอน ขั้นตอนท่ี 1 การคน้ หาสาเหตุและปัญหาอยู่ในระดับมาก ข้ันตอนที่ 2 การวางแผนเพ่ือ แก้ปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติและการดำเนินกิจกรรมอยู่ในระดับมาก ขัน้ ตอนที่ 4 การรบั ผลประโยชน์อยู่ในระดับมากท่ีสดุ และข้ันตอนท่ี 5 การติดตามและประเมินผลอยู่ ในระดับปานกลาง ศศิภา ปัญญาวัฒนาสกุล (2559,น.1) การมีส่วนร่วมในการจัดความรู้ชุมชน กรณีศึกษา เขื่อนไผ่ชะลอคล่ืน ในพ้ืนท่ีชายฝง่ั ทะเล จังหวัดสมุทรสาคร ผลการศึกษาพบว่า 1)ชุมชนมีส่วนร่วมใน การปอ้ งกนั แกไ้ ขการกดั แซะชายฝ่ังในภาพรวมอยรู่ ะดับปานกลาง 2) ชุมชนมีการจัดการความรู้ในการ ป้องกันแก้ไขการกัดแซะชายฝั่งอยู่ในระดับปานกลาง 3) การมีส่วนร่วมของชุมชนมีความสัมพันธ์เชิง บวกในระดับสูงกับการจัดการความรู้ชุมชนในพื้นที่ชายฝ่ังทะเล และ 4) การจัดการความรชู้ ุมชนโดย การมีส่วนร่วมของชุมชน ต้องให้ความสำคญั กับการร่วมตัดสินใจ และด้านการสรา้ งความรว่ มมือ เพื่อ นำไปสู่การจัดการความรชู้ มุ ชน

72 กรอบแนวคดิ ของการวิจัย การวิจัยครั้งน้ี ผู้วิจัยมุ่งศึกษาเรื่อง “ \"แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชุมพร” จากการทบทวนแนวคิด ทฤษฏี และงานวจิ ัยท่ีเก่ยี วข้อง ผู้วจิ ัย ได้กำหนดกรอบแนวคิด การวิจัย(Conceptual Framework) แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัด ชุมพร ดังนี้ \"สภาพปัญหาการช่วยเหลืองาน แนวทางการชว่ ยเหลืองานตำรวจของ ตำรวจของประชาชน อำเภอสวี ประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชมุ พร จงั หวัดชมุ พร 1.ด้านปอ้ งกนั และปราบปราม 2.ด้านสบื สวน 3.ดา้ นสอบสวน

73 บทที่ 3 วิธดี ำเนินการวิจัย การศึกษาวิจัยเรื่อง”แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัด ชุมพร” เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ซ่ึงผู้วิจัยได้ดำเนินการตามข้ันตอน โดยศกึ ษาค้นควา้ จากแนวคดิ ทฤษฎีเอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกยี่ วขอ้ ง มดี ังนี้ 1. ผใู้ หข้ ้อมลู สำคัญ 2. เครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการวิจยั 3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 4. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 1. ผใู้ หข้ ้อมลู สำคญั ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ(Key Informants) คือ ข้าราชการตำรวจของสถานีตำรวจภูธรสวี จังหวัด ชุมพร ผู้นำชุมชนผู้นำท้องถิ่นในอำเภอสวี จังหวัดชุมพร ประชาชนที่มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในเขต อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ตั้งแต่อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และผู้ประกอบการ/ร้านค้า ท่ีมีท่ีตั้งสถาน ประกอบการอยู่ในเขตอำเภอสวี จังหวัดชุมพร รวมท้ังส้ิน จำนวน 17 คน (Lincoln and Guba 1985; อ้างถึงใน วรรณดี สุทธินรากร, 2556, น.60) โดยเป็นการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Random Sampling) และใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก(In – depth Interview) ซ่ึงผู้ให้ข้อมูลสำคัญมี คณุ สมบัติ ดังน้ี 1. เป็นข้าราชการตำรวจ ซ่ึงมีหนา้ โดยตรงเก่ียวกับงานในหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 ด้าน ของสถานี ตำรวจภธู รสวี จงั หวัดชมุ พร จำนวน 5 คน 2. เป็นตัวแทนประชาชนผู้ซึ่งช่วยเหลืองานตำรวจ ซ่ึงเป็นผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นในอำเภอ สวี จังหวัดชมุ พร จำนวน 4 คน 3. เป็นประชาชนท่ีมีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตอำเภอสวี จังหวัดชุมพร ต้ังแต่อายุ 20 ปี บรบิ รู ณ์ขน้ึ ไป จำนวน 4 คน 4. อาสาสมคั รตำรวจ ในเขตอำเภอสวี จงั หวดั ชมุ พร จำนวน 2 คน 5. กูภ้ ัยอำเภอสวี จังหวัดชมุ พร 2 คน ตารางที่ 3.1 แสดงรายช่ือผ้ใู ห้ข้อมูลสำคัญเพ่ือการสัมภาษณเ์ ชิงลึก (Key Informants) ลำดับที่ ชือ่ -นามสกุล ตำแหนง่ ผู้กำกบั การ สถานตี ำรวจภธู รสวี 1 พนั ตำรวจเอกอุดร แกว้ สุขศรี รองผกู้ ำกบั การสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสวี งานยุตธิ รรม สารวตั รสบื สวน สถานตี ำรวจภธู รสวี ทำหน้างานยาเสพติด 2 พนั ตำรวจโทสายันต์ จนั ทรมาศ สารวัตรปอ้ งกนั ปราบปราม สถานตี ำรวจภธู รสวี สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรสวี 3 พันตำรวจโทวิษณุ ศิริสขุ ชยั วฒุ ิ กำนันตำบลนาโพธ์ิ อำเภอสวี จงั หวดั ชมุ พร 4 พนั ตำรวจตรธี นเทพ สุวรรณ 5 ร.ต.อ.สมยศ ใจซอ่ื ดี 6 นายวัชรนิ ทร์ ทองศริ ิ

74 ตารางที่ 3.1 แสดงรายช่อื ผู้ให้ข้อมลู สำคญั เพอ่ื การสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก ( Key Informants )(ต่อ) 7. นายธีระยทุ ธ สมศรี กำนนั ตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จงั หวัดชมุ พร 8. นางพรพิมล อาจกลับ รองนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบลนาโพธพ์ิ ฒั นา 9 นายสุรชยั แดงละอุ่น นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลสวี-ปากแพรกอำเภอสุขสวี จงั หวดั ชุมพร 10 นายบำรุง อุชุภาพ ประชาชนอาศยั อยใู่ นเขตอำเภอสวี จงั หวดั สวี 11 นายปราโมทย์ ล้มิ สวัสด์ิ ประชาชนอาศยั อยใู่ นเขตอำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร 12 นายธีระวฒุ ิ สมิ ปักษร ประชาชนอาศยั อยใู่ นเขตอำเภอสวี จังหวัดชมุ พร 13 นายปยิ บตุ ร จันทรอาภา ประชาชนอาศัยอย่ใู นเขตอำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร 14 นางสาวพรรธิภา อม่ิ ทวั่ อาสาสมัครตำรวจชุมชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร 15 นางสาวชลุ ีพร เคี๋ยนบุ้น อาสาสมคั รตำรวจชมุ ชน อำเภอสวี จงั หวัดชมุ พร 16 นายสราวุธ เมอื งแดง กภู้ ยั สวี อำเภอสวี จงั หวดั ชมุ พร 17 นางสาวเดน่ นภา โคการ กู้ภัยสวี อำเภอสวี จงั หวดั ชมุ พร เครื่องมอื ท่ใี ช้ในการวิจยั ผวู้ ิจัยไดศ้ ึกษาข้อมูลจากเอกสาร ข่าว บทความ งานวชิ าการ กฎหมาย และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง กบั การศึกษาครั้งน้ีเพื่อนำมาใช้เป็นกรอบแนวความคิดในการสร้างเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ โดยเครื่องมือทสี่ ำคัญสำหรับการวิจัยในคร้ังนี้ คอื ตัว ผู้วิจัยเพ่ือให้ได้มาซ่ึงข้อมูลที่สำคัญ (ชาย โพธิสิตา, 2552, น.32) โดยใช้วิธีการ คือ การสัมภาษณ์เชิง ลึก(In-depth Interview)ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง(Structural Interviewing Guideline) และเปน็ การตงั้ คำถามแบบปลายเปดิ ซง่ึ แบ่งออกเป็น 4 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 เปน็ ข้อมลู ทั่วไปของผู้ให้สมั ภาษณ์ ตอนท่ี 2 คำถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร ทั้งหมด 3 ข้อ ตอนท่ี 3 คำถามความคิดเห็นเก่ยี วกับแนวทางการชว่ ยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอ สวี จงั หวดั ชมุ พร ทั้งหมด 3 ขอ้ ตอนท่ี 4 ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ สำหรับการสรา้ งเครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการวจิ ยั ผูว้ จิ ัยได้ดำเนนิ การตามข้นั ตอน ดงั นี้ 1. ศึกษาความรูพ้ ้ืนฐานทั่วไป หลักการ แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแนวทางการ ช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชมุ พร 2. กำหนดกรอบแนวคิดในการสร้างแบบสัมภาษณ์ 3. ประมวลผลข้อมูลที่ได้จากการศึกษา กำหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างเคร่ืองมือการวิจัย แบบสัมภาษณเ์ ชงิ ลึก โดยขอคำปรกึ ษาจากอาจารย์ผคู้ วบคุมการทำการคน้ คว้าอสิ ระ

75 4. สร้างเคร่ืองมือแบบสัมภาษณ์ โดยให้มีเน้ือหาครอบคลุมแนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจ ของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชมุ พร 5. เสนอร่างเคร่ืองมือในการวิจัยต่ออาจารย์ผู้ควบคุมการค้นคว้าอิสระเพื่อตรวจสอบความ ถูกต้องของแบบสัมภาษณ์ และปรับปรุงแก้ไขเคร่ืองมือตามข้อเสนอแนะของอาจารย์ผู้ควบคุมการ คน้ ควา้ อิสระ 6. จัดพิมพ์เคร่ืองมือการวิจัยฉบับสมบูรณ์ และนำไปใช้จริงเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูลกับผู้ให้ ขอ้ มูลสำคญั รวมถึง การดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยจะยกวัตถุประสงค์ของการวิจัยในแต่ละข้อมาตั้ง แล้วแสดง วิธีการวิจัย หรือการค้นหาข้อมูลเพ่ือตอบโจทก์วิจัย หรือตอบคำถามในการวิจัยที่ปรากฏอยู่ใน วตั ถุประสงคแ์ ตล่ ะขอ้ จนสามารถได้คำตอบให้แกโ่ จทก์วิจยั ตามวตั ถุประสงคค์ รบทกุ ข้อ ดงั นี้ 1. วัตถุประสงค์ข้อที่ 1 .เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชุมพร มีขน้ั ตอนการดำเนนิ การวิจยั ดังนี้ 1.1 ทำการศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎี จากงานวิจัย บทความ หนังสือ ตำรา ที่เก่ียวข้อง แนวทางการชว่ ยเหลอื งานตำรวจของประชาชนของสถานีตำรวจภูธรสวี จงั หวัดชมุ พร 1.2 ทำการสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อศึกษาสภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวของประชาชน อำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร โดยมีผใู้ หข้ ้อมูลสำคญั จำนวน 17 คน 2. วัตถุประสงค์ข้อที่ 2 เพื่อนำเสนอแนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอ สวี จงั หวดั ชุมพร โดยทำการสัมภาษณ์เชิงลกึ จากผู้ใหข้ ้อมลู สำคัญ จำนวน 17 คน การเก็บรวบรวมข้อมลู การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผูว้ จิ ัยไดด้ ำเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ดงั นี้ 1. ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเชิงประจักษ์ โดยขอหนังสือขอความร่วมมือในการเก็บ ข้อมูลจากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เพื่อขออนุญาตสัมภาษณ์กลุ่มผู้ให้ข้อมูล สำคญั 2. ผู้วิจัยโทรศัพท์ประสานงานกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญในเบื้องต้นก่อนเพื่อนัดหมาย วัน เวลา สถานท่ี เพื่อเข้าทำการสัมภาษณ์ จำนวน 17 คน โดยใช้เทคนิคการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive Random Sampling ) 3. ส่งหนังสอื ขอความอนเุ คราะห์ในการเขา้ สัมภาษณ์ พรอ้ มชี้แจงวนั นัดหมาย และสถานท่ีใน การเข้าสัมภาษณ์ ถึงกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญด้วยตนเอง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน โดย อาศัยการจดบันทึก การบันทึกเสียงในการสัมภาษณ์ และบันทึกภาพร่วมกับผ้ใู ห้สัมภาษณ์ 4. ทำการตรวจสอบและคัดแยกข้อมูลตามท่ีไดก้ ำหนดไวใ้ นกรอบแนวคิดการวิจัย การตรวจสอบขอ้ มูล การตรวจสอบข้อมูลได้บูรณาการจากแนวคิดของ สุภางค์ จันทวานิช (2553, น. 128-130) กลา่ วถงึ ความสำคัญของการตรวจสอบและวิเคราะหข์ ้อมูลในการวจิ ยั เชิงคุณภาพไวว้ ่า ในการวิจัยเชิง

76 คุณภาพเรามักจะได้ยินเสมอว่า มีผู้สงสัยในความแม่นตรงและความน่าเช่ือถือของข้อมูล เพราะแคลง ใจในความลำเอียงของนักวิจัยที่อาจเกิดข้ึนเมื่อได้ไปคลุกคลีกับปรากฏการณ์และผู้ให้ข้อมูล นักวิจัย เชิงคุณภาพตระหนักดีถึงข้อสงสัยนี้ และได้วางมาตรการท่ีจะป้องกันความผิดพลาด นั่นคือ การ ตรวจสอบข้อมูลก่อนทำการวเิ คราะห์ การตรวจสอบข้อมูลที่ใช้กันมากในการวิจยั เชงิ คุณภาพ คอื การ ตรวจสอบข้อมลู แบบสามเสา้ (triangulation) มีวธิ กี ารตรวจสอบ 4 วธิ ี คอื 1. การตรวจสอบสามเส้าด้านข้อมูล(data triangulation) คือ การพิสูจน์ว่าข้อมูลท่ีผู้วิจัย ได้มานั้นถูกต้องหรือไม่ วิธีการตรวจสอบ คือ การตรวจสอบแหล่งของข้อมูล แหล่งที่จะพิจารณาใน การตรวจสอบ ไดแ้ ก่ - แหล่งเวลา หมายถึง ถ้าข้อมูลต่างเวลากันจะเหมือนกันหรือไม่ เช่น ถ้าผู้วิจัยเคยสังเกต ผปู้ ่วยโรคจติ เวลาเชา้ ควรตรวจสอบโดยการสงั เกตผ้ปู ่วยเวลาบา่ ยและเวลาอ่ืนด้วย - แหล่งสถานท่ี หมายถึง ถ้าข้อมูลต่างสถานที่กันจะเหมือนกันหรือไม่ เช่น ผู้ป่วยโรคจิตมี อาการคลุ้มคลัง่ เม่อื อย่ใู นบ้าน ถา้ หากไปอยูท่ อ่ี นื่ จะยงั มอี าการคลุ้มคลง่ั หรือไม่ - แหล่งบุคคล หมายถึง ถ้าบุคคลผู้ให้ข้อมูลเปลยี่ นไป ข้อมูลจะเหมอื นเดิมหรอื ไม่ เชน่ เคย ซักถามบุตรชายผู้ป่วยเปล่ียนเป็นซักถามบุตรหญิง หรือพยาบาล หรือเปลี่ยนจากปัจเจกบุคคลเป็น กลุม่ บคุ คลหรอื กล่มุ สังคม 2. การตรวจสอบสามเส้าด้านผู้วจิ ยั (investigator triangulation) คือ ตรวจสอบวา่ ผู้วจิ ัยแต่ ละ คนจะได้ข้อมูลแตกต่างกันอย่างไร โดยเปล่ียนตัวผู้สังเกต แทนที่จะใช้ผู้วิจัยคนเดียวกันสังเกตโดย ตลอด ในกรณีที่ไม่แน่ใจในคณุ ภาพของผ้รู วบรวมข้อมูลภาคสนาม ควรเปลีย่ นใหม้ ีผู้วจิ ยั หลายคน 3. การตรวจสอบสามเส้าด้านทฤษฎี(theory triangulation) คือ การตรวจสอบว่าถ้าผู้วิจัยใช้ แนวคิดทฤษฎีท่ีต่างไปจากเดิมจะทำให้การตีความข้อมูลแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด อาจทำได้ง่าย กว่าในระดับสมมติฐานช่ัวคราว(working hypothesis) และแนวคิดขณะท่ีลงมือตีความสร้างข้อสรุป เหตกุ ารณแ์ ต่ละเหตกุ ารณ์ ปกตนิ ักวิจัยจะตรวจสอบสามเสา้ ด้านทฤษฎไี ด้ยากกวา่ ตรวจสอบดา้ นอืน่ 4. การตรวจสอบสามเส้าด้านวิธีรวบรวมข้อมูล(Methodological triangulation) คือ การใช้ วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ กันเพื่อรวบรวมข้อมูลเร่ืองเดียวกัน เช่น ใช้วิธีการสังเกตควบคู่กับการ ซกั ถามพรอ้ มกนั นั้นก็ศกึ ษาขอ้ มลู จากแหลง่ เอกสารประกอบดว้ ย การวเิ คราะหข์ อ้ มูล เม่ือได้ข้อมูลจากการสังเกต บันทึก สัมภาษณ์แล้ว ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยผู้วิจัยใช้ การจัดเรียงข้อมูลตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการชว่ ยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวดั ชุมพร 1. การจัดระเบียบข้อมูล(Data Organizing) โดยผู้วิจัยได้นำข้อมูลท่ีได้จากการบันทึกเสยี งมา ถอดบทเรียนและจัดกลุ่มของข้อมูลตามเนื้อหา ส่วนข้อมูลที่ได้จากการจดบันทึกนำมาขัดเกลาและ เรียบเรียงลำดับตามเน้ือหาเช่นกัน สำหรับการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้ใช้วิธีจัดเก็บไฟล์

77 ภาพต่างๆ ไว้ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์โดยตั้งชื่อข้อมูลตามเวลาสถานที่และเน้ือหาให้ครบตาม วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ัย 2. การจัดแสดงข้อมูล(Data Display) หลังจากจัดระเบียบข้อมูลแล้วเสร็จผู้วิจัยนำข้อมูล เหล่านั้นมาจัดแสดงด้วยการพิมพ์เนื้อหาจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และแสดงภาพทางหน้า จอคอมพิวเตอร์ ต่อจากน้ันทำการคัดเลือกเนื้อหาและภาพถ่ายที่เก่ียวข้องเพื่อเรียบเรียงเรื่องราวให้ เป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน ตามลำดับเหตุการณ์ และลำดับกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับการลงเก็บข้อมูลเชิง พนื้ ท่ี 3. การหาข้อสรุป การตีความและการตรวจสอบความถูกต้องประเด็นของผลการวิจัย (Conclusion, Interpretation and Verification) โดยการสังเคราะห์ ตีความ หาข้อสรุปจากข้อมูล ท่ีได้จากการเก็บรวบรวม ในข้ันตอนนี้ ผู้วิจัยได้เปรียบเทียบเนื้อหาท่ีได้จากการสัมภาษณ์เทียบเคียง กบั ภาพถ่ายที่ได้มา และจากการจดบันทกึ แล้วนำข้อมูลเหล่าน้นั มาอภิปรายผลรว่ มกับข้อมูลทไ่ี ดจ้ าก การทบทวนเอกสารทเ่ี กีย่ วข้อง จากนน้ั นำผลการวิจัยทส่ี รุปและตีความมาเรยี บเรียงเปน็ ผลการศกึ ษา

78 บทที่ 4 ผลการวจิ ยั การวิจัยเร่ือง “แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร” ผูวิจัยไดใช้ การวิจัยเชิงคุณภาพ แบบสมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเป็น ข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงและผู้ท่ีเกี่ยวข้อง ในอำเภอสวี จังหวัดชุมพร ตัวแทนของ ข้าราชการตำรวจท่ีเกย่ี วข้องกับงานทั้ง 3 ด้าน เป็นผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นในอำเภอสวี จังหวัดชุมพร ประชาชนที่มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตอำเภอสวี จังหวัดชุม ต้ังแต่อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้นำ ท้องถ่ิน ผู้ประกอบการร้านค้า ท่ีมีท่ีตั้งสถานประกอบการอยู่ในเขตอำเภอสวี จังหวัดชุมพร อาสาสมัครตำรวจ และกู้ภัยอำเภอสวี โดยผูศึกษาไดแยก วเิ คราะหเป็นประเด็นตามวตั ถปุ ระสงคดังนี้ 1.1 ขอมลู ทวั่ ไปเกีย่ วกบั ปจจัยสวนบุคคลของผูใหสัมภาษณ์ 1.2 ข้อมูลจากการสมั ภาษณ์ตามวัตถุประสงคการวิจยั 1.1 ขอมลู ทวั่ ไปเกีย่ วกบั ปจจยั สวนบุคคลของผูใหสมั ภาษณ์ ในการวิจัยเรื่อง แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชนของสถานีตำรวจภูธรสวี จังหวัด ชมุ พร ผูวิจัยได้ดำเนินการสัมภาษณ์บุคคล แบ่งออกเปน 3 กลุม คือ การวิจัยแบบเชิงคุณภาพ โดยใช้ แบบสัมภาษณ์เป็นเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมลู จากข้าราชการตำรวจ ซ่ึงมีหนา้ ที่โดยตรงในงาน ท่ีเก่ียวข้องท้ัง 3 ด้าน จำนวน 5 คน ตัวแทนประชาชนซึ่งเป็นผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถ่ินในอำเภอสวี จังหวัดชมุ พร 4 คน เปน็ ประชาชนที่มชี อื่ อย่ใู นทะเบียนบ้านในเขตอำเภอสวี จังหวัดระนอง ต้งั แต่อายุ 20 ปบี ริบูรณ์ขึ้นไป 6 คน ก้ภู ยั สวี 2 คน รวม จำนวน 17 คน ดังน้ี 1.1.1 กลุ่มบุคคลท่ีเป็นข้าราชการตำรวจและผู้นำท้องถิ่นท้องที่ ที่ให้ข้อมูลโดยการ สมั ภาษณ์ 1) ข้าราชการตำรวจ ซ่ึงมีหน้าที่โดยตรงในงานที่เก่ียวข้องท้ัง 3 ด้าน ในงาน รับผิดชอบของสถานตี ำรวจภธู รสวี จำนวน 5 คน (1) พันตำรวจเอกอุดร แก้วสุขศรี ตำแหน่ง ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรสวี อายุ 58 ปี ระดับการศึกษาสูงสุดปริญญาตรี ประสบการณ์ทำงาน 35 ปี สัมภาษณ์เม่ือวันท่ี 4 สิงหาคม พ.ศ.2564 ณ สถานตี ำรวจภธู รสวี (2) พันตำรวจโทสายันต์ จันทรมาศ ตำแหน่ง รองผู้กำกับการ(สอบสวน) สถานี ตำรวจภูธรสวี อายุ 57 ปี ระดับการศึกษาปริญญาโท ประสบการณ์ทำงาน 35 ปี สัมภาษณ์เม่ือวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2564 ณ สถานีตำรวจภธู รสวี (3) พันตำรวจโทวษิ ณุ ศริ สิ ุขชยั วุฒิ สารวัตรสบื สวน สถานตี ำรวจภูธรสวี อายุ 56 ปี ระดับการศึกษาปริญาตรี ประสบการณ์ทำงาน 32 ปี สัมภาษณ์เม่ือวันท่ี 4 สิงหาคม พ.ศ.2564 ณ สถานตี ำรวจภธู รสวี

79 (4) พันตำรวจตรีธนเทพ สุวรรณ สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรสวี อายุ 49 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี ประสบการณ์การทำงาน 27 ปี สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 สงิ หาคม พ.ศ.2564 ณ สถานีตำรวจภธู รสวี (5) รอ้ ยตำรวจเอกสมยศ ใจซ่ือดี รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธร สวี อายุ 46 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี ประสบการณ์ทำงาน 23 ปี สัมภาษณ์เมื่อวันท่ี 4 สิงหาคม พ.ศ.2564 ณ สถานีตำรวจภธู รสวี 2. ตัวแทนจากผู้นำชุมชน 4 คน (1) นายวัชรินทร์ ทองศิริ กำนันตำบลนาโพธิ์ อายุ 49 ปี ระดับการศึกษาปริญญา ตรี ประสบการณ์ทำงาน 20 ปี สัมภาษณ์เม่ือวนั ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2564 (2) นายธีระยุทธ สมศรี กำนันตำบลวิสัยใต้ อายุ 40 ปี ระดับการศึกษา มัธยมศึกษาตอนปลาย ประสบการณ์ทำงาน 5 ปี สมั ภาษณเ์ มือ่ วันท่ี 5 สิงหาคม พ.ศ.2564 (3) นางพรพิมล อาจกลับ รองนายกเทศบาลตำบลนาโพธพ์ิ ฒั นา อายุ 52 ปี ระดับ การศึกษาปริญญาโท ประสบการณ์ทำงาน 4 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/2 หมู่ที่ 7 ตำบล นาโพธ์ิ อำเภอ สวี จงั หวัด ชุมพร สมั ภาษณ์เมื่อวนั ท่ี 5 สิงหาคม พ.ศ.2564 ณ (4) นายสุรชัย แดงงละอุ่น นายกเทศมนตรีอองค์การบริหารส่วนตำบลสวี-ปาก แพรก อายุ 55 ปี ประสบการณท์ ำงาน 20 ปี สัมภาษณ์เม่ือวันท่ี 6 สงิ หาคม พ.ศ.2564 3. ตัวแทนจากประชาชนท่ีอาศัยอยู่ในเขตพ้ืนที่อำเอสวี จังหวัดชุมพร จำนวน 6 คน (1) นายบำรุง อุชุภาพ ตำแหน่งนายกผู้ปกครองโรงเรียนสวีวิทยา อายุ 79 ปี ระดับการศึกษา ปริญญาตรี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู 5 ตำบล นาโพธ์ิ อำเภอ สวี จังหวัด ชุมพร สัมภาษณ์เม่อื วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2564 (2) นายปราโมทย์ ลิ้มสวัสดิ์ อายุ 52 ปี ตำแหน่ง เลขานุการองค์การบริหารส่วน ตำบลทุ่งระยะ ระดับการศึกษา ปริญญาตรี อยู่บ้านเลขท่ี 21 หมู่ที่ 5 ตำบล ทุ่งระยะ อำเภอ สวี จงั หวัด ชุมพร สมั ภาษณ์เมอื่ วันที่ 6 สงิ หาคม พ.ศ.2564 (3) นายธีระวุฒิ สิมปักษร อายุ 55 ปี ระดับการศึกษา ปริญญาตรี อยู่บ้านเลขท่ี 448/2 หมู่ 5 ตำบล นาโพธิ์ อำเภอสวี จงั หวดั ชมุ พร สมั ภาษณเ์ มอ่ื วันที่ 7 สงิ หาคม พ.ศ.2564 (4) นายปิยบุตร จันทรอาภา อายุ 43 ปี จบการศึกษา มัธยมศึกษาตอนปลาย อยู่ บ้านเลขท่ี 305/25 หมู่ที่ 5 ตำล นาโพธิ์ อำเภอ สวี จังหวัด ชุมพร สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2564 (5) นางสาวพรรธิภา อ่ิมทั่ว อายุ 44 ปีจบการศึกษา มัธยมศึกษาตอนปลาย อยู่ บ้านเลขท่ี 54/2 หมู่ที่ 4 ตำบล ทา่ หิน อำเภอ สวี จงั หวดั ชมุ พร สัมภาษณ์เมอื่ วันที่ 8 สิงหาคม 2564 (6) นางสาวชุลีพร เค่ียนบุ้น อายุ 56 ปี จบการศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น อยู่ บา้ นเลขท่ี 79/3 หมูท่ ี่ 7 ตำบล ทา่ หนิ อำเภอ สวี จงั หวัด ชมุ พร สัมภาษณ์เม่อื วนั ที่ 8 สิงหาคม 2564

80 4. ตวั แทนจากอาสาสมัครกภู้ ยั อำเภอสวี 2 คน (1) นายสราวุธ เมืองแดง อาสาสมัครกู้ภัยอำเภอสวี อายุ 44 ปี ระดับการศึกษา ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ประสบการณ์ทำงาน 15 ปี สัมภาษณ์เม่ือวันท่ี 9 สิงหาคม พ.ศ.2564 ณ บ้านเลขท่ี 18/2 หมู่ 8 ตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จงั หวัดชุมพร (2) นางสาวเด่นนภา โคกร อายุ 38 ปี ระดับการศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น ประสบการทำงาน 10 ปี สัมภาษณ์เมอื่ วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2564 ณ บา้ นเลขที่ 18/2 หม่ทู ี่ 8 ตำบล วิสัยใต้ อำเภอสวี จงั หวดั ชุมพร 1.2 ขอมูลจากการสัมภาษณ์ตามวตั ถปุ ระสงคการวจิ ัย การศึกษาเร่ือง แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร มีวัตถปุ ระสงคใ์ นการวจิ ยั ด้วยกนั 2 ประการ โดยมผี ูใหสัมภาษณ์ ไดใหขอมลู ดังตอไปนี้ 1.2.1 วัตถุประสงค์ที่ 1 เพ่ือศึกษาสภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจ ของประชาชน อำเภอสวี จงั หวดั ชมุ พร มีข้อค้นพบดังนี้ ตารางท่ี 4.1 สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ในด้าน การปอ้ งกนั ปราบปราม เป็นอยา่ งไร ผใู้ ห้สมั ภาษณ์ ขอ้ คิดเห็น ผู้ให้สมั ภาษณ์คนที่ 1 ป้องกันคือการตัดโอกาสไม่ให้คนร้ายได้กระทำความผิด ปราบปรามคือการ จับกมุ คนรา้ ยในขณะกระทำผิด หรือหลังจากการประทำผดิ แลว้ ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนที่ 2 การช่วยเหลือโดยเข้ามาเป็นอาสาสมัครตำรวจ แจ้งข่าวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะโครงการตำรวจชุมชนสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ากับประชาชน สามารถแสวงหาความร่วมมือได้ดีจากประชาชน ปัญหาอยู่ที่ความเชื่อมั่น ศรทั ธา ต้องเรง่ สร้างภาพลักษณ์ ผ้ใู ห้สมั ภาษณ์คนท่ี 3 สรา้ งความศรัทธา ความเช่ือมัน่ ผู้ให้สัมภาษณค์ นที่ 4 อยากให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของตำรวจและเข้าใจวิธีการป้องกัน ตนเองและชุมชน ผใู้ หส้ ัมภาษณ์คนท่ี 5 มีการแจ้งเหตุเพ่ือป้องกันอาชญากรรมอย่างสม่ำเสมอ อาทิ เหตุการณ์ รวมตัวของกลุ่มเด็กแว๊น เป็นต้น และมีช่องทางการแจ้งหลายช่องทาง เช่น 191 แอพพิเคช่ันต่างๆ ท้ังนี้มีการอบรมเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ประชาชน เข้าถึงหน่วยงานของรัฐไดด้ ี ผใู้ ห้สมั ภาษณค์ นท่ี 6 ประชาชนไม่ม่นั ใจถงึ ความปลอดภัย ผู้ให้สมั ภาษณค์ นท่ี 7 ขาดความเชอื่ มน่ั ในระบบของตำรวจ ผู้ใหส้ ัมภาษณ์คนที่ 8 ประชาชนยนิ ดีให้ความร่วมมือเปน็ อย่างดี ผู้ให้สัมภาษณค์ นท่ี 9 ยนิ ดใี หค้ วามรว่ มมือกับเจ้าหนา้ ท่ตี ำรวจในทกุ ๆด้าน

81 ผใู้ ห้สมั ภาษณค์ นท่ี 10 1.เข้ากลมุ่ เป็นคณะกรรมการ กต.ตร. เป็นอาสมคั รช่วยเหลอื เจา้ พนักงาน เพอื่ เข้ารว่ มประชุมกจิ การงานของตำรวจ 2.ถา้ พบเห็นเหตุการณ์ท่ีเกดิ ข้ึน ต้องให้ความร่วมมอื แจ้งขา่ วซึ่งทำไดห้ ลาย อย่าง 3.เน้นส่อื ทางเทคโนโลยี่ เชน่ ติดตั้งกลอ้ ง CCTV.ทีบ่ ้าน ผู้ให้สัมภาษณ์คนที่ 11 1.ปัญหาการขาดแคลนกำลังพลจึงต้องรับการช่วยเหลือโดยการอบรม ประชาชนใหท้ ำหนา้ ที่ตำรวจอาสา 2.ประชาชนท่ีเป็นตำรวจอาสามีข้อจำกัดในการทำหน้าที่ หากแสดงออก มากเกนิ ไปอาจจะไมป่ ลอดภัย กฎหมายใหค้ วามคมุ้ ครองน้อย 3.ยงั ขาดกลอ้ ง CCTV. ภาคประชาชนสมารถติดตั้งสนบั สนนุ ได้ ผู้ใหส้ ัมภาษณ์คนที่ 12 ประชาชนไมค่ ่อยใหค้ วามร่วมมือ 1.กลวั เดอื ดร้อน 2.ธรุ ะไม่ใช่ (เหน็ แกต่ วั ) 3.ตำรวจกบั ประชาชนไมม่ คี วามรูส้ กึ เปน็ กนั เอง ผู้ให้สมั ภาษณ์คนที่ 13 กลัวอนั ตรายจากการประทุษร้ายหากไม่เป็นความลบั ผใู้ หส้ ัมภาษณค์ นท่ี 14 ออกตรวจพร้อมกกับเจา้ หน้าทต่ี ำรวจ ผู้ให้สมั ภาษณค์ นท่ี 15 สมัครเข้าอบรมเป็นตำรวจชุมชนเพื่อเข้าช่วยเหลืองานตำรวจในด้านๆ หาก ตำรวจต้องการความช่วยเหลอื ผใู้ หส้ มั ภาษณค์ นที่ 16 ประชาชนมีบทบาทและให้ความร่วมมือดี เช่นการสมัครเป็นอาสาตำรวจ โดยเจ้าหน้าท่จี ดั อบรมให้ เพือ่ ให้เกดิ ความรคู้ วามเข้าใจ ผใู้ ห้สัมภาษณ์คนที่ 17 ประชาชนมีบทบาทและให้ความร่วมมือดี เป็นการสมัครเป็นอาสาตำรวจ โดยมีเจ้าหน้าที่จัดอบรมให้ เพ่ือให้เกิดความรู้และความเข้าใจในการ ช่วยเหลืองานตำรวจ ผ่านช่องทางการแจ้งข่าว ทางโทรศัพท์ ทางไลน์ และ ผา่ นโครงการ I Love u เปน็ ตน้ ผลการศึกษาจากตารางท่ี 4.1 สรุปได้ว่า สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชุมพร ในด้านการป้องกนั ปราบปราม พบว่า ปัญหาสว่ นใหญ่ท่ีพบเกิดจากประชาชน ไม่เชื่อม่ัน ศรัทธา และเกิดความรู้สึกท่ีไม่ดี ในการปฏิบัติงานของตำรวจ และผู้ให้สัมภาษณ์บางส่วน เหน็ วา่ ยังขาดแคลนกำลังพลในการปฏบิ ัติหนา้ ที่

82 ตารางท่ี 4.2 สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ในด้าน การสบื สวน เปน็ อย่างไร ผ้ใู หส้ ัมภาษณ์ ข้อคิดเห็น ผู้ให้สัมภาษณ์คนที่ 1 สืบสวนคอื การแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อนำมาใช้ยนื ยันตัวผู้กระทำผิด การ ช่วยเหลือหากการกระทำน้ันไม่เกิดกับตนเอง จะไม่เกิดความช่วยเหลือเลย สภาพปัญหา เพราะการกระทำนั้น เกิดผลกระทบตอ่ ผูก้ ระทำผิดผู้ชว่ ยเหลือ กลวั จะเปดิ ปญั หากับตนเอง ผู้ใหส้ มั ภาษณ์คนท่ี 2 ชว่ ยเหลือโดยการแจง้ เบาะแส ขา่ วคราวต่างๆให้แก่เจา้ หน้าท่ีตำรวจทางการ ส่อื สารทกุ ๆทาง แตส่ ภาพปญั หากค็ อื ความเชอื่ มน่ั ศรัทธาของประชาชน ผูใ้ ห้สัมภาษณค์ นท่ี 3 ประชาชนจะให้ความร่วมมือน้อย ผใู้ หส้ ัมภาษณ์คนที่ 4 อบรมการแจ้งขา่ ว ผู้ใหส้ ัมภาษณ์คนที่ 5 ประชาชนยังไม่มีความเข้าใจถึงหลักฐานทางการสืบสวนเพราะการท่ีจะ ดำเนินคดีจำเป็นต้องใช้หลักฐาน ประชาชนยังหวาดกลัวในการส่งมอบ หลักฐานให้กับตำรวจ อาจไม่มั่นใจในความปลอดภัย และประชาชนไม่ เข้าใจในความสำคญั ทางพยานชนิดตา่ งๆ ผู้ใหส้ มั ภาษณ์คนที่ 6 แจ้งขา่ วทางชอ่ งไลนห์ รือโทรศัพทเ์ ลข 191 ผใู้ ห้สมั ภาษณ์คนท่ี 7 มีความกงั วลหากแจง้ ไปแลว้ จะไมเ่ ป็นความลบั ผใู้ ห้สมั ภาษณค์ นท่ี 8 การช่วยเหลืองานตำรวจได้รับการตอบรับเปน็ อยา่ งดี ผใู้ ห้สมั ภาษณค์ นท่ี 9 ยินดีแจ้งข่าวสารให้กับเจ้าหน้าท่ีตำรวจหารทราบว่ามีการกระทำผิด กฎหมาย ผใู้ ห้สัมภาษณ์คนท่ี 10 1.การเขา้ รว่ มอาสาสมัครชุมชน สมาชกิ การแจง้ ข่าวโดยเฉพาะข่าวด้าน อาชญากรรม ในรูปแบบต่างๆ 2.สนับสนนุ งบประมาณหรือสื่อทางด้านเทคโนโลยี่ เช่นการตดิ ตงั้ กล้องวงจร ปดิ แต่ละบา้ น ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนที่ 11 1.ประชาชนผู้ใกล้ชิดกับเหตุการณ์งานตำรวจ ต้องได้รับความร่วมมือจาก ประชาชน กลุม่ แจง้ เหตุอาชญากรรม 2.เจา้ หนา้ ท่ีที่รบั แจง้ แบาะแสควรเกบ็ ความลบั ไวเ้ พอ่ื เป็นแหล่งข้อมูล 3.ขาดกลอ้ ง cctv. ในบางพื้นท่ี ประชาชนสามารถช่วยสนบั สนุนได้ ผใู้ ห้สมั ภาษณค์ นท่ี 12 ไมก่ ล้าชแี้ บะแส 1.เพราะกลัวความปลอดภยั 2.ไมเ่ ปน็ ความลับเก่ยี วกับข้อมูล 3.ตำรวจกบั ประชาชนไมม่ คี วามร้สู กึ เป็นกนั เอง ผู้ให้สัมภาษณ์คนที่ 13 แจ้งขา่ วทางช่องทางสื่อสารต่างๆ ผูใ้ ห้สมั ภาษณ์คนท่ี 14 โทรแจ้งหากพบการกระทำความผิด

83 ผใู้ ห้สัมภาษณค์ นท่ี 15 แจ้งข่าวสารทางช่อง 191 และทางช่องทางแอพของตำรวจที่เปิดโอกาสให้ แจง้ ผ้ใู ห้สัมภาษณค์ นท่ี 16 การสมัครเพอ่ื มาเปน็ สมาชิกแจ้งขา่ ว ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนที่ 17 ประชาชนมีส่วนร่มให้ความช่วยเหลืออย่างดี เช่นสมัครเป็นสมาชิกแจ้งข่าว อาชญากรรม และโครงการต่างๆ พร้อมที่จะสนับสนุนอุปกรณ์ทาง เทคโนโลยี เช่นกล้องวงจรปิดชุมชน การตดิ สญั ญาณเตอื นภัย ผลการศึกษาจากตารางท่ี 4.2 สรุปได้ว่า สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของ ประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ในดา้ นการสืบสวน พบว่า ประชาชนสว่ นใหญ่จะเกิดความกลวั ต่อ ความไม่ปลอดภัย เม่ือได้แจ้งข่าวให้กับเจ้าท่ีตำรวจแล้วกลัวจะไม่เป็นความลับ เลยเกิดความไม่มั่นใจ ต่อความปลอดภัย ผู้ให้สัมภาษณ์บางส่วนเห็นว่า ยังขาดกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ใช้ในการสืบสวนหา ข่าวในกรณีมีเหตเุ กิดขึ้น นอกจากนี้ประชาชนยังไมเ่ ขา้ ใจถงึ พยานหลักฐานทางการสืบสวนเพ่อื ที่จะหา พยานหลักฐานเพื่อใช้ในการสืบสวนไปถงึ ตัวผูก้ ระทำความผดิ ตารางท่ี 4.3 สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ในด้าน การสอบสวน เปน็ อยา่ งไร ผใู้ หส้ ัมภาษณ์ ข้อคิดเหน็ ผใู้ ห้สมั ภาษณ์คนท่ี 1 สอบสวนคือการรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้จากการสืบสวน นำไปสู่การ พิจารณาคดีของศาลเพ่ือลงโทษผู้กระทำความผิด การช่วยเหลือก็ เช่นเดียวกันกับการสืบสวนคือหากการกระทำน้ัน ไม่เกิดกับตนเองก็จะไม่ ชว่ ย สภาพปัญหาเพราะผูช้ ่วยเหลือไมต่ ้องการให้ตนเองมีปัญหากับผู้กระทำ ผิดหรือคกู่ รณใี นคดี (พูดภาษาชาวบา้ นคือไม่ต้องการสรา้ งศรัตร)ู ผู้ใหส้ มั ภาษณค์ นท่ี 2 ใหค้ วามรว่ มมือในการแสวงหาพยานหลักฐานของเจ้าหนา้ ทตี่ ำรวจ และเป็น พลเมืองดี เม่ือมีเหตุเกิดข้ึน สามารถให้การตามความเป็นจริงเพ่ือเป็น ประโยชนใ์ นกระบวนการยตุ ธิ รรม ประชาชนไมเ่ ขา้ ใจบทบาทของตนเอง ผใู้ หส้ มั ภาษณค์ นที่ 3 ประชาชนจะกลัวการที่จะไปเปน็ พยานในศาล ผใู้ ห้สมั ภาษณ์คนที่ 4 คา่ ตอบแทนน้อยมาก ผู้ให้สัมภาษณ์คนท่ี 5 ยุ่งยาก เสียเวลา ไม่มีค่าตอบแทนท่คี ุ้มคา่ ผใู้ ห้สมั ภาษณ์คนที่ 6 กลัวมีปญั หากับคนทถ่ี กู จับกุม ผู้ให้สมั ภาษณ์คนที่ 7 กลัวเรือ่ งความปลอดภัย ผใู้ ห้สัมภาษณค์ นที่ 8 งานสอบสวนเพอื่ หาคนกระทำความผดิ คอ่ นขา้ งดี ผใู้ หส้ ัมภาษณค์ นท่ี 9 ยินดเี ปน็ พยานใหก้ บั พนักงานสอบสวนหากทราบข้อเทจ็ จรงิ ในคดี

84 ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนท่ี 10 1.ใหค้ วามรว่ มมือกับเจา้ พนกั งาน คงรักษาสภาพพืน้ ท่เี กดิ เหตุ 2.ใหข้ อ้ มูลทเี่ ป็นประโยชน์ ตามความเป็นจรงิ 3.ในช่วงที่เคยเป็นคณะกรรมการ กต.ตร.เคยเสนอแนวคิดงานสอบสวน สืบสวน บุคคลสำคัญ รูปแบบขอเข้าฟังการสอบสวนเพื่อลดแรงกระทบของ ประชาชน ผู้ใหส้ ัมภาษณ์คนที่ 11 1.เกดิ การทำลายพยานหลกั ฐาน โดยความรเู้ ท่าไม่ถงึ การณ์ 2.การสนบั สนนุ ข้อมูลท่ีถกู ต้องและเปน็ จริงให้กบั ตำรวจ 3.การอบรมเป็นพยาน ข้อมลู ท่ถี กู ตอ้ งในเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน ผู้ใหส้ ัมภาษณค์ นที่ 12 ช่วยได้น้อยมากเนื่องจากประชาชนมีความรู้เก่ียวเร่ืองงานสอบสวนทางคดี น้อยมาก ทำให้เกดิ ความกลัว หวาดระแวงจะมคี วามผิด ผูใ้ ห้สมั ภาษณค์ นที่ 13 ไมเ่ ข้าไปสถานท่ีเกิดเหตจุ นกว่าจะได้รบั การร้องขอจากเจา้ หนา้ ท่ีตำรวจ ผใู้ ห้สัมภาษณค์ นที่ 14 เป็นพยานใหก้ บั พนักงานสอบสวนหากพบเห็นตามความเป็นจรงิ ผู้ใหส้ มั ภาษณ์คนที่ 15 ชว่ ยกันประชาชนไมใ่ หเ้ ข้าไปในสถานท่เี กิดเหตุ ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนที่ 16 ชว่ ยรักษาสถานท่ีเกดิ เหตุ ผู้ใหส้ มั ภาษณค์ นท่ี 17 ประชาชนเข้าใจในกระบวนการดี มีการป้องกันที่เกิดเหตุก่อนเจ้าหน้าท่ี ตำรวจไปถึงท่ีเกิดเหตุ ให้ข้อมูลตามที่เกิดขึ้นจริงต่อเจ้าหน้าท่ีตำรวจ เพ่ือ เปน็ ประโยชน์ตอ่ กระบวนการยุติธรรม ผลการศึกษาจากตารางท่ี 4.3 สรุปได้ว่า สภาพปัญหาการชว่ ยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร ในด้านสอบสวน พบว่า การที่ประชาชนเข้ามาเป็นพยานในคดีกลวั จะมีปัญหา กับคู่กรณี จะเกิดความกลัวต่อความไม่ปลอดภัย กลัวต่อการที่จะไปเป็นพยานในศาล และผู้ให้ สมั ภาษณ์บางส่วนเห็นว่าประชาชนมคี วามรู้ทางด้านงานสอบสวนน้อยมาก เช่นการเข้าไปในสถานท่ี เกิดเหตุโดยการรู้เท่าไม่ถึงการ ทำให้เกิดปัญหากับการเก็บพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ค่าตอบแทนการเป็นพยานมคี ่าตอบแทนนอ้ ยมาก สภาพปัญหาการชว่ ยเหลอื งานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร สรปุ ไดด้ งั นี้ 1. สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านป้องกัน ปราบปราม ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า ประชาชนขาดความเช่ือมั่น ศรัทธา ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการขาดแคลนกำลังพลในการปฏิบัติหน้าท่ีงาน ด้านป้องกนั ปราบปราม 2. สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านสืบสวน ส่งผลตอ่ การปฏบิ ัติงานของเจ้าหนา้ ทีต่ ำรวจ พบว่า ประชาชนจะกลัวถึงความปลอดภยั ของตนเองเมื่อ ได้แจ้งข่าวให้กับเจ้าหน้าท่ีตำรวจกลัวจะไม่เป็นความลับ และยังขาดเครื่องมือทางด้านกล้องโทรทัศน์ วงจรปดิ ในการสืบหาตัวผูก้ ระทำความผิด และความไม่เขา้ ใจตอ่ พยานหลกั ฐานในการสืบสวน

85 3. สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้าน สอบสวน ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะกลัวว่า จะเกิด ความไม่ปลอดภัยกับตนเองในกรณีที่ตนเองเป็นเป็นพยานให้กับเจ้าหน้าท่ีตำรวจ กลัวคู่กรณีจะรู้ถึง กรณีที่ตนเองแจ้งข่าวให้เจ้าหน้าท่ีตำรวจทราบ และการที่ประชาชนไม่เข้าใจและการรู้เท่าไม่ถึงการ ของการเข้าไปในสถานท่ีเกิดเหตุ ทำให้หลักฐานในสถานท่ีเกิดเหตุเกิดความผิดพลาด คลาดเคล่ือน จากขอ้ เท็จจริง 1.2.2 วัตถุประสงค์ข้อท่ี 2 แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวดั ชมุ พร ควรเปน็ อย่างไร ตารางที่ 4.4 แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านการ ป้องกนั และปราบปราม ควรเป็นอย่างไร ผ้ใู หส้ มั ภาษณ์ ข้อคิดเหน็ ผู้ใหส้ มั ภาษณค์ นท่ี 1 แนวทางการช่วยเหลือในงานป้องกันและปราบปราม โดยการใช้เทคโนโลยี เข้ามาชว่ ยเหลอื โดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดกันทุกบา้ น หรือถึงแม้อาจจะไม่ ทุกด้านแต่ให้ครอบคลุมท้ังพื้นท่ี เมื่อเกิดเหตุเห็นได้หมด ก็จะได้ผลทั้งการ ป้องกันปราบปราม สืบสวน สอบสวน โดยผู้ช่วยเหลือไม่รู้สึกหวาดกลัว เพราะไมต่ ้องมาปรากฏตวั ผู้ให้สัมภาษณ์คนท่ี 2 แสวงหาแนวร่วมจากประชาชน โดยการเข้าถึงประชาชน เพ่ือให้ประชาชน เข้าใจการทำงานของตำรวจ โดยการประชาสัมพันธ์ และสร้างความศรัทธา เช่อื มน่ั ใหก้ บั ประชาชน ผใู้ ห้สมั ภาษณ์คนที่ 3 เปิดอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชน ผใู้ ห้สัมภาษณ์คนที่ 4 จดั ใหป้ ระชาชนเขา้ อบรม ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนที่ 5 สรา้ งเครือข่าย ความเชื่อม่นั ใหก้ บั ประชาชน ผใู้ ห้สัมภาษณ์คนท่ี 6 นำประชาชนเขา้ มาใหค้ วามรู้ อบรม ผู้ให้สัมภาษณค์ นท่ี 7 ขาดความเช่ือม่ัน ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนท่ี 8 ประชาชนเป็นหูเปน็ ตาใหต้ ำรวจ ตำรวจควรเกบ็ เปน็ ความลับ ผ้ใู หส้ มั ภาษณค์ นที่ 9 ช่วยติดตงั้ กลอ้ งวงจรปิดและเปิดไฟหน้าบา้ นในเวลากลางคนื ผู้ใหส้ มั ภาษณค์ นที่ 10 1.ควรมีกำลังประชาชนท่ีผ่านการอบรมเข้าปฏิบัติร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ 2.ควรมกี ารต้ังกลุม่ แจง้ ข่าวอาชญากรรม โดยมีสมาชิกครอบคลมุ ทุกพน้ื ท่ี 3.ควรขอรบั การสนับสนนุ ในการตดิ ต้ังกล้อง cctv. จากภาคประชาชน ผู้ให้สัมภาษณค์ นที่ 11 ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง และตามสภาพเวลา โอกาสที่เหมาะสม ทำตามหน้าท่ี อย่างเคร่งครัด ผ่อนหนัก-ผ่อนเบา ตามโอกาสและคดี ร้ายแรงตามความ เหมาะสม

86 ผใู้ ห้สัมภาษณค์ นท่ี 12 ใหค้ วามรว่ มมืออย่างดี ผู้ให้สมั ภาษณ์คนที่ 13 ติดตง้ั กลอ้ งวงจรปดิ ผู้ใหส้ มั ภาษณ์คนที่ 14 อบรมให้ความรู้เก่ียวกับการร่วมงานกับตำรวจ ผใู้ หส้ ัมภาษณ์คนท่ี 15 ร่วมออกตรวจกับเจา้ หนา้ ทตี่ ำรวจ ผใู้ ห้สมั ภาษณค์ นท่ี 16 ตดิ ตั้งกล้องวงจรปดิ ผใู้ หส้ มั ภาษณค์ นที่ 17 สรา้ งความเข้าใจให้กับประชาชนให้มีความรู้เก่ียวกับกฎหมายให้มากขึ้น ให้ มีความสัมพันธ์เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าท่ีตำรวจกับประชาชน เพ่ือไม่ให้มี ความวิตกต่อความร่วมมือ เชื่อว่าประชาชนยินดีให้ความช่วยเหลืออย่าง เตม็ ทีแ่ ละเตม็ ใจ ผลการศึกษาจากตารางที่ 4.4 สรุปได้ว่า แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชุมพร ด้านการป้องกันและปราบปราม พบว่า ควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการอบรม ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อที่จะให้ประชาชนได้ช่วยเหลืองานตำรวจได้ถูกต้อง ควรจัดให้มีการจัดต้ัง กลุ่มการแจ้งข่าวอาชญากรรมเพ่ือความสะดวกในการแจ้งข่าวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีท่ีมีเหตุ และผู้ให้สัมภาษณ์บางส่วนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ท่ีประชาชนมีต่อตำรวจเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการช่วยเหลืองานตำรวจ นอกจากน้ียังพบว่า จะช่วยติดต้ังกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพ่ือท่ีจะให้เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในด้านป้องกัน ปราบปราม ตารางที่ 4.5 แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านการ สบื สวน ควรเปน็ อยา่ งไร ผ้ใู หส้ ัมภาษณ์ ข้อคิดเหน็ ผ้ใู ห้สัมภาษณ์คนท่ี 1 แนวทางการช่วยเหลือในงานสืบสวน โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ โดยการติดต้ังกล้องวงจรปิดกันทุกบ้าน หรือถึงแม้อาจจะไม่ทุกด้านแต่ให้ ครอบคลุมท้ังพื้นที่ เม่ือเกิดเหตุเห็นได้หมด ก็จะได้ผลท้ังการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน สอบสวน โดยผู้ช่วยเหลือไมร่ สู้ ึกหวาดกลวั ผู้ใหส้ ัมภาษณค์ นที่ 2 การส่ือสารโดยการเข้าถึง เข้าใจ และให้ประชาชนเกิดความศรัทธาต่อ ตำรวจ เพอื่ ใหข้ อ้ มูลขา่ วสารตา่ งๆ ผา่ นทางส่ือหลายชอ่ งทาง ผูใ้ ห้สมั ภาษณค์ นท่ี 3 แนะนำการช่องทางต่างๆเกยี่ วการแจง้ ข่าว ผู้ให้สัมภาษณ์คนที่ 4 จัดการอบรมแจง้ ขา่ ว ผู้ให้สัมภาษณค์ นที่ 5 ให้ความคุ้มครองในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน อย่างเต็มที่จนเกิดความ มน่ั ใจ ผู้ให้สมั ภาษณ์คนที่ 6 อบรมการแจง้ ขา่ วตา่ งๆ ผู้ใหส้ มั ภาษณ์คนที่ 7 อยากจะชว่ ยแตก่ ็กงั วลเรอื่ งความปลอดภยั ผู้ให้สัมภาษณค์ นที่ 8 การปกปิดเป็นความลับเป็นหน้าที่ของตำรวจโดยเฉพาะการแจ้งเบาะแส เรอ่ื งยาเสพติด

87 ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนท่ี 9 แจง้ ข่าวใหเ้ จา้ หนา้ ทีต่ ำรวจทราบหากมีการกระทำความผดิ เกิดขึน้ ผใู้ หส้ มั ภาษณค์ นท่ี 10 ควรตดิ ตงั้ กล้องวงจรปดิ ผใู้ ห้สัมภาษณ์คนที่ 11 1.การเขา้ เป็นสมาชิกแจ้งเหตุอาชญากรรม และการแจ้งเหตุผ่านกลมุ่ 2.การให้การสนับสนุนในการติดตั้งกล้อง cctv. ในจุดที่มีความสำคัญเพื่อ ป้องคนการก่อเหตุร้าย ผใู้ ห้สัมภาษณค์ นท่ี 12 เป็นมิตรกับประชาชน มีมวลชนสัมพันธ์ และเป็นกันเองกับประชาชนที่เป็น มิตรเครอื ขา่ ยข่าว ผู้ใหส้ ัมภาษณ์คนท่ี 13 ใหข้ ่าวสารกับตำรวจ ผู้ให้สัมภาษณค์ นท่ี 14 อบรมการแจ้งขา่ วทางชอ่ งทางต่างๆ ผู้ให้สัมภาษณค์ นที่ 15 หากทราบถงึ การกระทำความผดิ ยนิ ดีให้ความรว่ มมอื กับตำรวจอยา่ งเตม็ ท่ี ผู้ให้สัมภาษณ์คนที่ 16 แจ้งเบาะแสใหก้ บั ตำรวจ เพอื่ ตำรวจจะไดท้ ำงานได้งา่ ย ผใู้ หส้ ัมภาษณค์ นที่ 17 เปดิ ชอ่ งทางใหป้ ระชาชนได้เข้าถงึ มากข้นึ ผ่านโครงการตา่ งๆ ผลการศึกษาจากตารางท่ี 4.5 สรุปได้ว่า แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านการสืบสวน พบว่า ควรเปิดการอบรมให้ความรู้กับประชาชนในการแจ้ง ข่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านงานสืบสวนและมีการจัดต้ังกลุ่มแจ้งข่าวสารในกรณีที่มีเหตุเกิดข้ึน สามารถท่ีจะแจ้งเบาะแสให้กับตำรวจได้ง่าย และผู้สัมภาษณ์บางส่วนเห็นว่าควรสนับสนุนติดตั้ง กล้องโทรทัศน์วงจรปิดให้ปกคลุมทุกพ้ืนท่ี เพ่ือสะดวกในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด และการสร้าง มวลชนสัมพนั ธ์เป็นกันเองกบั ประชาชน ตารางท่ี 4.6 แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านการ สอบสวน ควรเป็นอยา่ งไร ผู้ให้สัมภาษณ์ ขอ้ คิดเหน็ ผู้ให้สัมภาษณค์ นที่ 1 แนวทางการช่วยเหลือในงานสอบสวน โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาชว่ ยเหลือ โดยการติดต้ังกล้องวงจรปิดกันทุกบ้าน หรือถึงแม้อาจจะไม่ทุกด้านแต่ให้ ครอบคลุมท้ังพื้นที่ เมื่อเกิดเหตุเห็นได้หมด ก็จะได้ผลท้ังการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน สอบสวน โดยผู้ช่วยเหลือไม่รู้สึกหวาดกลัว เพราะไม่ ต้องมาปรากฎตัว ผใู้ ห้สัมภาษณค์ นท่ี 2 ให้ประชาชนเข้าใจถึงกระบวนการยุติธรรมว่าตำรวจเป็นต้นธารแห่งความ ยุตธิ รรม หาให้แนวทางทถี่ กู ต้องจะเกดิ ความยตุ ธิ รรมต่อการดำเนินคดี ผู้ให้สัมภาษณค์ นที่ 3 ใหค้ วามรูก้ ับประชาชนเพอ่ื ทจี่ ะใหค้ วามรว่ มมอื กบั ตำรวจ ผใู้ หส้ ัมภาษณ์คนที่ 4 จัดใหค้ วามรู้ความเข้าใจ ผใู้ หส้ มั ภาษณค์ นท่ี 5 ลดข้นั ตอนความยุ่งยาก ตอบแทนคา่ เสยี เวลาให้ประชาชนผทู้ ่เี ข้า กระบวนการสอบ ผใู้ หส้ ัมภาษณ์คนที่ 6 ให้ความรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกบั เรือ่ งพยานหลกั ฐานกับประชาชน ผใู้ ห้สมั ภาษณ์คนที่ 7 บอกความเปน็ จริงท่พี บเห็นกบั ตำรวจ

88 ผใู้ ห้สมั ภาษณ์คนท่ี 8 ใหค้ วามร่วมมอื ระดับหนึ่งเพอ่ื ใหเ้ ปน็ หลักฐานนำผกู้ ระทำความผดิ มาลงโทษ ผใู้ ห้สัมภาษณค์ นที่ 9 มคี วามเต็มใจ รว่ มมือกบั พนกั งานสอบสวน หากตอ้ งการใหช้ ว่ ยเหลอื ผ้ใู หส้ ัมภาษณ์คนท่ี 10 เปน็ พยานหากประสบเหตุอย่ใู นที่เกิดเหตุ ผใู้ หส้ มั ภาษณ์คนที่ 11 1.ชว่ ยรกั ษาสถานทเี่ กดิ เหตุในคดี 2.ชว่ ยให้ขอ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ งตามความเป็นจริงแก่เจา้ หนา้ ที่ 3.การช่วยเป็นพยานในคดเี ม่อื อย่ใู นเหตกุ ารณ์ ผู้ให้สัมภาษณ์คนที่ 12 ใหข้ ้อมูลตรงตามทรี่ ู้เห็น และเขา้ ใจเท่าที่ประชาชน มสี ทิ ธิ์และเข้าใจ ผู้ใหส้ ัมภาษณค์ นท่ี 13 ใหค้ วามสะดวกกับเจ้าหนา้ ทตี่ ำรวจ เมือ่ ขอความช่วยเหลือ ผู้ให้สัมภาษณ์คนที่ 14 ป้องกันสถานท่เี กดิ เหตกุ ่อนพนักงานสอบสวนจะมาถงึ ทเี่ กิดเหตุ ผใู้ หส้ ัมภาษณค์ นท่ี 15 ให้ความร่วมมือกับพนักกงานสออบสวนหากทราบถึงเหตุแห่งการกระทำ ความผิด ผใู้ หส้ ัมภาษณค์ นท่ี 16 เปน็ พยานตามความเปน็ จริง ผ้ใู ห้สมั ภาษณ์คนท่ี 17 จัดโครงการต่างๆให้ประชาชนเข้าใจระบบการทำงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อ การสอบสวน ผลการศึกษาจากตารางที่ 4.6 สรุปได้ว่า แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านการสอบสวน พบว่า การจัดทำโครงการอบรมให้ความรู้กับประชาชน เพ่ือให้เข้าใจในงานสอบสวนว่าประชาชนควรจะปฏิบัติอย่างไร การให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจในสิ่งท่ีตนรู้เห็นจากที่เกิดเหตุตามความเป็นจริง และผู้สัมภาษณ์บางส่วนเห็นว่าควรรักษา สถานทเี่ กดิ เหตใุ หก้ ับเจา้ หนา้ ท่ีตำรวจหรอื พนกั งานสอบสวนก่อนทเี่ จา้ หน้าที่ตำรวจจะไปถึงทเี่ กดิ เหตุ แนวทางการชว่ ยเหลอื งานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชุมพร สรุปได้ ดงั น้ี 1. แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านป้องกัน ปราบปราม พบว่า ควรจัดให้ความรู้กับประชาชนเพื่อท่ีจะให้ประชาชนได้ช่วยเหลืองานตำรวจ และ การจัดให้มกี ารจดั ตั้งกลุ่มไลน์เพือ่ ใช้เป็นประโยชน์และเกิดความสะดวกในการแจง้ ข่าวให้กับเจ้าหนา้ ท่ี ตำรวจในกรณีท่ีมีเหตุ และควรจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดให้มีการประชาสัมพันธ์เพ่ือสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ท่ีประชาชนมีต่อตำรวจเพ่ือให้เกิดความม่ันใจในการช่วยเหลืองานตำรวจ และการช่วยเหลือ ของประชาชนในการติดตงั้ กล้องโทรทัศนว์ งจรปิดเพ่ือทีจ่ ะให้เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าทีต่ ำรวจในดา้ น ปอ้ งกันปราบปราม 2. แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านสืบสวน พบว่า ควรเปิดให้มีการอบรมเพ่ือท่ีจะให้ประชาชนมีความรู้ในด้านงานสืบสวน ควรมีการจัดตั้งกลุ่ม ไลน์ต่างๆเพื่อให้ประชาชนสามารถที่จะแจ้งข่าวได้สะดวก หากมีเหตุอาชญากรรมเกิดข้ึน และการ ตดิ ตั้งกล้องโทรทศั น์วงจรปิดใหป้ กคลุมทกุ พืน้ ที่ 3. แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านสอบสวน ยังพบว่าควรจัดให้มีการอบรมให้ความรู้กับประชาชนเพ่ือให้ประชาชนได้เข้าใจงานสอบสวน การมา

89 เป็นพยานให้กับพนักงานสอบเพ่ือท่ีจะสอบสวนให้ได้ตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และการรักษา สถานทเ่ี หตใุ ห้เหมอื นเดิมก่อนทเ่ี จา้ หนา้ ทต่ี ำรวจหรือพนักงานสอบจะไปถงึ ทเ่ี กดิ เหตุ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ ต้องการให้เจ้าหน้าท่ีตำรวจจดั ต้ังตู้แสดงความ คิดเห็นของประชาชนตามสถานที่ที่ประชาชนไปใช้บริการ และควรจัดให้เจ้าหน้าท่ีตำรวจไปดูแลตาม สถานท่ีสำคัญของพื้นที่ เช่น สถานีรถไฟ วัด โรงเรียน และสถานบันเทิง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับ ประชาชนที่เข้าไปใช้บริการให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ควรให้มีการยืดหยุ่นในการ บังคับใชก้ ฎหมาย

90 บทท่ี 5 สรปุ ผลการวิจยั อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ การวิจัยเรื่อง แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร มี วัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาเพ่ือศึกษาสภาพปัญหา และให้ข้อเสนอแนะแนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจ ของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร โดยการศึกษาครั้งน้ีเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ ใช้การ สัมภาษณ์เชิงลึก ซึ่งหัวข้อท่ีใช้สัมภาษณ์เป็นหัวข้อเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของ ประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชมุ พร จากการดำเนนิ การดังกล่าวสรุปผลหวั ขอ้ ได้ ดังนี้ 5.1. สรุปผลการวจิ ัย 5.2. อภิปรายผล 5.3. ข้อเสนอแนะ 5.1. สรุปผลการวจิ ัย จากการวิจยั เร่ืองแนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร แบ่ง ออกเป็น 2 ขอ้ ซ่งึ สามารถสรปุ ผลการวจิ ัยได้ดงั น้ี 5.1.1 เพ่ือศึกษาสภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัด ชุมพร 5.1.1.1 สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชุมพร ดา้ น ป้องกันปราบปราม ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า เกิดจากประชาชน ขาดความเชือ่ มน่ั ศรัทธาในการปฏบิ ัติงานของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ และการขาดแคลนเจ้าหนา้ ทต่ี ำรวจใน การปฏิบัติงาน ซ่ึงปัญหาเหล่านเี้ ปน็ ปญั หาทส่ี ่งั สมมานาน ไม่มกี ารแกไ้ ข 5.1.1.2 สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวดั ชุมพร ดา้ น สืบสวน ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ พบว่า ประชาชนเกิดความกลัวเม่ือเข้า มาชว่ ยเหลอื งานตำรวจ กลวั ถึงความปลอดภัยหากการแจ้งข่าวให้เจ้าหน้าทตี่ ำรวจทราบ กลัวความลับ ถูกเปิดเผย อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและร่างกายของผู้ที่ให้ข่าวกับเจ้าหน้าท่ีตำรวจ และยังขาด อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งเป็นเคร่ืองมือในการสืบสวน หาข่าวกรณีมีเหตุร้าย เกดิ ข้นึ อีกท้งั ประชาชนไม่เข้าใจถงึ พยาน หลกั ฐาน ในการสืบสวน 5.1.1.3 สภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร ดา้ น สอบสวน ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ พบว่า ประชาชนจะเกิดความกลัว ไม่ มั่นใจ หากตนเองจะต้องมาเป็นพยานให้กับเจ้าหน้าท่ีตำรวจเพ่ือจะจับกุมผู้กระทำความผิด หรือเพื่อ จะนำตัวผู้กระทำความผิดส่งฟ้องต่อศาล หากคู่กรณีรู้ก็กลัวเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและร่างกาย ของตนเอง และการทป่ี ระชาชนไม่รู้ถงึ วธิ กี ารเกบ็ พยาน หลักฐาน จากท่ีเกิดเหตุ โดยสรปุ แล้ว สภาพปัญหาการช่วยเหลอื งานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จงั หวัดชุมพร พบปญั หา จากการที่เจา้ หนา้ ทตี่ ำรวจปฏบิ ตั ติ วั ให้ประชาชนไมเ่ กิดความศรทั ธา เชือ่ ม่นั การขาดแคลน

91 กำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนไม่มีความรู้ในด้านจะช่วยเหลืองานเจ้าหน้าท่ีตำรวจ และเกิด ความหวาดกลัว ความไมป่ ลอดภยั ในชวี ติ และร่างกาย 5.1.2 เพื่อนำเสนอแนะแนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัด ชุมพร ผลการศกึ ษาสรปุ ได้ดังนี้ 5.1.2.1 แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้าน ป้องกันปราบปราม การจัดประชาชนมีความรู้ มีทักษะ ในการเข้ามาช่วยเหลืองานตำรวจ มีการ ประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อม่ัน จัดตั้งกลุ่มไลน์ ช่องทางการแจ้งข่าวให้กับประชาชน เม่ือมีเหตุเจ้า หน้าตำรวจสามารถไปท่ีเกิดเหตุได้ทันที ทำให้ประชาชนมีความอบอุ่น เป็นสุข รู้สึกถึงความปลอดภัย และจัดตั้งงบประมาณในการติดต้ังกล้องวงจรปิด เพ่ือความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่หากกรณีเกิด เหตุ สามารถเปิดดูกล้องโทรทัศน์วงจรปิดได้ คนร้ายหรือผู้ก่อเหตุก็เกิดความเกรงกลัวท่ีจะถูกจับกุม จึงไม่กล้าท่จี ะก่อเหตุ 5.1.2.2 แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้าน สืบสวน การจัดให้ประชาชนมีความรู้ เข้ามาอบรมงานด้านการแจ้งข่าวงานสืบสวน และความสำคัญ ของการตดิ ตงั้ กลอ้ งโทรทศั น์วงจรปดิ เพอื่ การสืบจบั คนรา้ ยทก่ี ่อเหตไุ ดท้ นั ที 5.1.2.3 แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้าน สอบสวน ควรจัดให้ประชาชนเข้ามาอบรมเพ่ือนำความรู้ไปช่วยเหลืองานตำรวจด้านงานสอบสวน เชน่ การักษาสถานที่เกิด การแจ้งขอ้ มูลของคนร้าย และการสรา้ งจติ สำนึกที่ดีต่อการใหก้ ารเป็นพยาน ตามความเปน็ จรงิ ทพ่ี บเหน็ โดยสรุปแล้ว แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร มุ่งเน้นถึงการอบรมประชาชนให้มีความรู้ มีทักษะ ในทุกๆด้าน เพื่อที่ประชาชนจะได้นำความรู้ท่ีได้ จากการอบรม มาช่วยเหลืองานตำรวจ เชน่ การแจง้ ข่าว การรักษาสถานที่เกิดเหตุ และการเปน็ พยาน ให้เจ้าหนา้ ท่ตี ำรวจเพือ่ ทจ่ี ะกมุ ผกู้ ระทำความผดิ และสามารถนำตัวผู้กระทำความผดิ สง่ ฟ้องตอ่ ศาลได้ 5.2 การอภิปรายผล แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ตามวัตถปุ ระสงค์ของ การวิจัยที่ต้องการศึกษาสภาพปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชนและแนวทางการ ชว่ ยเหลืองานตำรวจของประชาชน ซงึ่ จากการวจิ ยั พบและสามารถนำมาอภปิ รายได้ดนี้ 5.2.1 ผลการวจิ ัย พบปัญหาการช่วยเหลืองานตำรวจชองประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ดา้ นการปอ้ งกนั ปราบปราม พบว่า ประชาชนขาดความเชอื่ ม่ัน ศรัทธา ในการปฏิงานของเจา้ หนา้ ท่ี ตำรวจ ซึ่งเป็นไปตามงานวิจัยของชนณรงค์ วันชา (2560,น.222-223) พบว่า การให้ประชาชนมีส่วน ร่วม เป็นองค์ประกอบท่ีสำคัญอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาประสิทธภิ าพของต้ยู ามตำรวจชุมชน (โค บัง) น้ันเป็นการให้บริการประชาชน ซ่ึงการให้บริการกับประชาชนเป็นท่ีพอใจ ถูกใจประชาชน ผล แห่งความพึงพอใจของประชาชนจึงปรากฎเป็นเชิงบวก ตรงกันข้ามกับตำรวจที่ใช้อำนาจ กดข่ีข่มเหง ราษฎร เอาเปรียบหรือสร้างพฤตกิ รรมท่ไี มเ่ หมาะสมให้ปรากฏต่อสายตาประชาชน ผลท่ีปรากฏมาใน

92 เชิงลบ คือ ประชาชนไม่ชอบ ไม่พอใจ ในการปฏิบัติงานของตำรวจ ฉะน้ัน หากจะให้ประชาชนพึง พอใจในการปฏิบัติงาน ตำรวจต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงพฤติกรรมในการมีส่วนที่จะเข้าร่วมใจ ปฏิบัติงานที่ดีร่วมกับตำรวจทุกคน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงจะเป็นที่พึงของประชาชนได้ และยัง สอดคลอ้ งกบั งานวิจัยของ นิษฐนญั ญ์ เทพสุข (2562,น.175-176) ผลการวิจัย พบว่า ความเชอ่ื มน่ั ใน การปฏิบัติหน้าท่ีของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา พบว่า กลุ่มคนเปราะบางทางสังคม ในกรุงเทพมหานครท่ีไม่เช่ือม่ันในการปฏิบัติงานของบุคลากรในภาพรวม ร้อยละ 30.4 ของกลุ่ม ตัวอยา่ งท้ังหมด สำหรับผ้ทู ่ีเชอ่ื มัน่ จะมีความเชอ่ื มน่ั ในระดบั ปานกลาง เม่ือพิจารณารายละเอยี ดความ เชื่อม่ันในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรแต่ละประเภท พบว่า ตำรวจหรือพนักงานสืบสวน สอบสวน กลุ่มคนเปราะบางทางสังคมท่ีไม่เช่ือมั่นในการปฏิบัติหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสืบสวน สอบสวนมากท่ีสุด ร้อยละ 16.9 โดยส่วนใหญ่จะไม่เช่ือว่าเจ้าหน้าท่ีตำรวจหรือพนักงานสืบสวน สอบสวนจะแจง้ เตือนภัยอาชญากรรมและปอ้ งกันภัยอาชญากรรมใหป้ ระชาชนและไม่เชอ่ื ว่าจะปฏิบตั ิ ตามกรอบอำนาจหน้าท่ี และกฎหมายในการจับกุม ตรวจค้น ยึดและการขังอย่างเคร่งครัด ส่วนผู้ที่ เช่ือม่ันจะเช่ือม่นั ในระดับน้อย ส่วนในด้านการขาดแคลนกำลงั พล จะสอดคล้องกับงานวิจัยของกอ้ งปิ ติ อ่อนมาก (2563,น.428) พบว่า กำลังพลของข้าราชการตำรวจที่ขาดแคลน ดังนั้น จึงควรจัดหา กำลงั พลมาปฏิบัติหนา้ ท่ี โดยเฉพาะกำลงั พลช้ันประทวนเป็นหลัก ควรใชห้ ลักการบริหารจัดการกำลัง พลเทา่ ท่ีมอี ย่ใู ห้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสบั เปลย่ี นหมุ่นเวียนข้าราชการตำรวจท่ปี ฏิบัติหนา้ ทสี่ ายอ่ืน มาช่วยเสริมงานด้านการป้องกันปราบปราม มีการวิเคราะห์อาชญากรรมและสภาพพื้นท่ีเพื่อปรับ กำลังพลให้สอดคล้องกัน วิเคราะห์อัตรากำลังพลเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงการ แสวงหาความร่วมมือจากประชาชน และหน่วยงานต่าง ๆ เพ่ือให้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน อาชญากรรม ทเ่ี ป็นเชน่ นี้เพราะ ประชาชนเช่อื ว่าตำรวจไม่สามารถเป็นที่พึงได้อย่างแท้จริง เชอื่ ว่าตำรวจไม่ จริงใจ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าท่ีของตำรวจน้ัน จะต้องพบเจอกับประชาชนตลอดเวลา และการ ทำงานของตำรวจนั้นจะต้องปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย ทำให้การปฏิบัติงานมีผลกระทบกับ ประชาชน ประชาชนที่ถูกจับกุมหรือถูกดำเนินคดีจะไม่พอใจการทำงานของตำรวจ อาจจะมองว่า ตำรวจเลือกปฏิบัติ ไม่ให้ความเป็นธรรม ในส่วนด้านกำลังพลไม่เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการ ป้องกันและปราบปามในอำเภอสวี จังหวัดชุมพร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าท่ีตำรวจท่ีมีตำแหน่งปฏิบัติ หน้าท่ีในสถานีตำรวจภูธรสวี ไปช่วยราชการยังสังกัดอน่ื และยังขาดการจัดสรรกำลังพลจากรัฐไม่ครบ กับตำแหน่งที่บรรจุไว้ ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจป้องกันปราบปรามต้องหมุนเวียนปฏิบัติ หนา้ ท่หี ลายหน้าที่ ทำใหก้ ารปฏบิ ัติงานไม่สมั ฤทธิผ์ ลเทา่ ท่ีควร สง่ ผลให้ผู้ปฏิบตั เิ กิดความเบอื่ หน่าย 5.2.2 ผลการวิจัย พบปัญหาแนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจชองประชาชน อำเภอสวี จังหวัด ชมุ พร ด้านสืบสวน พบว่า ประชาชนเกิดความกลวั เมือ่ เขา้ มาช่วยเหลืองานตำรวจ กลัวถึงภยั อนั ตราย ที่จะเกิดกับตนเอง เนื่องจากบุคคลที่ถูกจับกุม บุคคลท่ีกระทำความผิด อาชญากร อาจมีความโกรธ แค้น ตามแนวอาญากรรมและทฤษฎีการป้องกันอาชญากรรม ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล

93 (2532, น. 12-13) กลา่ ววา่ อาชญากรรมเปน็ ภัยร้ายแรงของทกุ สังคม ซึง่ ก่อใหเ้ กิดความเสยี หายทัง้ ใน สวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและในด้านความสงบเรียบร้อยของ สังคม โดยส่วนรวม ความเสียหายและสูญเสียอันเกิดจากอาชญากรรมในด้านเศรษฐกิจและสังคมมี มูลค่ามากมายมหาศาล ในแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บล้มตายเน่ืองจากอาชญากรรมเป็นจำนวนมาก ท้ัง ผู้เคราะห์ร้าย ที่ตกเป็นเหยื่อถูกทำร้ายบาดเจ็บ ถูกฆ่าตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปราบปรามและตัว อาชญากรผู้กระทำความผิดเอง นอกจากน้ีทรัพย์สินท่ีสูญหายไปก็มีจำนวนมากและมีมูลค่ามหาศาล รัฐบาลของทุกประเทศได้ทุ่มเทงบประมาณจำนวนมากในการที่จะป้องกันและปราบปรามหรือระงับ ยับยั้งการก่ออาชญากรรมทุกรูปแบบเพ่ือความสงบสุขของประชาชนพลเมืองในประเทศ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีโครงการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และประชาชนสามารถช่วยเหลืองานตำรวจได้ โดยสามารถแจ้งเหตุผ่านโทรศัพท์ เจ้าหน้าท่ีตำรวจ สามารถรู้พิกัดท่ีแน่นอน รวดเร็ว Police i lert u แอปแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านสมาร์ทโฟน ขอความ ช่วยเหลือจากตำรวจได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง และยังพบว่าปัญหาในการช่วยเหลืองานตำรวจยังขาด อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ กล้องโทรทศั นว์ งจรปิด ในการเข้าชว่ ยเหลอื ในการสืบสวนหาตวั ผู้กระทำผิด ซ่ึงตรง กับงานวัจัยชอง มรุตพงศ์ วิเชียรศรี และ ศศิภัทรา ศิริวาโท (2563, น.939-940) เรื่องการใช้กล้อง วงจรปิด ผลการศึกษาพบว่า ในบริเวณพ้ืนท่ีจังหวัดนนทบุรีสภาพสังคมโดยรวมของพื้นท่ีข้างเคียงมี ลักษณะเป็นสังคมเมืองที่คล้ายกันรอยต่อระหว่างพื้นท่ีมีสภาพแวดล้อมที่เหมือนกันเศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรมของพ้ืนที่ใกล้เคียงมีลักษณะคลา้ ยกัน ส่วนใหญ่เป็นหมู่บ้านจัดสรรและเปน็ บา้ นพักของ กลุ่มคนที่ทำงานในตัวเมืองออกจากบ้านเรือนในตอนเช้าและกลับมาในช่วงเย็นหรือค่ำ ตามสภาพ การจราจร ช่วงกลางวนั เป็นช่วงท่ีบ้านพักมีคนอาศัยอยู่น้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานออกไป ทำงานวันช่วงเวลากลางวันรวมไปถึงในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ท่ีไม่ค่อยมีคนพักอาศัยอยู่ในบ้านพัก ส่งผลให้เกิดความเส่ียงที่จะเกิดเหตุอาชญากรรมได้ง่ายเม่ือสถานการณ์และรูปแบบวิถีิชีวิตของคนใน สังคมเร่ิมเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมได้ง่ายโดยเฉพาะอย่างย่ิง การกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพย์ในพ้ืนท่ีจังหวัดนนทบุรีมีจำนวนมาก ดังน้ัน สถานการณ์การเกิดอาชญากรรมในพื้นท่ี จังหวัดนนทบุรีส่งผลให้การติดตั้งกล้องวงจรปิดกลายเป็นท่ีนิยมในปัจจุบัน ท้ังในภาครัฐและ ภาคเอกชน เพื่อเป็นการป้องกันและลดเหตุอาชญากรรมอันอาจจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและ ทรัพย์สิน และการติดต้ังกล้องวงจรปิดยังส่งผลให้การตัดสินใจก่อเหตุอาชญากรรมของผู้กระทำ ความผดิ เกดิ ความยบั ยงั ช่ังใจอันเป็นเหตุใหก้ ารกอ่ เหตอุ าชญากรรมลดลง ท่เี ปน็ เช่นน้ีเพราะ ปัญหาที่ประชาชนกลวั ท่ีจะเกิดภัยอนั ตรายกับตนเอง เมื่อเขา้ มาช่วยเหลือ งานตำรวจในอำเภอสวี จังหวัดชุมพร เนือ่ งจากงานของตำรวจนั้น เปน็ งานท่ที ำใหส้ ิทธิ เสรีภาพ ของผู้ ถูกจับกุมน้ันต้องสูญเสียไป ทำให้ผู้ที่ถูกจับกุมมีความแค้น พยาบาทกับประชาชนที่แจ้งหรือเข้ามา ช่วยเหลืองานตำรวจ เน่ืองจากความลับที่ประชาชนแจ้งให้กับเจ้าหน้าท่ีตำรวจไม่เป็นความลับ ผู้ถูก จับกุมรู้ จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลืองานตำรวจจริง ๆ มีน้อยมาก ในส่วนเร่ืองการขาดแคลน งบประมาณในการจัดซื้อ อุปกรณ์ กล้องวงจรปิด ไว้ปฏิบัติหน้าท่ี เป็นหน้าที่ของรัฐบาลท่ีจะต้อง

94 จดั สรรงบประมาณให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไดม้ ีอุปกรณ์ กล้องวงจรปิด เพ่ือความสะดวกในการปฏิบัติ หนา้ ทแ่ี ละเกิดประโยชนส์ ูงสุดกบั ประชาชน 5.2.3 ผลการวิจัย พบปัญหาแนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจชองประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ด้านสอบสวน พบว่า ประชาชนจะกลัวถึงคู่กรณีหากตนเองต้องมาเป็นพยานให้กับ พนักงานสอบสวน ซ่ึงสอดคล้องกับ อเนก อะนันทวรรณ, (2544,น.68) ในส่วนของสำนักงานตำรวจ แห่งชาติได้วางระเบียบ การปฏิบัติของพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองพยานและการ ปอ้ งกนั พยานสำคญั ในคดีอาญาไว้ โดยแบ่งออกเปน็ 2 กรณี คือ 1. การคุ้มครองพยาน ไดก้ ำหนดแนวทางปฏบิ ัตใิ ห้ พนักงานสอบสวนจดตำบลสถานท่ีอยแู่ ละ ท่ีพักอาศัยของ พยานไว้ให้ชัดเจน และต้องออกไปสอดส่องเย่ียมเยียน พยานอยู่เสมอให้สามารถส่ง หมายและติดตามตัวไปเบิก ความต่อศาลได้ หากเห็นว่าพยานจะบิดพล้ิวไม่ไปเบิกความ พนักงาน สอบสวนจะต้องรายงานผู้บังคับบัญชาเพ่ือพิจารณาส่ังการและถ้าพยานคนใดยากจนขัดสนก็ให้แจ้ง พนักงาน อยั การเพือ่ ขอเบิกเงนิ คา่ พาหนะและเบ้ยี เล้ยี ง 2. การป้องกันพยาน กรณีท่ีเป็นพยานสำคัญในคดี และไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งหรือมีเหตุน่า เชื่อว่าจะเกิดอันตรายกอ่ นที่พยานจะไปเบิกความหรอื มีการดำเนินการ จะให้พยานหลบหนี พนักงาน สอบสวนจะต้องรายงานช้ีแจง เหตุผลขอเบ้ียเล้ียงเพ่ือจัดหาสถานที่พักอาศยั ชั่วคราวให้พยาน ถ้าเป็น กรณฟี ้องคดตี อ่ ศาลแล้ว กใ็ หแ้ จ้งเหตใุ ห้พนักงานอยั การทราบเพ่ือขอสืบพยานปากนัน้ โดยเรว็ ในส่วนท่ีประชาชนไม่เข้าใจถึงพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ในการเก็บพยาหลักฐาน ด้านงาน สอบสวนท่ีมีความสำคัญอย่างมากคือ การเก็บพยานหลักฐาน การรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเป็น หัวใจหลักของงานสอบสวนเพ่ือที่จำเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษสอดคล้องกับ ความสำคัญใน การเก็บพยานหลักฐานตามคำนิยามของพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 กลา่ วว่า พยาน หมายถึงพยานหลักฐาน คือ พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคล ตลอดจน หลักฐาน ต่าง ๆ ซ่ึงอาจจะเป็นเครือ่ งพิสูจน์การกระทำผิดได้ จากความหมายต่างๆ พยานหลักฐานจึง หมายถึง สิ่งที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวอ้าง ในการดำเนินคดีไม่ว่าจะในคดีแพ่งหรือ คดีอาญา ส่วนมากแล้วจะมีคู่ความสองฝ่าย คอื โจทก์และจำเลยท้ังสองฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างหรือข้อแก้กล่าวหาของตน ข้อเท็จจริงเหล่านี้ย่อมตรงกันหรือขัดแย้งกัน ดงั น้ัน คู่ความแต่ละฝ่ายจึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาทางพิสูจน์ขอ้ กล่าวอ้างของตนให้ศาลเชื่อ โดยนำ พยานหลักฐานมาแสดงยืนยันข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างๆได้แก่ บุคคลผู้รู้เห็นพฤติกรรมในการ กระทำผิด เอกสารต่างๆที่ได้กระทำข้ึนโดยชอบหรือมิชอบด้วยกฎหมาย และวัตถุต่างๆท่ีคนร้ายได้ใช้ เป็นเคร่ืองมือในการกระทำความผิด ซ่ึงผลการตรวจในสถานท่ีเกิดเหตุ พยานหลักฐานในการสืบสวน คดีอาญาจึงเป็นเครื่องมือการพิสูจน์การกระทำความผิดของคนร้ายเพ่ือให้ศาลพิจารณาตัดสินช้ีขาด ตามพยานหลักฐานท่เี จ้าหน้าทีน่ ำแสดงต่อศาล ความสำคญั ของพยานหลักฐานจึงอยู่ทกี่ ารยอมรับของ

95 ศาล หากศาลรับฟังไว้พิจารณาก็ถือว่าพยานมีน้ำหนักรับฟังได้ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการพิจารณาของ ศาลในการลงโทษผกู้ ระทำผิด ท่ีเป็นเช่นนี้เพราะ การที่ประชาชนกลัวจากการที่จะนำตนเองเข้ามาผูกพันกับคู่กรณีในฐานะ พยาน ประชาชนมองว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนอกจากถูกเกลียดชังจากผู้กระทำผิด รวมถึงหญาติ พี่น้องของผู้กระทำผิด น่าจะมีนโยบายของรัฐในการตอบแทนบุคคลท่ีจะมาเป็นพยาน โดยให้ ค่าตอบแทนท่ีสูงพอสมควร ส่วนท่ีเกิดเหตุ เมื่อเกิดเหตุ ประชาชนส่วนมากด้วยความอยากรู้ อยาก เหน็ โดยไมค่ ำนึงถงึ พยานหลักฐานในสถานท่เี หตุ ทำใหก้ ารเกบ็ หลักฐานในสถานท่เี กดิ เหตุไมส่ มบรู ณ์ 5.2.4 ผลการวิจัยประเด็นแนวทางการชว่ ยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัด พร ด้านป้องกันปราบปราม พบว่า ควรจัดการอบรมในภาคประชาชน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ มี ทักษะ เพ่ือนำความรู้ทีอ่ บรม มาชว่ ยเหลืองานตำรวจ ซ่ึงสอดคล้องกบั แนวคิดของ สุนนั ทา เลาหนันท์ ( 2542,น.5 ) การดำเนินการเก่ียวกับบุคลากร (Staffing) หมายถึงกระบวนการตัดสินใจ และการ ปฏิบัติการท่ีเกี่ยวข้องกับบุคลากรทุกระดับในหน่วยงาน เพื่อให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธภิ าพ สูงสุดที่จะสง่ ผลสำเร็จตอ่ เป้าหมายขององค์การ กระบวนการที่เกีย่ วขอ้ ง ได้แก่ การวางแผนทรัพยากร มนุษย์ การวิเคราะห์งาน การสรรหา การคักเลือก การฝึกอบรม และการพัฒนา การประเมินผลการ ปฏิบัติงาน การจ่ายค่าตอบแทน สวัสดิการ และผลประโยชน์เก้ือกูล สุขภาพ และความปลอดภัย พนักงานและแรงงานสัมพันธ์ การพัฒนาองค์การตลอดจนการวิจัยด้านทรัพยากรมนุษย์ ยังพบว่า หน่วยงานของตำรวจจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่น มีความสอดคล้องกับงานวิจัย ของพิชญะ เขียวเปลื้อง (2558,น.49) พบว่า การศึกษาทัศนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ จราจรท้ัง 3 ด้าน อยู่ในระดับมาก โดยทัศนะต่อการปฏบิ ัติหนา้ ท่ีของเจ้าหนา้ ที่ ตำรวจจราจรด้านการ ปฏิบัติหน้าท่ีอำนวยความสะดวกมีระดับมากที่สุด รองลงมาในระดับมาก ได้แก่ ด้านการบังคับใช้ กฎหมาย และด้านการจดั การและควบคุมระบบการจราจรตามลำดับจัดต้ังกลุ่มไลน์ ช่องทางการแจ้ง ข่าวให้กับประชาชน เม่ือมีเหตุเจ้าหน้าตำรวจสามารถไปที่เกิดเหตุได้ทันที ทำให้ประชาชนมีความ อบอุ่น เป็นสุข รู้สึกถงึ ความปลอดภัย มีความเก่ียวขอ้ งกบั (การบริหารราชการแบบมีสว่ นร่วม, 2553) คือการให้ข้อมูลข่าวสาร (Inform) ถือเป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนในระดับต่ำที่สุด แต่เป็นระดับ ทีส่ ำคัญทสี่ ดุ เพราะเปน็ กา้ วแรกของการที่ภาครัฐจะเปิดโอกาสให้ประชาชน เขา้ ส่กู ระบวนการ มีส่วน ร่วมในเร่ืองต่าง ๆ วิธีการให้ข้อมลู สามารถใช้ช่องทางต่าง ๆ เช่น เอกสาร ส่ิงพมิ พ์ การเผยแพรข่ ้อมูล ข่าวสารผ่านทางสื่อต่าง ๆ การจัดนิทรรศการ จดหมายข่าว การจัดงาน แถลงข่าว การติดประกาศ และการให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ และจัดตั้งงบประมาณในการติดต้ังกล้องวงจรปิด เพ่ือความสะดวกใน การปฏิบัติหน้าหากกรณีเกิดเหตุ สามารถเปิดดูกล้องโทรทัศน์วงจรปิดได้ คนร้ายหรือผู้ก่อเหตุก็เกิด ความเกรงกลัวท่ีจะถูกจับกุม จึงไม่กล้าท่ีจะก่อเหตุ ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ ประพัทธ์ แกลงกระ โทก (2559,น.226) พบว่า ด้านงบประมาณด้านวัสดุอุปกรณ์ และด้านการจัดการกับ การปฏิบัติงาน ด้านการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าทตี่ ำรวจ ในสังกดั ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา มีความสัมพันธ์ กันเพียง 3 ด้าน คือ ด้านบุคลากร ด้านวัสดุอุปกรณ์ และด้านการจัดการ และปัจจัยด้านกฎหมายกับ

96 การปฏิบตั งิ านด้านการปราบปราม ยาเสพตดิ ของเจ้าหนา้ ท่ีตำรวจในสงั กดั ตำรวจภธู รจังหวดั สงขลา มี ความสัมพันธ์กันโดยผู้บังคับบัญชาได้ความสำคัญในการสร้างขวัญกำลังใจ แรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่ ตำรวจผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปราม ยาเสพติดในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และสนับสนุน งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ท่ีจำเป็นในการปฏิบัติงาน จัดให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจได้รับการฝึกอบรมและ พฒั นาตนเองอยู่ตลอดเพื่อใหท้ นั ต่อสถานการณ์ แต่เจา้ หน้าทตี่ ำรวจต้องรับผิดชอบงานหลายด้าน ทำ ให้การปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดไม่ดีเท่าท่ีควร สถานท่ีเป็นอีกปัจจัยหน่ึงท่ีมีผลต่อการ ปฏิบัติงานด้านการ ปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าท่ีเนื่องจากในบางพ้ืนที่เป็นที่ สถานท่ีปิด เส้นทางเข้าซับซ้อนทำให้ยากต่อการเข้าตรวจสอบ หรือเป็นที่โล่งแจ้ง มองเห็นได้ในระยะไกล ทำให้ ผู้กระทำความผิด สามารถหลบหนีได้ทันก่อนที่จะถกู จับกุม อกี ท้งั ในปัจจุบันการค้า ยาเสพติดในพน้ื ที่ จังหวดั สงขลามกี ารเปลยี่ นแปลงรูปแบบทำให้ ยากต่อการจับกมุ และรวบรวมพยานหลักฐานเพอื่ นำตัว ผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ที่เป็นเช่นนี้เพราะ การอบรมให้ความรู้นั้นจะเป็นการเพ่ิมทักษะ เพิ่มความรู้ หากพบเห็น เหตุการณ์จะต้องปฏิบัติอย่างไร เพ่ือเป็นข้อมูลพ้ืนฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติงานได้รวดเร็ว มี ประสิทธิภาพ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทันที หรือสามารถที่จะออกหมายจับได้ ส่วนการ ประชาสัมพันธ์เพ่ือให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา เม่ือประชาชนศรัทธาเข้าใจงานของตำรวจ และเกิดความเช่ือม่ัน การเข้ามาช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชนจะเกิดประโยชน์ต่องานตำรวจ และเกิดความสงบสุขในสังคม ส่วนด้านอุปกรณ์กลอ้ งวงจรปิด หากสามารถมคี รบทุกบา้ น จะทำให้ผู้ท่ี คดิ จะกระทำความผิดเกิดความกลวั ท่ีจะถูกจับ ซ่ึงในส่วนน้ีจะเปน็ หน้าท่ีของประชาชน และหน่วยงาน ของรฐั ท่ีจะจัดสรรงบประมาณเพอ่ื ใหก้ ารทำงานของตำรวจมปี ระสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความสงบสขุ กับ ชุมชน 5.2.5 ผลการวิจัยประเด็นแนวทางการชว่ ยเหลอื งานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัด พร ด้านสืบสวน พบว่า ควรจัดให้มีการอบรมให้แก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ในด้านงาน สืบสวน แล้วสามารถท่ีจะเข้ามาช่วยเหลืองานสืบสวนได้ ซึ่งความสอดคล้องกับ นิคม เอี่ยมสะอาด (2539,น.27) กล่าวไว้ว่า พนักงานทุกคนจะต้องเป็นผู้รู้ คือ รู้ข้อมูลท่ีจำเป็นและสำคัญเกี่ยวกับงาน สินค้า เพื่อท่ีจะบอกกับลูกค้าได้ และ เชาว์ โรจนแสง ( 2544,น.8 ) อธิบายว่า การบริหารทรัพยากร มนุษย์เป็นคำท่ีใช้ในการบอกถึงกิจกรรม ท้ังหลายที่เก่ียวข้องกับการดึงดูด ( Attracting ) การพัฒนา ( Devaloping ) และการธำรงรักษา ( Maintaing ) ผู้มีความรู้ความสามารถเป็นกำลังสำคัญของ องค์การความเกี่ยวข้องดงั กล่าวไม่เพียงแต่การจัดทรัพยากรมนุษย์หรอื บุคคลท่ีมีความรคู้ วามสามารถ ลงในตำแหน่งเท่าน้ัน ยังรวมถึงผลงานท่ีคาดว่าจะได้รับในอนาคตอีกด้วย ท้ังนี้ก็เพื่อท่ีจะใช้ทรพั ยากร มนุษย์ให้เหมาะสมกบั งานตามวตั ถปุ ระสงคข์ ององค์การอย่างมีประสทิ ธภิ าพด้วย ความพงึ พอใจและมี ความสุขกับการปฏิบัตงิ าน และยงั พบว่า การเปิดช่องทางต่าง ๆ ให้มีการแจ้งข่าว สอดคล้องกับ (การ บริหารราชการแบบมีส่วนร่วม, 2553) คือการให้ข้อมูลข่าวสาร (Inform) ถือเป็นการมีส่วนร่วมของ ประชาชนในระดับต่ำที่สุด แต่เป็นระดับที่สำคัญท่ีสุด เพราะเป็นก้าวแรกของการที่ภาครัฐจะเปิด

97 โอกาสให้ประชาชน เข้าสู่กระบวนการ มีส่วนร่วมในเรื่องต่าง ๆ วิธีการให้ข้อมูล สามารถใช้ช่องทาง ต่าง ๆ เช่น เอกสาร สิ่งพิมพ์ การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางส่ือต่าง ๆ การจัดนิทรรศการ จดหมายข่าว การจัดงาน แถลงข่าว การติดประกาศ และการให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ และจัดให้การ ติดต้ังกล้องวงจรปิดให้คลุมทุกพ้ืนท่ี เพ่ือความสะดวกในการสืบสวนหาข่าว ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย ของ มรุตพงศ์ วิเชียรศรี และ ศศิภัทรา ศิริวาโท (2563, น.939-940) พบว่าการติดตั้งกล้องวงจรปิด สามารถลดอาชญากรรมได้ เน่ืองจากผู้กระทำความกลัวถูกจับ ที่เป็นเชน่ น้เี พราะ การเปดิ โอกาสให้ประชาชนเข้ามาอบรม ประชาชนจะมีความรแู้ ละมคี วาม ใกล้ชิดกับตำรวจ มีความรู้สึกเป็นกันเอง ทำให้ประชาชนท่ีเข้ามาช่วยเหลืองานตำรวจเกิดความมั่นใจ ในตัวของเจ้าหน้าท่ีตำรวจ ส่วนการเปิดช่องทางต่าง ๆ ให้ประชาชนได้แจ้งข่าว เนื่องจากประชาชน สามรถที่จะเลือกแจ้งข่าวให้กับตำรวจได้หลายช่องทาง โดยมองว่าช่องทางใดที่ตนเองแจ้งข่าวแล้วจะ ไม่ได้รับอันตรายจากผู้กระทำความผิดรู้ถึงการแจ้งข่าว จึงสามารถท่ีจะเลือกแจ้งข่าวทางช่องทางนั้น ในส่วนของการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครบทุกบ้าน เพ่ือให้เห็นว่าผู้กระทำความผิดกลัวท่ีจะต้องถูก จบั กุมและประชาชนไม่จำเป็นท่ีจะต้องไปเป็นพยาน เน่ืองจากพยานคือกล้องวงจรปิด เป็นพยานที่ชัด ไมส่ ามารถท่ีจะบิดพลว้ิ ได้ ไม่ว่าจะมเี หตปุ ัจจยั จากเรอ่ื งใดกต็ าม 5.2.6 ผลการวจิ ัยประเด็นแนวทางการชว่ ยเหลอื งานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัด พร ด้านสอบสวน พบว่า ควรให้มีการอบรมให้ความรู้กับประชาชนให้เข้าใจระบบงานสอบสวน ซ่ึง ความสอดคล้องกับ นิคม เอี่ยมสะอาด (2539,น.27) กล่าวไว้ว่า พนักงานทุกคนจะต้องเป็นผู้รู้ คือ รู้ ขอ้ มูลท่ีจำเป็นและสำคัญเก่ียวกับงานสนิ ค้า เพ่ือท่ีจะบอกกับลูกค้าได้ และยังพบว่า การมาเป็นพยาน ให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อจะเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษหรือเพื่อจะสอบสวนให้รู้ตัวผู้กระทำผิด ซงึ่ สอดคลอ้ ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 กลา่ ววา่ พยาน หมายถึงพยานหลักฐาน คือ พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคล ตลอดจน หลักฐาน ต่าง ๆ ซ่ึงอาจจะเป็นเครอ่ื งพิสูจน์การกระทำผิดได้ จากความหมายต่างๆ พยานหลักฐานจึง หมายถึง สิ่งท่ีสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงท่ีมีการกล่าวอ้าง ในการดำเนินคดีไม่ว่าจะในคดีแพ่งหรือ คดีอาญา ส่วนมากแล้วจะมีคู่ความสองฝ่าย คอื โจทก์และจำเลยทั้งสองฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงต่างๆ เพ่ือสนับสนุนข้อกล่าวอ้างหรือข้อแก้กล่าวหาของตน ข้อเท็จจริงเหล่าน้ีย่อมตรงกันหรือขัดแย้งกัน ดงั น้ัน คู่ความแต่ละฝ่ายจึงมีความจำเป็นทีจ่ ะต้องหาทางพิสูจน์ขอ้ กล่าวอ้างของตนให้ศาลเช่ือ โดยนำ พยานหลักฐานมาแสดงยืนยันข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างๆได้แก่ บุคคลผู้รู้เห็นพฤติกรรมในการ กระทำผิด เอกสารต่างๆท่ีได้กระทำขึ้นโดยชอบหรือมิชอบด้วยกฎหมาย และวัตถุต่างๆท่ีคนร้ายได้ใช้ เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ซึ่งผลการตรวจในสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในการสืบสวน คดีอาญาจึงเป็นเครื่องมือการพิสูจน์การกระทำความผิดของคนร้ายเพ่ือให้ศาลพิจารณาตัดสินช้ีขาด ตามพยานหลักฐานทเ่ี จ้าหนา้ ทน่ี ำแสดงต่อศาล ความสำคญั ของพยานหลักฐานจงึ อยู่ทก่ี ารยอมรับของ ศาล หากศาลรับฟังไว้พิจารณาก็ถือว่าพยานมีน้ำหนักรับฟังได้ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการพิจารณาของ

98 ศาลในการลงโทษผู้กระทำผิด และยังพบว่าการรักษาสถานท่ีเกิดไว้ให้มีสภาพเหมือนเดิม เพื่อท่ีจะ ช่วยใหพ้ นกั งานสอบสวน สามารถเก็บพยานหลกั ฐานทีเ่ กดิ เหตุได้อย่างสมบรู ณ์ ท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะ การให้ความรู้กบั ประชาชนท่ีเข้ามาช่วยเหลืองานตำรวจ อำเภอสวี จงั หวัด ชมุ พร มีความสำคัญอย่างมาก เพราะงานสอบสวนเป็นต้นธารแห่งความยุติธรรม เป็นงานท่ีเจ้าหน้าท่ี ตำรวจจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ให้ได้มากท่ีสุด เพ่ือที่จะนำตัวผู้กระทำความผิดไปฟ้องต่อศาล และเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่จะออกหมายจับผู้กระทำความผิดโดยไม่ผิดตัว ส่วนการรักษา สถานท่ีเกิดเหตุก็เช่นเดียวกัน เพ่ือที่จะได้พยานหลักฐานที่เกิดเหตุในสภาพเดิม เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่ ผ้กู ระทำผิด 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 5.3.1 ในการนำผลการวิจัยไปใช้งาน จากการศึกษาค้นคว้าในคร้ังนี้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ เก่ียวกับการศึกษาในเรื่อง แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ดงั นี้ จากผลการวิจัยท่ีพบวา แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัด ชุมพร พบว่า ประชาชนมีความต้องการให้เจ้าหน้าท่ีตำรวจติดตั้งตู้เพ่ือแสดงความคิดเห็น ร้องเรียน หรือเสนอแนะแนวทางในการปฏิบัติหน้าท่ีของตำรวจ ซึ่งในส่วนผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการสถานี ตำรวจภูธรสวี ได้ดำเนินแล้ว แต่จำนวนตู้ที่ตั้งไว้นั้นมีแค่ 1 ตู้ ซึ่งติดตั้งไว้หน้าสถานีตำรวจภูธรสวี ซึ่ง ในส่วนนี้จะได้นำข้อเสนอแนะในการวิจัยคร้ังนี้ นำเรียนให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ส่วนในการจัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลตามสถานท่ีสำคัญ น้ัน ตามปกติงานตำรวจ มีหน้าที่หลักในการป้องกัน ปราบปราม การจัดเจ้าหนา้ ท่ีตำรวจ ดแู ลตามสถานที่ตา่ งๆน้ัน เป็นเร่ืองท่ีเจ้าหน้าท่ีด้านธุรการน้ัน ได้ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจ ตามสถานท่ีต่างๆตามปกติ แต่เนื่องจากการขาดแคลนกำลังพล การจัดเจ้าหน้าเพื่อดูแลความปลอดภัยนั้น มีเจ้าหน้าไปดูแลอยู่แล้วแต่อาจจะไม่มากพอ เพราะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องหมุนเวียน สับเปลี่ยนไปปฏิบัติหน้าท่ีด้านอื่น ส่วนการบังคับใช้กฎหมายนั้น เป็นเป็นหน้าที่โดยตรงของตำรวจ กรณีท่ีจะให้เจ้าหน้าตำรวจช่วยยดื หย่นุ ในการบังคับใช้กฎหมายนั้น เป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละคน เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจในการยืดหยุ่น หรือผ่อนปรน ในการบังคับ ใช้กฎหมาย เพราะมีกฎ ระเบยี บ ข้อบงั คับ ตา่ ง ๆ ที่เป็นกรอบ ให้การปฏิบัตติ ่าง ๆ ไปตามกรอบทถ่ี ูก กำหนดไว้ 5.3.2 ข้อเสนอแนะในการศกึ ษาคน้ ควา้ คร้ังต่อไป 5.3.2.1 การศึกษาน้ีเป็นการศึกษาเร่ือง แนวทางการช่วยเหลืองานตำรวจของประชาชน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เทานัน้ จึงควรมกี ารศึกษา เพม่ิ เติมในสถานีตำรวจอื่นภายในสังกัดตำรวจภธู ร จังหวัดชุมพร หรือสถานีตำรวจอน่ื ทส่ี ังกัดสำนักงานตำรวจแหงชาติ 5.3.2.2 ควรมีการศึกษาตัวแปรเพิ่มเติมท่ีอาจมีผลต่อแนวการช่วยเหลอื ของปะชาชน อำเภอ สวี จังหวัดชมุ พร เชน แนวทางการมีสว่ นรว่ มของประชาชน อำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร เปน็ ตน้

99 รายการอ้างองิ ก้องปิติ ออ่ นมาก.(2563).การปฏิบตั งิ านดา้ นการป้องกันอาชญากรรมตำรวจภูธรจงั หวัดนครปฐม. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จงั หวดั นครปฐม. เกียรตขิ จร วัจนะสวสั ดิ.์ (2552). คำอธิบายหลักกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา. กรุงเทพฯ : โรง พมิ พ์ หา้ งหุ้นสว่ นจำกดั จริ ชั การพิมพ์. จันทรานี สงวนนาม. (2553). ทฤษฎแี ละแนวปฏบิ ัติในการบริหารสถานศกึ ษา. (พมิ พค์ รังที 3). นนทบุร:ี โรงพิมพ์ บ๊คุ พอยท์. จุฑามาศ พนั ศวรรค.์ (2562). การพัฒนารปู แบบการมีส่วนรว่ มของคณะกรรมการ สถานศกึ ษาใน การบรหิ ารจัดการศูนย์พฒั นาเดก็ เล็ก เทศบาลนครเชียงใหม่. วิทยานิพนธค์ รุศาสตรมหา บัณฑติ การบริการศึกษา.มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม.่ จินตวรี ์ เกษมศุข. (2554). การสื่อสารกบั การเปลี่ยนแปลงของสังคม. กรุงเทพฯ: สาํ นกั พมิ พ์ จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . ชติ นลิ พานิช และกลุ ธน ธนาพงศธร. (2532). การมสี ่วนร่วมของประชาชนในการพฒั นา ชนบท. ในเอกสารการสอนชดุ วชิ าความรู้ท่วั ไปสำหรับการพฒั นาระดับตำบล หมู่บา้ น (พิมพค์ รั้งที่ 3, หน่วยท่ี 8) นนทบุร:ี โรงพิมพ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. ชบุ กาญจนประกร.(2556).“หลักรัฐประศาสนศาสตร”. (เอกสารประกอบคําบรรยาย คณะ รฐั ประศาสนศาสตรมหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร)์ . ชนณรงค์ วนั ชา. (2560). รูปแบบการพฒั นาประสิทธภิ าพตูย้ ามตำรวจชุมชน(โคบัง)ในการปองกนั อาชญากรรมของตำรวจภูธรภาค4.วารสารสันติศกึ ษาปรทิ รรศน์ มจร ปที ี่ 5 ฉบับท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2560) ชยั พร พานิชอตั ร.(2533). ความร่วมมือของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมในเขตอำเภอ เมือง จังหวัดพิษณุโลก. วิทยานพิ นธ์ปริญญาบณั ฑติ สาขาอาชญากรรมวทิ ยาและงานยุตธิ รรม บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล. ประกอบ กลุ เกลีย้ ง.(2548).การบริหารขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาแนวใหม่. กรงุ เทพ: พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ ปทั มาวดี เปรมกาศ.(2561). กล้องวงจรปดิ เพ่ือการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ในเมือง พิษณโุ ลก วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาตรี เสนอภาควิชาทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. ประเสรฐิ เมฆมณ.ี (2533). ตำรวจและกระบวนการยุติธรรม. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ บพิตรการพมิ พ.์ ณรงค์ บำรุงรตั น์. (2535). ทฤษฎบี งั คบั ใช้กฎหมายทฤษฎีตำรวจชุมชนสัมพันธแ์ ละการควบคมุ อาชญากรรมจากสภาพแวดล้อม.

100 ณรงค์ ปิติปุญญพัฒน.์ (2553). การมสี ว่ นร่วมของประชาชนในการจดั ทำแผนพัฒนาองคก์ าร บริหาร ส่วนตำบลตน้ หมื้อ อำเภอมาย จังหวัดเชียงใหม่. การศึกษาอสิ ระ ปริญญารัฐ ประศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต (สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร)์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั เชียงราย. ธีรบลู ย์ ม่ังม.ี (2544). รวมระเบยี บ คำสง่ั และแนวทางปฏบิ ัตใิ นการสอบสวนคดอี าญา พ.ศ. 2543 – 2544 เลม่ 13. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ สำนกั พมิ พ์สูตรไพศาล. นิษฐนญั ญ์ เทพสุข. (2562). ความเชือ่ มนั่ ในกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญาของกลุ่มคนเปราะบาง ทางสังคมในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึง่ ของการศึกษาตามหลักสูตรสังคม วิทยาและมานุษยวิทยามหาบณั ฑิตสาขาวิชาการวิจัยทางสงั คม คณะสังคมวทิ ยาและ มนุษยวทิ ยา มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. นิรนั ดร์ จงวฒุ เิ วศย.์ (2527). การมีส่วนรว่ มของประชาชนในการพัฒนา. กรุงเทพมหานคร: สำนัก พิมพ์ มหาวิทยาลัยมหดิ ล. นฤมล พอดี. (2549). การมสี ่วนร่วมของครูในการบรหิ ารสถานศกึ ษา สังกดั ส านกั งานเขตพ้ืนที่ การศึกษาชลบุรี เขต 1. วิทยานิพนธค์ รุศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครนิ ทร์. นรินทร์ชัย พฒั นพงศา. (2546). การมสี ่วนร่วม หลกั การพื้นฐาน เทคนคิ และกรณี ตวั อยา่ ง. กรงุ เทพมหานคร: 598 Print. นคิ ม เอี่ยมสะอาด. (2539). ความพึงพอใจของลกู คาต่อการใหบรกิ ารของธนาคารกรงุ เทพ จาํ กัด (มหาชน) สาขาซีคอนสแควร. ภาคนพิ นธพฒั นบริหารศาสตรมหาบัณฑิตสาขาพัฒนาสังคม, คณะพฒั นาสังคม สถาบันบณั ฑติ พัฒนบริหารศาสตร. ธติ ิพล ศรปี ระทักษ.์ คำอธิบายสมดุ เลคเชอร์ วิ.อาญา๒. กรุงเทพฯ : บรษิ ัทกรุงสยาม พบั ลชิ ชง่ิ จำกัด. ปญั ญา เฉลยี วชาติ. (2560). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการวางแผนพฒั นาตำบลขององค์การ บริหารสว่ นตำบลนครศวรรค์ อำเมืองนครศวรรค์ จังหวดั นครศวรรค์. วทิ ยานิพนธศ์ ิลปะ ศาสตรมหาบณั ฑิต การริหารเพอ่ื การพัฒนาท้องถนิ่ : มหาวทิ ยาลัยราชภัฎนครศวรรค.์ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อรทัย ก๊กผล (2552).ค่คู ิด คมู่ อื การมีสว่ นรว่ มของประชาชนสำหรับ ผบู้ ริหารทอ้ งถน่ิ . พมิ พ์ครั้งที่ 1.กรงุ เทพฯ: ส.เจรญิ การพมิ พ์ สถาบนั พระปกเกล้า. พ.ต.ท.ดร.เทิดสยาม บุญยะเสนา. ปญั หาในกระบวนการสอบสวนท่สี ง่ ผลต่อการอำนวยความ ยตุ ธิ รรม และการให ก้ ารบริการประชาชน. (ออนไลน์) สบื ตน้ จาก http://www.thamaayawordpress.com (1 มถิ ุนายน 2564). มาลี เบ็ญจะมโน. (2546). การมีสว่ นรว่ มของประชาชนในการดําเนนิ งานขององคก์ ารบริหารสว่ น ตำบล ศึกษากรณีองค์การบรหิ ารส่วนตำบลห้วยกะป.ิ ปญั หาพเิ ศษ รป.ม.(นโยบายสาธารณะ) ชลบุรี : มหาวทิ ยาลัยบูรพา.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook