โครงการยกระดบั เศรษฐกิจและสงั คมรายตาบลแบบบรู ณาการ (มหาวิทยาลยั ส่ตู าบล) พ้ืนที่ตาบลสา้ น อาเภอเวียงสา จงั หวดั น่าน
สารบญั หนา้ 1. ความสาคญั และประโยชนข์ องการเลยี้ งผึ้ง -1- 2. ประโยชนข์ องการเลย้ี งผ้ึง -2- 3. ชนดิ ของผ้งึ ที่พบทัว่ ไป -4- 4. วงจรชีวิตของผงึ้ -8- 5. วรรณะของผ้งึ -9- 6. การเล้ยี งผ้งึ ในตาบลส้าน -10- 7. อุปกรณใ์ นการเล้ยี งผงึ้ -11- 8. ศตั รูสาหรบั การเลย้ี งผงึ้ -12- 9. ช้นั ตอนการเล้ยี งผงึ้ -13- 10. วิธกี ารเก็บน้าผ้งึ -17- 11. ผลิตภัณฑจ์ ากผ้งึ -20-
หน้ำ 1 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ความสาคญั และประโยชนข์ องการเลี้ยงผึง้ ผึ้งเป็นแมลงที่มีคณุ ค่าต่อมวลมนษุ ย์ และสร้างความ สมดลุ ใหแ้ ก่สภาพแวดลอ้ มใน ธรรมชาติ ท้ังทางตรงและ ทางออ้ ม การเล้ยี งผ้ึงพนั ธุ์ ก่อให้เกิดประโยชน์ ดังน้ี ทางดา้ นการเกษตร ช่วยผสมเกสรเพม่ิ ผลผลิตพืช เศรษฐกิจหลายชนิด เช่น เงาะ ลาไย ลน้ิ จี่ สม้ มะพรา้ ว มะมว่ ง กาแฟ ทอ้ สตรอวเ์ บอร่ี มะมว่ งหมิ พานต์ ทานตะวนั พืชตระกลู แตง ข้าวโพด ฝา้ ย ถั่ว เหลอื ง ถ่ัว เขียว และพชื ท่ตี ้องการผลิตเมลด็ พันธ์ุ นอกจากนี้ ยังชว่ ย ลดการใชย้ าและสารเคมี และ ลดตน้ ทุนการผลิตไดอ้ กี ด้วย
หน้ำ 2 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ผลผลิตท่ีได้จากการเลี้ยงผึง้ 1. นา้ ผ้ึง ( honey) คอื น้าหวานที่ผง้ึ งาน อายุตงั้ แต่ 22 วนั ไปเกบ็ สะสมมาจากดอกไม้ และตามใบของพชื บาง ชนิด ผา่ นกระบวนการภายในตัวผง้ึ และไลค่ วามชน้ื ใหเ้ ป็นน้าผง้ึ ท่ีดี 2.รอยัลเยลลี่ ( royal jelly) คอื อาหารทีผ่ ึ้งงานอายุ 4-11 วัน ผลิตเพอ่ื ปอ้ นตวั หนอน และนางพญา 3. เกสรผ้งึ ( bee pollen) คอื ละอองเกสรเพศผูข้ องดอกไม้ ผึ้งงานจะออกไปเก็บมาไว้ เพ่อื เป็นอาหารและผลติ เปน็ อาหารป้อนหนอน และนางพญา 4. โปรโปลสิ ( propolis) คือ ยางไม้ทผ่ี ้ึงงานอายุ 12-17 วนั ไปเก็บจากต้นไม้ เพอื่ นามาใชป้ ้องกนั ไมใ่ ห้เกิดโรค ภายในรัง 5. ไขผึ้ง ( bee wax) คือ รังผ้งึ ท่ี ผง้ึ งานอายุ 18-21 วนั จะกินนา้ หวานและผลติ ไขผึ้ง สาหรบั สร้างรังผ้งึ 6. พษิ ผ้ึง ( venom) คือ สารท่ผี ง้ึ งานอายุต้ังแต่ 14 วนั ผลิตเกบ็ ไวใ้ นถุงน้าพิษและปลอ่ ยออกมาพรอ้ มกบั เหล็กในเวลาตอ่ ยศัตรู
หน้ำ 3 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ประโยชน์ทางดา้ นอ่ืนๆ 1. กอ่ ให้เกดิ อาชพี การทาอปุ กรณก์ ารเล้ียงผึง้ กลอ่ งรงั ผ้งึ คอนแผน่ รงั เทยี ม กระป๋องพ่นควัน เปน็ ต้น 2. สามารถนาผลผลิตจากผง้ึ ไปสู่กระบวนการแปรรปู เช่น ยาแผนโบราณ สบู่ แชมพู ครมี โลชัน่ ลปิ บาลม์ เทยี นไข ยาหมอ่ ง เปน็ ตน้ 3. การเลีย้ งผง้ึ สามารถสร้างความเพลดิ เพลินใหแ้ ก่ผเู้ ล้ยี ง และเปน็ ประโยชน์ทางด้านการศกึ ษา
หน้ำ 4 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ชนดิ ของผ้ึงท่พี บทวั่ ไป 1.ผึ้งหลวง (Apis dorsata) เป็นผึง้ ทีม่ ขี นาดใหญท่ ี่สุดในทง้ั 4 ชนดิ มีลกั ษณะลาตวั ใหญ่ ลาตวั ยาวรี ประชากรสว่ นใหญจ่ ะอยปู่ ก คลุมรัง เพื่อทาหนา้ ทป่ี อ้ งกันรงั รวงผึง้ มีขนาดใหญ่ มีประชากร ประมาณ 10,000-80,000 ตัว/รัง สร้างรวงรงั เพียงรวง เดียว รงั รีเปน็ รูปครงึ่ วงกลม ขนาดรังอาจมคี วามกว้างถึง 2 เมตร ชอบทารงั ในทโี่ ล่งแจ้งและอยู่ท่ีสูง มีร่มเงาที่ ไม่รอ้ นเกนิ ไปบางครง้ั ในที่เดียวกนั อาจ มีผงึ้ เกาะรวมกนั มากกว่า 50 รัง ผึ้งหลวงจะดรุ า้ ย เม่อื ถกู รบกวนหรอื ทาลายและจะรมุ ต่อยศตั รู เป็นรอ้ ยตัวเหล็กในมพี ิษมาก ผง้ึ หลวงสามารถบินไปหาอาหารได้ไกล บางรงั อาจจะมี การเก็บสะสมนา้ ผ้ึงถงึ 15 กโิ ลกรัม ผึ้งหลวงไมส่ ามารถนามาเล้ียงได้ แต่ควรอนุรักษใ์ ห้มีอยู่ในธรรมชาติ เพราะ ต้นไม้หลายชนิดต้องการผ้ึงหลวงช่วยผสมเกสรเพือ่ ดารงเผ่าพนั ธ์ุ
หน้ำ 5 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ชนดิ ของผึง้ ทพ่ี บท่ัวไป 2.ผงึ้ มิม้ (Apis florea) เป็นผง้ึ ทม่ี ีขนาดเลก็ ทสี่ ดุ มีขนาดใกลเ้ คียงกบั แมลงวนั ประชากรส่วนใหญจ่ ะอยปู่ กคลมุ รงั รวงผ้ึง มีขนาดเลก็ มปี ระชากรประมาณ 3,000-15,000 ตวั /รงั รังมขี นาด ตั้งแต่ 10-30 เซนติเมตร รวงผ้ึง จะทาตดิ อยกู่ ับกง่ิ ไม้ บนิ หาอาหารได้ ไม่ไกลมาก ทาให้นา้ ผึ้งมนี อ้ ย มีการอพยพท้งิ รงั บอ่ ย ไม่สามารถนามาเลย้ี งไดเ้ ช่นเดียวกนั กบั ผง้ึ หลวง
หน้ำ 6 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ชนิดของผ้งึ ทพ่ี บทว่ั ไป 3. ผงึ้ โพรง (Apis cerana) เปน็ ผ้งึ ที่มขี นาดกลาง ตวั เลก็ กวา่ ผงึ้ พันธแ์ุ ต่ใหญก่ วา่ ผง้ึ มิ้ม เปน็ ผ้ึงท่มี วี วิ ัฒนาการท่สี ูงกว่าผ้ึงมม้ิ และผึ้งหลวง สรา้ งรงั อยใู่ นทม่ี ดื และมีจานวนรวงหลายรวง ตัง้ แต่ 5-15 รวง มีประชากรประมาณ 5,000-30,000 ตวั ผึ้งโพรงทีพ่ บในเมืองไทยจะสรา้ งรังในโพรงหิน หรือโพรงไม้ตา่ งๆ ซ่งึ ตอ่ มาเกษตรกร ผเู้ ลยี้ งได้ทากล่องไม้ให้ผงึ้ อาศัยอยู่ เพื่อสะดวกตอ่ การเกบ็ น้าผึ้งโพรงจะให้น้าผ้งึ ประมาณ 3-15 กิโลกรมั /รัง โดยเฉลีย่ ประมาณ 7 กิโลกรมั /ปี
หน้ำ 7 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ชนดิ ของผ้ึงที่พบท่วั ไป 4. ผง้ึ พันธุ์ ( Apis mellifera) เปน็ ผึง้ ทน่ี าเขา้ จากตา่ งประเทศ มีถิน่ กาเนดิ อยู่ในทวปี ยุโรปและแอฟริกา มขี นาดลาตัวใหญ่กว่าผ้ึงโพรง แตเ่ ล็ก กวา่ ผ้งึ หลวง ชอบอาศัยและสรา้ งรังในทีม่ ดื ไมด่ รุ ้ายมากนัก และไม่คอ่ ยอพยพย้ายรัง ขยายพันธุไ์ ด้งา่ ยและ รวดเร็ว มปี ระชากรประมาณ 20,000-60,000 ตวั /รงั สามารถเคลอื่ นยา้ ยไปชว่ ยผสมเกสรพืชท่ตี อ้ งการได้ และ เกบ็ ผลผลติ น้าผึง้ รอยัลเยลลี่ เกสรผึ้ง และไขผง้ึ ในปริมาณสูง จึงเป็นทนี่ ิยมเล้ียงในอตุ สาหกรรมการเลย้ี งผึง้
หน้ำ 8 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน วงจรชีวติ ของผึง้ 1. ระยะไข่มลี ักษณะคล้ายเส้นด้าย สขี าวยาวประมาณ 5 มิลลเิ มตร ผง้ึ นางพญา ถา้ ตอ้ งการวางไข่เป็นเพศเมีย กจ็ ะวางไขท่ ี่ได้รับการผสมกับนา้ เช้อื ตวั ผู้ ถา้ ต้องการวางไขเ่ ป็นเพศผ้จู ะวางไขท่ ี่ไม่ไดร้ บั การผสมกบั น้าเชื้อตวั ผู้ 2. ระยะตวั หนอน เมอื่ ไขม่ ีอายุได้ 3 วนั กจ็ ะฟักออกมาเป็นตวั หนอน มีสีขาวขนาด ลาตัวเล็ไก และเจริญเติบโตข้ึน เรื่อยๆ ในระยะดักแด้จะมีการลอกคราบทง้ั หมด 5 คร้งั 3. ระยะดักแด้ ในวนั แรกๆจะมีสีขาวแล้วจะคอ่ ยๆ เปล่ยี นเป็นสนี า้ ตาล ดกั แด้ของผ้ึงนางพญาจะมขี นาดใหญ่กวา่ ดกั แดข้ องผ้ึงตวั ผู้ และผึง้ งานตามลาดบั 4. ระยะตัวเตม็ วยั เม่อื ดกั แดเ้ จรญิ เปน็ ตวั เตม็ วัย จะใช้กรามกัดไขผึ้งทป่ี ดิ ฝาหลอดรวงออกมา ส่วนตัวเต็มวัยของ ผ้งึ นางพญาจะมีผง้ึ งานคอยชว่ ยกนั กดั หลอดรวงให้
หน้ำ 9 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน วรรณะของผึง้ แบ่งออกเป็น 3 วรรณะ 1. นางพญากาเนิดมาจากไขท่ ี่ไดร้ ับการผสมกบั น้าเช้อื ตวั ผู้ และได้รบั รอยลั เยลล่ีจากผึ้งงานทาใหน้ างพญามีความสมบรู ณ์ ลาตวั ยาว อายุยนื กวา่ ผึง้ ตัวผแู้ ละผง้ึ งาน ผงึ้ นางพญามีเหล็กในเอาไวท้ าลายหลอดนางพญา และตอ่ สกู้ ับนางพญาตัวอน่ื เท่านั้น ไม่มกี ารออกไปหาอาหาร ไม่มีทเี่ กบ็ ละอองเกสร และไมม่ ีต่อมผลติ ไขผ้ึง ผ้งึ นางพญาในรงั มีเพียงตวั เดียวเท่านัน้ มีหนา้ ทสี่ าคัญ คือ ผสมพันธ์ุ จะผสมพนั ธก์ุ ลางอากาศและคร้งั เดยี วในชีวติ วางไขว่ นั ละประมาณ 1,200- 2,000 ฟอง และควบคุมสังคมของผ้งึ ให้อยูใ่ นสภาพปกติ โดยมีสารฟโี รโมนควบคมุ 2. ผงึ้ งาน เกิดจากไขท่ ่ีได้รับการผสมพันธุ์กับน้าเชื้อตวั ผู้ เปน็ ผงึ้ เพศเมยี ขนาดเลก็ ท่สี ุด ภายในรัง แต่มีปรมิ าณมากที่สดุ ผง้ึ งานมีอวยั วะตอ่ มผลิตอาหารตอ่ มผลติ ไขผงึ้ ตอ่ มพษิ ตะกร้า เก็บเกสร และเหล็กใน ผงึ้ งานมหี น้าทที่ าความสะอาดรงั ผลิตอาหารป้อนตวั หนอนและนางพญาสรา้ งและซ่อมแซมรงั ปอ้ งกนั รงั น้าหวาน เกสร ยางไม้และนา้ 3. ผึ้งตัวผู้ กาเนดิ มาจากไข่ท่ไี ม่ไดร้ บั การผสมกับน้าเชื้อตวั ผู้ มขี นาดลาตัวอว้ น ป้อม ส้ัน ไมม่ เี หลก็ ใน ไมม่ ตี ะกร้าเกบ็ เกสร มหี น้าทสี่ าคัญ คือ ผสมพันธอุ์ ย่างเดียว หลงั จากผสมพนั ธุ์เสรจ็ ผ้ึงตวั ผู้จะตาย
หน้ำ 10 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน การเล้ยี งผึง้ ในตาบลสา้ น เกษตรกรผ้เู ลีย้ งผงึ้ ในตาบลส้าน ยงั มจี านวนไม่มากนัก สว่ นใหญ่ เป็นเกษตรกรรายย่อย เล้ยี งไวเ้ ป็นอาชพี เสริม ในสวนผลไมข้ อง ตนเอง มจี านวนนอ้ ยท่เี ปน็ เกษตรกรจากต่างพ้นื ท่เี ข้ามาใชพ้ นื้ ทใ่ี น ตาบลสา้ นในการเลี้ยงผ้งึ
หน้ำ 11 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน อุปกรณ์ในการเลย้ี งผ้งึ 1 2 -3 11 7 1. กล่องเลยี้ งผึ้ง 2. คอนหรือกรอบวง 13 10 3. แผ่นฐานรวง 4.กระป๋องพ่นควนั 4 5. เหล็กงดั รัง 8 6. หมวกตาขา่ ยกันผงึ้ ตอ่ ย 7. ขาตง้ั รงั 95 8. กล่องขังนางพญา 9. กลอ่ งดักเกสร 10. ถังสลดั น้าผึง้ 11. แปรงปัดผึง้ 12. มีดเฉอื นไขผงึ้ 13. ทก่ี รองนา้ ผึง้
หน้ำ 12 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ศตั รูสาหรับการเล้ยี งผ้ึง 1. ไรทรอปลิ ิแลปส์ ไรชนิดนี้จะดดู กินนา้ เลย้ี งของผงึ้ ตง้ั แต่ระยะตัวหนอน ระยะดักแด้ และตวั เต็มวัย ทาใหผ้ ึ้งตายกอ่ น เปน็ ตัวเตม็ วัย พกิ าร หรือปกี ขาด ซึง่ พบระบาดมากในผึง้ พนั ธุ์ 2. ไรวารวั ไรชนิดนจี้ ะมีขนาดใหญก่ ว่า ไรทรอปิลิแลปส์ และพบระบาดมากในพชื พน้ื เมืองของไทย เชน่ ผึ้งโพรง สว่ นในผง้ึ พันธจ์ุ ะพบวา่ ไร จะเกาะดดู กนิ ตวั อ่อนและตัวเตม็ วัย ทาใหผ้ ง้ึ อ่อนแอและพกิ าร 3. มดแดง ชนิดตัวใหญจ่ ะจบั กินตวั ผง้ึ และเข้าทาลายผงึ้ ท่อี ่อนแอ 4. ต่อ เปน็ แมลงทจี่ บั ผงึ้ เปน็ อาหาร เชน่ ต่อหวั เสอื ตอ่ หลมุ ต่อภูเขา ตวั ต่อมักจะชุกชมุ ในฤดูฝน 5. นกทกี่ ินผ้ึงได้แก่ นกจาบคา นกแซงแซว และนกนางแอน่ 6. โรคผงึ้ สาหรบั ประเทศไทยยงั ไม่ค่อยพบโรคผ้งึ มากนัก
หน้ำ 13 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ข้นั ตอนการเล้ียงผึง้ 1.การจดั การรังผ้ึง การตรวจรงั ผง้ึ โดยทว่ั ไปตรวจทุกๆ 7 วัน ตรวจดวู ่าผ้ึงเขา้ ออกสมา่ เสมอ มีเกสรติดเลอะเทอะหรือไม่ ผงึ้ มีลักษณะกระปร้ีกระเปร่า หรือหงอยๆ เปดิ ฝารัง และพน่ ควนั 2-3 ครัง้ เพือ่ ตรวจคอนผึง้ ทกุ คอนควรมผี ้ึงเต็มท้ัง 2 ด้าน ถา้ อกี ฝ่งั กระจายห่างมาก แสดงว่าคอนมจี านวนมากเกนิ ไปต้องสลัดผ้งึ แต่ถา้ ผ้งึ แนน่ มากและสรา้ งรวงตามฝาปิดรงั หรือขอบนอกคอน แสดงว่าผ้งึ ขอท่ี อยูเ่ พิ่ม ต้องเสริมคอนรงั เทยี มเปล่าให้ ตรวจดูนางพญา ว่าในรงั ยงั มีนางพญาอยู่ หรอื ไม่ โดยดูท่ีไขน่ างพญาทด่ี ีควรวางไข่รนุ่ เดียวกันสม่าเสมอกันท้ังแผ่นรัง ไม่ กระจายหา่ งจนเกินไป แต่หากพบวา่ ไข่สองใบในหลอดเดยี วกัน และไม่เป็น ระเบียบ แสดงวา่ ผึง้ งานไขแ่ ทนต้องแช่น้าให้ไขล่ อยออกหมด แต่นางพญาเอง กอ็ าจไขเ่ ชน่ น้ีไดถ้ ้าเพ่งิ ไข่ใหมๆ่ ยังไม่ชานาญ
หน้ำ 14 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ขั้นตอนการเลีย้ งผงึ้ การให้อาหารผึง้ ผ้งึ ต้องการอาหาร 3 ประเภท คอื 1.น้าหวาน 2.เกสร 3.นา้ และแร่ธาตุ การแยกรังผึง้ การแยกรังเป็นการอยรู่ อดอยา่ งหน่งึ ของผึง้ ทาไดโ้ ดยการใหผ้ ึง้ แยกรงั เลียนแบบธรรมชาติ และการจบั ผ้ึงมาเลีย้ ง ซึ่งวิธกี ารนี้เป็นวิธีทม่ี ขี ัน้ ตอนมากในการปฏิบัติงาน การแยกรังผ้งึ สามารถแยกได้ 2 วธิ ี คือ นางพญาตัวใหม่กบั หลอดนางพญา จะแยกหลอดนางพญา ไวท้ ่เี ล้ยี งผึ้งเดมิ แล้วแยกผง้ึ งานกบั นางพญาตวั เกา่ ไป หรือจะให้นางพญา อยูก่ บั ทแี่ ยกหลอดไปในทางปฏบิ ัติทกี่ ลา่ วมาแล้ว ซ่ึงมผี ลไมต่ า่ งกนั ผงึ้ สามารถเจรญิ เตบิ โตได้ และพฒั นาตอ่ ไปได้ เป็นปกติ ถา้ อาหารผง้ึ อดุ มสมบูรณ์ ผึ้งจะสามารถพัฒนารังใหส้ มบรู ณ์ การแยกรังควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี - รังผงึ้ ท่ีควรแยกเปน็ รังผึง้ ทส่ี มบรู ณ์มีหลอดนางพญา - ลานเลยี้ งควรมผี ึ้งตวั ผู้เพียงพอ - คัดเลือกหลอดนางพญาท่สี มบรู ณ์ไว้ 2-3 หลอด - ช่วงนางพญาใกลจ้ ะแยกรังประมาณ 2-3 วัน แยกผง้ึ ออกเปน็ 2 พวก จะแยกนางพญาไป หรือหลอดนางพญา ไปกไ็ ด้ ให้รงั หน่งึ อยู่กบั ท่ี อีกรงั ใหห้ ันคนละทิศ เว้นระยะทางพอสมควร - หลงั จากนน้ั ดูแลจดั การด้านต่าง ๆ โดยการตรวจเช็คผงึ้ ทุก 10 วนั จนกวา่ ผง้ึ จะสมบรู ณ์ตามปกติ
หน้ำ 15 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ข้นั ตอนการเลีย้ งผึ้ง การรวมรังผึง้ ในกรณที ่เี ราตรวจพบว่ารังใดขาดนางพญา มนี างพญาแต่ไม่ดี หรอื เป็นรงั ท่ีอ่อนแอใหท้ าลายนางพญาน้นั ทิ้ง จากน้นั กน็ าไปรวมกับรงั อ่ืน วิธที ่นี ิยมใช้กนั มากกค็ อื การใช้กระดาษหนงั สือพมิ พ์คั่นระหวา่ งรงั ให้ปฏิบตั ดิ ังนี้ 1.ใหเ้ ลอื กทาการรวมรงั ให้เป็นเวลาเยน็ หรือพลบคา่ 2.เตรยี มกระดาษหนังสือพมิ พ์ 1 แผ่น ใหม้ ีขนาดความกวา้ งยาวเท่ากับตวั กลอ่ ง รังผงึ้ หรือใหญก่ ว่าเลก็ นอ้ ย ใชข้ องแหลมขนาดเลก็ เชน่ ปากกาลูกลน่ื แทง กระดาษหนงั สือพิมพ์ใหเ้ ปน็ รเู ลก็ ๆ กระจายอยู่ท่วั ไป 3. เปดิ ฝารงั และแผน่ ปิดรงั ดา้ นในออก (รงั ผ้งึ ทีแ่ ขง็ แรงต้งั ไวด้ ้านบน) เอา กระดาษหนังสอื พมิ พ์ทจี่ ดั เตรยี มไว้ วางคลมุ ทาบลงไปดา้ นบน 4. นารงั ผง้ึ ทีจ่ ะนาไปรวมรังซ้อนข้ึนขา้ งบนเหนือแผน่ กระดาษหนังสอื พิมพ์แลว้ ปิดฝารงั ดา้ นบน 5. ประมาณ 1-2 วนั เปิดตรวจเช็ครังผง้ึ ดู ผ้ึงทง้ั สองรงั จะกัดแผ่นกระดาษ หนังสอื พมิ พ์ทะลเุ ขา้ ไปหากนั เก็บเศษกระดาษหนังสอื พิมพ์ออก ผ้ึงท้งั สองรงั จะ ยอมรบั ซ่ึงกันและกัน และจะทางานเปน็ ปกติ ใหจ้ ดั การรวมผ้ึง 2 รงั เข้าดว้ ยกัน
หน้ำ 16 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน ขน้ั ตอนการเล้ียงผ้ึง 2.พืชอาหารของผง้ึ ผึง้ งานเกบ็ เกีย่ วน้าหวาน และเกสรดอกไม้ ซงึ่ ดอกไมม้ ีช่วงระยะเวลาบานแตกต่างกนั เช้าสายบ่ายเย็น กลางคนื ส่วนใหญผ่ ึง้ บนิ ออกเกบ็ เกย่ี วเกสรตอนเชา้ เก็บนา้ หวานตอนบ่าย ดอกไมพ้ ชื อาหารทีผ่ งึ้ ชอบมากไดแ้ ก่ ฤดูกาล เกสร น้าหวาน หมายเหตุ ม.ค. – ก.พ. ไมยราบ ไผ่ นนุ่ ฝา้ ย งิว้ ตาล ไผ่ มะกอกน้า ดอกไม้ที่ผ้ึงชอบนอ้ ย เชน่ กระถิน ข้เี หล็ก บา้ น ขนุน มะขาม ก.พ.-ม.ี ค. มี.ค. –เม.ย. ขา้ วโพด ขา้ ว ชมพู่ ลน้ิ จ่ี สม้ มะนาว เม.ย. – พ.ค. ลาไย ประดู่ ม.ิ ย. – ก.ย. กระถนิ บา้ น ดาวกระจาย มะกอกนา้ ต.ค.- ธ.ค. ฟกั ทอง ทานตะวัน งา ธ.ค.- ม.ค. คณุ นายตน่ื สาย ยูคาลปิ ตัส ตลอดทงั้ ปี สาบเสือ มะพรา้ ว แตง
U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดหั นน่้ำำน17 วิธีการเกบ็ น้าผงึ้ - อุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการสลดั น้าผึ้งทสี่ าคัญมีอยู่ 2 อยา่ ง ด้วยกนั คอื 1) มดี เฉือนฝารวง 2) ถังสลัดน้าผึง้ ออกจากรวง สาหรับผทู้ ี่เลีย้ งผึ้งรายเลก็ ๆอาจใช้มีดทาครวั อยา่ งบางท่มี ีขนาดใบมีดกว้าง ประมาณ 1-1.5 น้วิ ยาวประมาณ 10-12 น้วิ จ่มุ นา้ ร้อนและเช็ดใหแ้ หง้ แลว้ นาเฉอื นฝารวง ในขณะทีย่ ังรอ้ นอยกู่ จ็ ะชว่ ยไดส้ ะดวกพอสมควร แต่ในกรณที ่ีมรี งั ผึง้ เปน็ จานวนมากก็ ควรจะใชม้ ดี เฉือนฝารวงโดยเฉพาะถังสลดั นา้ ผึ้งมีตงั้ แตข่ นาดเลก็ แบบใชม้ อื หมุนที่สลดั ได้คร้งั ละ 2 รวง ไปจนถงึ ขนาดใหญท่ ่ีสามารถสลัดนา้ ผง้ึ ได้พร้อมๆกนั หลายสบิ รวง ซ่งึ จะใชม้ อเตอรไ์ ฟฟา้ เปน็ ตัวหมนุ ความเรว็ ของถงั สลดั นา้ ผ้ึงประมาณ 300 รอบ/นาที -วิธกี ารเกบ็ นา้ ผงึ้ เกษตรกรหลายท่านมีวธิ กี ารทีเ่ ลย้ี งและวิธีการเกบ็ นา้ ผงึ้ ท่แี ตกต่างกันออกไปแล้วแต่ ว่าเกษตรท่านนัน้ ถนัดแบบไหนหรือว่าวัสดุ และอุปกรณท์ ่ีมอี ยใู่ นแต่ละภูมภิ าค • การเกบ็ นา้ ผง้ึ แบบสมัยเก่า เกษตรกรจะตดั เฉพาะส่วนทเ่ี ปน็ นา้ ผง้ึ เท่านนั้ จากนน้ั ให้นารวงผึ้งไปสบั บนตะแกรง ท่ีมถี งั สาหรับเกบ็ น้าผึ้งรองอยู่ดา้ นล่าง แล้วให้ทง้ิ น้าผึง้ ไวป้ ระมาณ 3 วนั เศษผงหรือเศษ รงั ผง้ึ จะลอยขนึ้ มาใหท้ าการตกั ทงิ้ เสีย ขอ้ ควรระวงั คือ ขณะท่ีทาการเกบ็ นา้ ผึ้งเกษตรกร ไม่ควรใชม้ ือบีบรวงผึง้ เพราะจะทาให้รวงผงึ้ หรือตวั ออ่ นลงไปในน้าผึ้งได้ ซ่งึ อาจจะ สง่ ผลให้รสชาตขิ องนา้ ผึ้งเปลยี่ นไป
U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวหดั นน่้ำำน18 -วิธกี ารเก็บน้าผง้ึ • การเก็บนา้ ผ้งึ แบบสมยั ใหม่ มีดว้ ยกันอยู่ 2 วิธี คอื 1) การเกบ็ น้าผึง้ โดยใชถ้ ังสกัด ก่อนทาการเก็บน้าผง้ึ เกษตรกรควรใช้แปรงปดั ตวั ผง้ึ ลงในรังใหห้ มดเสยี ก่อนจากนน้ั ให้ทาการใช้ มีดเฉอื นไขผ้ึงที่ปดิ หลอดรวงน้าผงึ้ ออก นามาใสใ่ นถงั สลัดนา้ ผงึ้ เม่ือเกษตรกรได้น้าผง้ึ ในปริมาณท่ีตอ้ งการแล้วให้นาน้าผ้ึงไปใส่ ในถงั และบรรจุขวดตอ่ ไป การเกบ็ น้าผ้งึ ด้วยวธิ นี จ้ี ะชว่ ยใหเ้ กษตรกรไดน้ ้าผ้ึงที่สะอาดและบรสิ ุทธ์ิ 100 % 2) การเกบ็ นา้ ผ้ึงโดยไมใ่ ชถ้ งั สกดั ควรตัดเฉพาะสว่ นของนา้ ผึง้ ทง้ั หมดดา้ นบน โดยเหลอื อาหารให้ผึ้ง 3-4 รวง การตัดแบบนี้ผ้ึง งานจะสร้างหลอดรวงใหมไ่ ด้ชา้ หรือตัดเป็นช่วงๆ การตดั น้าผง้ึ วิธนี ้ีสามารถตดั ไดท้ กุ รวงเพราะมีสว่ นของน้าผง้ึ เหลือไวใ้ หเ้ ป็น สารของผึง้ และจะทาใหผ้ ึง้ ซ่อมแซมรังได้รวดเรว็ กวา่ วธิ ีแรก
หน้ำ 19 U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดั น่ำน -ขน้ั ตอนการเกบ็ น้าผ้ึง ปฏิบัติดังนี้ 1.ยกคอนท่มี นี า้ ผ้งึ มากและมตี วั ออ่ นของผงึ้ น้อยหรือไมม่ ีเลย เขย่าคอนใหผ้ ึ้งหลดุ จากคอนจนหมด 2.ใชม้ ีดบางแชน่ า้ ร้อนปาดแผน่ ไขผง้ึ ท่ปี ิดหลอดรวงน้าผง้ึ ในคอนออกให้หมด 3.นาไปใส่ในถงั สลดั นา้ ผ้งึ ถ้าไม่มถี งั สลดั อาจทาได้โดยนาตะแกรงลวดหา่ งๆมาประกบตดิ คอนนา้ ผึง้ ทงั้ สองด้านก่อนที่ จะสลดั แลว้ นาภาชนะทีม่ ีขนาดโตกว่าคอนผงึ้ มาไวร้ องรบั น้าผ้ึง ยกคอนขนึ้ ในแนวระดับแลว้ สลัดอย่างแรงให้น้าผึ้งตก ในภาชนะ จากนนั้ นานา้ ผึ้งทไ่ี ดไ้ ปหรองดว้ ยผา้ ขาวบาง ตั้งท้ิงไว้ให้ฟองอากาศลอยข้นึ แล้วจึงบรรจุใสข่ วดปิดฝาให้ สนิทสาหรับรวงผงึ้ ทส่ี ลดั นา้ ผง้ึ ออกแลว้ สามารถนากลับไปใชไ้ ด้อกี
U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวหดั นน่้ำำน20 ผลิตภัณฑ์จากนา้ ผงึ้ นา้ ผงึ้ แท้จากธรรมชาติ มปี ระโยชน์หลากหลายและรสชาตทิ ีห่ วานหอมนอกเหนือจากนา้ ผึ้ง แล้วนัน้ สว่ นประกอบอ่ืนๆของผงึ้ และรังผึ้ง ยงั ถกู นาเอาไปใชก้ บั ผลิตภัณฑอ์ ื่นๆแตกต่างกัน ออกไป ดงั นี้ 1.เกสร เกสรตา่ งๆมาจากการท่ีผงึ้ เขา้ ไปดดู น้าหวานจากดอกไมน้ านาชนดิ ผึง้ จะนาเกสรเหลา่ น้ี กลับมาไวย้ งั รงั ของมัน เพ่ือใช้ในการเลี้ยงตัวออ่ นและเลีย้ งผึ้งงานตอ่ ไป เกสรทีผ่ ึง้ เกบ็ มานน้ั ประกอบดว้ ยสารอาหารมากมาย ซึง่ มีสารอาหารหลกั นนั่ กค็ ือโปรตีน โปรตนี จากเกสรดอกไม้ เหลา่ นีม้ ีประโยชนต์ ่อการเติบโตของตวั อ่อนผงึ้ อยา่ งมากและยงั มีประโยชน์ตอ่ ร่างกายมนุษย์ อกี ดว้ ย ดังน้นั จึงเกดิ ผลิตภณั ฑ์เกสรผึ้งทช่ี ่วยบารงุ ร่างกายและดีต่อการบารงุ ผวิ พรรณเป็น อนั มาก 2.ไขผงึ้ ไขท่ีเราไดม้ าจากผงึ้ นน้ั เราจะนับเป็นไขมนั จากสัตว์ โดยเราจะเก็บไขผ้งึ แท้ได้จากรวงรงั ผึ้ง ซง่ึ ไขผึ้งในอดีตนนั้ เปน็ ของมีคา่ อยา่ งมาก สามารถใช้แลกเปลย่ี นสินค้าแทนเงินตราในสมยั นไ้ี ด้ เป็นอยา่ งดี ไขผง้ึ แทส้ ามารถนาไปทาเทยี นไขได้อีกด้วย ซึง่ การใชไ้ ขผึง้ เปน็ ส่วนผสมของ ผลติ ภณั ฑต์ ่างๆไม่วา่ จะเปน็ กาว หมากฝรั่ง ครีมบารุงผิว โฟมลา้ งหนา้ ไขผงึ้ มาปั้นหุ่นชนดิ ต่างๆไดอ้ กี ดว้ ย อาทเิ ชน่ หนุ่ คน หรือหนุ่ บคุ คลสาคัญและเป็นทีน่ ยิ มมากในการปัน้ พระพุทธรูป ในวัดวาอารามตา่ งๆ
U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวหดั นน่้ำำน21 ผลติ ภณั ฑ์จากนา้ ผึ้ง 3.นมผึ้ง นมผึ้งหรอื เรียกอีกอยา่ งว่า Royal jelly นมผึ้งนั้นใช้เปน็ อาหารให้กบั ผึง้ นางพญาและผ้งึ ตัวออ่ นด่ืมกนิ เพอ่ื เจรญิ เติบโต นมผึ้งมาจากผึง้ งานท่มี ีอายุตัง้ แตห่ ้าถึงสบิ ห้าวนั ซึง่ ผลิตมาจากตอ่ มท่ีอยสู่ ่วนหวั ของผงึ้ งาน โดยผ้ึงงานจะคายลงไปในหลอด รวงให้แก่ตัวอ่อนและนามาใหผ้ ้งึ นางพญาอีกดว้ ย นมผึง้ มีลกั ษณะสีขาวๆมีรสชาตเิ ปรย้ี วเผด็ มีประโยชน์อย่างมากในการ เลีย้ งตัวอ่อนของผึ้งทุกชนดิ ผ้ึงวรรณะผึ้งงานจะไดร้ บั นมผ้งึ จนอายคุ รบสามวนั แต่หากตวั ออ่ นท่จี ะเจริญไปเปน็ ผึง้ นางพญา จะไดร้ บั นมผ้ึงมากกว่าปกติ ซึง่ จะได้รบั ตลอดชีวติ ของมัน ด้วยเหตนุ ีผ้ ้ึงนางพญาจึงตวั โตกวา่ ผงึ้ ในวรรณะอนื่ ๆ และมีความ แข็งแรงกว่ามาก ซึ่งจากการศกึ ษาโภชนาการของนมผึ้งพบสารอาหารหลากหลายชนดิ ไมว่ ่าจะเปน็ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมนั แร่ธาตแุ ละวติ ามินหลากหลายชนิด โดยมีวิตามนิ บสี ูงทสี่ ดุ จงึ ช่วยบารุงสมองใหฉ้ ลาดและมไี หวพริบดีอกี ดว้ ย ด้วยเหตุ น้จี งึ มกี ารนานมผงึ้ มาเปน็ สว่ นผสมของอาหารและใช้กินเปน็ อาหารเสริมรวมไปถงึ การนามาผสมกับเคร่อื งสาอางบารุง ผวิ พรรณใหผ้ ่องใสไดอ้ กี ด้วย 4.พิษผึง้ พิษของผง้ึ ทส่ี กัดมาจากหลายๆแหลง่ ไมว่ ่าที่ใดกต็ ามพบวา่ มีสารเคมีชนิดเดยี วกัน ไดแ้ ก่ โดพามีน ฮสิ ตามีน อะพามนี และเอนไซน์หลากหลายชนดิ ซ่ึงมอี ัตราสว่ นทีใ่ กล้เคียงกนั มาก ไม่ว่าจะเปน็ ผึง้ เลยี้ งหรือผงึ้ ปา่ จงึ สรุปได้ว่าผ้ึงสามารถ สงั เคราะห์สารเคมเี ป็นพษิ ขนึ้ มาไดเ้ องโดยไมเ่ กีย่ วกบั สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยผลติ ภัณฑจ์ ากพิษผ้ึงมีประโยชนต์ ่อ สขุ ภาพเช่นกนั ไม่ว่าจะเป็นการรกั ษาโรคภมู ิแพ้ โรคมาตซิ ัม ในสมัยโบราณประเทศฝง่ั ตะวันตกใชผ้ ง้ึ ต่อยเพือ่ รกั ษาโรคปวด ไขข้อกระดูกพบวา่ พษิ ของผง้ึ แมจ้ ะทาความเจบ็ ปวดให้รา่ งกายแต่กลับทาให้หายเจบ็ ปวดจากขอ้ กระดกู ได้
U2T ตำบลส้ำน อำเภอเวียงสำ จงั หวดหั นน่้ำำน21 บรรณานกุ รม https://www.rakbankerd.com/agriculture http://forprod.forest.go.th (สานกั งานป่ าไมพ้ ษิ ณโุ ลก) https://www4.fisheries.go.th/ (ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาอา่ วคงุ้ กระเบน อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั จนั ทบรุ ี)
ทีมท่ีปรึกษาโครงการ จดั ทาโดย ทีม U2T ส้าน มหาวิทยาลยั แม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ นางธนันธรณ์ วฒุ ิญาน ผชู้ ่วยศำสตรำจำรย์ ดร.ตะวนั ฉัตรสงู เนิน หวั หน้ำโครงกำร 1 ตำบล 1 มหำวิทยำลยั พนื้ ท่ีตำบลส้ำน ผชู้ ่วยศำสตรำจำรย์ ดร.วรศิลป์ มำลยั ทอง นำงแอน สีสวรรค์ นำงสำวกมลนิตย์ บรุ ินรมั ย์ อำจำรย์ ดร.เกษรำพร ทิรำวงศ์ นำงสำวอภิสรำ สคุ ำ นำยเนติพงศ์ ต่ำงใจ อำจำรย์ ดร.อำนวยพร ใหญ่ย่ิง นำงสำวสภุ ำลกั ษณ์ เตชำ นำงสำวสตุ ำภทั ร วงคก์ องแก้ว นำยสิทิไวกลู ทิรำวงศ์ นำงสำวขวญั ฤทยั กนั ใจ นำยเสกสิทธ์ิ แก้วใส นำยกิติพงษ์ วฒุ ิญำณ นำงเพียรจิต ทำนะ นำงสำวกญั ญำรตั น์ ป้องตนั นำยกษิดิศ กองตำนพคณุ นำยปรชั ญำ อินอำรำม องคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลส้ำน นำงสำววรทั ยำ สนุ ัน นำงสำวศิริวรรณ ใหมจ่ นั ทร์ นำยปรมินทร์ วงศก์ องแก้ว นำยศภุ กฤต สำรมะโน นำยด่ำนชยั ด่ำนธนะทรพั ย์ ว่ำที่ ร.ต.หญิง ปรำงทิพย์ ณรินทรส์ กลุ นำงสำวจีรนันท์ โนพวน นำยชิน พฒั นำ นำยรชั พล ดอนจนั ทร์ นำงสำวบศุ รำภรณ์ สมบตั ิปัน นำงสำววชั รี วรรณภพ ขอขอบคณุ นำยสมชำย สิทธิกำ กล่มุ เกษตรกรผเู้ ลี้ยงผงึ้ ตำบลส้ำน และผมู้ ีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่ำน
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: