นาฏศิลป์ไทย by ครูพลอย
โขน โขน เป็นมหรสพของหลวง เกดิ ข้นึ ครัง้ แรกในสมัยกรุงศรอี ยธุ ยำ ถือเป็นเคร่ืองประกอบอิศริยยศอย่ำงหนง่ึ ของพระมหำกษัตริย์ กำเนิดโขน • กำรเล่นกระบ่ีกระบอง • กำรเล่นหนังใหญ่ โขนปรับปรุงและพัฒนำมำจำกกำร • กำรเล่นชักนำคดึกดำบรรพ์ แสดง ๓ ประเภท คือกำรเล่นกระบี่ กระบอง กำรเล่นหนังใหญ่ และกำร เล่นชักนำคดึกดำบรรพ์ โดยรวบรวม เอสวิธีกำรเล้น วิธีกำรแต่งกำย ท่ำ เต้น คำพำกย์ คำเจรจำ มำปรับใช้ใน กำรแสดง
๑. พฒั นำมำจำกกำรเลน่ กระบี่กระบอง กำรฝกึ ใชอ้ ำวุธเพื่อป้องกนั ตัวหรือตอ่ สู้ ด้วยอำวธุ ชนิดต่ำงๆเช่นกระบกี่ ระบอง พลอง และหอก รวมถงึ กำรฝกึ ใชเ้ ครื่องปอ้ งกนั กำบงั เช่น โล่ เขน และดัง้ ผู้เรียนวิชำกระบ่ี กระบองจะตอ้ งฝกึ ฝนท่ำทำงตำ่ งๆตำมกระบวน เพลงอำวธุ นั้นนัน้ จนเกิดควำมชำนำญเน่อื งจำก ฉำกสำคญั ในกำรแสดงโขนเช่น ฉำกบพ จำเปน็ ตอ้ งใชค้ วำมคล่องตัวในกำรใช้อำวธุ กระบ่กี ระบอง ทา่ ทางการตอ่ สู้และการใชอ้ าวธุ
กำรเล่นหนังใหญ่ หนังใหญเ่ ปน็ มหรสพโบรำณทม่ี ขี นบธรรมเนยี มและจำรตี ประเพณี กรรมใกลเ้ คยี งกบั กำรแสดงโขนซง่ึ หนงั กบั โขนจะแสดงเรอื่ ง “รำมเกยี รต”์ิ เหมือนกนั จำรตี รวมของหนงั ใหญแ่ ละโขนคอื กำร บรรเลงเพลงหนำ้ พำทยป์ ระกอบกำรแสดงเพอื่ ใชบ้ อกกริ ยิ ำอำกำรของ ตัวแสดงและจะมผี พู้ ำกย์ เจรจำ แทนตวั แสดง ทำ่ ทำงกำรแสดงจะ ใช้ทำ่ ทำงกำรเตน้ เขนในกำรแสดง หนงั ใหญ่ ทา่ ทางการแสดงและการพากย์ เจรจา
๓. พฒั นำมำจำกกำรเล่นชักนำคดึกดำบรรพ์ กำรแสดงชักนำคดึกดำบรรพ์ เป็นกำรแสดงท่ีมีเรื่องเป็น ตำนำนทำงไสยศำสตร์ เชื่อว่ำ ถ้ำได้แสดงแล้วจะนำควำมเป็น สวัสดีมงคลให้แก่ผู้แสดงและประเทศชำติ จึงได้จัดแสดงใน พระรำชพิธีอินทรำภิเษกในสมัยกรุงศรีอยุธยำ เร่ืองในตำนำนมีว่ำ เทวดำกับอสูรมีควำมต้องกำรตรงกัน คืออยำกมีชีวิตเป็นอมตะ จึงชวนกันไปกวนนำ้ ในเกษียรสมุทร เพ่ือทำนำ้ อมฤตข้ึนมำด่ืมให้ชีวิตเป็นอมตะ เม่ือกำรกวนนำ้ อมฤตสำเร็จลง เทวดำและอสูรกลับแย่งนำ้ อมฤตกัน มุ่งหมำยจะครอบครองเพียงฝ่ำยเดียว สุดท้ำยเทวดำชนะได้อมฤตไป เทวดำจึงได้เป็นใหญ่ในสวรรค์จนทึกวันน้ี น่ีคือตำนำนเร่ืองที่นำมำแสดงชักนำคดึกดำบรรพ์ ชกั นาคดกึ ดาบรรพ์ การแตง่ กาย และการแบง่ ฝา่ ยของตวั ละคร
นำฏศิลป์ไทย by ครูพลอย ประเภทของโขน
-การเลน่ โขนบนพน้ื ดนิ กลางสนาม -ไมต่ อ้ งสร้างโรงให้เล่น -นิยมแสดงตอนยกทพั รบกัน -การแสดงมเี พียงการยกทัพและ การรบเป็นหลกั -ใชว้ งปพี่ าทยบ์ รรเลง ๒ วง ๑. โขนกลางแปลง
๒. โขนโรงนอก หรือโขนนั่งราว เป็นการแสดงบนโรงมหี ลังคา ไมม่ ีเตยี งสาหรับตวั โขนน่ัง แต่มี ราวพาดตามสว่ นยาวของโรงตรงหนา้ ฉาก (ม่าน) มีช่องทางให้ผ้แู สดงเดินไดร้ อบราวแทนเตยี ง มีการพากยแ์ ละ เจรจา แต่ไม่มกี ารรอ้ ง ปี่พาทยบ์ รรเลงเพลงหนา้ พาทย์ มีป่ี พาทย์ ๒ วง เพราะตอ้ งบรรเลงมาก ต้ังหวั โรงทา้ ยโรง จงึ เรยี กว่าวงหัวและวงทา้ ย หรือวงซา้ ยและวงขวา วนั กอ่ นแสดง โขนนงั่ ราวจะมีการโหมโรง และให้พวกโขนออกมากระทุง้ เสา้ ตามจงั หวะเพลง พอจบโหมโรงก็แสดงตอนพริ าพออกเท่ียว ป่า จับสัตว์กินเป็นอาหาร พระรามหลงเขา้ สวนพวาทองของพ ราพ แลว้ ก็หยุดแสดง พักนอนค้างคนื ที่โรงโขน รุง่ ข้นึ จึงแสดง ตามเรื่องที่เตรยี มไว้ จงึ เรยี กวา่ \"โขนนอนโรง
๓. โขนหนำ้ จอ โขนทเี่ ล่นตรงหน้าจอ ซึ่งเดมิ เขาขึงไว้ สาหรับเลน่ หนังใหญ่ ในการเลน่ หนังใหญ่ น้นั มกี ารเชิดหนังใหญอ่ ย่หู นา้ จอผ้าขาว การแสดงหนังใหญม่ ีศิลปะสาคญั คือการ พากย์และเจรจา มดี นตรีปี่พาทยป์ ระกอบการ แสดง ผู้เชดิ ตัวหนังต้องเต้นตามลีลาและ จังหวะดนตรี นยิ มแสดงเรื่องรามเกยี รติ์ ต่อมา มีการปล่อยตวั แสดงออกมาแสดงหนังจอ แทน การเชดิ หนังในบางตอน เรยี กว่า \"หนงั ติดตัว โขน\" มผี ู้นิยมมากขนึ้ เลยปล่อยตัวโขน ออกมาแสดงหน้าจอตลอด ไม่มีการเชิดหนงั เลย จึงกลายเปน็ โขนหนา้ จอ และต้องแขวะ จอเป็นประตอู อก ๒ ข้าง เรยี กว่า \"จอแขวะ\"
๔. โขนโรงใน โขนทนี่ าศิลปะของละครในเข้ามาผสม โขนโรงในมีปพ่ี าทยบ์ รรเลง ๒ วงผลดั กัน การแสดงก็มที ัง้ ออกทา่ ราเต้น มีการพากยแ์ ละเจรจาตาม แบบโขน กับนาเพลงขบั ร้องและเพลงประกอบกริ ิยาอาการ ของดนตรีแบบละครใน และมกี ารนาระบาราฟ้อนผสมเข้าดว้ ย เปน็ การ ปรับปรุงใหว้ ิวัฒนาการขน้ึ อีก การผสมผสานระหว่างโขนกบั ละครใน สมัยรชั กาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๒ ท้งั มรี าชกวภี ายในราชสานกั ชว่ ยปรับปรงุ ขัดเกลา และประพันธบ์ ทพากยบ์ ทเจรจาใหไ้ พเราะสละสลวยขนึ้ อกี โขน ท่ีกรมศลิ ปากรนาออกแสดงในปัจจุบนั น้ี ก็ใช้ศิลปะการแสดงแบบโขน โรงใน ไม่วา่ จะแสดงกลางแจง้ หรือแสดงหน้าจอก็ตาม
๕. โขนฉาก ดขึน้ ในสมยั รชั กาลท่ี ๕ เม่อื มีผู้คดิ สรา้ งฉากประกอบเรื่องเม่อื สดงโขนบนเวที คล้ายกบั ละครดกึ ดาบรรพ์ สว่ นวธิ ีแสดง าเนินเชน่ เดียวกับโขนโรงใน แตม่ กี ารแบง่ เปน็ ชดุ เป็นตอน ปน็ ฉาก และจดั ฉากประกอบตามทอ้ งเร่อื ง จึงมกี ารตดั ต่อเร่ือง หม่ไมใ่ ห้ยอ้ นไปยอ้ นมา เพ่ือสะดวกในการจดั ฉาก กรม ลปากรได้ทาบทเป็นชดุ ๆ ไวห้ ลายชุด เช่น ชุดปราบกากนา ร ชดุ มัยราพณ์สะกดทพั ชุดชดุ นางลอย ชุดนาคบาศ ชุด รหมาสตร์ ชดุ ศึกวริ ญุ จาบงั ชุดทาลายพธิ หี งุ นา้ ทพิ ย์ ชดุ สดี า ยไฟและปราบบรรลยั กัลป์ ชุดหนมุ านอาสา ดพระรามเดินดง ชุดพระรามครองเมือง
การแสดงโขน โดยทว่ั ไปนยิ มแสดงเรอื่ ง \"รามเกยี รติ์\" กรมศิลปากรเคยจัดแสดงเรอ่ื ง อุณรฑุ แต่ไมเ่ ป็นที่นิยมเท่าเร่ืองรามเกียรติ์ เรือ่ งรามเกยี รติ์ที่นามาแสดงโขนน้ัน มีหลายสานวน ทั้งทป่ี ระพันธ์ขึน้ ในสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา กรุงธนบรุ แี ละกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะบทในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ นยิ มแสดงตามสานวนของรชั กาลที่ ๒ ที่กรมศลิ ปากร ปรบั ปรุงเปน็ ชดุ เป็นตอน เพื่อแสดงโขนฉาก ก็เดนิ เรือ่ งตามสานวนของรชั กาลที่ ๒ รัชกาลท่ี ๖ ก็เคยทรงพระราชนิพนธบ์ ทร้องและบทพากยไ์ วถ้ ึง ๖ ชดุ คอื ชุดสีดาหาย ชุดเผาลงกา ชดุ พิเภกถกู ขบั ชุดจองถนน ชุดประเดิมศึกลงกา และชดุ นาคบาศ
วธิ กี ารดูโขน โขนเปน็ ละครใบ้ โดยเฉพาะโขนกลางแปลง ผู้ดูจึงต้องดกู าร แสดงทา่ ทาง ซ่งึ จะบอกความหมาย ความรู้สึก ความคดิ ความ ประสงค์ตา่ งๆ ได้ทุกอยา่ ง ทา่ ทางทโ่ี ขนแสดงออกย่อมสมั พันธ์ กบั ดนตรี ฉะนั้น หนา้ พาทยต์ ่างๆ ท่ีใชใ้ นการแสดงโขนจึงมี ความสาคญั มาก เช่น เพลงกราวนอก กราวในท่ีใช้ในเวลาจดั ทัพ แสดงใหเ้ ห็นความเข้มแข็งคึกคักของทหาร ทา่ ทางของผู้ แสดงก็แสดงใหเ้ ห็นความเขม้ แข็งคึกคกั กระหยิ่ม องอาจ กลา้ หาญ ความพรอ้ มเพรยี งของกองทัพ หรือเพลงเชิดและ ทา่ รบ ก็แสดงใหเ้ ห็นการรุกไลห่ ลบหลกี ปดิ ป้อง หลอกลอ่ ต่างๆ
เคร่อื งแต่งกายในการแสดงโขน เครื่องแต่งกายในการแสดงโขนคือเคร่ืองแตง่ ตัวซึ่งเรยี กว่า “แต่งกายยืนเครือ่ งโขน” ไดจ้ า ลองรปู แบบเคร่ืองต้น อนั เป็น เครื่องทรงของพระมหากษตั ริย์ที่ใช้ทรงในเวลาประกอบพระราช พิธีสาคัญๆ และหวั โขน เป็นเคร่ืองแต่งกายท่ีสาคัญทสี่ ดุ ชิ้นหน่ึง มกี รรมวธิ ีการสร้างทต่ี ้องอาศัย ความชานาญ ความปราณตี และฝมี อื ในการปันหุน่ ตดิ พมิ พ์ เขียนลวดลาย ปดิ ทอง ประดบั เพชร เป็นงานแทศ้ ลิ ปอ์ ยา่ งหน่งึ ในงานช่างสบิ หมู่ของ ไทยที่สบื ทอดกนั มาแตโ่ บราณ
ดนตรปี ระกอบการแสดงโขน วงดนตรปี ระกอบการแสดงโขนคอื “วงปพ่ี าทย์” วงดนตรีทีใ่ ชบ้ รรเลงประกอบการแสดงโขน คือ วงปพ่ี าทย์ ซึ่ง จัดเปน็ วงดนตรีทเี่ ปน็ เอกลกั ษณ์ ประจาชาติของเรานอกจากน้ี นกั ดนตรจี ะตอ้ ง เป็นผู้มีความสามารถและประสบการณ์สงู เพราะในการแสดงโขนน้ันจะตอ้ งบรรเลงเพลง ประกอบการขับรอ้ งเพลง หน้าพาทย์ประกอบ อากปั กยิ าของตัวโขนในตอนทส่ี าคัญ
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: