Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 7 ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น_E_Book

เล่มที่ 7 ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น_E_Book

Published by deelert House, 2020-07-14 11:05:39

Description: เล่มที่ 7 ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น_E_Book

Search

Read the Text Version

หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ ส์ เร่อื ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถิ่น ศศิมาภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทร์เขต 3

ก หนงั สืออเิ ล็กทรอนิกส์ เรอื่ ง ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถิน่ คาแนะนาการใช้หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์หน่วยการเรียนส่ิงมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 มีทั้งหมด 9 ชุด ซึ่งผู้วิจัยได้พัฒนาข้ึนจากประสบการณ์ และการศึกษาสภาพปัญหา เพื่อให้เป็นสื่อการเรียนรู้ ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้นักเรียนได้เรียนรู้ ดว้ ยตนเอง เกิดความสนใจ มคี วามสุข และสนุกในการเรยี นรู้ โดยครูเป็นผู้ให้คาปรึกษา แนะนา และ ควบคมุ การเรียนการสอนให้เปน็ ไปตามแผนทก่ี าหนดไว้ ทั้งน้ขี อใหด้ าเนินการดังน้ี 1. ครูควรศกึ ษาแผนการสอนและสื่อการเรียนรใู้ หเ้ ขา้ ใจกอ่ นจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครตู ้องแจ้งขน้ั ตอนการเรยี น การใชส้ ื่อการเรยี นรใู้ ห้นกั เรยี นเข้าใจกอ่ นจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้ และผู้ใหค้ าปรกึ ษา แนะนา และควบคมุ การเรียนการสอนใหเ้ ปน็ ไปตามแผนที่กาหนดไว้ 3. เมอ่ื ครูดาเนินการสอนตามแผนทก่ี าหนดไว้แล้ว สามารถทาสาเนาหนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ ฉบบั นีใ้ ห้นักเรยี นเพอื่ นาไปทบทวนทบ่ี ้านได้ ทัง้ นนี้ กั เรียนควรดาเนินการดังน้ี 3.1 นกั เรยี นมเี วลาศกึ ษาเน้ือหาบทเรยี น 30 นาที 3.2 ในขณะท่ศี กึ ษาเมือ่ พบปัญหาหรือข้อขอ้ งใจให้ปรึกษาครู 3.3 เม่ือศกึ ษาจบแลว้ ให้ทาแบบฝึกพัฒนาการเรยี นร้แู ละแบบทดสอบโดยใชเ้ วลา 30 นาที 3.4 นกั เรยี นควรซ่อื สัตยต์ ่อตนเองโดยไม่แอบดเู ฉลยในแบบฝกึ พฒั นาการเรยี นรแู้ ละ แบบทดสอบ สาระสาคัญ เร่ือง ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถน่ิ ทรพั ยากรธรรมชาตเิ ปน็ สิ่งที่สาคญั เปน็ ตน้ ทนุ หรอื วตั ถุดิบที่มนษุ ย์นามาใช้เพอื่ ความเจริญทาง เศรษฐกิจ ประเทศใดก็ตามท่อี ดุ มสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศน้ันจะมีความรา่ รวยและ มคี วามเจริญทางดา้ นเศรษฐกจิ หากนาทรัพยากรธรรมชาติมาใชไ้ ม่ถกู วิธีก็ทาให้ทรัพยากรธรรมชาติ บางชนิดหมดไปจากโลกได้ ควรเรียนรถู้ งึ ความสาคัญของทรพั ยากรธรรมชาติ เรียนรู้ถงึ ประเภทของ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละเข้าใจถึงทรัพยากรธรรมชาตเิ หล่านน้ั เพือ่ การวางแผนการจดั การที่มคี ณุ ภาพ หน้าหลกั สารบญั ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนบ้านอาโพน สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ ินทร์เขต 3

ข หนงั สอื อิเลก็ ทรอนิกส์ เรอื่ ง ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถิน่ มาตรฐานการเรยี นร้ตู วั ช้ีวดั มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติในระดบั ทอ้ งถิ่น ประเทศ และโลกนาความรไู้ ปใช้ในในการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมใน ท้องถิ่นอยา่ งยง่ั ยนื ตวั ชวี้ ดั มฐ ว 2.2 ป.6/1 สบื คน้ ขอ้ มูลและอภปิ รายแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในแตล่ ะท้องถิ่นท่ีเปน็ ประโยชนต์ ่อการดารงชีวติ มฐ ว 8.1 ป.6/1-ป.6/8 บรู ณาการสู่การเรยี นรใู้ นการจัดการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) อธิบายความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถ่นิ ได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) สารวจทรัพยากรธรรมชาติในท้องถนิ่ ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) มพี ฤติกรรมการทางานกล่มุ ท่ีดี - มีวินัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มุ่งม่นั ในการทางาน - ซื่อสตั ย์สจุ รติ หน้าหลกั สารบญั ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทร์เขต 3

ค หนังสืออิเล็กทรอนกิ ส์ เรอื่ ง ทรัพยากรธรรมชาตใิ นท้องถิ่น สารบัญ คาแนะนาในการใชห้ นงั สอื อิเล็กทรอนิกส์ ก สาระสาคญั ก มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชี้วัด ข จุดประสงค์การเรียนรู้ ข ทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถ่ิน 1 แบบฝึกพัฒนาการเรียนรู้ 16 เฉลยแบบฝกึ พฒั นาการเรียนรู้ 18 แบบทดสอบยอ่ ย 19 เฉลยแบบทดสอบย่อย 21 สรปุ ผลการเรยี นรู้ 26 บรรณานุกรม 27 หน้าหลกั สารบญั ปิด ศศมิ าภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสรุ นิ ทร์เขต 3

1 หนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ เร่ือง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถิ่น ทรัพยากรธรรมชาตใิ นท้องถนิ่ ทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สิ่งท่ีเกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาตแิ ละมนษุ ย์สามารถนามาใช้ ประโยชน์ในลกั ษณะตา่ ง ๆได้ เพ่อื สนองความตอ้ งการอนั ก่อให้เกดิ การกินดอี ยดู่ ี ทรัพยากรหลกั ทส่ี าคัญไดแ้ ก่ ดิน ปา่ ไม้ น้า และ แรธ่ าตุ ดิน ปา่ ไม้ น้า แรธ่ าตุ ภาพที่ 1 แสดงทรัพยากรหลักที่สาคญั เนื่องจากในปจั จบุ ันประชากรในแตล่ ะท้องถนิ่ นัน้ ไดเ้ พ่ิมจานวนมากขึน้ ทาใหแ้ ต่ละทอ้ งถิ่นนัน้ มกี ารใชท้ รัพยากรมากขึน้ ดว้ ย ดังน้ันเราควรมาศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกบั ทรพั ยากรในท้องถ่ินของเรา ว่ามอี ะไรบ้าง เพอ่ื ท่จี ะสามารถใชป้ ระโยชน์ของทรัพยากรไดอ้ ยา่ งประหยัด ไดอ้ ย่างถกู วิธี หนา้ หลัก สารบัญ ปดิ ศศิมาภรณ์ ดีเลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ โรงเรยี นบา้ นอาโพน สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสุรนิ ทรเ์ ขต 3

2 หนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ เร่อื ง ทรัพยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถน่ิ ประโยชนข์ องดนิ ทรพั ยากรดนิ ดนิ เปน็ ทรพั ยากรทเ่ี กิดขนึ้ เองตามธรรมชาติ เกดิ จากการสลายตัว ผุพังของหนิ ชนดิ ต่าง ๆ และการทบั ถมกนั ของซากพชื ซากสตั ว์ นา้ อากาศ แลว้ กลายเปน็ เนอ้ื ดนิ ดินมีความสาคัญตอ่ การ ดารงชวี ิตของพืช ซง่ึ มปี ระโยชนต์ อ่ มนุษยแ์ ละสตั วอ์ ีกต่อหน่ึง ดนิ มีลักษณะแตกต่างกนั ไปขน้ึ อย่กู ับ สภาพภมู ิประเทศ ภูมิอากาศ และชนิดของเปลอื กโลกท่ีใหก้ าเนิดดิน ประโยชนข์ องดิน ภาพท่ี 2 แสดงประโยชน์ของดิน ดนิ เปน็ ตน้ กาเนิดของการเกษตรกรรมเปน็ แหล่งผลิตอาหารของมนุษยใ์ นดนิ มีอนิ ทรียวตั ถแุ ละ ธาตุอาหารรวมทัง้ มนี า้ ทจี่ าเปน็ ตอ่ การเจริญเติบโตของพชื และอาหารทม่ี นษุ ยบ์ รโิ ภคต่อวันมาจาก เกษตรกรรมถงึ 90 เปอรเ์ ซ็นต์ ประโยชน์ของดินต่อการเล้ียงสัตว์ เพราะว่าดินเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ เพราะว่าดนิ มีพวกพืช และหญา้ ที่ข้นึ อยตู่ ลอดจนเปน็ แหล่งทอ่ี ยู่อาศยั ของสตั ว์บางชนิด เชน่ งู ไส้เดือนดิน ภาพที่ 3 แสดงประโยชนข์ องดินตอ่ การเลย้ี งสตั ว์และท่ีอย่อู าศยั ของสัตว์ หน้าหลกั สารบัญ ปิด ศศิมาภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบา้ นอาโพน สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทรเ์ ขต 3

3 หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ เรอื่ ง ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่นิ ประโยชน์ของดินต่อทอี่ ยู่อาศัย แผ่นดินเป็นท่ีตั้งของเมือง บ้านเรือน สถานท่ีท่องเทยี่ ว ส่ิงก่อสร้าง ตา่ งๆ ทาให้เกดิ วัฒนธรรมและอารยธรรมของมนุษยท์ ่ีอยู่ในชุมชนต่างๆ มากมาย ภาพท่ี 4 แสดงประโยชนข์ องดนิ ตอ่ ที่อยู่อาศยั ประโยชน์ของดนิ ต่อการกักเก็บนา้ เนอื้ ดนิ จะมีสว่ นประกอบสาคญั คือ อากาศ ดนิ สว่ นใหญท่ ี่ ประกอบไปดว้ ยแรธ่ าตุต่างๆ สว่ นท่ีเป็นของแขง็ ได้แก่ กรวด ทราย ตะกอน ซากพชื ซากสัตว์ ส่วนท่ี เปน็ ของเหลวคือ นา้ ซ่งึ อยูใ่ นรูปของความชื้นของดิน ซ่ึงถา้ ดินท่ีมคี วามชนื้ มากๆ จะกลายเปน็ แหลง่ น้าที่ซึมอยใู่ ต้ดิน น้าเหล่านจ้ี ะค่อยๆ ซมึ ลงทต่ี า่ เช่น แมน่ ้า ลาคลอง ให้เรามนี ้าใชต้ ลอด สว่ นประกอบของดิน ส่วนประกอบของเน้อื ดนิ - อากาศ - ดนิ สว่ นใหญท่ ่ปี ระกอบไปด้วยธาตตุ า่ ง ๆ - ส่วนท่เี ปน็ ของแขง็ ไดแ้ ก่ กรวด ทราย ตะกอน ซากพืชซากสตั ว์ - สว่ นที่เป็นของเหลวคือ น้า ซึ่งอยใู่ นรูปของความชื้นของดิน ซง่ึ ถ้าดินท่ีมคี วามชนื้ มากๆ ก็จะกลายเปน็ แหล่งนา้ ทซ่ี ึมอย่ใู ตด้ ิน น้าเหล่าน้ีจะคอ่ ยๆซมึ ลงที่ตา่ เชน่ แมน่ ้า ลาคลอง ใหเ้ รามีน้าใช้ ตลอด หนา้ หลัก ภาพที่ 5 แสดงส่วนประกอบของเน้ือดิน ปิด สารบญั ศศมิ าภรณ์ ดีเลิศ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทรเ์ ขต 3

4 หนังสอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เรอ่ื ง ทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถิ่น ทรัพยากรนา้ เปน็ ทรพั ยากรธรรมชาติที่สามารถเกิด และหมุนเวียนได้เร่ือยๆ ไม่มีวันหมดสิ้น ซ่ึงโลกของเรา ประกอบข้ึนด้วยพ้ืนดินและพื้นน้า โดยส่วนที่เป็นผืนน้านั้น มีอยู่ประมาณ 3 ส่วน (75%) และเป็น พื้นดิน 1 ส่วน (25%) น้ามคี วามสาคัญอยา่ งย่ิงกับชีวติ ของพืชและสัตวบ์ นโลกรวมทงั้ มนษุ ยเ์ ราด้วย น้าเปน็ ทรัพยากรธรรมชาติทส่ี ามารถเกิดหมุนเวียนไดเ้ รื่อยๆ ไม่มวี นั หมดสน้ิ เมอื่ แสงแดดสอ่ งมาบน พ้นื โลก นา้ จากทะเลและมหาสมุทรกจ็ ะระเหยเป็นไอนา้ ลอยขนึ้ สเู่ บื้องบนเน่ืองจากไอนา้ มคี วามเบา กว่าอากาศ เมอ่ื ไอนา้ ลอยสู่เบือ้ งบนแลว้ จะได้รบั ความเยน็ และกลัน่ ตัวกลายเป็นละอองน้าเล็กๆลอย จับตวั กันเปน็ กล่มุ เมฆ เมือ่ จับตัวกนั มากขึ้นและกระทบความเย็นกจ็ ะกลั่นตวั กลายเป็นหยดน้าตกลง ส่พู ้นื โลก น้าบนพ้ืนโลกจะระเหยกลายเปน็ ไอนา้ อีกเม่อื ไดร้ ับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ไอนา้ จะ รวมตวั กนั เปน็ เมฆและกล่ันตวั เป็นหยดน้ากระบวนการเช่นนี้ เกิดข้นึ เปน็ วัฏจักรหมุนเวียน ต่อเนื่องกันตลอดเวลา เรยี กว่า วฏั จกั รนา้ ทาใหม้ นี า้ เกิดขน้ึ บนผิวโลกอยู่สม่าเสมอ ภาพที่ 6 แสดงทรพั ยากรน้า ประโยชนข์ องนา้ น้ามีความจาเป็นต่อการดารงชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตมาก แหล่งน้าในโลกท่ีมนุษย์ นามาใช้ประโยชน์มี 2 ประเภท ได้แก่ น้าบนดิน และน้าใต้ดิน แหล่งน้าจะแนกเป็นน้าทะเล และ มหาสมุทรซึง่ มปี ระมาณ 97 เปอร์เซ็นต์ นา้ จืดผดิ ดนิ และใตด้ ินประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ ในบรรยากาศ ในรปู ของไอนา้ ประมาณ 0.001 เปอร์เซ็นต์ และนา้ แขง็ ขั้วโลกหรือหิมะประมาณ 2.1 เปอร์เซ็นต์น้า เป็นแหล่งกาเนิดชีวิตของสัตว์และพืชคนเรามีชีวิตอยู่โดยขาดน้าได้ไม่เกิน 3 วันและน้ายังมีความ จาเป็นทัง้ ในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ซง่ึ มีความสาคญั อยา่ งยิ่งในการพัฒนาประเทศ หนา้ หลกั สารบญั ปิด ศศิมาภรณ์ ดีเลิศ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ โรงเรียนบ้านอาโพน สานักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ ินทร์เขต 3

5 หนงั สืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาตใิ นท้องถน่ิ ประโยชน์ของน้า - น้าเป็นแหล่งกาเนิดชีวิตของสัตว์และพืช ภาพท่ี 7 แสดงน้าเปน็ แหล่งกาเนดิ ชวี ิตของสัตว์และพชื - นา้ เปน็ สิ่งจาเป็นท่ีเราใชส้ าหรับการดมื่ กิน การประกอบอาหาร ชาระร่างกาย ฯลฯ ภาพที่ 8 แสดงอุณหภมู มิ ีอทิ ธิพลตอ่ การปรับตัวเพ่ือความอยรู่ อดของสิง่ มีชีวิต - น้าใชใ้ นภาคเกษตรกรรม การเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ เป็นท่อี ยอู่ าศัยของสัตว์นา้ ซงึ่ คนเราใช้ เป็นอาหาร ภาพท่ี 9 แสดงนา้ ใช้ในภาคเกษตรกรรม หนา้ หลกั สารบญั ปิด ศศิมาภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนบ้านอาโพน สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสรุ ินทร์เขต 3

6 หนังสอื อิเล็กทรอนกิ ส์ เรื่อง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่นิ - น้าใชใ้ นการอตุ สาหกรรมในกระบวนการผลติ ตอ้ งใช้น้าในขบวนการผลิตใชล้ ้างของเสียใช้ หล่อเครอื่ งจกั รและระบายความร้อน ฯลฯ ภาพท่ี 10 แสดงน้าใชใ้ นการอตุ สาหกรรม - การทานาเกลอื โดยการระเหยนา้ เคม็ จากทะเล ภาพที่ 11 แสดงการทานาเกลือ - นา้ เป็นแหล่งพลังงาน พลังงานจากนา้ ใช้ทาระหดั วิดน้าเข้านา พลังงานนา้ นามาผลิต กระแสไฟฟา้ ได้ ภาพที่ 12 แสดงนา้ เปน็ แหล่งพลังงาน หน้าหลัก สารบัญ ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดีเลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบา้ นอาโพน สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสุรินทรเ์ ขต 3

7 หนังสอื อิเล็กทรอนกิ ส์ เรื่อง ทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถนิ่ - แม่น้า ลาคลอง ทะเล มหาสมทุ ร เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งทีส่ าคัญ ภาพท่ี 13 แสดงนา้ เส้นทางคมนาคมขนส่งทส่ี าคัญ - ทศั นียภาพของรมิ ฝัง่ ทะเลและนา้ ที่ใสสะอาดเปน็ แหลง่ ท่องเท่ยี วของมนษุ ย์ ภาพท่ี 14 แสดงนา้ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว หน้าหลัก สารบญั ปิด ศศิมาภรณ์ ดีเลศิ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทรเ์ ขต 3

8 หนังสืออิเลก็ ทรอนิกส์ เรอ่ื ง ทรัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถิน่ ทรพั ยากรปา่ ไม้ ภาพท่ี 15 แสดงทรพั ยากรปา่ ไม้ ป่าไม้ เป็นทรพั ยากรท่ีมคี วามสาคญั อย่างย่งิ ต่อสง่ิ มีชวี ติ ไมว่ ่าจะเป็นมนษุ ย์หรือสัตวช์ นดิ อ่ืนๆ เพราะป่าไม้มปี ระโยชนท์ งั้ การเป็นแหล่งวัตถุดิบของปจั จยั สี่ คือ อาหาร เครอื่ งนงุ่ ห่ม ยารักษา โรคและทอี่ ยู่อาศยั สาหรับมนษุ ย์ ภาพท่ี 16 แสดงปา่ ไม้เป็นแหลง่ วตั ถุดิบของปจั จยั ส่ี และยังมปี ระโยชน์ชว่ ยรกั ษาความสมดุลใหก้ ับสิ่งแวดลอ้ ม ชว่ ยให้ความชมุ่ ชนื้ กับบรรยากาศ ควบคุมปรมิ าณการไหลของแม่น้า ใหไ้ หลคงที่ตลอดปี ลดความแปรปรวนของสภาพอากาศ และ เปน็ ทอี่ ยู่ของสัตว์ปา่ หนา้ หลกั สารบญั ปิด ศศมิ าภรณ์ ดีเลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทรเ์ ขต 3

9 หนังสอื อิเล็กทรอนิกส์ เร่อื ง ทรัพยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่ิน ประโยชน์ทางออ้ มของทรพั ยากรปา่ ไม้ ปา่ ไมท้ าให้ภูมิประเทศมีความช่มุ ชนื้ ร่มเยน็ ทาใหม้ ฝี นตกมากข้นึ ได้ โดยเฉพาะในทท่ี ่ีมี ภเู ขาสูง ปา่ ไม้ชว่ ยอนรุ ักษ์ดนิ โดยปอ้ งกันการกดั เซาะพังทลายของหน้าดนิ ช่วยใหฝ้ นตกถกู ตอ้ งตาม ฤดกู าลและปอ้ งกันการเกดิ อุทกภยั ภาพท่ี 17 แสดงประโยชนท์ างอ้อมของทรพั ยากรปา่ ไม้ นอกจากน้ยี งั ชว่ ยกกั เก็บนา้ ช่วยให้เกิดแหล่งนา้ ใตด้ นิ ชว่ ยไมใ่ ห้น้าฝนไหลบ่าลงสู่แม่น้า โดยรวดเร็ว เป็นท่พี กั อาศัยและเปน็ แหล่งอาหารของสัตว์ปา่ ภาพที่ 18 แสดงประโยชน์ทางอ้อมของทรัพยากรป่าไม้ หนา้ หลกั สารบัญ ปิด ศศมิ าภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรนิ ทร์เขต 3

10 หนงั สืออเิ ล็กทรอนิกส์ เร่อื ง ทรัพยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่ิน ประเภทปา่ ไม้ในประเทศไทย จาแนกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ 1.ป่าไมท้ ีไ่ มผ่ ลัดใบ ป่าประเภททไ่ี ม่ผลดั ใบ ป่าประเภทนม้ี องดูเขียวชอุม่ ตลอดปี เน่ืองจากต้นไม้ทจ่ี ้อึ ยูเ่ ป็น ประเภทที่ไม่ผลดั ใบ ใบเกา่ ร่วงหล่นไป ใบใหมก่ ผ็ ลิออกมาแทนที่ ไดแ้ ก่ 1.1 ป่าดงดิบ ปา่ ดงดบิ มอี ยู่ทั่วในทกุ ภาคของประเทศ แต่ภาคใต้และภาคตะวนั ออกมี มากท่ีสุด ในบรเิ วณนมี้ ีฝนตกและมคี วามชืน้ มาก ปา่ ดงดบิ มักกระจายอยบู่ ริเวณทมี่ คี วามชมุ่ ชื้นมากๆ เช่น ตามหุบเขา รมิ แมน่ ้าลาธาร ห้วย แหล่งนา้ และบนภเู ขาแยกออกเปน็ ปา่ ดงดบิ ชนิดตา่ งๆ ดังน้ี 1.1.1 ปา่ ดิบชน้ื เปน็ ป่ารกทบึ มองดูเขยี วชอุม่ ตลอดปีมพี นั ธ์ไุ มห้ ลายรอ้ ยชนดิ ข้ึน เบยี ดเสยี ดกันอยู่ มักจะพบกระจดั กระจายต้งั แต่ความสงู 600 เมตร จากระดับนา้ ทะล ไม้ท่สี าคญั คือ ไมต้ ระกลู ยางต่างๆ เชน่ ยางนา ยางเสย้ี น สว่ นไมช้ นั้ รอง คือ พวกไม้กอ่ เช่น ก่อน้า กอ่ เดือย เป็นตน้ 1.1.2 ป่าดบิ แลง้ เป็นปา่ ทีอ่ ยใู่ นพนื้ ที่ค่อนขา้ งราบมคี วามช่มุ ชืน้ น้อย เชน่ ในแถบ ภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มักอยสู่ งู จากระดับนา้ ทะเลประมาณ 300-600 เมตร ไม้ท่ี สาคญั ได้แก่ มะคา่ โมง ยางนา พะยอม ตะเคียนแดง กระเบากลัก และตาเสอื เป็นตน้ 1.2.3 ป่าดิบเขา ป่าชนดิ นเี้ กดิ ข้ึนในพนื้ ทส่ี งู ๆหรือบนภูเขาตง้ั แต่ 1,000-1,200 เมตร ขึ้นไปจากระดับน้าทะเล ไมส้ ่วนมากเป็นพวก ไมส้ นสามพันปี ไม้ขุน นอกจากน้ยี ังมีไมว้ งศก์ ่อขนึ้ อยู่ พวกไม้ชั้นที่สองรองลงมาได้แก่ เปง้ สะเดาช้าง และขม้ินตน้ เป็นต้น ภาพที่ 19 แสดงปา่ ดบิ ชืน้ ป่าดบิ แลง้ และ ปา่ ดิบเขา หน้าหลัก สารบญั ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดีเลศิ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นบา้ นอาโพน สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทร์เขต 3

11 หนังสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เรือ่ ง ทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถิน่ 1.2 ปา่ สนเขา ปา่ สนเขาอยู่ตามภเู ขา เปน็ พ้ืนทมี่ ีความสูงประมาณ 200-1,800 เมตรขนึ้ ไปจากระดบั น้าทะเล ปา่ สนเขามีมากแถบภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ป่าสน เขามลี กั ษณะเปน็ ปา่ โปรง่ พนั ธไ์ุ ม้สาคัญ คือ สนสองใบ และสนสามใบ ส่วนไมอ้ น่ื อาจเปน็ เต็ง รัง เหียง พลวง เปน็ ต้น ภาพที่ 20 แสดงป่าสนเขา 1.3 ปา่ ชายเลน หรือป่าเลนนา้ เคม็ หรอื ป่าเลน มตี ้นไม้ขึ้นหนาแนน่ แตล่ ะชนดิ มีรากค้า ยนั และรากหายใจ อยตู่ ามทีด่ นิ เลนริมทะเลหรือบรเิ วณปากน้าแมน่ ้าใหญ่ๆ ซึง่ มนี า้ เค็มท่วมถึงใน ภาคใตม้ ีอยูต่ ามชายฝัง่ ทะเลทั้งสองด้าน พนั ธ์ุไมทส่ี าคญั คอื โกงกาง ประสัก ถั่วขาว โปรง ตะบูน แสมทะเล ลาพู และลาแพน ฯลฯ ส่วนไม้พ้ืนลา่ งมักเปน็ พวกปรงทะเล เหงอื กปลาหมอ ปอทะเล เป้ง เป็นต้น ภาพท่ี 21 แสดงป่าชายเลน หน้าหลกั สารบัญ ปิด ศศิมาภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสรุ ินทรเ์ ขต 3

12 หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เร่อื ง ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน 1.4 ปา่ พรุหรือป่าบึงนา้ จดื ป่าชนดิ น้อี ย่ใู นบริเวณท่มี นี า้ จดื ท่วมมากๆ ดินระบายน้าไมด่ ี ป่าพรุในภาคกลางมีลักษณะโปรง่ และมตี น้ ไม้ขึ้นอยู่หา่ ง ๆ ในภาคใตป้ า่ พรมุ ขี ้ึนอย่ตู ามบริเวณท่มี ีน้า ขังตลอดปี ปา่ พรโุ ต๊ะแดงมีเน้ือที่มากที่สุดอยู่ในนราธิวาส ดินเปน็ พที ซ่งึ เป็นซากพชื ผสุ ลายทบั ถมกนั เปน็ เวลานาน พันธุไ์ ม้ทีส่ าคัญ ได้แก่ อนิ ทนิล สนนุ่ นา้ หว้า จก โสกน้า กระทุ่มนา้ กนั เกรา โมกบา้ น หวายนา้ หวายโปรง่ ระกา อ้อ และแขม ไม้พื้นลา่ งประกอบดว้ ยหวาย ตะค้าทอง หมากแดง และ หมากชนิดอนื่ ๆ ภาพที่ 22 แสดงปา่ พรุหรือป่าบงึ นา้ จืด 1.5 ปา่ ชายหาด เปน็ ปา่ โปรง่ ไมผ่ ลัดใบข้นึ อยตู่ ามหาดชายทะล น้าไมท่ ว่ ม ตน้ ไมท้ มี่ ขี น้ึ อย่หู าดชายทะเลเป็นพืชทนเคม็ และมลี กั ษณะไมเ้ ปน็ พมุ่ ลกั ษณะต้นคดงอ ใบหนาแขง็ ไดแ้ ก่ สน ทะเล หูกวาง โพทะเล กระทิง ตนี เปด็ ทะเล หยนี า้ มักมตี น้ เตยและหญา้ ตา่ งๆ ขน้ึ อยูเ่ ป็นไม้พืน้ ลา่ ง ตามฝงั่ ดินและชายเขา มกั พบมะค่าแต้ กระบองเพชร เสมา และไม้หนามชนดิ ต่างๆ เช่น ซงิ ซี่ หนาม หัน กาจาย มะดนั ขอ เป็นตน้ ภาพท่ี 23 แสดงปา่ ชายหาด หน้าหลกั สารบัญ ปิด ศศมิ าภรณ์ ดีเลศิ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสุรนิ ทรเ์ ขต 3

13 หนังสืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เรอ่ื ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่ิน 2. ป่าประเภทท่ีผลัดใบ ต้นไม้ในปา่ นเ้ี ปน็ พวกพชื ผลดั ใบ ในฤดูฝนปา่ จะมองดเู ขยี วชอ่มุ พอถงึ ฤดูแล้งตน้ ไม้พา กนั ผลัดใบทาใหป้ ่ามองดูโปร่งขนึ้ ได้แก่ 2.1 ป่าเบญจพรรณ มลี กั ษณะเปน็ ป่าโปร่งและมไี ผ่ขน้ึ อยกู่ ระจดั กระจาย เป็นดินรว่ นปน ทราย ในภาคเหนอื มไี ม้สกั ข้ึนปะปนอยลู่ งมาถงึ กาญจนบุรี พันธุไ์ มช้ นิดน้ี ได้แก่ สกั ประดู่แดง มะค่าโมง ตะแบก เสลา อ้อยช้าง สา้ น ยม หอม ยมหิน มะเกลอื สมพง เก็ดดา เกด็ แดง และไม้ไผท่ ี่ สาคัญ เชน่ ไผ่ปา่ ไผ่บง ไผ่ซาง ไผร่ วก ไผ่ไร เปน็ ตน้ 2.2 ปา่ เตง็ รัง หรือปา่ แดง ปา่ แพะ ป่าโคก เป็นปา่ โปร่งตามพ้นื ปา่ มตี ้นโจด ตน้ ปรง และ หญา้ เพก็ เปน็ ดนิ รว่ นปนทราย ในภาคเหนืออยูบ่ นเขาทีม่ ีดินตน้ื และแห้งแล้งมาก ในภาค ตะวันออกเฉียงเหนอื มีป่าแดงหรือป่าเตง็ รัง พันธุ์ไม้ในป่าแดงหรอื ปา่ เต็งรัง ไดแ้ ก่ เต็ง รงั เหยี ง พลวง กราด พะยอม ติ้ว แต้ว มะค่าแต้ ประดู่ แดง สมอไทย ตะแบก เลอื ดแสลงใจ รกฟ้า ฯลฯ สว่ นไม้พน้ื ลา่ งท่พี บมาก ไดแ้ ก่ มะพรา้ วเต่า ปุม่ แป้ง หญ้าเพก็ โจด ปรงและหญา้ ชนดิ อนื่ ๆ 2.3 ปา่ หญา้ มอี ยู่ทกุ ภาคเปน็ ป่าท่ถี ูกแผ้วถางทาลายขาดความสมบรู ณ์และถูกทอดทงิ้ หญา้ ชนดิ ต่าง ๆ จึงเกดิ ขนึ้ ทดแทนและพอถึงหน้าแล้งเกิดไฟไหม้ทาให้ต้นไมบ้ ริเวณข้างเคียงล้มตาย พ้นื ท่ปี ่าหญา้ จึงขยายมากขึ้นทกุ ปี พชื ที่พบมากทสี่ ุดในปา่ หญ้าคอื หญ้าคา หญ้าขนตาช้าง หญา้ โขมง หญา้ เพก็ และปุม่ แป้ง บริเวณทพ่ี อจะมคี วามชนื้ อยบู่ ้างและการระบายนา้ ไดด้ กี ็มักจะพบพงและแขม ขึน้ อยู่และอาจพบต้นไม้ทนไฟขึน้ อยู่ เช่น ตบั เต่า รกฟา้ ตานเหลือ ต้ิวและแตว้ ภาพท่ี 24 แสดงป่าเบญจพรรณ ป่าเตง็ รัง และป่าหญ้า หนา้ หลกั สารบัญ ปิด ศศมิ าภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โรงเรยี นบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ ินทร์เขต 3

14 หนงั สอื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ เรอ่ื ง ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น ทรพั ยากรแร่ เป็นทรัพยากรทเี่ กิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ มีความสาคญั และมบี ทบาทที่สนองความต้องการ ทางดา้ นปัจจัยตา่ งๆ ของมนุษย์ท้ังทางดา้ นอุตสาหกรรมและพลงั งาน ภาพท่ี 25 แสดงทรัพยากรแร่ ประโยชน์ของทรัพยากรแร่ ประโยชนท์ างด้านความมน่ั คงและม่ังค่ังของประเทศ เพราะประเทศทม่ี แี รธ่ าตตุ ่างๆมาก จะทาให้สามารถนาไปแปรรปู เปน็ ผลผลิตทสี่ ร้างเงนิ เขา้ ประเทศอยา่ งมากมาย เช่น แร่เหลก็ ท่ี สามารถนาไปผลิตเปน็ อาวุธ แรร่ ตั นชาตเิ ป็นแรท่ ี่มคี วามสวยงาม นามาใชท้ าเครอ่ื งประดับต่าง ๆ เชน่ เพชร พลอย เครอ่ื งประดบั เปน็ ต้น ภาพท่ี 26 แสดงประโยชน์ของทรัพยากรแรท่ างดา้ นความมนั่ คงและม่งั คั่ง ประโยชน์ด้านความเป็นอยู่ของมนษุ ย์ มนุษยไ์ ดน้ าแร่ธาตตุ ่างๆ มาสรา้ งข้นึ เป็นภาชนะใชส้ อย เช่น แก๊สหุงต้ม ผลติ เป็นพาหนะที่ชว่ ยในการเดินทาง คมนาคม พลังงานไฟฟ้า แร่วุลแฟรมนามาทา ไสห้ ลอดไฟฟ้า ใชใ้ นอุตสาหกรรมเคร่ืองแก้ว แรพ่ ลวงนามาทาไส้แบตเตอร์รี่ เป็นต้น ภาพที่ 27 แสดงประโยชน์ของทรัพยากรแรท่ างด้านด้านความเป็นอยขู่ องมนษุ ย์ หนา้ หลัก สารบญั ปิด ศศมิ าภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ ินทรเ์ ขต 3

15 หนงั สืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เรอื่ ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่ิน สตั ว์ปา่ การเปลยี่ นแปลงของสงิ่ แวดล้อมอนั เนอ่ื งมาจากการกระทาของมนุษย์เช่น การล่าสัตว์ การ ตัดไมท้ าลายป่า การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ การค้าของป่าทาให้จานวนพืชและสัตว์ลดลงอย่างรวดเร็วจน บางชนิดสูญพันธ์ุหรือใกล้สูญพันธ์ุไป ส่งผลให้รัฐบาลต้องออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า จากการ กระทาของมนษุ ย์ที่มสี ่วนทาใหส้ ตั ว์ปา่ สญู พันธ์ุหรอื ใกล้สูญพันธ์ุประกอบดว้ ย สตั ว์ป่าสงวน หมายถึง สัตว์ป่าหายากหรือกาลังจะสูญพันธุ์ จึงห้ามล่าหรือมีไว้ในครอบครอง ท้ังสัตว์ท่ียังมีชีวิตหรือซากสัตว์ เว้นแต่กระทาเพื่อการศึกษาวิจัยทางวิชาการ หรือเพื่อกิจการ สวนสาธารณะ โดยได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมป่าไม้เป็นกรณีพิเศษ โดยสัตว์ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มน้ีมี 15 ชนิด ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสริ ินธร แรด กระซู่ กูปรี ควายปา่ ละองหรือละม่ัง สมัน เลียงผา กวาง ผา นกแตว้ แลว้ ทอ้ งดา นกกระเรียน แมวลายหินอ่อน สมเสรจ็ เกง้ หม้อ และพะยนู ภาพที่ 28 แสดงตวั อยา่ งสตั ว์ปา่ สงวน สัตว์ป่าค้มุ ครอง หมายถงึ สตั ว์ปา่ ตามที่กระทรวงกาหนดใหเ้ ป็นสตั ว์ปา่ คมุ้ ครอง และมชี ื่ออยู่ ในบญั ชแี นบท้ายของกฎกระทรวง ประกอบดว้ ยสัตวป์ า่ จาพวกสัตว์เลย้ี งลูกดว้ ยนม 201 ชนิด นก 952 ชนดิ สตั ว์เล้ือยคลาน 91 ชนดิ สัตวส์ ะเทินน้าสะเทินบก 12 ชนิด แมลง 20 ชนดิ ปลา 14 ชนิด และสัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลงั อ่นื ๆ 12 ชนิด เช่น กระทิง กระรอกบิน กวาง เกง้ ชะมด ชะนี ไกป่ ่า นกยูง นกแรง้ นกเงือก งูสิง งเู หลือม ปูเจา้ ฟ้า เปน็ ต้น ซ่ึงกฎหมายไม่อนุญาตให้ล่าหรือมีไว้ใน ครอบครอง ซึ่งรวมถงึ ซากของสตั วเ์ หล่านด้ี ้วย เว้นแต่การกระทาโดยทางราชการ ภาพที่ 29 แสดงตัวอย่างสัตว์ป่าคุม้ ครอง หน้าหลัก สารบัญ ปดิ ศศิมาภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสุรินทรเ์ ขต 3

16 หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ เรือ่ ง ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน แบบฝึกพัฒนาการเรียนรู้ คาชแี้ จง : ให้นักเรียนศกึ ษาบทเรยี นทผ่ี ่านมาแล้วตอบคาถามตอ่ ไปนว้ี ่าข้อใดถูกหรอื ผิด โดยใช้เมาสช์ ้เี ลือกท่ีบริเวณคาตอบ 1. ทรัพยากรหลกั ทสี่ าคญั ได้แก่ ดนิ ป่าไม้ นา้ และ แรธ่ าตุ (1) ถูก (2) ผิด 2. เนือ้ ดนิ จะมีสว่ นประกอบคอื อากาศ สารละลาย อนินทรียว์ ัตถุ (1) ถกู (2) ผดิ (1) ถกู (2) ผิด และอินทรียวตั ถุ ในสัดส่วนทเี่ ทา่ ๆกัน (1) ถกู (2) ผิด (1) ถกู (2) ผดิ 3. น้าเปน็ ทรัพยากรธรรมชาติทสี่ ามารถเกิดและหมุนเวียนไดเ้ รอ่ื ยๆ (1) ถูก (2) ผดิ ไม่มีวนั หมดสน้ิ (1) ถกู (2) ผิด (1) ถูก (2) ผิด 4. ป่าไม้เปน็ แหล่งวัตถุดบิ ของปจั จยั ส่ี คอื อาหาร พลงั งาน (1) ถูก (2) ผดิ ยารักษาโรคและท่อี ยู่อาศยั สาหรับมนษุ ย์ (1) ถกู (2) ผิด (1) ถกู (2) ผิด 5. ป่าดิบแลง้ ในฤดูฝนป่าจะมองดูเขยี วชอุ่ม ฤดแู ลง้ ต้นไม้พากนั ผลดั ใบ (1) ถูก (2) ผดิ ทาให้ป่ามองดโู ปร่งข้ึน 6. แร่วลุ แฟรมนามาทาไสห้ ลอดไฟฟ้าและใชใ้ นอตุ สาหกรรมเคร่อื งแกว้ 7. สตั วป์ ่าสงวน หมายถึง สัตว์ป่าหายากหรอื กาลังจะสูญพันธุ์ จงึ หา้ มล่าหรอื มไี ว้ในครอบครอง ท้งั สัตว์ที่ยังมีชวี ิตหรอื ซากสตั ว์ 8. กระทงิ กระรอกบนิ กวาง เกง้ ชะมด ชะนี ไก่ปา่ นกยูง นกแร้ง นกเงอื ก งสู งิ งูเหลอื ม ปูเจ้าฟ้า เป็นสัตวป์ า่ คุม้ ครอง 9. นกเจา้ ฟ้าหญงิ สิรินธร แรด กระซู่ กูปรี ควายปา่ ละองหรือละม่งั สมนั เลียงผา กวางผา นกแตว้ แลว้ ทอ้ งดา และเสอื โครง่ เปน็ สัตว์ป่าสงวน 10. พืน้ ทบี่ รเิ วณต้นน้าลาธาร ซึ่งปกคลมุ ด้วยปา่ ไมท้ ี่มคี วามสมบรู ณ์ ป่าไม้จะทาหน้าท่อี นุรกั ษ์ดนิ และน้าได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 11. วธิ กี ารอนุรักษ์ตน้ นา้ ลาธาร โดยทวั่ ไปประกอบดว้ ยการอนรุ ักษ์ปา่ ไม้ ร่วมกบั การอนรุ ักษด์ ินและน้าดว้ ยวิธกี ารที่เหมาะสม 12. การอนรุ กั ษด์ ินและน้าวิธีหนงึ่ คอื การปลกู ตน้ ไม้หรอื พืชคลุมดิน เพือ่ ปอ้ งกันการพงั ทลายของดินในบริเวณพื้นท่ตี ้นนา้ ลาธารทีไ่ ม่มีปา่ ไม้ ด้วยพันธไ์ุ มท้ เี่ หมาะสมกบั พน้ื ท่ี หนา้ หลัก สารบัญ ปิด ศศิมาภรณ์ ดีเลศิ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนบ้านอาโพน สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสุรินทรเ์ ขต 3

17 หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เรอื่ ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถนิ่ ทาถกู กนั บ้างหรือเปลา่ ...มาดเู ฉลยกนั ดกี วา่ หนา้ หลกั สารบัญ ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดีเลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสรุ ินทรเ์ ขต 3

18 หนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ เร่ือง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่นิ เฉลยแบบฝกึ พฒั นาการเรียนรู้ คาชี้แจง : ให้นกั เรียนศึกษาบทเรียนที่ผ่านมาแล้วตอบคาถามตอ่ ไปน้ีว่าข้อใดถูกหรือผดิ โดยใชเ้ มาส์ช้ีเลือกทบ่ี ริเวณคาตอบ 1. ทรพั ยากรหลักทส่ี าคัญได้แก่ ดิน ป่าไม้ น้า และ แร่ธาตุ (1) ถูกเฉล(ย2) ผดิ 2. เนื้อดินจะมสี ว่ นประกอบคอื อากาศ สารละลาย อนินทรีย์วตั ถุ (1) ถกูเฉล(ย2) ผิด (1) ถกูเฉลย(2) ผิด และอนิ ทรียวตั ถุ ในสัดสว่ นทีเ่ ท่าๆกนั (1) ถกูเฉล(ย2) ผิด 3. น้าเปน็ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ่สี ามารถเกิดและหมนุ เวยี นได้เร่อื ยๆ (1) ถกูเฉลย(2) ผดิ ไม่มีวนั หมดสนิ้ 4. ป่าไมเ้ ปน็ แหลง่ วัตถุดบิ ของปัจจัยส่ี คอื อาหาร พลงั งาน ยารกั ษาโรคและทอ่ี ยอู่ าศยั สาหรบั มนุษย์ 5. ปา่ ดิบแลง้ ในฤดูฝนปา่ จะมองดูเขยี วชอุ่ม ฤดูแล้งต้นไม้พากันผลัดใบ ทาให้ป่ามองดโู ปร่งข้ึน 6. แร่วลุ แฟรมนามาทาไสห้ ลอดไฟฟา้ และใช้ในอุตสาหกรรมเครอ่ื งแก้ว (1) ถกูเฉลย(2) ผดิ (1) ถูกเฉลย(2) ผิด 7. สตั ว์ป่าสงวน หมายถึง สัตวป์ ่าหายากหรือกาลังจะสูญพันธุ์ (1) ถกูเฉลย(2) ผิด จงึ ห้ามลา่ หรอื มไี ว้ในครอบครอง ทั้งสตั ว์ท่ียงั มีชวี ิตหรือซากสัตว์ (1) ถูกเฉลย(2) ผิด (1) ถกูเฉลย(2) ผิด 8. กระทงิ กระรอกบิน กวาง เกง้ ชะมด ชะนี ไก่ปา่ นกยูง นกแรง้ นกเงือก (1) ถเูกฉลย(2) ผิด งูสงิ งูเหลือม ปเู จ้าฟา้ เปน็ สัตว์ป่าคมุ้ ครอง (1) ถูกเฉลย(2) ผิด 9. นกเจา้ ฟ้าหญงิ สิรินธร แรด กระซู่ กปู รี ควายปา่ ละองหรือละม่งั สมนั เลียงผา กวางผา นกแต้วแล้วท้องดา และเสือโครง่ เปน็ สตั วป์ ่าสงวน 10. พ้ืนท่ีบริเวณตน้ นา้ ลาธาร ซ่ึงปกคลุมดว้ ยป่าไมท้ ่ีมีความสมบรู ณ์ ป่าไม้จะทาหน้าท่ีอนรุ ักษ์ดนิ และน้าได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 11. วิธีการอนรุ กั ษต์ น้ นา้ ลาธาร โดยทั่วไปประกอบด้วยการอนุรักษ์ปา่ ไม้ ร่วมกับการอนรุ กั ษ์ดินและน้าด้วยวิธีการที่เหมาะสม 12. การอนุรกั ษ์ดินและนา้ วธิ ีหนง่ึ คอื การปลูกต้นไมห้ รอื พืชคลมุ ดนิ เพือ่ ป้องกนั การพงั ทลายของดินในบรเิ วณพ้นื ท่ตี ้นน้าลาธารทไ่ี มม่ ปี า่ ไม้ ดว้ ยพันธุ์ไมท้ ่ีเหมาะสมกบั พน้ื ท่ี หน้าหลกั สารบัญ ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสุรนิ ทร์เขต 3

19 หนังสืออิเลก็ ทรอนิกส์ เร่ือง ทรัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถน่ิ คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนเลอื กคาตอบท่ีถูกต้องเพียงข้อเดยี ว แบบทดสอบย่อย โดยใชเ้ มาส์ช้ีท่บี ริเวณคาตอบ 1. ทรัพยากรธรรมชาติขอ้ ใด ที่มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การ 6. ขอ้ ใดเปน็ ความสาคญั ทส่ี ุดของปา่ ชายเลน ดารงชวี ติ ของส่งิ มีชวี ิตมากที่สดุ ก. เปน็ แหลง่ รักษาสมดุลของระบบนิเวศชายฝง่ั ข. เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสตั วน์ า้ ก. ทรัพยากรแร่ และนา้ ค. เป็นแหล่งจับปลานา้ เค็ม ข. ทรพั ยากรน้า และปา่ ไม้ ง. เปน็ แหล่งท่องเทย่ี ว ค. ทรัพยากรปา่ ไม้ และแร่ ง. ทรัพยากรแร่ และดนิ 7. แหล่งทรัพยากรใดทใี่ ชเ้ ปน็ แหล่งผลติ อาหารเลยี้ ง 2. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของทรัพยากรดนิ นอ้ ยท่ีสดุ ประชากร ก. การทาสวน ทาไร่ ข. การทานาข้าว ก. ภูเขา ค. การเลย้ี งสตั ว์ ข. พน้ื ดิน ง. การกกั เก็บน้า ค. เหมืองแร่ 3. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชน์ของทรัพยากรแร่ ง. ชายหาด ก. ทาอัญมณี 8. นกในข้อใดไม่จัดเปน็ สตั ว์ปา่ สงวน ข. ใช้ในการผลิตเคร่ืองแก้ว ก. นกเจา้ ฟา้ หญงิ สริ ินธร ค. ใช้ในการผลิตอาวุธบางชนิด ข. นกแต้วแรว้ ทอ้ งดา ง. ช่วยให้หนา้ ดินไมพ่ ังทลายฝนตกตามฤดูกาล ค. นกกระเรียน 4. รตั นชาติ เป็นทรัพยากรธรรมชาตชิ นิดใด ง. นกกาฮงั ก. ทรัพยากรนา้ 9. ขอ้ ใดจัดเปน็ ปา่ ไมผ้ ลดั ใบ ข. ทรพั ยากรปา่ ไม้ ก. ป่าดิบชื้น ค. ทรัพยากรแร่ ข. ป่าดบิ เขา ง. ทรัพยากรดนิ ค. ปา่ เตง็ รัง 5. ประโยชนโ์ ดยตรงของทรพั ยากรป่าไมท้ ี่มีตอ่ มนษุ ย์ ง. ป่าชายเลน คอื ข้อใด 10. ดนิ และสตั วป์ ่าจัดเป็นทรพั ยากรธรรมชาตปิ ระเภทใด ก. เป็นแหลง่ ผลติ อตุ สาหกรรม ก. ทรัพยากรสญู ส้ิน ข. เป็นทางคมนาคม ข. ทรัพยากรที่ไม่สูญส้ิน ค. เป็นแหลง่ พลังงาน ค. ทรัพยากรที่จาเป็นต่อการดารงชีพ ง. เปน็ แหลง่ อาหาร ง. ทรัพยากรทใี่ ช้แล้วหมดไปแต่สามารถฟื้นสภาพได้ หนา้ หลัก สารบัญ ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนบ้านอาโพน สานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสุรินทรเ์ ขต 3

20 หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ ส์ เรือ่ ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถน่ิ ทาแบบทดสอบได้บา้ งมยั๊ เอ่ย...มาดูเฉลยกนั คะ หนา้ หลัก สารบญั ปิด ศศิมาภรณ์ ดีเลิศ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาสุรนิ ทร์เขต 3

21 หนังสอื อิเล็กทรอนิกส์ เร่ือง ทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถิ่น เฉลยแบบทดสอบยอ่ ย 1. ทรัพยากรธรรมชาติข้อใด ที่มีอทิ ธิพลตอ่ การ 6. ขอ้ ใดเปน็ ความสาคัญทีส่ ุดของปา่ ชายเลน ดารงชวี ติ ของสิ่งมชี วี ิตมากท่ีสดุ เฉลย ก. เป็นแหลง่ รักษาสมดุลของระบบนิเวศชายฝงั่ ก. ทรัพยากรแร่ และนา้ ข. เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสตั วน์ า้ เฉลย ข. ทรพั ยากรนา้ และปา่ ไม้ ค. เป็นแหล่งจับปลานา้ เคม็ ค. ทรัพยากรป่าไม้ และแร่ ง. เป็นแหลง่ ท่องเที่ยว ง. ทรัพยากรแร่ และดนิ 7. แหล่งทรพั ยากรใดทีใ่ ช้เปน็ แหลง่ ผลิตอาหารเลี้ยง 2. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของทรัพยากรดนิ น้อยทส่ี ุด ประชากร เฉลย ก. ภูเขา ก. การทาสวน ทาไร่ เฉลย ข. การทานาข้าว ข. พืน้ ดิน ค. การเลีย้ งสตั ว์ ค. เหมอื งแร่ ง. การกักเกบ็ นา้ ง. ชายหาด 3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของทรัพยากรแร่ 8. นกในขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นสัตว์ป่าสงวน ก. ทาอญั มณี เฉลย ก. นกเจา้ ฟ้าหญิงสริ นิ ธร เฉลย ข. ใช้ในการผลิตเครือ่ งแก้ว ข. นกแต้วแรว้ ท้องดา ค. ใช้ในการผลติ อาวุธบางชนิด ค. นกกระเรยี น ง. ชว่ ยให้หน้าดินไมพ่ ังทลายฝนตกตามฤดกู าล ง. นกกาฮงั 4. รตั นชาติ เป็นทรัพยากรธรรมชาติชนดิ ใด 9. ข้อใดจดั เป็นป่าไมผ้ ลดั ใบ ก. ทรัพยากรน้า เฉลย ก. ปา่ ดบิ ชื้น เฉลย ข. ทรัพยากรปา่ ไม้ ข. ปา่ ดบิ เขา ค. ทรัพยากรแร่ ค. ปา่ เต็งรงั ง. ทรัพยากรดิน ง. ปา่ ชายเลน 5. ประโยชนโ์ ดยตรงของทรัพยากรปา่ ไม้ท่มี ีต่อมนษุ ย์ 10. ดนิ และสัตว์ป่าจัดเป็นทรพั ยากรธรรมชาติประเภทใด คือขอ้ ใด เฉลย ก. ทรพั ยากรสูญส้ิน เฉลย ก. เป็นแหล่งผลิตอตุ สาหกรรม ข. ทรัพยากรทไี่ มส่ ูญสนิ้ ข. เป็นทางคมนาคม ค. ทรัพยากรทีจ่ าเป็นต่อการดารงชีพ ค. เป็นแหลง่ พลงั งาน ง. ทรพั ยากรทีใ่ ช้แลว้ หมดไปแต่สามารถฟนื้ สภาพได้ ง. เปน็ แหล่งอาหาร หน้าหลกั สารบญั ปิด ศศมิ าภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสรุ ินทร์เขต 3

22 หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ เรอื่ ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่นิ เฉลยละเอยี ดแบบทดสอบยอ่ ย ข้อ 1. ทรัพยากรนา้ เป็นทรัพยากรท่มี ีความจาเปน็ ตอ่ การดารงชีวิตของส่ิงมชี ีวติ มาก เพราะว่า สงิ่ มีชวี ิตใชน้ ้าในการบรโิ ภคและอปุ โภคและด้านอ่ืนๆ รวมท้ังเปน็ ทีอ่ ยู่ของสัตวน์ ้าทเี่ ปน็ แหลง่ อาหาร ของมนษุ ย์อีกดว้ ยและประโยชน์ในดา้ นอนื่ ๆอีกมากมาย ข้อ 2. ทรพั ยากรดิน เป็นทรัพยากรทีม่ ปี ระโยชนท์ ง้ั ในดา้ นการเกษตร การเลีย้ งสัตว์การกักเก็บน้า และยังเป็นส่งิ ที่ใหส้ ิ่งมชี ีวติ อาศยั อยูท่ าใหพ้ ืชเจรญิ งอกงามเพราะไดส้ ารอาหาร แร่ธาตุจากดิน และ เป็นพื้นดนิ ที่เปน็ ทต่ี ้ังของบา้ นเรือน สงิ่ กอ่ สรา้ งต่าง ๆ ท่ีมนษุ ยส์ ร้างขน้ึ ขอ้ 3. ทรัพยากรแร่ สามารถนาไปใชใ้ ห้ทาประโยชน์ใหก้ บั ประเทศเพ่อื เพิ่มความม่ันคง ความมง่ั คั่ง และเพ่มิ รายได้ให้กบั ประเทศเพราะทรพั ยากรแรส่ ามารถนาไปผลิตเปน็ ผลผลติ ต่างทเี่ ปน็ ประโยชน์ ตอ่ มนษุ ยไ์ ดเ้ ชน่ ผลิตเปน็ อาวุธ หลอดไฟ แบตเตอรร์ ี่ ทาเครือ่ งแกว้ เป็นต้น ข้อ 4. รตั นชาติเปน็ ทรัพยากรแร่ ทีม่ ลี ักษณะท่ีสวยงามหลากหลายสสี นั เม่ือนามาใช้ทาเป็น เคร่ืองประดบั จะมีราคาแพง เชน่ เพชร พลอย หยก มรกต เป็นต้น ขอ้ 5. ปา่ ไม้เปน็ ทรัพยากรทสี่ าคัญของสิ่งมีชวี ิต เพราเป็นแหล่งอาหารเป็นแหลง่ ที่อยู่อาศยั และยัง เป็นตัวควบคุมระบบนเิ วศให้สมดุล ทาใหฝ้ นตกตามฤดกู าล บรรเทาสภาพอากาศท่ีแปรปรวน ป้องกันน้าที่ไหลบ่า เปน็ ต้น หนา้ หลกั สารบญั ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทรเ์ ขต 3

23 หนงั สืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ เรื่อง ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถนิ่ เฉลยละเอยี ดแบบทดสอบยอ่ ย ข้อ 6. ป่าชายเลน มีระบบนิเวศทีม่ ีคุณค่ามหาศาล และมีความสาคญั ต่อมนษุ ย์หลายรปู แบบถอื เป็น แหลง่ อาหารท่สี าคญั ของสัตวน์ ้า จึงเหมาะกับเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้าในบรเิ วณป่าชายเลน ป่า ชายเลนยงั เปน็ แหล่งทีต่ ัวอ่อนของสัตวน์ า้ พวก กงุ้ หอย ปู ปลา เข้ามาอาศยั รม่ เงาและหาอาหาร ป่า ชายเลนจึงเปน็ แหลง่ อนบุ าลตัวอ่อนของสตั ว์นา้ ทีม่ คี วามสาคญั ตอ่ ระบบนิเวศทะเลไทยมากที่สุด ขอ้ 7. ดนิ มปี ระโยชน์มากมายมหาศาลต่อมนุษย์และสิง่ มชี วี ิตอื่นๆ คอื 1. ประโยชน์ตอ่ การเกษตรกรรม เพราะดนิ เป็นต้นกาเนิดของการเกษตรกรรมเปน็ แหล่งผลติ อาหารของมนุษย์ ในดินจะมอี ินทรียวตั ถแุ ละธาตอุ าหารรวมท้ังน้าท่จี าเปน็ ตอ่ การเจริญเตบิ โตของ พืช อาหารท่คี นเราบรโิ ภคในทกุ วนั นมี้ าจากการเกษตรกรรมถึง 90% 2. การเลี้ยงสัตว์ ดนิ เปน็ แหล่งอาหารสตั ว์ทั้งพวกพชื และหญ้าท่ขี ้นึ อยู่ ตลอดจนเป็นแหล่งท่อี ยู่ อาศยั ของสตั วบ์ างชนดิ เชน่ งู แมลง นาก ฯลฯ 3. เปน็ แหล่งท่ีอยู่อาศัย แผ่นดนิ เป็นทต่ี ง้ั ของเมอื ง บ้านเรอื น ทาให้เกดิ วัฒนธรรมและอารย ธรรมของชุมชน ต่าง ๆ มากมาย 4. เปน็ แหลง่ เก็บกกั นา้ เน้อื ดินจะมสี ว่ นประกอบสาคญั ๆ คือ ส่วนทีเ่ ป็นของแขง็ ไดแ้ ก่ กรวด ทราย ตะกอน และส่วนทีเ่ ป็นของเหลว คือ นา้ ซง่ึ อยู่ในรปู ของความช้นื ในดินซง่ึ ถา้ มอี ยูม่ ากๆ กจ็ ะ กลายเปน็ น้าซึมอย่คู ือน้าใตด้ นิ นา้ เหล่านีจ้ ะคอ่ ยๆ ซมึ ลงท่ตี า่ เชน่ แมน่ ้าลาคลองทาให้เรามีนา้ ใชไ้ ด้ ตลอดปี หนา้ หลัก สารบญั ปิด ศศมิ าภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาสรุ ินทร์เขต 3

24 หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ เร่อื ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถิน่ เฉลยละเอยี ดแบบทดสอบย่อย ขอ้ 8. สัตวป์ า่ สงวน หมายถึง สตั วป์ ่าหายาก 15 ชนดิ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสตั วป์ ่า พ.ศ.2535 และได้รบั การคุ้มครองโดยขอบงั คบั บางประการจากพระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี ซงึ่ ระบวุ ่าสัตว์ ป่าสงวนและสตั ว์ปา่ คมุ้ ครอง เปน็ สตั ว์ป่าทีห่ ้ามลา่ ไดแ้ ก่ นกเจ้าฟ้าหญงิ สิรินธร แรด กระซู่ กปู รี ควายปา่ ละองหรือละมั่ง สมัน เลียงผา กวางผา นกแตว้ แลว้ ทอ้ งดา นกกระเรียน แมวลายหินออ่ น สมเสรจ็ เกง้ หมอ้ และพะยนู ข้อ 9. ต้นไมท้ ่ขี ้นึ อยู่ในป่าไมผ้ ลัดใบเปน็ จาพวกผลัดใบแทบทง้ั สิน้ ในฤดฝู นป่าประเภทนีจ้ ะมองดู เขียวชอุม่ พอถึงฤดูแล้งต้นไม้ ส่วนใหญ่จะพากนั ผลัดใบทาใหป้ ่ามองดโู ปร่งขึน้ และมกั จะเกิดไฟปา่ เผาไหม้ใบไมแ้ ละตน้ ไม้ เลก็ ๆ ปา่ ชนดิ สาคัญซึ่งอย่ใู นประเภทน้ี ได้แก่ ปา่ เบญจพรรณ ปา่ เต็งรัง ปา่ หญ้า ข้อ 10. ทรพั ยากรธรรมชาตแิ บง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คือ ทรพั ยากรธรรมชาติท่ไี ม่หมดส้ิน เช่น นา้ อากาศ แสงแดด ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีใช้แล้วหมดไป เช่น แร่ธาตุ เชอื้ เพลงิ นา้ มนั ถ่านหนิ และ ทรพั ยากรท่ีเกิดขนึ้ มาทดแทนได้ เช่น ป่าไม้ สัตวป์ า่ ดิน หน้าหลัก สารบญั ปดิ ศศิมาภรณ์ ดีเลิศ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ โรงเรียนบา้ นอาโพน สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาสรุ ินทร์เขต 3

25 หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เร่อื ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่ิน สรปุ ผลการเรียนรู้ ทรัพยากร คือ ส่ิงทเ่ี กิดข้ึนเองตามธรรมชาติและมนษุ ย์สามารถนามาใช้ประโยชนใ์ นลกั ษณะ ต่างๆได้ และทรพั ยากรหลกั ทีส่ าคญั ได้แก่ ดิน น้า ป่าไมแ้ ละแรธ่ าตุ ซึง่ ทรพั ยากรต่างๆ มีประโยชน์ ต่อท้องถิ่นดังน้ี ทรพั ยากรดิน ดินเป็นทรัพยากรทเ่ี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติที่ เกิดจากการสลายตัว ผุพงั ของหินชนดิ ต่างๆ และการทับถมกันของซากพชื ซากสัตว์ น้า อากาศ แล้วกลายเปน็ เน้ือดิน ดินเป็นตน้ กาเนิดของการ เกษตรกรรม เป็นแหลง่ ผลติ อาหารของมนษุ ย์ เป็นแหลง่ อาหารของสตั ว์เพราะว่าดินมีพวกพชื และ หญา้ ท่ีขนึ้ อยู่ แผ่นดนิ เป็นที่ตัง้ ของเมือง บา้ นเรือน สถานท่ที ่องเทีย่ ว สิ่งก่อสรา้ งตา่ งๆ ทรพั ยากรน้า น้าเปน็ ทรัพยากรที่เกดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติที่สามารถเกดิ และหมนุ เวยี นได้เรอื่ ยๆไม่มวี ัน หมดสิ้น นา้ ใชอ้ ุปโภค บรโิ ภค นา้ เปน็ สงิ่ จาเปน็ ท่มี นษุ ย์ใช้ด่ืมกนิ ชาระร่างกายและประกอบอาหาร ทานาเกลือ โดยการระเหยไอเคม็ จากทะเล พลงั งานของนา้ จากเขอ่ื นยงั สามารนามาผลิตเปน็ กระแสไฟฟา้ แมน่ ้า ทะเล ยงั เป็นเส้นทางคมนาคมในการขนส่ง ทรัพยากรปา่ ไม้ ปา่ ไมเ้ ปน็ ทรพั ยากรธรรมชาติท่ีมีความสาคัญอย่างยง่ิ ต่อสง่ิ มีชีวิตไม่ว่าจะเปน็ มนุษยห์ รอื สัตว์ชนดิ อนื่ ๆ เพราะปา่ ไมม้ ีประโยชน์ท้ังการเปน็ แหล่งวตั ถดุ บิ ของปัจจยั สี่ คอื อาหาร ทีอ่ ยูอ่ าศัย ยารกั ษาโรค เครื่องนุ่งหม่ นอกจากนีป้ า่ ไม้ ใชไ้ มส้ าหรบั ก่อสรา้ ง การกสกิ รรม การประมง การ อุตสาหกรรม และการขนสง่ บางชนิด ตลอดจนการสรา้ งเคร่ืองใชภ้ ายในครวั เรอื น ปา่ ไม้ชว่ ยอนุรักษ์ ดนิ ทาให้ฝนตกต้องถามฤดกู าล กกั เก็บน้าทาให้เกิดแหล่งน้าซึมใตด้ นิ ทรพั ยากรแร่ แร่เปน็ ทรัพยากรที่เกดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติมีความสาคัญและมบี ทบาททสี่ นองความ ตอ้ งการทางด้านปจั จยั ตา่ งๆ ของมนุษยท์ ั้งทางด้านอุตสาหกรรมและพลังงาน มีประโยชนท์ างดา้ น ความมั่นคงและม่ังคั่งของประเทศเพราะประเทศทีม่ ีแร่ธาตุตา่ ง ๆมากจาทาให้สามารถนาไปแปรรูป เปน็ ผลผลิตท่ีสร้างเงินเขา้ ประเทศ หน้าหลัก สารบญั ปดิ ศศิมาภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทร์เขต 3

26 หนังสอื อิเลก็ ทรอนิกส์ เรื่อง ทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถ่นิ สรปุ ผลการเรียนรู้ ทรพั ยากรธรรมชาติ แบ่งโดยใช้เกณฑก์ ารนามาใช้ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. ทรัพยากรธรรมชาตทิ ี่ใช้แล้วไมห่ มดสิ้น ทรัพยากรธรรมชาติท่ีใชแ้ ล้วไม่หมดส้ินเป็นทรัพยากรธรรมชาติทีเ่ กิดขึ้นและคงอยู่เสมอ มี ความจาเป็นต่อการดารงชีวติ ของมนษุ ย์ จาแนกเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1.1 ประเภทคงสภาพเดิมไม่เปลย่ี นแปลง ได้แก่ พลงั งานจากดวงอาทติ ย์ ลม อากาศ ฝุ่น 1.2 ประเภทมีการเปลยี่ นแปลง เนื่องมาจากการใช้ประโยชน์อย่างผิดวิธี เช่น การใชท้ ่ดี ิน ถ้านามาใช้โดยไมถ่ ูกต้อง ทาให้เกดิ การเปลีย่ นแปลงทง้ั ทางดา้ นกายภาพและดา้ นคุณภาพ 2. ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีใช้แล้วทดแทนได้ ทรัพยากรธรรมชาติทใ่ี ช้แลว้ ทดแทนไดเ้ ป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ล้วสามารถเกดิ ขน้ึ ทดแทนได้ เช่น พืช ปา่ ไม้ สตั วป์ ่า ความสมบรู ณ์ของดนิ และนา้ และทศั นยี ภาพท่สี วยงาม เปน็ ตน้ 3. ทรพั ยากรธรรมชาติทส่ี ามารถนามาใช้ใหม่ได้ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ีส่ ามารถนามาใช้ใหมไ่ ดเ้ ปน็ ทรัพยากรธรรมชาตพิ วกแรธ่ าตุทนี่ ามาใช้ แล้วสามารถรไี ซเคลิ แลว้ นากลบั มาใชใ้ หมอ่ กี ไดแ้ ก่ แรโ่ ลหะ แรอ่ โลหะ เชน่ เหล็ก ทองแดง อะลมู เิ นยี ม แก้ว เป็นตน้ 4. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ หมดไป ทรพั ยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ หมดสิ้นไปเปน็ ทรัพยากรธรรมชาตทิ นี่ ามาใช้แลว้ จะหมดไป ไดแ้ ก่ น้ามนั ปิโตรเลียม แกส๊ ธรรมชาติ และถา่ นหิน เปน็ ตน้ การจัดการทรัพยากรประเภทนี้ จึงต้อง เนน้ ใหใ้ ชอ้ ยา่ งประหยดั ใชใ้ ห้คุ้มค่าทส่ี ุดและใหไ้ ดป้ ระโยชนท์ ี่สุด หนา้ หลัก สารบัญ ปดิ ศศมิ าภรณ์ ดเี ลิศ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรนิ ทร์เขต 3

27 หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เรอื่ ง ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถิน่ บรรณานกุ รม ปานนนท์ นลิ รัตน์. (2556). “สง่ิ แวดลอ้ มและระบบนิเวศ”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก : http://pannon32.blogspot.com/ สบื ค้นเมอ่ื 8 เมษายน พ.ศ. 2559 มณฑา นริ ะทัย . (2554). เกง็ ข้อสอบ วิทยาศาสตร์ ป.6 . กรงุ เทพ : บริษัท ดับเบล้ิ บี เพรส จากดั . โรงเรียนมงฟอรต์ วิทยาลัย จงั หวดั เชียงใหม่. (2556). “E-Learning ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6”. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก : http://goo.gl/XXIUXy สืบคน้ เมือ่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559 ลัดดาวัลย์ เสียงสังข์ และ สามารถ พงศ์ไพบลู ย์ . (2552). วทิ ยาศาสตร์ ป.6 สอบเข้า ม.1. (พิมพคร้ังที่ 2). กรุงเทพ : เจริญมน่ั คงการพิมพ์. สถาบนั พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (2557). ชุดกจิ กรรมการเรยี นรพู้ ัฒนาการคดิ วเิ คราะห์ วิทยาศาสตร์ ป.6 . (พมิ พครั้งที่ 1). กรงุ เทพ : บริษทั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ. สนิ ธธ์ุ ู สยารมณ์ . (2557). เจาะลกึ วิทยาศาสตร์ ป.6 สอบเขา้ ม.1 ฉบับเข้มข้น. กรงุ เทพ : บริษัทฐานบัณฑติ จากดั . สภุ าภรณ์ จนั ทรส์ งิ ห์ . (2556). “สนุกคิดนกั วทิ ยาศาสตร์น้อย”. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก : http://goo.gl/OwmNjk สืบคน้ เม่อื 8 เมษายน พ.ศ. 2559 สมพงษ์ จนั ทร์โพธ์ิศรี . (2557). คูม่ อื เตรียมสอบ วทิ ยาศาสตร์ ป. 4-5-6. กรุงเทพ : บริษทั เจ้าพระยาระบบการพมิ พ์ จากัด. เอกรนิ ทร์ ส่มี หาศาลและคณะ . (2551). ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน Smart O-NET วทิ ยาศาสตร์ ป.6 . กรงุ เทพ : บริษัทอักษรเจริญทศั น์ อจท จากัด. อนตุ ตรีย์ แซโ่ คว้ . (2558). “สง่ิ มีชวี ิตใต้ท้องทะเล”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://anutree05.wordpress.co สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2559 หน้าหลกั สารบัญ ปิด ศศมิ าภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นบ้านอาโพน สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสุรินทร์เขต 3

หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ ส์ เร่อื ง ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถิ่น ศศิมาภรณ์ ดเี ลศิ ครูชานาญการ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นบา้ นอาโพน สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ นิ ทร์เขต 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook