Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore องค์ประกอบศิลป์

องค์ประกอบศิลป์

Published by Aomjun Nosungnern, 2022-07-26 15:09:35

Description: องค์ประกอบศิลป์

Search

Read the Text Version

วชิ า องคป์ ระกอบศลิ ป์สาหรบั งานคอมพวิ เตอร์ อาจารยอ์ อ้ มจนั ทร์ นอสูงเนนิ

หมายถงึ ศลิ ปะทน่ี าไปประยกุ ตเ์ ขา้ ศลิ ปะบริสทุ ธิ์ หรือประณตี ศลิ ป์ กับส่ิงของเครื่องใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ที่สนองความตอ้ งการด้าน อารมณ์และจติ ใจเปน็ สาคัญ ของมนษุ ย์ เพอ่ื ประโยชน์ใช้สอยเปน็ สาคัญและมี คุณค่าทางความงามอยู่ดว้ ย

ทศั นธาตุ 1. ………………. 2. ………………. 3. ………………. 4. ………………. 5. ………………. 6. ………………. 7. ……………….

ทศั นธาตุ ทัศนะ หมายถงึ การเหน็ สงิ่ ทีม่ องเหน็ ธาตุ หมายถึง ส่งิ ท่ีถือวา่ เปน็ ส่วนสาคัญที่รวมกัน เป็น รปู รา่ งของสง่ิ ท้งั หลาย ทศั นธาตุ หมายถงึ สว่ นสาคัญท่ีรวมกนั เปน็ รูปรา่ ง ของสงิ่ ทัง้ หลายตามทตี่ ามองเห็น

ทศั นธาตุ ไดแ้ ก่ 1. จุด (DOT) 2. เสน้ (LINE) 3. สี (COLOR) 4. รูปร่างและรูปทรง (SHAPE AND FORM) 5. นา้ หนกั (VALUE) 6. บริเวณว่าง (SPACE) 7. ลักษณะผวิ (TEXTURE) จุด (DOT)

จุด หมายถงึ รอยหรอื แต้มทีม่ ีลักษณะกลมๆ ปรากฏทผ่ี ิวพ้ืน ไมม่ ี ขนาด ความกว้าง ความ ยาว ความหนา เปน็ สง่ิ ท่ี เล็กที่สุดและเปน็ ธาตุ เรม่ิ แรกที่ทาให้เกดิ ธาตุ อนื่ ๆ ข้ึน

1. จดุ

1. จุด

1. จุด

ทศั นธาตุ ไดแ้ ก่ 1. จุด (DOT) 2. เสน้ (LINE) 3. สี (COLOR) 4. รูปร่างและรูปทรง (SHAPE AND FORM) 5. นา้ หนกั (VALUE) 6. บริเวณว่าง (SPACE) 7. ลักษณะผวิ (TEXTURE) จุด (DOT)

เส้น (Line) เสน้ คือ จุดหลาย ๆ จดุ ตอ่ กนั เป็นสาย เป็นแถวแนวไปใน ทศิ ทางใดทศิ ทางหนึ่งเปน็ ทางยาวหรือจุดท่ีเคลอื่ นท่ีไปในทิศทาง ใดทศิ ทางหนึ่งด้วยแรงผลกั ดัน หรือรอยขูดขดี เขียนของวตั ถเุ ป็น รอยยาว เสน้ แบง่ เป็นลักษณะใหญ่ ๆ 2 ลกั ษณะ ดังนี้ 1. เสน้ ตรง 2. เส้นโคง้

เส้ นตรง 1. เส้นด่ิง คือ เสน้ ตรงท่ีต้งั ฉากกบั พ้นื ระดบั ใหค้ วามรู้สึก มนั่ คง แขง็ แรง สง่า รุ่งเรือง สมดุล พงุ่ ข้ึน 2. เส้นนอน คือ เสน้ ตรงท่ีนอนราบไปกบั พ้นื ระดบั ให้ ความรู้สึกกวา้ งขวาง สงบเงียบ เยอื กเยน็ ผอ่ นคลาย 3. เสน้ เฉียง คือ เส้นตรงเอนไม่ต้งั ฉากกบั พ้นื ระดบั ให้ ความรู้สึกไม่มนั่ คง เคล่ือนไหว แปรปรวน ไม่สมบูรณ์ 4. เสน้ ฟันปลา คือ เสน้ ตรงหลายเส้นต่อกนั สลบั ข้ึนลงระยะ เท่ากนั ใหค้ วามรู้สึกรุนแรง กระแทก ต่ืนเตน้ อนั ตราย ขดั แยง้ 5. เส้นประ คือ เส้นตรงท่ีขาดเป็นช่วง ๆ มีระยะเท่ากนั ให้ ความรู้สึกต่อเนื่องขาดระยะใจหาย ไม่แน่นอน

2. เส้น

เสน้ ตรง 1. เส้นดง่ิ คอื เส้นตรงทีต่ ั้งฉากกบั พืน้ ระดับใหค้ วามรู้สกึ ม่ันคง แขง็ แรง สง่า รงุ่ เรือง สมดุล พุ่งขึ้น 2. เส้นนอน คือ เส้นตรงท่นี อนราบไปกบั พ้ืนระดับ ใหค้ วามรสู้ ึก กว้างขวาง สงบเงยี บ เยอื กเย็น ผ่อนคลาย 3. เส้นเฉียง คือ เสน้ ตรงเอนไม่ตั้งฉากกบั พ้ืนระดับให้ความรู้สกึ ไม่ ม่นั คง เคลื่อนไหว แปรปรวน ไม่สมบรู ณ์ 4. เส้นฟนั ปลา คือ เสน้ ตรงหลายเส้นต่อกนั สลบั ขึน้ ลงระยะเท่ากัน ให้ความรู้สกึ รุนแรง กระแทก ต่นื เตน้ อนั ตราย ขดั แยง้ 5. เส้นประ คือ เสน้ ตรงทขี่ าดเป็นช่วง ๆ มรี ะยะเทา่ กัน ให้ ความรสู้ ึกตอ่ เนือ่ งขาดระยะใจหาย ไม่แน่นอน

2. เส้น

เสน้ ตรง 1. เส้นดง่ิ คอื เส้นตรงทีต่ ั้งฉากกบั พืน้ ระดับใหค้ วามรู้สกึ ม่ันคง แขง็ แรง สง่า รงุ่ เรือง สมดุล พุ่งขึ้น 2. เส้นนอน คือ เส้นตรงท่นี อนราบไปกบั พ้ืนระดับ ใหค้ วามรสู้ ึก กว้างขวาง สงบเงยี บ เยอื กเย็น ผ่อนคลาย 3. เส้นเฉียง คือ เสน้ ตรงเอนไม่ตั้งฉากกบั พ้ืนระดับให้ความรู้สกึ ไม่ ม่นั คง เคลื่อนไหว แปรปรวน ไม่สมบรู ณ์ 4. เส้นฟนั ปลา คือ เสน้ ตรงหลายเส้นต่อกนั สลบั ขึน้ ลงระยะเท่ากัน ให้ความรู้สกึ รุนแรง กระแทก ต่นื เตน้ อนั ตราย ขดั แยง้ 5. เส้นประ คือ เสน้ ตรงทขี่ าดเป็นช่วง ๆ มรี ะยะเทา่ กัน ให้ ความรสู้ ึกตอ่ เนือ่ งขาดระยะใจหาย ไม่แน่นอน

2. เส้น

2. เส้น

เสน้ ตรง 1. เส้นดง่ิ คอื เส้นตรงทีต่ ั้งฉากกบั พืน้ ระดับใหค้ วามรู้สกึ ม่ันคง แขง็ แรง สง่า รงุ่ เรือง สมดุล พุ่งขึ้น 2. เส้นนอน คือ เส้นตรงท่นี อนราบไปกบั พ้ืนระดับ ใหค้ วามรสู้ ึก กว้างขวาง สงบเงยี บ เยอื กเย็น ผ่อนคลาย 3. เส้นเฉียง คือ เสน้ ตรงเอนไม่ตั้งฉากกบั พ้ืนระดับให้ความรู้สกึ ไม่ ม่นั คง เคลื่อนไหว แปรปรวน ไม่สมบรู ณ์ 4. เส้นฟนั ปลา คือ เสน้ ตรงหลายเส้นต่อกนั สลบั ขึน้ ลงระยะเท่ากัน ให้ความรู้สกึ รุนแรง กระแทก ต่นื เตน้ อนั ตราย ขดั แยง้ 5. เส้นประ คือ เสน้ ตรงทขี่ าดเป็นช่วง ๆ มรี ะยะเทา่ กัน ให้ ความรสู้ ึกตอ่ เนือ่ งขาดระยะใจหาย ไม่แน่นอน





เส้นตรง 1. เส้นด่งิ คือ เส้นตรงท่ตี ้ังฉากกับพน้ื ระดับให้ความรู้สึกมั่นคง แข็งแรง สง่า รุง่ เรอื ง สมดุล พ่งุ ขน้ึ 2. เสน้ นอน คือ เส้นตรงท่ีนอนราบไปกบั พ้ืนระดบั ให้ความรู้สกึ กวา้ งขวาง สงบเงยี บ เยือกเย็น ผอ่ นคลาย 3. เส้นเฉียง คอื เส้นตรงเอนไม่ตัง้ ฉากกบั พืน้ ระดบั ใหค้ วามรสู้ กึ ไม่ ม่นั คง เคลอื่ นไหว แปรปรวน ไมส่ มบูรณ์ 4. เสน้ ฟนั ปลา คอื เสน้ ตรงหลายเสน้ ต่อกนั สลบั ขึ้นลงระยะเทา่ กนั ใหค้ วามรู้สกึ รุนแรง กระแทก ตืน่ เต้น อันตราย ขดั แย้ง 5. เสน้ ประ คอื เสน้ ตรงทข่ี าดเป็นช่วง ๆ มรี ะยะเทา่ กนั ให้ ความรู้สกึ ไม่ตอ่ เน่ืองขาดระยะใจหาย ไมแ่ นน่ อน

เส้ นโค้ง 1. เส้นโคง้ ลง คือ เส้นท่ีเป็นทอ้ งกระทะคลา้ ยเชือกหยอ่ น ให้ ความรู้สึกอ่อนโยน เคล่ือนไหวไม่แขง็ แรง 2. เสน้ โคง้ ข้ึน คือ เสน้ ที่โคง้ เป็นหลงั เต่าคลา้ ยคนั ธนูให้ ความรู้สึกแขง็ แรง เชื่อมน่ั เคล่ือนไหว 3. เสน้ คด คือ เส้นโคง้ ข้ึนโคง้ ลงต่อเน่ืองกนั คลา้ ยคลื่นใน ทะเล ใหค้ วามรู้สึกเล่ือนไหล ต่อเนื่อง อ่อนชอ้ ย นุ่มนวล 4. เส้นกน้ หอย คือ เส้นโคง้ ต่อเน่ืองกนั วนเขา้ เลก็ ลงเป็นจุด คลา้ ยกน้ หอย ใหค้ วามรู้สึกอึดอดั เคล่ือนไหวคล่ีคลาย 5. เสน้ โคง้ อิสระ คือ เสน้ โคง้ ต่อเน่ืองกนั ไปไม่มีทิศทาง คลา้ ย เชือกพนั กนั ใหค้ วามรู้สึกวนุ่ วาย ยงุ่ เหยงิ ไม่เป็นระเบียบ

เสน้ โคง้ ลง

เสน้ โค้ง 1. เสน้ โคง้ ลง คือ เสน้ ท่เี ป็นท้องกระทะคล้ายเชอื กหยอ่ น ให้ ความร้สู ึกออ่ นโยน เคลื่อนไหวไม่แข็งแรง 2. เส้นโคง้ ขึน้ คือ เสน้ ท่โี คง้ เปน็ หลังเตา่ คลา้ ยคนั ธนูให้ความรสู้ ึก แข็งแรง เชอื่ มน่ั เคลอื่ นไหว 3. เสน้ คด คอื เส้นโคง้ ขน้ึ โค้งลงต่อเนอื่ งกนั คล้ายคล่นื ในทะเล ให้ ความร้สู กึ เลอ่ื นไหล ต่อเน่ือง ออ่ นช้อย น่มุ นวล 4. เส้นก้นหอย คอื เสน้ โคง้ ต่อเนอื่ งกนั วนเขา้ เลก็ ลงเป็นจดุ คล้าย ก้นหอย ให้ความรู้สึกอดึ อดั เคลอ่ื นไหวคล่ีคลาย 5. เส้นโค้งอสิ ระ คือ เส้นโค้งต่อเน่อื งกันไปไมม่ ที ิศทาง คลา้ ยเชอื ก พันกนั ให้ความรสู้ กึ วุ่นวาย ยุ่งเหยงิ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ

เส้นโค้งขนึ้

เส้นโค้งขนึ้

เสน้ โค้ง 1. เสน้ โคง้ ลง คือ เสน้ ท่เี ป็นท้องกระทะคล้ายเชอื กหยอ่ น ให้ ความร้สู ึกออ่ นโยน เคลื่อนไหวไม่แข็งแรง 2. เส้นโคง้ ขึน้ คือ เสน้ ท่โี คง้ เปน็ หลังเตา่ คลา้ ยคนั ธนูให้ความรสู้ ึก แข็งแรง เชอื่ มน่ั เคลอื่ นไหว 3. เสน้ คด คอื เส้นโคง้ ขน้ึ โค้งลงต่อเนอื่ งกนั คล้ายคล่นื ในทะเล ให้ ความร้สู กึ เลอ่ื นไหล ต่อเน่ือง ออ่ นช้อย น่มุ นวล 4. เส้นก้นหอย คอื เสน้ โคง้ ต่อเนอื่ งกนั วนเขา้ เลก็ ลงเป็นจดุ คล้าย ก้นหอย ให้ความรู้สึกอดึ อดั เคลอ่ื นไหวคล่ีคลาย 5. เส้นโค้งอสิ ระ คือ เส้นโค้งต่อเน่อื งกันไปไมม่ ที ิศทาง คลา้ ยเชอื ก พันกนั ให้ความรสู้ กึ วุ่นวาย ยุ่งเหยงิ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ

2. เส้นคด

2. เส้นคด

เสน้ โค้ง 1. เสน้ โคง้ ลง คือ เสน้ ท่เี ป็นท้องกระทะคล้ายเชอื กหยอ่ น ให้ ความร้สู ึกออ่ นโยน เคลื่อนไหวไม่แข็งแรง 2. เส้นโคง้ ขึน้ คือ เสน้ ท่โี คง้ เปน็ หลังเตา่ คลา้ ยคนั ธนูให้ความรสู้ ึก แข็งแรง เชอื่ มน่ั เคลอื่ นไหว 3. เสน้ คด คอื เส้นโคง้ ขน้ึ โค้งลงต่อเนอื่ งกนั คล้ายคล่นื ในทะเล ให้ ความร้สู กึ เลอ่ื นไหล ต่อเน่ือง ออ่ นช้อย น่มุ นวล 4. เส้นก้นหอย คอื เสน้ โคง้ ต่อเนอื่ งกนั วนเขา้ เลก็ ลงเป็นจดุ คล้าย ก้นหอย ให้ความรู้สึกอดึ อดั เคลอ่ื นไหวคล่ีคลาย 5. เส้นโค้งอสิ ระ คือ เส้นโค้งต่อเน่อื งกันไปไมม่ ที ิศทาง คลา้ ยเชอื ก พันกนั ให้ความรสู้ กึ วุ่นวาย ยุ่งเหยงิ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ

เส้นโค้งกน้ หอย

เสน้ โค้ง 1. เสน้ โคง้ ลง คือ เสน้ ท่เี ป็นท้องกระทะคล้ายเชอื กหยอ่ น ให้ ความร้สู ึกออ่ นโยน เคลื่อนไหวไม่แข็งแรง 2. เส้นโคง้ ขึน้ คือ เสน้ ท่โี คง้ เปน็ หลังเตา่ คลา้ ยคนั ธนูให้ความรสู้ ึก แข็งแรง เชอื่ มน่ั เคลอื่ นไหว 3. เสน้ คด คอื เส้นโคง้ ขน้ึ โค้งลงต่อเนอื่ งกนั คล้ายคล่นื ในทะเล ให้ ความร้สู กึ เลอ่ื นไหล ต่อเน่ือง ออ่ นช้อย น่มุ นวล 4. เส้นก้นหอย คอื เสน้ โคง้ ต่อเนอื่ งกนั วนเขา้ เลก็ ลงเป็นจดุ คล้าย ก้นหอย ให้ความรู้สึกอดึ อดั เคลอ่ื นไหวคล่ีคลาย 5. เส้นโค้งอสิ ระ คือ เส้นโค้งต่อเน่อื งกันไปไมม่ ที ิศทาง คลา้ ยเชอื ก พันกนั ให้ความรสู้ กึ วุ่นวาย ยุ่งเหยงิ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ

เส้นโค้งอสิ ระ

เสน้ โค้ง 1. เสน้ โคง้ ลง คือ เสน้ ท่เี ป็นท้องกระทะคล้ายเชอื กหยอ่ น ให้ ความร้สู ึกออ่ นโยน เคลื่อนไหวไม่แข็งแรง 2. เส้นโคง้ ขึน้ คือ เสน้ ท่โี คง้ เปน็ หลังเตา่ คลา้ ยคนั ธนูให้ความรสู้ ึก แข็งแรง เชอื่ มน่ั เคลอื่ นไหว 3. เสน้ คด คอื เส้นโคง้ ขน้ึ โค้งลงต่อเนอื่ งกนั คล้ายคล่นื ในทะเล ให้ ความร้สู กึ เลอ่ื นไหล ต่อเน่ือง ออ่ นช้อย น่มุ นวล 4. เส้นก้นหอย คอื เสน้ โคง้ ต่อเนอื่ งกนั วนเขา้ เลก็ ลงเป็นจดุ คล้าย ก้นหอย ให้ความรู้สึกอดึ อดั เคลอ่ื นไหวคล่ีคลาย 5. เส้นโค้งอสิ ระ คือ เส้นโค้งต่อเน่อื งกันไปไมม่ ที ิศทาง คลา้ ยเชอื ก พันกนั ให้ความรสู้ กึ วุ่นวาย ยุ่งเหยงิ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ

ทศั นธาตุ ไดแ้ ก่ 1. จุด (DOT) 2. เสน้ (LINE) 3. สี (COLOR) 4. รูปร่างและรูปทรง (SHAPE AND FORM) 5. นา้ หนกั (VALUE) 6. บริเวณว่าง (SPACE) 7. ลักษณะผวิ (TEXTURE) จุด (DOT)

สี (COLOUR) • สี หมายถึง ลกั ษณะของแสงสวา่ ง ปรากฏแกต่ าใหเ้ ห็นเป็นสี ขาว ดา แดง เขียว น้าเงิน เหลอื ง เป็นต้น ถา้ ไม่มแี สงจะมองไมเ่ ห็นสี ซ่ึงสีมี 2 ชนิด ดงั นี้ 1. สที ่เี ปน็ วัตถุ (Pigment) สที ่ีเปน็ รงควัตถุสผี งหรอื ธาตุในรา่ งกายทีท่ าให้คน มีสีต่าง ๆ สีท่เี กดิ จากวัตถธุ าตุ เช่น จากพชื สตั ว์ แร่ธาตุ เปน็ ตน้ ซงึ่ เป็นสีทีใ่ ช้ในงานศลิ ปะ 2. สีทีเ่ ป็นแสง (Spectrum) สีทเ่ี กิดจากการหกั เหของแสง แสงส่องผา่ นแท่ง แกว้ แสงแดดส่องผ่านละอองนา้ ในอากาศ จะเกิดการหกั เหของแสงเป็นสรี ้งุ 7 สี ไดแ้ ก่ สี แดง ส้ม เหลือง เขียว น้าเงิน คราม ม่วง

วงจรสธี รรมชาติ •วงจรสี เกิดจากการนาเอาแม่สีท่ีเป็นวตั ถุมาผสมกนั เป็นสี 3 ข้นั มี 12 สี คือ สีเหลือง เหลืองเขียว เขียว เขียวน้า เงิน น้าเงิน น้าเงินม่วง ม่วง ม่วงแดง แดง แดง ส้ม ส้ม เหลืองส้ม หรือเรียกวา่ วงลอ้ ของสี

แม่สีขน้ั ที่ 1 (PRIMARY COLOURS) •วงจรสี แม่สที เี่ ปน็ วัตถุธาตุ ทเี่ ปน็ สีเร่มิ ตน้ ทาใหเ้ กดิ สี ใหม่ข้ึนมา มี 3 สี คอื แดง เหลือง น้าเงิน



สีขั้นท่ี 2 (SECONDARY COLOURS) •วงจรสี เกดิ จากการนาเอาแมส่ ที ีเ่ ปน็ วตั ถุทง้ั 3 สี มาผสมกนั เกิดสีใหม่ขนึ้ มาอกี 3 สี คือ ส้ม เขียว มว่ ง





สขี นั้ ที่ 3 (TERTIORY COLOURS) •การนาเอาสีข้นั ที่ 1 กับสขี ้นั ที่ 2 มาผสมกัน ทลี ะคูท่ ่ีอยตู่ ิดกนั จะไดส้ ีเพ่มิ ขนึ้ อกี 6 สี

เหลือง





สีแดง = ตื่นเต้น เร้าใจ อันตราย พลัง อานาจ รกั สสี ม้ = ต่ืนตัว ตน่ื เตน้ เร้าใจ สนุกสนาน สีเหลือง = สดใส ร่าเรงิ ฉลาด เปรย้ี ว สีเขียวออ่ น = สดชน่ื รา่ เริง เบิกบาน สีเขียวแก่ = สะอาด ปลอดภัย สดช่นื ธรรมชาติ ชรา สนี ้าเงนิ = สภุ าพ เช่ือมน่ั หนักแน่น ถ่อมตวั ผู้ชาย สีฟา้ = ราบรนื่ สวา่ ง วยั รุ่น ทันสมยั สมี ่วง = ฟมุ่ เฟอื ย ลึกลบั ขเ้ี หงา สีชมพู = ความรกั ผ้หู ญงิ ออ่ นหวาน นุ่มนวล หอม สีขาว = ความบรสิ ทุ ธิ์ สะอาด ปลอดภยั เด็กทารก สีดา = ทุกข์ ลึกลบั สืบสวน หนกั แนน่ สเี ทา = สภุ าพ ขรมึ สีนา้ ตาล = อนุรักษ์ โบราณ ธรรมชาติ

ทศั นธาตุ ได้แก่ 1. จุด (DOT) 2. เส้น (LINE) 3. สี (COLOR) 4. รูปร่างและรูปทรง (SHAPE AND FORM) 5. นา้ หนัก (VALUE) 6. บริเวณว่าง (SPACE) 7. ลกั ษณะผวิ (TEXTURE) จุด (DOT)

รปู ร่างและรูปทรง (Shape and Form) รปู ร่าง (Shape) หมายถึง เส้นรอบนอกของ วัตถุ คน สัตว์ ส่ิงของ มลี ักษณะเปน็ 2 มิติ (กว้าง ยาว) รูปทรง (Form) หมายถึง โครงสรา้ งของรปู วตั ถุ คน สตั ว์ ส่ิงของ มลี กั ษณะเปน็ 3 มิติ (กวา้ ง ยาว ลกึ )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook