วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั จดั ทําโดย เด็กหญิงศิรญิ ากรณ์ ลีละครจนั ทร์ ชนั มธั ยมศึกษาปที 2/1 เลขที36 เสนอ คณุ ครู ภัทราวรรณ อุทธสงิ ห์ รายวชิ า ออกแบบและเทคโนโลยี ว2203 ปการศึกษา 2562
คํานาํ ใบความรนู้ เี ปนสว่ นหนงึ ของรายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี จดี ทําขนึ มาเพอื การศึกษาเท่านนั หากขอ้ งมูลผดิ พลาดประการใด ต้อง ขออภัยมา ณ ทีนดี ว้ ย เดก็ หญงิ ศิรญิ ากรณ์ ลีละครจนั ทร์ ผจู้ ดั ทํา
สารบญั หน้า วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั 4 ไม้ 5 6 ไมธ้ รรมชาติ 7 ไมป้ ระกอบ 8 9 โลหะ 10 โลหะกล่มุ เหล็ก 11 โลหะนอกกล่มุ เหล็ก 12 13 พลาสติก 14 เทอรโ์ มพลาสติก 15 เทอรโ์ มเชตติงพลาสติก 16 ยาง ยางธรรมชาติ ยางสงั เคราะห์
วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั วสั ดตุ ่างๆ ทีใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั มที ังวสั ดุ ธรรมชาติและวสั ดุ สงั เคราะห์ อาจนาํ มาใช้ โดยตรงหรอื แปรรปู เพอื ใหเ้ หมาะกับการใชง้ าน วสั ดรุ อบๆ ตัวเราทีใชใ้ น ชวี ติ ประจาํ วนั มที ังวสั ดุ ธรรมชาติและวสั ดุ สงั เคราะห์
ไม้ (wood) ไม้ คือ วสั ดธุ รรมชาติทีได้ มาจากลําต้นของต้นไม้ ซงึ สว่ นใหญเ่ ปนไมย้ นื ต้น ไมม้ คี วามแขง็ แรง ทนทาน ต้านทานไฟฟา ไมเ่ ปนสนมิ มรี ปู รา่ งคงตัว ผวิ เรยี บ มกี ลิน และมี ลวดลาย ถ้าไดร้ บั ความชนื เปนเวลานานอาจ บวมผดิ รปู และผไุ ด้ ไม้ แบง่ ออกไดเ้ ปน 2 ประเภทคือ
ไมจ้ รงิ หรอื ไมธ้ รรมชาติ (natural wood or solid wood) คือ ไมท้ ีไดม้ าจาก ลําต้นของต้นไมโ้ ดยตรง แบง่ ไดเ้ ปน 2 ประเภทคือ ไมเ้ นอื แขง็ (hardwood) และไมเ้ นอื อ่อน (softwood)
ไมป้ ระกอบ หมายถึง ผลิตภัณฑ์จากไมท้ ียอ่ ยเปนชนิ ไสเปน ฝอย หรอื แยกเปนเสน้ ใย แล้วนาํ มาอัดรวมกันเขา้ เปนชนิ เปนแผน่ ทังนี โดยจะมวี ตั ถเุ ชอื มประสาน ดว้ ยหรอื ไมก่ ็ได้ จดั เปนอุตสาหกรรมทีใชไ้ มข้ นาด เล็ก ตลอดจนเศษไมป้ ลายไมใ้ หเ้ ปนประโยชนอ์ ยา่ ง สาํ คัญ ไมป้ ระกอบอาจแบง่ ออกไดเ้ ปน ๓ พวก คือ แผน่ ชนิ ไมอ้ ัด แผน่ ใบไมอ้ ัด และแผน่ ฝอยไมอ้ ัด
โลหะ (metals) โลหะ คือ วสั ดทุ ีไดจ้ ากการถลงุ สนิ แรต่ ่างๆ โลหะทีนาํ มาใชง้ าน สว่ นใหญจ่ ะผา่ นการปรบั ปรงุ สมบตั ิใหด้ ขี นึ ก่อนนาํ มาใชง้ าน โลหะเปนตัวนาํ ความรอ้ นและ ไฟฟา มคี วามแขง็ แรงสงู มคี วาม คงทนถาวร ไมเ่ สอื มสลาย เปน วตั ถทุ ึบแสง ทาทานต่อการ กัดกรอ่ น โลหะแบง่ ออกไดเ้ ปน 2 ประเภทคือ
โลหะกล่มุ เหล็ก (ferrous metals) คือ โลหะทีมเี หล็กเปน สว่ นประกอบหลัก แบง่ ออกเปน เหล็กกล้า (steel) และเหล็กหล่อ (cast Iron) ซงึ มธี าตคุ ารบ์ อนผสม อยูใ่ นปรมิ าณทีต่างกันตังแต่ 0.1% ไปจนถึง 4.0% คารบ์ อนทีผสม ลงในเหล็กมผี ลต่อความแขง็ และ เปราะของเหล็ก โดยทัวไปโลหะ กล่มุ เหล็กจะเกิดสนมิ และมสี มบตั ิ ดดู ติดกับแมเ่ หล็กได้
โลหะนอกกล่มุ เหล็ก (non-ferrous metals) คือ โลหะทีไมม่ เี หล็กเปน สว่ นประกอบ ดงั นนั โลหะ ประเภทนจี ะไมเ่ กิดสนมิ และไมด่ ดู ติดกับแมเ่ หล็ก เชน่ อะลมู เิ นยี ม ทองแดง สงั กะสี ทองเหลือง
พลาสติก (plastics) พลาสติก คือ วสั ดสุ งั เคราะหท์ ีมนษุ ย์ สรา้ งขนึ สว่ นใหญเ่ ปนผลผลิตทีไดจ้ าก การกลันนาํ มนั ดบิ ปจจุบนั พลาสติกนาํ มาใชส้ รา้ งสงิ ของเครอื งใชม้ ากมายและ มบี ทบาทอยา่ งยงิ ต่อการดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั พลาสติกแบง่ ออกไดเ้ ปน 2 ประเภทคือ
เทอรโ์ มพลาสติก (thermoplastics) จะ อ่อนตัวและหลอมเหลว เมอื ไดร้ บั ความรอ้ นและจะ แขง็ ตัวเมอื ทําใหเ้ ยน็ ลง พลาสติกทีแขง็ ตัวแล้ว สามารถนาํ มาหลอมซาํ ได้ ดว้ ยความรอ้ น
เทอรโ์ มเซตติงพลาสติ ก (Thermosetting plastic) เปนพลาสติก ทีมสี มบตั ิพเิ ศษ คือ ทนทานต่อการ เปลียนแปลงอุณหภมู ิ และทนปฏิกิรยิ าเคมี ไดด้ ี
ยาง (rubber) ยาง คือ วสั ดทุ ีมคี วาม ยดื หยุน่ ถกู นาํ ไปแปรรปู เพอื ใชป้ ระโยชนใ์ นการ สรา้ งสงิ ของเครอื งใช้ หลายชนดิ สามารถแบง่ ออกเปน 2 ประเภท คือ
ยางธรรมชาติ (natural rubber) คือ ผลผลิตทีไดจ้ ากต้นยาง เมอื ยางอยูใ่ น สภาวะอุณหภมู ติ ําจะแขง็ กระดา้ ง เมอื ยางอยูใ่ นสภาวะอุณหภมู สิ งู จะอ่อนนมิ มี ความยดื หยุน่ สงู ทนต่อการสกึ หรอ แต่ ไมท่ นต่อตัวทําละลายพวกนาํ มนั ปโต เลียม
ยางสงั เคราะห์ (synthetic rubber) คือ ยางทีไดจ้ ากการ สงั เคราะหท์ างเคมเี พอื เลียนแบบยางธรรมชาติ ขอ้ ดคี ือ สามารถปรบั ปรงุ สมบตั ิต่างๆ ได้
อ้างอิง ขอขอบคณุ วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั -ครไู อที https://www.krui3.com /content/materials-in-daily -life/
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: