Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

Published by kan bunlengkhong, 2019-05-30 02:19:43

Description: e - book ครับ 1111

Search

Read the Text Version

บ1ทที่ 2 คออิเมลพ็กทิวเรตออนริก์ใสนค์แชอลีวมะิตพเปทิวครเตะโอนจรโำ�ล์ใวนยันชีคีวอิตมปพริวะเตจำอ�วรั์น บทที่ 21 11

บทท่ี 12 อคิอเลม็กพทิวรเอตนอริก์ใสน์แชลีวะิตเทปคระโนจโำ�ลวยันีคอมพิวเตอร์ 2 2

บ3ทที่ 2 คออิเมลพ็กทิวเรตออนริก์ใสนค์แชอลีวมะิตพเปทิวครเตะโอนจรโำ�ล์ใวนยันชีคีวอิตมปพริวะเตจำอ�วรั์น บทที่ 12 ค�ำ นำ� ระบบสารสนเทศมีความสำ�คัญและความจาเปน็ อยา่ งยิง่ ในการ ศกึ ษาค้นหาขอ้ มลู ต่าง ๆ ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีทาใหจ้ าเปน็ ตอ้ ง เรียนรู้เพอื่ ใหก้ ้าวทันกบั ความเปลี่ยนแปลง ตา่ ง ๆ ทีเ่ กดิ ขนึ้ สามารถนา เทคโนโลยนี น้ั มาประยุกตใ์ ช้ใหเ้ ป็นประโยชน์ในชีวิตประจาวนั โดยเฉพาะ ด้านการศกึ ษา ทส่ี ง่ ผลใหน้ าเทคโนโลยมี าใชใ้ หม้ ี ประสทิ ธิภาพ และประสิทธผิ ลจงึ จาเป็นอยา่ งย่ิงทนี่ ักการศึกษาจะตอ้ งศกึ ษาเรอื่ งน้ี ให้ สามารถนาเทคโนโลยีมาใชใ้ ห้ เกิดประโยชน์สูงสุดตอ่ การศกึ ษาและสังคม ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนไดเ้ กดิ ความร้แู ละทกั ษะในกระบวนการ เรยี นการสอนได้ อย่างเปน็ รปู ธรรมย่ิงขึน้ เป็นเครื่องมอื ในการเข้าถึงข้อมลู ขา่ วสารได้มาก รวดเรว็ และกว้างขวาง ชว่ ยเชื่อมประสานและสือ่ สารระหว่างกนั ไดง้ า่ ย เกิดรปู แบบการเรยี นรูร้ ว่ มกัน และ เรยี นรูไ้ ดอ้ ย่างต่อเน่อื งตลอดเวลา 33

บทที่ 12 อคิอเลม็กพทิวรเอตนอริก์ใสน์แชลีวะิตเทปคระโนจโำ�ลวยันีคอมพิวเตอร์ 4 สารบญั บทท่ี 1 ความรู้เบ้ืองตน้ เก่ยี วกบั ไฟฟา้ ไฟฟา้ คืออะไร แหล่งกำ�เนดิ ไฟฟา้ ความปลอดภยั ในงานไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ วงจรไฟฟา้ เบือ้ งตน้ ตัวตา้ นทาน ตวั เก็บประจุ และตวั เหนย่ี วน�ำ อปุ กรณไ์ ฟฟา้ เครื่องมือวดั งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ บทที่ 2 คอมพวิ เตอรใ์ นชวี ติ ประจำ�วนั อินเทอร์เนต็ คอมพิวเตอร์ฮารด์ แวร์ คอมพวิ เตอร์ซอฟตแ์ วร์ บทท่ี 3 พาณชิ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ จริยธรรมและความปลอดภัย บทท่ี 4 ไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino การควบคุมการท�ำ งานของอินพุทและเอาตพ์ ทุ เซ็นเซอรแ์ ละระบบอัจฉรยิ ะ 4

บทที่ 1 ความรเู บ้อื งตน เก่ยี วกบั ไฟฟา

บทที่ 1 ความรเู บ้อื งตน เก่ยี วกบั ไฟฟา

บท7ที่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทท่ี 2 บทท่ี 1 อเิ ล็กทรอนกิ ส์และเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ 1. ความรู้เบื้องตน้ เกีย่ วกบั ไฟฟ้า ในชวี ิตประจำวนั ของเรำน้นั จะเก่ยี วข้องกับอิเล็กทรอนิกส์อยู่เสมอๆ ทัง้ น้เี พรำะส่ิงอำนวยควำมสะดวกทีอ่ ยูร่ อบๆตวั เรำนนั้ ล้วนอำศยั อิเล็กทรอนกิ สใ์ นกำรสร้ำงแทบทัง้ สน้ิ ไม่ว่ำจะเป็นเคร่ืองใช้ไฟฟำ้ ยำนพำหนะ อุปกรณ์ในกำรติดต่อสอ่ื สำรและแม้กระท่ังเครื่องมือ กำรรกั ษำทำงแพทย์กใ็ ชอ้ ุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ 1. ไฟฟ้ามีอยรู่ อบตวั เรา ลองคดิ กันดูว่ำถำ้ ไมม่ ีไฟฟำ้ แล้วจะเกิดอะไรขน้ึ หลอดไฟจะจุดไม่ตดิ วิทยโุ ทรทศั น์จะใช้กำรไม่ไดร้ ถยนตก์ ว็ งิ่ ไมไ่ ด้น้ำประปำก็ไม่ไหลจะ หงุ ขำ้ วปลำปง้ิ ขนมปังก็ไม่ได้อีกดงั น้ันถำ้ จะบอกว่ำชีวิตประจำวนั ของเรำทุกคนจะต้องมีคำ่ ใชจ้ ่ำยในชีวิตประจำวนั แต่กไ็ ม่เกินควำม จรงิ ทว่ี ำ่ เรำเปน็ เครื่องใชไ้ ฟฟ้ำ ขนมปงั โทรทัศนว์ ทิ ยุเครอื่ งใชใ้ นบ้ำน เช่นเตำแก๊สหุงต้มทจ่ี ุดติดดว้ ยไฟฟำ้ นอกจำกนี้ยังมีโทรศัพท์โทรเลข และเครื่องมืออุปกรณต์ ่ำง ๆ อกี มำกมำยในอุตสำหกรรมที่ตอ้ งพง่ึ ไฟฟ้ำ 77

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 8 1.2 ไฟฟ้าเกดิ ข้ึนได้อย่างไร ภายในอะตอมมีไฟฟา้ แล้วนำมำใสก่ ันสองชนดิ มำถูด้วยกนั เกดิ ขึ้นทจ่ี ุดที่เรำจะได้รบั กำร ทำควำมเข้ำใจกนั ก่อนหน้ำนี้คือไฟฟำ้ ทม่ี ีอยูท่ ุกคนคงทรำบดี เรื่องรำวของอะตอมจะมกี ำรกลำ่ วถึงโดยละเอยี ดในบทท่ี 12 ขอให้ อธิบำยส้ัน ๆ วำ่ อะตอมน้นั เป็นอย่ำงไรที่มีขนำดเล็กมำก ในจำนวน ร้อยลำ้ นอะตอมเงินบำนำญที่มีขั้วแมเ่ หล็กจำนวนมำกที่มอี ยูใ่ นโลก ใบมดี รปู แบบตำ่ ง ๆ ของโลกท่ีมกี ำรกระจำยของอะตอมเป็นจำนวน มำก 1 อะตอม ลอเรนเซียมมีอเิ ล็กตรอน 103 ตัวจำนวน อเิ ล็กตรอนท่แี ตกตำ่ งกนั นที้ ำให้คุณสมบัติของอะตอมนน้ั ๆ แตกตำ่ งกันไป 8

บท9ที่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทท่ี 2 ไฟฟา้ ในอะตอมหายไป วตั ถทุ กุ ชนดิ ประกอบด้วยอะตอมที่มีไฟฟำ้ ทัง้ สนิ้ ฉะนั้นวัตถุทกุ ชนดิ จึงควรมีไฟฟ้ำดว้ ยภำยในไมเ้ หลก็ หรอื ก้อนหินควรมีไฟฟ้ำทัง้ สน้ิ แต่ ดเู หมือนวำ่ ไมเ้ หลก็ และก้อนหินจะไม่มไี ฟฟ้ำอยเู่ หตุที่เป็นเช่นนน้ั สำมำรถอธิบำยได้วำ่ ภำยในอะตอมของวัตถุนั้นมีปรมิ ำณไฟฟำ้ บวก และไฟฟ้ำลบเท่ำกันแรงกระทำจำกไฟฟ้ำบวกและไฟฟ้ำลบจึง หกั ลำ้ งกันพอดสี ภำพเชน่ น้ีเรยี กว่ำสภำพเปน็ กลำงทำงไฟฟ้ำใน สภำพดังกลำ่ วนี้ทั้งไฟฟำ้ บวกและไฟฟ้ำลบยงั คงมีอยู่มไิ ด้สูญหำยไป แตอ่ ย่ำงไร 1.3 สาเหตขุ องการเกิดไฟฟา้ สถติ สำเหตขุ องกำรเกิดไฟฟำ้ สถติ เมื่อยังมิได้ถแู ทง่ แก้วกับผำ้ ไหมจะไม่มี ไฟฟ้ำเกิดขึน้ เพรำะแท่งแกว้ มีสภำพเป็นกลำงทำงไฟฟ้ำแต่เม่อื มีกำร ถกู นั จะเกิดไฟฟำ้ ข้นึ เรำสำมำรถอธบิ ำยเหตผุ ลกำรเกิดไฟฟ้ำได้ ดังต่อไปน้เี ม่ือถูแท่งแก้วกบั ผำ้ ไหมอิเล็กตรอนอิสระทอี่ ยูภ่ ำยในแทง่ แก้วจะเคล่ือนไหวรุนแรงขนึ้ จนหลุดพน้ จำกแรงยึดเหนีย่ วของ นิวเคลยี สของอะตอมและกระโดดย้ำยทไี่ ปอยใู่ นผ้ำไหมอเิ ล็กตรอน ในแทง่ แก้วจึงมีจำนวนน้อยลงทำใหด้ ูเหมือนวำ่ ปริมำณเปรียบเทียบ ของไฟฟำ้ บวกเพ่มิ ขึน้ เท่ำ ๆ กบั ส่วนทไี่ ฟฟ้ำลบลดลงไปแท่งแกว้ จึง 99

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 10 แสดงควำมเปน็ ไฟฟ้ำบวกออกมำภำยนอกอย่ำงแรงในขณะเดยี วกนั ผ้ำไหมได้รบั อเิ ลก็ ตรอนอสิ ระจำกแทง่ แก้วไฟฟ้ำลบจงึ มำกกว่ำ ไฟฟ้ำบวกและผำ้ ไหมแสดงควำมเป็นไฟฟ้ำลบออกมำภำยนอก อย่ำงแรงโดยท่ัวไปกำรทว่ี ตั ถุเกิดไฟฟ้ำขน้ึ เรำเรยี กว่ำวตั ถุน้ันมีประจุ ไฟฟำ้ ประจุไฟฟำ้ มที ง้ั ประจบุ วกและประจุลบประจุไฟฟ้ำน้ันมี ควำมหมำยแสดงถงึ ปรมิ ำณไฟฟ้ำมีหน่วยเปน็ คลู อมบ์ (Coulomb) แหล่งกาเนดิ ไฟฟ้า 1.ไฟฟ้าเกิดจากการเสยี ดสี ไฟฟ้ำเกดิ จำกกำรเสียดสี เปน็ ไฟฟ้ำที่ถูกคน้ พบมำนำนกว่ำ 2,000 ปแี ล้ว เกดิ ข้นึ ไดจ้ ำกกำรนำวตั ถตุ ำ่ งกนั 2 ชนดิ มำขัดสีกนั เช่น จำกแทง่ ยำงกบั ผ้ำขนสตั ว์ แทง่ แก้วกับผำ้ แพร แผ่นพลำสติก กับผำ้ และหวีกับผม เป็นตน้ ผ้คู ้นพบไฟฟ้ำสถติ คร้งั แรก คือ นักปรำชญก์ รกี โบรำณ ทำ่ น หนง่ึ ชอ่ื เทลสิ (Thales de Mileto) แตย่ ังไม่ทรำบอะไรเกี่ยวกับ ไฟฟำ้ มำกนกั จนถึงสมัยเซอร์วลิ เล่ยี มกิลเบอร์ค (Sir William Gilbert)ไดท้ ดลองนำเอำแท่งอำพันถกู ับ ผำ้ ขนสตั ว์ปรำกฏว่ำแท่ง 10

บท1ท1่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 อำพนั และผำ้ ขนสตั วส์ ำมำรถดูดผงเล็ก ๆ ไดป้ รำกฏกำรณ์นีค้ อื กำร เกิดไฟฟ้ำสถติ บนวตั ถุท้งั สอง ผลของกำรขดั สีดงั กลำ่ วทำให้เกดิ ควำมไมส่ มดุลข้นึ ของประจุ ไฟฟ้ำในวตั ถุท้งั สอง เน่ืองจำกเกดิ กำรถ่ำยเทประจไุ ฟฟ้ำ วัตถทุ ง้ั สองจะแสดงศักย์ไฟฟ้ำออกมำตำ่ งกัน วตั ถชุ นดิ หนึ่งแสดง ศกั ย์ไฟฟ้ำบวก ( + ) ออกมำ วัตถุอีกชนิดหนง่ึ แสดงศักย์ไฟฟ้ำลบ (-) ออกมำ 2.ไฟฟ้าเกิดจากการทาปฏกิ ิรยิ าทางเคมี เม่ือนำโลหะ 2 ชนดิ ทีแ่ ตกต่ำงกันเชน่ สงั กะสีกับทองแดงจมุ่ ลงในสำรละลำยอิเล็กโทรไลท์ โลหะทัง้ สองจะทำปฏิกริ ยิ ำเคมี กบั สำรละลำยอเิ ลก็ โทรไลท์ โดยอิเลก็ ตรอน(ประจลุ บ)จำกทองแดงจะ ถูกดดู เขำ้ ไปยังขว้ั ของสังกะสี เมอื่ ทองแดงขำดประจุลบจะเปล่ยี น ควำมตำ่ งศักย์ไฟฟ้ำเปน็ บวกทันทเี รยี กวำ่ ขั้วบวก ส่วนสังกะสีจะ เป็นขว้ั ลบตำมควำมต่ำงศักย์ ส่วนประกอบของไฟฟ้ำเกิดจำกกำร ทำปฏิกิริยำทำงเคมีแบบเบอ้ื งตน้ นี้ ถูกเรยี กวำ่ โวลตำอกิ เซลล์ (Voltaic Cell) 11 11

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 12 ไฟฟ้ำเกิดจำกกำรทำปฏกิ ริ ยิ ำทำงเคมี ท่ีผลติ ขึน้ มำใช้งำนจริงนั้น ได้ นำเอำหลกั กำรของโวลตำอิกเซลลไ์ ปใชง้ ำน โดยกำรสรำ้ ง เซลลไ์ ฟฟำ้ ที่ให้ศกั ย์ไฟฟำ้ สงู มำกข้ึนคือใหแ้ รงดนั เพ่ิมขึน้ แบ่งไดเ้ ปน็ 2 แบบคือ 1) เซลล์ปฐมภมู ิ (Primary Cell) เปน็ แหลง่ กำเนิดไฟฟ้ำทใ่ี ห้ กระแสไฟฟำ้ ตรง ผทู้ ี่คดิ ค้นได้คนแรกคือ เคำนต์อำเลสซนั โดรยเู ซป เปอันโตนโี ออำนสั ตำซีโอวอลตำ นกั วทิ ยำศำสตรช์ ำวอิตำลี โดยใช้ แผน่ สังกะสแี ละแผ่นทองแดงจุม่ ลงในสำรละลำยของกรดกำมะถนั อย่ำงเจือจำง มีแผ่นทองแดงเป็นข้วั บวก แผน่ สงั กะสเี ปน็ ขั้วลบ เรียกว่ำ เซลล์วอลเทอิก เมอ่ื ต่อเซลล์กับวงจรภำยนอก กจ็ ะมี กระแส ไฟฟ้ำไหลจำกแผน่ ทองแดงไปยังแผ่นสงั กะสี ขณะท่ีเซลล์ วอลเทอิกจำ่ ยกระแสไฟฟ้ำให้กบั หลอดไฟแผ่นสังกะสี จะค่อย ๆ กรอ่ นไปทีละน้อยซึ่งจะเปน็ ผลทำให้กำลังใน กำรจำ่ ยกระแสไฟฟ้ำลดลงด้วย และเมอ่ื ใชไ้ ปจนกระท่ังแผ่นสงั กะสี กร่อนมำกก็ต้องเปลยี่ นสงั กะสีใหม่ จงึ จะทำใหก้ ำรจ่ำยกระแสไฟฟ้ำ ได้ตอ่ ไปเท่ำเดิม ข้อเสียของเซลล์แบบนคี้ อื ผู้ใชจ้ ะต้องคอยเปลย่ี น แผน่ สังกะสีทุกคร้ังทีเ่ ซลล์จ่ำยกระแสไฟฟ้ำลดลงแต่อย่ำงไรกต็ ำม เซลลว์ อลเทอิกน้ี ถอื วำ่ เป็นต้นแบบของกำรประดิษฐเ์ ซลล์แห้ง (Dry Cell) หรือถ่ำนไฟฉำยในปัจจุบนั ท้ังเซลลเ์ ปยี กและเซลลแ์ หง้ น้ี 12

บท1ท3ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 เรยี กวำ่ เซลล์ปฐมภูมิ (Primary Cell) ข้อดีของเซลล์ปฐมภูมินี้ คอื เมื่อสรำ้ งเสร็จสำมำรถนำไปใช้ได้ทันที 2) เซลล์ทุติยภมู ิ (Secondary Cell) เป็นเซลล์ไฟฟำ้ ทส่ี ร้ำงข้ึนแล้ว ต้องนำไปประจุไฟเสยี กอ่ นจึงจะนำมำใช้ และเมื่อใชไ้ ฟหมดแลว้ ก็ สำมำรถนำไปประจุไฟใช้ได้อีก โดยไมต่ ้องเปลยี่ นส่วนประกอบ ภำยใน และเพื่อให้มีกระแสไฟฟำ้ มำกจะต้องใช้เซลลห์ ลำย ๆ แผ่น ตอ่ กนั แบบขนำนแตถ่ ำ้ ต้องกำรใหแ้ รงดนั กระแสไฟฟำ้ สูงขึ้นกต็ ้องใช้ เซลล์หลำย ๆ แผน่ ต่อแบบอนุกรม เซลลไ์ ฟฟำ้ แบบนี้มีชื่อเรียกอีก อยำ่ งหน่ึงวำ่ สตอเรจเซลล์ หรอื สตอเรจแบตเตอร(ี่ Storage Battery) 3.ไฟฟ้าเกดิ จากความรอ้ น ไฟฟำ้ เกิดจำกควำมรอ้ น เกิดขึ้นได้โดยนำแทง่ โลหะหรือแผ่นโลหะ ตำ่ งชนดิ กนั มำ 2 แทง่ หรอื 2 แผน่ เช่น ทองแดง และเหล็ก นำ ปลำยขำ้ งหนึง่ ของโลหะทั้งสองตอ่ ติดกนั โดยกำรเชอื่ มหรือยึดด้วย หมดุ ปลำยท่ีเหลอื อกี ดำ้ นนำไปต่อกบั เข้ำมเิ ตอรว์ ัดแรงดนั ไฟฟำ้ เมือ่ ให้ควำมรอ้ นท่ีปลำยด้ำนต่อตดิ กันของโลหะทั้งสอง สง่ ผลให้เกดิ 13 13

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 14 กำรแยกตัวของประจุไฟฟำ้ เกิดศกั ย์ไฟฟำ้ ขน้ึ ทป่ี ลำยดำ้ นเปิดของ โลหะแสดงคำ่ ออกมำท่ีมเิ ตอรไ์ ฟฟำ้ เกิดจำกควำมร้อนทีถ่ ูกสร้ำง ขึน้ มำใชง้ ำนจรงิ เปน็ อุปกรณ์ท่มี ชี อ่ื เรยี กวำ่ เทอรโ์ มคปั เปลิ (Thermocouple) ใชเ้ พอื่ วัดเก่ียวกับอุณหภมู ิ จงึ มกั เรยี กว่ำ ไพโร มเิ ตอร์ (Pyrometers) คือเป็นมิเตอรส์ ำหรบั วัดอุณหภูมิท่ี เปลีย่ นแปลง โดยมเี ทอรโ์ มคัปเปิลเป็นตวั ตรวจวดั อณุ หภมู สิ ่ง แรงดันไฟฟำ้ ไปแสดงผลที่มเิ ตอร์ 4.ไฟฟา้ เกดิ จากแสงสว่าง สำรบำงชนิดเมือ่ อย่ใู นที่มดื จะแสดงปฏกิ ริ ิยำใด ๆ ออกมำ แต่เม่อื ถูกแสงแดดแล้วสำรนน้ั สำมำรถท่จี ะปล่อยอิเล็กตรอนได้ เป็นเวลำ หลำยสิบปนี กั วิทยำศำสตรพ์ ยำยำมที่จะเปลย่ี นแปลงพลงั งำนไฟฟำ้ แต่ยังนำแสงสว่ำงมำใช้ประโยชนไ์ ด้น้อยมำก เช่น อุปกรณ์ชนดิ หนง่ึ ทเี่ รียกวำ่ โฟโตวอลเทอิกเซลล์ ซ่ึงประกอบดว้ ยวัตถุวำงเป็นชั้น ๆ เมือ่ ถูกกบั แสงสวำ่ งอเิ ล็กตรอนท่เี กดิ ขน้ึ จะว่งิ จำกดำ้ นบนไปสูโ่ วลต์ มิเตอรแ์ ล้วไหลกลับมำชนั้ ล่ำงเมอ่ื ดูท่ีเข็มของโวลต์โฟโต้เซลลม์ ิเตอร์ จะเหน็ ได้อย่ำงชดั เจนว่ำมีกระแสไฟฟ้ำเกิดข้ึน ยังมีหลอดอีกชนดิ หน่ึงทเี่ รยี กวำ่ โฟโตวอลเทอิกเซลล์(อิเลก็ ตริกอำย หรือ พี.อี.เซลล)์ ซึง่ ใชม้ ำกในวงกำรอุตสำหกรรม เชน่ ในกลอ้ งถ่ำยรปู ทมี่ ีเคร่ืองวดั แสงโดยอตั โนมัติ ระบบไฟฟำ้ อัตโนมตั ิหนำ้ รถยนต์ เครอื่ งฉำย 14

บท1ท5ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 ภำพยนตร์ เสยี งสวติ ชป์ ดิ เปดิ ประตอู ตั โนมัติ โดยจะมหี ลักกำรทำ งำนแบบง่ำย ๆ เม่ือลำแสงมำกระทบโฟโตเซลลก์ จ็ ะเกดิ อเิ ลก็ ตรอน ไหลในวงจรนน้ั ๆ ได้ 5.ไฟฟ้าเกิดจากแรงกดดัน เมื่อเรำพดู ใส่ไมโครโฟนหรอื โทรศพั ท์แบบตำ่ ง ๆ คลน่ื ของควำมแรง กดดันของพลงั งำนเสยี งจะทำใหแ้ ผ่นไดอะแฟรมเคลอ่ื นไหว ซึ่งแผน่ ไดอะแฟรมจะทำให้ขดลวดเคลือ่ นที่ผ่ำนสนำมแม่เหลก็ จงึ ทำใหเ้ กิด พลงั งำนไฟฟ้ำซง่ึ ถกู สง่ ไปตำมสำยจนถงึ เครื่องรับ ไมโครโฟนทใ่ี ช้กบั เครอื่ งขยำยเสยี งหรือเครือ่ งส่งวทิ ยุก็ใช้หลกั กำรเชน่ นี้เหมือนกัน อยำ่ งไรก็ตำมไมโครโฟนทุกชนดิ มีหลกั กำรทำงำนท่เี หมอื นกนั คือ ใชเ้ ปลี่ยนคล่นื แรงกดของเสียงให้เป็นไฟฟ้ำโดยตรงน่ันเอง ผลึกของ วัตถบุ ำงอยำ่ งถ้ำถกู กดจะทำให้เกิดประจุไฟฟ้ำขน้ึ ได้ เชน่ หนิ เขย้ี ว หนุมำน หนิ ทมู ำลนี และเกลือโรเลล์ ซ่งึ แสดงให้เหน็ ได้อย่ำงดีว่ำ แรงกดเป็นต้นกำเนิดไฟฟ้ำ ถ้ำเอำผลกึ ท่ีทำจำกวัสดุเหล่ำนี้สอดเข้ำ ไประหว่ำงโลหะทั้งสองนน้ั จะมำกน้อยเพยี งใดยอ่ มขน้ึ อยกู่ ับแรงกด หรอื อำจจะใช้ผลกึ นีเ้ ปลย่ี นพลงั งำนไฟฟำ้ เป็นพลงั งำนกลได้ โดย จำ่ ยประจเุ ข้ำท่แี ผน่ โลหะทัง้ สองเพรำะจะทำใหผ้ ลึกน้ันหดตัวและ ขยำยตัวออกไดต้ ำมปริมำณของประจุ ต้นกำเนิดไฟฟำ้ ท่ีใชแ้ รงกดน้ี นำไปใชไ้ ด้แตม่ ขี อบเขตจำกดั คือ ใชไ้ ดเ้ ฉพำะกับอปุ กรณท์ ี่ใช้ 15 15

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 16 กำลงั ตำ่ มำก เชน่ ไมโครโฟน หฟู งั ชนิดแร่ หัวเขม็ เคร่ืองเล่นจำน เสยี งและเครื่องโซนำ่ ร์ซง่ึ ใช้สง่ คล่นื ใต้น้ำ เหล่ำนล้ี ้วนแตใ่ ช้ผลึกทำ ให้เกิดไฟฟ้ำดว้ ยแรงกดทงั้ สิ้น ดงั นน้ั เวลำกรอกเสยี งพูดลงใน ไมโครโฟนหรือเครื่องโทรศัพท์ แผน่ ไดอะแฟรมซึ่งเชือ่ มโยงตดิ กับ คริสตอลจะเกิดแรงดนั ไฟฟ้ำมำกน้อยแลว้ แต่จังหวะพูด ในขณะที่ เสยี งพดู กระทบแผ่นไดอะแฟรมก็จะถกู เปลย่ี นเป็นอำนำจ แมเ่ หล็กไฟฟำ้ ไหลเข้ำสเู่ ครอ่ื งขยำยเสยี งเพื่อให้ออกมำเป็นเสียงดัง ทำงลำโพงขยำยเสียงตอ่ ไป 6.ไฟฟา้ เกิดจากสนามแม่เหล็ก จำกกำรทดลองของไมเคลิ ฟำรำเดย์นักวทิ ยำศำสตร์ชำวอังกฤษ พบวำ่ เมอ่ื นำแท่งแม่เหล็กเคล่ือนทผี่ ำ่ นขดลวดหรือนำขดลวด เคลือ่ นที่ผำ่ นสนำมแม่เหล็ก จะเกดิ แรงดันไฟฟ้ำเหนยี่ วนำขึ้นใน ขดลวดน้ันและยงั สรปุ ต่อไปไดอ้ กี ว่ำกระแสไฟฟ้ำ จะเกดิ ได้มำกหรือ นอ้ ยข้ึนอยู่กับ 1)จำนวนขดลวด ถ้ำขดลวดมีจำนวนมำกกจ็ ะเกิดแรงดันไฟฟำ้ เหนีย่ วนำมำกดว้ ย 2)จำนวนเส้นแรงแมเ่ หลก็ ถ้ำเส้นแรงแม่มจี ำนวนมำกก็จะเกิด แรงดนั ไฟฟ้ำเหนยี่ วนำมำกด้วย 16

บท1ท7ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทท่ี 2 3)ควำมเรว็ ในกำรเคลื่อนท่ีของแมเ่ หลก็ ถำ้ เคล่ือนที่ผ่ำน สนำมแม่เหล็กเรว็ ขึน้ ก็จะเกดิ แรงดันไฟฟำ้ เพม่ิ ขนึ้ ซง่ึ ต่อมำได้นำ หลกั กำรน้ีมำคดิ ประดิษฐเ์ ปน็ เครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟ้ำหรอื เยนเนอเร เตอร์(Generator)หลักกำรของเครื่องกำเนดิ ไฟฟ้ำอำศยั ตวั นำ เคล่ือนทีต่ ดั สนำมแมเ่ หล็กจะเกดิ แรงดนั ไฟฟำ้ ขน้ึ ในลวดตวั นำน้ัน ระบบไฟฟ้า 1.มาตรฐานการออกแบบและติดต้ังระบบไฟฟา้ มำรตรฐำนกำรออกแบบและติดตง้ั ระบบไฟฟำ้ มีควำมสำคัญยิง่ ท้งั น้ี เพ่ือควำมปลอดภยั คงทนถำวร และเพื่อยดื อำยุกำรใชง้ ำน ของอุปกรณไ์ ฟฟ้ำตำ่ งๆ ที่ใชอ้ ยู่ในระบบให้ยำวนำนยิง่ ขน้ึ กำร ติดตั้งระบบไฟฟ้ำ มีมำตรฐำนกำหนดทแี่ น่นอน และมีหลำย หนว่ ยงำน เชน่ กรมพฒั นำและส่งเสรมิ พลงั งำน สมำคมวศิ วกรรม สถำนแหง่ ประเทศไทยในพระบรมรำชปู ถัมภ์ (วสท.) กำรไฟฟำ้ นคร หลวง กำรไฟฟ้ำส่วนภูมภิ ำค และหนว่ ยงำนจำกตำ่ งประเทศท่ี ประเทศไทยนำมำยดึ ถือ เชน่ National Electric Code (NEC) Amarican National Standard Institute (ANSI) International Electrotechical Commission (IEC) เปน็ ต้น และหน่วยงำนที่ รบั รองมำตรฐำนผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ เคร่ืองใชไ้ ฟฟำ้ ต่ำงๆ คือ สำนัก 17 17

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 18 ผลิตภัณฑอ์ ตุ สำหกรรม กระทรวงอตุ สำหกรรม ทีร่ ้จู ักกนั ในช่ือ มอก. 2. ศัพท์เฉพาะ หรือคาจากัดความ ดา้ นระบบไฟฟ้า ท่ี ควรรู้ 2.1 ระบบไฟฟ้ำแรงสูง คือ ระบบไฟฟ้ำท่ีมีแรงดนั ไฟฟ้ำ เกิน 1,000 โวลท์ 2.2 ระบบไฟฟำ้ แรงต่ำ คือ ระบบไฟฟำ้ ท่ีมีแรงดันไฟฟ้ำ ไมเ่ กิน 1,000 โวลท์ 2.3 โวลท์ (Volt.) คอื หนว่ ยวัดแรงดันไฟฟำ้ 2.4 แอมแปร์ ( Amp.) คือ หน่วยวัดกระแสไฟฟ้ำ 2.5 วตั ต์ (Watt.) คือ หน่วยของกำลังไฟฟำ้ ที่ใช้จรงิ 2.6 หน่วย (Unit) คือ หนว่ ยของกำลังไฟฟำ้ ท่ีใช้ ตอ่ ชัว่ โมง มอี ปุ กรณท์ ่ีใช้วดั คือ กโิ ลวัตต์ฮอรม์ เิ ตอร์ (Kwh. ) 18

บท1ท9่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 3.ระบบ 1 เฟส หรือ 3 เฟส คือ ระบบไฟฟา้ ที่นามาใช้ โดยแยกออกดงั น้ี 3.1 ระบบ 1 เฟส จะมี 2 สำยในระบบ ประกอบด้วย สำย LINE (มีไฟ) 1 เสน้ และสำย Neutral (ไมม่ ีไฟ) 1 เส้น มี แรงดนั ไฟฟำ้ 220 – 230 โวลท์ มคี วำมถ่ี 50 เฮริ ์ซ (Hz) 3.2 ระบบ 3 เฟส จะมี 4 สำยในระบบ ประกอบด้วย สำย LINE (มีไฟ) 3 เส้น และสำยนวิ ตรอน (ไม่มไี ฟ) 1 เสน้ มี แรงดันไฟฟ้ำระหว่ำง สำย LINE กับ LINE 380 – 400 โวลท์ และ แรงดนั ไฟฟ้ำระหวำ่ งสำย LINE กบั Neutral 220 – 230 โวลท์ และมีควำมถี่ 50 เฮิรซ์ (Hz) เชน่ เดยี วกัน 3.3 สำยดิน หรอื GROUND มที ั้ง 2 ระบบ ติดต้งั เขำ้ ไปในระบบเพ่ือควำมปลอดภัยของระบบ สำยดินจะต้องต่อเข้ำไป กับพ้นื โลกตำมมำตรฐำนกำหนด 19 19

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 20 4. Power Factor คอื อัตรำส่วน ระหว่ำงกำลังไฟฟ้ำท่ีใชจ้ ริง (วัตต)์ กับ กำลงั ไฟฟำ้ ปรำกฏ หรอื กำลงั ไฟฟำ้ เสมือน (VA) ซงึ่ ค่ำที่ดีทส่ี ดุ คอื มอี ตั รำส่วนท่เี ท่ำกัน จะมีคำ่ เปน็ หนึ่ง แตใ่ นทำงเปน็ จริงไม่สำมำรถ ทำได้ ซงึ่ ค่ำ Power Factor เปล่ียนแปลงไปตำมกำรใช้ LOAD ซง่ึ Load ทำงไฟฟำ้ มีอยู่ 3 ลักษณะ คือ 1. Load ประเภท Resistive หรือ ควำมต้ำน จะมคี ่ำ Power Factor เป็นหนงึ่ อนั ไดแ้ ก่ หลอดไฟฟำ้ แบบใส้ เตำรีดไฟฟ้ำ หมอ้ หงุ ข้ำว เคร่อื งทำนำ้ อุ่น เป็นต้น ถ้ำหนว่ ยงำนหรอื องค์กร มี Load ประเภทน้เี ป็นจำนวนมำก ก็ไม่จำเป็นท่ีจะต้องปรบั ปรุงค่ำ Power Factor 2. Load ประเภท Inductive หรือ ควำมเหน่ียวนำ จะมีคำ่ Power Factor ไม่เป็นหนง่ึ อันไดแ้ ก่ เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ำทใ่ี ช้ ขดลวด เชน่ มอเตอร์ บำลำสกข์ องหลอดฟลอู อเรสเซนต์ หลอดแกส ดสิ ชำร์จ เครอ่ื งปรับอำกำศ เปน็ ต้น จะเหน็ ได้ว่ำหน่วยงำนหรือ องค์กรสว่ นใหญ่ จะหลีกเล่ียง Load ประเภทนไ้ี ม่ได้ และมีเป็นจำนวนมำก ซึ่งจะ ทำให้ คำ่ Power Factor ไมเ่ ปน็ หน่งึ และ Load ประเภทนี้จะทำ ใหค้ ำ่ Power Factor 20

บท2ท1ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทท่ี 2 ล้ำหลงั ( Lagging ) จำเป็นทจี่ ะต้องปรับปรุงค่ำ Power Factor โดยกำรนำ Load ประเภทให้ค่ำ Power Factor นำหนำ้ ( Leading ) มำตอ่ เขำ้ ในวงจรไฟฟ้ำของระบบ เช่น กำรตอ่ ชดุ Capacitor Bank เข้ำไปในชุดควบคุมไฟฟ้ำ 3. Load ประเภท Capacitive หรอื Load ท่ีมตี ัวเกบ็ ประจุ (Capacitor) เป็นองค์ประกอบ Load ประเภทนี้จะมีใชน้ ้อย มำก จะมคี ่ำ Power Factor ไมเ่ ปน็ หนงึ่ Load ประเภทน้จี ะทำให้ค่ำ Power Factor นำหนำ้ ( Leading ) คอื กระแสจะนำหน้ำแรงดนั จึงนิยม นำ Load ประเภทน้ี มำปรับปรุงค่ำ Power Factor ของระบบทม่ี ีค่ำ Power Factor ล้ำหลงั เพื่อใหค้ ำ่ Power Factor มีค่ำใกล้เคยี ง หนึง่ ขอ้ ดี ของกำรปรับปรุง คำ่ Power Factor - กระแสไฟฟำ้ ท่ีไหลในวงจรไฟฟ้ำลดลง - หม้อแปลง และสำยเมนไฟฟำ้ สำมำรถรบั Load เพิม่ ไดม้ ำกขนึ้ - ลดกำลงั งำนสญู เสยี ในสำยไฟฟำ้ ลง 21 21

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 22 - ลดแรงดนั ไฟฟ้ำตก - เพมิ่ ประสิทธภิ ำพระบบไฟฟำ้ ทั้งระบบ 22

บท2ท3่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทท่ี 2 5. ระบบการสง่ จ่ายกาลังไฟฟ้า หนว่ ยงำนทร่ี บั ผิดชอบดำ้ นกำรผลติ และจำหน่ำยไฟฟำ้ ในปัจจุบนั คอื กำรไฟฟ้ำฝ่ำยผลติ แหง่ ประเทศไทย กำรไฟฟ้ำนครหลวง กำร ไฟฟำ้ สว่ นภูมิภำค โดยกำรไฟฟำ้ ฝ่ำยผลิต เปน็ ผผู้ ลติ ไฟฟ้ำให้กำร ไฟฟ้ำนครหลวง และกำรไฟฟ้ำสว่ นภูมิภำคไปจำหน่ำย กำรไฟฟำ้ นครหลวง จะจำหน่ำยไฟฟ้ำให้ กทม.และปริมณฑล สว่ นกำรไฟฟ้ำ สว่ นภมู ภิ ำค จะจำหนำ่ ยไฟฟ้ำใหก้ ับต่ำงจังหวดั ของทุกภำคใน ประเทศ ระบบไฟฟ้ำในภำคใต้ กำรไฟฟำ้ ฝำ่ ยผลติ จะผลติ ไฟฟ้ำท่ีโรงไฟฟ้ำ แลว้ แปลงแรงดนั ไฟฟ้ำใหส้ งู ถึง 230 กโิ ลโวลท์ (KV.) แล้วสง่ ไปตำม เมอื งตำ่ งๆ เข้ำทสี่ ถำนีไฟฟำ้ ย่อย ของกำรไฟฟ้ำสว่ นภมู ภิ ำค สถำนี ไฟฟำ้ ยอ่ ยจะปรับลดแรงดนั ไฟฟ้ำเหลือ 33 กโิ ลโวลท์ แลว้ จำ่ ยเข้ำ ในตัวเมอื ง และผู้ใชไ้ ฟฟ้ำต้องตดิ ต้งั หม้อแปลง เพ่ือลดแรงดันไฟฟ้ำ ใหเ้ ปน็ แรงตำ่ เพ่ือนำมำใชง้ ำนตอ่ ไป กำลังไฟฟ้ำ 23 23

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 24 กำลงั ไฟฟำ้ มีด้วยกนั 3 อย่ำงคือ - กำลังไฟฟ้ำจริง มหี นว่ ยเป็น วัตต์ (Watt) - กำลงั ไฟฟำ้ แฝง มหี นว่ ยเป็น วำร์ (VAR) - กำลังไฟฟำ้ ปรำกฏ มีหนว่ ยเปน็ โวลท์แอมป์ (VA) 6. หม้อแปลงไฟฟา้ หม้อแปลงไฟฟำ้ เปน็ อปุ กรณ์ไฟฟ้ำ สำหรบั แปลงแรงดนั ไฟฟ้ำให้ สงู ขน้ึ หรอื ต่ำลง เพ่ือใหเ้ หมำะสมกับงำนท่ีจะใช้ งำนบำงอยำ่ ง ต้องกำรใชแ้ รงดนั สูง เชน่ กำรส่งพลังงำนไฟฟำ้ จำกโรงไฟฟำ้ มำยัง สถำนียอ่ ย ตอ้ งใช้หม้อแปลงแรงไฟฟ้ำแรงสงู แต่ กำรใช้ใน บำ้ นเรอื น หรอื โรงงำนต้องใช้หม้อแปลงไฟฟำ้ แรงต่ำ ซง่ึ หม้อแปลง มีหลำยชนิด หลำยขนำด เลอื กใชต้ ำมควำมเหมำะสมของงำน 7. ต้คู วบคมุ ระบบไฟฟ้า - MDB. (Main distribution board ) เปน็ ตูค้ วบคมุ ระบบไฟฟ้ำหลกั มี Main Circuit Breaker เพ่อื ตดั ต่อวงจรไฟฟำ้ ทัง้ หมดของอำคำร - SDB. (Sub distribution board ) เป็นตคู้ วบคุมย่อย จ่ำยกระแสไฟฟำ้ ไปตำมตู้ PB. หรือ Load Center หลำยๆ ตู้ ขน้ึ อยกู่ ับขนำดของอำคำร 24

บท2ท5่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 - PB ( Panel board ) หรอื Load Center เป็นแผง Circuit breaker ทค่ี วบคุมกำรจ่ำยกระแสไฟฟ้ำให้กับ เคร่ืองใช้ไฟฟำ้ ต่ำงๆ มีหลำยขนำด ขึน้ อยกู่ บั จำนวนของ Load 8. การตอ่ ลงดนิ กำรต่อลงดิน คือกำรใช้ตวั นำทำงไฟฟำ้ ต่อเข้ำกับวงจรไฟฟำ้ หรอื บรภิ ัณฑ์ไฟฟ้ำ ต่อเข้ำกับพ้ืนโลกอยำ่ งม่นั คง ถำวร กำรตอ่ ลง ดนิ มี วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ ลดอันตรำยทอี่ ำจจะเกดิ กับบุคคล และลดควำม เสยี หำยทอี่ ำจจะเกดิ กับเครื่องใชไ้ ฟฟ้ำและระบบไฟฟ้ำ หน้ำที่หลกั ของสำยดิน มีอยู่ 2 ประกำร คือ 1. เมือ่ เกิดแรงดันเกนิ จะจำกัดแรงดนั ไฟฟำ้ ของวงจร ไม่ให้ สูงจนอำจทำให้เครอื่ งใช้ ไฟฟ้ำ เสียหำย และลดแรงดันไฟฟ้ำทีอ่ ำจ เกิดขึ้นท่ีเครือ่ งอปุ กรณ์ไฟฟ้ำ หรอื สว่ นประกอบ เนอ่ื งจำกกำรรั่ว หรือกำรเหนี่ยวนำ เพ่ือลดอนั ตรำยจำกบุคคลทไ่ี ปสัมผัส 2. เมือ่ เกิดกระแสไฟฟ้ำรัว่ ลงดนิ จะช่วยลดควำมเสียหำย 25 25

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 26 ของเครือ่ งอปุ กรณไ์ ฟฟ้ำ หรือระบบไฟฟ้ำ กำรต่อลงดินท่ีถูกต้องจะ ชว่ ยใหเ้ คร่ืองมือหรืออุปกรณ์ป้องกันทำงำนไดต้ ำมทอี่ อกแบบไว้ ชนิดของกำรตอ่ ลงดิน มอี ย่ดู ว้ ยกัน 3 แบบ คือ 1. กำรตอ่ ลงดนิ ของระบบไฟฟ้ำ ( System Grounding) 2. กำรต่อลงดนิ ของเครอ่ื งอปุ กรณไฟฟ้ำ ( Equipment Grounding ) 3. กำรต่อลงดินของระบบป้องกันฟ้ำผำ่ ( Lightning Grounding ) 9. ระบบปอ้ งกนั ฟ้าผา่ เปน็ ระบบทต่ี ้องมีในระบบไฟฟำ้ โดยมำตรฐำนกำรติดตัง้ เป็นตัว บังคับ ประเทศไทยใชม้ ำตรฐำนของ IEC เปน็ หลัก ระบบป้องกนั ฟ้ำผ่ำจะประกอบดว้ ย ระบบป้องกนั ฟำ้ ผำ่ ภำยนอกอำคำร และ ระบบปอ้ งกันฟ้ำผำ่ ภำยในอำคำร ระบบป้องกันฟำ้ ผ่ำ มี วัตถปุ ระสงค์ เพอื่ ป้องกันควำมเสยี หำยตำ่ งๆ ท่ีจะเกิดขึน้ กับระบบ ไฟฟำ้ และบรภิ ัณฑ์ต่ำงๆ อันเนอื่ งมำจำกฟ้ำผำ่ 26

บท2ท7ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 10. อุปกรณ์ตดั ตอน หรอื อปุ กรณ์ปลดวงจร อปุ กรณต์ ดั ตอน หรือ อุปกรณ์ปลดวงจร มหี นำ้ ท่ี ตัดตอน วงจรไฟฟ้ำออกยำมไมต่ อ้ งกำรให้มีกระไฟฟำ้ ไหลในระบบ เช่น กำร ซ่อมแซม และเพื่อ ปอ้ งกันอนั ตรำยต่อ ระบบ อนั เนื่องมำจำก กำร ใช้กระแสไฟฟ้ำเกินพิกดั หรือ เกิดกำรลดั วงจร อปุ กรณต์ ดั ตอน ท่ี ใชก้ ันส่วนใหญ่ในปจั จบุ ัน คือ ฟวิ ส์ และ เซอร์กติ เบรกเกอร์ (CB.) แตก่ ำรใชง้ ำนและ กำรออกแบบติดตั้ง ตอ้ งใชข้ นำดและรูปแบบท่ี เหมำะสมกบั งำน มิฉะนั้นอุปกรณด์ งั กลำ่ วจะไมท่ ำงำนตำมที่ได้ ออกแบบไว้ เชน่ กำรเลือกขนำด CB สูงเกินไป เม่อื เกดิ ปญั หำหรอื กระแสไหลเกินพิกัดของสำย จะทำให้ อุปกรณ์ จะไม่ตดั วงจร และ เกดิ ควำมเสยี หำยเกิดขึน้ ตำมมำ เชน่ สำยไหม้ หรอื อนั ตรำยตอ่ หมอ้ แปลงไฟฟำ้ เป็นต้น แหลง่ กาเนิดไฟฟ้ากระแสตรง ถำ้ ตอ่ วงจรระหวำ่ งหลอดไฟและแบตเตอร่ี กระแสจะไหลออกจำก ขัว้ บวกของแบตเตอรี่และไหลกลบั เขำ้ ทำงข้วั ลบเสมอกระแสท่ีมีทิศ ทำงกำรไหลทำงเดียวท่ีแนน่ อนเช่นน้เี รยี กวำ่ ไฟกระแสตรงหรือ ไฟตรงถำ้ ต่อหลอดไฟกับแบตเตอรโ่ี ดยมีสวิตซ์สบั เปล่ยี นตอ่ อยดู่ ้วย เม่อื สับสวิตซส์ บั เปล่ยี นระหว่ำง 1 กับ 2 อยำ่ งรวดเร็ววงจรทำงดำ้ น 27 27

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 28 ซ้ำยมือนนั้ มีกระแสไหลไดท้ ำงเดียวแต่กระแสในวงจรทำงขวำมอื จะ มที ิศทำงดังลูกศรทเี่ ขียนดว้ ยเสน้ เต็มเมื่อสวิตซ์อยู่ที่ 1 และกระแส ในวงจรขวำมอื จะมที ิศทำงตรงกันขำ้ มดังลูกศรที่เขียนด้วยเส้นประ เมอ่ื สวิตซ์อยู่ท่ี 2 กระแสท่ีไหลในลักษณะเชน่ นจ้ี ะเกดิ ขน้ึ เม่ือมีกำร สบั สวติ ซ์ใหท้ ำงำนเท่ำนั้นทศิ ทำงของแรงดนั ไฟฟ้ำทีใ่ ห้กบั หลอดไฟ จะเป็น กระแสไฟฟำ้ หรือแรงดันไฟฟำ้ ที่มีกำรเปลี่ยนทศิ ทำง ตลอดเวลำเช่นน้ีเรยี กว่ำไฟกระแสสลบั หรือไฟสลับ ความปลอดภยั ในงานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 1.การกาจัดและปอ้ งกนั ไฟฟา้ สถิต กำรปลดปลอ่ ยหรือกำรป้องกันกำรสะสมของประจุ อำจทำไดง้ ำ่ ยๆ แค่เปิดหนำ้ ต่ำงหรือใช้ตวั เพ่ิมควำมชน้ื ของอำกำศทำให้อำกำศเป็น สอื่ กระแสไฟฟ้ำมำกข้ึน เคร่ือง ionizers กส็ ำมำรถจัดกำรได้ อุปกรณ์ที่ไวต่อกำรเกดิ ประจไุ ฟฟำ้ เปน็ อย่ำงย่ิง อำจจะรบั กำร ป้องกันดว้ ยกำรประยุกตใ์ ชส้ ำรป้องกันไฟฟำ้ สถิตซง่ึ จะเพิ่มชั้นผิวนำ ไฟฟ้ำ เพื่อให้ประจุส่วนเกินมีกำรกระจำยออกไป น้ำยำปรับผำ้ นมุ่ และแผ่นเป่ำแห้ง ทใี่ ชใ้ นเครื่องซกั ผ้ำและเครือ่ งอบผำ้ เปน็ ตัวอย่ำง ของตัวป้องกนั ไฟฟ้ำสถิตทใี่ ช้ในกำรปอ้ งกนั และกำจัดกำรยึดเหนี่ยว ของประจุ กำรปลดปล่อยหรอื กำรป้องกันกำรสะสมของประจุ อำจ 28

บท2ท9่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทท่ี 2 ทำได้ง่ำยๆแค่เปิดหนำ้ ตำ่ งหรือใช้ตวั เพิ่มควำมชนื้ ของอำกำศทำให้ อำกำศเปน็ ส่ือกระแสไฟฟ้ำมำกขึน้ เครื่อง ionizers ก็สำมำรถ จัดกำรได้ อุปกรณ์ทไี่ วต่อกำรเกดิ ประจไุ ฟฟ้ำเป็นอย่ำงย่ิง อำจจะรบั กำร ป้องกันด้วยกำรประยุกต์ใช้สำรปอ้ งกันไฟฟำ้ สถิตซึ่งจะเพิ่มชั้นผิวนำ ไฟฟ้ำ เพ่ือใหป้ ระจุส่วนเกนิ มีกำรกระจำยออกไป นำ้ ยำปรับผ้ำน่มุ และแผ่นเป่ำแหง้ ท่ีใช้ในเคร่ืองซกั ผ้ำและเครอื่ งอบผ้ำเปน็ ตัวอย่ำง ของตัวป้องกนั ไฟฟ้ำสถิตทใี่ ชใ้ นกำรปอ้ งกนั และกำจดั กำรยึดเหน่ียว ของประจุ อปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์จำนวนมำกมีควำมไวต่อกำรเกดิ ประจุไฟฟำ้ ถงุ ตวั นำปอ้ งกนั ไฟฟ้ำสถิต มักใชห้ อ่ อปุ กรณเ์ พ่ือ ปกป้องอุปกรณ์ดังกลำ่ วในขณะขนสง่ คนท่ที ำงำนกบั วงจรท่ีมี อุปกรณ์เหล่ำนี้มักจะสำยรัดข้อมือและต่อสำยลงกรำวด์ป้องกัน ไฟฟ้ำสถติ ทำลำยอุปกรณน์ ั้น ในโรงงำนอุตสำหกรรมเช่นโรงสหี รือ แป้งหรือในโรงพยำบำล, รองเท้ำควำมปลอดภัยปอ้ งกันไฟฟ้ำสถิต บำงคร้งั ถูกนำมำใช้เพื่อปอ้ งกันกำรสะสมของประจไุ ฟฟ้ำเนื่องจำก จะสมั ผสั กบั พืน้ รองเท้ำเหล่ำนี้มพี ้นื รองเท้ำท่ีมกี ำรนำไฟฟ้ำดี รองเท้ำป้องกันไฟฟ้ำสถิตไม่ควรจะสบั สนกับรองเทำ้ ฉนวนซง่ึ จะ ให้ผลตรงกนั ขำ้ ม เพรำะรองเท้ำฉนวนใช้ปอ้ งกนั ไฟฟ้ำชอ็ ตอยำ่ ง รุนแรงจำกกระแสไฟฟำ้ 29 29

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 30 การปอ้ งกันไฟฟ้าดดู 1. กำรเลือกซื้อและกำรใช้อุปกรณ์ไฟฟำ้ เลอื กซอ้ื อปุ กรณท์ ี่ได้รับ รองมำตรฐำนผำ่ นกำรทดสอบตำมมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม เป็นกำรป้องกันอนั ตรำยในขั้นต้น นอกจำกนี้ ผใู้ ช้ต้องเลือกใช้ให้ ถูกต้องเหมำะสมกับลักษณะของงำนท่ีจะนำมำใช้ อีกทงั้ กำรใชง้ ำน จะตอ้ งใช้งำนอย่ำงถูกวิธีตำมคูม่ ือหรือคำแนะนำของผผู้ ลติ อปุ กรณ์ ตำ่ งๆ เหล่ำนั้นด้วย 2. กำรติดตงั้ อปุ กรณไ์ ฟฟำ้ กำรตอ่ สำยและกำรติดต้ังทงั้ หมดตอ้ ง เปน็ ไปตำมหลักและกฎควำมปลอดภัย โดยช่ำงผชู้ ำนำญทำงไฟฟำ้ ทม่ี ีประสบกำรณ์และผ่ำนกำรฝึกอบรมมำแล้ว สำหรบั กฎเกณฑ์ งำ่ ยๆ ที่ตอ้ งคำนงึ ถึงทุกครัง้ คือ - ขนำดของสำยไฟ สวติ ช์ และอุปกรณ์ป้องกนั ทำงไฟฟำ้ ต้องมี ขนำดถูกต้องเหมำะสมกับกำรนำไปใชง้ ำน - อปุ กรณ์ที่มีเปลือกนอกเป็นโลหะ ตอ้ งมีกำรต่อสำยดนิ อย่ำง เหมำะสม - มีกำรป้องกนั เฉพำะอุปกรณ์แตล่ ะตอนด้วยฟวิ ส์หรอื สวิตชห์ รือ เบรกเกอรต์ ัดวงจร อยำ่ งเหมำะสม --- กำรตอ่ สำยไฟและอุปกรณ์ จะต้องต่ออยำ่ งหนำแนน่ และมั่นคงด้วยอุปกรณ์ต่อสำย 30

บท3ท1ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 - อปุ กรณ์ไฟฟำ้ ซงึ่ ไม่อำจป้องกันหรือคลมุ ด้วยฉนวนได้อยำ่ งมิดชิด จะต้องมีริ้วล้อมรอบหรอื ก้นั ห้องพร้อมทงั้ ติดปำ้ ยเตือนอันตรำยจำก ไฟฟำ้ ให้เห็นไดอ้ ย่ำงชดั เจน 3. กำรตรวจทดสอบ จำเปน็ ต้องมรี ะบบกำรตรวจทดสอบเปน็ ระยะๆ สม่ำเสมอ เกี่ยวกับอปุ กรณท์ ัง้ หมด ซึง่ สำมำรถตรวจสอบ อยำ่ งง่ำยไดด้ ้วยตำเปล่ำ - วสั ดเุ สยี หำยหรอื แตกหรือฉีกขำด เชน่ ฉนวนสำยไฟ เต้ำเสยี บ เต้ำรับ สวิตช์ เป็นตน้ - กำรสะสมของ นำ้ มัน น้ำ ฝ่นุ หรือสิ่งอ่นื ๆ ใกล้อปุ กรณ์ไฟฟ้ำ - อุปกรณท์ ำงำนปกติ หรือไม่ และปำ้ ย หรอื สัญญำณเตือนชำรดุ หรือไม่ กำรตรวจทดสอบ กำรตอ่ ลงดนิ โดยใช้เครอ่ื งทดสอบควำมต้ำนทำนของหลกั ดิน กำร ตรวจเชค็ หำกระแสร่วั ของอุปกรณ์และวงจรไฟฟำ้ ดว้ ยเครื่องมือ ตรวจวัดสภำพควำมเป็นฉนวน (เมกกะโอห์ม) ควบคู่กบั กำรตรวจ ดว้ ยตำเปล่ำ 4. กำรบำรงุ รักษำอยำ่ งสมำ่ เสมอ โดยช่ำงผู้ทมี่ ีควำมชำนำญดีพอ สำหรับอปุ กรณห์ รือเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำเหลำ่ นัน้ 5. กำรใหก้ ำรศกึ ษำ นอกจำกใหค้ วำมรู้ ควำมเข้ำใจเกย่ี วกับ อันตรำยท่ีเกดิ จำกไฟฟำ้ สำเหตแุ ละผลของอบุ ตั ิเหตุจำกไฟฟ้ำ ตลอดจนกำรปฏิบัติที่ปลอดภัยใหแ้ ก่ผู้ใชเ้ ครื่องมือหรืออุปกรณ์ 31 31

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 32 ไฟฟ้ำ รวมท้งั กำรฝึกอบรมวธิ ีปฏิบัตเิ มอื่ ประสบอันตรำยจำกไฟฟำ้ กำรปฐมพยำบำล และกำรชว่ ยชวี ติ ผ้ปู ระสบอนั ตรำยด้วย กฎความปลอดภัยในงานไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ในกำรปฏบิ ตั ิงำนดำ้ นไฟฟำ้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ มีควำมสัมพันธ์ เกย่ี วขอ้ งซึ่งกนั และกัน ควำมปลอดภยั นับวำ่ เปน็ สงิ่ สำคัญ ที่ ผปู้ ฏบิ ตั งิ ำนจะตอ้ งคำนึงถึงเป็นอนั ดับแรก ไฟฟำ้ เป็นส่งิ ที่ก่อใหเ้ กิด ประโยชนม์ ำกมำยมหำศำล เมือ่ ไฟฟ้ำมีประโยชน์ แต่ไฟฟำ้ กย็ อ่ มมี โทษ ถำ้ ไมร่ ู้จกั กำรใชแ้ ละกำรปอ้ งกนั อันตรำยที่เกิดขึ้นมกั เกิดจำก ควำมประมำท ควำมรูเ้ ท่ำไมถ่ ึงกำรณ์ ดังนนั้ กำรทจ่ี ะชว่ ยลด อุบตั ิเหตุ ที่เกิดจำกไฟฟำ้ ซ่ึงจะทำให้เกดิ กำรสูญเสยี จะตอ้ งร้ถู งึ วธิ กี ำรป้องกนั มใิ ห้เกิดอันตรำยและเขำ้ ใจข้นั ตอนวิธกี ำรปฐม พยำบำลเบื้องตน้ กาปฐมพยาบาลเบื้องต้น อบุ ตั ิเหตสุ ำมำรถเกดิ ข้นึ ได้ตลอดเวลำ กำรจดั กำรสำมำรถทำไดใ้ น เชิงรุก คอื มำตรกำรป้องกัน และเชิงรบั คอื กำรแก้ไขและปฐม พยำบำล ซงึ่ โอกำสเกดิ อุบตั เิ หตุจำกไฟฟ้ำในโรงงำนมีสงู กวำ่ ครวั เรือน เนอ่ื งจำกมีกำรใชเ้ ครือ่ งไม้เคร่ืองมือรวมถึงเครื่องจักร กำลังสูงอยู่สม่ำเสมอ 32

บท3ท3่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 อำกำรบำดเจบ็ จำกไฟฟำ้ มีได้หลำยรปู แบบ เช่น แผลไฟไหม้ หวั ใจ ล้มเหลว หรอื สง่ ผลให้เสยี ชวี ติ ได้ ให้จำไวเ้ สมอวำ่ ร่ำงกำยของมนุษย์ น้ันเป็นสื่อนำไฟฟ้ำได้อยำ่ งดี กำรทำงำนทเี่ กย่ี วข้องกบั ไฟฟ้ำ จำเป็นต้องต้งั สติใหด้ ี โดยเฉพำะในกิจกำรอุตสำหกรรมทมี่ ี เครอื่ งจักรซ่งึ ใช้งำนไฟฟ้ำแรงสูง ข้ันตอนการปฐมพยาบาล 1.ตรวจสอบภำพบำดแผลและสติสมั มปชัญญะของผู้ประสบเหตุ (อย่ำเพิ่งเคล่ือนยำ้ ยผู้ประสบเหตกุ ่อนกำรประเมินเบอื้ งตน้ ) ด้วย กำรสอบถำมช่อื หรือเรียกชอื่ จำกนัน้ ใหผ้ ้ปู ระสบเหตุพยำยำมลืมตำ และขยบั ลูกตำตำมทิศทำงที่ผู้ช่วยเหลอื บอก 2.เรียกผู้ช่วยเหลือและติดต่อหนว่ ยพยำบำล 3.หำกผู้ประสบเหตหุ มดสตใิ ห้ทำกำรตรวจชีพจรเบ้ืองต้น และทำ CPR ในกรณีทีผ่ ชู้ ว่ ยไม่หำยใจ 4.นำผ้ปู ่วยนอนรำบบนผำ้ ให้หวั อยตู่ ่ำกว่ำเท้ำ โดยหำเก้ำอ้ีวำงให้ เท้ำพำดเพ่ือใหม้ ีกำรไหลเวยี นของเลือดทีด่ ี ยกเวน้ แต่มีกำรบำดเจ็บ บรเิ วณเทำ้ 33 33

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 34 5.ปลดเสอื้ ผำ้ ที่รดั ใหห้ ลวมขนึ้ 6.ในกรณีที่มีบำดแผลไฟไหม้ หรอื สผี วิ เปลย่ี นใหน้ ำน้ำเย็นมำชโลม ในบรเิ วณดงั กลำ่ วประมำณ 20 นำที ระวังอย่ำใช้ครีมหรือยำ สำหรับแผลไฟลวก 7.หำ้ มเคลอ่ื นยำ้ ยผ้ปู ระสบเหตุหำกมกี ำรตกจำกท่ีสูงร่วมด้วย 8.พยำยำมพูดคุยกบั ผู้ประสบเหตุจนกวำ่ หนว่ ยพยำบำลจะมำถึง เพ่ือให้ผู้ประสบเหตุมีสติอยูต่ ลอดเวลำ วงจรไฟฟ้าเบอ้ื งตน้ 1.กฎของโอหม์ กฎของโอห์ม (Ohm 's law) กำหนดไวว้ ำ่ กระแสไฟฟ้ำท่ีไหลใน วงจรไฟฟ้ำกระแสตรงจะเป็นสดั ส่วนโดยตรงกับแรงดันไฟฟ้ำที่ ปรำกฏในวงจรไฟฟ้ำนน้ั จำกกฎดงั กล่ำวจึงทำใหไ้ ด้ควำมสมั พันธ์ ทำงคณิตศำสตร์ออกมำวำ่ V = IR โดยท่ี V คอื แรงดันไฟฟ้ำทเ่ี กิดข้ึนมีหน่วยเปน็ โวลต์ (V) 34

บท3ท5่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 | คอื ปริมำณของกระแสไฟฟำ้ กระแสตรงท่ไี หลในวงจรมี หน่วยเป็นแอมแปร์ (A) R คือควำมต้ำนทำนไฟฟำ้ ในวงจรมหี นว่ ยเป็นโอห์ม (Ω) ควำมสมั พนั ธ์ของปริมำณไฟฟ้ำท้ังสำมในกฎของโอหม์ น้ี สำมำรถ สรุปใหเ้ ห็นไดง้ ่ำยๆดว้ ยทฤษฎีรูปสำมเหลยี่ มดังรปู V= v iR i =R v Ri v i= R 35 35

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 36 ถ้ำต้องกำรหำค่ำกระแสไฟฟ้ำก็เอำมอื ปิดตัว I กจ็ ะเหลือเป็น V / R ซึง่ เมอื่ นำค่ำของแรงดนั ไฟฟ้ำหำรด้วยควำมตำ้ นทำนไฟฟ้ำก็จะได้ ค่ำของกระแสไฟฟ้ำออกมำแต่ถ้ำต้องกำรหำค่ำควำมต้ำนทำนไฟฟำ้ ก็เอำมือปดิ ตัว R ก็จะเหลือ VI นัน่ คอื นำคำ่ ของแรงดนั ไฟฟ้ำหำร ด้วยค่ำของกระแสไฟฟ้ำก็จะได้คำ่ ของควำมต้ำนทำนไฟฟำ้ สดุ ทำ้ ย ถ้ำตอ้ งกำรทรำบค่ำของแรงดันไฟฟ้ำก็เอำมือปิดตวั V ก็จะเหลอื IR นน่ั คือนำค่ำของกระแสไฟฟำ้ คณู กับค่ำของควำมต้ำนทำนไฟฟำ้ กจ็ ะ ได้คำ่ ของแรงดันไฟฟำ้ แผนผงั วงจรไฟฟ้า วงจรไฟฟ้ำจะเปน็ กำรเชื่อมต่อกนั ของแหล่งจำ่ ยไฟอปุ กรณ์ อเิ ล็กทรอนกิ สต์ ัวนำไฟฟ้ำและอุปกรณต์ ่อพวงต่ำง ๆ ซง่ึ จะทำให้ เกดิ กำรไหลของกระแสไฟฟ้ำซึง่ อำจจะไหลครบวงจรหรือไมค่ รบ วงจรกไ็ ดส้ ำหรบั วงจรทีม่ ีกำรไหลของกระแสไฟฟ้ำครบวงจรนี้จะ เรยี กว่ำวงจรปดิ สว่ นกำรไหลของกระแสไฟฟำ้ ทไ่ี ม่ครบวงจรนี้จะ เรียกวำ่ วงจรเปดิ วงจรไฟฟ้ำสำมำรถแบ่งออกเปน็ 3 แบบคือ วงจรอนุกรม วงจร ขนำนและวงจรอนกุ รม-ขนำน ซงึ่ แตล่ ะวงจรจะมรี ูปแบบแตกตำ่ ง 36

บท3ท7ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 วงจรอนุกรม วงจรอนุกรมคือวงจรไฟฟ้ำทม่ี ีอปุ กรณ์มำกกว่ำ 1 อยำ่ งตอ่ กันใน ลกั ษณะต้นชนปลำยแล้วน่ำมำต่อเข้ำกับแหล่งโดยมีทศิ ทำงกำรไหล ของกระแสไฟฟำ้ ในทศิ ทำงเดียวตลอด คือวงจรไฟฟำ้ ท่ีมีอปุ กรณ์ มำกกวำ่ 1 อยำ่ งต่อกนั ในลกั ษณะต้นชนปลำยแลว้ นำ่ มำต่อเขำ้ กับ แหล่งโดยมที ิศทำงกำรไหลของกระแสไฟฟ้ำในทิศทำงเดียวตลอด วงจรขนาน วงจรขนำนวงจรขนำนคือวงจรไฟฟ้ำทม่ี ีอุปกรณม์ ำกกวำ่ 1 อย่ำง ตอ่ กนั ในลักษณะตน้ ชนตน้ และปลำยชนปลำยแล้วนำมำตอ่ เขำ้ กับ แหล่งจ่ำยไฟของวงจร •วงจรอนกุ รม-ขนานหรอื วงจรผสม วงจรอนกุ รม-ขนำนหรือวงจรผสมคอื วงจรไฟฟ้ำทต่ี ่อรวมกัน ระหวำ่ งวงจรอนกุ รมและวงจรขนำนสำหรบั กำรคำนวณหำค่ำ กระแสแรงดนั และควำมตำ้ นทำนรวมของวงจรผสมนจี้ ะต้อง พจิ ำรณำวำ่ โหลดที่ต่อในวงจรน้ันมีค่ำใดบ้ำงทตี่ ่อแบบอนุกรมและ ค่ำใดบำ้ งทต่ี อ่ แบบขนำนจำกนัน้ กน็ ำคำ่ ท่ีต่อแบบอนุกรมมำหำค่ำ 37 37

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 38 ของกระแสแรงดันและควำมต้ำนทำนในแบบของอนุกรมและนำ ค่ำที่ต่อแบบขนำนมำหำค่ำของกระแสแรงดันและควำมต้ำนทำนใน แบบของวงจรขนำนจำกวงจร ตวั ตา้ นทาน ตัวเก็บประจุ และตวั เหนยี่ วนา ตัวตา้ นทาน เป็นอปุ กรณท์ ีท่ ำหน้ำทจ่ี ำกัดกระแสไฟฟ้ำโดยในตวั ของมันจะมคี ำ่ เรยี กวำ่ คำ่ ควำมต้ำนทำน (resistance) มหี นว่ ยเปน็ โอห์ม (ohm: Ω) ถ้ำหำกตวั ตำ้ นทำนมีคำ่ มำกกระแสไฟฟ้ำจะไหลผ่ำนตัวมนั ได้ น้อยในทำงตรงข้ำมถ้ำหำกมีค่ำควำมตำ้ นทำนน้อยกระแสไฟฟ้ำจะ สำมำรถไหลผ่ำนไดม้ ำกตวั ต้ำนทำนมหี ลำยขนำดให้เลือกใชต้ ัง้ แต่ 1/8 วัตตไ์ ปจนถงึ หลำยๆสิบวัตตใ์ นกำรอำ่ นค่ำของตวั ต้ำนทำนถ้ำ หำกเป็นแบบวตั ต์สูงๆจะมตี วั เลขค่ำควำมต้ำนทำนพิมพ์บนตวั ตำ้ นทำนนั้นแต่ถ้ำหำกเป็นขนำดวัตตต์ ำ่ ตงั้ แต่ 1/8-2 วตั ต์จะมรี หัส สีเปน็ ตัวบอกคำ่ ควำมตำ้ นทำนซ่งึ รหสั สแี ต่ละแถบจะมีควำมหมำย เปน็ คำ่ ตัวเลข, ตัวคุณและค่ำควำมผิดพลำดดังสรปุ ไวใ้ น 38

บท3ท9่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 ตวั เก็บประจุ เป็นอปุ กรณ์ท่ีสำมำรถเก็บประจุไฟฟ้ำได้มีกำรไปใชใ้ นวงจรกรอง แรงดัน, วงจรกรองควำมถใ่ี ชใ้ นกำรถำ่ ยทอดสญั ญำณ (coupling) เป็นตน้ ภำยในตัวเก็บประจจุ ะประกอบด้วยแผ่นโลหะตัวนำ 2 แผน่ วำงหำ่ งกันโดยมีสำรไดอเิ ลก็ ตริกกันอยรู่ ะหวำ่ งแผ่นตัวนำทั้งสองดงั รูปที่ 2-3 ชนิดของตัวเก็บประจุจะข้นึ อยู่กับสำรไดอิเล็กตริกท่ใี ช้อนั ไดแ้ ก่เซรำมิก, ไมลำ่ ร์, อิเลก็ ทรอไลต์, โพลเี อสเตอร์, แทนทำลั่ม, แกว้ เปน็ ตน้ ตัวเหนย่ี วนา เปน็ อุปกรณ์พื้นฐำนอีกตัวหน่ึงที่นักอเิ ลก็ ทรอนิกสต์ ้องทำควำม เข้ำใจตวั เหนย่ี วนำ่ (inductor) น้ีมีสญั ลกั ษณ์ดงั รูปที่ 2-4 ภำยใน ตัวเหนย่ี วนำมีคำ่ ท่เี รียกว่ำ“ คำ่ ควำมเหนย่ี วนำ inductance)” มี หน่วยเปน็ เฮนรี (Henry: H) ปกติแลว้ ค่ำเฮนรีจะใหญ่มำกกำรใช้ งำนในวงจรอเิ ล็กทรอนิกสจ์ งึ มักใชห้ น่วยเล็กลงมำคือเป็นมิลลิเฮนรี (milli Henry: mH) และไมโครเฮนรี micro Henry: uH) 39 39

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 40 สญั ลักษณข์ องตวั เหน่ียวนา อปุ กรณไ์ ฟฟา้ - สวิตซ์ สวติ ซท์ ำหนำ้ ทเ่ี ปิด-ปดิ วงจรไฟฟ้ำหรือใชต้ อ่ ให้แตล่ ะส่วนเช่อื มถึง กนั สวติ ซแ์ ต่ละชนดิ จะมลี ักษณะโครงสรำ้ งและหนำ้ ท่ตี ่ำงกันตำม กำรใช้งำน•สวิตซ์ทำงเดียวเป็นสวิตซท์ ี่ต่อไว้เพอื่ ควบคุมวงจรไฟฟ้ำ ใหว้ งจรตอ่ กนั หรือไมต่ ่อกันเท่ำน้นั เช่นใช้ปิด-เปดิ หลอดไฟภำยใน บ้ำนหรือเครื่องใช้ไฟฟ้ำอื่นท่ีใช้กดเปดิ และปิด •สวติ ช์สองทำงเป็นสวติ ซ์ทีต่ อ่ ไวเ้ พอ่ื ใชบ้ ังคับกำรเดินทำงของ 40

บท4ท1่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 กระแสไฟฟ้ำไดส้ องทำงเชน่ ไม่ผำ่ นวงจรที่ 1 แต่ให้ผำ่ นวงจรท่ี 2 หรอื ให้ผำ่ นวงจรที่ 1 แต่ไม่ผ่ำนวงจรท่ี 2 •สวิตชก์ ดตดิ ปลอ่ ยดับเปน็ สวิตช์ที่ใช้ต่อวงจรแบบชั่วครำวเม่ือกด ปุม่ ลงไปจะทำให้วงจรต่อกนั แตเ่ มอ่ื ปล่อยปมุ่ ออกวงจรกจ็ ะตัดออก จำกกนั ทันทีสวติ ชก์ ดติดปล่อยดบั สำมำรถใชก้ บั วงจรได้หลำย ประเภทเช่นวงจรนบั , เกมสุม่ ตวั เลขสวติ ชเ์ กมโชว์, วงจรตง้ั เวลำเปน็ ต้น 41 41

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 42 •สวิตซ์กดตดิ กดดับใช้เป็นตวั ตัดต่อกระแสไฟฟำ้ ทป่ี ้อนให้วงจร กลำ่ วคือเมื่อกดสวิตซค์ รงั้ แรกสวติ ชจ์ ะทำกำรล็อกและเชื่อมต่อ กระแสไฟฟ้ำและเม่ือกดสวติ ซ์อีกคร้ังสวิตชจ์ ะปลดล็อกแลว้ ตดั กำร เชื่อมต่อกระแสไฟฟ้ำ ปลั๊กและเต้าเสยี บไฟฟ้า ชนดิ ของปลั๊ก แบ่งตำมหนำ้ ท่ีออกไดเ้ ป็น 3 ชนดิ คือ 1. ปลั๊กตัวผู้ (เต้ำเสียบ) หมำยถงึ ตวั รบั กระแสไฟฟำ้ เพ่ือให้ เคร่อื งใช้ไฟฟำ้ ทำงำนได้ ปกติจะประกอบตดิ มำกบั เคร่ืองใช้ กระแสไฟฟำ้ ทุกชนดิ ซ่งึ สำมำรถใช้งำนอยู่กับท่ี หรือย้ำยสถำนท่ไี ป ตำมต้องกำร ได้แก่ เครอ่ื งใช้ไฟฟำ้ ในบ้ำนเรือน หรือ เคร่ืองมอื และอุปกรณ์ไฟฟ้ำขนำดพกพำ สำมำรถจำแนกออกได้ เป็น 2 จำพวก คือ 42

บท4ท3ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 1.1 ปลัก๊ ตัวผู้ (เต้ำเสยี บ) จำพวก 2 ขำ หรือ 2 ขำ ใชก้ บั ไฟฟำ้ กระแสสลับแบง่ ตำมทฤษฎีออกเป็นขว้ั N และขว้ั L 1.2 ปลก๊ั ตวั ผู้ (เต้ำเสยี บ) จำพวก 3 ขำ หรือ 3 โดยจะ เพม่ิ อกี 1 ขำจำกข้อ 1.1 เรียกวำ่ สำยดิน หรอื สำย กรำวด(์ G) 2. ปลก๊ั ตวั เมีย (เต้ำรบั ) ตวั จำ่ ยกระแสไฟฟ้ำ ปกติจะตดิ ต้ังคงท่ีอยู่ ณ จดุ ทมี่ นั่ คงจุดใดจุดหน่ึง เช่นตำมผนัง, กำแพง และเพดำน หรอื ในจุดทีต่ ้องกำรใช้กระแสไฟฟ้ำภำยในบำ้ นเรือน และอำคำร ทั่วไป ทั้งชนิด 2 และ 3 ขำ แตห่ ำกตอ้ งกำรใช้ไฟฟ้ำในพ้ืนทที่ ี่ ไกลจำกจุดจ่ำยกระแสไฟฟำ้ คงที่ จำเปน็ ตอ้ งใช้ ปลกั๊ พว่ ง หรอื ปลั๊กลอยเป็นกำรชัว่ ครำว อย่ำงไรกต็ ำม สำหรบั ปล๊ักตวั เมีย (เต้ำรับ) น้นั จำเปน็ ต้องออกแบบ และผลิตให้ สอดคล้องกับ ชนดิ , จำพวกและประเภทของปลกั๊ ตัวผู้ เพือ่ ควำมปลอดภัย และ เหมำะสมกบั กำรใชง้ ำน 3. ปลกั๊ พว่ ง หมำยถงึ ชุดสำยไฟฟำ้ ทปี่ ระกอบดว้ ยสำยไฟฟ้ำขนำด ควำมยำวตำมต้องกำรท้ังชนิด 2 และ 3 สำย (ประมำณ 1-10-20 เมตร เป็นต้น) โดยทป่ี ลำยสำยไฟขำ้ งหนงึ่ ตดิ ตั้งปลกั๊ ตวั ผู้(เตำ้ เสยี บ) 43 43

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 44 และตดิ ต้งั ปล๊ักตัวเมีย (เต้ำรบั ) ทปี่ ลำยสำยไฟอีกข้ำงหน่ึง โดย แยกตวั ออกเปน็ อสิ ระจำกเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ำ และจุดรบั -จำ่ ย กระแสไฟฟ้ำ ซ่ึงหำกตดิ ตงั้ ปลัก๊ ตัวเมียจำนวนเพยี ง 1 ชดุ เรยี กวำ่ \"ปลัก๊ พ่วงชนดิ เด่ียว\" ปลกั๊ พ่วงที่มีเต้ำรับ(ปลั๊กตวั เมีย)มำกกว่ำ 1 ชดุ ขึน้ ไป (ประมำณ 2 – 6 ชดุ ) เรยี กว่ำปลัก๊ พว่ งเอนกประสงค์ ซง่ึ มจี ำหน่ำย และนิยมใชใ้ น ชีวติ ประจำวนั ในตลำดทั่วไปหนำ้ ท่ี และประโยชน์ คือ ชว่ ยรบั - จ่ำยกระแสไฟฟ้ำให้แก่เคร่ืองใช้ และอปุ กรณ์ไฟฟำ้ ให้ทำงำนได้ ในตำแหนง่ หรอื พ้ืนที่ท่ตี ้องกำร 44

บท4ท5ี่ 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทที่ 2 45 45

บทที่ 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 46 เครือ่ งมือวดั งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โวลตม์ เิ ตอร์ เป็นเครื่องมอื วัดทำงอเิ ล็กทรอนิกส์ ท่ใี ชว้ ดั ค่ำควำมต่ำงศกั ย์ไฟฟ้ำ หรือแรงดันไฟฟำ้ ในวงจร 46

บท4ท7่ี 2 คอมพิวเตอครว์ใานคมชอรีวมู้เิตบพืป้ิวอรเงตตะอ้จนรำเ�ก์ใวนี่ยันชวีกวิัตบปไฟรฟะ้จา ำ�วัน บทท่ี 2 แอมมิเตอร์ เป็นเครื่องมอื วัดทำงอเิ ล็กทรอนิกส์ ทีใ่ ชว้ ัดค่ำกระแสไฟฟ้ำ •มลั ติมิเตอรเ์ ป็นเครือ่ งมือวัดทำงอเิ ล็กทรอนกิ สท์ ี่นิยมใช้กันมำก ท่ีสดุ ซึ่งจะใชส้ ำหรบั วัดค่ำทำงไฟฟำ้ เช่นคำ่ แรงดนั ไฟฟ้ำคำ่ กระแสไฟฟ้ำและคำ่ ควำมตำ้ นทำนไฟฟำ้ มัลติมิเตอรแ์ บง่ ออกเปน็ 2 ประเภทคือมัลตมิ เิ ตอร์แบบอนำล็อกและมัลติมิเตอรแ์ บบดิจติ อล 47 47

บทท่ี 2 ความรู้เบืค้อองตม้นพเิวกเี่ยตวอกรับ์ในไฟชฟีว้าิตประจำ�วัน 48 •ออสซลิ โลสโคป ออสซิลโลสโคปหรอื สว่ นใหญ่มกั เรียกวำ่ สโคปน้ันจะเป็นเครอื่ งมือ วัดทำงอเิ ล็กทรอนิกสท์ ใ่ี ชส้ ำหรบั วัดคลื่นสญั ญำณทำงไฟฟำ้ และ สำมำรถดูลกั ษณะของรูปคลนื่ ได้ดว้ ยซง่ึ สัญญำณทำงไฟฟ้ำที่วดั น้จี ะ เป็นค่ำแรงดันไฟฟำ้ คำ่ กระแสไฟฟ้ำและคำ่ ควำมถี่เปน็ ตน้ ลักษณะ ของออสซลิ โลสโคปแสดง 48

บทที่ 2 คอมพวิ เตอรในชวี ติ ประจำวนั

บทที่ 2 คอมพวิ เตอรในชวี ติ ประจำวนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook