เณรน้อยยืนพายเรือทำให้เรือโคลงเคลง ศรีธนญชัยจึงบอกให้นั่งพายเณรน้อยกวางพาย แล้วนั่งลงบนพายศรีธนญชัยต้องพูดใหม่ว่า “ นั่งลงพายเรือดีๆเถิด” เณรน้อยจึงทำตาม แล้วถามศรีธนญชัยว่าจะลงตรงไหน ศรีธนญชัยเกรงใจจึงบอกว่าส่งเขาลงตรงไหนก็ได้ เณรน้อยจึงหันหัวเรือปักพรวดเข้าที่ฝั่งป่าไผ่ มีหนามรกทันทีแล้วบอกว่างั้นลงตรงนี้เถิด ศรีธนญชัยจำใจต้องลงเพราะพูดออกไปแล้ว เขาต้องบุกป่าฝ่าดงหนามและคิดวิตกกังวล ว่าพบคนเจ้าปัญญาแบบเดียวกับตนเข้าเสียแล้ว
เวลาผ่านไปเณรน้อยรูปนั้นเรียนวิชาจนแตกฉาน เติบโตขึ้นมาเข้ารับราชการและ มีตำแหน่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีสติปัญญาดีและมีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ ใคร ๆ ก็ชื่นชมศรีธนญชัยน้อยใจ ไม่ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเจษฎาก็ไม่ตรัสเรียกหา เหมือนเมื่อก่อนจึงคิดเรียกร้องความสนใจ โดยไปขอกู้เงินห้าชั่งจากยายแก่นานสองเดือน ยายแก่สงสัยว่าเจ้าคุณฐานะดีจะมาขอกู้เงินทำไม แต่ก็ยอมให้ไปเมื่อครบกำหนดก็มาทวงเงิน แต่ศรีธนญชัยบอกว่ายายจะเก็บเงินคืนได้ ต่อเมื่อเดือนบนฟ้ามีสองดวงต่างหาก จึงเรียกว่าครบสองเดือน
ยายแก่ตกใจน่าเรื่องไปฟ้องศาลให้ช่วยตัดสิน ไม่มีใครกล้าตัดสินเพราะกลัวฤทธิ์ศรีธนญชัย อดีตสามเณรจึงเป็นผู้พิพากษาแทน เมื่อฟังความแล้วจึงบอกว่าคดีนี้ยากมาก ต้องคิดนานหน่อยจึงขอให้มาฟังคําตัดสิน ตอนกลางคืน
เมื่อถึงเวลาตัดสินผู้พิพากษาหนุ่ม พาทุกคนไปที่ริมสระน้ำชี้ให้ดูเงาของพระจันทร์ ที่สะท้อนแสงสวยงามอยู่ในน้ำ และบอกว่าถึงเวลาที่ศรีธนญชัย ต้องจ่ายเงินคืนยายแก่เพราะทั้งเดือนบนฟ้า และเงาเดือนในน้ำรวมเป็นสองเดือนแล้ว
ศรีธนญชัยตกใจมากที่เสียรู้ ด้วยถ้อยคําของตัวเองยอมคืนเงินให้ยายแก่ ข่าวรู้ถึงหูชาวบ้านต่างดีใจสรรเสริญผู้พิพากษาหนุ่ม ที่ทำให้ศรีธนญชัยจอมเจ้าเล่ห์พ่ายแพ้ได้ ศรีธนญชัยยิ่งแค้นใจเอาแต่ดื่มเหล้า และคิดหาทางแก้แค้นตลอดเวลา วันหนึ่งก็เดินอุ้มแตงโมเข้าเฝ้าพระเจ้าเจษฎา ขอท้าพนันผู้พิพากษาหนุ่มต่อหน้าพระพักตร์ พระองค์นึกสนุกจึงยินยอมศรีธนญชัยบอกว่า กติกาคือให้ทายว่าเมื่อผ่าแตงโมลูกนี้ออก ข้างในจะเป็นสีอะไรระหว่างขาวกับดำ หากใครทายผิดต้องถูกประหาร พระเจ้าเจษฎาทรงแย้งว่าทายสนุก ๆ ก็พอ อย่าให้ถึงชีวิตเลย แต่ศรีธนญชัยไม่ยอม
ผู้พิพากษาหนุ่มจึงทายว่าข้างในแตงโม เป็นสีขาวแน่นอนและแนะนำให้ศรีธนญชัยทายว่า สีขาวเหมือนตนเถิดจะได้ไม่มีใครต้องตาย ศรีธนญชัยเยาะเย้ยบอกว่าเดี๋ยวก็รู้แล้วทายว่า มีสีดำเมื่อกรรมการผ่าแตงโมออก เปลือกของมันเป็นสีขาวผู้พิพากษาหนุ่มบอกว่า กระผมชนะแล้ว แต่ศรีธนญชัยหยิบเมล็ดขึ้นมา แล้วบอกว่านี่ไงข้างในแตงโมเป็นสีดำต่างหาก ท่านจงยอมแพ้เกิด
ผู้พิพากษาหนุ่มให้กรรมการผ่าเมล็ดแตงโมออก เป็นสีขาวต่อหน้าทุกคนแล้วประกาศว่า ท่านเห็นหรือยังว่าข้างในแตงโมเป็นสีขาว ศรีธนญชัยตกตะลึงคาดไม่ถึงตาค้างแน่นิ่งไป ทุกคนต่างตกใจพระเจ้าเจษฎารีบให้หมอหลวง มารักษา แต่สายไปเสียแล้วจิตใจศรีธนญชัย บอบช้ำจนไม่มีทางรักษาไม่กินไม่นอน ร่างกายผ่ายผอม
ศรีธนญชัยรู้ตัวว่าใกล้ถึงเวลาชดใช้กรรม เขาบอกให้ศรีนวลภรรยาปลูกกระท่อมหลังเตี้ย ๆ นำร่างเขาไว้ในนั้นแล้วไปทูลพระเจ้าเจษฎา ว่าตนขอทูลลาพระเจ้าเจษฎาคิดถึงขุนนางคนโปรด ก็รีบเสด็จมาถึงด้วยพระองค์เองยอมลดองค์ลง เพื่อให้เข้ากระท่อมได้
ศรีธนญชัยทูลลาขออโหสิกรรมที่เคยล่วงเกิน และฝากลูกเมียทั้งน้ำตานองหน้า พระเจ้าเจษฎาตรัสสัญญาว่า จะช่วยดูแลครอบครัวให้ และไม่ลืมความสนุกสนาน และคุณประโยชน์ที่ช่วยบ้านเมืองหลายครั้ง เมื่อหมดห่วงศรีธนญชัยก็ค่อยๆหมดลมหายใจไป จบตำนานเจ้าปัญญาจอมเจ้าเล่ห์แห่งกรุงศรีอยุธยา
เป็นนิทานประเภทนิทานมุขตลก ข้อคิดของนิทานเรื่องศรีธนญชัย -ควรใช้ปัญญาในทางที่ถูก เช่น การสร้างความดี -ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน -การพนันทำให้สูญเสียทรัพย์หรือแม้แต่ชีวิต -มีจิตรักและกตัญญูรู้คุณต่อแผ่นดินเกิดและต่อชาติบ้านเมือง
จัดทำโดย น.ส.ธรรมิกา ฐิตวรางกูร เลขที่ ๒๓ น.ส.ปัญญดา คชภรภรณี เลขที่ ๒๕ ม.๔/๖
Search