Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครือข่ายคอมพิวเตอร์

เครือข่ายคอมพิวเตอร์

Published by Pinkaw Aiemsai, 2020-04-30 00:42:38

Description: E-Book 15

Search

Read the Text Version

เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์คอื อะไร การเชอ่ื มโยงเครอื่ งคอมพวิ เตอรเ์ พ่ือใช้ในการโอนถา่ ยข้อมูลและสามารถสื่อสารระหว่างกนั ได้ อินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล ในด้านต่างๆ และมีการให้บริการในหลายรูปแบบ เช่น ไปรษณีย์อิเล็คโทรนิค (E-mail), การ สนทนาทางเครือข่าย (MSN, ICQ) เว็บ, การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูล (FTP), การเล่นเกมส์ออนไลน์ (Ragnarok) , การเข้าชมเว็บไซต์ (Web) เอ็กส์ทราเน็ต (Extranet) เป็นเครือข่ายกึ่งอินเทอร์เน็ตก่ึงอินทราเน็ต กล่าวคือ เอ็กส์ ทราเน็ตคือเครือข่ายที่เชื่อมต่อระหว่างอินทราเน็ตของสององค์กร ดังน้ันจะมีบางส่วนของ เครือข่ายท่ีเป็นเจ้าของร่วมกันระหว่างสององค์กรหรือบริษัท การสร้างอินทราเน็ตจะไม่จำกัดด้วย เทคโนโลยี แต่จะยากตรงนโยบายที่เก่ียวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ท้ังสององค์กร จะต้องตกลงกัน เช่น องค์กรหน่ึงอาจจะอนุญาตให้ผู้ใช้ของอีกองค์กรหนึ่งล็อกอินเข้าระบบ อินทราเน็ตของตัวเองหรือไม่ เป็นต้น การสร้างเอ็กส์ทราเน็ตจะเน้นที่ระบบการรักษาความ ปลอดภัยขอ้ มูล รวมถึงการติดต้ังไฟร์วอลลห์ รอื ระหว่างอินทราเน็ตและการเข้ารหัสข้อมลู และส่ิงท่ี สำคญั ทส่ี ดุ ก็คอื นโยบายการรกั ษาความปลอดภยั ขอ้ มลู และการบงั คบั ใช้ ซอฟตแ์ วร์สำหรบั ใช้งานบนระบบอินเทอร์เนต็ โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นโปรแกรมท่ีทำหน้าที่ควบคุมการ ทำงาน ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ท่ีต่อพ่วงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยทำหน้าที่เป็น ตัวกลางในการติดต่อกับฮาร์ดแวร์ของเคร่อื งโดยตรง โปรแกรมใช้งาน หรอื โปรแกรมประยุกต์ใดๆ ทีต่ อ้ งการตดิ ตอ่ กับเครื่องคอมพิวเตอรจ์ ะต้องอาศัยการสั่งงานของโปรแกรมระบบ ปฏิบตั ิการ เพ่ือ ควบคมุ การทำงานของ เคร่ืองคอมพวิ เตอรโ์ ปรแกรมระบบปฏิบัติการของเครอื่ งคอมพิวเตอร์แตล่ ะ ระบบ หรือแต่ละประเภท จะมีความแตกต่างกัน เช่น โปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับ เมนเฟ รมคอมพิวเตอร์ระบบหน่ึง ก็จะแตกต่างกับโปรแกรมระบบปฏิ บัติการของ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ของระบบอื่นๆ เป็นต้น โปรแกรมระบบปฏิบัติการท่ีนิยมใช้กันอย่าง แพร่หลายในเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ ได้แก่ MS-DOS, UNIX, Microsoft WINDOWS 95, 98, NT, XP เป็นต้น โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์(Web Browser) โปรแกรมค้นดูเว็บ คือโปรแกรม คอมพิวเตอร์ ท่ีผู้ใชส้ ามารถดูข้อมลู และโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศท่ีจดั เกบ็ ในหน้าเวบที่สรา้ งด้วย ภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล ที่จัดเก็บไว้ท่ีเว็บเซอร์วิซหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบ คลังข้อมูลอ่ืน ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเคร่ืองมือในการติดต่อกับเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ทีเ่ รยี กว่าเวลิ ดไ์ วดเ์ วบ็ โปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) โปรแกรมรับส่งจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) เป็นโปรแกรมท่ีใช้งานสำหรับการส่งจดหมายทางอินเตอร์เน็ต ซ่ึงปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ท่ีให้บริการฟรี โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมเหล่านี้ไว้ท่ีเคร่ือง คอมพิวเตอร์ ของตนเอง เพียงแต่เข้าไปใช้บริการผ่านเว็บไซต์เหล่านั้นก็จะสามารถส่งจดหมายได้

แล้ว อย่างไรก็ตาม การใช้บริการรับส่งจดหมายของบางหน่วยงานที่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง แล้ว ให้พนักงานรับส่งจดหมายผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงาน แต่ไม่มีบริการของโปรแกรมรับส่งจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ ก็ต้องติดตั้งโปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไว้ท่ีคอมพิวเตอร์ของ ตนโดยเฉพาะ แล้วรับส่งจดหมายโดยผ่านโปรแกรมเหล่านั้น ซึ่งได้แก่ Microsoft Outlook, Microsoft Exchange และ Eudora เป็นตน้ โปรแกรมสำหรับการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ระหว่างบุคคลผ่านระบบอนิ เตอรเ์ น็ต ซึ่งการติดต่อสือ่ สารอาจเป็นในรปู แบบของการพมิ พ์ขอ้ ความ คยุ โต้ตอบกัน (Chat ) หรือพูดคุยกันโดยผา่ นไมโครโฟนท่ีตดิ ต้งั ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันการ ติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตก้าวหน้าไปมาก ทำให้สามารถให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถเห็นหน้า ระหว่างพูดคุยกันได้ ซึ่งเรียกว่า Video Conference โปรแกรมท่ีใช้สำหรับการส่ือสารเหล่านี้ ได้ แ ก่ Microsoft Chat, ICQ, MSN Messenger, Pirch, Mirc, Yahoo Messenger เป็ น ต้ น โปรแกรมมัลติมีเดียบนอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันการใช้งานบนอินเตอร์เน็ตสามารถใช้งาน ได้หลากหลาย ทั้งภาพและเสียง รวมท้ังภาพเคล่ือนไหว ดังน้ัน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะใช้งาน อินเตอร์เน็ตจึงต้องติดตั้งโปรแกรมประเภทน้ีไว้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลประเภทมัลติมิเดียได้ อย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมเหล่านี้ได้แก่ Real Audio, Real Video, Windows Media Player เป็นต้น การใช้งาน Internet Explorer เบ้ืองตน้ 1. ปมุ่ คำสง่ั ปมุ่ Back ใชส้ ำหรบั ย้อนกลับไปหน้าท่ีผ่านมาแล้ว ปมุ่ Forward ใชส้ ำหรับเปลี่ยนไปหนา้ ต่อไป (หลงั จากที่ยอ้ นกลับมา) ปมุ่ Stop ใช้สำหรบั หยดุ การโหลดข้อมลู ในหนา้ เว็บเพจนน้ั ปมุ่ Refresh ใช้สำหรับการเรียกโหลดข้อมูลหนา้ เว็บเพจใหม่อกี คร้งั ปุม่ Home ใช้สำหรบั กลบั ไปหน้าแรกหรือกลับไปท่ี URL ทต่ี ั้งไวใ้ หเ้ ป็นหนา้ แรก ปมุ่ Search ใชส้ ำหรับค้นหาเว็บไซต์ ปุ่ม Favorites ใชส้ ำหรับเลอื กเว็บไซต์จาก Favorites หรือ Book Mark ปมุ่ History ใชส้ ำหรบั การย้อนกลบั ไปดูเวบ็ ไซตท์ ี่เคยเขา้ ไปดมู าแลว้ ปุ่ม Mail ใช้สำหรบั การ รับ-ส่ง อีเมล์ ปมุ่ Print ใชส้ ำหรับการพิมพ์หน้าเว็บออกเครอื่ งพิมพ์ ปุ่ม Edit ใช้สำหรบั การแก้ไขหน้าเวบ็ เพจน้ัน ๆ

ประเภทของระบบเครือข่ายแบ่งไดก้ วา้ ง ๆ 2 ลกั ษณะ คอื LAN เปน็ การเชือ่ มต่อเครอ่ื งคอมพิวเตอร์เขา้ ด้วยกนั ในระยะจำกดั WAN เปน็ การเชอ่ื มต่อแลนในสานท่ตี า่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั ผา่ นระบบส่อื สารอ่นื ๆ อปุ กรณเ์ ช่ือมตอ่ ระบบเครือข่าย 1. เคร่ืองทวนสัญญาณ (repeater) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าท่ีรับสัญญาณดิจิทัล แล้วส่งต่อออกไปยังอุปกรณ์ต่ออื่น เหตุที่ต้องใช้อุปกรณ์ทวนสัญญาณ เนื่องจากการส่งสัญญาณไป ในตัวกลางที่เป็นสายสัญญาณนั้น เมื่อระยะทางมากขึ้นแรงดันของสัญญาณจะลดลงเร่ือยๆ ทำให้ ไมส่ ามารถส่งสัญญาณในระยะทางไกลๆ ได้ ดังน้ันการใช้อปุ กรณ์ทวนสัญญาณจะทำให้สามารถส่ง สญั ญาณไปได้ไกลข้ึน โดยสญั ญาณไมส่ ญู หาย 2).ฮับ (Hub) เป็นอุปกรณ์ศูนยก์ ลาง ท่เี ชอื่ มต่อคอมพิวเตอร์หรอื อปุ กรณ์คอมพิวเตอร์อ่ืนๆ เข้าด้วยกันฮับ(HUB)ในระบบเครือข่ายฮับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญญาณของอุปกรณ์ เครือข่ายเข้าด้วยกัน การจะทำให้คอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองคอมพิวเตอร์รู้จักกัน หรือส่งข้อมูลถึง กันได้จะต้องผ่านอุปกรณ์ตัวน้ี ปัจจุบันฮับถูกเปรียบเทียบกับ Switch ซ่ึงมีความสามารถสูงกว่า และถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์มาตราฐานที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญ ญาณ ในระบบเครือข่าย

3).สวติ ช(์ Switch) เป็นอุปกรณ์เครอื ข่ายเชน่ เดยี วกันกับฮับ ( hub) และมีหน้าทคี่ ลา้ ย กบั ฮบั มาก แตม่ ีความแตกต่างที่ ในแตล่ ะพอร์ต (port) จะมคี วามสามารถในการสง่ ข้อมลู ไดส้ งู กว่า เช่น สวิตช์ที่มีความเร็ว 10 Mbps น้ัน จะหมายความว่า ในแต่ละพอร์ตจะสามารถส่งข้อมูลได้ท่ี ความเร็ว 10 Mbps และนอกจากน้ันเครื่องทุกเครื่องท่ีต่อมายังสวิตช์ยังไม่ได้อยู่ใน Collision Domain เดียวกันด้วย (ซึ่งถ้าฮับจะอยู่) น่ันหมายความว่าแต่ละเครื่องจะได้ครอบครอง สายสัญญาณแต่เพียงผู้เดียว จะไม่เกิดปัญหาการแย่งสายสัญญาณ และการชนกันของสัญญาณ เกิดข้ึน สวิตช์จะมีความสามารถมากกว่าฮับ แต่ยังมีการใช้งานอยู่ในวงจำกัดเพราะราคายัง ค่อนข้างสูงกว่าฮับอยู่มาก ดังน้ันจึงมีการนำสวิตช์มาใช้ในระ บบเครือข่ายท่ีต้องการ แบ่ง domain เพ่ือเพิ่มความเร็วในการติดต่อกับระบบ โดยอาจนำสวิตช์มาเป็นศูนย์กลาง และใช้ ต่อเข้ากับเคร่ืองที่มีการเชื่อมต่อกับเครื่องอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่อง เซริ ์ฟเวอร์ เพอ่ื จะไดส้ ง่ ขอ้ มลู ไดท้ ลี ะมาก ๆ และสง่ ดว้ ยความเร็วสงู 4).บริดจ์(Bridge) เป็นอุปกรณ์เช่ือมโยงเครือข่ายของเครือข่ายท่ีแยกจากกัน แต่เดิม บรดิ จไ์ ด้รับการออกแบบมาใหใ้ ช้กับเครอื ขา่ ยประเภทเดียวกัน เช่น ใชเ้ ชื่อมโยงระหว่างอีเทอร์เน็ต กับ อีเทอร์เน็ต (Ethernet) บริดจ์มใี ช้มานานแล้ว ตัง้ แต่ปี ค.ศ. 1980 บริดจ์จึงเป็นเสมือนสะพาน เชื่อมระหว่างสองเครือข่าย การติดต่อภายในเครือข่ายเดียวกันมีลักษณะการส่ง ข้อมูลแบบ กระจาย (Broadcasting) ดังน้ัน จึงกระจายได้เฉพาะเครือข่ายเดียวกันเท่านั้น การรับส่งภายใน เครือข่ายมขี อ้ กำหนดให้แพ็กเกต็ ท่สี ง่ กระจายไปยังตัวรับได้ทุกตวั แตถ่ ้ามีการส่งมาที่แอดเดรสตา่ ง เครือข่าย บริดจ์จะนำข้อมูลเฉพาะแพ็กเก็ตน้ันส่งให้ บริดจ์จึงเป็นเสมือนตัวแบ่งแยกข้อมูล ระหว่างเครอื ข่ายให้มีการส่ือสารภายในเครือข่าย ของตน ไม่ปะปนไปยังอีกเครือข่ายหน่ึง เพ่ือลด ปัญหาปริมาณข้อมูลกระจายในสายสื่อสารมากเกินไป ในระยะหลังมีผู้พัฒนาบริดจ์ให้เช่ือมโยง เครือขา่ ยต่างชนดิ กันได้ เชน่ อีเทอรเ์ นต็ กับโทเก็นริง เปน็ ตน้

5).เราท์เตอร์(Router ) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าท่ีเชื่อมต่อระบบเครือข่ายหลาย ระบบเขา้ ด้วยกัน คลา้ ยกับบรดิ จ์ แต่มีสว่ นการ ทำงานที่ซับซอ้ นมากกว่าบรดิ จม์ าก โดยเราท์เตอร์ จะมีเส้นทางการเช่ือมโยงระหว่าง แต่ละเครือข่ายเก็บไว้เป็นตารางเส้นทาง เรียกว่า Routing Table ทำให้เราท์เตอร์สามารถทำหน้าทจ่ี ัดหาเส้นทางและเลือกเส้นทางท่ีเหมาะสมท่ีสุดในการ เดินทางเพื่อการติดตอ่ ระหว่างเครือข่ายไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ 6).เกตเวย์(Gateway) เกตเวยเ์ ป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ทีช่ ว่ ยในการส่ือสารข้อมูล หน้าที่หลักของเกตเวย์คือช่วยทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์2 เครือข่ายหรือมากกว่าที่มีลักษณะไม่ เหมือนกัน คือลักษณะของการเช่ือมต่อ ( Connectivity ) ของเครือข่ายท่ีแตกต่างกัน และมี โปรโตคอลสำหรับการส่ง - รับ ข้อมูลต่างกัน เช่น LAN เครือหน่ึงเป็นแบบ Ethernet และใช้ โปรโตคอลแบบอะซิงโครนัสส่วน LAN อีกเครือข่ายหนึ่งเป็นแบบ Token Ring และใช้โปรโตคอล แบบซิงโครนัสเพ่ือให้สามารถติดต่อกันได้เสมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน เพื่อจำกัดวงให้แคบลง มา เกตเวย์โดยท่ัวไปจะใช้เป็นเครื่องมือส่ง - รับข้อมูลกันระหว่างLAN 2เครือข่ายหรือLANกับ เคร่ืองคอมพิวเตอร์เมนเฟรม หรือระหว่าง LANกับ WANโดยผ่านเครือข่ายโทรศัพท์สาธารณะ เชน่ X.25แพค็ เกจสวติ ซ์ เครือข่าย ISDN เทเล็กซ์ หรือเครอื ขา่ ยทางไกลอืน่ ระบบเครือข่ายแบบไร้สาย ระบบเครือข่ายแบบไร้สาย (Wireless LAN) ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LANs) เกิดข้ึนครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1971 บนเกาะฮาวาย โดยโปรเจกต์ ของนักศึกษาของ มหาวิทยาลัยฮาวาย ที่ช่ือว่า “ALOHNET” ขณะน้ันลักษณ ะการส่งข้อมูลเป็นแบบ Bi- directional ส่งไป-กลับง่ายๆ ผ่านคลื่นวิทยุ สอื่ สารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ 7 เคร่ือง ซ่งึ ตัง้ อยู่บน เกาะ 4 เกาะโดยรอบ และมีศูนย์กลางการเช่ือมต่ออยู่ท่ีเกาะๆหน่ึง ที่ช่ือวา่ Oahuระบบเครือข่าย ไรส้ าย (WLAN = Wireless Local Area Network) คือ ระบบการสอื่ สารข้อมูลที่มคี วามคลอ่ งตัว มาก ซงึ่ อาจจะนำมาใช้ทดแทนหรือเพิ่มต่อกับระบบเครือขา่ ยแลนใช้สายแบบดั้งเดิม โดยใชก้ ารส่ง คลื่นความถีว่ ิทยุในยา่ นวิทยุ RF และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ แต่ละเคร่ือง ผ่านอากาศ, ทะลุกำแพง, เพดานหรือส่ิงก่อสร้างอ่ืนๆ โดยปราศจากความต้องการ

ของการเดินสาย นอกจากน้ันระบบเครือข่ายไร้สายก็ยังมีคุณสมบัติครอบคลุมทุกอย่างเหมือนกับ ระบบ LAN แบบใช้สายท่ีสำคัญก็คือ การท่ีมันไม่ต้องใช้สายทำให้การเคล่ือนย้ายการใช้งานทำได้ โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ท่ีต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปล่ียน ตำแหน่งการใช้งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันน้ี โลกของเราเป็นยุคแห่งการติดต่อส่ือสาร เทคโนโลยีต่างๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ เป็นส่ิงจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน ความต้องการข้อมูลและการบริการต่างๆ มีความจำเป็นสำหรับนักธุรกิจ เทคโนโลยีที่สนองต่อ ความต้องการเหล่าน้ัน มีมากมาย เช่น โทรศัพท์มือถือ เคร่อื งคอมพิวเตอร์โน้ตบุค เคร่ืองปาร์ม ได้ ถกู นำมาใช้เป็นอย่างมากและ ผทู้ ่ีน่าจะไดป้ ระโยชนจ์ ากการใช้ ระบบเครือข่ายไรส้ าย มีมากมายไม่ ว่าจะเปน็ - หมอหรือพยาบาลในโรงพยาบาล เพราะสามารถดึงข้อมูลมารักษาผู้ป่วยได้จาก เคร่ือง คอมพวิ เตอร์โน้ตบุ๊ค ท่เี ชอ่ื มต่อกับ ระบบเครอื ขา่ ยไรส้ ายไดท้ นั ที - นกั ศกึ ษาในมหาวิทยาลัยกส็ ามารถใช้งานโนต็ บคุ เพื่อค้นควา้ ข้อมูลในหอ้ งสมุดของ มหาวิทยาลยั หรือใช้อินเตอรเ์ นท็ จากสนามหญ้าในมหาลัยได้ - นักธุรกิจท่ีมีความจำเป็นต้องใช้งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์นอกสถานท่ีท่ีทำงานปกติ ไม่ว่า จะเป็นการนำเสนองานยังบริษัทลูกค้า หรือการนำเคร่ืองคอมพิวเตอร์ติดตัวไปงานประชุมสัมมนา ต่างๆ บุคคลเหล่าน้ีมีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กรซ่ึงอยู่ห่างออกไปหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์สาธารณะ เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายจึงน่าจะอำนวยความสะดวกให้กับบุคคลเหล่าน้ี ได้ ซ่ึงในปัจจุบันได้มีการเปิดให้บริการเช่ือมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย ตามสนามบิน ใหญท่ ั่วโลก และนำมาใชง้ านแพรห่ ลายในหา้ งสรรพสนิ คา้ และโรงแรมต่างๆแลว้ ประโยชนข์ องระบบเครือข่ายไรส้ าย 1. mobility improves productivity & service มีความคล่องตัวสูง ดังนั้นไม่ว่าเราจะ เคล่ือนท่ีไปที่ไหน หรือเคลื่อนย้ายคอมพิวเตอร์ไปตำแหน่งใด ก็ยังมีการเชื่อมต่อ กับเครือข่าย ตลอดเวลา ตราบใดที่ยังอยู่ในระยะการสง่ ข้อมูล 2. installation speed and simplicity สามารถติดต้ังได้ง่ายและรวดเร็ว เพราะไม่ ตอ้ งเสียเวลาติดตั้งสายเคเบลิ และไม่รกรงุ รงั 3. installation flexibility สามารถขยายระบบเครือข่ายได้ง่าย เพราะเพียงแค่มี พีซี การ์ดมาตอ่ เข้ากบั โน๊ตบุ๊ค หรอื พซี ี ก็เขา้ สเู่ ครอื ข่ายได้ทันที 4. reduced cost- of-ownership ลดค่าใช้จ่ายโดยรวม ท่ีผู้ลงทุนต้องลงทุน ซึ่งมี ราคาสูง เพราะในระยะยาวแล้ว ระบบเครือข่ายไร้สายไม่จำเป็นต้องเสียค่าบำรุงรักษา และการ ขยายเครือขา่ ยก็ลงทุนน้อยกว่าเดมิ หลายเท่า เนื่องด้วยความงา่ ยในการตดิ ตัง้ 5. scalability เครอื ขา่ ยไร้สายทำใหอ้ งค์กรสามารถปรับขนาดและความเหมาะสมได้งา่ ย ไม่ยุ่งยาก เพราะสามารถโยกย้ายตำแหน่งการใช้งาน โดยเฉพาะระบบท่ีมีการเช่ือมระหว่างจุดต่อ

จุด เช่น ระหว่างตึกระบบเครือข่ายไร้สาย เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่ประกอบ ไปด้วยอุปกรณ์ไม่มากนกั และมกั จำกดั อยใู่ นอาคารหลังเดียวหรืออาคารในละแวกเดียวกัน การใช้ งานที่น่าสนใจท่ีสุดของเครือข่ายไร้สายก็คือ ความสะดวกสบายที่ไม่ต้องติดอยู่กับที่ผู้ใช้สามารถ เคลื่อนทไ่ี ปมาไดโ้ ดยทย่ี ังสอื่ สารอย่ใู นระบบเครอื ขรูปแบบการเช่ือมต่อของระบบเครือข่ายไรส้ าย อุปกรณใ์ นระบบเครือขา่ ยไรส้ าย 1. Access Point สามารถกำหนด IP อตั โนมตั ิ หรือ Dynamic Host configuration Protocol สามารถเชอ่ื มตอ่ กับ Network Switch หรือ HUB โดยผ่าน Wireless LAN สามารถ ทำงานในลกั ษณะ Router ทำให้ผคู้ นหลานคนสามารถทำงานได้ 2. Wireless Adapter เป็นอุปกรณ์ต่อเชื่อมกับคอมพิวเตอร์และเครือข่ายไร้สาย โดย การทำงานของ Wireless Adapter จะเป็นลักษณะการส่งสัญญาณคลื่นวิทยุแบบ Two-way ท้ัง รบั ท้ังส่ง รปู แบบการเช่อื มต่อระบบเครอื ข่ายไร้สาย 1 Peer-to-peer ( ad hoc mode ) รูปแบบการเช่ือมต่อระบบแลนไร้สาย แบบ Peer to Peer เป็นลักษณะ การเช่ือมต่อแบบโครงข่ายโดยตรงระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครือ่ งหรือมากกว่านน้ั เปน็ การใชง้ านรว่ มกันของ wireless adapter cards โดยไมไ่ ดม้ ี การเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบใช้สายเลย โดยที่เคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ ต่ละเครอ่ื งจะมีความเท่าเทียม กัน สามารถทำงานของตนเองได้และขอใช้บริการเคร่ืองอื่นได้ เหมาะสำหรับการนำมาใช้งานเพื่อ จุดประสงค์ในด้านความรวดเร็วหรือติดตั้งได้ โดยง่ายเม่ือไม่มีโครงสร้างพ้ืนฐานที่จะรองรับ ยกตวั อย่างเชน่ ในศนู ยป์ ระชุม, หรือการประชมุ ท่ีจดั ขึ้นนอกสถานท่ี

2 Client/server (Infrastructure mode) ระบบเครือข่ายไร้สายแบบ Client / server หรือ Infrastructure mode เป็นลักษณะการรับส่งข้อมูลโดยอาศัย Access Point (AP) หรือเรียกว่า “Hot spot” ทำหน้าท่ีเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างระบบเครือข่ายแบบใช้สาย กับเคร่ือง คอมพิวเตอร์ลูกข่าย (client) โดยจะกระจายสัญญาณคลื่นวิทยุเพ่ือ รับ-ส่งข้อมูลเป็น รัศมีโดยรอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีอยู่ในรัศมีของ AP จะกลายเป็น เครือข่ายกลุ่มเดียวกันทันที โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ จะสามารถติดต่อกัน หรือติดต่อกับ Server เพ่ือแลกเปลี่ยนและค้นหา ขอ้ มูลได้ โดยต้องติดต่อผา่ นAP เท่าน้ัน ซ่ึง AP 1 จุด สามารถให้บริการเครื่องลูกข่ายได้ถึง 15-50 อุปกรณ์ ของเครื่องลูกข่าย เหมาะสำหรับการนำไปขยายเครือข่ายหรือใช้ร่วมกับระบบเครือข่าย แบบใช้สายเดิม ในออฟฟิต, ห้องสมุด หรือในห้องประชุม เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ มากข้นึ 3 Multiple Access points and roaming โดยทั่วไปแล้ว การเช่ือมต่อ สัญญาณระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอร์ กับ Access Point ของเครือข่ายไร้สายจะอยู่ในรัศมี ประมาณ 500 ฟุต ภายในอาคาร และ 1000 ฟุต ภายนอกอาคาร หากสถานที่ที่ติดต้ังมีขนาด กว้าง มากๆ เช่นคลังสินค้า บริเวณภายในมหาวิทยาลัย สนามบิน จะต้องมีการเพ่ิมจุดการ ติดตั้ง AP ให้มากข้ึน เพื่อให้การรับส่งสัญญาณในบริเวณของเครือข่ายขนาดใหญ่ เป็นไปอย่าง ครอบคลุมทัว่ ถึง

4.The Use of Directional Antennas ระบบแลนไร้สายแบบน้ีเป็นแบบใช้เสา อากาศในการรับส่งสัญญาณระหว่างอาคารที่ อยู่ห่างกัน โดยการติดต้ังเสาอากาศที่แต่ละอาคาร เพื่อสง่ และรับสญั ญาณระหว่างกัน การสร้างระบบเครือขา่ ยใหส้ ามารเชื่อมตอ่ อนิ เทอร์เน็ต ขน้ั ตอนในการสร้างระบบไรส้ าย Windows XP มี 4 ขั้นตอน มีดังนี้ 1.เลือกอุปกรณร์ ะบบไรส้ าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ โดยในขณะที่เลือกซื้ออุปกรณ์ จาก ร้านค้าหรืออนิ เทอร์เนต็ อาจสังเกตวา่ สามารถเลือกอปุ กรณ์ทีร่ องรับการทำงานกับเทคโนโลยีระบบ เครือข่ายไร้สายที่แตกต่างกัน 3 ชนิด ก็คือ 802.11a, 802.11b และ 802.11g ขอแนะนำให้ เลือกเทคโนโลยี 802.11g หรือสูงกวา่ เท่านั้น ในปัจจุบนั ใชเ้ ทคโนโลยี 802.11n 2.เชอื่ มต่อเราตเ์ ตอร์ไร้สาย เช่ือต่อเราต์เตอร์ไร้สายกับโมเด็ม ซึ้งโมเด็มจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรงจากน้ัน คอมพิวเตอร์จะสามารถส่ือสารแบบไร้สายกับเราต์เตอร์ได้ เราต์เตอร์จะส่งการส่ือสารทุกอย่าง ผา่ นโมเด็มไปยังอินเทอรเ์ นต็ 3. ปรับแต่งตัวแปรของเราต์เตอร์ไรส้ าย ใช้เคเบิลระบบเครือข่ายท่ีให้มาพร้อมกับเราต์เตอร์ไร้สายเพื่อช่วยให้เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์กับ พอร์ตที่ร่างในเราต์เตอร์ไร้สายได้ช่ัวคราว หหากจำเป็นสามารถเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา จากน้ัน คอมพิวเตอรจ์ ากนน้ั คอมพวิ เตอร์จะเชื่อมต่อเราตเ์ ตอร์ได้โดยอตั โนมัติ

4. เชื่อมต่อคอมพวิ เตอร์ ถ้าหากคอมพิวเตอร์เครื่องน้ันไม่มีการบริการระบบเครือข่ายไร้สายในตัว จะต้องเสียบ ต่ออะแดปเตอร์ระบบเครือข่ายเข้าหาพอร์ต USB จากนั้นติดต้ังเสาอากาศไปด้านบนสุด คอมพิวเตอร์ (ในกรณีพีซี) หรือใช้อะแดปเตอร์ระบบเครือข่ายลงไปในสล็อตพีซีการ์ดท่ีว่าง (ใน กรณีของโน้ตบุ๊ก) Windows XP จะแยกแยะอะแดปเตอร์ คำสั่งบนหน้าจอจะแนะนำวิธีการปรับ ตกแตง่ ตวั แปรให้เองเพอื่ ทำการติดตงั้ ไดเวอร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook