องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอรท์ ำงานอย่างเปน็ ระบบ (System) หมายถึงภายในระบบงานคอมพวิ เตอร์ ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบยอ่ ยทม่ี หี น้าทเี่ ฉพาะ ทำงานประสานสัมพันธ์กนั เพ่ือใหง้ านบรรลตุ าม เป้าหมาย ในระบบงานคอมพิวเตอร์ การที่มีเครื่องคอมพวิ เตอร์เพียงอย่างเดียว จะยงั ไมส่ ามารถทำงานได้ดว้ ยตวั เอง ซ่ึงหากจะ ใหค้ อมพวิ เตอรท์ ำงานไดอ้ ย่างเปน็ ระบบและมปี ระสทิ ธิภาพแลว้ ระบบคอมพิวเตอร์ควรจะ ประกอบไปด้วยองคป์ ระกอบคือ บคุ ลากร (Peopleware) ฮารด์ แวร์ (Hardware) ซอฟตแ์ วร์ (Software) ข้อมลู (Data) สารสนเทศ(Information) และกระบวนการทำงาน ( Procedure ) 1. ฮาร์ดแวร์ ( Hardware ) ฮาร์ดแวร์เป็นองคป์ ระกอบของตัวเครอ่ื งท่สี ามารถจบั ตอ้ งได้ ไดแ้ ก่ วงจรไฟฟ้า ตัวเครือ่ ง จอภาพ เครอื่ งพมิ พ์ ครี ์บอร์ด เป็นต้นซึ่งสามารถแบ่งส่วนพื้นฐานของ ฮาร์ดแวร์เป็น 4 หนว่ ยสำคญั 1.1 หนว่ ยรับขอ้ มลู หรอื อินพุต ( Input Unit) ทำหนา้ ทร่ี บั ข้อมูลและโปรแกรมเขา้ เคร่อื ง ได้แก่ คีย์บอรืดหรือแป้นพิมพ์ เมาส์ เคร่ืองสแกน เครื่องรูดบตั ร Digitizer เป็นตน้ 1.2 ระบบประมวลผลกลางหรือซพี ียู (CPU : Central Processing Unit) ทำหนา้ ทีใ่ น การทำงานตามคำส่ังท่ีปรากฏอยู่ในโปรแกรม ปัจจุบันซีพียูของเครื่องพีซี รู้จักในนาม ไ ม โ ค ร โ ป ร เ ซ ส เ ซ อ ร์ ( Micro Processor) ห รื อ Chip เ ช่ น บริษั ท Intel คือ Pentium ห รือ Celeron ส่วนของบ ริษั ท AMD คือ K6,K7(Athlon) เป็ น ต้น ไมโครโปรเซสเซอร์ มีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูล ในลักษณะของการคำนวณและ เปรียบเทียบ โดยจะทำงานตามจังหวะเวลาท่ีแน่นอน เรียกว่าสัญญาณ Clock เมื่อมีการเคาะ จังหวะหน่ึงครั้ง ก็จะเกิดกิจกรรม 1 คร้ัง เราเรียกหน่วย ท่ีใช้ในการวัดความเร็วของซีพียู ว่า “เฮิร์ท” (Hertz) หมายถึงการทำงานได้กี่ครั้งในจำนวน 1 วินาที เช่น ซีพียู Pentium4 มี ความเร็ว 2.5 GHz หมายถึงทำงานเร็ว 2,500 ล้านครัง้ ในหนึ่งวินาที กรณีท่ีสัญญาณ Clock เร็วก็ จะทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องน้ัน มีความเร็วสูง และ ซีพียูที่ทำงานเร็วมาก ราคาก็จะแพงข้ึนมาก ตามไปด้วย 1.3 หนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู ( Storage ) ซ่ึงสามารถแยกตามหน้าทไ่ี ดเ้ ปน็ 2 ลักษณะ คอื 1.3.1 หน่วยเก็บข้อมูลหลักหรือความจำหลัก ( Primary Storage หรือ Main Memory ) ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูลเพ่ือเตรียมส่งให้หน่วย ประมวลผลกลางทำการประมวลผล และรับผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลเพื่อส่งออกหน่วย แสดงข้อมูลต่อไปซ่ึงอาจแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ RAM ( Random Access Memory ) ที่ สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้ในขณะที่เปิดเคร่ืองอยู่ แต่เม่ือปิดเคร่ืองข้อมูลใน RAM จะหายไป และ ROM ( Read Only Memory ) จะอ่านได้อย่างเดียว เช่น BIOS (Basic Input Output system) โปรแกรมฝงั ไวใ้ ช้ตอนสตารต์ เคร่อื ง เพอ่ื เครอื่ งคอมพวิ เตอรเ์ ร่มิ ต้นทำงาน เปน็ ตน้
1.3.2 หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง ( Secondary Storage ) เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่เก็บ ข้อมูล หรือโปรแกรมที่จะป้อนเข้าสู่หน่วยความจำหลักภายในเคร่ืองก่อนทำการประมวลผลโดย ซีพียู รวมท้ังเป็นท่ีเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลด้วย ปัจจุบันรู้จักในนามฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) หรือแผ่นฟรอ็ ปปดี ิสก์ (Floppy Disk) ซง่ึ เมือ่ ปดิ เครอ่ื งข้อมูลจะยงั คงเกบ็ อยู่ 1.4 หน่วยแสดงข้อมลู หรือเอาต์พตุ ( Output Unit ) ทำหน้าท่ใี นการแสดงผลลัพธ์ท่ไี ด้ จากการประมวลผล ได้แก่ จอภาพ และเคร่ืองพิมพ์ เป็นต้น ท้ัง 4 ส่วนจะเช่ือมต่อกันด้วยบัส ( Bus ) 2 ซอฟตแ์ วร์ ( Software ) ซอฟต์แวร์ คือโปรแกรมหรือชุดคำส่ัง ท่ีสั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน รวมไปถึงการควบคุมการ ทำงาน ของอุปกรณ์แวดล้อมต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ดิสก์ไดร์ฟ ซีดีรอม การ์ดอินเตอร์เฟสต่าง ๆ เป็นต้น ซอฟต์แวร์ เป็นส่ิงที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ แต่รับรู้การทำงานของมันได้ ซ่ึงต่างกั บ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ที่สามารถจับตอ้ งได้ ซึง่ แบ่งเปน็ 2 ประเภทคอื 2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ ( System Software ) คือโปรแกรม ท่ีใช้ในการควบคุมระบบ การ ทำงานของเคร่ืองคอมพิวเตอรท์ ้ังหมด เช่น การบูตเครื่อง การสำเนาข้อมูล การจัดการระบบ ของดสิ ก์ ชุดคำส่ังทเ่ี ขยี นเปน็ คำสั่งสำเรจ็ รปู โดยผผู้ ลิตเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ และมีมาพรอ้ มแล้วจาก โรงงานผลติ การทำงานหรือการประมวลผล ของซอฟต์แวร์เหลา่ น้ี ขน้ึ กับเครอ่ื งคอมพิวเตอรแ์ ตล่ ะ เครอื่ ง ระบบของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติควบคุม และมคี วามสามารถในการ ยืดหยุ่น การประมวลผลของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ 2.1.1 โปรแกรมระบบปฏิบัตกิ าร (Operating System) เป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุม และติดต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการจัดการระบบของดิสก์ การ บริหารหน่วยความจำของระบบ กล่าวโดยสรุปคือ หากจะทำงานใดงานหนึ่ง โดยใช้คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือ ในการทำงาน แล้วจะต้องติดต่อกับซอฟต์แวร์ระบบก่อน ถ้าขาดซอฟต์แวร์ชนิดน้ี จะทำให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถทำงานได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ โปรแกรมระบบปฏิบัติการ Unix Linux DOS และWindows (เวอร์ช่ันต่าง ๆ เช่น 95 98 me 2000 NT XP Vista ) เป็นต้น 2.1.2 ตัวแปลภาษา (Translator) จาก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจากภาษาที่มนุษย์เข้าใจ ให้เป็นภาษาท่ีเครื่องเข้าใจ เปรียบเสมือนล่ามแปลภาษา) เป็น ซอฟต์แวร์ท่ีใช้ในการแปลภาษาระดับสูง ซึ่ง เป็นภาษาใกล้เคียงภาษามนุษย์ ให้เป็นภาษาเครื่อง ก่อนท่ีจะนำไปประมวลผล ตัวแปลภาษาแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พีทเตอร์ (Interpreter) คอมไพเลอร์จะแปลคำส่ังในโปรแกรมท้ังหมด ก่อน แลว้ ทำการล้ิง(Link) เพ่ือให้ไดค้ ำสง่ั ท่ีเคร่ืองคอมพิวเตอร์เข้าใจ ส่วนอนิ เตอร์พที เตอร์จะแปล ทีละประโยคคำส่ัง แล้วทำงานตามประโยคคำสั่งนั้น การจะเลือกใช้ตัวแปลภาษาแบบใดนั้น จะ ขึ้นอยู่กับภาษาท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม ซ่ึงมี 2 แบบได้แก่ ภาษาแบบโครงสร้าง เช่น ภาษา
เบ สิ ก (Basic) ภ าษ าป าส ค าล (Pascal) ภ าษ าซี (C) ภ าษ าจาวา(Java)ภ าษ าโค บ อ ล (Cobol) ภาษา SQL ภาษา HTML เป็นต้น ภาษาแบบเชิงวัตถุ ( Visual หรอื Object Oriented Programming ) เช่น VisualBasic,Visual C หรือ Delphi เปน็ ตน้ 2.1.3 ยูติลิตี้ โปรแกรม (Utility Program) คือซอฟต์แวร์เสริมช่วยให้เคร่ือง ทำงานมีประสิทธิภาพ มากขึ้น เช่น ช่วยในการตรวจสอบดิสก์ ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลในดิสก์ ชว่ ยสำเนาข้อมูล ช่วยซ่อมอาการชำรดุ ของดสิ ก์ ชว่ ยค้นหาและกำจัดไวรัส ฯลฯ เป็นต้นโปรแกรม ในกลุม่ น้ไี ด้แก่ โปรแกรม Norton WinZip Scan virus Sidekick Scandisk Screen Saver ฯลฯ เปน็ ตน้ 2.1.4 ติดต้ังและปรับปรุงระบบ (Diagnostic Program) เป็นซอฟต์แวร์ท่ีใช้ใน การติดตั้งระบบ เพ่ือให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อและใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีนำมาติดตั้งระบบ ไ ด้ แ ก่ โ ป ร แ ก ร ม Setupแ ล ะ Driver ต่ า ง ๆ เช่ น โ ป ร แ ก ร ม Setup Microsoft Office โ ป ร แ ก ร ม Driver Sound , Driver Printer , Driver Scanner ฯ ล ฯ เ ป็ น ต้ น 2.2 ซอฟต์แวร์ประยกุ ต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวรห์ รือโปรแกรมที่ทำให้คอมพวิ เตอรท์ ำงานต่างๆ ตามท่ีผ้ใู ชต้ ้องการ ไมว่ า่ จะ ด้านเอกสาร บญั ชี การจัดเก็บขอ้ มลู เป็นตน้ ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ตส์ ามารถจำแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ 2.2.1 ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software) คือ โปรแกรมซ่ึงเขียนขึ้นเพ่ือการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทำบัญชีจ่ายเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่าซ้ือ โปรแกรมการทำสินค้า คงคลัง เป็นต้น ซ่ึงแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกันออกไปตามความ ต้องการ หรือกฏเกณ ฑ์ ของแต่ละหน่วยงานท่ีใช้ ซ่ึงสามารถดัดแปลงแก้ไขเพ่ิมเติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมได้ เพือ่ ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และซอฟต์แวร์ ประยกุ ต์ทเี่ ขียนขน้ึ น้โี ดยสว่ นใหญ่มกั ใชภ้ าษาระดบั สงู เป็นตัวพัฒนา 2.2.2 ซ อฟ ต์ แ วร์สำห รับ งาน ท่ั วไป (General Purpose Software) เป็ น โปรแกรมประยุกต์ท่ีมีผู้จัดทำไว้ เพื่อใช้ในการทำงานประเภทต่างๆ ทั่วไป โดยผู้ใช้คนอ่ืนๆ สามารถนำโปรแกรมน้ีไปประยุกต์ใช้กับข้อมูลของตนได้ แต่จะไม่สามารถทำการดัดแปลง หรือ แก้ไขโปรแกรมได้ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเอง ซ่ึงเป็นการประหยัดเวลา แรงงาน และ ค่าใช้จ่ายในการเขียนโปรแกรม นอกจากนี้ ยังไม่ต้องเวลามากในการฝึกและปฏิบัติ ซ่ึงโปรแกรม สำเร็จรูปน้ี มักจะมีการใชง้ านในหน่วยงาน ซึ่งขาดบุคลากรท่มี ีความชำนาญเปน็ พิเศษในการเขียน โปรแกรม ดังนั้น การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปจึงเป็นส่ิงท่ีอำนวยความสะดวกและเป็นประโยชน์อยา่ ง ยิ่ง ตัวอย่างโปรแกรมสำเร็จรูปท่ีนิยมใช้ได้แก่ MS-Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมสต์ ่างๆ เป็นตน้
3 บุคลากร ( Peopleware ) บคุ ลากรจะเปน็ ส่ิงสำคญั ทจี่ ะเปน็ ตวั กำหนดถึงประสทิ ธิภาพถงึ ความสำเร็จและความ คุม้ ค่าในการใชง้ านคอมพิวเตอร์ ซง่ึ สามารถแบ่งบคุ ลากรตามหนา้ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งตามลกั ษณะงาน ได้ 6 ดา้ น ดงั นี้ 3.1 นกั วิเคราะห์และออกแบบระบบ (Systems Analyst and Designer : SA ) ทำ หนา้ ที่ศึกษาและรวบรวมความตอ้ งการของผู้ใช้ระบบ และทำหนา้ ท่ีเป็นสอ่ื กลางระหวา่ งผู้ใช้ระบบ และนักเขียนโปรแกรม (Programmer) หรือปรับปรุงคุณภาพงานเดิม นักวิเคราะห์ระบบต้องมี ความรู้เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ พ้ืนฐานการเขียนโปรแกรม และควรจะเป็นผู้มีความคิดริเร่ิม สร้างสรรคม์ มี นษุ ย์สัมพนั ธ์ที่ดี 3.2 โปรแกรมเมอร์ ( Programmer ) คือบุคคลท่ีทำหน้าที่เขียนซอฟต์แวร์ต่างๆ (Software )หรอื เขียนโปรแกรมเพอื่ สัง่ งานให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามความตอ้ งการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังทนี่ ักวิเคราะห์ระบบไดเ้ ขยี นไว้ 3.3 ผู้ใช้ ( User ) เป็นผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบัติหรือกำหนดความ ต้องการในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ว่าทำงานอะไรได้บ้าง ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป จะต้อง เรียนรู้วิธีการใช้เคร่ือง และวธิ ีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมท่ีมีอยู่สามารถทำงานได้ตามท่ี ต้องการ 3.4 ผู้ปฏิบัติการ (Operator ) สำหรับระบบขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม จะต้องมี เจ้าหน้าท่ีคอมพิวเตอร์ท่ีคอยปิดและเปิดเคร่ือง และเฝ้าดูจอภาพเมื่อมีปัญหาซึ่งอาจเกิด ขัดข้อง จะต้องแจ้ง System Programmer ซ่ึงเป็นผู้ดูแลตรวจสอบแก้ไขโปรแกรมระบบ ควบคุมเคร่ือง (System Software) อกี ทหี น่ึง 3.5 ผู้บริหารฐานข้อมูล ( Database Administrator : DBA ) กลุ่มบุคคลที่ทำหน้าท่ี ดูแลข้อมูลผ่านระบบจัดการฐานข้อมูล ซ่ึงจะควบคุมให้การทำงานเป็นไปอย่างราบร่ืน นอกจากน้ี ยังทำหน้าที่กำหนดสิทธิการใช้งานข้อมูล กำหนดในเร่ืองความปลอดภัยของการใชง้ าน พรอ้ มท้ัง ดูแลดาตา้ เบสเซริ ์ฟเวอร์ (Database Server) ให้ทำงานอย่างปกติดว้ ย 3.6 ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้ เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน เป็นผู้ท่ีมีความหมายต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำ ระบบคอมพิวเตอร์เขา้ มาใชง้ านเปน็ อยา่ งมาก
4. ขอ้ มูลและสารสนเทศ 4.1 ขอ้ มูล (Data) หมายถึง ขอ้ เท็จจรงิ หรือเหตุการณท์ ่เี กดิ ขนึ้ แลว้ ใช้ตวั เลขตวั อักษร หรือสัญลกั ษณ์ ต่างๆ ทำความหมายแทนสง่ิ เหล่านั้น เชน่ • คะแนนสอบวชิ าภาษาไทยของนักเรียน • อายุของพนักงานในบรษิ ทั ชินวัตรจำกดั • ราคาขายของหนังสอื ในร้านหนังสอื ดอกหญา้ • คำตอบท่ผี ู้ถกู สำรวจตอบในแบบสอบถาม 4.2 สารสนเทศ (Information) หมายถงึ ขอ้ สรุปต่างๆ ที่ไดจ้ ากการนำข้อมลู มาทำการ วเิ คราะห์ หรอื ผา่ นวิธกี ารที่ ได้กำหนดข้ึน ทัง้ น้ีเพอ่ื นำขอ้ สรุปไปใชง้ านหรืออา้ งองิ เช่น • เกรดเฉลยี่ ของวชิ าภาษาไทยของนักเรียน • อายเุ ฉลยี่ ของพนักงานในบริษัทชนิ วัตรจำกัด • ราคาขายสูงสุดของหนังสือในร้านหนงั สือดอกหญา้ • ขอ้ สรปุ จากการสำรวจคำตอบในแบบสอบถาม 5. กระบวนการทำงาน ( Procedure ) องค์ประกอบด้านนี้หมายถึงกระบวนการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ในการ ทำงานกับคอมพิวเตอร์ผู้ใช้จำเป็นต้องทราบข้ันตอนการทำงานเพ่ือให้ได้งานท่ีถูกต้องและมี ประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะมีขั้นตอนสลับซับซ้อนหลายข้ันตอน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีคู่มือ ปฏิบัติงาน เช่น คู่มือผู้ใช้ ( user manual ) หรือคู่มือผู้ดูแลระบบ ( operation manual ) เป็น ตน้ หลกั การทำงานของคอมพวิ เตอร์ 2.1 หลกั การทำงานเบื้องต้นของระบบคอมพิวเตอร์ เร่ิมจากผู้ใช้ทำการกรอกข้อมูลหรือคำส่ังผ่านทางอุปกรณ์รับข้อมูล (Input Devices) ซึ่ง ข้อมูลหรือคำส่ังต่างๆที่รับเข้ามาจะถูกนำไปเก็บไว้ที่หน่วยความจำหลัก (Memory) จากนั้นก็จะ ถูกนำไปประมวลผลโดยหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing) แล้วนำผลท่ีได้จากการ ประมวลผลมาเก็บไว้ในหน่วยความจำแรม พร้อมทั้งแสดงออกทางอุปกรณ์แสดงผล (Output Devices) ดังนั้นระบบคอมพิวเตอร์จึงประกอบด้วย 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ส่วนอุปกรณ์รับข้อมูล ส่วนประมวลผลกลาง หนว่ ยความจำ และอุปกรณ์แสดงผล
ขนั้ ตอนที่ 1 รับขอ้ มูล คอมพวิ เตอร์จะรับข้อมูลและคำส่ังผ่านอุปกรณ์นำเข้าขอ้ มลู และคำสัง่ คือ คยี ์บอรด์ เมาส์ และสแกนเนอร์ เป็นตน้ ขั้นตอนท่ี 2 ประมวลผลข้อมูล หรือ CPU (Central Processing Unit) ใช้คำนวณและ ประมวณผลคำส่ังตา่ งๆ ตามโปรแกรมท่กี ำหนด ขั้นตอนที่ 3 จัดเก็บข้อมูล คอมพิวเตอร์จะเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์ที่เก็บข้อมูล เพ่ือให้สามารถ นำมาใช้ใหมไ่ ด้ในอนาคต เชน่ ฮาร์ดดสิ ก์ ดิสเกตด์ แผ่นซดี ี และอุปกรณ์เก็บขอ้ มูลชนิดพอรต์ ยูเอส บีไดร์ ซึ่งหนว่ ยเก็บข้อมวลนส้ี ามารถ แบง่ ออกได้ 2 ประเภท คอื
3.1 หนว่ ยควมจำหลัก สามารถแบ่งตามลักษณะการเก็บขอ้ มูลได้ดังน้ีคือ 3.1.1 หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ คือ หากเกิดไฟดับระหว่างใช้งาน ข้อมูลจะ หาย เรยี กวา่ แรม (RAM) 3.1.2 หน่วยความจำแบบลบเลือนไม่ได้ คือ หน่วยความจำถาวร แม้ไฟจะดับข้อมูลก็จะ ยงั อยู่เหมอื นเดมิ เรียกว่า รอม (ROM 3.2 หน่วยความจำสำรอง คือ หน่วยความจำที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้ มากขน้ึ ได้แก่ ฮาร์ดดสิ ก์ ดิสเกตด์ แผ่นซดี ี และอปุ กรณ์เก็บข้อมูลชนิดพอรต์ ยูเอสบี
ข้ันตอนที่ 4 แสดงผลข้อมูล เมื่อทำการประมวลผลแล้ว คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ผ่าน อุปกรณ์ที่ทำหน้าท่ีแสดงข้อมูล เช่น หากเป็นรูปภาพกราฟิกก็จะแสดงผลทางจอภาพ ถ้าเป็นงาน เอกสารก็จะแสดงผลทางเคร่อื งพิมพ์ หรือหากเป็นในรูปแบบของเสยี งกจ็ ะแสดงผลออกทางลำโพง เปน็ ตน้
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: