Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 1 เซลล์พืช เซลล์สัตว์

บทที่ 1 เซลล์พืช เซลล์สัตว์

Published by Warissara Wichaya, 2021-04-04 16:39:32

Description: มีสาระการเรียนรู้ดังนี้
1. เซลล์และการค้นพบ
2. ชนิดและรูปร่างของเซลล์
3. โครงสร้างและองค์ประกอบของเซลล์
4. การแบ่งเซลล์
5. การลำ เลียงสารผ่านเซลล์

Search

Read the Text Version

เซลล์พชื และเซลล์สัตว์ นางสาววรศิ รา วฉิ ายา แผนกวชิ าสามญั สัมพันธ์ วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยเี ชยี งใหม่

เซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ สาระการเรียนรู้ เซลล์พืชและ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เซลล์สัตว์ 1. เซลล์และการคน้ พบ 1. อธบิ ายความหมายของเซลลแ์ ละการคน้ พบ 2. ชนดิ และรปู ร่างของเซลล์ เซลล์ได้ 3. โครงสร้างและองค์ประกอบของเซลล์ 2. บอกความแตกต่างของเซลลโ์ พรแคริโอตและ 4. การแบ่งเซลล์ เซลลย์ แู คริโอตได้ 5. การลา เลยี งสารผ่านเซลล์ 3. ระบุขนาดและรปู ร่างของเซลล์ชนิดต่าง ๆ ได้ 4. อธบิ ายโครงสร้างและองค์ประกอบของเซลล์ได้ สมรรถนะประจาหนว่ ย 5. บอกข้นั ตอนการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซสิ และไม โอซสิ ได้ 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั เซลล์พชื และ 6. อธิบายการลา เลียงสารผ่านเยอ่ื หมุ้ เซลล์และไม่ เซลล์สตั ว์ ผา่ นเยื่อห้มุ เซลล์ได้ 2. ระบอุ งค์ประกอบและหนา้ ที่ของเซลล์ พืชและเซลลส์ ตั ว์ 2 วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื อาชีพเกษตรกรรม เซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์

ความหมายของเซลล์ เซลล์ คอื หน่วยทีเ่ ล็กท่สี ดุ ของสง่ิ มชี ีวติ เซลลส์ ตั ว์ เซลลพ์ ชื เซลล์โปรตสิ ตา เซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ เซลลแ์ บคทีเรยี วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื อาชพี เกษตรกรรม 3

การคน้ พบเซลล์ ➢ ค.ศ. 1655 โรเบิร์ต ฮุก (Robert Hooke) ได้ใช้กลอ้ งจลุ ทรรศนส์ งั เกต โครงสรา้ งเล็กๆ ของไม้คอรก์ (Cork) พบวา่ มีลักษณะเป็นห้องเลก็ ๆ คลา้ ยรังผ้งึ เขาเรียกหอ้ งเลก็ ๆ เหล่านี้วา่ เซลล์ วิทยาศาสตร์เพื่ออาชพี เกษตรกรรม เซลลพ์ ชื และเซลล์สตั ว์ 4

การค้นพบเซลล์ ➢ ค.ศ. 1673 อันโตนีวาน เลเวนฮกุ (Antoni Van Leeuwenhoek) ไดพ้ ฒั นา กลอ้ งจุลทรรศน์ และใชใ้ นการสังเกตส่งิ มีชวี ิตขนาดเล็กรปู รา่ งแตกต่างกัน ไดแ้ ก่ โปรโตซัว (Protozoa) แบคทีเรยี (Bacteria) และสเปริ ์ม (Sperm) โปรโตซัว แบคทเี รีย สเปิรม์ วิทยาศาสตร์เพ่อื อาชพี เกษตรกรรม เซลล์พืชและเซลล์สัตว์ 5

การค้นพบเซลล์ ➢ ค.ศ. 1838 มทั ทอี ัส ชไลเดน (Matthias Schleiden) และ เทโอดอร์ชวนั น์ (Theodor Schwann) ได้ศกึ ษาเซลล์พืช , เซลล์สัตว์ และรวบรวมความรู้ท่ีได้ จดั ต้งั เป็น ทฤษฎเี ซลล์ (The Cell Theory) โดยมีใจความทสี่ าคญั คือ สง่ิ มชี ีวติ ทง้ั หลายประกอบดว้ ยเซลลแ์ ละเซลลค์ อื หน่วยพ้นื ฐานของส่ิงมชี ีวิตทกุ ชนดิ เซลล์พชื เซลลส์ ตั ว์ วทิ ยาศาสตร์เพือ่ อาชีพเกษตรกรรม เซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ 6

1. สงิ่ มีชีวิตทั้งหลายยอ่ มประกอบด้วยเซลล์หรอื 2. เซลล์เปน็ หนว่ ยพน้ื ฐานทส่ี าคัญของสิ่งมีชวี ติ ส่วนประกอบของเซลล์ และมกี ิจกรรมตา่ ง ๆ ในการดารงชวี ติ ทฤษฎีเซลล์ 3. เซลลเ์ กิดจากการแบ่งตัวของเซลลท์ ่มี อี ย่กู ่อน โดยผ่านกระบวนการแบ่งเซลล์ (The Cell Theory) วิทยาศาสตร์เพอ่ื อาชพี เกษตรกรรม เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์ 7

ชนดิ ของเซลล์ วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื อาชีพเกษตรกรรม เซลล์พชื และเซลล์สัตว์ 8

ชนดิ ของเซลล์ เซลล์โพรแคริโอต (Prokaryotic Cell) วทิ ยาศาสตรเ์ พ่ืออาชพี เกษตรกรรม ➢ เป็นเซลลท์ ไี่ มม่ ีเยื่อหุม้ นวิ เคลียส ➢ ไม่มีออรแ์ กเนลล์ทม่ี ีเยอ่ื หมุ้ ➢ ขนาดของเซลลม์ ีต้งั แต่ 0.2-10 ไมโครเมตร ➢ พบได้ใน แบคทเี รยี สาหรา่ ยสีเขยี ว แกมน้าเงิน ไมโคพลาสมา เซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ 9

ชนิดของเซลล์ เซลล์ยูแคริโอต (Eukaryotic Cell) วทิ ยาศาสตรเ์ พ่ืออาชีพเกษตรกรรม ➢ มีขนาดใหญก่ ว่าเซลล์โปรแคริโอต 1,000-10,000 เท่า ➢ เป็นเซลลท์ ม่ี เี ยอื่ หุ้มนิวเคลยี สและมี ออรแ์ กเนลลท์ ่มี เี ยอ่ื หุ้ม ➢ มโี ครงสรา้ งซบั ซ้อน ➢ พบใน พืช สตั ว์ เหด็ รา และโปรโตซัว เซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ 10

ขนาดของเซลล์ ขนาดของเซลลม์ คี วามแตกตา่ งกนั ไป ตัง้ แตข่ นาดเล็กสุดไมส่ ามารถมองด้วยตาเปลา่ ไดไ้ ปจนถงึ เซลลท์ ่มี ขี นาดใหญ่ เซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ 11

รูปร่างของเซลล์ เซลลม์ ีรูปต่างแตกต่างกนั ไปในแต่ละชนิด ตามลักษณะ และหน้าที่ เซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ 12

Date Your Footer Here 13

โครงสรา้ งและหน้าที่ของเซลล์ เซลล์สัตว์ โครงสร้างพืน้ ฐานของเซลล์ ✓ สว่ นห่อหุ้มเซลล์ ✓ ไซโทพลาสซึม ✓ นิวเคลยี ส เซลล์พชื เซลลพ์ ชื และเซลล์สัตว์ 14

สว่ นห่อหุ้มเซลล์ ผนงั เซลล์ (cell wall) ❑ ชั้นนอกสุดของเซลล์พชื ❑ ลักษณะเป็นรูพรนุ ❑ ทาหน้าที่เสรมิ สรา้ งความแข็งแรง ❑ มสี มบัตใิ ห้สารทกุ ชนดิ ผ่านเขา้ ออกได้ ❑ พบเฉพาะในเซลล์พืชเท่านน้ั เซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ 15

สว่ นหอ่ ห้มุ เซลล์ เย่อื หุ้มเซลล์ (cell membrane) ❑ พบในส่งิ มีชวี ิตทกุ ชนดิ ❑ ลกั ษณะเป็นเย่อื บางๆ ประกอบด้วย ฟอสโฟลพิ ดิ และ โปรตนี ❑ มหี น้าที่ควบคุมปริมาณและชนดิ ของ สารทีผ่ า่ นเขา้ ออกเซลล์ เซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตว์ 16

โครงสรา้ งและหน้าที่ของเซลล์ เซลล์สัตว์ โครงสร้างพืน้ ฐานของเซลล์ ✓ สว่ นห่อหุ้มเซลล์ ✓ ไซโทพลาสซึม ✓ นิวเคลยี ส เซลล์พชื เซลลพ์ ชื และเซลล์สัตว์ 17

ไซโทพลาสซมึ ไซโทพลาสซึม (cytoplsm) ❑ มีลกั ษณะเป็นของเหลว ❑ เปน็ ศูนย์กลางการทางานของเซลล์ที่ เก่ยี วกับเมแทบอลซิ ึม ❑ ประกอบดว้ ยส่วนประกอบภายใน เรยี กวา่ ออรแ์ กเนลล์ (organelle) เซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ 18

ไซโทพลาซมึ รา่ งแหเอนโดพลาซมึ (Endoplasmic Reticulum : ER) ❑ มี 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ ✓ ชนิดเรยี บ (SER) ทาหน้าทีข่ นสง่ สาร ต่าง ๆ ผ่านเซลล์ ✓ ชนิดขรุขระ (RER) ทาหน้าทส่ี ังเคราะห์ โปรตีน เซลล์พืชและเซลล์สัตว์ 19

ไซโทพลาซมึ กอลจคิ อมเพล็ก / กอลจิบอดี (Golgi complex / Golgi body) ❑ รปู รา่ งเปน็ ถงุ แบน ๆ เรยี งซอ้ นกนั เป็นชัน้ ๆ ❑ ภายในถงุ มขี องเหลวบรรจอุ ยู่ ❑ ทาหนา้ ที่บรรจแุ ละขนสง่ สารออกนอกเซลล์ ❑ สร้างเมอื กทงั้ ในพชื และสัตว์ เซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ 20

ไซโทพลาซมึ ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ❑ มรี ปู รา่ งกลม คลา้ ยรปู ไข่ ❑ มีเยอ่ื หุ้ม 2 ชนั้ ❑ เป็นแหล่งสรา้ งพลังงานของเซลล์โดยการ หายใจระดบั เซลล์ เซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ 21

ไซโทพลาซมึ คลอโรพลาสต์ (Chloroplast) ❑ พบเฉพาะในเซลลพ์ ืชและสาหรา่ ยเกือบ ทกุ ชนิด ❑ มีเยื่อหุ้ม 2 ชน้ั ❑ ทาหน้าทดี่ ดู พลงั งานแสงเพ่อื ใช้ใน กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ❑ ภายในมรี งควัตถอุ ยู่ เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ตั ว์ 22

ไซโทพลาซมึ แวคิวโอล (Vacuole) ❑ มีลักษณะเปน็ ถงุ ภายในมีสารบรรจุอยู่ ❑ ชว่ ยให้เซลล์พชื ดารงความมีชวี ิตและ สะสมสารทเ่ี ปน็ อันตรายต่อไซโทพลาซมึ ❑ แบง่ เป็น 3 ชนิด ไดแ้ ก่ ✓ แซปแวคิวโอล (sap Vacuole) ✓ ฟดู แวคิวโอล (food Vacuole) ✓ คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล (contractile Vacuole) เซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตว์ 23

ไซโทพลาซึม ไลโซโซม (Lysosome) ❑ พบในเฉพาะเซลล์สัตว์ ❑ ลักษณะเป็นถุงขนาดเลก็ ❑ ทาหน้าท่ยี อ่ ยสลายอนุภาคและโมเลกุล ของสารอาหาร ❑ ชว่ ยทาลายเชื้อโรคและสิง่ แปลกปลอม เซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์ 24

ไซโทพลาซมึ 25 ไรโบโซม (Ribosome) ❑ ลักษณะกลมและขนาดเล็ก ❑ ไมม่ เี ยื่อหุ้มเซลล์ ❑ มหี น้าท่ีสาคัญในการสังเคราะห์โปรตนี ❑ ช่วยตอ่ กรดอะมิโนเด่ียวเป็นพอลิเพปไทด์ เซลล์พชื และเซลลส์ ัตว์

ไซโทพลาซมึ ❑ พบในเซลลส์ ัตว์และส่ิงมชี ีวิตเซลล์เดยี ว ❑ เปน็ บรเิ วณท่ยี ืดเสน้ ใยสปินเดิล เซนทริโอล (Centriole) ❑ ชว่ ยในการเคลือ่ นที่ของโครโมโซมและ แยกโครมาทดิ ออกจากนั เซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ 26

นวิ เคลยี ส นวิ เคลียส (Nucleus) ❑ สาคญั ทสี่ ดุ ❑ ลกั ษณะเป็นรูปกลมหรอื รปู ไข่ ❑ เปน็ ท่ีอยู่ของสารพนั ธกุ รรม ❑ เป็นศูนยก์ ลางการควบคมุ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ในเซลล์ เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์ 27

นวิ เคลยี ส เซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ 28

นวิ เคลยี ส เซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ 29

ตัวอยา่ งเซลลพ์ ืช เซลล์สาหร่ายหางกระรอก เซลลเ์ ยือ่ หวั หอมแดง เซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ 30

ตวั อยา่ งเซลลส์ ตั ว์ เซลล์เย่อื บุข้างแกม้ เซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์ 31

ตารางเปรยี บเทียบความแตกตา่ งระหว่างเซลลพ์ ชื และเซลล์สตั วต์ ามลกั ษณะโครงสร้าง โครงสร้าง เซลลพ์ ชื เซลลส์ ตั ว์ 1. รปู รา่ งของเซลล์ รปู ร่างเป็นเหล่ยี ม รปู รา่ งกลม หรือรี 2. ผนงั เซลล์ มีผนังเซลลอ์ ยู่ดา้ นนอก ไม่มีผนงั เซลล์ 3. คลอโรพลาสต์ มีคลอโรพลาสต์ ไม่มีคลอโรพลาสต์ 4. เซนทรโิ อล ไมม่ ีเซนทรโิ อล มีเซนทรโิ อลใชใ้ นการแบ่งเซลล์ 5. แวควิ โอล มขี นาดใหญ่ มองเห็นไดช้ ัดเจน มขี นาดเล็ก มองเห็นได้ไม่ชัดเจน เซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ 32

การแบ่งเซลล์ แบ่งออกเปน็ 2 ชนิด 33 แบบไมโทซสิ (Mitosis) แบง่ เซลลเ์ พอื่ เพิม่ จานวนเซลล์ รา่ งกาย แบบไมโอซสิ (Meiosis) แบง่ เซลล์เพื่อสรา้ งเซลล์สบื พนั ธุ์ เซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์

การแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิส (Mitosis) 34 ✓ แบ่งเซลลเ์ พื่อเพิ่มจานวนเซลล์ ร่างกายในการเจริญเตบิ โต ✓ ไม่มกี ารลดจานวนชดุ โครโมโซม ✓ เมอ่ื สนิ้ สุดจะได้ 2 เซลลใ์ หม่ทม่ี ี โครโมโซมเทา่ กัน และเท่ากับ เซลลต์ ั้งต้น เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์

การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซสิ (Mitosis) ระยะอนิ เตอร์เฟส (Interphase) ✓ โครโมโซมพนั กนั ไปมา ✓ มกี ารจาลองตัวเองของโครโมโซม ✓ ยงั มีเยอ่ื ห้มุ นวิ เคลียสอยู่ เซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ 35

การแบง่ เซลล์แบบไมโทซสิ (Mitosis) ระยะโพรเฟส (Prophase) ✓ โครโมโซมหดสัน้ และหนา ✓ นวิ คลโี อลสั หายไป ✓ เย่ือห้มุ นิวเคลยี สคอ่ ย ๆ สลายตวั ✓ เซนทริโอลแยกออกจากนั ปรากฏ เส้นใยสปนิ เดิล เซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ 36

การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ (Mitosis) ระยะเมทเฟส (Metaphase) ✓ นวิ คลโี อลสั และเยอ่ื หุ้มนวิ เคลยี ส หายไป ✓ โครโมโซมเคลื่อนมาอยู่กลางเซลล์ ✓ เส้นใยสปินเดิลยดึ ตดิ ตรงตาแหนง่ เซนโทรเมยี ร์ เซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ 37

การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (Mitosis) ระยะแอนาเฟส (Anaphase) ✓ โครมาทดิ แยกออกจากกนั เรียกวา่ โครโมโซมลูก (daughter chromosome) ✓ เสน้ ใยสปนิ เดิลหดไปยังขัว้ เซลล์ เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์ 38

การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ (Mitosis) ระยะเทโลเฟส (Telophase) ✓ เป็นระยะสุดท้าย ✓ เกิดเปน็ 2 นิวเคลียส แตล่ ะนิวเคลยี ส มีจานวนโครโมโซมเทา่ เดมิ ✓ เยื่อหุ้มนิวเคลยี สปรากฏ ✓ เสน้ ใยสปินเดิลสลายหมด เซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ 39

การแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ (Meiosis) 40 ✓ แบง่ เซลลเ์ พอื่ สรา้ งเซลลส์ บื พันธ์ุ ✓ ชุดโครโมโซมลดลงครง่ึ หนงึ่ ✓ นิวเคลียสถกู แบง่ 2 คร้งั ✓ แบง่ เปน็ 2 ระยะ ไดแ้ ก่ ✓ เซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์

Date Your Footer Here 41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook