2 การบริหารงานวชิ าการ แนวคดิ หลักในการบริหารวชิ าการ การบริหารงานวิชาการเปน็ ภารกจิ ท่ีสาคญั ของการบริหารโรงเรียนตามทพ่ี ระราชบัญญตั ิ การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และที่แกไ้ ขเพ่ิมเติม(ฉบับที่ 2)พ.ศ.2545 ถือเปน็ งานท่ีมีความสาคัญท่ีสุด เป็น หวั ใจของการจัดการศึกษา ซง่ึ ทง้ั ผบู้ รหิ าร โรงเรียน คณะครู และผมู้ ีส่วนเกย่ี วข้องทุกฝ่าย ต้องมีความรูค้ วามเขา้ ใจ ให้ความสาคัญและ มสี ว่ นร่วมในการวางแผน กาหนดแนวทางปฏบิ ตั ิการประเมนิ ผล และการปรับปรงุ แก้ไขอย่าง เปน็ ระบบและต่อเนือ่ ง มุ่งให้กระจายอานาจในการบรหิ ารจดั การไปให้สถานศกึ ษาให้มากท่ีสดุ ดว้ ยเจตนารมณ์ท่ี จะให้สถานศกึ ษาดาเนนิ การได้โดยอสิ ระ คลอ่ งตวั รวดเรว็ สอดคล้องกบั ความตอ้ งการของผเู้ รียน โรงเรียน ชมุ ชน ท้องถนิ่ และการมสี ว่ นรว่ มจากผมู้ สี ว่ นได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ซึง่ จะเปน็ ปัจจยั สาคญั ทาให้สถานศึกษามคี วาม เขม้ แข็งในการบริหารและจัดการ สามารถพัฒนาหลักสตู รและกระบวนการเรยี นรู้ตลอดจนการวัดผล ประเมินผล รวมทง้ั ปัจจัยเกอื้ หนนุ การพฒั นาคุณภาพนกั เรยี น โรงเรียน ชุมชน ท้องถ่นิ ไดอ้ ย่างมคี ณุ ภาพและมปี ระสทิ ธภิ าพ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้บริหารงานด้านวิชาการได้โดยอิสระ คล่องตัว รวดเร็ว และ สอดคล้องกับความต้องการของ นกั เรียน สถานศกึ ษา ชุมชน ท้องถ่นิ 2. เพ่ือให้การบริหาร และ การจัดการศึกษาของโรงเรียนได้มาตรฐาน และ มีคุณภาพสอดคล้องกับระบบ ประกันคุณภาพการศึกษา และ ประเมินคุณภาพภายในเพื่อพัฒนาตนเอง และ จากการประเมิน หน่วยงานภายนอก 3. เพอ่ื ให้โรงเรยี นพฒั นาหลกั สตู ร และ กระบวนการเรียนรู้ ตลอดจนปจั จยั หนุนการเรยี นรู้ท่ีสนองต่อความ ตอ้ งการของผเู้ รยี น ชุมชน และ ทอ้ งถ่ิน โดยยึดผู้เรียนเป็นสาคญั ไดอ้ ยา่ งมีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพ 4. เพ่อื ใหโ้ รงเรียนไดป้ ระสานความร่วมมอื ในการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา และ ของบคุ คล ครอบครัว องค์กร หนว่ ยงาน และ สถาบนั อ่นื ๆอย่างกวา้ งขวาง
3 ขอบขา่ ยและภารกจิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ 1. การพฒั นาหรือการดาเนนิ การเกยี่ วกับการใหค้ วามเห็นการพฒั นาสาระหลักสตู รทอ้ งถ่ิน บทบาทและหนา้ ที่ 1. วิเคราะห์กรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ ที่สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาจัดทาไว้ 2. วเิ คราะหห์ ลักสตู รสถานศึกษาเพ่อื กาหนดจุดเนน้ หรอื ประเดน็ ทีส่ ถานศกึ ษาให้ ความสาคัญ 3. ศึกษา และวเิ คราะหข์ ้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา และชุมชนเพ่อื นามาเปน็ ขอ้ มูล จดั ทาสาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ ของสถานศกึ ษาใหส้ มบูรณย์ ่งิ ขนึ้ 4. จดั ทาสาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ ของสถานศกึ ษา เพื่อนาไปจดั ทารายวิชาพ้นื ฐานหรือ รายวชิ าเพ่ิมเตมิ จัดทาคาอธิบายรายวิชา หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ เพ่อื จดั ประสบการณ์ และจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนใหแ้ ก่ผูเ้ รียน ประเมนิ ผล และปรับปรุง 5. ผ้บู ริหารศกึ ษาอนุมัติ 2. การวางแผนงานด้านวชิ าการ บทบาทและหนา้ ที่ 1. วางแผนงานด้านวชิ าการโดยการรวบรวมขอ้ มูลและกากบั ดแู ล นิเทศและติดตามเกี่ยวกบั งานวิชาการ ไดแ้ ก่ การพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษา การพฒั นากระบวนการเรียนรู้ การวัดผล ประเมินผล และ การ เทยี บโอนผลการเรยี น การประกันคุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา การพฒั นาและใช้ สือ่ และ เทคโนโลยีเพอื่ การศึกษา การพฒั นาและสง่ เสริมใหม้ แี หล่งเรียนรกู้ ารวจิ ยั เพื่อพฒั นา คณุ ภาพการศึกษา และส่งเสริมชมุ ชนใหม้ ีความเข้มแขง็ ทางวิชาการ 2. ผู้บริหารสถานศึกษาอนุมัติโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษา 3. การจัดการเรยี นการสอนในสถานศกึ ษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. จัดทาแผนการเรียนรู้ทกุ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ 2. จดั การเรยี นการสอนทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ทกุ ช่วงช้นั ตามแนวปฏบิ ัตกิ ารเรียนรู้โดยเนน้ ผเู้ รยี นเป็น สาคัญ พฒั นาคุณธรรมนาความร้ตู ามหลกั การปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3. ใช้สอื่ การเรียนการสอน และแหล่งการเรยี นรู้ 4. จัดกิจกรรมพัฒนาหอ้ งสมุด ห้องปฏิบัตกิ ารตา่ งๆ ใหเ้ อ้อื ตอ่ การเรียนรู้ 5. สง่ เสริมการวจิ ัย และพฒั นาการเรียนการสอนทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 6. สง่ เสริมการพฒั นาความเปน็ เลศิ ของนกั เรยี น และชว่ ยเหลอื นกั เรยี นพกิ าร ด้อยโอกาสและ มคี วามสามารถพิเศษ
4 4. การพัฒนาหลกั สูตรของสถานศกึ ษา บทบาทและหนา้ ที่ 1. จดั ทาหลักสูตรเป็นของตนเองโดยจดั ให้มกี ารวิจัย และพัฒนาหลักสูตร ให้ทันกับการเปลยี่ นแปลงทางดา้ น เศรษฐกจิ และสังคม จดั ทาหลกั สูตรทม่ี ุ่งเน้นพฒั นานักเรียนให้เปน็ มนุษยท์ ี่สมบรู ณท์ ง้ั ร่างกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา มี ความรแู้ ละคุณธรรม สามารถอยู่รว่ มกบั ผอู้ ื่นได้อย่างมีความสขุ จดั ใหม้ ีวิชาตา่ งๆ ครบถว้ นตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาพนื้ ฐานของกระทรวงศึกษาธกิ าร 2. เพิ่มเติมเนือ้ หาสาระของรายวิชา ได้แก่ การศึกษาดา้ นศาสนา ดนตรี นาฏศลิ ป์ กีฬา การศกึ ษาท่ี สง่ เสริมความเปน็ เลศิ ผบู้ กพรอ่ ง 3. เพม่ิ เติมเนอ้ื หาสาระของรายวชิ าท่ีสอดคล้องสภาพปัญหาความต้องการของผเู้ รยี น ผู้ปกครอง ชุมชน สงั คม และอาเซ่ยี น 5. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ บทบาทและหนา้ ที่ 1. จดั เน้ือหาสาระและกจิ กรรมใหส้ อดคลอ้ งกบั ความสนใจ และความถนัดของผเู้ รียนโดย คานึงถึงความแตกตา่ งระหว่างบุคคล 2. ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การเผชญิ สถานการณ์ และการประยุกตค์ วามร้มู าใช้ เพอ่ื ปอ้ งกันและแก้ไข ปญั หา 3. จดั กจิ กรรมให้ผเู้ รียนได้เรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ ริง ฝึกการปฏบิ ัติให้ทาได้ คิดเปน็ ทาเปน็ รักการอา่ น และเกดิ การใฝ่รู้อยา่ งตอ่ เนือ่ ง 4. จดั การเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรดู้ า้ นตา่ งๆ อยา่ งไดส้ ัดส่วนสมดุลกันรวมท้งั ปลกู ฝัง คุณธรรม คา่ นิยมท่ีดงี ามและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ไวใ้ นทกุ กล่มุ สาระ/วิชา 5. ส่งเสรมิ สนับสนนุ ใหผ้ สู้ อนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม สือ่ การเรยี น และอานวยความสะดวก เพ่ือให้ผูเ้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ และมคี วามรอบรู้ รวมทง้ั สามารถใช้การวิจยั เปน็ ส่วนหนงึ่ ของกระบวนการเรียนรู้ ทงั้ นี้ ผ้สู อนและผเู้ รยี นรอู้ าจเรยี นรู้ไปพรอ้ มกันจากสอ่ื การเรียนการสอน และแหล่งวทิ ยาการประเภทต่าง ๆ 6. จัดการเรยี นรู้ให้เกิดข้นึ ไดท้ ุกเวลา ทุกสถานท่ี มีการประสานความรว่ มมือ กับบดิ ามารดาและบคุ คลใน ชุมชนทกุ ฝา่ ย เพ่ือรว่ มกันพฒั นาผเู้ รียนตามศกั ยภาพ 7. ศึกษาคน้ คว้าพฒั นารปู แบบหรือการออกแบบกระบวนการเรยี นรูท้ ี่
5 6. การวัดผล ประเมินผล และดาเนินการเทียบโอนเทา่ ผลการเรยี น บทบาทและหนา้ ท่ี 1. กาหนดระเบียบการวัด และประเมนิ ผลของสถานศกึ ษาตามหลกั สตู รสถานศึกษาโดยให้ สอดคลอ้ ง กบั นโยบายระดบั ประเทศ 2. จัดทาเอกสารหลักฐานการศกึ ษาให้เป็นไปตามระเบยี บการวดั และประเมินผลของสถานศกึ ษา 3. วดั ผล ประเมนิ ผล เทียบโอนประสบการณ์ ผลการเรยี นและอนมุ ตั ิผลการเรียน 4. จัดให้มกี ารประเมินผลการเรยี นทุกชว่ งชั้น และจดั ให้มกี ารซอ่ มเสริมกรณที ่มี ีผู้เรยี น ไม่ผ่าน เกณฑก์ ารประเมิน 5. ใหม้ ีการพฒั นาเคร่ืองมือในการวัดและประเมนิ ผล 6. จัดระบบสารสนเทศด้านการวัดผลประเมินผล และการเทยี บโอนผลการเรยี นเพือ่ ใช้ในการอ้างอิง ตรวจสอบ และใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการเรียนการสอน 7. ผู้บริหารสถานศึกษาอนุมตั ิผลการประเมินการเรยี นดา้ นต่างๆ รายปี รายภาคและตดั สนิ ผลการเรียนผา่ น ระดับชน้ั และจบการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน 8. การเทียบโอนผลการเรยี นเปน็ อานาจของสถานศกึ ษา ท่จี ะแต่งต้ังคณะกรรมการดาเนนิ การ เพือ่ กาหนดหลกั เกณฑว์ ธิ ีการ ได้แก่ คณะกรรมการเทียบระดับการศกึ ษาทงั้ ในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศัย คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน และเสนอคณะกรรมการบริหารหลักสตู ร และวชิ าการ พรอ้ มทงั้ ใหผ้ บู้ ริหาร สถานศึกษาอนุมัติการเทียบโอน 7. การวจิ ัยเพอื่ พฒั นาคุณภาพการศกึ ษาในสถานศกึ ษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. กาหนดนโยบายและแนวทางการใช้ การวิจัยเปน็ ส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ และกระบวนการ ทางานของนักเรยี น ครู และผู้เกีย่ วข้องกบั การศึกษา 2. พฒั นาครู และนักเรยี นให้มีความรเู้ กยี่ วกับการปฏริ ปู การเรยี นรู้ โดยใชก้ ระบวนการวจิ ยั เป็นสาคญั ในการ เรียนร้ทู ีซ่ บั ซ้อนขนึ้ ทาใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกการคิด การจัดการ การหาเหตุผลในการตอบปัญหา 3. พัฒนาคุณภาพการศึกษาดว้ ยกระบวนการวิจัย 4. รวบรวม และเผยแพร่ผลการวจิ ยั เพอ่ื การเรยี นร้แู ละพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา รวมทัง้ สนบั สนุนใหค้ รูนา ผลการวจิ ยั มาใชเ้ พอ่ื พฒั นาการเรยี นรแู้ ละพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา
6 8. การพัฒนาและส่งเสริมให้มแี หลง่ เรยี นรู้ บทบาทและหนา้ ท่ี 1. จดั ใหม้ แี หล่งเรียนรู้อย่างหลากหลาย ทั้งภายในและภายนอกสถานศกึ ษา ใหพ้ อเพียงเพอ่ื สนบั สนุนการแสวงหาความรูด้ ้วยตนเองกบั การจดั กระบวนการเรยี นรู้ 2. จัดระบบแหลง่ การเรยี นร้ภู ายในโรงเรยี นให้เอือ้ ตอ่ การจัดการเรียนรูข้ องผู้เรียน เชน่ พัฒนาห้องสมุดใหเ้ ปน็ แหลง่ การเรยี นรู้ มมุ หนังสอื ในห้องเรยี น หอ้ งดนตรี หอ้ งคอมพิวเตอร์ หอ้ งพยาบาล หอ้ ง ศูนย์วิชาการ สวนสุขภาพ สวนหนังสอื เป็นต้น 3. จดั ระบบข้อมูลแหลง่ การเรียนรใู้ นทอ้ งถน่ิ ใหเ้ อือ้ ต่อการจัดการเรียนรู้ ของผูเ้ รียน ของ สถานศกึ ษาของตนเอง 4. สง่ เสรมิ ให้ครูและผู้เรียนได้ใชแ้ หล่งเรียนรู้ ท้งั ในและนอกสถานศกึ ษา เพื่อพฒั นาการ เรียนรู้ และ นิเทศ กากับติดตาม ประเมนิ และปรับปรงุ อยา่ งตอ่ เนื่อง 5. สง่ เสริมให้ครู และผเู้ รยี นใช้แหลง่ เรยี นรู้ทง้ั ภายในและภายนอก 9. การนิเทศการศึกษา บทบาทและหน้าท่ี 1. สรา้ งความตระหนักให้แกค่ รู และผู้เกี่ยวขอ้ งใหเ้ ข้าใจกระบวนการนเิ ทศภายในว่าเปน็ กระบวนการทางานรว่ มกันทใ่ี ชเ้ หตุผลการนเิ ทศ เปน็ การพฒั นาปรบั ปรุงวธิ ีการทางานของแตล่ ะบุคคล ใหม้ คี ุณภาพ การนิเทศเป็นสว่ นหนง่ึ ของกระบวนการบรหิ าร เพ่อื ใหท้ กุ คนเกิดความเช่อื ม่ันวา่ ไดป้ ฏบิ ัติถูกตอ้ ง กา้ วหนา้ และเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ต่อผเู้ รยี น และตัวครูเอง 2. จดั การนเิ ทศภายในสถานศกึ ษาให้มีคณุ ภาพท่วั ถงึ และตอ่ เนื่องเป็นระบบและ กระบวนการ 3. จัดระบบนเิ ทศภายในสถานศกึ ษาใหเ้ ชอื่ มโยงกบั ระบบนเิ ทศการศึกษาของสานักงานเขต พืน้ ทก่ี ารศกึ ษา 10. การแนะแนว บทบาทและหน้าที่ 1. กาหนดนโยบายการจดั การศกึ ษา ทมี่ ีการแนะแนวเป็นองค์ประกอบสาคญั โดยให้ทุก คนในสถานศกึ ษาตระหนกั ถึงการมีสว่ นรว่ มในกระบวนการแนะแนว และการดแู ลช่วยเหลอื 2. จดั ระบบงานและโครงสร้างองค์กรแนะแนว และดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี นของสถานศกึ ษาให้ ชดั เจน 3. สรา้ งความตระหนักใหค้ รูทกุ คนเหน็ คุณคา่ ของการแนะแนว และดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น 4. ส่งเสริมและพัฒนาให้ครูได้รบั ความรู้เพิ่มเตมิ เรอื่ งจิตวทิ ยาและการแนะแนวและดูแล ชว่ ยเหลือนักเรียน เพือ่ ให้สามารถบรู ณาการในการจดั การเรยี นรแู้ ละเชื่อมโยงสกู่ ารดารงชีวิตประจาวนั 5. คัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถและบคุ ลกิ ภาพทเี่ หมาะสม ทาหน้าที่ครแู นะ แนว ครูที่ปรกึ ษา ครูประจาชนั้ และคณะอนุกรรมการแนะแนว 6. ดูแล กากับ นเิ ทศ ติดตามและสนบั สนนุ การดาเนนิ งานแนะแนว และดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียนอยา่ งเปน็ ระบบ 7. สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื และความเข้าใจอนั ดีระหว่างครู ผ้ปู กครอง และชุมชน 8. ประสานงานด้านการแนะแนวระหว่างสถานศกึ ษา องค์กร ภาครฐั และเอกชน บ้าน
7 ศาสนสถาน ชมุ ชนในลักษณะเครือข่ายการแนะแนว 9. เชือ่ มโยงระบบแนะแนว และระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรียน 11. การพัฒนาระบบประกนั คุณภาพภายใน และมาตรฐานการศึกษา บทบาทและหน้าท่ี 1. กาหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา 2. จัดทาแผนสถานศกึ ษาท่ีมงุ่ เนน้ คุณภาพการศึกษา (แผนกลยุทธ์/แผนยุทธศาสตร์) 3. จัดทาระบบบริหารและสารสนเทศ 4. ดาเนนิ การตามแผนพัฒนาสถานศึกษาในการดาเนินโครงการ/กิจกรรมสถานศกึ ษาต้อง สรา้ งระบบ การทางานท่เี ขม้ แขง็ เนน้ การมสี ่วนรว่ ม และวงจรการพฒั นาคณุ ภาพของเดมม่งิ (Deming Cycle) หรือท่รี จู้ ักกนั วา่ วงจร PDCA 5. ตรวจสอบ และทบทวนคุณภาพการศกึ ษาโดยการดาเนนิ การอยา่ งจริงจงั ตอ่ เนอ่ื งด้วยการ สนับสนุนให้ครู ผูป้ กครองและชุมชนเข้ามามีสว่ นร่วม 6. ประเมนิ คุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษาตามมาตรฐานทก่ี าหนด เพอ่ื รองรบั การ ประเมินคุณภาพภายนอก 7. จัดทารายงานคุณภาพการศกึ ษาประจาปี (SAR) และสรุปรายงานประจาปี โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานเสนอต่อหน่วยงานตน้ สงั กดั และเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน 12. การสง่ เสริมชุมชนใหม้ ีความเขม้ แข็งทางวิชาการ บทบาทและหนา้ ที่ 1. จัดกระบวนการเรียนรูร้ ่วมกับบุคคล ครอบครัว ชมุ ชน องคก์ รชุมชน องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ เอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบัน ศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั อ่ืน 2. ส่งเสริมความเขม้ แขง็ ของชุมชน โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน 3. ส่งเสริมใหช้ ุมชนมีการจดั การศกึ ษาอบรม มกี ารแสวงหาความรู้ ขอ้ มูล ขา่ วสารและ เลอื กสรรภมู ปิ ัญญา วิทยาการต่างๆ 4. พัฒนาชมุ ชนใหส้ อดคล้องกบั สภาพปัญหา และความต้องการรวมทงั้ หาวิธีการสนับสนุน ให้มกี ารแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหวา่ งชมุ ชน
8 13. การประสานความร่วมมอื ในการพฒั นาวิชาการกับสถานศึกษา และองค์กรอ่ืน เป็นต้น บทบาทและหนา้ ที่ 1. ระดมทรพั ยากรเพอื่ การศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน เพ่ือ เสริมสร้าง พฒั นาการของนกั เรยี นทกุ ดา้ น รวมทั้งสืบสานจารตี ประเพณีศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ 2. เสริมสรา้ งความสัมพันธ์ระหวา่ งสถานศกึ ษากบั ชุมชน ตลอดจนประสานงานกบั องค์กรท้งั ภาครฐั และเอกชน เพ่ือให้สถานศึกษาเป็นแหลง่ วทิ ยาการของชมุ ชน เพอ่ื ให้สถานศึกษาเปน็ แหล่ง วทิ ยาการของชมุ ชน และมสี ่วนในการพฒั นาชมุ ชนและท้องถ่ิน 3. ให้บรกิ ารดา้ นวชิ าการท่ีสามารถเชอ่ื มโยงหรือแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสารกบั แหลง่ วชิ าการ ในท่อี น่ื ๆ 4. จดั กจิ กรรมรว่ มกบั ชมุ ชนเพอ่ื ส่งเสริมวัฒนธรรมการสรา้ งความสัมพนั ธอ์ ันดีกับศิษย์เก่า การประชุม ผปู้ กครองนกั เรียน การปฏบิ ัตงิ านรว่ มกบั ชุมชน การรว่ มกิจกรรมกับสถาบันการศึกษาอ่นื 14. การสง่ เสริมและสนับสนนุ งานวชิ าการแก่บุคคล ครอบครัว องคก์ ร หนว่ ยงาน สถานประกอบการ และ สถาบันอนื่ ทีจ่ ัดการศึกษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. ประชาสมั พนั ธ์สร้างความเข้าใจต่อบุคคล ครอบครวั ชมุ ชน องค์กรชมุ ชน องค์กร ปกครอง สว่ นท้องถิ่น เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั สังคม อื่นในเร่ืองเกีย่ วกับสทิ ธใิ นการจดั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานการศกึ ษา 2. จดั ใหม้ ีการสร้างความรู้ความเขา้ ใจ การเพ่ิมความพรอ้ มใหก้ บั บุคคล ครอบครวั ชุมชน องคก์ รชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวิชาชพี สถาบนั ศาสนา สถาน ประกอบการและสถาบันสังคมอ่ืน ทรี่ ่วมจัดการศึกษา 3. ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชมุ ชน องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ เอกชน องคก์ ร เอกชนองคก์ รวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่นทีร่ ่วมจัดการศกึ ษา และใช้ ทรัพยากรรว่ มกนั ให้เกิดประโยชน์สงู สดุ 4. สง่ เสริมสนับสนุนใหม้ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นร้รู ะหว่างสถานศึกษากับบคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน องคก์ รเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั สงั คมอน่ื 5. สง่ เสริมสนบั สนุนให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องคก์ รเอกชน องคก์ รวชิ าชพี สถาบัน ศาสนาสถานประกอบการและสถาบันสังคมอืน่ ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื ทางดา้ นวชิ าการตามความ เหมาะสมและจาเปน็ 6. สง่ เสรมิ และพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ทง้ั ด้านคุณภาพและปริมาณ เพอื่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ิต อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ
9 15. การจดั ทาระเบียบและแนวปฏบิ ัติเกย่ี วกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. ศกึ ษาและวิเคราะห์ระเบยี บ และแนวปฏิบตั ิเกยี่ วกับงานดา้ นวิชาการของสถานศกึ ษา เพือ่ ให้ ผู้ที่ เก่ียวขอ้ งรับรู้ และถอื ปฏบิ ัติเป็นแนวเดียวกนั 2. จัดระเบียบ และแนวปฏบิ ตั ิเกีย่ วกับงานดา้ นวิชาการของสถานศกึ ษา เพ่อื ใหผ้ ู้ทเ่ี กย่ี วข้อง รบั รู้ และถอื ปฏบิ ัตเิ ปน็ แนวเดียวกนั 3. ตรวจสอบร่างระเบยี บและแนวปฏิบัติเกีย่ วกับงานดา้ นวชิ าการของสถานศกึ ษา และแกไ้ ข ปรับปรุง 4. นาระเบยี บและแนวปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับงานดา้ นวชิ าการของสถานศึกษาไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 5. ตรวจสอบ และประเมินผล การใช้ระเบียบและแนวปฏิบตั ิเก่ียวกบั งานด้านวชิ าการของ สถานศกึ ษาและนาไปแกไ้ ขปรบั ปรงุ ให้เหมาะสมต่อไป 16. การคัดเลอื กหนงั สือ แบบเรยี นเพอ่ื ใชใ้ นสถานศึกษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. ศกึ ษา วิเคราะห์ คดั เลือกหนังสือเรยี น กลุ่มสาระการเรียนรตู้ า่ งๆ ทม่ี ีคุณภาพสอดคลอ้ ง กับ หลักสูตรสถานศกึ ษา เพอ่ื เป็นหนงั สอื แบบเรียนใช้ในการจัดการเรยี นการสอน 2. จัดทาหนงั สือเรยี น หนังสอื เสริมประสบการณ์ หนังสอื อา่ นประกอบ แบบฝกึ หัด ใบ งาน ใบความรู้ เพือ่ ใช้ประกอบการเรยี นการสอน 3. ตรวจพิจารณาคณุ ภาพ หนงั สอื เรยี นเรยี น หนังสอื เสริมประสบการณ์ หนงั สืออ่าน ประกอบ แบบฝกึ หัด ใบงาน ใบความรู้ เพอ่ื ใชป้ ระกอบการเรยี นการสอน 17. การพฒั นา และใชส้ อ่ื เทคโนโลยีเพือ่ การศึกษา บทบาทและหนา้ ที่ 1. จัดใหม้ ีการรว่ มกนั กาหนดนโยบาย วางแผนในเร่อื งการจดั หาและพฒั นาส่อื การเรยี นรู้ และ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 2. พัฒนาบุคลากรใสถานศกึ ษาในเรื่องเกยี่ วกับการพฒั นาสอื่ การเรียนรู้ และเทคโนโลยเี พอ่ื การศกึ ษา พร้อมทง้ั ให้มกี ารจัดต้ังเครือข่ายทางวชิ าการ ชมรมวิชาการเพอื่ เป็นแหลง่ การเรียนรู้3. 3. พัฒนาและใช้ สอ่ื และเทคโนโลยีทางการศึกษา โดยมุ่งเน้นการพฒั นาส่อื และเทคโนโลยที างการศกึ ษาที่ให้ขอ้ เท็จจรงิ เพอ่ื สร้างองค์ ความรู้ใหมๆ่ เกดิ ขึน้ โดยเฉพาะหาแหลง่ สือ่ ที่เสริมการจัด การศึกษาของสถานศกึ ษาให้มีประสทิ ธิภาพ 3. พฒั นาห้องสมุดของสถานศกึ ษา ให้เปน็ แหลง่ การเรียนรูข้ องสถานศกึ ษา และชมุ ชน 4. นิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานของบคุ ลากรในการจัดหา ผลติ ใช้และพฒั นาสอื่ และ เทคโนโลยที างการศกึ ษา
10 ดา้ นบริหารวชิ าการ 1. หวั หนา้ งานบรหิ ารวิชาการ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทีห่ ัวหน้ากลมุ่ การบริหารวิชาการ มหี น้าท่ี ดูแล กากบั ตดิ ตาม กลั่นกรองอานวยความสะดวก ให้คาแนะนา ปรึกษาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีที่ปฏิบัติงานในกลุ่มการบริหาร วิชาการตามขอบข่ายและภารกิจการบริหารวิชาการ ปฏิบัติหน้าท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดระบบบริหารองค์กร การ ประสานงานและให้บรกิ ารสนับสนนุ ส่งเสริมให้ฝ่ายบริหารงานวชิ าการต่างๆ ในโรงเรียนสามารถบริหารจัดการและ ดาเนินการตามบทบาทภารกิจ อานาจหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยตลอดจนสนับสนุนและให้บริการข้อมูล ข่าวสาร เอกสาร ส่ือ อุปกรณ์ทางการศึกษา และทรัพยากรท่ีใช้ในการจัดการศึกษาแกเ่ จ้าหนา้ ที่ของแต่ละฝ่ายงานเพอื่ ใหฝ้ า่ ย บรหิ ารจัดการได้อยา่ งสะดวกคลอ่ งตัว มคี ณุ ภาพและเกิดประสทิ ธิภาพ 2. หัวหน้าวิชาการสายชั้น ปฏิบัติหน้าท่ีผู้ช่วยหัวหน้ากลุ่มการบริหารวิชาการ มีหน้าท่ีช่วยหัวหน้ากลุ่ม การบริหารวิชาการ ในการปฏิบัติงานตามภารกิจของงานบริหารงานวิชาการและหน้าท่ีอื่นๆท่ีหัวหน้ากลุ่มบริหาร วชิ าการมอบหมายปฏบิ ัติหนา้ ทีแ่ ทนในกรณีหวั หน้าบริหารงานวิชาการไม่สามารถปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ไี ด้ ขอบขา่ ยงานบรหิ ารวิชาการ มดี ังนี้ 1. การพฒั นาหรือการดาเนินงานเกยี่ วกบั การใหค้ วามเหน็ การพฒั นาสาระหลักสูตรทอ้ งถ่นิ หน้าที่รบั ผดิ ชอบปฏบิ ตั งิ านดงั น้ี 1) วิเคราะห์กรอบสาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ ที่สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาจดั ทาไว้ 2) วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษาเพื่อกาหนดจุดเน้นหรือประเด็นท่ีสถานศึกษาหรือกลุ่มเครอื ข่าย สถานศกึ ษาให้ความสาคญั 3) ศึกษาและวิเคราะหข์ ้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษาและชุมชนเพื่อนามาเป็นข้อมูลจดั ทาสาระ การเรยี นรู้ท้องถ่ินของสถานศกึ ษาให้สมบรู ณ์ย่ิงข้ึน 4) จัดทาสาระการเรียนรู้ท้องถ่ินของสถานศึกษาเพื่อนาไปจัดทารายวิชาพ้ืนฐานหรือรายวิชา เพมิ่ เตมิ จดั ทาคาอธิบายรายวิชา หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ เพือ่ จัดประสบการณ์และกิจกรรมการเรียน การสอนให้แก่ผเู้ รยี นประเมินผลและปรับปรุง 5) ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาอนมุ ัติ 2. การวางแผนงานด้านวชิ าการ หน้าทรี่ ับผิดชอบปฏบิ ตั งิ านดงั น้ี 1) วางแผนงานด้านวิชาการโดยการรวบรวมข้อมลู และกากบั ดูแล นิเทศและติดตามเก่ียวกับงาน วิชาการ ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การวัดผล ประเมินผล และการเทียบ โอนผลการเรยี นการประกันคณุ ภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา การพฒั นาและใชส้ ือ่ และเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา การพัฒนาและสง่ เสรมิ ให้มแี หล่งเรียนรกู้ ารวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการสง่ เสรมิ ชมุ ชนใหม้ ีความเข้มแข็ง ทางวชิ าการ 2) ผู้บริหารสถานศกึ ษาอนมุ ตั โิ ดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พ้นื ฐาน
11 3. การจดั การเรยี นการสอนในสถานศึกษา หนา้ ที่รบั ผดิ ชอบปฏบิ ัตงิ านดังน้ี 1) จดั ทาแผนการเรียนรู้ทกุ กล่มุ สาระการเรยี นรู้โดยความรว่ มมอื ของเครอื ข่าย สถานศกึ ษา 2) จัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ุกชว่ งชัน้ ตามแนวปฏิรปู การเรียนรโู้ ดยเน้นผู้เรยี น เป็นสาคัญ บูรณาการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนพัฒนาคุณธรรมนาความรู้ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3) ใช้ส่ือการเรยี นการสอนและแหล่งการเรียนรู้ 4) จดั กจิ กรรมพัฒนาห้องสมุด ห้องปฏบิ ตั กิ ารต่างๆ ให้เอื้อตอ่ การเรยี นรู้ 5) สง่ เสริมการวิจัยและพัฒนาการเรียนการสอนทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้ 6) ส่งเสริมการพัฒนาความเป็นเลิศของนักเรียนและช่วยเหลือนักเรียนพิการด้อยโอกาสและมี ความสามารถพเิ ศษ 4. การพัฒนาหลกั สูตรของสถานศกึ ษา หน้าท่รี บั ผดิ ชอบปฏบิ ตั ิงานดังนี้ 1 จดั ทาหลกั สตู รสถานศึกษาเปน็ ของตนเอง 1.1 จัดให้มีการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรขึ้นใช้เองให้ทันกับการเปล่ียนแปลงทางด้าน เศรษฐกจิ และสังคมและเป็นตน้ แบบให้กบั โรงเรียนอ่นื 1.2 จัดทาหลักสูตรท่ีมุ่งเน้นพัฒนานักเรียนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มคี วามร้แู ละคณุ ธรรม สามารถอยู่รว่ มกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข 1.3 จัดให้มีวิชาต่างๆ ครบถ้วนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของ กระทรวงศึกษาธิการ 1.4 เพ่ิมเติมเน้ือหาสาระของรายวิชาให้สูงและลึกซ้งึ มากข้ึนสาหรบั กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ได้แก่ การศึกษาด้านศาสนา ดนตรี นาฏศิลป์ กีฬา อาชีวศึกษา การศึกษาท่ีส่งเสริมความเป็นเลิศ ผู้บกพร่อง พิการ และการศกึ ษาทางเลือก 1.5 เพิ่มเติมเน้ือหาสาระของรายวิชาท่ีสอดคล้องสภาพปัญหา ความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง ชมุ ชน สงั คม และโลก 2) สถานศึกษาสามารถจัดทาหลกั สูตรการจดั กระบวนการเรียนรู้ การสอนและอ่นื ๆใหเ้ หมาะสมกับ ความสามารถของนักเรยี นตามกลุ่มเป้าหมายพเิ ศษ โดยความร่วมมือของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและเครือข่าย สถานศกึ ษา 3) คณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐานใหค้ วามเห็นชอบหลกั สูตรสถานศึกษา 4) นิเทศ ติดตาม ประเมินผลและปรับปรุง หลักสูตรสถานศึกษา และรายงานผลให้สานักงานเขต พ้ืนท่ีการศกึ ษารบั ทราบ
12 5. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ หน้าที่รับผิดชอบปฏบิ ตั ิงานดงั น้ี 1) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคานึงถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล 2) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการการเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรูม้ าใช้เพ่ือ ป้องกนั และแกไ้ ขปญั หา 3) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเป็น รัก การอา่ นและเกิดการใฝ่รู้อย่างตอ่ เนือ่ ง 4) จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมทั้ง ปลูกฝงั คณุ ธรรม คา่ นิยมท่ดี ีงานและคณุ ลกั ษณะอันพ่งึ ประสงค์ไวใ้ นทกุ วิชา 5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม ส่ือการเรียนและอานวยความ สะดวกเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้และมคี วามรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนงึ่ ของกระบวนการเรียนรู้ ท้งั น้ี ผสู้ อนและผเู้ รยี นอาจเรยี นรู้ไปพร้อมกันจากสือ่ การเรียนการสอน และแหล่งวิทยาการประเภทต่างๆ 6) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่มีการประสานความร่วมมือ กับบิดามารดาและ บคุ คลในชุมชนทกุ ฝา่ ย เพ่อื รว่ มกนั พัฒนาผเู้ รียนตามศักยภาพ 6. การวัดผล ประเมนิ ผลและดาเนินการเทียบโอนผลการเรยี น หน้าทีร่ บั ผิดชอบปฏิบตั งิ านดังนี้ 1) กาหนดระเบยี บการวัดและประเมินผลของสถานศึกษาตามหลักสูตรสถานศึกษาโดยสอดคล้อง กับนโยบายระดับประเทศ 2) จัดทาเอกสารหลักฐานการศึกษาให้เปน็ ไปตามระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา 3) วัดผล ประเมนิ ผล เทียบโอนประสบการณ์ผลการเรียนและอนุมัติผลการเรยี น 4) จัดให้มกี ารประเมินผลการเรียนทุกช่วงช้นั และจัดใหม้ กี ารซอ่ มเสริมกรณีท่มี ีผู้เรียนไม่ผา่ นเกณฑ์ การประเมนิ 5) จดั ให้มกี ารพฒั นาเครื่องมือในการวดั และประเมนิ ผล 6) จัดระบบสารสนเทศด้านการวดั ผลประเมนิ ผลและการเทียบโอนผลการเรยี นเพอื่ ใช้ในการอา้ งอิง ตรวจสอบและใชป้ ระโยชน์ในการพัฒนาการเรียนการสอน 7) ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาอนุมัติผลการประเมินการเรียนด้านต่างๆ รายป/ี รายภาคและตัดสนิ ผลการ เรยี นการผา่ นช่วงชน้ั และจบการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน 8) การเทียบโอนผลการเรียนเป็นอานาจของสถานศึกษาที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการดาเนินการเพื่อ กาหนดหลักเกณฑ์วิธีการ ได้แก่ คณะกรรมการเทียบระดับการศึกษา ท้ังในระบบนอกระบบและตามอัธยาศัย คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน และเสนอคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการพร้อมทั้งให้ผู้บริหาร สถานศกึ ษาอนุมตั กิ ารเทยี บโอน
13 7. การวจิ ยั เพ่ือพฒั นาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษา หน้าทร่ี บั ผิดชอบปฏบิ ตั งิ านดงั น้ี 1) กาหนดนโยบายและแนวทางการใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางานของนกั เรียน ครู และผเู้ กี่ยวขอ้ งกบั การศกึ ษา 2) พัฒนาครูและนักเรียนให้มีความรู้เก่ียวกับการปฏิรูปการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยเป็น สาคัญในการเรยี นร้ทู ่ีซบั ซอ้ นขึ้นทาให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิด การจัดการ การหาเหตผุ ล ในการตอบปญั หา การผสมผสาน ความรแู้ บบสหวทิ ยาการและการเรยี นรใู้ นปญั หาท่ตี นสนใจ 3) พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาด้วยกระบวนการวจิ ัย 4) รวบรวม และเผยแพรผ่ ลการวิจัยเพอื่ การเรียนรู้และพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา รวมทั้งสนับสนุน ให้ครูนาผลการวจิ ยั มาใช้ เพื่อพัฒนาการเรยี นรแู้ ละพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา 8. การพัฒนาและส่งเสริมให้มแี หลง่ เรียนรู้ หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบปฏิบตั ิงานดังนี้ 1) จัดให้มีแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลายทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาให้พอเพียงเพ่ือ สนับสนุนการแสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเองกบั การจดั กระบวนการเรยี นรู้ 2) จัดระบบแหล่งการเรียนรู้ภายในโรงเรียนให้เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น พัฒนา ห้องสมุดหมวดวิชา ห้องสมุดเคล่ือนท่ี มุมหนังสือในห้องเรียน ห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องมัลติมีเดีย ห้องคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ศูนย์วิชาการ ศูนย์วิทยบริการ Resource Center สวนสุขภาพ สวนวรรณคดี สวนหนังสือ สวนธรรมะ เป็นต้น 3) จดั ระบบขอ้ มูลแหลง่ การเรียนรู้ในท้องถิน่ ใหเ้ อ้ือตอ่ การจดั การเรียนรู้ของผู้เรยี นของสถานศึกษา ของตนเอง เช่น จัดเส้นทาง/แผนท่ี และระบบการเช่ือมโยงเครอื ข่ายห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดสถาบันการศึกษา พพิ ธิ ภัณฑ์ พพิ ิธภณั ฑ์วทิ ยาศาสตร์ ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น ฯลฯ 4) ส่งเสริมให้ครูและผู้เรยี นได้ใช้แหล่งเรียนรู้ ท้ังในและนอกสถานศึกษาเพื่อพัฒนาการเรยี นรแู้ ละ นิเทศ กากบั ติดตาม ประเมิน และปรับปรุงอย่างตอ่ เน่อื ง 9. การนิเทศการศกึ ษา หนา้ ทีร่ บั ผิดชอบปฏิบตั งิ านดังนี้ 1) สร้างความตระหนักให้แก่ครูและผู้เก่ียวข้องให้เข้าใจกระบวนการนิเทศภายในว่าเป็น กระบวนการทางานร่วมกันที่ใช้เหตุผลการนิเทศเป็นการพัฒนาปรับปรุงวิธีการทางานของแต่ละบุคคลให้มีคุณภาพ การนิเทศเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหาร เพื่อให้ทุกคนเกิดความเชื่อมน่ั ว่า ได้ปฏิบัติถูกต้อง ก้าวหน้า และเกดิ ประโยชนส์ งู สุดตอ่ ผู้เรยี นและตวั ครเู อง 2) จดั การนเิ ทศภายในสถานศกึ ษาให้มีคุณภาพท่ัวถึงและตอ่ เนือ่ งเป็นระบบและกระบวนการ 3) จัดระบบนิเทศภายในสถานศึกษาให้เชื่อมโยงกับระบบนิเทศการศึกษาของสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษา
14 10. การแนะแนวการศกึ ษา มีหน้าท่รี ับผดิ ชอบปฏบิ ตั งิ านดังน้ี 1) กาหนดนโยบายการจัดการศึกษาที่มีการแนะแนวเป็นองค์ประกอบสาคัญ โดยให้ทุกคนใน สถานศกึ ษาตระหนักถึงการมีสว่ นร่วมในกระบวนการแนะแนวและการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน 2) จัดระบบงานและโครงสร้างองค์กรแนะนาและดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน 3 สร้างความตระหนักให้ครูทกุ คนเห็นคุณค่าของการแนะแนวและดูแลช่วยเหลือนกั เรยี น 4) ส่งเสริมและพัฒนาให้ครูได้รับความรู้เพิ่มเติมในเร่ืองจิตวิทยาและการแนะแนวและดูแล ชว่ ยเหลอื นักเรยี นเพือ่ ใหส้ ามารถ บูรณาการ ในการจดั การเรยี นรแู้ ละเช่อื มโยง สกู่ ารดารงชีวติ ประจาวัน 5) คดั เลือกบคุ ลากรที่มีความรู้ ความสามารถและบุคลกิ ภาพที่เหมาะสม ทาหน้าที่ครแู นะแนวครูท่ี ปรึกษา ครปู ระจาชน้ั และคณะอนุกรรมการแนะแนว 6) ดูแล กากับ นิเทศ ติดตามและสนับสนุนการดาเนินงานแนะแนวและดูแลช่วยเหลือนักเรียน อยา่ งเป็นระบบ 7) สง่ เสริมความร่วมมือและความเข้าใจอนั ดีระหว่างครู ผ้ปู กครองและชมุ ชน 8) ประสานงานด้านการแนะแนว ระหว่างสถานศึกษา องค์กรภาครัฐและเอกชน บ้าน ศาสน- สถาน ชุมชน ในลักษณะเครือขา่ ยการแนะแนว 9) เชือ่ มโยงระบบแนะแนวและระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรียน 11. การพฒั นาระบบประกนั คณุ ภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา มีหน้าที่รับผิดชอบปฏบิ ัตงิ านดังนี้ 1) กาหนดมาตรฐานการศึกษาเพ่ิมเติมของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาชาติ มาตรฐานการศึกษาขั้นพืน้ ฐานมาตรฐานสานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาและความต้องการของชุมชน 2) จัดระบบบริหารและสารสนเทศ โดยจัดโครงสร้างการบริหารท่ีเอ้ือต่อการพัฒนางานและการ สร้างระบบประกันคุณภาพภายในจัดระบบสารสนเทศให้เป็นหมวดหมู่ ข้อมูล มีความสมบูรณ์เรียกใช้ง่าย สะดวก รวดเรว็ ปรับปรุงใหเ้ ปน็ ปจั จุบนั อยเู่ สมอ 3) จดั ทาแผนสถานศึกษาทม่ี ่งุ เนน้ คุณภาพการศึกษา (แผนกลยทุ ธ์/แผนยทุ ธศาสตร์) 4) ดาเนินการตามแผนพัฒนาสถานศึกษาในการดาเนินโครงการ/กิจกรรมสถานศึกษาต้องสร้าง ระบบการทางานทเ่ี ข้มแขง็ เน้นการมสี ่วนรว่ ม และวงจรการพฒั นาคุณภาพของเดมมงิ่ (Deming Cycle) หรอื ทร่ี ้จู ัก กันว่าวงจร PDCA 5) ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษาโดยดาเนินการอย่างจริงจังต่อเน่ืองด้วยการสนบั สนนุ ใหค้ รู ผปู้ กครองและชุมชนเข้ามามสี ว่ นรว่ ม 6) ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาตามมาตรฐานที่กาหนดเพ่ือรองรับการประเมิน คุณภาพภายนอก 7) จัดทารายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี (SAR) และสรุปรายงานประจาปี โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานเสนอตอ่ หน่วยงานต้นสงั กดั และเผยแพรต่ ่อสาธารณชน
15 12. การสง่ เสริมชมุ ชนใหม้ คี วามเข้มแข็งทางวชิ าการ มหี น้าที่รับผดิ ชอบปฏิบัตงิ านดงั นี้ 1) จัดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถิน่ เอกชน องค์กรเอกชน องคก์ รวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบันอื่น 2) สง่ เสริมความเข้มแขง็ ของชมุ ชนโดยการจัดกระบวนการเรยี นรู้ภายในชมุ ชน 3) ส่งเสรมิ ใหช้ ุมชนมกี ารจดั การศึกษาอบรมมกี ารแสวงหาความรู้ ข้อมลู ข่าวสารและรู้จักเลือกสรร ภูมปิ ัญญาและวิทยาการตา่ งๆ 4) พฒั นาชมุ ชนให้สอดคลอ้ งกับสภาพปญั หาและความต้องการรวมทงั้ หาวิธกี ารสนับสนุนให้มีการ แลกเปลยี่ นประสบการณ์ระหวา่ งชมุ ชน 13. การประสานความร่วมมือในการพฒั นาวิชาการกับสถานศกึ ษาและองคก์ รอื่น มีหนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบปฏิบัตงิ านดังนี้ 1) ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภูมิปัญญาท้องถ่ินเพ่อื เสริมสร้าง พฒั นาการของนกั เรยี นทุกดา้ นรวมทงั้ สบื สานจารีตประเพณศี ิลปวัฒนธรรมของทอ้ งถิน่ 2) เสรมิ สรา้ งความสัมพันธ์ระหวา่ งสถานศกึ ษากับชุมชน ตลอดจนประสานงานกบั องคก์ รทง้ั ภาครัฐ และเอกชน เพอ่ื ให้สถานศึกษาเป็นแหลง่ วทิ ยาการของชมุ ชนและมีสว่ นในการพัฒนาชมุ ชนและทอ้ งถิ่น 3) ให้บริการด้านวิชาการที่สามารถเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับแหล่งวิชาการ ในท่อี ื่นๆ 4) จัดกิจกรรมร่วมชุมชน เพือ่ สง่ เสริมวฒั นธรรมการสรา้ งความสัมพันธ์อนั ดีกับศษิ ย์เก่าการประชุม ผู้ปกครองนักเรียน การปฏบิ ตั งิ านรว่ มกับชมุ ชน การร่วมกิจกรรมกบั สถานบันการศึกษาอนื่ เป็นต้น 14. การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน สถานประกอบการ และ สถาบนั อ่นื ทีจ่ ัดการศกึ ษา มหี นา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบปฏบิ ตั ิงานดงั น้ี 1) ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจต่อบคุ คล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองสว่ น ท้องถน่ิ เอกชน องค์กรเอกชน องคก์ รวิชาชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอนื่ ในเรื่องเก่ียวกับ สทิ ธใิ นการจดั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน 2) จัดให้มีการสร้างความรู้ความเข้าใจ การเพิ่มความพร้อมให้กับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กร ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอ่ืนท่ี รว่ มจัดการศึกษา 3) ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กร- เอกชน องค์วิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่นร่วมกันจัดการศึกษาและใช้ทรัพยากร ร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์สงู สดุ แก่ผเู้ รยี น 4) ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนร่วมกันระหว่างสถานศึกษากบั บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กร-วิชาชีพ สถาบันศาสนา สถาน ประกอบการณ์ และสถาบนั สงั คมอ่ืน
16 5) สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ให้บุคคล ครอบครวั ชุมชน องคก์ รชมุ ชน องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการณ์ และสถาบันสังคมอ่ืน ได้รับความช่วยเหลือ ทางด้านวิชาการตามความเหมาะสมและจาเป็น 6) ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างมี ประสิทธภิ าพ 15. การจดั ทาระเบียบและแนวปฏิบัติเกีย่ วกับงานด้านวชิ าการของสถานศกึ ษา มีหนา้ ทีร่ บั ผดิ ชอบปฏิบตั งิ านดงั นี้ 1) ศึกษาและวิเคาระห์ระเบียบและแนวปฏบิ ัติเก่ียวกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษา เพือ่ ให้ผู้ท่ี เกย่ี วข้องทกุ รายรับรูแ้ ละถือปฏบิ ัตเิ ปน็ แนวเดยี วกนั 2) จัดทาร่างระเบียบและแนวปฏิบัติเกี่ยวกบั งานด้านวิชาการของสถานศึกษา เพ่ือให้ผู้ที่เก่ียวข้อง ทุกฝา่ ยรบั รูแ้ ละถือปฏบิ ัตเิ ปน็ แนวเดียวกนั 3) ตรวจสอบร่างระเบียบและแนวปฏิบัติเก่ียวกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษาและแก้ไข ปรับปรงุ 4) นาระเบียบและแนวปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั งานดา้ นวิชาการของสถานศึกษาไปสู่การปฏิบตั ิ 5) ตรวจสอบและประเมินผลการใช้ระเบียบและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับงานด้านวิชาการของ สถานศกึ ษาและนาไปแกไ้ ขปรับปรุงใหเ้ หมาะสมตอ่ ไป 16. การคัดเลือกหนงั สือ แบบเรียนเพือ่ ใชใ้ นสถานศึกษา มหี นา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบปฏิบัติงานดังน้ี 1) ศึกษา วิเคาระห์ คัดเลือกหนังสือเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีคุณภาพสอดคล้องกลับ หลักสตู รสถานศึกษาเพือ่ เปน็ หนงั สือแบบเรียนเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน 2) จัดทาหนงั สอื เรียน หนงั สอื เสริมประสบการณ์ หนังสืออ่านประกอบ แบบฝึกหัด ใบงาน ใบ ความรู้เพ่อื ใช้ประกอบการเรยี นการสอน 3) ตรวจพิจารณาคณุ ภาพหนงั สอื เรียน หนังสอื เสริมประสบการณ์ หนังสอื อา่ นประกอบ แบบฝึกหัด ใบงาน ใบความรู้เพือ่ ใช้ประกอบการเรียนการสอน 17. การพฒั นาและใช้ส่อื และเทคโนโลยีเพอื่ การศึกษา มหี นา้ ทรี่ ับผิดชอบปฏิบตั งิ านดังน้ี 1) จัดให้มีการร่วมกันกาหนดนโยบาย วางแผนในเรื่องการจัดหาและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของสถานศกึ ษา 2) พัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาในเรื่องเก่ียวกับการพัฒนาสื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยี เพ่ือ การศึกษา พร้อมท้ังให้มีการจัดตั้งเครือข่ายทางวิชาการ ชมรมวิชาการเพอ่ื เปน็ แหล่งเรยี นรู้ของสถานศกึ ษา 3) พัฒนาและใช้ส่ือและเทคโนโลยีทางการศึกษาโดยมุ่งเน้นการพัฒนาส่ือและเทคโนโลยีทางการ ศึกษาที่ให้ข้อเท็จจริงเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้น โดยเฉพาะหาแหล่งสื่อที่เสริมการจัดการศึกษา ของ สถานศกึ ษาให้มปี ระสิทธิภาพ 4) พฒั นาห้องสมุดของสถานศกึ ษาให้เปน็ แหล่งการเรยี นรขู้ องสถานศกึ ษาและชุมชน 5) นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ านของบุคลากรในการจดั หา ผลติ ใช้และพฒั นาสือ่ และ เทคโนโลยที างการศกึ ษา
17 18. การรบั นักเรียน หนา้ ที่รบั ผิดชอบปฏิบตั งิ านดงั น้ี 1) ให้สถานศึกษาประสานงานการดาเนินการแบ่งเขตพ้ืนที่บริการการศึกษาร่วมกัน และเสนอ ขอ้ ตกลงให้เขตพน้ื ท่ีการศึกษาเห็นชอบ 2) กาหนดแผนการรบั นกั เรียนของสถานศกึ ษา โดยประสานงานกบั เขตพื้นท่ี การศึกษา 3) ดาเนินการรบั นกั เรียนตามทแ่ี ผนกาหนด 4) รว่ มมอื กบั องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน ในการติดตามชว่ ยเหลือนกั เรียนท่ีมปี ัญหาในการ เข้าเรยี น 5) ประเมินผลและรายงานผลรับเด็กเขา้ เรียนให้เขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาทราบ 19. การจัดทาสามะโนนักเรยี น มีหนา้ ท่รี ับผดิ ชอบปฏบิ ัตงิ านดงั น้ี 1) ประสานงานกับชุมชนและท้องถิ่นในการสารวจข้อมูล จานวนนักเรียนที่จะเข้ารับบริการ ทางการศึกษาในเขตบรกิ ารของสถานศึกษา 2) จดั ทาสามะโนผู้เรียนท่ีจะเขา้ รับบริการทางการศกึ ษาของสถานศกึ ษา 3) จัดระบบข้อมลู สารสนเทศจากสามะโนผเู้ รยี นใหเ้ ขตพื้นที่การศึกษารับทราบ 20. การทศั นศกึ ษา มีหนา้ ทรี่ บั ผิดชอบปฏิบัติงานดงั น้ี 1) วางแผนการนานกั เรียนไปทัศนศกึ ษานอกสถานศกึ ษา 2) ดาเนินการนานกั เรยี นไปทศั นศกึ ษานอกสถานศกึ ษา ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่ี กาหนด
18
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: