เรื่องนี้ลึกลับ ถ้าพูดด้วยมุมมองของนักพันธุกรรมศาสตร์ ความรู้สึก ‘กลัว’ นี้คงฝังมาในยีน เหมือนกับที่คนจำ�นวนมากกลัวงู กลัวความสูง กลัวความมืด เวลานั้นผมไม่แน่ใจว่าผีมีจริงหรือไม่ แต่ก็กลัวผีตามเพื่อนและบรรยากาศ มาวิเคราะห์ตัวเองตอนโตก็เชื่อว่า ไม่ได้กลัวผี แต่กลัวความมืดมากกว่า อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณกลัวความมืดคงฝังในยีนไปแล้ว ถึงทุก วันนี้ก็ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นพวกไม่ประหยัดไฟฟ้า ยามค่ำ�คืนเปิดไฟสว่าง ตลอด! จากหมู่บ้านผีสิงถึงประเทศผีสิง แม้ชีวิตวัยเด็กเป็นคนกลัวผี แต่ผมกลับเขียนเรื่องผีมา หลายเรื่อง! ผมจับพลัดจับผลูเขียนเรื่องผีโดยบังเอิญ สมัย บ้านเกิดของผมเป็นตึกแถวเก่า หลังคาสังกะสี ผนังไม้ พื้นไม้หยาบไม่เรียบ วยั รุน่ ผมคลัง่ ไคลก้ ารเขยี นนยิ ายภาพมาก ซุม่ เขยี นนยิ าย เวลาเดินไม่ระวังจะสะดุด สร้างอย่างประหยัดที่สุดจนไม่มีเงินจ้างช่างไม้ไสพื้น ภาพอยู่เรื่องสองเรื่อง เป็นนิยายภาพแนวไซไฟ เมื่อเอา ให้เรียบ เพดานสูงมากจนบางครั้งมีค้างคาวมาขออาศัยด้วย ด้วยฐานะที่ต้อง ไปเสนอให้สำ�นักพิมพ์หลายแห่ง ก็ไม่มีใครซื้อ สมัยนั้น ประหยัดเงินเต็มที่ สมาชิกในครอบครัวจึงไม่เปิดไฟหากไม่จำ�เป็น ห้องที่ผม นายทุนยังไม่รู้จักไซไฟ ผมรู้สึกห่อเหี่ยว ผู้จัดการสำ�นัก ใชน้ อนและอา่ นหนงั สอื ตดิ ไฟดวงเดยี ว สวติ ชไ์ ฟเจา้ กรรมกซ็ อ่ นอยูส่ ดุ ทางเดนิ พิมพ์แห่งหนึ่งแนะนำ�ผมให้เขียนเรื่องผีแทน เพราะ ต้องเดินลุยฝ่าความมืดไปเปิด ระยะทางมืด ๆ ยี่สิบกว่าก้าวนั้นคือฝันร้ายของ “ตลาดต้องการแต่เรื่องผี” ผมในวยั เดก็ จนอายมุ ากขึน้ แลว้ กไ็ มเ่ คยชอบการเดนิ ฝา่ ความมดื ไปเปดิ ปดิ ไฟ ด้วยความอยากมีผลงานตีพิมพ์ ผมก็ลงมือเขียน ในสมัยนั้นไฟฟ้าดับบ่อย จึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกบ้านจุดตะเกียงหรือ เรื่องผี ผลลัพธ์คือ หมู่บ้านผีสิง* หนา 24 หน้า เขียนอยู่ เทียนไขแทนหลอดไฟ เวลาไฟดับที ทั้งเมืองกลายเป็นเมืองปิศาจจมในความ นานทีเดียว ได้รับการตีพิมพ์ทันทีด้วยค่าเรื่อง 400 บาท มืด สภาพแวดล้อมแบบนั้นชวนให้กลัวผีได้โดยง่าย หลังจากนั้นผมก็เขียนนิยายภาพผีอีกหลายเรื่อง ใช่ ตอนเด็ก ๆ ผมเป็นคนกลัวผี! เช่น พรายสมิง, คฤหาสน์มรณะ, คัมภีร์มรณะ เป็นต้น ความกลัวผีมิใช่มาจากความเชื่อว่าผีมีจริง แต่เกิดจากความรู้สึกว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องแนวผีตาโบ๋หลอกคนตามโจทย์ของ นายทุน เวลานั้นบ้านเรามีนักเขียนนิยายภาพเรื่องผี 6 ประเทศผีสิง จำ�นวนมากมาย ผลิตนิยายผีเล่มละบาทนับไม่ถ้วน เรื่อง ในตลาดตอนนั้นใช้องค์ประกอบเดิม ๆ ที่คนไทยคุ้นเคย คือ ผี, วิญญาณ, หมอผี, ป่าช้า, สายสิญจน์, ลูกประคำ�, * รายละเอียดและตัวอย่างงานอยู่ในหนังสือ เดินไปให้สุดฝัน วินทร์ เลียววาริณ 7
เครื่องรางกันผี, เสียงหมาหอน, ใบหนาด ฯลฯ ส่วนใหญ่มักใช้ฉากกลางคืน นานปีหลังจากบ้านเกิดของผมถูกรื้อเพราะความเก่าของมัน ตึกแถวหลังคา ป่าช้า บ้านผีสิง แนวเรื่องก็หนีไม่พ้นผีหลอกคน ผีสิงคน ผีทำ�ร้ายคน สารพัด สังกะสีหายไปจากโลก และผมเลิกเชื่อเรื่องผีไปแล้ว ผมพบว่าโลกไม่ได้สว่าง บ้างก็เขียนเรื่องผีแบบไทย ๆ ในเวอร์ชั่นใหม่ เช่น นางนาก ผีตะเคียน ซ้ำ� ๆ กวา่ เดมิ บ้านเมอื งทีผ่ มอยู่อาศัยตอนนีก้ ย็ ังมืดอยู่ ระยะทางมืด ๆ ยีส่ บิ กว่าก้าว ซาก ๆ ล้วนเป็นเหล้าเก่าในขวดเก่า ที่เคยเป็นฝันร้ายของผมในวัยเด็กก็ยังคงดำ�รงอยู่ แต่ในอีกรูปหนึ่ง ผมเขียนเรื่องผีแบบนี้ได้ไม่กี่ปีก็เลิก ไม่มีประโยชน์ที่จะเขียนเรื่องที่ คาร์ล เซเกน เขียนในหนังสือ The Demon-Haunted World: ตัวเองไม่เชื่ออีกต่อไป Science as a Candle in the Dark (1995) ทำ�นองว่า โลกเราจมในความ อย่างไรก็ตาม เหมือนมีอะไรที่ยังตะหงิดใจผมอยู่ หากพูดด้วยภาษา มืดมิดของผี เชื่อในวิทยาศาสตร์เทียม เชื่อโดยไม่วิเคราะห์ไตร่ตรอง ทั้งระดับ นิยายผีก็คือเป็น ‘เรื่องที่ยังทำ�ไม่เสร็จก่อนตาย’ (unfinished business) คนทีไ่ มไ่ ดร้ บั การศกึ ษาในโรงเรยี นไปจนถงึ คนทีไ่ ดร้ บั การศกึ ษาในโรงเรยี น สง่ ทำ�ให้วิญญาณไม่ยอมไปผุดไปเกิด ผมเชื่อว่าเราน่าจะเขียนเรื่องผีที่ดี หรือไป ผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ ทำ�ให้มองไม่ทะลุ ไม่มองการณ์ไกล ยากจะพัฒนา ถึงขั้นเรื่องผีที่พอมีคุณค่าทางวรรณกรรมได้ โดยไม่ต้องตามใจนายทุน เรามี ‘The Demon-Haunted Countries’ มากมายทุกมุมโลก คน ในความจรงิ แล้ว นยิ ายผี นิยายสยองขวัญเป็นเพยี งแนวหนึง่ ของนยิ าย ที่ถูกผีสิงมีตั้งแต่คนด้อยโอกาส คนมีโอกาส คนเรียนสูง ๆ มันเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความคิดต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับนิยายตระกูลอื่น ๆ มองไปรอบตัว สังคมบ้านเราในเวลานี้ก็เหมือนโลกของคนตาย เราถูก หรือเป็น ‘เหล้าใหม่ในขวดเก่า’ ได้ หอ้ มลอ้ มดว้ ย ‘ผ’ี ทีค่ อยหลอกหลอนเราดว้ ยลทั ธติ า่ ง ๆ เรามี ‘ผ’ี ทกุ ประเภท เรื่องผีก็คือนิยายแฟนตาซีชนิดหนึ่งนั่นเอง และแฟนตาซีเป็นเครื่องมือ ผีคอร์รัปชั่น ผีดูดเลือด ฯลฯ ดูเหมือนโลกของมนุษย์ อย่างหนึ่งที่เราใช้เสนอแนวคิดหรือสะท้อนสังคมได้ไม่ต่างจากเครื่องมืออื่น ๆ น่ากลัวกว่าโลกของผีเสียอีก เราเดินงมไปเรื่อย ๆ ไม่ว่านิยายไซไฟ, นิยายนักสืบ, นิยายรัก ฯลฯ ในความมืด ไม่รู้ว่าจะได้ไปผุดไปเกิดหรือไม่ ผมชอบองค์ประกอบของเรื่องผี มันมีองค์ประกอบของความลึกลับ ไม่รู้ว่าจะเห็นแสงสว่างเบื้องหน้าหรือไม่ ตื่นเต้น ไม่ต่างจากองค์ประกอบของนิยายวิทยาศาสตร์ ดังนั้นแม้ผมจะเลิกกลัวผีแล้ว และไม่เชื่อการดำ�รงอยู่ของผี แต่ก็อยาก วินทร์ เลียววาริณ 9 ลองใช้นิยายแนวนี้นำ�เสนอเรื่องโดยมีจุดหมายเดียวกับการเขียนงาน วรรณกรรม แต่ไม่ใช่ด้วยเจตนาทำ�ให้คนอ่านเชื่อเรื่องผี ผมได้ลองเขียนงานในลักษณะนี้แล้วในเรื่องสั้น เรื่องของผมกับพ่อ ในชุด สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน แต่ยังไม่ได้ลองเขียนเรื่องที่มีกลิ่นอายผีมากกว่า นั้น จนเพื่อนนักเขียน ขจรฤทธิ์ รักษา ทำ�หนังสือ รวมเรื่องสั้นชุด คนหลงที่ ผีหลงทาง ในปี 2544 ผมจึงได้ลงมือเขียนเรื่องที่เป็นผีมากขึ้น แต่เจตนา ยังเหมือนกับการเขียนวรรณกรรม และสามารถใช้เรื่องของ ผีสะท้อนเรื่องของคน ถือว่าเป็นการทดลองอีกครั้งหนึ่ง 8 ประเทศผีสิง
แต่บางทีเห็นแสงสว่างแล้ว เดินนานแสนนานก็ไม่ถึงสักที วินทร์ เลียววาริณ 11 และนี่คือแก่นของหนังสือเล่มนี้ รวมเรื่องสั้นชุด ประเทศผีสิง นี้ไม่ใช่นิยายผีแบบฉบับที่นายทุนเมื่อ สี่สิบปีก่อนต้องการแน่นอน ไม่ใช่แนวผีตาโบ๋หลอกคน ไม่ใช่แนวสยองขวัญ มันเข้าข่ายเรื่องลึกลับมากกว่า แม้จะใช้องค์ประกอบของเรื่องผี เช่น วิญญาณ, การเข้าสิง, การเข้าทรง, เสียงหมาหอน ฯลฯ สารพัด แต่เจตนาของเรื่องไม่ใช่ ทำ�ให้คนอ่านเกิดอาการสยองขวัญ นั่นสินะ! คนกลัวผีจะเขียนเรื่องผีน่ากลัวได้อย่างไร! สรุปก็คือหนังสือเล่มนี้ไม่ตอบสนองความต้องการของ ผู้อ่านที่คาดหวังเรื่องสยองขวัญขนหัวลุก เพราะมันเป็นเรื่องที่มี แต่กลิ่นของผี แต่ไม่มีฉากผีตาโบ๋ไล่หลอกหลอนคน ใครอ่าน หนังสือเล่มนี้แล้วขนลุก แสดงว่าเป็นพวกขวัญอ่อนจริง ๆ! ประเทศผีสิง เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นแปดเรื่อง และ แถมพกนวนิยายขนาดสั้นมาเรื่องหนึ่งคือ นาฬิกาทราย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเขียนร่างไว้มาตั้งแต่เริ่มเขียนหนังสือ ใหม่ ๆ ขอขอบคุณ : ปรสิ นา บญุ สนิ สุข บรรณาธิการ, อาจารย์จงจติ -ศุภกิจ นมิ มานนรเทพ ผ้ตู รวจตน้ ฉบบั , จิตรา กอ่ นนั ทเกียรติ สำ�หรบั ขอ้ มูล และ นฤมล สกุลคีรีวัฒน์ ผชู้ ว่ ย ประสานงาน และขอบพระคุณพี่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สำ�หรับบทกวี ไม่ฟัง หวังว่าผู้อ่านได้รับความบันเทิงตาม สมควร วินทร์ เลียววาริณ สิงหาคม 2556 10 ประเทศผีสิง
เทวดาประจำ�ตัว ขับรถกระบะ... เสียงผู้หญิงดังขึ้นใกล้ ๆ “คุณหมอคะ เขาฟื้นแล้วค่ะ” เท้าขวาเหยียบคันเร่งจนสุด เข็มความเร็วกระดิกถึงเลข 120 รถกระบะทะยาน ครู่เดียวชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าผม สวมชุดขาวและแว่น ออกไปราวกับจรวด ตุ๊กตารูปหมีหน้าคอนโซลแกว่งไปมา เมื่อถึงสี่แยกแห่ง สายตา ท่าทางคงแก่เรียน คนเป็นหมอเอ่ยว่า “คุณอุดมรู้สึกยังไงบ้างครับ?” หนึ่ง ไฟเขียวเปลี่ยนเป็นไฟแดง รถกระบะพุ่งผ่าสี่แยกไป เห็นร่างชายคนหนึ่ง ผมตอบ “ผมรู้สึกสบายดี คนที่ผมขับรถชนเป็นอะไรหรือเปล่า?” กำ�ลังข้ามทางม้าลาย ได้ยินเสียงล้อรถเบียดถนนกับเสียงปะทะดังสนั่นหวั่น “รถชน? เปล่านี่ครับ คุณไม่ได้ขับรถ” ไหว ร่างชายคนนั้นปลิวกระเด็นไปขณะที่รถกระบะหมุนคว้าง ตัวรถครูดกับ “ผมขับรถกระบะชนคน...” เสาไฟฟ้าไถลไปชนกระจกร้านอาหารเยากี่โภชนาที่หัวมุมตึกแถวสามชั้นแล้ว หมอยิ้มน้อย ๆ จอดแน่นิ่งตรงจุดนั้น “สงสัยว่าคุณฝันไปละมั้ง! คุณอาจมึนจากฤทธิ์ยาผ่าตัด” กอ่ นความรูส้ กึ ดบั หายไป ผมเหน็ รปู ถา่ ยทีต่ ดิ หนา้ คอนโซลรถ รปู ผูห้ ญงิ “ผ่าตัดอะไร?” คนหนึ่งกอดเด็กหญิงชุดสีชมพูคนหนึ่ง... “ผ่าตัดหัวใจไง คุณได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ทุกอย่างเรียบร้อย ความมดื กลายเปน็ ความเรือ่ เรอื ง ผมลมื ตาขึน้ แสงสวา่ งราง ๆ อาบคลมุ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน” ผม ได้ยินเสียงกึกกักบางอย่าง ผมหันไปที่ต้นเสียง จึงรู้ว่าเป็นเสียงใบพัดของ ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ? ผมผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจตั้งแต่เมื่อไร? หน้ากากเครื่องปรับอากาศในห้องกระทบกัน “ผมขับรถชนตึกแถวจนบาดเจ็บหนักถึงกับต้องเปลี่ยนหัวใจเชียวหรือ ผมมองตัวเอง ผมสวมชุดสีขาวนอนบนเตียง มองไปรอบตัว เครื่องมือ ครับ?” หลายชิ้นข้างเตียง นี่คือโรงพยาบาล ผมแตะผ้าพันแผลที่หน้าอก คงเป็นการ “เปล่า คุณไม่ได้ขับรถชนอะไร คุณเป็นโรคหัวใจ มานอนที่โรงพยาบาล บาดเจ็บจากรถชน แต่... ผมขมวดคิ้ว บางอย่างไม่ถูกต้องแน่นอน ผมไม่เคย นี้ได้สองอาทิตย์แล้ว อาการคุณไม่ค่อยดีจนเข้าขั้นโคม่า เมื่อวานนี้เราเปลี่ยน หัวใจใหม่ให้คุณ คุณจึงรอดชีวิต...” 128 ประเทศผีสิง ความจำ�ของผมกลับคืนมาแล้ว ผมไม่เคยขับรถกระบะไปที่ไหน ผมแค่ ฝันไปเท่านั้น ผมป่วยด้วยโรคหัวใจมาหลายปีแล้ว หมอบอกว่า ถ้าไม่ได้หัวใจ ใหม่ผมต้องตาย ผมเป็นอาจารย์คณะรฐั ศาสตร์มหาวิทยาลัยแหง่ หนึง่ ชว่ งปที ีผ่ า่ นมาผม สอนหนังสือแล้วเหนื่อยหอบเป็นประจำ� บางวันหายใจขัด ๆ จนใบหน้าซีดเขียว ผมรอคอยหัวใจของผู้บริจาคมานานจนปลงตก โอกาสที่จะได้หัวใจใหม่ริบหรี่ ลงเรื่อย ๆ เมื่อเดือนก่อนผมล้มลงสิ้นสติ พี่สาวพาผมมาที่โรงพยาบาลอำ�รุงเวช ผมรู้สึกไม่สบายอย่างหนัก ผมเชื่อว่าตนเองคงไม่รอดแน่ ผมเพิ่งรู้ว่าผมเข้าสู่ สภาวะโคม่า ฝันว่าผมขับรถกระบะชนใครคนหนึ่ง และหมอได้ตัดสินใจผ่าตัด เปลี่ยนหัวใจใหม่ให้ผม วินทร์ เลียววาริณ 129
ผมรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก อาการหายใจขัดหายไปแล้ว หัวใจใหม่ทำ�งาน ที่มุมหนึ่งของสี่แยกมีตึกแถวสามชั้นเป็นร้านอาหาร ชื่อร้านเยากี่โภชนา อย่างสมบูรณ์ ไม่น่าเชื่อ ปาฏิหาริย์มีจริง! ผมมองจุดนั้นเนิ่นนานจนรถคันหลังกดแตรไล่ ผมจอดรถข้างทาง เดิน ผมหลับตา ในที่สุดก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย คราวนี้ผมไม่ได้ฝัน ตรงไปที่ร้านอาหาร ผมเคยมาที่นี่ในความฝัน ในคืนที่ผมนอนโคม่า ผมเดินเข้าไปในร้าน ถามเจ้าของร้านว่า “เมื่อหลายเดือนก่อน ที่นี่เคย อาการของผมดีวันดีคืน ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์หมอถามผม “รู้สึกยังไงบ้าง?” เกิดอุบัติเหตุรถชนไหมครับ?” “ดีมาก ผมไม่ได้รู้สึกสดชื่นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว เหมือนเกิดใหม่” เจ้าของร้านตอบ “ใช่ครับ วันที่ 15 กันยายน ตอนสามทุ่ม รถกระบะคัน “คุณก็เกิดใหม่จริง ๆ เพราะคืนนั้นอาการคุณเข้าขั้นโคม่า เราคิดว่า นงึ ชนคนบนทางมา้ ลาย แลว้ พุง่ มาชนรา้ นผม กระจกแตกทัง้ บาน โชคดนี ะทีป่ ดิ คุณไม่รอดแล้ว ตอนสามทุ่มตรงหัวใจคุณหยุดไปครู่หนึ่ง แต่แล้วมันก็เต้น ร้านไปแล้ว ไม่งั้นคงมีคนตายมากกว่านี้” ใหม่ คืนนั้นเราได้รับแจ้งมาว่ามีหัวใจที่ตรงกับคุณพอดี พี่สาวคุณเซ็นอนุญาต “ใครตายครับ?” เราจึงผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้คุณ” “ทั้งคนขับรถและคนข้ามถนน คนขับไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หัวกระแทก “ใครบริจาคหัวใจให้ผมครับ?” ถูกกระจกรถตาย ส่วนคนข้ามถนนก็ไม่รอด ซวยจริง ๆ ผมต้องซ่อมร้านใหม่ “เราบอกไม่ได้ เป็นนโยบายของโรงพยาบาล เจ้าของหัวใจเสียชีวิต แล้วทำ�บุญล้างซวยอีก โชคดีที่มีประกัน แต่ก็ขายของไม่ได้ไปอาทิตย์นึง” ตอนสี่ทุ่มที่โรงพยาบาลนี้ ภรรยาของเขาอนุญาตให้เรานำ�หัวใจสามีเธอไปใช้ “คนข้ามถนนตายคาที่หรือครับ?” และมันเข้ากันได้พอดีกับคุณ” “เปล่า เขาไปตายที่โรงพยาบาลอำ�รุงเวช” “ผมอยากขอบคุณญาติของเขา” ผมขนลุกเกรียว ผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อนในชีวิตอย่างแน่นอน เป็น “ไม่จำ�เป็นหรอกครับ มันเป็นนโยบายของโรงพยาบาลที่จะไม่เปิดเผย ไปได้อย่างไรที่ผมฝันถึงที่นี่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง? หมอบอกว่าหัวใจของผม ชื่อผู้บริจาคอวัยวะ” หยุดเต้นไปครู่หนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ที่ผมมาเยือนที่นี่ในรูปของจิตหรือ ผ่านไปอีกสัปดาห์ ผมก็ออกจากโรงพยาบาล เดือนถัดมาผมก็ไปสอน วิญญาณ? หนังสือตามเดิม ไม่มีอาการเหนื่อยหอบอีกแล้ว ชีวิตดำ�เนินไปตามปกติด้วย ผมแวะเข้าห้องสมุดมหาวิทยาลัย หาหนังสือพิมพ์ย้อนหลังไปในวันที่ ของขวัญที่ผมได้รับจากสวรรค์ หัวใจใหม่เข้ากับผมเหมือนเกิดมาด้วยกัน ผม 15 กันยายน ผมพบข่าวที่ผมกำ�ลังหาในที่สุด รูส้ กึ ตืน้ ตนั ใจ แตล่ ะวนั ผมมองโลกดว้ ยสายตาคูใ่ หม่ ชวี ติ ของผมเหมอื นท�ำ ของ เกิดอุบัติเหตุที่สี่แยกท่าพระจริง รถกระบะคันหนึ่งชนคนข้ามถนนตาย หาย และมีคนนำ�มาคืนให้ คนขับรถกระบะชื่อ ศรัญ เอกศร ตายคาที่ ส่วนคนข้ามถนนชื่อ จรัญ เทียนธง บาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอำ�รุงเวช คนไข้สิ้นใจเวลาสี่ทุ่ม ผม วันหนึ่งผมไปสัมมนาวิชาการที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ณ ชานเมืองกรุงเทพฯ นึกถึงคำ�พูดของหมอที่ว่า เจ้าของหัวใจเสียชีวิตตอนสี่ทุ่มที่โรงพยาบาลเดียว หลังจบการสัมมนา ผมขับรถกลับและหลงทางไปถึงสี่แยกท่าพระ ผมไม่เคย กับผม มาแถวนี้ของกรุงเทพฯ แต่ผมรู้สึกว่ารู้จักที่นี่ดี เมื่อรถจอดติดไฟแดงที่สี่แยก ผมจำ�ได้ว่าหมอบอกว่าหัวใจผมหยุดเต้นตอนสามทุ่ม ตรงกับเวลาที่ นัยน์ตาผมก็เบิกกว้าง เกิดอุบัติเหตุ ผมได้รับการผ่าตัดในคืนนั้น เป็นไปได้ไหมว่า จรัญ เทียนธง คือ เจ้าของหัวใจใหม่ของผม? 130 ประเทศผีสิง ผมตรวจสอบทะเบียนราษฎร์หาชื่อ ศรัญ เอกศร และ จรัญ เทียนธง วินทร์ เลียววาริณ 131
จนได้ที่อยู่แล้วไปหาทั้งสองบ้านนั้น คืนนั้นเกิดอะไรไม่ทราบทำ�ให้เกิดอุบัติเหตุ ตำ�รวจก็บอกเพียงว่าคนขับคงง่วง แล้วหลับใน แต่สามีฉันไม่เคยมีประวัติหลับในเลย” บ้านของ ศรัญ เอกศร คนขับรถกระบะ เป็นตึกแถวสามชั้นในซอยแห่งหนึ่งที่ ถนนเกษตร-นวมินทร์ สายตาผมหยุดที่รถกระบะคันหนึ่งซึ่งจอดหน้าบ้าน ที่ บา้ นของครอบครวั ของ จรญั เทยี นธง อยูท่ ีม่ นี บรุ ี บา้ นสองชัน้ ขนาดเลก็ ปกคลมุ กระจกหน้าและหลังรถติดประกาศขาย ผมคุ้นตารถคันนี้อย่างยิ่ง มันคือรถที่ ด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย เป็นบ้านที่ดูอบอุ่นน่าอยู่ ผมขับในความฝันคืนนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาที่ประตูรั้ว หล่อนมองหน้าผม ประตูเหล็กม้วนตึกแถวปิดอยู่ ผมกดกริ่ง ผู้หญิงคนหนึ่งมาเปิดประตู “ผมขอโทษที่มารบกวน ที่นี่เป็นบ้านของคุณจรัญ เทียนธง ใช่ไหม สวมเสื้อคอกระเช้าสีขาว ใบหน้าเรียบ ๆ ไม่ประทินโฉม ครับ?” ผมนกึ ไมอ่ อกวา่ จะเร่มิ เรือ่ งอยา่ งไร อ้�ำ อึง้ ไปชัว่ ขณะกบ็ อกวา่ “รถกระบะ “ค่ะ” หน้าบ้านขายใช่มั้ยครับ” “คุณคือภรรยาของเขา?” “ค่ะ” “ค่ะ ฉันชื่อ ยุวดี เทียนธง คุณมีธุระอะไรหรือคะ?” ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็เข้าไปนั่งภายในรถ สายตาผมหยุดที่ตุ๊กตาหมีที่ ผมแนะนำ�ตัวเอง “ผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ผมขอโทษถ้าสิ่งที่ผม แขวนหน้าคอนโซล ผมขนลุกเกรียว นี่คือรถคันที่ผมขับในความฝันแน่นอน กำ�ลังจะพูดอาจกระทบกระเทือนจิตใจคุณ” ผมไม่เห็นรูปถ่ายผู้หญิงคนหนึ่งกอดเด็กหญิงชุดสีชมพูคนหนึ่ง เชื่อว่าเป็น “เรื่องอะไรหรือคะ?” รูปถ่ายของหล่อนกับลูกสาว หล่อนคงเก็บรูปถ่ายส่วนตัวใบนั้นไปแล้ว “ผมสงสัยว่าผมจะเป็นคนที่ได้รับหัวใจของสามีคุณ” ผมถาม “ปกติใครเป็นคนขับรถคันนี้ครับ?” หล่อนเงียบไป “สามีฉันเองค่ะ” “คุณรู้ได้ยังไงคะว่าเป็นหัวใจของสามีฉัน?” “แล้วทำ�ไมจึงขายล่ะครับ?” “เพราะหมอบอกผมว่าผู้บริจาคหัวใจให้ผมเป็นคนไข้ของโรงพยาบาล “เขาตายไปแลว้ คะ่ ฉนั เองไมข่ บั รถ กเ็ ลยประกาศขาย อกี อยา่ งกจ็ ะยา้ ย ที่ผมรักษาตัวอยู่ เขาตายตอนสี่ทุ่ม ผมตรวจข่าวแล้วพบว่าคนที่ประสบ ไปอยู่ต่างจังหวัด” อุบัติเหตุที่สี่แยกท่าพระแล้วไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลคือสามีคุณ” “ราคาต่ำ�ขนาดนี้ ทำ�ไมยังไม่มีใครซื้อล่ะครับ?” “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าสามีฉันถูกรถชนที่สี่แยกนั้น?” “บอกตรง ๆ ก็คือสามีฉันเกิดอุบัติเหตุตายในรถคันนี้” “เรื่องมันยาว” ผมยิ้ม ผมเล่าเรื่องประหลาดที่ผมตายแล้วฝันว่าเห็นอุบัติเหตุนั้นให้หล่อนฟัง “ทำ�ไมคุณบอกผม? ไม่กลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจไม่ซื้อหรือครับ?” สีหน้าหล่อนไม่มีแววตกใจอย่างที่ผมคาด หล่อนกล่าวว่า “มันอธิบายหลาย “ฉันไม่เคยโกหกใครในชีวิตค่ะ รถคันนี้สภาพยังดี ถึงจะเกิดอุบัติเหตุ เรื่องที่ฉันสงสัย คืนนั้นสามีฉันสิ้นลมไปแล้ว หมอบอกว่า แปลก เขาหมดลม แต่ซ่อมแล้วก็ยังดีอยู่” แล้ว แต่หัวใจยังเต้นอยู่ หมอว่าหัวใจของเขาแข็งแรงมาก น่าเสียดายที่ต้อง “คุณเป็นคนที่ซื่อสัตย์ดีมาก ว่าแต่ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ?” เสียมันไป ฉันบอกหมอว่า ถ้ามีคนไข้ที่ต้องการหัวใจ ก็รับไปเถอะค่ะ เพราะ “สามีฉันเป็นคนขับรถดี ระมัดระวัง ไม่เคยผิดกฎจราจร ไม่กินเหล้า สามีฉันเคยเปรยว่าอยากจะบริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล หมอว่ามีคนไข้คน 132 ประเทศผีสิง วินทร์ เลียววาริณ 133
หนึ่งต้องตายในคืนนั้นถ้าไม่ได้หัวใจใหม่ ฉันบอกว่า งั้นยกให้เขาก็แล้วกัน ถ้า วินทร์ เลียววาริณ 135 เขาใช้ได้ ก็ถือว่าเป็นบุญกุศลต่อสามีฉัน ปรากฏว่าหัวใจของเขาเข้ากันได้กับ คนไข้รายนั้นพอดี ราวกับว่าสวรรค์เบื้องบนต้องการอย่างนั้น ฉันจึงไม่แปลก ใจนักที่คุณเล่าว่าตายไปแล้วเห็นอุบัติเหตุที่สี่แยกนั้น” ผมยกมือไหว้หล่อน “ผมขอบคุณที่คุณมีเมตตาต่อชีวิตผม” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณเป็นคนที่สวรรค์เบื้องบนเลือก” หล่อนนิ่งไป “แล้วหัวใจคุณทำ�งานดีไหมคะ?” “ดีมากครับ ทุกอย่างเหมือนคนปกติ” “สามีฉันเป็นคนดี ทำ�งานเพื่อสังคมมาโดยตลอด เขาทำ�งานกับพวก เอ็นจีโอ อนุรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม เขาฝันอยากสร้างสังคมที่ดีที่สุดเพื่อคน รุ่นใหม่ ฉันหวังว่าคุณจะทำ�เรื่องดี ๆ ตามที่สามีฉันเคยทำ�” ผมลาครอบครัวนั้นมา ใจหนักอึ้ง ผมยิ่งรู้สึกผิด สัญชาตญาณหรือ ประสาทสัมผัสของผมบอกว่าผมมีส่วนในความตายของ จรัญ เทียนธง ความคิดของผมโลดแล่นห้ามไม่อยู่ เป็นไปได้ไหมว่าผมตายไปแล้ว ในคืนนั้น วิญญาณของผมไปสิงร่าง ศรัญ เอกศร แล้วขับรถคันนี้ไปชน จรัญ เทียนธง ผมเป็นต้นเหตุของการชนและทำ�ให้ทั้งสองตายเพื่อที่ผมจะได้รับ หัวใจใหม่ (อ่านต่อใน ประเทศผีสิง) 134 ประเทศผีสิง
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: